คิดยังไงกับเนชั่นสุดสัปดาห์สองปกนี้ครับ
#1
ตอบ 1 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 20:04
คิดยังไงลองมาแชร์กันครับ
#2
ตอบ 1 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 20:06
#3
ตอบ 1 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 20:09
Edited by เมารัก, 1 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 20:10.
#4
ตอบ 1 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 20:12
จะไม่แปลกใจเลยถ้าเป็นภาพและพาดหัวจากมติชนสุดสัปดาห์ แต่นี่...
คิดยังไงลองมาแชร์กันครับ
ปกนายกฯ ปู เมื่อสัปดาห์ ที่แล้ว เขียนเรื่องเกี่ยวกับ ว.5 โฟร์ซีซั่นส์ ส่วนปกที่จะวางพรุ่งนี้ คุณอภิสิทธิ์ ดูดน้ำโค้ก เกี่ยวกับปฏิญญาหาดใหญ่ ที่เป็นข่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ปลุกม็อบต้านแก้รธน.
#5
ตอบ 1 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 20:15
#6
ตอบ 1 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 20:16
ผ่านไปที่แผงก็ได้รับสารไปแล้ว
#7
ตอบ 1 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 20:22
ปกพี่หมากเหมือนแดกดันเรื่องรายการสายล่อฟ้า (รูปที่เลือกมาก็เป็นรูปที่ดูไม่ค่อยดีด้วย)
ไมรู้ว่าเนื้อในเป็นยังไงขอรอดูต่อไปละกัน
#8
ตอบ 1 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 20:32
------------------------------------------------------------------------------
เมื่อเช้าน้องสาวคนนึงตั้งข้อสังเกตกับปกเนชั่นสุดสัปดาห์ขึ้นมา
ตอนเย็นพอจะว่าง เลยขอต่ออีกหน่อย
...
ถ้าปกนี้ พาดหัวแบบนี้ คือมติชนสุดสัปดาห์ จะไม่แปลกใจเล้ย
คำถามคือ เนชั่นเค้าพยายามจะสื่อสารอะไรครับ ?
สาวหน้าสวยที่กำลังยิ้มร่า กับพาดหัวว่า "ไม่ร้องไห้ ไม่ใช่ไม่เจ็บ"
เธอน่าสงสาร กำลังเจ็บ ...หรือเพราะโดนใครรังแก ?
หนุ่มหน้ายู่ดูดโค้กในอีกปกต่อมากับคำว่า "ปฎิญญาสายล่อฟ้า"
กำลังจะบอกว่า เค้าคือหัวโจก คือคนที่อยู่เบื้องหลังรึเปล่า ?
นี่คือ point ที่ต้องการนำเสนอรึเปล่าครับ? เพื่ออะไร ? ทำไม ?
ใครตอบได้มั่งครับ
ทำไมไม่เน้นไปที่ประเด็นหลักที่เค้าถามล่ะครับ...
ว่ามีอะไรเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ทำไมต้องทำให้ลึกลับ
ทำไมต้องหลบๆซ่อนๆ ทำไมต้องโกหกกัน
ไปเล่นตามเกม ตามสคริปต์ของพรรคเพื่อไทย...ทำไมครับผม?
------------------------------------------------------------------------------
#9
ตอบ 1 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 20:37
สงสัยตอนนี้ เสื้อแดง แรงตกมาก เลยต้องเอามันทุกสื่อ
จากที่เคยปล่อยไว้ เลยต้องเข้ามาบีบให้มากขึ้นกว่าเดิม
#10
ตอบ 1 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 20:41
#11
ตอบ 1 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 20:56
แล้วจะเสียเงินไปซื้อ เพื่ออ่านสิ่งที่คนอื่นมาเขียนบ่นเรื่อยเปื่อยไปเพื่อ ?
เดินผ่านก็ดูปกแบบผ่านๆเท่านั้น ไม่ได้ซื้อมานานหลายปีแล้ว
#12
ตอบ 1 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 21:07
#14
ตอบ 1 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 21:21
จะถุกหรือผิด จะตรงกับเนื้อหาข้างในหรือไม่ อาจจะไม่ใช่ประเด็น
เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนที่เดินผ่านแผงจะได้อ่านข้างใน แต่เค้าเสพเนื้อหา
จากปกไปเรียบร้อยแล้ว ...มันทำหน้าที่เหมือนโปสเตอร์นะครับ
อย่างที่ผมบอกแหละครับเหมือนพาดหัวตัวไม้ของ นสพ.รายวัน คนเดิน
ผ่านแผงแว่บเดียวก็รับสารไปแล้ว
#15
ตอบ 2 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 08:13
พร้อมกับพาดหัวข่าวว่ามารค์ขายชาติ หวังว่าเนชั่นคงจะไม่เจริญรอยตาม
จะว่าไปเรทติ้งสายล่อฟ้า ทำให้ช่องเนชั่นสะเทือนไปด้วย
ใครอยู่เบื้องหลังการอุ้มฆ่าเอกยุทธ์ อัญชัญบุตร
#16
ตอบ 2 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 08:21
แต่...ผมไม่ซื้อหนังสืออ่านมานานแล้ว...
หาความรู้จากสื่ออินเตอร์เน็ต ได้หลากหลายอรรถรส มากกว่า
Edited by pream, 2 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 08:22.
#17
ตอบ 2 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 08:45
อาจเป็นความตั้งใจ ปชป เองที่อยากใด่เกิดปกแบบนี้
บอกตรงๆตอนนี้ผมกำลังดูอะไรหลายๆอย่าง แนวโน้มการโปรโมรตพรรคกำลังเปลี่ยนไปไหม?
ในสงครามการควบคุมสัดส่วนข่าวสาร ปชป กำลังเปลี่ยนวิธีหรือไม่?
#18
ตอบ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 13:29
ใบตอนแห้งนี่แดงตัวพ่อเลยนะ ถึงกับสอนลูกสาวให้ต่อต้านครูบาอาจารย์ตัวเองหลังๆ มานี่ สื่อเครือเนชั่น คมชัดลึก เอาคอลัมนิสต์ อย่าง ใบตองแห้ง ประชา ช้ำชอก บางคนไม่เคยได้ยินชื่อมาเป็นคอลัมนิสต์ ภาษาเขียนดี แต่ กลวงๆ ยังไงไม่รู้ อีตาพิชญ์ หัวโล้น นี่ก็แดงตัวพ่อ เนชั่นสุดสัปดาห์ นี่ บางคนสนับสนุนแก้ มาตรา 112 เป็นคอลัมนิสต์ก็มี
ส่วนอีตาพิชญ์ หัวโล้น จานจุฬา มันเคยพูดผ่านรายการทีวีลูกโอ๊คว่า
1. บอกของไม่แพง ที่โว๊ยวายเพราะต้องการเบี่ยงกระแสจากแก้ 112 และรัฐธรรมนูญ
2. บอกว่าวรเจตน์ไม่ได้เนรคุณ เพราะทุนอนันทมหิดลมาจากภาษีประชาชน!!! ( เงินทุนเริ่มต้นมาจากพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์และสมทบด้วยเงินบริจาคนะครับ ไอ้พิชญ์มันมั่ว)
3. มันบอกว่าใครมาวิจารณ์นายกปูเรื่องภาษาอังกฤษ ให้วิจารณ์เป็นภาษาอังกฤษด้วยมันอย่างฟังว่าเก่งแค่ไหน?
#19
ตอบ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 13:34
คิดเหมือนกันเลยส่วนตัวคิดว่าในเมื่อมีเว็ปบอร์ดการเมืองให้อ่าน แลกเปลี่ยนความคิดกันฟรีๆอยู่แล้ว
แล้วจะเสียเงินไปซื้อ เพื่ออ่านสิ่งที่คนอื่นมาเขียนบ่นเรื่อยเปื่อยไปเพื่อ ?
เดินผ่านก็ดูปกแบบผ่านๆเท่านั้น ไม่ได้ซื้อมานานหลายปีแล้ว
#20
ตอบ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 17:45
Edited by Can Thai, 17 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 22:27.
#21
ตอบ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 19:08
มีทัศนะที่ดีต่อนายกนกแก้วมากกว่าอดีตนายกอภิสิทธิ์ เท่านั้น
นั่นคือมองจากภาพที่เขาเลือกเอามาขึ้นปก แต่คนที่รับผิดชอบในเรื่องปกนี่คง
ไปประเมินว่าเป็นทัศนะของเนชั่นทั้งหมดคงไม่ได้
แต่ถึงมันจะเป็นทัศนะทั้งหมดของเนชั่น ผมก็คิดว่าช่างหัวมันปะไร อยากจะ
เชียร์ใครชอบใครก็ทำไป นี่เป็นความคิดผมคนเดียวนะครับ เพราะผมไม่เคยให้
เครดิตกับสื่อ ไม่ว่าคุณจะเป็นสื่อสีอะไรหรือไม่มีสี ถ้าเป็นสื่อไม่รักความถูกต้อง
ตรงไปตรงมา คุณจะเป็นสือะไรคุณก็แค่ สื่อเลว ๆ เท่านั้น
#22
ตอบ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 19:09
คงมีสื่อเดียวที่ดีที่สุด blue sky
Edited by PaPaRoacHo, 17 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 19:09.
#23
ตอบ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 19:43
นับวันมิตรยิ่งเหลือน้อย เอาเด็กนรก มาเล่นการเมือง ก็ได้ผลแบบนี้
คงมีสื่อเดียวที่ดีที่สุด blue sky
เด็กนรกจริงๆๆทำงานจนทำให้อีปูได้รับอนิสงค์ไปด้วย
http://m.thairath.co...tent/eco/214528มูดีส์เผยเหตุน้ำท่วมในไทย ไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือ ล็อตเตอร์ กล่าวว่า แม้อันดับความน่าเชื่อถือของไทยอยู่ Baa1 และแนวโน้มมีเสถียรภาพ แต่มูดีส์ก็ไม่คาดว่า เหตุน้ำท่วมจะบั่นทอนความน่าเชื่อถือของรัฐบาล เนื่องจากไทยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รวมถึงเสถียรภาพของสถานะการคลังของรัฐบาล
Edited by nnnn43, 17 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 19:43.
#24
ตอบ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 19:55
คงมีสื่อเดียวที่ดีที่สุด blue sky"
หลงตัวเองหรือเปล่าครับ การคุกคามสื่อเอามาอยู่ในอาณัติตนเอง
ประเทศที่เจริญแล้วเขาไม่ทำก้ันนะครับ มีแต่ประเทศเผด็จการเท่านั้น
ที่ใช้วิธีแบบนี้
อ้อ ! มีอีกประเทศหนึ่งที่ใช้วิธีนี้ คือประเทศที่บอกสาวกว่าประชาธิปไตยกินได้น่ะ
#25
ตอบ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 20:04
#26
ตอบ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 20:08
อย่าคิดมากอ้ายแค่ปกหนังสือ มันเปลี่ยนทุกสัปดาห์แหล่ะ แค่นี้ทำเป็นจะมาแปลสือความหมายเหมือนพวกชอบขอหวย ตีความหมายคนละทิศละทาง ..ถุย
#27
ตอบ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 20:11
Share170
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ผลพวงจากการที่ “จ.เจตน์” หรือ “นายจิรปาณ ศรีเนียน” ผู้ดำเนินรายการโซเชียลก็อสซิป ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเชียอัปเดต ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของกลุ่มคนเสื้อแดง นำทัพคนเสื้อแดงไปตำหนิติเตียนผสมข่มขู่ “นายกนก รัตน์วงศ์สกุล” ผู้ดำเนินรายการข่าวข้นคนข่าว ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี หรือ ช่อง 9 อสมท ด้วยข้อกล่าวหาว่าไม่เป็นกลาง ได้ทำให้เกิดผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อวงการสื่อสารมวลชน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อมวลชน “ค่ายเนชั่น”
เมื่อเกิดศึกสายเลือดปะทะทางความคิดกันอย่างรุนแรงภายในองค์กรระหว่างตัวนายกนกกับ “นายนภพัฒน์จักษ์ อัตตนนท์” ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวเนชั่น ที่มีความคิดทางการเมืองต่างชั้วกันอย่างรุนแรง จนสังคมรู้สึกถึงข้อพิรุธและข้อผิดสังเกตของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นไม่ได้
ยิ่งการปะทะกันเกิดขึ้นในห้วงที่ บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) (NMG) หรือค่ายเนชั่นผลัดแผ่นดินเปลี่ยนตัวประธานกรรมการจาก นายธนาชัย ธีรพัฒนวงศ์เป็นนายสุทธิชัย แซ่หยุ่นหรือที่รู้จักกันในชื่อนายสุทธิชัย หยุ่นด้วยแล้ว ก็ยิ่งชวนให้เกิดข้อสงสัยว่า นี่คือเกม นี่คือการเล่นละครสองหน้าของสื่อค่ายนี้หรือไม่
เพราะต้องไม่ลืมว่า ในยุคที่พรรคเพื่อไทย ในยุคที่ระบอบทักษิณเถลิงอำนาจปกครองประเทศผ่านหุ่นเชิดอย่าง “นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี นายกนกคือ “สายล่อฟ้า” ที่ทำให้สื่อค่ายนี้สุ่มเสี่ยงได้รับผลกระทบทางด้านความมั่นคงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เนื่องจากนายกนกประกาศตัวชัดเจนว่า ไม่เอาระบอบทักษิณ และไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ระบอบทักษิณกระทำย่ำยีต่อประเทศไทย
ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องแก้เกมก่อนที่รายการข่าวข้นคนข่าวที่ผลิตโดยค่ายเนชั่นจะถูกถอดออกจากผังรายการของ อสมท ในช่วงปลายเดือนเมษายน เหมือนเช่นที่นายจักรพันธุ์ ยมจินดา รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ได้ส่งสัญญาณให้เห็น ซึ่งนั่นย่อมหมายถึงเม็ดเงินที่ค่ายเนชั่นจะต้องสูญเสียไปจำนวนไม่น้อย
และการแก้เกมที่ออกมาให้เห็นอย่างที่ค่ายเนชั่นมิอาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้ก็คือ การปล่อยให้ “นายนภพัฒน์จักษ์ อัตตนนท์” ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวเนชั่น เขียนบทความ เรื่อง “[ที่เห็นและเป็นอยู่] สื่อต้องรับฟังความเห็นของประชาชน” เผยแพร่ในเนชั่นสุดสัปดาห์ ซึ่งมีเนื้อหาในเชิงชื่นชม จ.เจตน์ ว่า ทำถูกต้อง ที่ใช้วิธีการเข้าพูดคุยกับคนที่เห็นต่าง โดยไม่ใช้ความรุนแรง
เพราะค่ายเนชั่นรู้อยู่เต็มอกว่านายนภพัฒน์จักษ์มีจุดยืนทางการเมืองเช่นไร
เพราะค่ายเนชั่นรู้อยู่เต็มอกว่านายนภพัฒน์จักษ์คือนักข่าวที่โด่งดังจากการทวิตข่าวติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงจนได้รับการสนับสนุนให้มาเป็นผู้ดำเนินรายการทางเนชั่นชาแนล
ยิ่งเมื่อนำไปเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ที่หนังสือพิมพ์คมชัดลึกส่งเทียบเชิญให้ “ใบตองแห้ง” มานั่งแท่นเป็นคอลัมนิสต์คืออีกหนึ่งใบเสร็จที่สะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนของค่ายบางนาได้เป็นอย่างดี
หรือถ้าย้อนกลับไปเชื่อมโยงถึงกรณีที่ “นายปราบดา หยุ่น” ลูกชายของนายสุทธิชัย หยุ่น” เป็นแกนนำในการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ลงโทษอ้ายอีที่กระทำการหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้สังคมตั้งข้อสังเกตถึงข้ออ้างเรื่องความเป็นกลางของค่ายบางนาได้อีกเช่นกัน
นอกจากนี้ การปะทะกันระหว่างนายนภพัฒน์จักษ์กับนายกนกผ่านทางโลกออนไลน์ยังแสดงให้เห็นถึงวิธีการทำงานของนายนภพัฒน์จักษ์และอนาคตของนายกนกที่นับวันจะริบหรี่ลงไปทุกที
ขณะเดียวกันก็สะท้อนให้เห็นถึงความคิดที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่าง “ดาวค้างฟ้า” ของค่ายเนชั่นอย่างนายกนกและ “ดาวรุ่งพุ่งแรง” ของค่ายเนชั่นอย่างนายนภพัฒน์จักษ์อีกด้วย
เวลาประมาณ 15.30 น. ของวันที่ 10 มีนาคม 2555 หลังจากเขียนบทความลงในเนชั่นสุดสัปดาห์และถูกแฟนคลับของนายกนกโจมตีจนเสียผู้เสียคน นายนภพัฒน์จักษ์ ได้ใช้เฟซบุ๊กส่วนตัว “นภพัฒน์จักษ์ อัตตนนทอ ชี้แจงไปยังหน้าเพจเฟซบุ๊กของนายกนก “Kanok Ratwongsakul Fan Page” ว่า
“สืบเนื่องจากบทความในเนชั่นสุดสัปดาห์ มีคนเขียนแสดงความเห็นสะท้อนกลับมา ผมขอน้อมรับและขอบคุณที่ตอบมาด้วยเหตุผลครับ บทความที่ผมเขียนเขียน 1 วันหลังจากที่เกิดเหตุ ซึ่งเขียนด้วยความรวดเร็วพอสมควร ซึ่งผมก็ยอมรับว่ายังไม่ได้สอบถามเรื่องราวจากพี่กนก แต่ได้ถามจากทีมงานแล้ว และเข้าใจว่าเหตุการณ์ไม่ได้มีเรื่องที่น่ากังวล (การปะทะกัน, การโต้เถียงกันรุนแรง)
“สาเหตุที่ผมเลือกนำเรื่องเล่าจากทวิตเตอร์ คนเสื้อแดงมาเสนอ เป็นเจตนาที่อยากให้ฟังความอีกด้าน เพราะช่วง 1 วันหลังเกิดเรื่อง อารมณ์ต่อเหตุการณ์นี้รุนแรงมาก รุนแรงกว่าความเป็นจริงไปเยอะพอสมควร
“สุดท้ายผมอยากให้มองส่วนที่เป็นความเห็นของผมเป็นหลัก ส่วนเรื่องเล่าจากเหตุการณ์ผมจะแสดงความรับผิดชอบด้วยการแชร์เนื้อหาจากหน้า เพจนี้ไปที่หน้าเพจของผม เพื่อให้เห็นมุมมองอีกด้านครับ
“อีกหนึ่งจุดที่สำคัญ คือ มีแฟนๆ พี่กนกหลายคนไม่สบายใจกับบทความนี้ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าผมเขียนไว้ในบทความชัดเจนว่าชื่นชมท่าทีของพี่กนก และเคารพรุ่นพี่ด้วยใจจริงมาตลอด เจตนาในการเขียนบทความนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะเห็นว่าพี่กนกเป็นแบบอย่างที่ดี แต่ผมก็เลือกนำเสนอความคิดในแบบที่ผมมอง ด้วยความหวังว่าพี่กนกจะไม่เจอเหตุร้ายๆ เกิดขึ้นกับตัวเอง
“ถ้าทำให้คนบางส่วนไม่สบาย ผมขออภัยและพร้อมน้อมรับความเห็นครับ”นายนภพัฒน์จักษ์ระบุ
หลังจากนั้น เวลาประมาณ 19.30 น. นายกนก รัตน์วงศ์สกุล ก็ได้ตอบกลับนายนภพัฒน์จักษ์ อย่างถึงพริกถึงขิงเช่นกันว่า....
“1.นภพัฒน์จักษ์ แน่ใจหรือว่า เขียนบทความนี้ 1 วันหลังจากเกิดเหตุ? เหตุเกิดวันไหนน้องรู้มั๊ย? ไม่ได้ถามเรื่องราวจากผม แต่ไปถามกับทีมงาน! คนไหนครับ? เพราะคืนนั้นไม่มีใครรู้มาก่อน ทั้งทีมงานช่อง 9 หรือทีมงานเนชั่น ผมเป็นคนโทร.แจ้งน้องทีมงานของทางเนชั่นคนเดียว มีคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ในห้องกับผมคืนนั้น แล้วน้องคนนี้ก็ไม่ได้คุยอะไรกับนภพัฒน์จักษ์ จึงอยากรู้ว่า ไปถามจากทีมงานคนไหน?
“2.บทความนี้ ดูเผินๆ เหมือนแสดงความปรารถนาดีกับผม แต่การเลือกนำเสนอมุมมองจากทวิตเตอร์กลุ่มที่มานั้น ผมมองว่า เป็นการแสดงความปรารถนาดี ช่วยอธิบายให้กลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นกลุ่มที่น้องนภพัฒน์จักษ์เข้าไปคลุกคลีอยู่หลายคน
“3.อะไรทำให้ นภพัฒน์จักษ์ เชื่อเนื้อหาจากทวิตเตอร์นั้นทั้งหมด? ความจริงผมไม่อยากพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก ถ้าเนื้อหาที่เห็นมันสอดคล้องตามข้อเท็จจริงทั้งหมด แต่มันไม่ทั้งหมด “กลุ่มที่มาไม่ได้ทำเรื่อง แจ้งให้ อสมท.ทราบ” เป็นไปไม่ได้ ถ้าแจ้งประสานมาแล้ว ทาง อสมท.จะไม่แจ้งผม เพราะหลังจากเกิดเรื่อง ผมได้คุยกับผู้ใหญ่บางท่านของช่อง 9 ท่านน่ารักมาก ท่านลงมาขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้น และบอกว่า ไม่มีใครรู้เรื่องมาก่อน อีกทั้งคนชื่อเจตน์ ก็ถามผมก่อนจะพูดคุยว่า “จะเรียกใครมาร่วมรับฟังไหม” เพราะเขาเห็นว่าตอนนั้น ก่อนที่น้องทีมงานจะมาอยู่ 1 คน ไม่มีใครอยู่กับผมเลย ก็เพราะคนกลุ่มนี้ มาโดยไม่ได้บอกใครในสถานีไง
“4.เนื้อหาที่นภพัฒน์จักษ์เอามาจากทวิตเตอร์ บอกว่า เห็นคุณกนก งงๆ ตกใจ ก็รู้เลยว่า ไม่รู้ตัวมาก่อน คนชื่อเจตน์จึงเข้ามา "สวัสดีพร้อมแนะนำตัวอย่างสุภาพ ถึงเหตุผลที่มาในคืนนั้น!!! ประโยคแรกที่คนชื่อเจตต์พูดกับผม คือ “ขอให้หยุด..เดี๋ยวก่อนๆ ขอพูดอะไรหน่อย..จะกลับมาหรือเปล่า? (ผมขอไปเปลี่ยนเสื้อ) จะหนีไปมั้ย?” แค่คำว่าสวัสดียังไม่มีเลยนภพัฒน์จักษ์
“5.ทั้งหมดที่มาในคืนนั้น ผมเห็นอยู่ 2-3 คน ที่ผมคิดว่าเขามีเหตุผล พูดคุยและรับฟังความเห็นจากผม ไม่ได้มาแบบตั้งป้อมจะให้ผมออกจากการทำรายการ 1 ใน 2-3 คนนั้น ยังขอจับมือกับผมในตอนท้าย ซึ่งผมประทับใจเค้าเป็นการส่วนตัว เสียดายที่ไม่ได้ถามชื่อ และหนุ่มคนนั้นเป็นคนตรงไปตรงมา เขาใส่เสื้อสีแดง บอกกับผมตรงๆ ว่า เขาเป็นเสื้อแดง เขาต้องการช่วยพี่น้องของเขาที่ติดคุกด้วย ม.112 ทั้ง 2-3 คนนั้น ไม่รวมคนชื่อเจตต์
“6.นภพัฒน์จักษ์ รู้มั้ย ที่เขามาในคืนนั้น ประเด็นหลักที่จะมาร้องเรียนผม คือเรื่องอะไร? น้องถึงไปเขียนบทความประมาณ ว่า เป็นเรื่องดีที่สื่อจะรับฟังความเห็นของประชาชน ผมรับฟังความเห็นของทุกๆ คนเสมอ แต่คืนนั้นคนชื่อเจตน์เริ่มด้วย “จากกรณีที่ อ.วรเจตน์ ถูกทำร้ายร่างกาย เราคิดว่าคุณคือสื่อที่เป็นตัวปัญหาของเรื่องนี้!! คุณกนกเป็นสื่อในกระแสหลักที่ทำรายการด้วยความเห็นส่วนตัว ทำให้สังคมแตกแยก”
“สุดท้ายผมถึงบอกว่า กลุ่มคนที่มาไม่เคยดูรายการผม นภพัฒน์จักษ์ ก็คงไม่ได้ดู ถ้าดูจะรู้ว่าตั้งแต่หลังเลือกตั้งเป็นต้นมา รายการผมมีแต่ข่าว จับยาบ้า ค้ายาไอซ์ แฉบ่อน พระมั่วสีกา จานบินต่างดาว มะนาวแพง ไฟไหม้ หมอกควัน ศาลาการเปรียญเฮี้ยน ประเด็นเหล่านี้หรือที่ทำให้สังคมแตกแยก? ผมไม่อยากพูดเรื่องนี้นะ จนกระทั่งนภพัฒน์จักษ์ เขียนบทความ”
ที่ต้องขีดเส้นใต้เอาไว้ก็คือ ในย่อหน้าสุดท้ายที่นายกนกเขียนถึงนายนภพัฒน์จักษ์ ซึ่งนายกนกระบุว่า “กลุ่มคนที่มาไม่เคยดูรายการผม นภพัฒน์จักษ์ ก็คงไม่ได้ดู ถ้าดูจะรู้ว่าตั้งแต่หลังเลือกตั้งเป็นต้นมา รายการผมมีแต่ข่าว จับยาบ้า ค้ายาไอซ์ แฉบ่อน พระมั่วสีกา จานบินต่างดาว มะนาวแพง ไฟไหม้ หมอกควัน ศาลาการเปรียญเฮี้ยน ประเด็นเหล่านี้หรือที่ทำให้สังคมแตกแยก?”
นายกนกกำลังบอกต่อสังคมใช่หรือไม่ว่า หลังจากการเลือกตั้งเป็นต้นมา การทำรายการข่าวของเขาถูกแทรกแซง
ส่วนใครจะเป็นผู้แทรกแซงนั้น หนีไม่พ้นที่จะต้องตั้งคำถามย้อนกลับไปที่ต้นสังกัดของนายกนกคือค่ายเนชั่นว่า เป็นผู้กำหนดทิศทางในการเสนอของรายการข่าวข้นคนข่าวใช่หรือไม่
นายสุทธิชัย หยุ่นในฐานะประธานกรรมการคนใหม่ของค่ายเนชั่นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแสดงจุดยืนในเรื่องนี้ให้ชัดเจน เพราะเป็นสิ่งที่ท้าทายต่อจรรยาบรรรณของความเป็นสื่อ
เช่นเดียวกับ อสมท ที่มีนายจักรพันธุ์ ยมจินดา นั่งเป็นรักษาการผู้อำนวยการใหญ่ ที่จะต้องตอบคำถามเช่นกันว่า อสมท และรัฐบาลแทรกแซงสื่อหรือไม่ ซึ่งนอกจากเรื่องดังกล่าวแล้ว นายจักรพันธุ์และอสมท ยังจำเป็นที่จะต้องตอบคำถามสิ่งที่นายกนกระบุเอาไว้ในเฟซบุ๊กส่วนตัวอีกด้วยว่า ทำไมถึงปล่อยให้กลุ่มคนเสื้อแดงสามารถบุกเข้าไปคุกคามสื่อถึงที่ทำการใหญ่ อสมท ได้
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องจับตามองต่อไปก็คือ ค่ายเนชั่นจะจัดวางตัวเองในสถานการณ์เช่นนี้อย่างไร อนาคตของนายกนกและนายนภพัฒน์จักษ์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ใครคือผู้ที่ถูกคัดเลือก และใครถือผู้ที่ถูกเฉดหัวส่ง
เฉกเช่นเดียวกับรายการข่าวข้นคนข่าวและอีกสารพัดรายการที่เนชั่นได้รับสัมปทานจาก อสมท ในการผลิตรายการ ซึ่งต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่า มีใครต้องถูกเซ่นสังเวยเพื่อความอยู่รอดขององค์กรหรือไม่
งานนี้ ต้องถามใจและวัดใจ “กาแฟดำ” ว่า จะเอาอย่างไร
#28
ตอบ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 20:16
รู้นะว่าพวกนายเจ็บ..หึหึ
อย่าคิดมากอ้ายแค่ปกหนังสือ มันเปลี่ยนทุกสัปดาห์แหล่ะ แค่นี้ทำเป็นจะมาแปลสือความหมายเหมือนพวกชอบขอหวย ตีความหมายคนละทิศละทาง ..ถุย
ไม่เดือดร้อนอะไรเลยว่ะ ก็แค่มีหนังสือที่จะไม่ซื้อเพิ่มขึ้นอีกเล่ม
ตั้งแต่นายหยุ่นปล่อยลูกมันมาเย้วๆเรื่อง ม.112 ก็รู้ธาตุแท้กันหมดแล้ว ลูกไม้มันหล่นไม่ไกลต้น
พวกเสื้อแดงนี่ สุดท้ายก็เก็บหางไม่มิดเหมือนกันหมด
#29
ตอบ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 20:27
อย่าคิดมากอ้ายแค่ปกหนังสือมันเปลี่ยนทุกสัปดาห์แหละ แค่นี้จะทำมาแปลสื่อความหมาย
เหมือนพวกชอบขอหวย ตีความหมายคนละทิศคนละทาง..ถุย"
อ้าว ! นี่ก็เข้ามาแสดงตลกประชาธิปไตยอีกคนละ แค่เขาตีความหมายปกหนังสือจะสะดุ้งอะไรปานนั้น
แล้วที่เขาตีความหมายตามความเห็นของแต่ละคน มันเป็นประชาธิปไตยที่ทั่วโลกเขาเป็นนะคร้าบ อย่าเข้าใจผิด
ว่าเป็นประชาธิปไตยกินได้ ที่ต้องฟังผู้นำอย่างเดียวนะคร้าบ
#30
ตอบ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 22:29
ที่ออกแนวนิยม ประชาธิปัตย์เป็นส่วนใหญ่ ตั้งคำถามได้คมคายไม่น้อย
ส่วนผู้จัดการสุดสัปดาห์ตั้งคำถามเกี่ยวกับจุดยืนของ คุณสุทธิชัย หยุ่น ผู้บริหารคนใหม่หมาด ๆ จะตัดสินใจนำนาวาเครือเนชั่นไปในทิศทางไหน?
เพราะไม่ได้ถามถึงกรณีคุณกนก แต่เพียงอย่างเดียว แต่หมายรวมถึงบรรดาคอลัมนิสต์ที่เพิ่มเข้ามาใหม่
ทิศทางของสื่อถือเป็นจุดยืนที่จะยึดโยงผู้รับสารเอาไว้ได้
คำถามในบทความนั้น...คงไม่ใช่ต้องรอคำตอบในสายลม....
อ้อ...ผมไม่ได้เสี้ยมนะครับ...ว่ากันไปตามเนื้อผ้า...
ถ้ากาแฟดำจะใสน้ำตาลบ้างคงไม่กระไร...
ชอบแบบขมหรือแบบหวาน อยากมากก็แค่น้ำตาล ไม่ส่ายนม
ผิดจากนี้มิใช่เรา...ยังจริงอยู่หรือเปล่า?
แต่ถึงกระนั้น...สื่อเสนอแนวคิดสองด้านหรือหลายด้านในสื่อเดียว อาจเป็นทางออกก็เป็นได้
เปิดหน้าชก ให้อิสระแก่นักข่าวนักเขียนแบบไทยรัฐทำอยู่ เราคงเห็นสื่อยืนอยู่ได้ไม่เดือดร้อน
ที่สำคัญต้องยอมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ที่รุนแรงเนื่องเพราะสังคมแตกแยกจนเกินประสานแล้ว
แคน ไทเมือง
#31
ตอบ 18 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 08:54
เป็นหลักการของธุรกิจในโลก ทุนนิยม ธรรมดาๆ
สื่อออนไลน์เข้ามาแย่งพื้นที่ ทำให้ยอดขายสื่อสิ่งพิมพ์ลด ก็ต้องปรับตัวขนานใหญ่ก่อนสูญพันธุ์
AMAZING coup d'etat , THAILAND ONLY ..
#32
ตอบ 18 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 11:48
การพยายาม "ดึง" นักเขียนหลากหลายแนวคิดมารวมกันก็เพื่อเพิ่มยอดให้ขายหนังสือได้หลายกลุ่ม
เป็นหลักการของธุรกิจในโลก ทุนนิยม ธรรมดาๆ
สื่อออนไลน์เข้ามาแย่งพื้นที่ ทำให้ยอดขายสื่อสิ่งพิมพ์ลด ก็ต้องปรับตัวขนานใหญ่ก่อนสูญพันธุ์
แต่ผมเลิกซื้อเลิกอ่านเพราะ ใบตองแห้ง และ ตาพิชหัวล้าน