จากคำขวัญที่ พรรค ปชป. ชอบพูดว่า "พรรคเลือกคน ประชาชนเลือกพรรค"
ก็เป็นอุทาหรณ์สอนใจ ปชป. ว่า "ถ้าพรรคมักง่ายในการเลือกคน ประชาชนก็ไม่อยากเลือกคนของพรรค"
กรุงเทพ มีปัญหามากมาย ทั้งที่แก้ได้ และ แก้ลำบาก (ไม่อยากบอกว่าแก้ไม่ได้)
พรรค ปชป. นำเสนอแต่ นโยบายใหญ่ๆ ที่ไม่ค่อยทำให้คนกรุงเทพเห็นความเปลี่ยนแปลงในชีวิตประจำวัน เช่น อุโมงค์ยักษ์ พูดกันมาตั้งนาน แต่อุโมงค์ยักษ์ใครเห็นประโยชน์บ้าง เพราะ อุโมงค์ใหญ่แค่ไหน รูระบายน้ำตามถนน มันก็เล็กเท่าเดิม ฝนตกห่าใหญ่กรุงเทพก็น้ำท่วมเหมือนเดิม ท่านจะไปขุดอุโมงค์ใต้ดินใหญ่แค่ไหน แต่ระบบการระบายน้ำในกรุงเทพมันก็ไหลเข้ารูระบายน้ำริมถนนที่มีขนาดเท่าเดิม การเสนอโครงการลักษณะนี้ คือ การเสนอโครงการใหญ่เพื่อให้บริษัทรับงานแล้วแบ่ง % เอาเงินสนับสนุนพรรคเท่านั้น เช่นเดียวกับการ แก้ปัญหาจราจรที่ทำได้แต่ BTS และ BRT สองเส้นทางนี้่ทำไป ก็ได้เฉพาะคนที่อยู่บนเส้นทางเหล่านั้น
ในขณะที่ปัญหาใหญ่ อย่าง หาบเร่ แผงลอย พรรค ปชป. ไม่เคยคิดที่จะแก้ไข แต่บอกให้คนกรุงเทพอยู่กับมันให้ได้ สิ่งที่เขานำเสนอคือ สร้าง sky walk ให้บริษัทมารับงาน แบ่ง % แบ่งเงินเข้าพรรคอีกล่ะ เพราะการเข้มงวดกวดขัน ตรวจจับนั้น ไม่ชอบทำ เพราะ ไม่ได้เงินลงทุน หารู้ไม่ว่าการเข้มงวด ตรวจจับ จัดระเบียบ เป็นกระบวนการที่ลงทุนน้อย ได้ผลมาก แต่เขาไม่ทำ เพราะเขาไม่สามารถขอเงินมาลงทุนทำโครงการใหญ่ๆ หาเงินเข้าพรรค
การจัดระเบียบหาบเร่ แผงลอย จัดระเบียบจุดจอดรถแท๊กซี่ และ เข้มงวดการจอดรถชิดถนนของรถประจำทาง นอกจากทำให้กรุงเทพมีความเป็นระเบียบแล้ว แก้ปัญหาความสกปรก แก้ปัญหารถติดไปในตัว โดยใช้เงินลงทุนน้อยมาก
สุดท้ายพอนโยบายที่นำเสนอ แป๊ก ก็ออกมากขู่คนลงคะแนนเสียง โดยใช้มุขประมาณว่า "ไม่เลือกเรา เขามาแน่" ขู่คนลงคะแนนว่า คุณไม่มีตัวเลือกแล้ว ยังไงๆ คุณก็ต้องเลือกผม เพราะถ้าคุณไม่เลือกผม คนที่คุณไม่ต้องการเขาก็จะมาเป็นผู้ว่า
จริงๆ ผมคิดว่า ถ้าคนไทย เริ่มที่จะซื่อสัตย์ และ ใช้เหตุผลในการเลือก การเลือกครั้งนี้ ถึงแม้จะทำให้เราได้บุคคลไม่พึงประสงค์มาเป็นผู้ว่าฯ (แต่มันก็แค่ 4 ปี เท่านั้น)
ในระยะยาวเหตุการณ์ครั้งนี้จะทำให้ พรรค ที่เราสามารถฝากความหวังได้ มันมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง วิธีคิด วฺิธีนำเสนอ นโยบายการแก้ปัญหาของมันบ้าง ไม่ใช่ผูกขาด ส่งอะไรมาเราก็ต้องเลือกมันตลอดชีวิต
ผมคิดว่า การหันไปเลือก เบอร์อื่น ที่ไม่ใช่ พท. และ ปชป. ในครั้งนี้่นั้น จะเป็นการส่งสัญญาให้ พรรค ปชป. ปรับตัว และ จะเป็นผลดีในระยะยาวกับระบบวิธีคิดของพรรคการเมืองพรรคนี้
ผมบอกได้คำเดียวว่า การเลือกตั้งคราวนี้ รัก ปชป. ก็อย่าเลือก ปชป. ครับ เพราะ ผมไม่อยากเห็น ปชป. ยังใช้ระบบวิธีคิดแบบนี้
เราถก กันแบบ สันตินะครับ
คือ อุโมงค์ยักษ์ นี่ ผมว่า จุดประสงค์ ไม่ใช่การแก้ปัญหา เพื่อ ไม่ให้ น้ำท่วม แบบระยะสั้น นะครับ
เป็นจริงอย่างคุณว่า ถ้าน้ำหลากมา ท่อระบายน้ำ เล็ก ยังไง ก็เอาลงไม่ทัน ต้องท่วมแน่
แต่คุณ คิดถึง กรณี น้ำท่วมใหญ่สิครับ คือปัญหา คือ บางที่ เป็นแอ่ง เช่นรามคำแหง
ระบายน้ำไปที่อื่นยาก ถ้าน้ำท่วมแล้ว จะขังนาน จนกว่า จะสามารถสูบน้ำ ไปที่อื่น ที่แห้งแล้วได้
แต่ถ้า เป็น อุโมงค์ยักษ์ ซึ่งอยู่ใต้ดิน ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล จะสามารถพาน้ำไปที่อื่นได้
แต่ ณ ปัจจุบัน โครงข่าย ของอุโมงค์ยักษ์ ยังเชื่อมต่อ กันไม่ทั่วถึง
จึงดูเหมือน ไม่มีประสิทธิภาพ มากนัก
แต่เมื่อไหร่ที่ กระจาย ไปได้ ถ้วนทั่ว นั่นหมายความว่า เมื่อน้ำลงมาจากท่อระบายน้ำ ด้านบน หมดแล้ว
เมื่ออยู่ในอุโมงค์ จะพาน้ำไปที่ไหน ก็ได้ เพราะในนั้น มีเครื่องสูบให้น้ำ ขึ้นมาข้างบน ตรงไหน ก็ได้ แล้วแต่จะตั้งเครื่องสูบน้ำไว้
นั่นหมายความว่า จะสามารถ ลัดผ่าน พื้นที่ ที่ ยังไม่ปลอดภัย ถ้าจะผ่านน้ำไปบริเวณนั้น
แล้วไปออกยังที่ ๆ ใกล้ ทางออกทะเล ที่สุดได้ครับ
ปัญหา หาบเร่ แผงลอย นี่เป็นปัญหาใหญ่มากนะครับ
คุณลองคิดดูว่า ถ้าคุณจัดพื้นที่ ให้พวกเขาไปอยู่ได้ก็จริง
แต่ถ้ามันเป็นพื้นที่ ที่ ไม่ใช่ ทำเล อันเป็น แหล่งดึงดูดลูกค้าชั้นดี
เช่น หน้าโรงเรียน ป้ายรถเมล์ ใกล้กับศูนย์การค้า หรือ แหล่งคนทำงานออฟฟิศ
นั่นหมายความว่า จะมีกรณี ที่ มีคน อาจฝ่าฝืน กฎหมาย เพื่อ ไปขายยังจุดดังกล่าว อยู่เนือง ๆ
เพราะว่า คนเรา มักจะ อ้อยอิ่ง เกินกว่า จะเดิน ไปไกล ๆ เพื่อหาซื้อ ของรับประทาน หรือ เดินดูโน่นดูนี่
คนทำมาค้าขาย รักที่จะขายของ มากกว่า รักที่จะรักษาระเบียบ
ถึงแม้ บางคนจะเป็นคนที่รักษากฎ แต่ถ้าเห็นคนอื่น ผิดกฎ แล้วขายดีกว่า
ก็ อยากจะแหกกฎนั้น ตาม
ผมจึงคิดว่า ปัญหานี้ เป็นปัญหาใหญ่มาก เพราะทำเล ดี ๆ มันมักจะทำให้ จราจรติดขัด อย่างเลี่ยงไม่ได้
เพราะเป็นแหล่งที่มีคน เข้าออก มาก และจำนวนคนที่เข้าออกนี้เอง
ที่เป็นลูกค้าชั้นดี ซึ่งมักจะขี้เกียจ เกินกว่า จะเดินไปไกล เพื่อเลือกซื้อของ
และที่สำคัญที่สุด เลือกคนอื่น เพื่อสั่งสอน พรรค
สุดท้ายแล้ว คุณคิดว่า เป็นยังไงครับ
แน่นอน อิสระ ไม่มีวันได้ อันนี้ ผมกล้าฟันธง แบบไม่กลัวหน้าแตก เลยครับ
พอ พงศพัศ ได้ กรุงเทพฯ ก็จะมีปัญหา ด้านงบประมาณ เหมือน ทั้งประเทศ ในตอนนี้
เพราะนโยบายของเขา ใช้เงินมากทั้งนั้น
รถเมล์ฟรี ออกทุก 5 นาที นั่นหมายความว่า รถสีแดงครีม และ น้ำเงินครีม ทุกคันต้องฟรี
ไม่งั้นจำนวนรถไม่พอ ออกทุก 5 นาที
แล้วคุณลองคิดว่า รถเมล์ มีระยะเวลาที่อยู่บนถนน นานกว่ารถปกติ เท่าไหร่
ใช้ก๊าซ มากขนาดไหน ไหนจะค่าจ้าง คนขับรถ คนฉีกตั๋ว (รถฟรีก็ต้องใช้นะครับ ผมเจอมาแล้ว)
ไหนจะค่าซ่อมบำรุง คิดเอาครับ เพราะ รมว คมนาคม บอกแล้ว ว่า กทม. รับผิดชอบเอง
ไหนจะค่าจ้างรถสองแถว รับส่งนักเรียน อีก
ทุกวันนี้ ทราบไหมครับ ว่า รถสองแถว นั้นหนะ คิดค่าบริการ คนละ 7 บาท ต่อเที่ยว ไม่ต่ำกว่ารถเมล์เลย
ถ้านั่งเต็ม 12 คน ยืนอีก 4 คน ต่อเที่ยวคือ 112 ไม่รวม คนที่ขึ้นลงระหว่างทาง
วันหนึ่ง ไปกลับ กี่เที่ยวครับ แล้วมีกี่ซอกซอย ที่ต้องใช้รถสองแถว
คุณคิดว่า ใช้งบเท่าไหร่ ผมว่า ดีไม่ดี น้อยกว่า รถเมล์ ไม่เท่าไหร่
แล้วยังค่าจ้างยาม อีก 20,000 คน เดี๋ยวนี้ ค่าจ้างยาม ที่บริษัทผมจ้างอยู่ เดือนละ ต่อคน 12,840 บาท (รวม VAT แล้ว)
คูณเอาก็ได้ครับ ว่าต้องใช้งบเท่าไหร่
ไหนจะจ้างวิน มอเตอร์ไซค์ อีก เดี๋ยวนี้ ใกล้ ๆ ไม่ถึง 500 เมตร นี่ 20 บาท แล้วนะครับ
แล้วให้เขาทำ แบบนี้ วันหนึ่งต้องจ้างเขาเท่าไหร่
พี่ที่บริษัทผม เขาทำ sideline วิ่งวิน อยู่ เขาบอก ถ้าวันไหน อยู่ทั้งวัน ได้ 700 บาท เป็นอย่างน้อยนะครับ
คิดเอาครับ ถ้าใช้งบกันระเบิดเถิดเทิง ขนาดนี้
อีก 4 ปี จะทำ จะพัฒนา อะไรได้ อีกครับ เชิญตรอง
Edited by ทรงธรรม, 6 February 2013 - 07:19.