Edited by โคนัน 01, 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 14:52.
เอาแล้วเป็นเรื่องละสิ
#1
ตอบ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 13:55
#3
ตอบ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 14:04
#4
ตอบ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 14:04
#5
ตอบ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 14:05
จะปรองดอง หรือจะลองกองกันแน่นิ
ว่าไง โคนัน
#6
ตอบ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 14:08
อันนี้หรือเปล่าหว่า?
บิ๊กโอ๋ไร้ปัญหา ก็แล้วแต่ปู หากให้พ้นครม.
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ยืนยันไม่มีปัญหาหากถูกปรับพ้น ครม.ยิ่งลักษณ์ 3 ชี้ทุกอย่างแล้วแต่ปูตัดสินใจ ลั่น ขืนมามัวแต่กลัวถูกเด้ง ก็ไม่ต้องไปทำงานอะไรกันแล้ว เผยพอใจผลงานทหารขุดลอกคูคลองเพื่อเตรียมรับมืออุทกภัย...
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม เปิดเผยถึงกระแสข่าวที่อาจถูกปรับพ้นเก้าอี้ ในการปรับ ครม.ยิ่งลักษณ์ 3 ที่ใกล้มาถึงหลังการปลดล็อกบ้านเลขที่ 111 หลังวันที่ 30 พ.ค.ว่า ส่วนตัวไม่มีปัญหาหากถูกปรับออกจาก ครม. และในฐานะที่เป็นนายทหารเก่า จึงไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้เพราะเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี และรัฐบาล ว่าจะดำเนินนโยบายอย่างไร เพราะหากต้องมามัวกังวลกับการถูกปรับออกจากตำแหน่ง ก็ไม่ต้องไปทำงานอะไรกันพอดี
จากนั้น รมว.กลาโหม ได้ไปตรวจเยี่ยมการขุดลอกคูคลอง เพื่อแก้ปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ กทม.ซึ่งเป็นพื้นที่ปลายน้ำตามนโยบายของรัฐบาล โดยกองทัพบกและหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา หลังจากนั้น พล.อ.อ.สุกำพล ได้กล่าวว่า ตนเองรู้สึกพอใจ เพราะโครงการสามารถเดินหน้าไปได้เร็วกว่าแผนงานที่กำหนด มีมาตรฐานเป็นที่น่าพอใจ และจะนำเรื่องนี้ไปชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ชี้อย่าให้ค่า”นะเคามวย”ขู่ปิดชายแดน เชื่อแค่ดิ้นรนทำนักธุรกิจลังเล
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.ต.นะเคามวย ผู้บัญชาการทหารกองกำลังติดอาวุธชาวกะเหรี่ยงกองพลน้อยโกะทูบลอ (เคเคโอ.) สั่งทหารปิดช่องทางเข้าออกตามแนวชายแดนไทย-พม่า ตั้งแต่ อ.อุ้มผาง จนถึง อ.พบพระ จ.ตาก ทั้ง 12 จุด เพื่อตอบโต้ทางการไทยที่ประกาศขึ้นบัญชีดำเป็นพ่อค้ายาเสพติดว่า ความจริงแล้วไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น แต่ว่าเป็นแค่คำขู่ ทำให้คนทำธุรกิจที่นั่นเกิดลังเลบ้าง ซึ่งทางนะเคามวย พูดแรงไปนิดหนึ่ง
ทั้งนี้ ชาวบ้านบริเวณชายแดนก็ยังไปมาติดต่อกันได้ ทั้งนี้ตัวนะเคามวยเอง เมื่อโดนอย่างนี้ ก็ต้องดิ้นรนเอาตัวรอด เราก็ไม่อยากที่จะไปยุ่งกับใคร แต่ถ้ามันไม่ถูกต้อง มาค้ายาเสพติดในบ้านเรา แล้วเรามีหลักฐานมีเหตุผล มีหมายจับ เราก็ต้องทำ ถ้าเราไปกลัวคำขู่ของนะเคามวย ก็ไม่ไหวแล้ว เราอย่าไปให้ค่ามาก เพราะทำให้ไม่ดี เนื่องจากเราเป็นประเทศใหญ่ ไม่ต้องไปให้ค่าอะไรมาก
เมื่อถามว่า ทางทหารจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวบ้านตามแนวชายแดนที่รู้สึกไม่สบายใจ อย่างไร พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ตนไม่รู้ว่า ผู้สื่อข่าวรู้ได้อย่างไรว่า ชาวบ้านรู้สึกไม่สบายใจ เพราะสื่อก็อยู่กับตนที่ กทม. ทั้งนี้ทางกองทัพ ได้รายงานมาแล้วว่า ชาวบ้านทราบดีว่าอะไร คืออะไร และชาวบ้านในพื้นที่ยังไปมาหาสู่กันได้อยู่ เราก็ดูเรื่องนี้อยู่ไม่ใช่ว่า ประมาท สำหรับทหารรู้ว่า ถูกขู่ว่าอย่างไร เขามีมาตราการ กองกำลังทหารเรารู้ว่าจะต้องทำอย่างไร
ไทยรัฐออนไลน์
โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
3 พฤษภาคม 2555, 13:36 น.
#7
ตอบ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 14:22
พรรคเพื่อไทย -แกนนำ นปช. อย่า(***)ยุ่งมาก
http://forum.banrasd...ad.php?tid=6708
ผมเริ่มรู้สึกว่า คนเสื้อแดงเริ่มเห็นแตกต่างกันอีกแล้ว เหมือนก่อนเลือกตั้ง
http://forum.banrasd...ad.php?tid=6698
เอาเสื้อแดงออกจากคุก ไม่ได้อยู่ในอำนาจรัฐบาล ไม่ใช่งานง่าย
http://forum.banrasd...ad.php?tid=6667
ฯลฯ...
ไม่รู้เป็นไร อ่านกระทู้พวกนี้แล้วรู้สึก ครื้มอกครื้มใจ ยังไงบอกไม่ถูก...
- ต้นหอม likes this
#8
ตอบ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 14:24
Edited by โคนัน 01, 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 10:05.
ขอลบเพราะอาจเข้าข่ายหมิ่นประมาท
- พ่อไอ้ร้อยล็อคอิน and แอบดูที่รูเดิม like this
#9
ตอบ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 14:28
เจตนารมณ์ส่วนตัว
- ไม่ใช้ถ้อยคำที่คำหยาบคาย
- ไม่ต่อล้อต่อเถียงอย่างไม่มีเหตุผล
#10
ตอบ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 14:30
#11
ตอบ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 14:31
#12
ตอบ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 14:33
== ข้อความถูกระงับโดยผู้ดูแล ==
ด้วยความเคารพครับ ด้วยหน้าตาและ***เยี่ยงนี้ ยังมีใครมีอารมณ์กับมันด้วยหรอครับ(นอกเหนืออารมณ์อยากกระทืบมัน)
Edited by คนกวาดขยะ, 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 15:16.
ขอลบภาพเพราะอาจเข้าข่ายหมิ่นประมาท
#13
ตอบ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 14:37
เหอๆๆ...เกี่ยวกับ'ทู้พวกนี้อ๊ะป่าว...
พรรคเพื่อไทย -แกนนำ นปช. อย่า(***)ยุ่งมาก
http://forum.banrasd...ad.php?tid=6708
ผมเริ่มรู้สึกว่า คนเสื้อแดงเริ่มเห็นแตกต่างกันอีกแล้ว เหมือนก่อนเลือกตั้ง
http://forum.banrasd...ad.php?tid=6698
เอาเสื้อแดงออกจากคุก ไม่ได้อยู่ในอำนาจรัฐบาล ไม่ใช่งานง่าย
http://forum.banrasd...ad.php?tid=6667
ฯลฯ...
ไม่รู้เป็นไร อ่านกระทู้พวกนี้แล้วรู้สึก ครื้มอกครื้มใจ ยังไงบอกไม่ถูก...
เวปมันเข้ายากนะเนี่ย กดตั้งนานกว่าจะมา
ปล. ไอ้พวกต่ำร้อย มันยังคิดว่าตัวมันสำคัญต่อรัฐบาล ขอหุยฮาซักที
Edited by Novice, 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 14:39.
#14
ตอบ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 15:13
#15
ตอบ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 15:43
#16
ตอบ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 15:53
- เกลียดเควี้ยแดง likes this
#17
ตอบ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 15:57
มันยังมีราคาอยู่อีกหรือ ??????
ก็ไม่แน่ เพราะเหมือนกับว่ามีคนให้เงินมันใช้อยู่นะ
จำได้คร่าวๆ มันเคยพูดว่า จะมอบตัว หาก พท.ได้เป็นรัฐบาล
#18
ตอบ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 16:08
#19
ตอบ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 16:41
#20
ตอบ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 16:47
ยังไงแม้วก็เลี้ยงพวกนี้ไว้ เผื่อไว้ใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้
เหมือนที่แม้ว ส่ง AIS ไปเลี้ยงพวกเสื้อเหลืองไว้นั่นแหล่ะ
#21
ตอบ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 18:09
#22
ตอบ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 21:28
อย่าให้ลองกองพืชเศรษฐกิจบ้านผมจะปรองดอง หรือจะลองกองกันแน่นิ
มาแปดเปื้อนกับคนชั่ว
ไม่คู่ควรครับ
#23
ตอบ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 21:33
สมยศเบิกความระบุ “จิตร พลจันทร์” นามแฝงของ “จักรภพ เพ็ญแข” เขียนบทความที่ถูกฟ้อง เขียนมาก่อนเขาเป็นบก. พร้อมแจงอ่านบทความคร่าวๆ เห็นว่าหมายถึง “อำมาตย์” ไม่อาจโยงถึงกษัตริย์ได้ ด้านทนายชี้ พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ ฉบับใหม่ บก.ไม่ใช่ผู้รับผิดชอบเนื้อหา ดีเอสไอจับคนเขียนไม่ได้ จึงโยงจับสมยศ
วันที่ 1 พ.ค. 55 ที่ศาลอาญา รัชดา มีการสืบพยานจำเลยเป็นวันแรก ในคดีที่นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข เป็นจำเลยในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา จากกรณีที่นายสมยศเป็นบรรณาธิการบริหารของนิตยสาร Voice of Taksin ที่มีการตีพิมพ์บทความ 2 เรื่องที่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 112
จำเลยอ้างตนเองเป็นพยาน เบิกความว่า ในปี 2552 เป็นเพียงผู้เขียนคนหนึ่งใน นิตยสาร Voice of Taksin ต่อมาเมื่อถึงฉบับที่ 9 จึงมารับหน้าที่เป็นบรรณาธิการบริหาร (บก.บห.) ต่อจากนายประแสง มงคลสิริ (ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ-ประชาไท) โดยได้ค่าจ้าง 25,000 บาท นิตยสารเล่มนี้ไม่มีใครเป็นเจ้าของเด็ดขาด เนื่องจากร่วมกันหลายหุ้นและช่วยๆ กันทำ ส่วนเหตุที่ใช้ชื่อนี้ก็เป็นเพราะเหตุผลทางการตลาด มีแนวทางในการวิพากษ์วิจารณ์การรัฐประหาร พรรคประชาธิปัตย์ เน้นเรื่องสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย กระทั่งถูกสั่งปิดซึ่งเชื่อว่าเป็นเพราะมีเนื้อหาวิพากษ์การโยกย้ายนายพลในช่วงเวลานั้นอย่างหนัก
สำหรับบทความที่ตีพิมพ์นั้น แบ่งเป็นบทความประจำที่ลงต่อเนื่อง และบทความใหม่ๆ ที่ต้องทำเพิ่มให้ทันสถานการณ์ ในส่วนบทความประจำจะมีทั้งผู้เขียนที่ใช้ชื่อจริงและนามแฝง โดยผู้มีชื่อเสียงเป็นที่น่าเชื่อถือของสังคมจะได้รับการลงพิมพ์ทั้งหมดโดยไม่มีการตัดทอนบทความแต่อย่างใด โดยปกติตนมีหน้าที่อ่านเพียงคร่าวๆ เนื่องจากมีบทความต้องพิจารณามาก และต้องเร่งให้ทันการปิดเล่ม
เมื่อถามว่า “จิตร พลจันทร์” เจ้าของบทความที่เป็นเหตุให้ถูกฟ้องคือใคร สมยศ ตอบว่า จักรภพ เพ็ญแข ซึ่งเป็นคอลัมนิสต์ของนิตยสารตั้งแต่ฉบับแรกๆ ก่อนที่เขาจะมาทำหน้าที่เป็น บก.บห. โดยผู้ประสานงานติดต่อให้จักรภพมาเป็นคอลัมนิสต์คือ นายประแสง
เมื่ออัยการถามว่าใครเป็นผู้ตัดสินใจคัดเลือกบทความในขั้นสุดท้าย สมยศขอดูรายชื่อกรรมการในนิตยสารอีกครั้งพร้อมระบุว่า ไม่อยู่ในรายชื่อนี้ จากนั้นอัยการได้ซักถามเพิ่มเติมจนสุดท้ายสมยศตอบว่า ผู้มีสิทธิตัดสินใจขั้นสุดท้ายในการลงบทความ ก็คือตัวนักเขียนเอง ตนมีหน้าที่นำไปส่งโรงพิมพ์
ในด้านเนื้อหาของบทความ นายสมยศตอบทนายว่า เมื่ออ่านบทความของจิตรฯ แล้วคิดว่าสื่อถึง “อำมาตย์” ไม่คิดว่าจะสื่อความถึงสถาบันกษัตริย์ อีกทั้งภาพประกอบบทความก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์แต่อย่างใด ไม่น่าจะทำให้ผู้อ่านโน้มเอียงไปในทางนั้นได้ ในส่วนที่พยานอื่นระบุว่าหมายถึงพระเจ้าตากสิน เขาไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น เนื่องจากไม่มีการเอ่ยอ้างถึงท่อนจันทร์ แต่กล่าวถึงถุงแดงซึ่งเขาไม่ทราบว่าหมายถึงอะไร การกล่าวถึงผู้อยู่ชั้นบนของโรงพยาบาลพระรามเก้าก็ไม่เกี่ยวข้องกษัตริย์ เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่โรงพยาบาลศิริราชโดยตลอด ส่วนการกล่าวถึงตัวละคร “หลวงนฤบาล” ก็ไม่อาจเทียบเคียงได้ว่าหมายถึงพระมหากษัตริย์ เพราะตำแหน่งหลวงนั้นต่ำกว่า อีกทั้งบทความยังระบุว่าหลวงนฤบาลสอพลอทหารใหญ่ ซึ่งน่าจะหมายถึงนายทหารที่ยศต่ำกว่าจอมพลฤษดิ์ ธนะรัชต์ จึงเชื่อว่าไม่ได้หมายถึงกษัตริย์อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ยังมีการเบิกความเกี่ยวกับกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ โดยสมยศเบิกความว่า เนื่องจากเป็นสื่อมวลชน ก็ได้ศึกษาข้อกฎหมายอยู่บ้าง โดยรู้ว่าตาม พ.ร.บ.สิ่งพิมพ์ 2484 บก.ต้องรับผิดชอบต่อเนื้อหาของหนังสือที่จัดพิมพ์ แต่ พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ.2550 นั้น ไม่ได้ระบุว่าให้บรรณาธิการเป็นผู้รับผิดชอบ
สุวิทย์ ทองนวล ทนายจำเลยได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ภายหลังการสืบพยานว่า กฎหมายใหม่ไม่ได้ระบุว่าบรรณาธิการต้องรับผิดชอบด้วย หากบทความเข้าข่ายความผิดผู้เขียนต้องรับผิดชอบ การที่เจ้าหน้าที่จับตัวผู้เขียนไม่ได้ ก็ไม่ใช่ความผิดของเรา หรือต่อให้ยืนยันว่าบรรณาธิการต้องรับผิดชอบเนื้อหาที่ตีพิมพ์ก็ยังไม่ใช่นายสมยศอยู่ดี เพราะมีบรรณาธิการอีกคนหนึ่งซึ่งมีชื่อปรากฏอยู่ในหนังสือ แต่กลับไม่ถูกดำเนินคดี เพราะดีเอสไออ้างว่านายสมยศแสดงตนเสมือนเป็นบรรณาธิการ
สำหรับประวัติการทำงานที่ผ่านมา สมยศเบิกความต่อศาลว่า เคยทำสำนักพิมพ์สยามปริทัศน์และหนังสืออื่นๆ มาก่อนจะมาทำนิตยสาร Voice of Taksin หลังจากโดนศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) สั่งปิด ก็มาเป็นบรรณาธิการของนิตยสาร Red Power ต่อในเดือน ก.ค.53
หลังเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 สมยศและสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ได้แถลงข่าวเรียกร้องให้รัฐบาลประชาธิปัตย์รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ จากนั้นทั้งสองก็ถูกนำตัวไปควบคุมไว้ที่ค่ายทหาร โดยสุธาชัยถูกควบคุมตัว 7 วัน สมยศถูกควบคุมตัว 21 วัน โดยไม่มีการสั่งฟ้องคดีใดๆ ระหว่างนั้น Voice of Taksin ถูกปิด ทีมงานเดิมจึงเปิด Red Power ขึ้นมาใหม่โดยตีพิมพ์ได้ 5 เล่ม ก็ถูกสั่งปิดโรงพิมพ์ จึงได้ไปจ้างพิมพ์ที่ประเทศกัมพูชาแล้วนำเข้ามาจำหน่ายในไทย พร้อมๆ กับการจัดทัวร์ท่องเที่ยวกัมพูชาด้วย
สมยศ ระบุว่า เขาเชื่อว่าการจับกุมเขามีที่มาจากผังล้มเจ้า ซึ่งระบุถึงหนังสือ Voice of Taksin และผู้เกี่ยวข้องหลายคน รวมถึงสุธาชัยด้วย ซึ่งภายหลังสุธาชัยได้ฟ้องหมิ่นประมาท พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. ผู้ประกาศผังล้มเจ้า จนสุดท้าย พ.อ.สรรเสริญ ยอมรับว่าผังไม่มีมูล จึงได้มียอมความกันไป
ในทัศนะของสมยศ เขาคิดว่า สถาบันกษัตริย์อยู่เหนือความขัดแย้ง และยุ่งเกี่ยวกับการเมืองไม่ได้ ซึ่งย้อนไปในอดีตจะพบว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ได้ออกมาต่อต้านรัฐบาลทักษิณจนนำมาสู่การรัฐประหาร โดยมีข้ออ้างว่ารัฐบาลทักษิณไม่จงรักภักดี และยังแอบอ้างสถาบันกษัตริย์ในการเคลื่อนไหวตลอดเวลา จนมีประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งออกมาต่อต้านและถูกจับกุมด้วยข้อหาไม่จงรักภักดีจำนวนมาก ทั้งที่พระองค์เคยมีพระราชดำรัสไว้ว่าพระมหากษัตริย์นั้นถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสื่อมวลชนต้องมีเสรีภาพในการนำเสนอความจริง กระนั้นตนก็ไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ และมีความจงรักภักดีต่อสถาบันเหมือนประชาชนทั่วไป เพียงแต่ไม่เห็นด้วยกับมาตรา 112 และเห็นว่ามันถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองทำลายฝ่ายอื่น อีกทั้งโทษ 3-15 ปีก็สูงเกินกว่าเหตุ และขัดต่อหลักสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงหลักนิติรัฐ ส่วนพฤติกรรมที่ผ่านมา เคยแถลงข่าวถึงปัญหาเรื่องนี้และเสนอการรวบรวมรายชื่อเพื่อยกเลิกมาตรา112 แต่ยังไม่ทันได้ดำเนินการก็ถูกจับกุมคุมขังในสัปดาห์ถัดมา
“ผมมีหน้าที่พูดในข้อเท็จจริง ถ้าพูดแล้วเขาจะลงโทษก็ไม่เป็นไร ถือว่าชีวิตนี้ทำหน้าที่แล้ว จบแล้ว” สมยศให้สัมภาษณ์ผู้สังเกตการณ์จากต่างประเทศหลังเสร็จสิ้นการสืบพยานในช่วงเช้า
ทั้งนี้ สมยศถูกจับกุมที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้วเมื่อวันที่ 30 เม.ย.54 ขณะพาคณะทัวร์เตรียมผ่านแดนไปกัมพูชา โดยถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด เนื่องจากเป็นบรรณาธิการนิตยสาร Voice of Taksin ซึ่งตีพิมพ์บทความของ “จิตร พลจันทร์” ซึ่งเข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง 2 บทความ โดยตีพิมพ์ในฉบับที่ 15 เดือนกุมภาพันธ์ 2553 ชื่อ “แผนนองเลือดกับยิงข้ามรุ่น” และในฉบับที่ 16 เดือนมีนาคม 2553 ชื่อ เรื่อง 6 ตุลา แห่ง พ.ศ.2553 ซึ่งตามคำฟ้องระบุความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58, 91, 112 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4
หลังจากถูกจับกุมเขาถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยไม่ได้รับการประกันตัวแม้จะมีการยื่นขอประกันถึง 9 ครั้ง ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการสืบพยาน โดยที่ผ่านมามีการสืบพยานโจทก์ไปแล้ว 4 ครั้งในจังหวัดต่างๆ ได้แก่ จังหวัดสระแก้ว เมื่อวันที่ 21 พ.ย.54, จังหวัดเพชรบูรณ์เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.54, จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 16 ม.ค.55, จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 13 ก.พ.55 แต่มีการเลื่อนมาสืบพยานที่กรุงเทพฯ เนื่องจากพยานอยู่กรุงเทพฯและจะสืบพยานจำเลยในวันที่ 1-3 พ.ค.55 โดยในวันพรุ่งนี้ช่วงเช้านายปิยบุตร แสงกนกกุล จากกลุ่มนิติราษฎร์ จะขึ้นให้การเป็นพยาน
http://www.khaosod.c...PQ==§ionid=
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ข่าวเกี่ยวเนื่องกับจักกะพบ เอามาให้อ่านกัน
Edited by asawinee, 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 21:34.
#24
ตอบ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 21:42
#25
ตอบ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 06:44
สมยศเบิกความ ชี้ “จักรภพ เพ็ญแข” ตัวจริงเขียนบทความ อ่านแล้วตีความแค่ “อำมาตย์”
สมยศเบิกความระบุ “จิตร พลจันทร์” นามแฝงของ “จักรภพ เพ็ญแข” เขียนบทความที่ถูกฟ้อง เขียนมาก่อนเขาเป็นบก. พร้อมแจงอ่านบทความคร่าวๆ เห็นว่าหมายถึง “อำมาตย์” ไม่อาจโยงถึงกษัตริย์ได้ ด้านทนายชี้ พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ ฉบับใหม่ บก.ไม่ใช่ผู้รับผิดชอบเนื้อหา ดีเอสไอจับคนเขียนไม่ได้ จึงโยงจับสมยศ
วันที่ 1 พ.ค. 55 ที่ศาลอาญา รัชดา มีการสืบพยานจำเลยเป็นวันแรก ในคดีที่นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข เป็นจำเลยในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา จากกรณีที่นายสมยศเป็นบรรณาธิการบริหารของนิตยสาร Voice of Taksin ที่มีการตีพิมพ์บทความ 2 เรื่องที่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 112
จำเลยอ้างตนเองเป็นพยาน เบิกความว่า ในปี 2552 เป็นเพียงผู้เขียนคนหนึ่งใน นิตยสาร Voice of Taksin ต่อมาเมื่อถึงฉบับที่ 9 จึงมารับหน้าที่เป็นบรรณาธิการบริหาร (บก.บห.) ต่อจากนายประแสง มงคลสิริ (ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ-ประชาไท) โดยได้ค่าจ้าง 25,000 บาท นิตยสารเล่มนี้ไม่มีใครเป็นเจ้าของเด็ดขาด เนื่องจากร่วมกันหลายหุ้นและช่วยๆ กันทำ ส่วนเหตุที่ใช้ชื่อนี้ก็เป็นเพราะเหตุผลทางการตลาด มีแนวทางในการวิพากษ์วิจารณ์การรัฐประหาร พรรคประชาธิปัตย์ เน้นเรื่องสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย กระทั่งถูกสั่งปิดซึ่งเชื่อว่าเป็นเพราะมีเนื้อหาวิพากษ์การโยกย้ายนายพลในช่วงเวลานั้นอย่างหนัก
สำหรับบทความที่ตีพิมพ์นั้น แบ่งเป็นบทความประจำที่ลงต่อเนื่อง และบทความใหม่ๆ ที่ต้องทำเพิ่มให้ทันสถานการณ์ ในส่วนบทความประจำจะมีทั้งผู้เขียนที่ใช้ชื่อจริงและนามแฝง โดยผู้มีชื่อเสียงเป็นที่น่าเชื่อถือของสังคมจะได้รับการลงพิมพ์ทั้งหมดโดยไม่มีการตัดทอนบทความแต่อย่างใด โดยปกติตนมีหน้าที่อ่านเพียงคร่าวๆ เนื่องจากมีบทความต้องพิจารณามาก และต้องเร่งให้ทันการปิดเล่ม
เมื่อถามว่า “จิตร พลจันทร์” เจ้าของบทความที่เป็นเหตุให้ถูกฟ้องคือใคร สมยศ ตอบว่า จักรภพ เพ็ญแข ซึ่งเป็นคอลัมนิสต์ของนิตยสารตั้งแต่ฉบับแรกๆ ก่อนที่เขาจะมาทำหน้าที่เป็น บก.บห. โดยผู้ประสานงานติดต่อให้จักรภพมาเป็นคอลัมนิสต์คือ นายประแสง
เมื่ออัยการถามว่าใครเป็นผู้ตัดสินใจคัดเลือกบทความในขั้นสุดท้าย สมยศขอดูรายชื่อกรรมการในนิตยสารอีกครั้งพร้อมระบุว่า ไม่อยู่ในรายชื่อนี้ จากนั้นอัยการได้ซักถามเพิ่มเติมจนสุดท้ายสมยศตอบว่า ผู้มีสิทธิตัดสินใจขั้นสุดท้ายในการลงบทความ ก็คือตัวนักเขียนเอง ตนมีหน้าที่นำไปส่งโรงพิมพ์
ในด้านเนื้อหาของบทความ นายสมยศตอบทนายว่า เมื่ออ่านบทความของจิตรฯ แล้วคิดว่าสื่อถึง “อำมาตย์” ไม่คิดว่าจะสื่อความถึงสถาบันกษัตริย์ อีกทั้งภาพประกอบบทความก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์แต่อย่างใด ไม่น่าจะทำให้ผู้อ่านโน้มเอียงไปในทางนั้นได้ ในส่วนที่พยานอื่นระบุว่าหมายถึงพระเจ้าตากสิน เขาไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น เนื่องจากไม่มีการเอ่ยอ้างถึงท่อนจันทร์ แต่กล่าวถึงถุงแดงซึ่งเขาไม่ทราบว่าหมายถึงอะไร การกล่าวถึงผู้อยู่ชั้นบนของโรงพยาบาลพระรามเก้าก็ไม่เกี่ยวข้องกษัตริย์ เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่โรงพยาบาลศิริราชโดยตลอด ส่วนการกล่าวถึงตัวละคร “หลวงนฤบาล” ก็ไม่อาจเทียบเคียงได้ว่าหมายถึงพระมหากษัตริย์ เพราะตำแหน่งหลวงนั้นต่ำกว่า อีกทั้งบทความยังระบุว่าหลวงนฤบาลสอพลอทหารใหญ่ ซึ่งน่าจะหมายถึงนายทหารที่ยศต่ำกว่าจอมพลฤษดิ์ ธนะรัชต์ จึงเชื่อว่าไม่ได้หมายถึงกษัตริย์อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ยังมีการเบิกความเกี่ยวกับกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ โดยสมยศเบิกความว่า เนื่องจากเป็นสื่อมวลชน ก็ได้ศึกษาข้อกฎหมายอยู่บ้าง โดยรู้ว่าตาม พ.ร.บ.สิ่งพิมพ์ 2484 บก.ต้องรับผิดชอบต่อเนื้อหาของหนังสือที่จัดพิมพ์ แต่ พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ.2550 นั้น ไม่ได้ระบุว่าให้บรรณาธิการเป็นผู้รับผิดชอบ
สุวิทย์ ทองนวล ทนายจำเลยได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ภายหลังการสืบพยานว่า กฎหมายใหม่ไม่ได้ระบุว่าบรรณาธิการต้องรับผิดชอบด้วย หากบทความเข้าข่ายความผิดผู้เขียนต้องรับผิดชอบ การที่เจ้าหน้าที่จับตัวผู้เขียนไม่ได้ ก็ไม่ใช่ความผิดของเรา หรือต่อให้ยืนยันว่าบรรณาธิการต้องรับผิดชอบเนื้อหาที่ตีพิมพ์ก็ยังไม่ใช่นายสมยศอยู่ดี เพราะมีบรรณาธิการอีกคนหนึ่งซึ่งมีชื่อปรากฏอยู่ในหนังสือ แต่กลับไม่ถูกดำเนินคดี เพราะดีเอสไออ้างว่านายสมยศแสดงตนเสมือนเป็นบรรณาธิการ
สำหรับประวัติการทำงานที่ผ่านมา สมยศเบิกความต่อศาลว่า เคยทำสำนักพิมพ์สยามปริทัศน์และหนังสืออื่นๆ มาก่อนจะมาทำนิตยสาร Voice of Taksin หลังจากโดนศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) สั่งปิด ก็มาเป็นบรรณาธิการของนิตยสาร Red Power ต่อในเดือน ก.ค.53
หลังเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 สมยศและสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ได้แถลงข่าวเรียกร้องให้รัฐบาลประชาธิปัตย์รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ จากนั้นทั้งสองก็ถูกนำตัวไปควบคุมไว้ที่ค่ายทหาร โดยสุธาชัยถูกควบคุมตัว 7 วัน สมยศถูกควบคุมตัว 21 วัน โดยไม่มีการสั่งฟ้องคดีใดๆ ระหว่างนั้น Voice of Taksin ถูกปิด ทีมงานเดิมจึงเปิด Red Power ขึ้นมาใหม่โดยตีพิมพ์ได้ 5 เล่ม ก็ถูกสั่งปิดโรงพิมพ์ จึงได้ไปจ้างพิมพ์ที่ประเทศกัมพูชาแล้วนำเข้ามาจำหน่ายในไทย พร้อมๆ กับการจัดทัวร์ท่องเที่ยวกัมพูชาด้วย
สมยศ ระบุว่า เขาเชื่อว่าการจับกุมเขามีที่มาจากผังล้มเจ้า ซึ่งระบุถึงหนังสือ Voice of Taksin และผู้เกี่ยวข้องหลายคน รวมถึงสุธาชัยด้วย ซึ่งภายหลังสุธาชัยได้ฟ้องหมิ่นประมาท พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. ผู้ประกาศผังล้มเจ้า จนสุดท้าย พ.อ.สรรเสริญ ยอมรับว่าผังไม่มีมูล จึงได้มียอมความกันไป
ในทัศนะของสมยศ เขาคิดว่า สถาบันกษัตริย์อยู่เหนือความขัดแย้ง และยุ่งเกี่ยวกับการเมืองไม่ได้ ซึ่งย้อนไปในอดีตจะพบว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ได้ออกมาต่อต้านรัฐบาลทักษิณจนนำมาสู่การรัฐประหาร โดยมีข้ออ้างว่ารัฐบาลทักษิณไม่จงรักภักดี และยังแอบอ้างสถาบันกษัตริย์ในการเคลื่อนไหวตลอดเวลา จนมีประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งออกมาต่อต้านและถูกจับกุมด้วยข้อหาไม่จงรักภักดีจำนวนมาก ทั้งที่พระองค์เคยมีพระราชดำรัสไว้ว่าพระมหากษัตริย์นั้นถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสื่อมวลชนต้องมีเสรีภาพในการนำเสนอความจริง กระนั้นตนก็ไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ และมีความจงรักภักดีต่อสถาบันเหมือนประชาชนทั่วไป เพียงแต่ไม่เห็นด้วยกับมาตรา 112 และเห็นว่ามันถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองทำลายฝ่ายอื่น อีกทั้งโทษ 3-15 ปีก็สูงเกินกว่าเหตุ และขัดต่อหลักสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงหลักนิติรัฐ ส่วนพฤติกรรมที่ผ่านมา เคยแถลงข่าวถึงปัญหาเรื่องนี้และเสนอการรวบรวมรายชื่อเพื่อยกเลิกมาตรา112 แต่ยังไม่ทันได้ดำเนินการก็ถูกจับกุมคุมขังในสัปดาห์ถัดมา
“ผมมีหน้าที่พูดในข้อเท็จจริง ถ้าพูดแล้วเขาจะลงโทษก็ไม่เป็นไร ถือว่าชีวิตนี้ทำหน้าที่แล้ว จบแล้ว” สมยศให้สัมภาษณ์ผู้สังเกตการณ์จากต่างประเทศหลังเสร็จสิ้นการสืบพยานในช่วงเช้า
ทั้งนี้ สมยศถูกจับกุมที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้วเมื่อวันที่ 30 เม.ย.54 ขณะพาคณะทัวร์เตรียมผ่านแดนไปกัมพูชา โดยถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด เนื่องจากเป็นบรรณาธิการนิตยสาร Voice of Taksin ซึ่งตีพิมพ์บทความของ “จิตร พลจันทร์” ซึ่งเข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง 2 บทความ โดยตีพิมพ์ในฉบับที่ 15 เดือนกุมภาพันธ์ 2553 ชื่อ “แผนนองเลือดกับยิงข้ามรุ่น” และในฉบับที่ 16 เดือนมีนาคม 2553 ชื่อ เรื่อง 6 ตุลา แห่ง พ.ศ.2553 ซึ่งตามคำฟ้องระบุความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58, 91, 112 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4
หลังจากถูกจับกุมเขาถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยไม่ได้รับการประกันตัวแม้จะมีการยื่นขอประกันถึง 9 ครั้ง ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการสืบพยาน โดยที่ผ่านมามีการสืบพยานโจทก์ไปแล้ว 4 ครั้งในจังหวัดต่างๆ ได้แก่ จังหวัดสระแก้ว เมื่อวันที่ 21 พ.ย.54, จังหวัดเพชรบูรณ์เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.54, จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 16 ม.ค.55, จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 13 ก.พ.55 แต่มีการเลื่อนมาสืบพยานที่กรุงเทพฯ เนื่องจากพยานอยู่กรุงเทพฯและจะสืบพยานจำเลยในวันที่ 1-3 พ.ค.55 โดยในวันพรุ่งนี้ช่วงเช้านายปิยบุตร แสงกนกกุล จากกลุ่มนิติราษฎร์ จะขึ้นให้การเป็นพยาน
http://www.khaosod.c...PQ==§ionid=
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ข่าวเกี่ยวเนื่องกับจักกะพบ เอามาให้อ่านกัน
ภายหลังสืบพยานจำเลยเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 3 พค. 2555 แล้ว ศาลให้นัดพร้อมในวันที่ 19 ก.ย.นี้ เวลา 09.00 น. เพื่อรอฟังผลคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ศาลอาญาได้มีคำสั่งให้ส่งคำร้องที่จำเลยได้ขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ขัดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญฯ ปี 2550 หรือไม่ ก่อนที่ศาลอาญาจะนัดอ่านคำพิพากษาคดีนี้ต่อไป
http://breakingnews....p?newsid=631197
- asawinee likes this
AMAZING coup d'etat , THAILAND ONLY ..
#26
ตอบ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 12:31
สมยศเบิกความ ชี้ “จักรภพ เพ็ญแข” ตัวจริงเขียนบทความ อ่านแล้วตีความแค่ “อำมาตย์”
สมยศเบิกความระบุ “จิตร พลจันทร์” นามแฝงของ “จักรภพ เพ็ญแข” เขียนบทความที่ถูกฟ้อง เขียนมาก่อนเขาเป็นบก. พร้อมแจงอ่านบทความคร่าวๆ เห็นว่าหมายถึง “อำมาตย์” ไม่อาจโยงถึงกษัตริย์ได้ ด้านทนายชี้ พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ ฉบับใหม่ บก.ไม่ใช่ผู้รับผิดชอบเนื้อหา ดีเอสไอจับคนเขียนไม่ได้ จึงโยงจับสมยศ
วันที่ 1 พ.ค. 55 ที่ศาลอาญา รัชดา มีการสืบพยานจำเลยเป็นวันแรก ในคดีที่นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข เป็นจำเลยในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา จากกรณีที่นายสมยศเป็นบรรณาธิการบริหารของนิตยสาร Voice of Taksin ที่มีการตีพิมพ์บทความ 2 เรื่องที่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 112
จำเลยอ้างตนเองเป็นพยาน เบิกความว่า ในปี 2552 เป็นเพียงผู้เขียนคนหนึ่งใน นิตยสาร Voice of Taksin ต่อมาเมื่อถึงฉบับที่ 9 จึงมารับหน้าที่เป็นบรรณาธิการบริหาร (บก.บห.) ต่อจากนายประแสง มงคลสิริ (ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ-ประชาไท) โดยได้ค่าจ้าง 25,000 บาท นิตยสารเล่มนี้ไม่มีใครเป็นเจ้าของเด็ดขาด เนื่องจากร่วมกันหลายหุ้นและช่วยๆ กันทำ ส่วนเหตุที่ใช้ชื่อนี้ก็เป็นเพราะเหตุผลทางการตลาด มีแนวทางในการวิพากษ์วิจารณ์การรัฐประหาร พรรคประชาธิปัตย์ เน้นเรื่องสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย กระทั่งถูกสั่งปิดซึ่งเชื่อว่าเป็นเพราะมีเนื้อหาวิพากษ์การโยกย้ายนายพลในช่วงเวลานั้นอย่างหนัก
สำหรับบทความที่ตีพิมพ์นั้น แบ่งเป็นบทความประจำที่ลงต่อเนื่อง และบทความใหม่ๆ ที่ต้องทำเพิ่มให้ทันสถานการณ์ ในส่วนบทความประจำจะมีทั้งผู้เขียนที่ใช้ชื่อจริงและนามแฝง โดยผู้มีชื่อเสียงเป็นที่น่าเชื่อถือของสังคมจะได้รับการลงพิมพ์ทั้งหมดโดยไม่มีการตัดทอนบทความแต่อย่างใด โดยปกติตนมีหน้าที่อ่านเพียงคร่าวๆ เนื่องจากมีบทความต้องพิจารณามาก และต้องเร่งให้ทันการปิดเล่ม
เมื่อถามว่า “จิตร พลจันทร์” เจ้าของบทความที่เป็นเหตุให้ถูกฟ้องคือใคร สมยศ ตอบว่า จักรภพ เพ็ญแข ซึ่งเป็นคอลัมนิสต์ของนิตยสารตั้งแต่ฉบับแรกๆ ก่อนที่เขาจะมาทำหน้าที่เป็น บก.บห. โดยผู้ประสานงานติดต่อให้จักรภพมาเป็นคอลัมนิสต์คือ นายประแสง
เมื่ออัยการถามว่าใครเป็นผู้ตัดสินใจคัดเลือกบทความในขั้นสุดท้าย สมยศขอดูรายชื่อกรรมการในนิตยสารอีกครั้งพร้อมระบุว่า ไม่อยู่ในรายชื่อนี้ จากนั้นอัยการได้ซักถามเพิ่มเติมจนสุดท้ายสมยศตอบว่า ผู้มีสิทธิตัดสินใจขั้นสุดท้ายในการลงบทความ ก็คือตัวนักเขียนเอง ตนมีหน้าที่นำไปส่งโรงพิมพ์
ในด้านเนื้อหาของบทความ นายสมยศตอบทนายว่า เมื่ออ่านบทความของจิตรฯ แล้วคิดว่าสื่อถึง “อำมาตย์” ไม่คิดว่าจะสื่อความถึงสถาบันกษัตริย์ อีกทั้งภาพประกอบบทความก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์แต่อย่างใด ไม่น่าจะทำให้ผู้อ่านโน้มเอียงไปในทางนั้นได้ ในส่วนที่พยานอื่นระบุว่าหมายถึงพระเจ้าตากสิน เขาไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น เนื่องจากไม่มีการเอ่ยอ้างถึงท่อนจันทร์ แต่กล่าวถึงถุงแดงซึ่งเขาไม่ทราบว่าหมายถึงอะไร การกล่าวถึงผู้อยู่ชั้นบนของโรงพยาบาลพระรามเก้าก็ไม่เกี่ยวข้องกษัตริย์ เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่โรงพยาบาลศิริราชโดยตลอด ส่วนการกล่าวถึงตัวละคร “หลวงนฤบาล” ก็ไม่อาจเทียบเคียงได้ว่าหมายถึงพระมหากษัตริย์ เพราะตำแหน่งหลวงนั้นต่ำกว่า อีกทั้งบทความยังระบุว่าหลวงนฤบาลสอพลอทหารใหญ่ ซึ่งน่าจะหมายถึงนายทหารที่ยศต่ำกว่าจอมพลฤษดิ์ ธนะรัชต์ จึงเชื่อว่าไม่ได้หมายถึงกษัตริย์อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ยังมีการเบิกความเกี่ยวกับกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ โดยสมยศเบิกความว่า เนื่องจากเป็นสื่อมวลชน ก็ได้ศึกษาข้อกฎหมายอยู่บ้าง โดยรู้ว่าตาม พ.ร.บ.สิ่งพิมพ์ 2484 บก.ต้องรับผิดชอบต่อเนื้อหาของหนังสือที่จัดพิมพ์ แต่ พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ.2550 นั้น ไม่ได้ระบุว่าให้บรรณาธิการเป็นผู้รับผิดชอบ
สุวิทย์ ทองนวล ทนายจำเลยได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ภายหลังการสืบพยานว่า กฎหมายใหม่ไม่ได้ระบุว่าบรรณาธิการต้องรับผิดชอบด้วย หากบทความเข้าข่ายความผิดผู้เขียนต้องรับผิดชอบ การที่เจ้าหน้าที่จับตัวผู้เขียนไม่ได้ ก็ไม่ใช่ความผิดของเรา หรือต่อให้ยืนยันว่าบรรณาธิการต้องรับผิดชอบเนื้อหาที่ตีพิมพ์ก็ยังไม่ใช่นายสมยศอยู่ดี เพราะมีบรรณาธิการอีกคนหนึ่งซึ่งมีชื่อปรากฏอยู่ในหนังสือ แต่กลับไม่ถูกดำเนินคดี เพราะดีเอสไออ้างว่านายสมยศแสดงตนเสมือนเป็นบรรณาธิการ
สำหรับประวัติการทำงานที่ผ่านมา สมยศเบิกความต่อศาลว่า เคยทำสำนักพิมพ์สยามปริทัศน์และหนังสืออื่นๆ มาก่อนจะมาทำนิตยสาร Voice of Taksin หลังจากโดนศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) สั่งปิด ก็มาเป็นบรรณาธิการของนิตยสาร Red Power ต่อในเดือน ก.ค.53
หลังเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 สมยศและสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ได้แถลงข่าวเรียกร้องให้รัฐบาลประชาธิปัตย์รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ จากนั้นทั้งสองก็ถูกนำตัวไปควบคุมไว้ที่ค่ายทหาร โดยสุธาชัยถูกควบคุมตัว 7 วัน สมยศถูกควบคุมตัว 21 วัน โดยไม่มีการสั่งฟ้องคดีใดๆ ระหว่างนั้น Voice of Taksin ถูกปิด ทีมงานเดิมจึงเปิด Red Power ขึ้นมาใหม่โดยตีพิมพ์ได้ 5 เล่ม ก็ถูกสั่งปิดโรงพิมพ์ จึงได้ไปจ้างพิมพ์ที่ประเทศกัมพูชาแล้วนำเข้ามาจำหน่ายในไทย พร้อมๆ กับการจัดทัวร์ท่องเที่ยวกัมพูชาด้วย
สมยศ ระบุว่า เขาเชื่อว่าการจับกุมเขามีที่มาจากผังล้มเจ้า ซึ่งระบุถึงหนังสือ Voice of Taksin และผู้เกี่ยวข้องหลายคน รวมถึงสุธาชัยด้วย ซึ่งภายหลังสุธาชัยได้ฟ้องหมิ่นประมาท พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. ผู้ประกาศผังล้มเจ้า จนสุดท้าย พ.อ.สรรเสริญ ยอมรับว่าผังไม่มีมูล จึงได้มียอมความกันไป
ในทัศนะของสมยศ เขาคิดว่า สถาบันกษัตริย์อยู่เหนือความขัดแย้ง และยุ่งเกี่ยวกับการเมืองไม่ได้ ซึ่งย้อนไปในอดีตจะพบว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ได้ออกมาต่อต้านรัฐบาลทักษิณจนนำมาสู่การรัฐประหาร โดยมีข้ออ้างว่ารัฐบาลทักษิณไม่จงรักภักดี และยังแอบอ้างสถาบันกษัตริย์ในการเคลื่อนไหวตลอดเวลา จนมีประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งออกมาต่อต้านและถูกจับกุมด้วยข้อหาไม่จงรักภักดีจำนวนมาก ทั้งที่พระองค์เคยมีพระราชดำรัสไว้ว่าพระมหากษัตริย์นั้นถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสื่อมวลชนต้องมีเสรีภาพในการนำเสนอความจริง กระนั้นตนก็ไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ และมีความจงรักภักดีต่อสถาบันเหมือนประชาชนทั่วไป เพียงแต่ไม่เห็นด้วยกับมาตรา 112 และเห็นว่ามันถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองทำลายฝ่ายอื่น อีกทั้งโทษ 3-15 ปีก็สูงเกินกว่าเหตุ และขัดต่อหลักสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงหลักนิติรัฐ ส่วนพฤติกรรมที่ผ่านมา เคยแถลงข่าวถึงปัญหาเรื่องนี้และเสนอการรวบรวมรายชื่อเพื่อยกเลิกมาตรา112 แต่ยังไม่ทันได้ดำเนินการก็ถูกจับกุมคุมขังในสัปดาห์ถัดมา
“ผมมีหน้าที่พูดในข้อเท็จจริง ถ้าพูดแล้วเขาจะลงโทษก็ไม่เป็นไร ถือว่าชีวิตนี้ทำหน้าที่แล้ว จบแล้ว” สมยศให้สัมภาษณ์ผู้สังเกตการณ์จากต่างประเทศหลังเสร็จสิ้นการสืบพยานในช่วงเช้า
ทั้งนี้ สมยศถูกจับกุมที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้วเมื่อวันที่ 30 เม.ย.54 ขณะพาคณะทัวร์เตรียมผ่านแดนไปกัมพูชา โดยถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด เนื่องจากเป็นบรรณาธิการนิตยสาร Voice of Taksin ซึ่งตีพิมพ์บทความของ “จิตร พลจันทร์” ซึ่งเข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง 2 บทความ โดยตีพิมพ์ในฉบับที่ 15 เดือนกุมภาพันธ์ 2553 ชื่อ “แผนนองเลือดกับยิงข้ามรุ่น” และในฉบับที่ 16 เดือนมีนาคม 2553 ชื่อ เรื่อง 6 ตุลา แห่ง พ.ศ.2553 ซึ่งตามคำฟ้องระบุความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58, 91, 112 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4
หลังจากถูกจับกุมเขาถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยไม่ได้รับการประกันตัวแม้จะมีการยื่นขอประกันถึง 9 ครั้ง ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการสืบพยาน โดยที่ผ่านมามีการสืบพยานโจทก์ไปแล้ว 4 ครั้งในจังหวัดต่างๆ ได้แก่ จังหวัดสระแก้ว เมื่อวันที่ 21 พ.ย.54, จังหวัดเพชรบูรณ์เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.54, จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 16 ม.ค.55, จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 13 ก.พ.55 แต่มีการเลื่อนมาสืบพยานที่กรุงเทพฯ เนื่องจากพยานอยู่กรุงเทพฯและจะสืบพยานจำเลยในวันที่ 1-3 พ.ค.55 โดยในวันพรุ่งนี้ช่วงเช้านายปิยบุตร แสงกนกกุล จากกลุ่มนิติราษฎร์ จะขึ้นให้การเป็นพยาน
http://www.khaosod.c...PQ==§ionid=
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ข่าวเกี่ยวเนื่องกับจักกะพบ เอามาให้อ่านกัน
ภายหลังสืบพยานจำเลยเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 3 พค. 2555 แล้ว ศาลให้นัดพร้อมในวันที่ 19 ก.ย.นี้ เวลา 09.00 น. เพื่อรอฟังผลคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ศาลอาญาได้มีคำสั่งให้ส่งคำร้องที่จำเลยได้ขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ขัดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญฯ ปี 2550 หรือไม่ ก่อนที่ศาลอาญาจะนัดอ่านคำพิพากษาคดีนี้ต่อไป
http://breakingnews....p?newsid=631197
พวกล้มเจ้านี่จะเอาให้ได้เลยใช่ไหม?
ฟ้องศาล รธน ว่า ม112 ขัด รธน 50 รึเปล่า
ไหนว่า รธน 50 เป็นผลไม้พิษไง ทำไมทีนี้ล่ะเอามาเสพ
#27
ตอบ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 12:58
เสถียร วิริยะพรรณพงศา @satien_nna
การต่อสู้คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาตรา 112 ของนายสมยศ พฤกษาเกษมสุขในฐานะบรรณาธิการนิตยสาร Voice of Taksin แม้จะเป็นเชื้อให้นักเคลื่อนไหวเล็กๆกลุ่มหนี่งได้ใช้เป็นเงื่อนไขในการรณรงค์เรียกร้องให้แก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายอาญามาตรานี้ แต่กลับไม่ปรากฏว่ามีการสนับสนุนจากขบวนใหญ่ของคนเสื้อแดงอย่างนปช. ไม่สมกับที่สมยศเองในอดีตคือหนึ่งในผู้ปลุกปั้นนปช.ให้กลายเป็นพลังมวลชนที่ต่อกรกับกลุ่มอำมาตย์ได้อย่างทรงพลัง
การเคลื่อนไปข้างหน้าเพื่อเรียกร้องให้แก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 อย่างโดดเดี่ยวโดยที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย และนปช.ไม่สนใจสักนิด ตอกย้ำให้เห็นว่า ขบวนการเสื้อแดงเหมือนขบวนรถไฟที่มุ่งหน้าออกจากสถานี แล้วจอดรับคนมาเรื่อยๆ .. ผู้โดยสารหลากหลายต้องการจะลงแต่ละสถานีที่ไม่เหมือนกัน พูดง่ายๆคือขบวนการเสื้อแดงไม่ได้ตกลงกันให้ดีว่าปลายทางที่ทุกฝ่ายพอใจร่วมกันนั้นอยู่จุดไหนกันแน่ เพื่อจะได้ลงพร้อมๆกัน
วันนี้จึงเกิดปรากฏการณ์ที่สุดแสนจะสับสนระหว่างคนในขบวนการ แต่ละคนเห็นว่าสถานีที่ตัวจะลงเหมาะสมที่สุด อย่างพวกที่เป็นรัฐมนตรีหรือส.ส. คนพวกนี้สมอารมณ์หมายแล้วก็อยากหยุดเวลาให้การเมืองนิ่งที่สุด ทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดการปรองดองแม้จะต้องคลานเข่าเข้าพบศัตรูตัวฉกาจที่อดีตเคยยกพลไปล้อมบ้านด้วยความโกรธแค้นอย่างพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ก็ยังยอมคลานไปแล้ว
ขณะที่ผู้โดยสารในขบวนเสื้อแดงอีกกลุ่มหนึ่งยังคงมุ่งมั่นที่จะรื้อมาตรา 112 กลุ่มนี้คิดการใหญ่กว่าพวกแรก มีเป้าหมายปลายทางที่ไกลกว่า มีรัฐอุดมคติอยู่ในใจ หวังเกาะขบวนเสื้อแดงเพื่อไปลงสถานีอันไกลโพ้น หากแต่ผู้โดยสารกลุ่มนี้มีน้อยเหลือเกิน ต่างกับพวกแรกที่พอใจแค่ได้มีอำนาจ
นับวันการเคลื่อนไหวรื้อมาตรา 112 จะยิ่งเป็นอันตรายต่อคนส่วนใหญ่ในขบวน สวนทางกับแนวทางของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ปัจจุบันพยายามแสดงตนเป็นเด็กดีของอำมาตย์ ฉะนั้นกลุ่มต้าน 112 จึงเป็นสิ่งแปลกปลอมในขบวนรถไฟสายสีแดงมากขึ้นเรื่อยๆ รอวันเวลาที่เหมาะสมถูกเขี่ยลงจากขบวนรถไม่ปล่อยไว้เป็นเสี้ยนหนามแน่ๆ นี่เป็นสัจธรรมของอำนาจที่เมื่อเสร็จนาฆ่าโคถึก ตึกใหญ่สร้างเสร็จแล้ว นั่งร้านก็ต้องถูกรื้อทิ้ง ไม่เก็บไว้ให้เกะกะ รกหูรกตา
AMAZING coup d'etat , THAILAND ONLY ..
#29
ตอบ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 17:49
มีขบวนการ “อาม่า สยบอากง” ผลสืบเนื่องในอีกฝั่งที่ต่อต้านคดีอากง
เป็นการเขียน “อาม่าสยบอากง” บนฝ่ามือเช่นกัน สะท้อนให้เห็นความคิดเห็นที่แตกต่าง
อย่างสุดขั้วภายในสังคมไทย ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการถกเถียงกันอีกยาว
AMAZING coup d'etat , THAILAND ONLY ..
#30
ตอบ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 17:54
AMAZING coup d'etat , THAILAND ONLY ..
#32
ตอบ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 14:24
#33
ตอบ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 15:25
มันบอกว่าเอาศพมาทำประโยชน์
..
มันน่าเขียนพินัยกรรมตัวเองไว้นะ ว่า
ตายเมื่อไหร่ช่วยเอาศพมันไปทำประโยชน์ด้วย
#34
ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 11:38
#35
ตอบ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2555 - 13:42
#36
ตอบ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2555 - 14:23
#38
ตอบ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555 - 23:26
คล้ายคน คล้ายสัตว์
ครึ่งคนครึ่งเปรต
#39
ตอบ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 10:04
#42
ตอบ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 13:14
โดนแม้วกับพวกหลอกให้ทำผิดกฎหมายไปกี่คนแล้ว พวกนี้ไม่เข็ด โง่ให้แม้วกับพวกหลอกใช้อยู่นั่นรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่เคยพูดถึงคดี "สมยศ"
- เกลียดเควี้ยแดง likes this
#43
ตอบ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 13:20
ป่านนี้คางคกช่วยดูแลเมียให้แล้วมั้งคนนี้ด้วยคะ
- เกลียดเควี้ยแดง likes this
#44
ตอบ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 21:09
- เกลียดเควี้ยแดง likes this
#45
ตอบ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 21:28
#48
ตอบ 1 กันยายน พ.ศ. 2555 - 01:45
ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน