ก่อนเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง พม่าได้ยิงปืนใหญ่ถล่มเข้ามาในกำแพงพระนคร เหล่าทหารกล้าต่อสู้เป็นสามารถ ยิงปืนใหญ่ตอบโต้กลับ เสียงดังสนั่นหวั่นไหว เป็นระยะมิได้หยุด เหล่าบรรดาสนมนางในทนฟังเสียงปืนใหญ่มิได้ จึงไปกราบทูลพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ หรือที่รู้จักกันดีในนามขุนหลวงขี้เรื้อน พ่ออยู่หัวจึงทรงมีบัญชาว่า หากใครต้องการจะยิงปืนใหญ่ต้องมาขออนุญาตก่อน เพื่อให้บรรดาท้าวนางอุดหูป้องกันเสียงอันดังอึกทึกเสียก่อน ภายหลังจึงไม่มีแม่ทัพนายกองผู้ใดยิงปืนใหญ่ต่อสู้ไพรีอีก
การเอาอกเอาใจบรรดาคนใกล้ชิดที่รายรอบตัวโดยมิได้คำนึงถึงศึกใหญ่ที่กำลังเผชิญหน้า ส่งผลเช่นไร ประวัติศาสตร์ได้สอนเราไว้แล้ว
ทว่า.... น่าแปลกที่ในปี 2554 นี้ การเอาอกเอาใจเช่นนี้ได้บังเกิดขึ้นอีกครั้ง ณ ประตูระบายน้ำคลองสามวา แน่นอนว่า แม่ทัพผู้พิทักษ์พระนคร ผู้รักษาเมืองอย่างสามารถ ย่อมต้องศิโรราบต่อคำบัญชาของผู้มีอำนาจสูงสุด
ผลที่กำลังเกิดขึ้นคือ ระดับน้ำในคลองสามวาก็ยังไม่ลด ชาวบ้านยังผจญระดับน้ำเท่าเดิม และที่แย่กว่านั้น มีนบุรีที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดประตูน้ำ น้ำกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
และที่สำคัญ........ศึกใหญ่ตัดสินชะตาอุตสาหกรรมไทยกำลังเร่งวันเวลาเข้ามาทุกทีตามความแรงของสายธาราที่หลั่งไหล พุ่งรี่ไปยังนิคมอุตสาหกรรม 2 แห่ง บางชันและลาดกระบัง
คงไม่เป็นไรกระมังถ้าจะแตกเพิ่มอีกสักนิคมสองนิคม ไหนๆก็แตกพ่ายมาตั้งแต่อยุธยากรุงเก่าและสามโคกปทุมธานีแล้ว
ขุนหลวงขี้เรื้อนกับปัญหาน้ำท่วม 2554
Started by asawinee, 1 November 11 13:52
2 replies to this topic
#1
Posted 1 November 2011 - 13:52
#2
Posted 1 November 2011 - 18:59
สงสัยคงจะให้นิคมอุตสาหกรรมทุกแห่ง ท่วมอย่างเท่าเทียมกัน
#3
Posted 1 November 2011 - 21:21
ประวัติศาสตร์ชาติไทยจะบันทึกไว้ชั่วกัปชั่วกัลป์
ว่า นายก เป็นคนสั่งห้ามยิงปืนใหญ่ เอ๊ย สั่งเปิดปั๊กกะตูระบายน้ำ เพื่อให้ข้่าศึกเข้าถล่มเมือง
เว้นเสียแต่ว่า
มันจะเปลี่ยนเป็น รัฐไทยใหม่ (new thai land) เพื่อกลบเรื่องแย่ๆ ที่มันทำไว้
ว่า นายก เป็นคนสั่งห้ามยิงปืนใหญ่ เอ๊ย สั่งเปิดปั๊กกะตูระบายน้ำ เพื่อให้ข้่าศึกเข้าถล่มเมือง
เว้นเสียแต่ว่า
มันจะเปลี่ยนเป็น รัฐไทยใหม่ (new thai land) เพื่อกลบเรื่องแย่ๆ ที่มันทำไว้
แม้นใครรัก รักมั่ง ชัง ชังตอบ