นอกเรื่องนิดนึง...ประวัติคาร์ล มาร์ซ์... ก็ศาสดายังเป็นแบบนี้มิน่าล่ะ... "- -)a
#1
ตอบ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 14:48
...คาร์ล มาร์กซ์ เกิดที่ปรัสเซีย ลูกของทนายชาวยิว ภายหลังเมื่อชาวยิวถูกรังเกียจมากเข้า พ่ออีตานี่ก็เปลี่ยนไปนับถือศาสนาโปรแตสแตนท์ จะได้หากินสะดวกๆ “- -)a
บ้านอยู่ติดกับที่ดินของบารอน โยฮันน์ ลุดวิก ฟอน เวสต์ฟาเลิน ข้าราชการตำแหน่งสูง แต่หัวก้าวหน้า ลูกๆสองบ้านเลยสนิทกัน คาร์ล
ก็เลยแอบรักกับบารอนเนส เจนนี่ ลูกสาวของท่านบารอน ที่แก่กว่า 4 ปี หลังจากเรียนจบด็อกฯ คาร์ลไม่ยอมเข้าบ้าน รังเกียจว่าที่บ้านเป็นยิว
แถมพูดเยอรมันไม่ชัด เลยพักอยู่กับท่านบารอนระหว่างรองาน แต่ก็ไม่มีใครจ้างเพราะหัวรุนแรงทั้งเรื่องสังคม ประเพณี และศาสนา
อายุ 24 ได้เป็นบก.หนังสือพิมพ์ของเพื่อน แล้วก็เขียนโจมตีเรื่องความยากจนของชาวนาในเยอรมัน และรัสเซีย ก็เลยถูกสั่งปิดเพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
หลังจากท่านบารอนถึงแก่กรรม ก็ไม่มีใครดูแลอีก แต่คาร์ลก็ยังดื้อแต่งงานกับเจนนี่และพาเธอไปตกระกำลำบากจนถึงวันตาย
จนต้องขายสินสมรสของฝ่ายหญิงที่มีติดตัว มีลูกด้วยกัน 6 คน แต่เหลือรอดแค่ลูกสาว 3 คน
คาร์ลร่วมกับฟรีดิช แองเกลส์ประกาศ The Communist Manifesto ยกเลิกทรัพย์สินส่วนบุคคล ยกเลิกสิทธิมรดก โอนธนาคารเป็นของรัฐ
ประชาชนทุกคนต้องทำงาน ต้องให้การศึกษาฟรีกับเด็กและเลิกใช้แรงงานเด็กในโรงงาน แต่....
คาร์ลต่อสู้เพื่อชนชั้นกรรมกร แต่ไม่เคยเป็นกรรมกร เคยเขียนใบสมัครไปทำงานที่การรถไฟของอังกฤษครั้งเดียว แต่ปิ๋ว เพราะลายมือไก่เขี่ยไม่มีใครอ่านออก
ชอบยุงยงให้ปฏิวัติล้มล้างสถาบันกษัตริย์ในทุกประเทศที่ไปอยู่ ทั้งๆที่ต่อต้านชนชั้นวรรณะ แต่ภูมิใจที่มีเมียเป็นบารอนเนส
มักจะโอ้อวดทุกครั้งที่มีโอกาส จนคนนินทาว่าถ้ามีผู้ดีมาขอลูกสาว คงรีบใส่พานถวายให้
ต้องการสังคมที่มีความเสมอภาค แต่พอร่วมกับแองเกลส์ตั้งหนังสือพิมพ์ Neue Reinishche Zeitung ที่โคโลญน์
กลับสั่งลดเงินเดือนคนงานและห้ามสไตรค์เด็ดขาด หนังสือพิมพ์เล่มนี้ถูกฟ้องเยอะไปหน่อย สุดท้ายก็เลยถูกสั่งปิด
เนื่องจากประกอบอาชีพอื่นไม่เป็นนอกจากใช้ปากกาเสี้ยม ก็เลยถือเตารีดเป็นอาวุธ ไถทุกคนไม่เลือกหน้า
เริ่มจากคนใกล้ตัวคือแม่ ทั้งๆที่รังเกียจที่แม่เป็นยิว แต่ก็ไถตังค์ที่แม่เตรียมไว้ให้พวกลูกสาวที่จะออกเรือนมาใช้
หมดท่าเข้าก็ขอเบิกเงินมรดกของแม่มาใช้ก่อน ทัง้ๆที่แม่ยังไม่ตาย “O.O)))…แล้วยังจะอยากเลิกสิทธิมรดก???
เวลาปกติครอบครัวนี้จะยากจนติดหนี้เขาไปทั่ว จนต้องหนีไปอาศัยแองเกิลส์ เพื่อนที่พ่อเป็นนายทุน แต่เจือกเกลียดนายทุน
และถ้าเกิดครอบครัวนี้ได้เงินก้อนโตมา ก็จะย้ายไปอยู่บ้านหลังใหญ่ อยู่กันอย่างหรูหรา แต่งตัวดีๆ จ้างครูมาสอนพิเศษอ้างว่าจะให้ลูกสาวได้อยู่สังคมหรูๆ
แองเกิลส์ก็เป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ ช่วยทุกๆเรื่อง เรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งก็คือบารอนเนส (?) เจนนี่มีสาวใช้ชื่อเฮเลนา เดมุท ตามมารับใช้ด้วย วันดีคืนดี
เฮเลน่าก็ป่องโดยหาพ่อไม่ได้ แองเกิลส์ออกมารับเป็นพ่อ แต่ไม่ยอมเจอหน้าเด็ก ไม่ยอมให้ใช้นามสกุล
แต่ไปสารภาพทีหลังก่อนตายเพราะฉุนที่ทุตซี่ ลูกสาวของมากซ์ด่าว่าไม่ดูดำดูดีลูกว่า คนที่เป็นพ่อตัวจริงของเด็กก็คือทั่นศาสดามาร์กซ์ พ่อ*คุณ*น่ะแหละ
(มีหลักฐานลายลักษณ์อักษรในจดหมายที่เลขาของแองเกิลส์ที่เขียนถึงผู้นำกรรมกร ในปี 1962 ว่าเดอะเตี่ยตัวจริงของ เฟรเดริค เดมุท – ลูกสาวใช้ คือทั่นคาร์ลส์ มาร์กซ์)
หลังจากมาร์กซ์ม่องเท่งไปในปี 1883 แองเกิลส์ช่วยเก็บผลงานต้นฉบับของมาร์กซ์ และมอบกับแก่ทูตซี่ ลูกสาว ลูกสาวสามคนของมาร์กซ์
เจนิเชิน ตายด้วยโรคมะเร็งไปก่อนพ่อ ลอร่ากินยาตายพร้อมสามี เพราะตั้งใจว่าไม่อยากอยู่จนอายุ 70 ส่วนทูตซี่ฆ่าตัวตายเพราะอกหักตอนอายุ 43...
ไม่มีทายาทของคาร์ล มาร์กซ์เหลืออยู่ในโลกอีก...
แต่ก็ยังมีนักวิชาการที่ฉลาดเสียเต็มประดาไปรับวาทะของศาสดาเจ้าลัทธิที่ตัวเองมีปัญญาคิด
แต่ไม่มีปัญญาปฏิบัติผู้นี้มาสร้างความวุ่นวายให้กับโลกจนปัจจุบัน
#2
ตอบ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 15:06
Trier ตั้งอยู่ในรัฐ Rheinland-Pfalz/Germany www.tourist-information-trier.de
#3
ตอบ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 15:08
มามืดไปมืด
#4
ตอบ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 15:08
Grand Pursuit: The Story of Economic Genius by Sylvia Nasar
#5
ตอบ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 16:15
ฮิตเลอร์เผด็จการอันดับ 1 ของโลกตลอดการก็ก้าวขึ้นสู่อำนาจด้วยการชนะเลือกตั้งเสียงข้างมากของประเทศเยอรมันนะจ๊ะ
#6
ตอบ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 16:15
ความเห็นของ "นพ.เกษม ตันติผลาชีวะ" กรรมการบริหารราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย
และอดีตนายกสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย 2 สมัย
**สำหรับปัญหาที่มีการหมิ่นสถาบัน พยายามจะจาบจ้วง เรื่องนี้มีต้นสายปลายเหตุมาจากอะไร?
ผมมองว่า ในแง่จิตวิทยาต้องมองลึกลงไปว่าแต่ละคนที่ทำ ทำด้วยกลไกอะไร พวกหนึ่งอาจทำด้วยความชิงชัง แล้ว เมื่อดูให้ลึกพบว่ามีกลุ่มหนึ่งที่ขี้อิจฉา มองว่า ต้องการจะแข่งด้วย ตัวเองอยากจะอยู่ในสถานะอย่างนั้น ต้องการเลียนแบบ เกินคนทั่วไป ตีตนเสมอ พวกนี้เป็นพวกที่มีปมในใจ ต้องการจะผลักดันตัวเองให้ขึ้นมาเสมอ ฉะนั้น การโจมตีเป็นเรื่องหลอก เมื่อไปว่าคนอื่นเป็นศักดินาแต่ไม่ได้ดูตัวเองว่ายิ่งกว่าเขาอีก คุณไม่มีฐานะที่จะไปเทียบได้เลย ทำไมถึงได้บังอาจเช่นนั้น
และมีอยู่พวกหนึ่งที่เป็นปมทางใจ จะเห็นได้ว่าคนที่ชอบต่อต้าน คนที่มีบารมี อำนาจนั้นส่วนหนึ่งมาจากคนที่มีปัญหากับพ่อแม่ตัวเอง บางคนเกลียดพ่อตัวเองมาก เคยถูกทารุณ จึงอยากมีอำนาจ นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในความจริง ใครที่ไปนึกว่ามีขวา มีซ้าย คอมมิวนิสต์คงไม่น่าจะมีจริง ตอนนี้ไม่มีใครมีอุดมการณ์จริง เพียงแค่ช่วงชิงอำนาจ ไม่อยากให้ใครมีบารมีมากกว่าตน
แหล่งที่มา : http://www.manager.c...D=9510000079428
#7
ตอบ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 17:00
#8
ตอบ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 17:05
#9
ตอบ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 17:22
ถ้าไม่มีคาร์ล มาร์กซ์ และนักคิดคอมมูนิสม์คนอื่นๆ ระบบสวัสดิการต่างๆ และคุณภาพชีวิตแรงงานทั่วโลกจะแย่กว่านี้มาก ในแง่การพัฒนาการ กระแสซ้ายจัดกระตุ้นซ้ายกลาง ซ้ายประชาธิปไตย ให้เจริญอย่างรวดเร็ว
ในห้องมืดย่อมมีความมืด
#10
ตอบ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 18:05
#11
ตอบ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 18:07
ซ้ายจัดไม่ได้กระตุ้นซ้ายกลางครับ ซ้ายจัดจะบอกว่าซ้ายกลางเป็น "พวกลัทธิแก้" (แดงเทียม) แล้วซ้ายจัดก็ฆ่าซ้ายกลางครับ
อย่างที่สตาลินหรือเหมาหรือพอลพตจัดการซ้ายกลาง หลังจากที่ฆ่าพวกขวาไปหมดแล้ว ประวัติศาสตร์ฟ้องตัวมันเองครับ
และเมื่อพวกซ้ายกลางตั้งตัวได้ กำจัดพวกซ้ายจัดไปหมดแล้ว สังคมคอมมิวนิสต์ถึงได้คุยกันรู้เรื่อง
และที่สวัสดิการมีขึ้น ไม่ได้มาจากพวกซ้ายจัดครับ แต่มาจากพวกขวาและพวกกลางๆ เห็นว่าควรปรับตัวเพื่อความอยู่รอด
จึงได้รับความคิดของซ้ายมาใช้
ย้ำอีกครั้งว่าพวกซ้ายแทบจะไม่เกี่ยวครับ ยิ่งซ้ายจัดเป็นพวกบ้าเลือด เผด็จการทางความคิด ทำลายล้างลูกเดียว คุยกันไม่รู้เรื่อง
ลองดูพวกแดงตอนนี้ก็แล้วกัน นั่นแหละซ้ายประชาธิปไตยที่คุณว่าเหรอ........????????????????????/
#12
ตอบ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 18:19
แต่ไอ้พวกที่เก็บเอามาคิดแล้วคิดว่าเป็นจริงนี่เค้าเรียกว่า ... !*@(#_*!@()*#)!@#
#13
ตอบ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 18:24
#14
ตอบ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 09:43
ในห้องมืดย่อมมีความมืด
#15
ตอบ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 10:57
จำได้ว่ามีคนเคยอ้างในที่นี่ว่าลัทธิมาร์กซ์ คล้ายพุทธตรงที่เน้นความเสมอภาคทุกคน (ใช่คุณหรือเปล่า)
แต่ในฐานะคนที่ศึกษาพุทธศาสนาจริงจัง ขอยืนยันว่าลัทธิมาร์กซ์ไม่มีทางใกล้เคียงพุทธหรอกครับ
เพราะวางพื้นฐานอยู่บนสิ่งที่ไม่เป็นจริงและศาสนาพุทธน่ะ เป็นสิ่งที่เหนือกว่าสังคมนิยมมากมายชนิดเหมือนศีรษะกับขี้ตีนทีเดียว
ดังนั้นคนที่เอาสังคมนิยมมาวิเคราะห์พุทธนั้น...ยังไม่รู้จริง!
พุทธนั้นมองคุณธรรมของคนมีระดับชั้นลดหลั่นลงไปเป็นบัวสี่เหล่า และก็ระบุคุณธรรมที่จำเป็นสำหรับคนแต่ระดับชั้น
ถ้าระดับสูงสุดคือพระอรหันต์ ซึ่งสิ้นกิเลสไปแล้ว ดังนั้นการกระทำทุกอย่างจะมุ่งเพื่อสังคมและผู้อื่นเท่านั้น
และคุณธรรมก็แยกแยะเป็นระดับโลกุตร - ผู้ปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้น กับระดับโลกีย์ - ผู้ปฏิบัติความดีในระดับโลกที่ประกอบด้วย ศีล – ทาน
การบริจาคทานนั้นรวมถึงการให้สิ่งของ การทำความดีเพื่อสังคม ฯลฯ เรียกว่าคลุมวงกว้างมาก ถ้าสงสัยตรงนี้ให้ไปหาเรื่องบุญกริยาวัตถุ 10 ของสมเด็จพระสังฆราชมาอ่าน แค่ทำได้แค่นี้สังคมก็ดีขึ้นเยอะแล้ว
อย่าลืมว่าศาสนาพุทธนั้นเน้น "จิต" ของคนเป็นหลัก และเมื่อ "จิต" ของคนในสังคมดี สังคมที่ประกอบด้วยคนที่ "จิต" ดี ก็คุณภาพดีไปเองโดยอัตโนมัติ
เหมือนการเติมน้ำดีเข้าไปในเพื่อให้น้ำเสียเหลืออยู่แต่น้อย แม้จะมีน้ำเสียปะปนอยู่ในสังคม ก็พอจะใช้อุปโภคบริโภคได้
ขณะที่ลัทธิมาร์กซ์ จู่ๆก็เอาคุณธรรมคนระดับพระอรหันต์มายัดเยียดให้กับคนในสังคม โดยไม่มีตัวกล่อมจิตใจอย่างอื่น เพราะดันหลงผิดคิดว่าศาสนานั้นขึ้นอยู่กับศรัทธาอย่างเดียว เพราะเอาศาสนานับถือพระเจ้าในยุคเสื่อมศรัทธามาเป็นตัวตั้ง
สิ่งที่ตามมาคือข้อบังคับในสังคมเอามาครอบคนอีกขั้น อาศัยคนในสังคมตรวจสอบกันอย่างเข้มข้นจนกลายเป็นลัทธิล่าแม่มด ผู้คนในสังคมคอมมิวนิสต์ที่ผ่านการปฏิบัติจริงจึงกลายเป็นคนละเรื่องกับอุดมการณ์
ผู้คนเต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว หวาดระแวงไม่ไว้วางใจกัน จับผิดซึ่งกันและกัน แล้งน้ำใจ ขี้เกียจ ขี้โกง กลัวว่าตัวเองทำแล้วคนอื่นจะได้ประโยชน์ หรือกลัวว่าคนอื่นจะกินแรงตัวเอง ถ้าคุณสงสัยตรงนี้
ลองไปสอบถามคนที่เคยมีประสบการณ์คบหากับคนจากประเทศที่เคยเป็นคอมมิวนิสต์มาอย่างเข้มข้น อย่างจีนแผ่นดินใหญ่ รัสเซีย เยอรมันตะวันออก ฯลฯ
รับรองว่าทุกคนจะยืนยันเป็นเสียงเดียวว่า "ขี้เกียจ ถ่อย กักขฬะ ไร้ระเบียบ" ห่างไกลกับสิ่งที่คุณเรียกว่าสังคมยูโทเปียเป็นฟ้ากับเหว
ว่างๆคุณน่าจะศึกษาวิถีพุทธบ้างนะ แต่ปฏิบัติด้วย อย่าอ่านอย่างเดียว ไม่งั้นคุณจะไม่เข้าใจถึงจิตใจจริงๆ แล้วคุณจะโยนไอ้คอมมูนิสต์มานิเฟสโตลงถังขยะไปเลย!
#16
ตอบ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 11:07
แต่มันห่างไกลจากคำว่า pure evil หรือ junk theory ครับ
และโดยส่วนตัวปกติผมก็ไม่นิยมเอาศาสนาไปเปรียบเทียบกันแนวคิดใดๆ อยู่แล้ว แม้ว่านักปฏิบัติทั้งจากฝั่งศาสนาหรือไม่ศาสนา จะนิยมหยิบมาเป็นเครื่องมือก็เถอะ
ในห้องมืดย่อมมีความมืด