http://www.thairath.co.th/column/pol/wikroh/213611
ฯลฯ
เติมบรรยากาศโกลาหลให้ยิ่งเข้าขั้นกลียุค
หรือปรากฏการณ์ที่มวลชน หันมาประจันหน้ากันเองในหลายจุดที่ขัดแย้งกันเรื่องระบายน้ำ ทำลายคัน รื้อกระสอบทราย โดยเฉพาะริมคลองประปาไล่ตั้งแต่หมู่บ้านเมืองเอกมาจนถึงย่านประชาชื่น ปล่อยน้ำเสียทะลักเข้าคลองประปา หรือกับเหตุที่เขตคลองสามวา ประชาชนปิดถนนประท้วงกดดันให้ กทม.เปิดประตูระบายน้ำให้กว้างขึ้น และก็เป็นนายกฯยิ่งลักษณ์ที่ยอมผ่อนตามแรงกดดัน แฟกซ์คำสั่งถึง กทม.
ให้เปิดประตูระบายน้ำให้กว้าง 1 เมตร
แต่ อีกด้าน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. ยืนกราน กทม.มีภารกิจสำคัญในการป้องกันเขตนิคมอุตสาหกรรมบางชัน ที่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญมีมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท ตามคำสั่งของ ศปภ. ดังนั้น กทม.จะไม่ยอมเปิดประตูระบายน้ำคลองสามวาเพิ่มขึ้นถึง 1 เมตร เพราะเป็นการเสี่ยงเกินไป โดยเปิดได้กว้างสุด 75-80 เซนติเมตรเท่านั้น
ดึงดันกันระหว่างการบริหารน้ำกับการบริหารอารมณ์มวลชน
ที่ แน่ๆ นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม. ในฐานะคณะทำงานกู้น้ำท่วม ศปภ. ยอมรับว่า การดำเนินการผันน้ำไม่ได้คิดเรื่องมวลชนที่คัดค้านไว้ แต่หากยังมีปัญหาเกรงว่า
อาจกระทบ 19 เขต ที่เคยประกาศว่าอาจจะไม่ถูกน้ำท่วม มีสิทธิอ่วมกันหมด
เรื่อง ของเรื่อง มันก็มีเครื่องหมายคำถามผุดขึ้นมาอีกรอบ ปัญหาอย่างนี้จะไม่บานปลาย ถ้านายกฯมีความเด็ดขาดในการใช้อำนาจ “เบอร์หนึ่งฝ่ายบริหาร” ควบคุมสั่งการ
กล้าใช้ดาบอาญาสิทธิ์ “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” ที่ถืออยู่แบบเต็มไม้เต็มมือ
สถานการณ์จ่อเข้า “กลียุค” มัวนุ่มนิ่มๆ เอาไม่อยู่.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
หรือ ไทยรัฐ จะเสพติดอำนาจเผด็จการอีกราย
.
ถ้าไม่กลัวเสียฟร์อมว่าเป็นข้อ เสนอ ของ ปชป. ประกาศใช้แต่แรก คงไม่เสียหายมากขนาดนี้หรอก
ไปเชื่อไอหมาบ้าเฉลิม ทำเป็นรู้ดีว่า ถ้าประกาศใช้ ทหารจะถือโอกาสปฏิวัติ
ถึงตอนนี้ อยากใช้ใจแทบขาด ก็ไม่กล้าประกาศ กลัวเสียหน้า
เป็นไปได้ที่จะให้สื่อในมือตัวเอง ทำทีออกมาเรียกร้องให้ใช้