เมื่อหมาตาย เห็บก็กระโดดหนี
#1
ตอบ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 12:35
http://www.matichon....0&subcatid=0000
พื้นที่"ไข่ขาว"จ่อวิกฤต "ขาใหญ่"ทำคนฝั่งธนฯอ่วม
ในขณะที่รัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นำโดย"ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.)" ประโคมข่าว-ให้ความหวังอยู่ตลอดเวลาว่าจะระดมทุกสรรพกำลังป้องกันพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ชั้นใน ในฐานะพื้นที่ "ไข่แดง" ของประเทศเอาไว้ให้ได้
คน กทม.ทั้ง 50 เขต จึงคาดหวังไปว่ากลางมหาอุทกภัยครั้งนี้จะยังสามารถใช้ชีวิตตามปกติ-เดินตัวแห้งต่อไปได้
แต่เมื่อพ้นช่วงวิกฤตน้ำทะเลหนุนสูงสุดปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แล้วความจริงปรากฏว่า พื้นที่ที่รัฐบาล-ศปภ. สามารถ "เอาอยู่" มีเพียง กทม.ชั้นในไม่กี่เขตเท่านั้น
ขณะที่พื้นที่ กทม.ฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกส่วนใหญ่ กลายเป็น "ไข่ขาว" ที่ภาครัฐรับมือพอเป็นพิธี
ไม่น่าแปลกใจที่เขตสายไหม หนองจอก มีนบุรี ในเวลานี้ ต้องรับน้ำที่ถูกบิดเบือนไม่ให้วิ่งตามธรรมชาติ หรือไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ นั่นคือเขตหลักสี่ จตุจักร ดินแดง ไปเต็มๆ
จนถูกวิจารณ์เรื่องแบ่งแยกแล้วปกครอง-2 มาตรฐาน-เกิดโซน "ไพร่" และ "อำมาตย์" ในทางปฏิบัติ
กรณีชาวบ้านเขตคลองสามวามารวมตัวกันกดดันให้รัฐบาลเปิดประตูระบายน้ำ ส่วนหนึ่งมีสาเหตุจากการความอัดอั้น-ไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดทั้งๆ อยู่ในเมืองหลวงเหมือนกัน แต่กลับ "ท่วมไม่เท่ากัน"
ที่หนักไปกว่า กทม.ฝั่งตะวันออกไกล คือ กทม.ฝั่งตะวันตก หรือฝั่งธนบุรี ในพื้นที่ซึ่งชาวบ้านแอบเย้ยหยันตัวเองว่าเป็น "ลูกเมียน้อย" ที่เวลานี้ต้องเผชิญกับมวลน้ำมหาศาลก้อนเดียวกันกับที่เคยทำให้ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จมบาดาลในชั่วข้ามคืน
เหตุที่ชาวฝั่งธนฯรวมถึงคนจังหวัดใกล้เคียง ทั้ง จ.นครปฐม และสมุทรสาคร ต้องนอนหวาดผวากับน้ำทุ่งที่มีปริมาตร 2,700 ล้านลูกบาศก์เมตร ที่เตรียมไหลหลากมาอย่างเงียบเชียบ เพื่อกลืนกินชีวิตประจำวันของพวกเขา
เชื่อกันว่ามี "ตัวการ" เป็นนักการเมือง "ขาใหญ่" 2 คน
"ขาใหญ่เบอร์หนึ่ง" เป็นผู้ไม่มีตำแหน่งทางการเมืองใดๆ แต่มีอิทธิพลเหนือกรมชลประทาน สามารถกดปุ่มให้จังหวัดบ้านเกิดตัวเองไม่ต้องเผชิญกับวารีภัยในช่วงเวลาที่ผ่านมาได้อย่างน่าอัศจรรย์
"ขาใหญ่เบอร์สอง" เป็นรัฐมนตรีที่มีบทบาทสำคัญใน ศปภ. ซึ่งน่าจะไม่พอใจพฤติกรรมของขาใหญ่เบอร์หนึ่ง จึงตัดสินใจเปิดประตูระบายน้ำสำคัญแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี ตามคำแนะนำของนักวิชาการ เป็นเหตุให้น้ำทะลักเข้ามาใน จ.ปทุมธานี และนนทบุรีอย่างควบคุมไม่ได้
ผลสุดท้ายจึงลงเอยที่หายนะ!
ไม่เพียงพฤติกรรมของนักการเมืองบางคน สภาพพื้นที่ฝั่งธนฯยังต่ำด้วยทำให้ประสิทธิภาพการเทน้ำทิ้งทะเลด้อยกว่าอีกฝั่งอย่างเห็นได้ชัด เพราะมีเพียงคลองพระยาบันลือ คลองพระพิมล และคลองมหาสวัสดิ์ ที่คอยขวางทางและส่งน้ำไปยังแม่น้ำท่าจีน สภาพพื้นที่ซึ่งยังเป็นทุ่งและสวน
ถึงขนาด "ธีระ วงศ์สมุทร" รมว.เกษตรและสหกรณ์ จากพรรคชาติไทยพัฒนา ยอมสารภาพว่า เมื่อได้ท่วมแล้ว กว่าที่ กทม.ฝั่งเมืองหลวงเก่าจะแห้ง อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 40 วัน เพราะแม่น้ำท่าจีนมีศักยภาพในการระบายน้ำเพียงวันละ 40-50 ล้านลูกบาศก์เมตร
ทำให้ รมว.เกษตรฯหลุดปากถามกลางวง ครม.ว่า "สะใจหรือยัง?" ก่อนเสนอตัวเข้ามาดูแลพื้นที่ "ไข่ขาว" ด้วยตนเอง
แม้สถานการณ์จะร้ายแรงเข้าขั้นวิกฤต แต่ดูเหมือนแกนนำรัฐบาล-ศปภ.กลับไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าที่ควร เห็นได้จากการให้สัมภาษณ์ของนายกฯที่พูดถึงพื้นที่ "กทม.ฝั่งลูกเมียน้อย" นี้แบบผ่านๆ ต่างกับ "กทม.ฝั่งลูกเมียหลวง" ที่อธิบายอย่างละเอียดยิบ
ผู้สันทัดกรณีวิเคราะห์แรงจูงใจทางการเมืองว่า อาจมาจากการที่ ส.ส.กทม.ฝั่งธนบุรีทั้ง 9 คน ไม่มีใครสวมเสื้อแดงติดตรา "เพื่อไทย" แม้แต่คนเดียว ทำให้เครื่องไม้เครื่องมือในพื้นที่เหล่านี้ด้อยกว่าพื้นที่ที่มี ส.ส.พท.อยู่หลายเท่าตัว กระทั่งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ยังถูกดึงไปช่วยระบายน้ำอีกฝั่งจนหมด
ไม่ว่าข้อวิเคราะห์ดังกล่าวจะมีมูลความจริงกี่เปอร์เซ็นต์ แต่เป็นความเห็นที่สะกิดใจ"ผู้ตกทุกข์" ฝั่งธนฯ เข้าเต็มๆ
สิ่งที่รัฐบาลโดย ศปภ.ต้องทำคือให้ความสำคัญกับพื้นที่นี้มากขึ้น ก่อนที่วันเพ็ญเดือนสิบสอง "น้ำจะนองเต็มตลิ่ง" ในเทศกาลลอยกระทงจะมาถึง
เพราะถึงเวลานั้น น้ำทะเลจะหนุนสูงอีกครั้ง ที่เคยจมระดับเข่า-เอว อาจจะพุ่งไปที่ระดับอก-หัว จนเป็นไปได้ที่อาจมีคนจมน้ำตายในบ้านพักของตัวเอง
อย่าแบ่งแยกการช่วยเหลือคน กทม.เป็นโซนไพร่-โซนอำมาตย์ หรือเลือกปฏิบัติ 2 มาตรฐานแบบที่เคยใช้โจมตีรัฐบาลชุดก่อนๆ เพราะจะทำให้วาทกรรมดังกล่าวย้อนกลับมาถล่ม-ทลายรัฐบาลเสียเอง!!!
หน้า 11,มติชนรายวัน ฉบับวันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2554
#2
ตอบ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 12:41
สุดท้ายเขาก็ดูภาพรวมนั่นและบูรณาการเหมือนเดิมแหละมติชนเอ๋ย
๑ บทความด่าอีก ๑๐๐ บทความเชลียร์มันจะมีความหมายอะไร !!!
เขียนเรื่องการเมือง : ดราม่า ,เขียนเรื่องสังคม : ดราม่า เขียนเรื่องบันเทิง : ดราม่า
แต่พอโพสเรื่องหื่น : มีความเห็นเป็นไปทางเดียวกันเสมอ >3<
#3
ตอบ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 12:44
#4
ตอบ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 12:46
#5
ตอบ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 12:50
~ ทักษิณตาย เสรีไทยไชโย ~
#6
ตอบ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 12:50
#7
ตอบ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 12:50
ความชิหาย ก็เกิดจากการประเมินน้ำผิดแต่แรก ไอ้ปลอดสารภาพมาแล้ว...ชื่อให้ปลอดไปไหน...
วันที่นังโพยนั่งหน้าทีวีประกาศวันหยุด ...บอกจะระบายน้ำออก 2 ฝั่ง ทางตะวันตก และ ตะวันออก..
หลังจากวันหยุด...มวลน้ำเข้าโจมตีฝั้งตะวันตก ...ชาวฝั่งธน จมน้ำไม่น้อยกว่ากว่าดอนเมือง ปทุมธานี..
แต่ ฝั่งตะวันออกยังแห้ง น้ำในคลองยังมองเห็นโคลน....ไอ้คนเปลี่ยนทางน้ำที่ว่ากันว่า มาจากพวก 111 ตัว มติชนมันเอาไปไว้ไหน..
ส่วนนังโพย ไม่เคยรู้เรื่องอะไรอยู่แล้ว..
#8
ตอบ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 13:00
#9
ตอบ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 13:23
#10
ตอบ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 13:30
เขียนแบบนี้ได้ไงเสียชื่อ มติชม จริงๆ
#11
ตอบ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 13:36
ดีไม่ดี เก่งไม่เก่ง ผลงานก็ปรากฏออกมาแล้ว
แถมทางเหนือ ก็เริ่มขัดผลประโยชน์ทางการเมืองกันแล้วด้วย
สุดท้าย สายน้ำไม่ได้ทำลายอะไรหรอก แต่สายน้ำ ช่วยให้ล้างความสกปรก ออกไปต่างหากละ ....
#12
ตอบ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 14:23
ยามกูจนมรึ-งย่ำยี ยามกูมีมรึ-งอิจฉา
#13
ตอบ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 15:46
#14
ตอบ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 16:13
รังเกียจประชาธิปไตยจอมปลอมของระบอบทักษิณ
#15
ตอบ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 16:20
"ขาใหญ่เบอร์หนึ่ง" = เตี้ยสุพรรณ
"ขาใหญ่เบอร์สอง" = ปลอดเป็นศพ
#16
ตอบ 31 มกราคม พ.ศ. 2555 - 21:57
มติชน ก็ไม่พ้น ร่วมวงเห็บ
http://www.matichon....0&subcatid=0000
พื้นที่"ไข่ขาว"จ่อวิกฤต "ขาใหญ่"ทำคนฝั่งธนฯอ่วม
ในขณะที่รัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นำโดย"ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.)" ประโคมข่าว-ให้ความหวังอยู่ตลอดเวลาว่าจะระดมทุกสรรพกำลังป้องกันพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ชั้นใน ในฐานะพื้นที่ "ไข่แดง" ของประเทศเอาไว้ให้ได้
คน กทม.ทั้ง 50 เขต จึงคาดหวังไปว่ากลางมหาอุทกภัยครั้งนี้จะยังสามารถใช้ชีวิตตามปกติ-เดินตัวแห้งต่อไปได้
แต่เมื่อพ้นช่วงวิกฤตน้ำทะเลหนุนสูงสุดปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แล้วความจริงปรากฏว่า พื้นที่ที่รัฐบาล-ศปภ. สามารถ "เอาอยู่" มีเพียง กทม.ชั้นในไม่กี่เขตเท่านั้น
ขณะที่พื้นที่ กทม.ฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกส่วนใหญ่ กลายเป็น "ไข่ขาว" ที่ภาครัฐรับมือพอเป็นพิธี
ไม่น่าแปลกใจที่เขตสายไหม หนองจอก มีนบุรี ในเวลานี้ ต้องรับน้ำที่ถูกบิดเบือนไม่ให้วิ่งตามธรรมชาติ หรือไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ นั่นคือเขตหลักสี่ จตุจักร ดินแดง ไปเต็มๆ
จนถูกวิจารณ์เรื่องแบ่งแยกแล้วปกครอง-2 มาตรฐาน-เกิดโซน "ไพร่" และ "อำมาตย์" ในทางปฏิบัติ
กรณีชาวบ้านเขตคลองสามวามารวมตัวกันกดดันให้รัฐบาลเปิดประตูระบายน้ำ ส่วนหนึ่งมีสาเหตุจากการความอัดอั้น-ไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดทั้งๆ อยู่ในเมืองหลวงเหมือนกัน แต่กลับ "ท่วมไม่เท่ากัน"
ที่หนักไปกว่า กทม.ฝั่งตะวันออกไกล คือ กทม.ฝั่งตะวันตก หรือฝั่งธนบุรี ในพื้นที่ซึ่งชาวบ้านแอบเย้ยหยันตัวเองว่าเป็น "ลูกเมียน้อย" ที่เวลานี้ต้องเผชิญกับมวลน้ำมหาศาลก้อนเดียวกันกับที่เคยทำให้ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จมบาดาลในชั่วข้ามคืน
เหตุที่ชาวฝั่งธนฯรวมถึงคนจังหวัดใกล้เคียง ทั้ง จ.นครปฐม และสมุทรสาคร ต้องนอนหวาดผวากับน้ำทุ่งที่มีปริมาตร 2,700 ล้านลูกบาศก์เมตร ที่เตรียมไหลหลากมาอย่างเงียบเชียบ เพื่อกลืนกินชีวิตประจำวันของพวกเขา
เชื่อกันว่ามี "ตัวการ" เป็นนักการเมือง "ขาใหญ่" 2 คน
"ขาใหญ่เบอร์หนึ่ง" เป็นผู้ไม่มีตำแหน่งทางการเมืองใดๆ แต่มีอิทธิพลเหนือกรมชลประทาน สามารถกดปุ่มให้จังหวัดบ้านเกิดตัวเองไม่ต้องเผชิญกับวารีภัยในช่วงเวลาที่ผ่านมาได้อย่างน่าอัศจรรย์
"ขาใหญ่เบอร์สอง" เป็นรัฐมนตรีที่มีบทบาทสำคัญใน ศปภ. ซึ่งน่าจะไม่พอใจพฤติกรรมของขาใหญ่เบอร์หนึ่ง จึงตัดสินใจเปิดประตูระบายน้ำสำคัญแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี ตามคำแนะนำของนักวิชาการ เป็นเหตุให้น้ำทะลักเข้ามาใน จ.ปทุมธานี และนนทบุรีอย่างควบคุมไม่ได้
ผลสุดท้ายจึงลงเอยที่หายนะ!
ไม่เพียงพฤติกรรมของนักการเมืองบางคน สภาพพื้นที่ฝั่งธนฯยังต่ำด้วยทำให้ประสิทธิภาพการเทน้ำทิ้งทะเลด้อยกว่าอีกฝั่งอย่างเห็นได้ชัด เพราะมีเพียงคลองพระยาบันลือ คลองพระพิมล และคลองมหาสวัสดิ์ ที่คอยขวางทางและส่งน้ำไปยังแม่น้ำท่าจีน สภาพพื้นที่ซึ่งยังเป็นทุ่งและสวน
ถึงขนาด "ธีระ วงศ์สมุทร" รมว.เกษตรและสหกรณ์ จากพรรคชาติไทยพัฒนา ยอมสารภาพว่า เมื่อได้ท่วมแล้ว กว่าที่ กทม.ฝั่งเมืองหลวงเก่าจะแห้ง อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 40 วัน เพราะแม่น้ำท่าจีนมีศักยภาพในการระบายน้ำเพียงวันละ 40-50 ล้านลูกบาศก์เมตร
ทำให้ รมว.เกษตรฯหลุดปากถามกลางวง ครม.ว่า "สะใจหรือยัง?" ก่อนเสนอตัวเข้ามาดูแลพื้นที่ "ไข่ขาว" ด้วยตนเอง
แม้สถานการณ์จะร้ายแรงเข้าขั้นวิกฤต แต่ดูเหมือนแกนนำรัฐบาล-ศปภ.กลับไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าที่ควร เห็นได้จากการให้สัมภาษณ์ของนายกฯที่พูดถึงพื้นที่ "กทม.ฝั่งลูกเมียน้อย" นี้แบบผ่านๆ ต่างกับ "กทม.ฝั่งลูกเมียหลวง" ที่อธิบายอย่างละเอียดยิบ
ผู้สันทัดกรณีวิเคราะห์แรงจูงใจทางการเมืองว่า อาจมาจากการที่ ส.ส.กทม.ฝั่งธนบุรีทั้ง 9 คน ไม่มีใครสวมเสื้อแดงติดตรา "เพื่อไทย" แม้แต่คนเดียว ทำให้เครื่องไม้เครื่องมือในพื้นที่เหล่านี้ด้อยกว่าพื้นที่ที่มี ส.ส.พท.อยู่หลายเท่าตัว กระทั่งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ยังถูกดึงไปช่วยระบายน้ำอีกฝั่งจนหมด
ไม่ว่าข้อวิเคราะห์ดังกล่าวจะมีมูลความจริงกี่เปอร์เซ็นต์ แต่เป็นความเห็นที่สะกิดใจ"ผู้ตกทุกข์" ฝั่งธนฯ เข้าเต็มๆ
สิ่งที่รัฐบาลโดย ศปภ.ต้องทำคือให้ความสำคัญกับพื้นที่นี้มากขึ้น ก่อนที่วันเพ็ญเดือนสิบสอง "น้ำจะนองเต็มตลิ่ง" ในเทศกาลลอยกระทงจะมาถึง
เพราะถึงเวลานั้น น้ำทะเลจะหนุนสูงอีกครั้ง ที่เคยจมระดับเข่า-เอว อาจจะพุ่งไปที่ระดับอก-หัว จนเป็นไปได้ที่อาจมีคนจมน้ำตายในบ้านพักของตัวเอง
อย่าแบ่งแยกการช่วยเหลือคน กทม.เป็นโซนไพร่-โซนอำมาตย์ หรือเลือกปฏิบัติ 2 มาตรฐานแบบที่เคยใช้โจมตีรัฐบาลชุดก่อนๆ เพราะจะทำให้วาทกรรมดังกล่าวย้อนกลับมาถล่ม-ทลายรัฐบาลเสียเอง!!!
หน้า 11,มติชนรายวัน ฉบับวันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2554
ทำให้ รมว.เกษตรฯหลุดปากถามกลางวง ครม.ว่า "สะใจหรือยัง?" ก่อนเสนอตัวเข้ามาดูแลพื้นที่ "ไข่ขาว" ด้วยตนเอง
แม้ สถานการณ์จะร้ายแรงเข้าขั้นวิกฤต แต่ดูเหมือนแกนนำรัฐบาล-ศปภ.กลับไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าที่ควร เห็นได้จากการให้สัมภาษณ์ของนายกฯที่พูดถึงพื้นที่ "กทม.ฝั่งลูกเมียน้อย" นี้แบบผ่านๆ ต่างกับ "กทม.ฝั่งลูกเมียหลวง" ที่อธิบายอย่างละเอียดยิบ....
ผู้ สันทัดกรณีวิเคราะห์แรงจูงใจทางการเมืองว่า อาจมาจากการที่ ส.ส.กทม.ฝั่งธนบุรีทั้ง 9 คน ไม่มีใครสวมเสื้อแดงติดตรา "เพื่อไทย" แม้แต่คนเดียว ทำให้เครื่องไม้เครื่องมือในพื้นที่เหล่านี้ด้อยกว่าพื้นที่ที่มี ส.ส.พท.อยู่หลายเท่าตัว กระทั่งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ยังถูกดึงไปช่วยระบายน้ำอีกฝั่งจนหมด.....
ปี2555 น้ำจะท่วมประเทศไทยเหมือนปี2554 หรือไม่.....!
ถ้าถามชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วมปีทีแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นไพร่เสื้อแดงหรือไม่ใช่ไพร่เสื้อแดงก็ตาม
ไมมีใครเชื่อว่าน้ำจะท่วมประเทศไทยน้อยกว่าปีที่แล้ว
ตามที่นายกฯนกแก้วประกาศ........ฮา
ขอขุดกระทู้มาใหม่....
เพราะเสียงเรียกร้องให้นายกฯนกแก้ว
อย่าพูด'เอาอยู่'อย่างเดียว
ขอให้นายกฯนกแก้วพูดความจริง
อย่าหลอกลวงประชาชน..
แจกแจงการป้องกันการแก้ไขน้ำท่วมประเทศไทยอย่างน่าเชื่อถือ......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...
#17
ตอบ 31 มกราคม พ.ศ. 2555 - 22:05
ธีระ ถามใครขอถามด้วยอีกคน "สะใจหรือยัง"
ใครต้องสะใจ
#18
ตอบ 31 มกราคม พ.ศ. 2555 - 23:13
#19
ตอบ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 - 00:55
ผู้สันทัดกรณีวิเคราะห์แรงจูงใจทางการเมืองว่า อาจมาจากการที่ ส.ส.กทม.ฝั่งธนบุรีทั้ง 9 คน ไม่มีใครสวมเสื้อแดงติดตรา "เพื่อไทย" แม้แต่คนเดียว ทำให้เครื่องไม้เครื่องมือในพื้นที่เหล่านี้ด้อยกว่าพื้นที่ที่มี ส.ส.พท.อยู่หลายเท่าตัว กระทั่งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ยังถูกดึงไปช่วยระบายน้ำอีกฝั่งจนหมด
ไม่ว่าข้อวิเคราะห์ดังกล่าวจะมีมูลความจริงกี่เปอร์เซ็นต์ แต่เป็นความเห็นที่สะกิดใจ"ผู้ตกทุกข์" ฝั่งธนฯ เข้าเต็มๆ
ตรงข้อความน้ำเงินนี่แหละครับ ที่พวกแดงวอร์รูม กับพวกแดงจริงเพราะโง่จริง พวกบูชาทักษิณ เข้าข้างรากหญ้า ดูถูกชนชั้นกลาง(ซึ่งก็เป็นชนชั้นตัวเองน่ะแหละ)...เอามาเล่นเป็นประเด็นทุกวันเลยในพันดริฟท์
ว่าเพราะกทม.บริหารไม่เป็น"หนึ่งเดียว"นี่แหละ ทำให้เลือกผู้ว่าคราวหน้าต้องเลือกพรรคเพื่อไทย เพื่อน้ำจะได้ไม่ท่วมเหมือนคราวนี้อีก
โห....ดูเอาเถอะครับ กระทั่งความวิปโยคของเพnjอนร่วมชาติ animal พวกนี้ยังเอามาเป็นประเด็นได้เปรียบทางการเมืองได้!
#20
ตอบ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 - 01:00
#21
ตอบ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 - 10:16
ธีระ ถามใคร
ขอถามด้วยอีกคน "สะใจหรือยัง"
ใครต้องสะใจ
ถึงขนาด "ธีระ วงศ์สมุทร" รมว.เกษตรและสหกรณ์ จากพรรคชาติไทยพัฒนา ยอมสารภาพว่า เมื่อได้ท่วมแล้ว กว่าที่ กทม.ฝั่งเมืองหลวงเก่าจะแห้ง อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 40 วัน เพราะแม่น้ำท่าจีนมีศักยภาพในการระบายน้ำเพียงวันละ 40-50 ล้านลูกบาศก์เมตร
ทำให้ รมว.เกษตรฯหลุดปากถามกลางวง ครม.ว่า "สะใจหรือยัง?" ก่อนเสนอตัวเข้ามาดูแลพื้นที่ "ไข่ขาว" ด้วยตนเอง
มุกไม่ดีแฮะ...