ย่อมได้รับความน่าเชื่อถือน้อยกว่า...
บทความนี้ เขาจั่วหัวและไล่เลียงลำดับ
เหตุการณ์การโกหกต่างๆ ไว้ได้ดีที่เดียว...
ไล่เลียงคำพูดแม้วโกหก ทำคำเทพน่าเชื่อถือกว่า ติ๊งเหล่บ่าวฆ่านายตัวเอง มัด'ลูก-น้อง'มุสาต่อศาล
20 มิถุนายน 2012
ปชป." ตามจิกแฉ"นักโทษชายทักษิณ"ซุกหุ้น ยกคำโกหกไล่เลียง การันตีคำพูด“สุเทพ”น่าเชื่อถือมากกว่า แขวะ“นพดล”เป็นบ่าวฆ่านาย แถลงข่าวมัด “ทักษิณ”ซุกหุ้นจริง ดึง “ลูก-น้องสาว”ให้การมุสากลางศาล เย้ย"ลูกโอ๊ค"หุบปากไม่กล้าโต้ตอบโอนหนี้ลมซื้อหุ้นธนาคารทหารไทยจากคุณหญิงแม่
วันที่ 20 มิ.ย.2555 ที่พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงตอบโต้พรรคเพื่อไทยกรณีที่ออกมาปฏิเสธเรื่องที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ระบุพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ส่งคนมาเจรจาให้พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลว่า แสดงว่าพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดงหวั่นไหว ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นว่าระหว่างนายสุเทพกับพ.ต.ท.ทักษิณ ใครมีความน่าเชื่อถือมากกว่ากัน เพราะที่ผ่านมามีหลายเหตุการณ์ที่พ.ต.ท.ทักษิณพูดไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
1.เคยบอกว่าเมื่อเสียงปืนแตกจะกลับมานำประชาชน
2.บอกว่าขอสละเรือแดงขึ้นรถไปยอดเขา แต่สุดท้ายเมื่อไปไม่ได้ก็ต้องเรียกเรือเข้าฝั่ง
3.ขณะที่มีการเจรจากับอำมาตย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ เข้าไปเจรจาบ้านสี่เสาฯ ทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ มีท่าทีอ่อนลง แต่เมื่อไม่ได้ตามที่ตกลงก็กลับมาฮาร์ดคอร์อีกครั้ง
4.พ.ต.ท.ทักษิณ เคยพูดถึงทรัพย์สินว่ามีอยู่ 6.4 หมื่นล้านบาทในปี 2537 ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะปี 40 มีทรัพย์สินแค่ 2.3 หมื่นล้านบาทเท่านั้น
5.พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าจะไม่กลับมาเล่นการเมืองอีก แต่สุดท้ายก็ให้สัมภาษณ์กับสื่อญี่ปุ่นว่าหากกลับมาเป็นายกฯจะทำเหมือนเดิมอีก
นายชวนนท์ กล่าวต่อว่า ทั้ง 5 ข้อดังกล่าวแสดงว่าพ.ต.ท.ทักษิณ เชื่อถือไม่ได้ ขณะที่คำพูดของนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ ในการชี้แจงทรัพย์สินของพ.ต.ท.ทักษิณ เท่ากับเป็น"บ่าวฆ่านาย" ซึ่งในปี37 พ.ต.ท.ทักษิณ มีเงิน 6.1 หมื่นกว่าล้านบาท ในขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นในขณะนั้นสูงถึง 1,500 จุด แต่ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 40 ทรัพย์สินของพ.ต.ท.ทักษิณ ตกลงมาเหลือ 23,878 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ช่วงนั้นอยู่ที่ 300 กว่าจุด ซึ่งการพูดของนายนพดล ต้องการให้สังคมเข้าใจผิดว่าปี 49 มี 7 หมื่นล้านบาท จะแปลกอะไรเพราะมีเงินเพิ่มมาไม่มาก แต่สิ่งที่นายนพดลไม่ได้พูดคือวิกฤตเศรษฐกิจทำให้มูลค่าหุ้นตกเหลือ 2.3 หมื่นล้านบาท และเพิ่มมาเป็น 7.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มเพราะการแปลงสัญญาสัมปทานภาษีสรรพสามิต แก้สัญญาส่วนแบ่งรายได้ โรมมิ่ง ดาวเทียมชินคอร์ป การปล่อยกู้ให้กับพม่าหรือไม่
“สิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าเงินที่ถูกยึดเป็นของตนเองทั้งหมด แสดงว่าคนที่เกี่ยวข้องที่เคยให้การในศาล จะเป็นการให้การเท็จ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณไม่เกี่ยวข้องกับเงิน 7.6 หมื่นล้านบาท แต่คนที่เกี่ยวข้องคือ 1.น.ส.พิณทองทา มีเงินอยู่ในนั้น 3 หมื่นล้านบาท 2. นายพานทองแท้ ชินวัตร 2.5 หมื่นล้านบาท 3. น.ส.ยิ่งลักษณ์ 1 พันล้านบาท 4. นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งตัวเลขเหล่านี้เป็นไปตามบัญชีโครงสร้างผู้ถือหุ้นบ.ชินคอร์ปฯ การที่พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงอาการเดือดร้อนเพราะซุกหุ้นในคนเหล่านี้หรือไม่ เมื่อถูกยึดจึงเจ็บกระทบถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ได้เงินมาจากการทุจริตหรือไม่ และนายพานทองแท้ก็ยังไม่ตอบเรื่องการซื้อหุ้นธนาคารทหารไทยจากคุณหญิงพจมานเลย ว่าเป็นการโอนหนี้ลมหรือไม่” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์สื่อญี่ปุ่นว่าจะกลับประเทศหรือไม่ต้องรอดูพ.ร.บ.ปรองดองฯ และหากกลับมาเป็นนายกฯก็จะทำเหมือนเดิมว่า แสดงให้เห็น 2 ประเด็นสำคัญคือ 1.การที่พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับบ้านอย่างเท่ห์ ต้องรอผลของพ.ร.บ.ปรองดอง แม้จะมีการปฏิเสธก่อนหน้านี้ว่าการออกพ.ร.บ.ปรองดองไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของพ.ต.ท.ทักษิณ แต่จิตใต้สำนึกของพ.ต.ท.ทักษิณ คือการรอพ.ร.บ.ปรองดอง จึงไม่แปลกใจที่รัฐบาลและประธานสภา เร่งรัดตัดตอนในเรื่องนี้ 2.ที่บอกว่าหากกลับมาเป็นนายกฯจะทำเหมือนเดิม ก็ขอให้ทำเพื่อประโยชน์ของประเทศ อย่าทำเพื่อประโยชน์ตัวเองอีกเลย ฯลฯ
http://thaiinsider.i...-06-20-06-08-27
ย้ำความเชื่อส่วนตัวกันอีกทีว่า...
"ไม่มีความชั่วใด ที่คนชอบพูดโกหก ทำไม่ได้"
Edited by Suraphan07, 20 มิถุนายน พ.ศ. 2555 - 15:06.