https://www.facebook...2&type=1&ref=nf
ไอพวกชาบูๆ ก็นะ ไปดูกันเอาครับ
ตอบ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:14
ตอบ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:16
[color=#0000ff;][font="Tahoma, sans-serif;"]เราจะรู้.....รสชาติของความสุข[/color][font="Tahoma, sans-serif;"]ก็ต่อเมื่อ เราผ่านความทุกข์มาก่อน[/font][/font]
ตอบ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:22
[color=#0000ff;][font="Tahoma, sans-serif;"]เราจะรู้.....รสชาติของความสุข[/color][font="Tahoma, sans-serif;"]ก็ต่อเมื่อ เราผ่านความทุกข์มาก่อน[/font][/font]
ตอบ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:25
Edited by อู๋ ฮานามิ, 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:26.
ถึงผมจะเป็นคนหัวขบถ แต่ไม่คิดทรยศบุญคุณแผ่นดินเกิด
เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ไม่ใช่ใบอนุญาตทำร้ายประเทศชาติ
ตอบ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:42
ตอบ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:44
Edited by shinethai, 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:46.
ตอบ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:47
มาตรา 6*
รายได้จากทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่กล่าวใน มาตรา 5 วรรคสองนั้น จะจ่ายได้ก็แต่เฉพาะในประเภทรายจ่ายที่ต้อง จ่ายตามข้อผูกพัน รายจ่ายที่จ่ายเป็นเงินเดือน บำเหน็จ บำนาญ เงินรางวัล เงินค่าใช้สอย เงินการจร เงินลงทุน และรายจ่ายในการพระราชกุศล เหล่านี้เฉพาะที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตแล้วเท่านั้น
รายได้ซึ่งได้หักรายจ่ายตามความในวรรคก่อนแล้ว จะจำหน่าย ใช้สอยได้ก็แต่โดยพระมหากษัตริย์ตามพระราชอัธยาศัย ไม่ว่าในกรณีใด ๆ หรือโดยคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เฉพาะในกรณีที่เกี่ยวกับการ พระราชกุศลอันเป็นการสาธารณะหรือในทางศาสนาหรือราชประเพณี บรรดาที่เป็นพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์เท่านั้น
มาตรา 7*
ภายใต้บังคับแห่งมาตรา 6 ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จะโอนหรือจำหน่ายได้ก็แต่เพื่อประโยชน์แก่ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และ โดยได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตหรือเพื่อสาธารณประโยชน์อันได้มี บทกฎหมายให้โอนหรือจำหน่ายได้เท่านั้น
http://www.baanjomyu...law/02/096.html
Edited by David_GinoLa, 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 17:35.
ตอบ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:15
นายเลียง ไชยกาล นักการเมืองไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และอดีตหัวหน้าพรรคประชาชน เป็นผู้แทนราษฎรประเภทที่ 1 ของจังหวัดอุบลราชธานี เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงลือลั่นจากการเป็นผู้อภิปราย เรื่องการฉวยโอกาสซื้อที่ดินอันเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ของพรรคคณะราษฎร์ เมื่อปี พ.ศ. 2480 ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นกรณีร้อนทำให้ผู้มีอำนาจหลายคนต้องลาออกรวมไปถึงการยุบสภาของคณะรัฐบาลด้วย ซึ่งเป็นการยุบสภาครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ในส่วนตัวนายเลียงเองก็ถูกจดหมายข่มขู่เอาชีวิต ต่อมาได้เข้าสังกัดกับพรรคก้าวหน้า ที่มี หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นหัวหน้าพรรค
ปัญหาของรัฐบาลเจ้าคุณพหลฯก็ประเดประดังเข้ามาอีกเพราะเรื่อง “ที่ดินทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์” ซึ่งกลายเป็นประเด็นในสภาจนทำให้เจ้าคุณพหลฯเอือมระอาในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเลยทีเดียว เพราะประเด็นนี้ไปเกี่ยวพันกับคนใกล้ชิดของจ้าคุณพหลฯเสียเต็มเปา เพราะการซื้อที่ดินทรัพย์สินฯมาในราคาถูกกว่าปกติ รวมทั้งการประกาศขายแบบเงียบๆรู้กันเฉพาะในกลุ่มผู้มีอำนาจในวงรัฐบาล ผู้ก่อการฯ หรือที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่า “เซ็งลี้”
ผลจากการอภิปรายที่ดุเดือดในสภาทำให้ผู้เกี่ยวข้องที่อย่างพระองค์เจ้าอาทิตทิพอาภา “ลาออก” จากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการฯ เจ้าคุณพหลฯก็โชว์สปิริตนักประชาธิปไตย “ลาออก”เพื่อให้สภาตรวจสอบ หลังจากนั้นผู้ที่มีรายชื่อว่าซื้อที่ดินทรัพย์สินฯต่างนำที่ดินไปคืน เรื่องราวก็ยุติไป สภาเองก็ได้เลือกให้เจ้าคุณพหลฯกลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง เพราะยังหาผู้ที่เหมาะสมกว่านี้ไม่ได้ เจ้าคุณพหลฯก็กลับมาเป็น “พระเอก” อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ “เพื่อนพระเอก” หลายคนที่มีชื่อเสียเรื่องเซ็งลี้ที่ดินก็ไม่ได้กลับมาเป็นคณะรัฐมนตรีรัฐบาลพหลฯ ๔
http://www.oknation....t.php?id=772138
Edited by ดราม่า, 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:18.
ตอบ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:40
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 00:10
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 00:35
Edited by เจดีย์, 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 01:02.
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 01:46
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 09:24
ผมอยากเข้าไปโต้ตอบกับสมศักดิ์ ต้องทำยังงัยครับ
มันไม่มีช่องให้คอมเม้นท์...หรือผมโง่เกินหว่า
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 09:49
ลูกหลานที่รัก จงจำปฏิปทานี้ไว้ “ถ้ามีความจำเป็นเราต้องเสียสละเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และปวงชนชาวไทย แม้แต่ชีวิตก็ต้องยอม”
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 10:09
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 10:13
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 11:08
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 11:22
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 11:23
1. ไอ้สามคนที่ยกมามือสะอาด???
2. ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นทรัพย์ของทางราชการ ไม่ใช่ส่วนพระองค์ โปรดอย่าทำให้เข้าใจผิด
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 11:52
ผมอยากเข้าไปโต้ตอบกับสมศักดิ์ ต้องทำยังงัยครับ
มันไม่มีช่องให้คอมเม้นท์...หรือผมโง่เกินหว่า
เฟสบุ๊คมันตั้งค่าได้หลายแบบ ของ ส.ศิวลักษ์ เขาปล่อยให้โพสได้เสรี
แต่ของสมศักดิ์ เจียมฯมันตั้งค่าไว้ว่าต้องเป็น"เพื่อน"มันก่อนจึงโพสได้
ดังนั้นคุณampตั้งฝืนใจขอเป็นเพื่อนกับสมศักดิ์ เจียมฯก่อนครับ จึงเข้าไปถลกหนังมันได้
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 12:07
1. ไอ้สามคนที่ยกมามือสะอาด???
2. ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นทรัพย์ของทางราชการ ไม่ใช่ส่วนพระองค์ โปรดอย่าทำให้เข้าใจผิด
ช่วยหา "หลักฐาน" มายืนยันด้วยครับ
ว่าทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นทรัพย์ของทางราชการ
บอกหน่อยครับ ว่า ราชการเอามาจากไหน ทำอย่างไรถึงมีมาได้ ครับ
อย่ามาใช้จินตนาการแบบไร้ตรรกะที่นี่นะครับ !!!
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 12:28
1. ไอ้สามคนที่ยกมามือสะอาด???
2. ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นทรัพย์ของทางราชการ ไม่ใช่ส่วนพระองค์ โปรดอย่าทำให้เข้าใจผิด
ช่วยหา "หลักฐาน" มายืนยันด้วยครับ
ว่าทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นทรัพย์ของทางราชการ
บอกหน่อยครับ ว่า ราชการเอามาจากไหน ทำอย่างไรถึงมีมาได้ ครับ
อย่ามาใช้จินตนาการแบบไร้ตรรกะที่นี่นะครับ !!!
สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จัดตั้งขึ้นภายใต้พระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พุทธศักราช 2479 (ฉบับที่1) ทั้งนี้ ได้แบ่งแยก"ทรัพย์สินส่วนพระองค์" "ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์" และ "ทรัพย์สินส่วนสาธารณสมบัติของแผ่นดิน" ออกจากกัน "ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์" ให้อยู่ในความดูแลของกระทรวงการคลัง และได้จัดตั้งสำนักงานขึ้นโดยให้ชื่อว่า "สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์" โดยให้มีฐานะเทียบเท่ากอง สังกัดกรมคลัง (ปัจจุบันคือ กรมธนารักษ์) กระทรวงการคลัง และรับโอนหน้าที่การงานตลอดจนข้าราชการบางส่วนมาจากสำนักงานพระคลังข้างที่ รวมทั้งได้ขอใช้สถานที่ส่วนหนึ่งของสำนักงานพระคลังข้างที่ ในพระบรมมหาราชวัง เป็นที่ทำการสำนักงานด้วย
ต่อมามีการปรับปรุงแก้ไขพระ ราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฯ อีก 2 ครั้ง เพื่อให้เกิดความเหมาะสม โดยประกาศใช้ พระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ (ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2484 เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2484 และ พระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ (ฉบับที่ 3) พุทธศักราช 2491 เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2491 โดยยกฐานะสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ขึ้นเป็นนิติบุคคล มีหน้าที่ดูแลรักษาและจัดประโยชน์อันเกี่ยวกับทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า "คณะกรรมการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์" ประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานกรรมการโดยตำแหน่ง และกรรมการอื่นอีกไม่น้อยกว่า 4 นาย ซึ่งพระมหากษัตริย์จะได้ทรงแต่งตั้ง และในจำนวนนี้จะได้ทรงแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระ มหากษัตริย์ 1 ท่าน ให้คณะกรรมการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มีอำนาจหน้าที่ดูแลโดยทั่วไป ซึ่งกิจการของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และให้ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มีอำนาจหน้าที่ตามที่ คณะกรรมการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มอบหมาย รวมถึงมีอำนาจลงนามเป็นสำคัญผูกพันสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ดังนั้น ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ของทุกปี จึงถือเป็นวันสถาปนาสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ที่มา : สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 173 ถ.นครราชสีมา ดุสิต กรุงเทพฯ 10300
ถ้าบังเอิญยาวกว่า สามบรรทัด ผมจะสรุปคร่าวๆให้ว่า ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ กับทรัพย์สินส่วนพระองค์ คนละเรื่องกันครับ
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 12:35
ถ้าอย่างนั้น ขอความรู้เพิ่มเติมด้วยครับ
1. ก่อนปี 2479 ทรัพย์สินส่วนนี้ เป็นของใครครับ ใครดูแลครับ
2. กลุ่มคนที่ตราพระราชบัญญัติ ที่ว่า มีส่วนมากน้อยแค่ไหน ในการสร้างหรือหามาซึ่งทรัพย์สินเหล่านี้
3. ถ้าจะแยกให้ถูกต้อง น่าจะแยกเป็น "ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์" กับ "ทรัพย์สินส่วนสาธารณสมบัติของแผ่นดิน"
เพราะถ้าข้าฯพระบาทพูดถึง พระมหากษัตริย์ แล้ว ทรัพย์สินส่วนพระองค์ ไม่ได้หมายถึง ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ หรือครับ
( ขอโทษนะครับ เกินไป 2 บรรทัด )
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 13:18
ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ก็คือทรัพย์สินส่วนพระองค์ของราชวงค์จักรีไม่ใช่พระคลังหลวง คณะราษฏร์ออกกฏหมายมาควบคุมนี่ก็ละเมิดสิทธิเดิมของท่านมากไปแล้ว
ถ้าอย่างนั้น ขอความรู้เพิ่มเติมด้วยครับ
1. ก่อนปี 2479 ทรัพย์สินส่วนนี้ เป็นของใครครับ ใครดูแลครับ
เรียกว่าพระคลังข้างที่ดูแลทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์ ในสมัยรัชกาลที่5มีการออกโฉนดแบ่งแยกชัดเจน ที่เอกชนที่การรถไฟ ที่สวนที่นา คนละส่วนกับพระคลังหลวง ที่ดินพระคลังหลวงปัจจุบันคือที่ราชพัสดุ
2. กลุ่มคนที่ตราพระราชบัญญัติ ที่ว่า มีส่วนมากน้อยแค่ไหน ในการสร้างหรือหามาซึ่งทรัพย์สินเหล่านี้
คณะราษฎร์ผู้ที่ไม่เคยลงเลือกตั้งออกพรบปี2479 แบ่งทรัพย์สินของพระคลังข้างที่เป็น3ส่วน พระราชวังให้โอนไปเป็นของพระคลังหลวง ทรัพย์สินก่อนขึ้นครองราชย์ให้เป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ต้องเสียภาษี ส่วนที่เหลือให้ตั้งเป็นสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ รัฐมนตรีคลังเป็นประธาน
สมัยรัชกาลที่8 ท่านเป็นยุวกษัตริย์ ผู้สำเร็จราชกาลดูแลจะเอาอย่างไรก็ต้องโอนอ่อนผ่อนตามผู้มีอำนาจอยู่แล้ว
3. ถ้าจะแยกให้ถูกต้อง น่าจะแยกเป็น "ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์" กับ "ทรัพย์สินส่วนสาธารณสมบัติของแผ่นดิน"
เพราะถ้าข้าฯพระบาทพูดถึง พระมหากษัตริย์ แล้ว ทรัพย์สินส่วนพระองค์ ไม่ได้หมายถึง ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ หรือครับ
( ขอโทษนะครับ เกินไป 2 บรรทัด )
การใช้สอยทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์นี้มีกฏหมายระบุไว้ ไม่สามารถเป็นมรดกได้
ขออนุญาตตัดนะครับ เดี๋ยวมันยาวไป ^^
ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไม่ได้หมายถึงทรัพย์สินส่วนพระองค์ที่จะสามารถนำไปใช้หรือรับผลประโยชน์เป็นการส่วนพระองค์ได้ครับ
ผมเกรงว่าถ้าสับสน จะเข้าทางพวกเสื้อแดงต้องการบิดเบือนให้ประชาชนไขว้เขวนะครับ
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 13:19
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 13:38
ถ้าอย่างนั้น ขอความรู้เพิ่มเติมด้วยครับ
1. ก่อนปี 2479 ทรัพย์สินส่วนนี้ เป็นของใครครับ ใครดูแลครับ
2. กลุ่มคนที่ตราพระราชบัญญัติ ที่ว่า มีส่วนมากน้อยแค่ไหน ในการสร้างหรือหามาซึ่งทรัพย์สินเหล่านี้
3. ถ้าจะแยกให้ถูกต้อง น่าจะแยกเป็น "ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์" กับ "ทรัพย์สินส่วนสาธารณสมบัติของแผ่นดิน"
เพราะถ้าข้าฯพระบาทพูดถึง พระมหากษัตริย์ แล้ว ทรัพย์สินส่วนพระองค์ ไม่ได้หมายถึง ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ หรือครับ
( ขอโทษนะครับ เกินไป 2 บรรทัด )
ขออนุญาตตัดนะครับ เดี๋ยวมันยาวไป ^^
ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไม่ได้หมายถึงทรัพย์สินส่วนพระองค์ที่จะสามารถนำไปใช้หรือรับผลประโยชน์เป็นการส่วนพระองค์ได้ครับ
ผมเกรงว่าถ้าสับสน จะเข้าทางพวกเสื้อแดงต้องการบิดเบือนให้ประชาชนไขว้เขวนะครับ
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 17:42
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 17:47
1. ไอ้สามคนที่ยกมามือสะอาด???
2. ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นทรัพย์ของทางราชการ ไม่ใช่ส่วนพระองค์ โปรดอย่าทำให้เข้าใจผิด