ถลกหนัง HERE
#52
ตอบ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 22:07
ทำให้ได้ความรู้มากมายเกี่ยวกับความเป็นมาในกรณ๊ต่างๆ อ่านแล้วทั้งได้ความรู้และความสนุก
ต้องขอขอบคุณมากๆที่เรียบเรียงเรื่องราวให้อ่านแล้วเข้าใจได้ง่ายเช่นนี้
ขอสมัครเป็นผู้ติดตามกระทู้ที่มีคุณค่าและคุณภาพของคุณ amplepoor ด้วยคนนะคะ
- เมรีสีน้ำเงิน, ห่วยแมน, ugly-maew and 1 other like this
“People shouldn't be afraid of their government. Governments should be afraid of their people.”
#53
ตอบ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 22:20
ใช้เวลาค่อนข้างนานในการอ่านสาระที่คุณamplepoor โพสไว้ทุกreply ที่นานเพราะอ่านไปแล้วคิดตามไปด้วย
ทำให้ได้ความรู้มากมายเกี่ยวกับความเป็นมาในกรณ๊ต่างๆ อ่านแล้วทั้งได้ความรู้และความสนุก
ต้องขอขอบคุณมากๆที่เรียบเรียงเรื่องราวให้อ่านแล้วเข้าใจได้ง่ายเช่นนี้
ขอสมัครเป็นผู้ติดตามกระทู้ที่มีคุณค่าและคุณภาพของคุณ amplepoor ด้วยคนนะคะ
วาว...ผมทำให้เสียเวลาอย่างนี้เลยหรือ
ต่อไปจะเขียนให้อ่านเร็วปรู๊ดปร๊าดเรยยยย....อิอิ
ขอบคุณที่ติดตามครับ หนักนิดเบาหน่อยโปรดอภัย เล่นบอร์ดการเมือง
บางทีก็ของขึ้น ลืมตัวกลายเป็นคนต่ำช้าไปได้เหมือนกัน
เอ่อ ผมมิได้หมายถึงตัวเองนะ
ผมหมายถึงท่านปราชญ์สุนัข เอ้ยสุลักษณ์น่ะครับ
ฮา
#54
ตอบ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 22:56
มันให้กรอกเบอร์โทรศัพท์แล้วเสียให้มันอาทิตย์ละ9บาท สมัครใหม่ก็ไม่ได้ T T
ไอ้ที่โพสไว้หายหมุด อุตสาห์ไปขุดหาข้อมูลมาโต้แย้ง
#55
ตอบ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:00
ผมตามคุณampไปช่วยถล่มมัน แต่ตอนนี้บชเฟสบุ๊คหายสาปสูญไปอีกแล้ว T T
มันให้กรอกเบอร์โทรศัพท์แล้วเสียให้มันอาทิตย์ละ9บาท สมัครใหม่ก็ไม่ได้ T T
ไอ้ที่โพสไว้หายหมุด อุตสาห์ไปขุดหาข้อมูลมาโต้แย้ง
ผมใช้วิธีพิมพ์ในโนัตแผดครับ ผมเกลียดระบบของ fb มาก มันตรวจสอบไม่ได้
เราก็พิมพ์ไม่เก่ง ตัวผิดมากจนระอา
ใจเย็นครับ เขียนใหม่ เท่ากับได้ตรวจสอบความคิดตัวเอง
ผมไปโพสต์ไว้เป็นสิบเลย หายจ้อย แสดงแค่ครึ่งเดียวมั้ง
#56
ตอบ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:20
ถ้าท่านแม่นข้อมูลจริง เที่ยงธรรมจริง ท่านควรจะยกตัวอย่างมาเลย ตรงๆ
เช่น เรื่องที่รัชกาลที่สามให้เจ้าพระยาบดินทร์ เผาเมืองเวียงจันทร์ เอาเกลือต้มน้ำร้อนราดทั้งเมืองไม่ให้เพาะปลูกได้ นี่เป็นเรื่องที่มีบันทึกไว้ และเป็นเรื่องที่ทำกันเกินไป แม้แต่พม่าก็ยังไม่ทำกับเราถึงเพียงนี้ เสียดายที่เป็นเรื่องในรัชกาลที่ไม่ใช่ 5 ท่านก็เลยเอามาโจมตีไม่ได้
ทีนี้มาที่การทหารในรัชกาลที่ 5 ถ้าท่านจะตำหนิ จะวิจารณ์เพื่อสร้างคำวินิจฉัยทางจริยธรรมแก่เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ ว่าชาติเรา เคยกระทำกับพลเมืองของตัวเองไว้อย่างน่าละอายเพียงใด ท่านต้องเอา"ความจริง"มาเล่า
ไม่ใช่เอาคำเล่าลือมาเสี้ยม
ท่านสุลักษณ์นี่ถือว่าเป็นผู้ใหญ่ที่ใช้ไม่ได้จริงๆในเรื่องคุณธรรมของผู้ใหญ่
วันก่อนท่านบอกว่าเป็นผู้ใหญ่ เป็นรัฐบาลควรจะอ่อนน้อมถ่อมตน แต่ตัวท่านกลับทำในสิ่งที่ย้ำลายตัวเองพ่นออกมาไม่ได้
ไม่ใช่ถ้อยคำรุนแรงดอก ที่ผมหมายถึง ภาษาส่อชาติตระกูล ท่านเป็นลูกเจ๊กกระดุมพี จะหวังภาษาสวยงามจากท่านั้น ผมไม่หวัง แม้ว่าท่านพยายามดัดจริตใช้มาตั้งห้าสิบปี น้ำคำของท่านก็ยังเป็นของปลอม เป็นคำที่เสแสร้งจะให้ลุ่มลึกอยู่ดี
ความเป็นผู้ใหญ่ที่ใช้ไม่ได้ของท่านสุลักษณ์นั้น อยู่ที่กมลสันดานอันเป็นคนโฉด คือโฉดในการสร้างความเท็จ แพร่ความเท็จ และซ้ำความเท็จลงไปในความเท็จของตนเอง
กองกำลังของรัชกาลที่ 5 นั้น ถ้าท่านศึกษาประวัติศาสตร์จริง ท่านจะต้องรู้สึกทึ่ง
เพราะมีแต่ผู้นำอัจฉริยะเท่านั้น ที่สามารถแปลงไพร่ในสังกัดมูลนายให้กลายเป็นพลเมืองของชาติได้ด้วยวิธีเกณฑ์ทหาร
แล้วอัจฉริยะอย่างนี้หรือ จะต้องเข่นฆ่าพลเมืองตัวเอง เพื่อดำรงอำนาจไว้ ถ้าจะมีก็มีแต่อัจฉริยะสุลักษณ์แหละ ที่ใช้ความถ่อยเถื่อนเอาใจสาวกให้คิดว่าตัวเองหาญกล้า
เป็นการเอาหนังลามาหุ้มให้ไก่มันกลัวนึกว่าหมา....เอ ผมใช้คำพังเพยถูกป่าวหว่า.....
การสร้างกองกำลังของรัชกาลที่ 5 นั้น เป็นตัวอย่างที่น่ายกย่องที่สุดของประวัติศาสตร์โลกสมัยใหม่
เป็นการกระทำที่อาจจะเรียกเป็นภาษาฝรั้งว่า from servdom to citizenship หึหึ อันนี้อวดใช้ภาษาต่างดาวสักหน่อย เท่ดี
อเมริกาใช้วิธีเอาทาสมาเป็นทหาร สู้รบเพื่อรอดออกมาเป็นไท แต่เราไม่ต้องสู้รบ เราก็เปลี่ยนไพร่เป็นพลเมืองได้
ที่จริงกองกำลังชนิดนี้ เป็นของใหม่เอี่ยมที่กำเนิดจากรัชกาลที่ 4 ไม่ใช่ว่าพระราชาหนุ่มจะต้องไปดูแบบอย่างที่อินเดียเลย แต่เพราะสุลักษณ์โง่ประวัติศาสตร์ ทะนงตนว่าเหนือกว่าผู้อื่น ซึ่งอาจจะจริงเพราะรอบตัวสุลักษณ์มีแต่คนโง่ทั้งนั้น
คนฉลาดที่ใหนจะไปสมสู่กับปราชญ์ปลอมๆ อย่างสุลักษณ์ล่ะ
สุลักษณ์คิดว่าตัวเองเฉลียวฉลาดที่ยกเรื่องประพาสอินเดียมาใช้ประโยชน์ได้ แต่สุลักษณ์คงลืมไปว่า เอาคนอย่างบุรุษแซ่เซียวไปเทียบกับพระจอมเกล้า
ก็เหมือนเอาหิ่งห้อยเพิ่งหัดเบ่งก้นไปเทียบกับแสงสุรีย์ยามเที่ยงวัน
ร. 4 ท่านอ่านหนังสือพิมพ์ฝรั่งมาตั้งแต่เป็นเจ้าอาวาสวัดบวร เป็นที่ปรึกษาด้านการต่างประเทศตั้งแต่หม่อมไกรสรถูกสำเร็จโทษ ท่านจึงรู้ว่าเอาทหารพม่าชั้นยอด ไปรำดาบรำทวนให้ทหารอังกฤษมันยิงทิ้งน่ะ ไปหมื่นก็ตายหมื่น พม่าถูกทหารอังกฤษแค่หยิบมือบนเรือรบ แล่นทวนน้ำไปปิดล้อมพระาชวังโดยไพร่พลนับหมื่นนับแสนไม่อาจทำอะไรได้
พม่าเสียเมืองทำให้สยามได้สติ ร. 4 จึงทรงสร้างกองกำลังสมัยใหม่ขึ้นมา จนแม้แต่ลูกท่านสิบกว่าขวบ ท่านยังเอามาหัดทหาร ท่านสั่งนายร้อยอังกฤษเข้ามา ให้น้องชายท่านสร้างกองกำลังขึ้น และเริ่มดึงอำนาจในการควบคุมกลับมาจากตระกูลบุนนาค เอามาให้ลูกเลี้ยงท่านดูแล เป็นทหารประจำการสมัยใหม่ และได้นำออกใช้งานครั้งแรก ทันต้อนรับเซอร์จอนเบาริ่งเสียด้วย
ทั้งหมดนี้ เกิดเมื่อร. 5 ท่านพระชนม์ยังไม่ถึง 10 ขวบ......ไม่เห็นต้องไปเรียนรู้จากอังกฤษอะไรอย่างที่อวดฉลาดสอนสาวกเลย
(เดี๋ยวมาต่อ เม้นท์ชุดนี้ยาว และผมจะไม่่พูดเลยรัชกาลที่ 5 อีกด้วย
ต้องค้นเรื่องแยะหน่อย ทำงัยได้ HERE มันตัวใหญ่เหลือเกิน)
Edited by amplepoor, 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:29.
#57
ตอบ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:21
ผมตามคุณampไปช่วยถล่มมัน แต่ตอนนี้บชเฟสบุ๊คหายสาปสูญไปอีกแล้ว T T
มันให้กรอกเบอร์โทรศัพท์แล้วเสียให้มันอาทิตย์ละ9บาท สมัครใหม่ก็ไม่ได้ T T
ไอ้ที่โพสไว้หายหมุด อุตสาห์ไปขุดหาข้อมูลมาโต้แย้ง
ผมใช้วิธีพิมพ์ในโนัตแผดครับ ผมเกลียดระบบของ fb มาก มันตรวจสอบไม่ได้
เราก็พิมพ์ไม่เก่ง ตัวผิดมากจนระอา
ใจเย็นครับ เขียนใหม่ เท่ากับได้ตรวจสอบความคิดตัวเอง
ผมไปโพสต์ไว้เป็นสิบเลย หายจ้อย แสดงแค่ครึ่งเดียวมั้ง
ไม่ใช้ครับ อาการของผมคือเฟสบุ๊คมันบังคับให้ยืนยันตัวตนด้วยเบอร์มือถือ (ซึ่งจะเสียเงินสัปดาห์ละ9บาท)
ปัญหาเหมือนอันนี้เลย http://www.pantip.co.../IU3047876.html
เดี๋ยวว่าจะลงทุนไปซื้อเบอร์ใหม่มาสมัคร แล้วทิ้งซิมไปเลย
#58
ตอบ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:33
ผมตามคุณampไปช่วยถล่มมัน แต่ตอนนี้บชเฟสบุ๊คหายสาปสูญไปอีกแล้ว T T
มันให้กรอกเบอร์โทรศัพท์แล้วเสียให้มันอาทิตย์ละ9บาท สมัครใหม่ก็ไม่ได้ T T
ไอ้ที่โพสไว้หายหมุด อุตสาห์ไปขุดหาข้อมูลมาโต้แย้ง
ผมคิดว่าว่าท่านอาจจะโดนสาวกเสื้อแดงนิติราด รุมกันกดแจ้งแบนครับ เลยเป็นแบบนี้
ทำให้เข้าไม่ได้ ต้องยืนยันตัวตน
เพราะเคยเจอ หลายคนมักจะโดนแบบนี้หลังจากเอาข้อมูลไปเห็นแย้ง เสื้อแดงพวกนั้น
#59
ตอบ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:35
ผมตามคุณampไปช่วยถล่มมัน แต่ตอนนี้บชเฟสบุ๊คหายสาปสูญไปอีกแล้ว T T
มันให้กรอกเบอร์โทรศัพท์แล้วเสียให้มันอาทิตย์ละ9บาท สมัครใหม่ก็ไม่ได้ T T
ไอ้ที่โพสไว้หายหมุด อุตสาห์ไปขุดหาข้อมูลมาโต้แย้ง
ผมคิดว่าว่าท่านอาจจะโดนสาวกเสื้อแดงนิติราด รุมกันกดแจ้งแบนครับ เลยเป็นแบบนี้
ทำให้เข้าไม่ได้ ต้องยืนยันตัวตน
เพราะเคยเจอ หลายคนมักจะโดนแบบนี้หลังจากเอาข้อมูลไปเห็นแย้ง เสื้อแดงพวกนั้น
ผมโดนไป5ล๊อกอินแล้ว เรียกว่าโดนประชาธิปไตยอุ้ม คือมันเอาเสียงส่วนใหญ่แจ้งแบนผมเลย (ผมสาบานเลยนะว่าไม่ด่าหยาบ แค่เอาความจริงไปยืนยัน)
Edited by ดราม่า, 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:35.
#60
ตอบ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:36
Edited by amplepoor, 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:58.
- แดงใต้ตีน เลียไข่แม้ว likes this
#61
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 00:00
- แดงใต้ตีน เลียไข่แม้ว likes this
#62
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 00:44
และขอบคุณคุณ amplepoor มากครับสำหรับข้อมูล ความรู้ และการถลกหนัง here ครับ
#63
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 12:22
ในอินเตอร์เน็ต ที่บอกว่ามีอะไรเยอะแยะ เออเยอะจริงซะด้วย แต่ไม่ค่อยจะตรงกับ
ที่ตาแก่นี่คุยโม้ตอบคำถามไปเท่าไหร่เลย บอกว่าร.5ไปเรียนมาจากอังกฤษ
ที่มันบอกมันปกครองอินเดียได้เพราะ
1.ต้องให้การศึกษาล้างสมองคน ให้นับถือพระเจ้าแผ่นดินยิ่งกว่าพ่อแม่
-ก็ไปหาอ่านในเน็ต ที่ส.เสี้ยนแกนะนำ ไปเจอข้อมูลส่วนใหญ่อังกฤษใช้ระบบ
แบ่งแยกแล้วปกครองไม่ใช่เหรอ เพราะตอนนั้นประเทศอินเดียไม่ค่อยสามัคคีกัน
ทั้งเรื่องแย่งกันเป็นใหญ่ และเรื่องศาสนาฮินดูกับอิสลาม
-นับถือพระเจ้าแผ่นดิน กษัตริย์องค์ไหนล่ะ ของอินเดียหรืออังกฤษ
ตอนแรกคิดว่าคงจะให้ไปนับถือกษัตริย์อังกฤษ ไปไล่อ่านหาข้อมูลมา ปรากฎว่า
ตอนนนั้นราชวงศ์โมกุลของอินเดียก็ยังอยู่ จากลิงค์เวปนี้ http://www.dhammatha...chapter10_1.php
จะไล่เรียงปีได้ชัดเจน อังกฤษยึดอินเดียได้ปี 2300 ราชวงส์โมกุลองค์สุดท้ายโดนเนรเทศปี 2402
ไปหาข้อมูลทำให้อยากอ่านหนังสือ ร.๕ เสด็จอินเดีย สงสัยว่าตาแก่นี่มันเอาข้อมูล
จากหนังสือนั้นมาตีความตอบคำถามไปแบบนั้น แต่จากข้อมูลรอบๆบ้านเราก็ตกเป็นเมืองขึ้น
ตั้งแต่ ร.5ท่านทรงพระเยาว์อยู่ ความคิดเรื่องปรับปรุงกองทัพ ร.4ท่านก็ทรงจะทำอยู่แล้ว
คือปรับปรุงการทหารเรือเพราะตอนนั้นอังกฤษมีกองทัพเรือที่ไม่มีใครจะเทียบได้
ข้อมูลคั่นเวลานิดหน่อยๆ ระหว่างรอคุณ amplepoor มาถลกหนังหัวตาแก่นี่ต่อ
- wewe and แดงใต้ตีน เลียไข่แม้ว like this
#64
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 16:03
ผมตามคุณampไปช่วยถล่มมัน แต่ตอนนี้บชเฟสบุ๊คหายสาปสูญไปอีกแล้ว T T
มันให้กรอกเบอร์โทรศัพท์แล้วเสียให้มันอาทิตย์ละ9บาท สมัครใหม่ก็ไม่ได้ T T
ไอ้ที่โพสไว้หายหมุด อุตสาห์ไปขุดหาข้อมูลมาโต้แย้ง
ผมคิดว่าว่าท่านอาจจะโดนสาวกเสื้อแดงนิติราด รุมกันกดแจ้งแบนครับ เลยเป็นแบบนี้
ทำให้เข้าไม่ได้ ต้องยืนยันตัวตน
เพราะเคยเจอ หลายคนมักจะโดนแบบนี้หลังจากเอาข้อมูลไปเห็นแย้ง เสื้อแดงพวกนั้น
ผมโดนไป5ล๊อกอินแล้ว เรียกว่าโดนประชาธิปไตยอุ้ม คือมันเอาเสียงส่วนใหญ่แจ้งแบนผมเลย (ผมสาบานเลยนะว่าไม่ด่าหยาบ แค่เอาความจริงไปยืนยัน)
แก้ได้ง่ายมากฮัฟ
คุณดราม่า เปิดล็อกอินใหม่ แล้วก็ตะเวน แอดเพื่อน ดะเลยฮัฟ
ไม่ต้องสนใจ ว่าจะรู้จักหรือไม่รู้จัก เอาจำนวนเข้าข่ม
เยอะเข้าไว้แล้วจะดีเอง
ทีนี้ต่อให้มันกดรายงานยังไง ...
มันก็ต้องกดรายงานเยอะกว่าจำนวนเพื่อนของคุณดราม่า
ไม่เช่นนั้น มันก็ไม่สามารถ บล็อกล็อกอินใหม่ของคุณดราม่าได้
อย่างมาก ก็แค่มีแจ้งเตือนทุกครั้งเวลาแสดงความเห็น แค่นั้นเอง
สู้ต่อไปฮัฟ ... จะเป็นกำลังใจให้
- metaleka and เพลิงสีนิล like this
#65
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 16:21
แก้ได้ง่ายมากฮัฟ
คุณดราม่า เปิดล็อกอินใหม่ แล้วก็ตะเวน แอดเพื่อน ดะเลยฮัฟ
ไม่ต้องสนใจ ว่าจะรู้จักหรือไม่รู้จัก เอาจำนวนเข้าข่ม
เยอะเข้าไว้แล้วจะดีเอง
ทีนี้ต่อให้มันกดรายงานยังไง ...
มันก็ต้องกดรายงานเยอะกว่าจำนวนเพื่อนของคุณดราม่า
ไม่เช่นนั้น มันก็ไม่สามารถ บล็อกล็อกอินใหม่ของคุณดราม่าได้
อย่างมาก ก็แค่มีแจ้งเตือนทุกครั้งเวลาแสดงความเห็น แค่นั้นเอง
สู้ต่อไปฮัฟ ... จะเป็นกำลังใจให้
โอ้ว ว้าววว คุณ H นี่ เจ๋งมากเลย
ระบบของชักโครกเบิร์กมันคือเสื้อแดงแท้ๆ
เอาพวกมากเข้าข่ม
#66
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:08
เดี๋ยวเก็บเข้าห้องสมุดอีกดีกว่า
ปล เบื่อหรือไม่ชอบแค่ไหนคุณแอมไปปรามๆพวกนั้นมั่งก็ดีนะคะ
เดี๋ยวจะผยอง นึกว่า โลกในกะลา มันแสนจะยิ่งใหญ่ถูกต้อง เพียงฝ่ายเดียว
ทำแบบนี้ถือว่าทำกุศลแก่เด็กๆที่คิดว่าตามไอดอลถูกคน แบบคนพวกที่กำลังจะถลกหนังกัน ค่ะ
Edited by overtherainbow, 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:12.
#67
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:14
คิดว่าจะเลิกตอบกระทู้ล่อเป้าและไร้สาระของบางคนแล้วค่ะ จะได้ตกๆไป
#68
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 22:42
#69
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:02
กองทัพอังกฤษตีถึงมัณฑะเลย์ เป็นแค่เรือรบจิ๊บจ๊อยเท่านั้น
เรื่องนี้ผมพออ่านมาบ้างครับ ผมมองว่าเหตุการณ์ที่ทำให้ประเทศไทยควรตระหนักเรื่องการปรับปรุงกองทัพนั้น น่าจะเป็นการรบระหว่างอังกฤษกับพม่าในครั้งแรกคือสมัยรัชกาลที ๓ ครับ เพราะเวลานั้นอาณาจักรของพม่ายังยิ่งใหญ่อยู่ ถึงแม้จะไม่ได้ยึดครองไทย หรือล้านนาอย่างสมัยตองอู แต่ก็ได้ดินแดนแถบตะวันตกมาไม่น้อย หัวเมืองหลักๆก็อยู่ครบ แต่กลายเป็นว่ารบแพ้อังกฤษที่คนน้อยกว่ามาก แต่สู้ด้วยคุณภาพของทหาร และเทคโนโลยีที่เหนือกว่า ทั้งปืน ปืนใหญ่ และกองทัพเรือ ทำให้พม่าต้องแพ้ในบ้านตัวเองอย่างน่าอับอาย กษัตริย์พม่าถึงกับเสียจริตไปเลย
ส่วนเหตุการณ์ในรูปนั้น น่าจะเป็นสงครามครั้งสุดท้านในสมัยพระเจ้าธีบอ ที่พม่าอ่อนแอลงมากแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ก็มีสงครามครั้งที่สองซึ่งทำให้เสียหัวเมืองชายทะเลไปทั้งหมด การติดต่อกับโลกภายนอกต้องผ่านอังกฤษเท่านั้น สภาพอย่างนั้นไม่ต่างอะไรกับคนพิการเลย ไม่มีทางที่พม่าจะสามารถหาอาวุธ หรือยกระดับประเทศผ่านการติดต่อกับมหาอำนาจอื่นๆได้อย่างไทย ประกอบกับการเมืองภายในก็วุ่นวาย มีการแย่งชิงอำนาจกันเองภายในราชสำนัก เรียกว่าพม่าตอนนั้นอ่อนแอสุดๆแล้วครับ อังกฤษยกกองทัพไปไม่ทันไร ก็ยอมแพ้แล้ว เห็นแล้วเศร้าจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่านี่คืออาณาจักรที่ครั้งหนึ่งรบชนะไปทุกทิศ ชนะทั้งไทย และจีนได้พร้อมๆกัน แต่สุดท้ายก็มาสิ้นชาติ สิ้นราชวงศ์อย่างน่าเวทนา
หลักฐานไม่เคยโกหก (Gilbert Grissom C.S.I.)<p>Beneath this mask there is more than flesh. Beneath this mask there is an idea, Mr. Creedy, and ideas are bulletproof.
#70
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:19
ประเด็นที่ส. จะด่าร.5 เรื่องปราบปรามประชาชนนั้น
ถ้าท่านแม่นข้อมูลจริง เที่ยงธรรมจริง ท่านควรจะยกตัวอย่างมาเลย ตรงๆ
เช่น เรื่องที่รัชกาลที่สามให้เจ้าพระยาบดินทร์ เผาเมืองเวียงจันทร์ เอาเกลือต้มน้ำร้อนราดทั้งเมืองไม่ให้เพาะปลูกได้ นี่เป็นเรื่องที่มีบันทึกไว้ และเป็นเรื่องที่ทำกันเกินไป แม้แต่พม่าก็ยังไม่ทำกับเราถึงเพียงนี้ เสียดายที่เป็นเรื่องในรัชกาลที่ไม่ใช่ 5 ท่านก็เลยเอามาโจมตีไม่ได้
๑ ขออภัยที่นอกประเด็นอีกครั้ง ผมสนใจเรื่องการสงครามสมัยรัชกาลที่ ๓ มากเลยครับ ไม่ทราบว่าพอจะหาอ่านได้ที่ไหน ที่เคยอ่านก็มีอยู่เล่มเดียวคือ "อานามสยามยุทธ" ของ กศร กุหลาบ ซึ่งอ้างว่าเป็นการรวบรวมบันทึกของเจ้าพระยาบดินทรเดชา แต่ผมก็ได้ยินมาว่าผู้เขียนนั้นโดนโจมตีว่าเป็นคนช่าง "กุ" เรื่อง เลยไม่แน่ใจว่าสิ่งที่อ่านนั้นน่าเชื่อถือซักแค่ไหน เลยอยากหาเล่มอื่นอ่านบ้าง เพื่อเป็นการตรวจสอบอีกที ไม่ทราบว่าคุณ amplepoor พอจะมีแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างมั้ยครับ
๒ แถมนิดนึงเรื่อง "ทำเกินไป" ของรัชกาลที่ ๓ ผมก็ยอมรับว่ามันออกจะโหดมากไปหน่อย แต่ถ้ามองอีกด้าน ผมก็พอเข้าใจนะครับ เพราะเจ้าอนุวงศ์นั้น ก็หาเรื่องใส่ตัวจริงๆ ก่อกบฏครั้งแรกเกือบจะบุกประชิดกรุงเทพฯได้ พอแพ้แล้ว รัชกาลที่ ๓ ท่านก็เมตตาให้ปกครองเวียงจันทน์ต่อ แต่กลับคิดไม่ซื่อ ก่อกบฏซ้ำและล้อมฆ่าขุนนางไทยที่ไปตรวจราชการอีก ผมเชื่อว่ารัชกาลที่ ๓ ท่านคงพิโรธ สุดๆ เลยทำให้เวียงจันทน์ "เหลือแต่น้ำกับฟ้า" กลายเป็นเมืองร้างไปหลายสิบปีเลย (อ้างตามที่อ่านจากอานามสยามยุทธนะครับ)
หลักฐานไม่เคยโกหก (Gilbert Grissom C.S.I.)<p>Beneath this mask there is more than flesh. Beneath this mask there is an idea, Mr. Creedy, and ideas are bulletproof.
#71
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:33
ประเด็นที่ส. จะด่าร.5 เรื่องปราบปรามประชาชนนั้น
ถ้าท่านแม่นข้อมูลจริง เที่ยงธรรมจริง ท่านควรจะยกตัวอย่างมาเลย ตรงๆ
เช่น เรื่องที่รัชกาลที่สามให้เจ้าพระยาบดินทร์ เผาเมืองเวียงจันทร์ เอาเกลือต้มน้ำร้อนราดทั้งเมืองไม่ให้เพาะปลูกได้ นี่เป็นเรื่องที่มีบันทึกไว้ และเป็นเรื่องที่ทำกันเกินไป แม้แต่พม่าก็ยังไม่ทำกับเราถึงเพียงนี้ เสียดายที่เป็นเรื่องในรัชกาลที่ไม่ใช่ 5 ท่านก็เลยเอามาโจมตีไม่ได้
๑ ขออภัยที่นอกประเด็นอีกครั้ง ผมสนใจเรื่องการสงครามสมัยรัชกาลที่ ๓ มากเลยครับ ไม่ทราบว่าพอจะหาอ่านได้ที่ไหน ที่เคยอ่านก็มีอยู่เล่มเดียวคือ "อานามสยามยุทธ" ของ กศร กุหลาบ ซึ่งอ้างว่าเป็นการรวบรวมบันทึกของเจ้าพระยาบดินทรเดชา แต่ผมก็ได้ยินมาว่าผู้เขียนนั้นโดนโจมตีว่าเป็นคนช่าง "กุ" เรื่อง เลยไม่แน่ใจว่าสิ่งที่อ่านนั้นน่าเชื่อถือซักแค่ไหน เลยอยากหาเล่มอื่นอ่านบ้าง เพื่อเป็นการตรวจสอบอีกที ไม่ทราบว่าคุณ amplepoor พอจะมีแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างมั้ยครับ
๒ แถมนิดนึงเรื่อง "ทำเกินไป" ของรัชกาลที่ ๓ ผมก็ยอมรับว่ามันออกจะโหดมากไปหน่อย แต่ถ้ามองอีกด้าน ผมก็พอเข้าใจนะครับ เพราะเจ้าอนุวงศ์นั้น ก็หาเรื่องใส่ตัวจริงๆ ก่อกบฏครั้งแรกเกือบจะบุกประชิดกรุงเทพฯได้ พอแพ้แล้ว รัชกาลที่ ๓ ท่านก็เมตตาให้ปกครองเวียงจันทน์ต่อ แต่กลับคิดไม่ซื่อ ก่อกบฏซ้ำและล้อมฆ่าขุนนางไทยที่ไปตรวจราชการอีก ผมเชื่อว่ารัชกาลที่ ๓ ท่านคงพิโรธ สุดๆ เลยทำให้เวียงจันทน์ "เหลือแต่น้ำกับฟ้า" กลายเป็นเมืองร้างไปหลายสิบปีเลย (อ้างตามที่อ่านจากอานามสยามยุทธนะครับ)
อ่านกศร. กุหลาบ 2553 ดูครับ
สายพิน แก้วงามประเสริฐ:เมื่อเจ้าอนุวงศ์ยืนผงาด ตำราเรียน "ประวัติศาสตร์ไทย" จะ "ปรับเปลี่ยน" อย่างไร?
Wed, 2010-12-29 07:51
สายพิน แก้วงามประเสริฐ
เมื่อเจ้าอนุวงศ์ยืนตระหง่านอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง แล้วยื่นพระหัตถ์มาฝั่งไทย แสดงนัยยะของการให้อภัยแก่ผู้ที่กระทำต่อพระองค์แล้ว ผู้ที่เป็นฝ่ายกระทำจะไม่รู้สึกอย่างไรบ้างเชียว? เมื่อรู้สึกแล้ว ตำราเรียนประวัติศาสตร์ที่ได้หล่อหลอมกล่อมเกลาให้เกิดความบาดหมางกับประเทศ เพื่อนบ้าน จะไม่ยอมปรับเปลี่ยนบ้างเลย?
เนื้อหาตำราเรียนประวัติศาสตร์ในโรงเรียนไม่เคยสอนให้รักใคร นอกจากตัวเอง โดยเฉพาะความรักชาติของตนเองเหนือสิ่งอื่นใด ด้วยความที่ตำราเรียนประวัติศาสตร์ถูกนำมาใช้รองรับอุดมการณ์ของรัฐ ไม่ว่าในยุคก่อนหรือหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 แล้วก็ตาม
วิชาประวัติศาสตร์ยังคงเป็นวิชาที่ให้ความสำคัญกับการรักตนเอง จนแทบไม่เคยสอนให้รู้จักรักผู้อื่น หรือเห็นอกเห็นใจผู้ที่ด้อยกว่าตนเลย
ด้วยเหตุดังนี้เนื้อหาสาระวิชาประวัติศาสตร์ในโรงเรียน จึงเต็มไปด้วยการสู้รบ การศึกสงครามทุกยุคสมัย โดยมีพล็อตเรื่องที่แสดงความยิ่งใหญ่ กล้าหาญ ของบรรดาวีรบุรุษวีรสตรีทั้งหลาย เมื่อไทยเป็นฝ่ายชนะตำราเรียนประวัติศาสตร์จะแต่งแต้มเติมสีสันให้ยิ่งใหญ่ ขณะที่หากไทยเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ หรือดูเหมือนว่าจะด้อยกว่า ตำราเรียนประวัติศาสตร์ในโรงเรียนก็จะมีเหตุผลแห่งความพ่ายแพ้นั้น หรือมีสิ่งแสดงความไม่ชอบมาพากลที่ทำให้พ่ายแพ้
เนื้อหาในตำราเรียน ประวัติศาสตร์ไทย ผ่านกระบวนการผลิตซ้ำตามอุดมการณ์ชาตินิยมมาเนิ่นนานจนกระทั่งในความรับรู้ ของผู้คนที่ผ่านกระบวนการการเรียนการสอนในโรงเรียนมองพม่าเหมือนเป็นศัตรู มองกัมพูชา และมองลาวอีกรูปแบบหนึ่ง
ตำราเรียนประวัติศาสตร์ใน โรงเรียนจึงถูกวิจารณ์ว่าก่อให้เกิดความล้าหลังคลั่งชาติ เพราะสอนให้รักชาติของตนเองจนไม่สนใจไยดีเพื่อนบ้าน แม้บางประเทศเรามักจะพูดอยู่เสมอว่าเป็น "บ้านพี่เมืองน้อง" แต่เรื่องราวที่ถูกเขียนไว้ในตำราเรียน หรือเรื่องที่บอกเล่าสืบต่อกันมา ผ่านนวัตกรรมต่างๆ ล้วนแล้วแต่ไม่ได้ส่งเสริมความเป็นพี่น้องแต่อย่างใด จนทำให้เกิดความรู้สึกว่า เป็นพี่น้องกันประสาอะไร?
เรื่องราวที่บาดหมางเช่นนี้ คงหนีไม่พ้นกรณีเหตุการณ์ศึกเจ้าอนุวงศ์ ที่ตำราเรียนหรือเรื่องราวในประวัติศาสตร์ถูกเขียนขึ้นโดยผู้ชนะอยู่เสมอ และมักมองด้วยสายตา มุมมองของตนเอง โดยเรียกเหตุการณ์นี้ว่า "กบฏ" ทั้งที่หากมองด้วยสายตาอีกฝ่ายหนึ่ง ก็ย่อมเห็นว่าเหตุการณ์นี้เป็นการกอบกู้เอกราช
ดังนั้นเจ้าอนุวงศ์ย่อมอยู่ในฐานะที่มิใช่ "กบฏ"
ด้วยความที่เหตุการณ์ศึกเจ้าอนุวงศ์มีความชัดเจนว่าไทยเป็นฝ่ายชนะสงคราม อีกทั้งวีรกรรมท้าวสุรนารี ที่บอกเล่าเป็นตำนานสืบต่อกันมาว่ารบชนะลาว จนกลายเป็นเรื่องราวในตำราเรียน ผ่านกระบวนการผลิตซ้ำทั้งในตำราเรียน บทเพลง บทละคร และอนุสาวรีย์ ในสมัยรัฐชาตินิยม และยังไม่จืดจางจนสมัยปัจจุบัน
การรับรู้ประวัติศาสตร์แบบชาตินิยม โดยไม่สนใจความรู้สึกของผู้คนรอบบ้าน ยังคงสืบเนื่องยาวนานมาจนถึงทุกวันนี้ และควรจะเป็นเช่นนี้ต่อไป? ในเมื่อสังคมโลกเปลี่ยนแปลงไป การอยู่ร่วมกับผู้คนไม่ใช่แค่ในประเทศเดียวกันเท่านั้น แต่ต้องอยู่ร่วมกับนานาชาติ โดยเฉพาะขณะนี้เราไม่ได้เป็นแค่พลเมืองไทยเท่านั้น แต่ยังอยู่ในฐานะสมาชิกของอาเซียนด้วย แต่เนื้อหาตำราเรียนประวัติศาสตร์ในโรงเรียน ที่ก่อให้เกิดความบาดหมางกับประเทศเพื่อนบ้านยังไม่เคยเปลี่ยนแปลง แล้วเราจะอยู่ในสังคมแห่งอาเซียนอย่างไร?
ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2553 รัฐบาลประเทศลาวได้ทำพิธีเปิดอนุสาวรีย์เจ้าอนุวงศ์ วีรกษัตริย์ของลาว ซึ่งรูปปั้นเจ้าอนุวงศ์หล่อด้วยทองแดงมีน้ำหนักถึง 8 ตัน อนุสาวรีย์นี้มีความสูงถึง 15 เมตร ตั้งอยู่บนแท่นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างยาวด้านละ 5.5 เมตร ซึ่งถือว่าเป็นอนุสาวรีย์ที่ทั้งสูงและใหญ่มาก
อนุสาวรีย์เจ้าอนุวงศ์ตั้งตระหง่านอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ตรงข้ามกับเมืองศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย หันพระพักตร์มาทางไทย สิ่งที่น่าสนใจมากคือพระหัตถ์ขวายื่นออกไปด้านหน้า ลักษณะผายออกผ่านแม่น้ำโขงมายังฝั่งไทย ซึ่งรัฐมนตรีลาวกล่าวถึงรูปลักษณ์ของรูปปั้นเจ้าอนุวงศ์ว่า พระหัตถ์ที่ยื่นออกมาเป็นการแสดงถึงการให้อภัยแก่ "ผู้รุกราน" และผู้ที่เคยกระทำต่อพระองค์แล้ว
นอกจากนั้นยังมีข้อมูลรายละเอียด ที่แสดงถึงการรับรู้ของฝ่ายลาว ถึงการศึกษาสงครามครั้งนี้ ไปจนถึงวาระสุดท้ายแห่งพระชนมชีพของเจ้าอนุวงศ์ ซึ่งการรับรู้เรื่องนี้สอดคล้องกับพระราชพงศาวดารของไทยที่บันทึกไว้ในฐานะ ผู้ชนะสงคราม จึงเขียนด้วยความสะใจ โดยหลงลืมนึกถึงจิตใจของผู้อื่น รวมทั้งการสร้างความรับรู้เรื่องวีรกรรมท้าวสุรนารี ที่ไปเกี่ยวพันกับเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย เป็นสิ่งที่แสดงว่าการเรียนประวัติศาสตร์ในโรงเรียนไม่เคยสอนให้เด็กรู้จัก เห็นอกเห็นใจผู้อื่น
แม้พระหัตถ์ที่ยื่นออกมาของเจ้าอนุวงศ์จะได้รับ การให้ความหมายโดยฝ่ายลาวว่า เป็นการยื่นออกมาเพื่อแสดงถึงการให้อภัยแก่ผู้ที่กระทำกับพระองค์ แต่อีกนัยหนึ่งคือการตอกย้ำความมีอยู่จริงของโศกนาฏกรรมของความเป็นพี่เป็น น้องในครั้งนั้น
เป็นการใช้ประวัติศาสตร์ต่อสู้กันอีกครั้งหนึ่ง และเป็นประวัติศาสตร์ที่ทั้งสองฝ่ายต่างยอมรับว่ามีอยู่จริง
ความ น่าสนใจอีกประการหนึ่งคือ เหตุการณ์ศึกเจ้าอนุวงศ์หากนับถึงวันนี้ ผ่านมาเกือบ 200 ปี แต่เพราะเหตุใดอนุสาวรีย์เจ้าอนุวงศ์จึงพึ่งปรากฏตัว ณ พ.ศ.นี้ แสดงนัยยะอะไรหรือไม่ ทั้งที่ประเทศลาวไม่ได้มีอนุสาวรีย์แห่งนี้เป็นแห่งแรก
อนุสาวรีย์ เจ้าอนุวงศ์แสดงความสัมพันธ์ หรือเป็นสัญญาอะไรบางอย่างหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้เมื่อลาวเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ มีการสร้างสนามกีฬาขนาดใหญ่ โดยได้รับการสนับสนุนจากเวียดนาม และตั้งชื่อสนามกีฬาแห่งนี้ว่า "สนามกีฬาเจ้าอนุวงศ์"
ทั้งอนุสาวรีย์และสนามกีฬาล้วนแสดงทัศนคติ และนัยยะที่มีต่อไทย อย่างน้อยก็แสดงความรับรู้ต่อเรื่องราวที่ปรากฏแก่เจ้าอนุวงศ์ วีรกษัตริย์ของลาว
แม้สิ่งที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ย่อมมิอาจ เปลี่ยนแปลงได้ เมื่อเป็นความจริงที่รับรู้กันทั้งสองฝ่ายแต่จะทำอย่างไรที่จะทำให้ปัจจุบัน และอนาคตสามารถอยู่ร่วมกันฉันมิตรที่ดีได้อย่างจริงใจ
ถึงที่สุดแล้ว ลาวเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคอาเซียนที่มีประเพณีวัฒนธรรม วิถีการดำรงชีวิต และภาษาพูด หรืออาจหมายถึงที่มาของเชื้อชาติ ชาติพันธุ์ ที่ทำให้คำกล่าวที่ว่า ไทยกับลาวเป็นบ้านพี่เมืองน้องไม่ไกลไปจากความจริงเท่าไร แล้วไยเนื้อหาในตำราเรียนประวัติศาสตร์ และอื่นๆ ไม่เคยแสดงความรู้สึกห่วงใยพี่น้องของตนเองเลย โดยเฉพาะคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่ควรมีความเอื้ออาทรต่อคนเป็นน้อง
เมื่อเจ้าอนุวงศ์ยืนตระหง่านอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง แล้วยื่นพระหัตถ์มาฝั่งไทย แสดงนัยยะของการให้อภัยแก่ผู้ที่กระทำต่อพระองค์แล้ว ผู้ที่เป็นฝ่ายกระทำจะไม่รู้สึกอย่างไรบ้างเชียว? เมื่อรู้สึกแล้ว ตำราเรียนประวัติศาสตร์ที่ได้หล่อหลอมกล่อมเกลาให้เกิดความบาดหมางกับประเทศ เพื่อนบ้าน จะไม่ยอมปรับเปลี่ยนบ้างเลย?
อย่างน้อยๆ การเหลือพี่น้องไว้คบค้าสมาคมบ้างก็ยังดี ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่เหินห่างกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะเพื่อนบ้านที่ได้ชื่อว่าเป็นบ้านพี่เมืองน้องกันมาเนิ่นนาน เพราะอย่างน้อยการมีพี่น้องย่อมดีกว่าการไม่มีใครคบ
เมื่อเป็นดังนี้ จึงควรหวนกลับมาพิจารณาตนเอง สร้างนิสัยการรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ด้วยการชำระสะสางตำราเรียนประวัติศาสตร์ที่ก่อให้เกิดความล้าหลังคลั่งชาติ และประวัติศาสตร์บาดหมางกันเสียที
ที่มา:มติชนออนไลน์
- แดงใต้ตีน เลียไข่แม้ว likes this
#72
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:42
แล้วก็มีเวียตนามสือกี้อีกเล่ม ที่ต้องใช้ประกอบ แต่ทั้งสองเล่มนี่
ผู้เชี่ยวชาญที่ไม่ใช่ตัวกระผม ต่างส่ายหัว ไม่รู้จะเค้นความจริงออกมาอย่างไร
อ้อ มีประวัติศาสตร์ ลาวของท่านศิลาอีกเล่ม เท่าที่ผมนึกได้
นอกนั้น คงต้องพึ่งห้องสมุดมหาวิทยาลัย พวกวิทยานิพนธ์ต่างๆ
แล้วจึงข้ามไปภาษาต่างประเทศซึ่งผมจนปัญญา เพราะเป็นภาษาฝรั่งเศสแทบทั้งนั้น
#73
ตอบ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 16:23
#74
ตอบ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 17:44
ประวัติท่านบดินทร์ ในภาษาไทย ยังงัยก็ต้องใช้อานามสยามยุทธ
แล้วก็มีเวียตนามสือกี้อีกเล่ม ที่ต้องใช้ประกอบ แต่ทั้งสองเล่มนี่
ผู้เชี่ยวชาญที่ไม่ใช่ตัวกระผม ต่างส่ายหัว ไม่รู้จะเค้นความจริงออกมาอย่างไร
อ้อ มีประวัติศาสตร์ ลาวของท่านศิลาอีกเล่ม เท่าที่ผมนึกได้
นอกนั้น คงต้องพึ่งห้องสมุดมหาวิทยาลัย พวกวิทยานิพนธ์ต่างๆ
แล้วจึงข้ามไปภาษาต่างประเทศซึ่งผมจนปัญญา เพราะเป็นภาษาฝรั่งเศสแทบทั้งนั้น
หายเงียบไปเลย ท่าน amplepoor
หนังกะลังหนุกเลย สะดุดงี้ เสียอารมณ์นะท่าน อิอิ
ช่วยกลับมาเล่าต่อด้วยคับ เราติดตามท่านอยู่
Edited by แดงใต้ตีน เลียไข่แม้ว, 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 17:45.
#75
ตอบ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 17:58
#76
ตอบ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 19:16
#77
ตอบ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 19:28
ผมตามไป ยังหาทางกลับไม่ได้.....แหะๆ
ที่จริงคือ ไม่ได้เข้ารัง HERE เลย เลยไม่รู้จะถลกอะไรดี
รบกวนเอามาแปะหน่อยครับ
คันมือ เอ้ย มีด......อยู่
5555
#78
ตอบ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:00
กองทัพอังกฤษตีถึงมัณฑะเลย์ เป็นแค่เรือรบจิ๊บจ๊อยเท่านั้น
เรื่องนี้ผมพออ่านมาบ้างครับ ผมมองว่าเหตุการณ์ที่ทำให้ประเทศไทยควรตระหนักเรื่องการปรับปรุงกองทัพนั้น น่าจะเป็นการรบระหว่างอังกฤษกับพม่าในครั้งแรกคือสมัยรัชกาลที ๓ ครับ เพราะเวลานั้นอาณาจักรของพม่ายังยิ่งใหญ่อยู่ ถึงแม้จะไม่ได้ยึดครองไทย หรือล้านนาอย่างสมัยตองอู แต่ก็ได้ดินแดนแถบตะวันตกมาไม่น้อย หัวเมืองหลักๆก็อยู่ครบ แต่กลายเป็นว่ารบแพ้อังกฤษที่คนน้อยกว่ามาก แต่สู้ด้วยคุณภาพของทหาร และเทคโนโลยีที่เหนือกว่า ทั้งปืน ปืนใหญ่ และกองทัพเรือ ทำให้พม่าต้องแพ้ในบ้านตัวเองอย่างน่าอับอาย กษัตริย์พม่าถึงกับเสียจริตไปเลย
ส่วนเหตุการณ์ในรูปนั้น น่าจะเป็นสงครามครั้งสุดท้านในสมัยพระเจ้าธีบอ ที่พม่าอ่อนแอลงมากแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ก็มีสงครามครั้งที่สองซึ่งทำให้เสียหัวเมืองชายทะเลไปทั้งหมด การติดต่อกับโลกภายนอกต้องผ่านอังกฤษเท่านั้น สภาพอย่างนั้นไม่ต่างอะไรกับคนพิการเลย ไม่มีทางที่พม่าจะสามารถหาอาวุธ หรือยกระดับประเทศผ่านการติดต่อกับมหาอำนาจอื่นๆได้อย่างไทย ประกอบกับการเมืองภายในก็วุ่นวาย มีการแย่งชิงอำนาจกันเองภายในราชสำนัก เรียกว่าพม่าตอนนั้นอ่อนแอสุดๆแล้วครับ อังกฤษยกกองทัพไปไม่ทันไร ก็ยอมแพ้แล้ว เห็นแล้วเศร้าจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่านี่คืออาณาจักรที่ครั้งหนึ่งรบชนะไปทุกทิศ ชนะทั้งไทย และจีนได้พร้อมๆกัน แต่สุดท้ายก็มาสิ้นชาติ สิ้นราชวงศ์อย่างน่าเวทนา
ใช่ครับ ไทยตระหนักครั้งแรกถึงอานุภาพของตะวันตกครั้งแรกตอนรัชกาลที่ 3 ครับ
ตอนนั้นศึกครั้งแรก พม่าปราบปรามกบฎ แล้วฝ่ายกบฎหนีเข้าไปในอินเดีย ทหารพม่าตามเข้าไปจับกบฎในอินเดีย เลยประทะกับอังกฤษ
ตอนนั้นฝ่ายอังกฤษชนะ เลยได้แคว้นยะไข่ ต่อมาอังกฤษต้องการยึดพม่า จึงติดต่อกับไทย ให้ช่วยเป็นธุระเรื่องเสบียงอาหารและกำลังสนับสนุน
โดยอังกฤษจะยกทวาย มะริด และตะนาวศรีให้ ไทยก็ส่งกำลังไปช่วย แต่กำลังที่ไปช่วยเกิดเรื่องวิวาทกับฝ่ายอังกฤษที่ตอนนั้นยึดเมาะตะมะได้แล้ว
จึงยกทัพกลับ ร.3 พิโรธมากจึงลงอาญาแม่ทัพผู้นั้น ต่อมาพม่าพ่ายแพ้เกือบหมด เสียทั้งย่างกุ้ง แปร เหลือแต่เมืองหลวงมัณฑะเลย์ ในแคว้นตองอู
ร.3 จึงทรงปรารภประมาณว่า "ศึกข้างพม่าเห็นจะไม่มีแล้ว เห็นจะมีแต่พวกฝรั่ง อะไรที่ดีก็เรียนรู้ไว้ อย่าได้ไปนิยมชมชอบเสียเลยทีเดียว"
#79
ตอบ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 21:52
ผมตามคุณampไปช่วยถล่มมัน แต่ตอนนี้บชเฟสบุ๊คหายสาปสูญไปอีกแล้ว T T
มันให้กรอกเบอร์โทรศัพท์แล้วเสียให้มันอาทิตย์ละ9บาท สมัครใหม่ก็ไม่ได้ T T
ไอ้ที่โพสไว้หายหมุด อุตสาห์ไปขุดหาข้อมูลมาโต้แย้ง
ผมคิดว่าว่าท่านอาจจะโดนสาวกเสื้อแดงนิติราด รุมกันกดแจ้งแบนครับ เลยเป็นแบบนี้
ทำให้เข้าไม่ได้ ต้องยืนยันตัวตน
เพราะเคยเจอ หลายคนมักจะโดนแบบนี้หลังจากเอาข้อมูลไปเห็นแย้ง เสื้อแดงพวกนั้น
ผมโดนไป5ล๊อกอินแล้ว เรียกว่าโดนประชาธิปไตยอุ้ม คือมันเอาเสียงส่วนใหญ่แจ้งแบนผมเลย (ผมสาบานเลยนะว่าไม่ด่าหยาบ แค่เอาความจริงไปยืนยัน)
เพิ่งจะเห็นเม้นนี้คุณดรามาค่ะ
fb โดนบล็อคอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ
บางเฟสก็อาจจะโดนบล็อคเพราะมีคนรายงานไป
บางเพสก็อาจเป็นเพราะระบบตรวจสอบที่ทาง Fb ตั้งเอาไว้อาจตรวจเจอสิ่งผิืดปกติ
ของเฟสนั้นๆ เช่น บางคนมี4-5 เฟส แต่เข้าๆ ออก จาก ip เดียวกัน
หรือทำพฤติกรรมซ้ำๆ กัน ในหลายๆ เฟส ในเวลาใกล้กัน หรือใช้เครื่องเดียวกัน
ถ้าระบบสุ่มตรวจของ fb จับได้ก็จะล็อคเฟสของเรา แล้วให้เราใส่หมายเลขโทรศัพท์
ยืนยันตัวตนเพื่อปลดล็อคค่ะ
วิธีการปลดล็อค fb ที่โดนบล็อกค่ะ
1.ซื้อซิมถูกๆ แบบเติมเงินมา 1 เบอร์ เอาทรูก็ได้ค่ะ เบอรละ 2 บาท (เบอร์เปล่าไม่มีเงินต้องเติมเอา)
2.จัดการลงทะเบียนเปิดใช้เบอร์ ตามขั้นตอนที่เขาให้มา ก็จะได้รับเบอร์แจ้งมากับระบบตอบรับตอนนั้นเลยค่ะ
3. พอได้เบอร์มาแล้วให้เติมเงินเข้าซิมสัก 30-40 บาท เพื่อเป็นการยืนยันว่าเราเปิดใช้จริงๆ เรามีตัวตน (ไม่ใช่หุ่นยนต์ ฮา)
ถ้าไม่เติมเงิน หากระบบของ fb มันเช็คเจอว่าเบอร์นั้นไม่มีการเคลื่อนไหวมันก็จะล็อกอีกค่ะ
(เงินที่เติมในซิมก็ใช้ให้หมดด้วยนะคะแล้วค่อยทิ้งเบอร์ภายหลัง)
4. นำเบอร์ที่ได้มาไปใส่ในช่องที่ให้ยืนยันเบอร์โทรศัพท์ในเพสบุ๊ค แล้วตกลง เสร็จแล้ว fb มันจะถามโค้ดอีกครั้ง
5. ให้ใช้มือถือเบอร์นั้น พิมพ์ f แล้วส่งไปที่ 42665 รอสักครู ระบบส่งโค้ทมาให้ แล้วให้นำโค้ดนั้นไปใส่ใน fb
ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่ะ
**เลือกกู้ Fb ได้ทุกอันที่โดนบล็อคค่ะ
- overtherainbow, หนูอ้อย, Duke_th1 and 1 other like this
ความเท็จแม้นเร้นได้ในปัจจุบัน แต่ก็เหมือนซ่อนสุริยันไว้หลังเมฆ
อย่านึกถึงแต่ความผิดพลาด จงระลึกถึงต้นเหตุของความผิดพลาด
#80
ตอบ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 18:25
ส่วนอันนี้คุณเทาชมพู(ว.วินิจฉัยกุล)พูดถึงการที่สุลักษณ์เรียกตัวเองว่ากัลยาณมิตรhttp://www.reurnthai...p?topic=5246.90
Edited by ดราม่า, 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 18:26.
#81
ตอบ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 18:36
ความเป็นคนดี ต้องมาจากคนอื่นยกย่อง...ไม่ใช่แปะป้ายตัวเอง
อนึ่ง ส. เตือนคนอื่นว่าอายุมากแล้ว แต่ส. ลืมเตือนตัวเองหรือเปล่า
เฒ่า 80 แต่ยังเกรียนนี่ ทู่เรดนะครับ
- อู๋ ฮานามิ likes this
#82
ตอบ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 21:27
(สน)ตะพายย่าม
ถือไม้เท้า
หมวกใบตาล(ไม่แน่ใจเค้าเรียกหมวกอะไร)
ที่สำคัญจิตใจครับ
ใช่ว่าคนที่คิดต่าง เป็นอะไรไปหมดผมเห็นมาดในร้านอาหารก็ไม่ธรรมดานะครับ
ผู้ใช้ 0 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 0 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน