ชีวิตและงานของพานทองแท้
#51
ตอบ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 19:34
ประมาณว่าตรูมีเงิน ไม่ต้องประเมินสติปัญญาแลสมอง
#52
ตอบ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 19:36
โอ๊คเห็นแก่ประเทศชาติ โอ๊ครักประชาชน โอ๊คลูกพ่อ
ตัดสินใจเข้าสู่สมรภูมิสงครามการเมือง.........
อัจฉริยะจอมล้างผลาญ บริหารสินทรัพย์เจ็ดสิบกว่าล้าน ให้ทำรายได้ถึงวันละ 80 สตางค์
มาสวมหมวกแม่ทัพใหญ่.....ผลงานต้องสนั่นโลกแน่นอน
จากสำนักข่าวอิศรา
-----------------------------
“เพื่อไทย”รุกสงครามออนไลน์ เชิด “โอ๊ค-พานทองแท้”นำทัพ
วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฏาคม 2012 เวลา 10:00 น. เขียนโดย isranews หมวด เรื่องเด่นMore Sharing Services
สปอตไลท์สาดลำแสงพุ่งตรงไปยัง โอ๊ค-พานทองแท้ ชินวัตร ปรากฏเงาตะคุ่มทะมึนอยู่รายรอบ
พลันที่พรรคเพื่อไทยระดมสรรพกำลัง ประกาศตัวเข้าสู่สงคราม “ออนไลน์” เต็มรูปแบบ เงาขมุกขมัวเหล่านั้นชัดแจ้งตามลำดับช่วยสำทับการมีตัวตนอยู่จริง
ก่อนหน้านี้ บทบาททางการเมืองของ “โอ๊ค-พานทองแท้” เรียกได้ว่ากระจัดกระจายไร้ทิศทาง ที่ผ่านมาท่าทีของ “โอ๊ค” เป็นที่รับรู้ของสังคมด้วยมีสถานะทายาท พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เท่านั้น
แต่นาทีเปลี่ยนไป ... ชื่อของ “โอ๊ค-พานทองแท้” ได้ก้าวเข้าสู่สนามการเมืองอย่างเต็มตัว บทวิพากษ์ต่ออุบัติการณ์มีความแหลมคมทันเกม จังหวะรุก-รับ-ตอบโต้ เสมือนหนึ่งมืออาชีพผู้คร่ำหวอดฝังตัวอยู่ในวงการการเมืองเป็นเวลานาน
"ผมลองทานแล้วอร่อยมาก และราคาเพียง 30 บาท ที่น่าสนใจและอาจเป็นประเด็นการเมืองเล็กน้อยคือ ร้านนี้อยู่หน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็เหลือเชื่อ ของดีราคาถูกอยู่ใกล้ๆ กลับไม่มีใครพูดถึง พูดกันแต่แพงๆ"
“ผ่านมาจนถึงวันนี้ 80 ปีแล้ว ที่คณะราษฎร์ ได้ก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญ แต่ประเทศไทยของเรา ยังใช้รัฐธรรมนูญฉบับที่เป็นผลพวงของเผด็จการอยู่เลย”
“คนที่ผมพูดถึงนี่เป็นถึงผู้ใหญ่ในพรรคฯ นะครับ อุตส่าห์ไปทำบุญวันเกิดที่วัดกันใหญ่โต แทนที่จะเริ่มต้นชีวิตดี ๆ พูดถึงแต่สิ่งดี ๆ ด้วยการระลึกถึงพระคุณบิดามารดา พระสยามเทวาธิราช พระแม่ธรณีบีบมวยผม อะไรก็ว่าไป เผื่อท่านจะได้ช่วยให้ชนะเลือกตั้ง ได้จัดตั้งรัฐบาลนอกค่ายทหารกับเขามั่ง กลายเป็นว่า แว้งกลับมาด่าคุณพ่อผม แถมพาลมาข่มขู่ ถึงลูก ถึงหลาน”
ทุกข้อความทาง “ทวิตเตอร์” ของ @oak_ptt กลายเป็นข่าว
ทุกถ้อยแถลงผ่าน “เฟซบุ๊ค” ของ "Oak Panthongtae Shinawatra" ถูกนำไปขยายผลทางการเมือง
เกิดเป็นข้อเคลือบแคลง ... “โอ๊ค–พานทองแท้” ตกผลึกทางความคิดและสะท้อนตัวตนตามเจตจำนงค์ของตัวเอง หรือเขาผู้นั้นเป็นเพียง “หุ่นเชิด” ที่กำลังถูกชักใย
มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งคำถามว่า ตัวตนในเฟซบุ๊คของ “โอ๊ค” มีนักข่าวแก่ตกงานอยู่เบื้องหลังเป็นผู้ร่างบทให้ใช่หรือไม่ สำหรับเหตุผลที่ทำให้ “มัลลิกา” เชื่อเช่นนั้น เนื่องจากสามารถจับโกหกผ่านการใช้ภาษา คำเชื่อม คำส่อเสียด ซึ่งล้วนแต่เป็นสำนวนคนในวงข่าวการเมืองแทบทั้งสิ้น
ด้าน รท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ยอมรับกับ“สำนักข่าวอิศรา” ว่า มีทีมงานมืออาชีพคอยเป็นที่ปรึกษาให้ “โอ๊ค” ต่อการกำหนดประเด็นสื่อสารผ่านเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์จริง
“ต้องยอมรับว่าสังคมและสื่อมวลชนให้ความสำคัญกับคุณพานทองแท้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีทีมงานคอยกลั่นกรองข้อมูล นั่นเพราะคุณพานทองแท้จะต้องรับผิดชอบกับทุกตัวอักษร เขาไม่ใช่เด็ก เขาเป็นถึงผู้บริหารขององค์กรใหญ่ ถามว่าแปลกหรือที่จะมีทีมที่ปรึกษาเฉพาะด้านที่เป็นมืออาชีพ มันสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจจริงมากกว่า”
ผู้หมวดรายนี้ ให้ข้อมูลอีกว่า สำหรับข้อมูลที่ “โอ๊ค” ใช้สื่อสารออกไปได้รับจากบุคคลระดับสูงที่ยังรักและเคารพ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการผิดพลาดของพรรคประชาธิปัตย์ ที่สำคัญ “โอ๊ค” ได้เลือกแล้วที่จะออกมายืนในจุดนี้ แม้ว่าจะต้องเจอกับแรงเสียดทานแต่ท้ายที่สุดก็จะผ่านพ้นไปได้
ความข้างต้น สะท้อนภาพอย่างชัดเจน 1.จากนี้ “โอ๊ค” จะเปิดหน้าชกเต็มตัว 2.ข้อมูลที่ได้รับการเผยแพร่จาก “โอ๊ค” จะมีมิติตรวจสอบมากกว่าเพียงตอบโต้ทางการเมือง 3.ทุกข้อความที่จะนำมาถ่ายทอดผ่านการพิจารณาจากทีมยุทธศาสตร์แล้ว
สอดรับอย่างถูกเหลี่ยมกับยุทธศาสตร์ใหม่ของพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของ ภูมิธรรม เวชยชัย ผู้อำนวยการพรรค ที่เห็นความสำคัญในการเปิดแนวรบใหม่ไปยังกลุ่มเป้าหมายทางการเมืองใหม่
“สื่อออนไลน์มีบทบาทสำคัญทางการเมือง สิ่งที่เกิดในโลกไซเบอร์ส่งผลกระทบและสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงต้องให้ความสำคัญอย่างสูงกับกลุ่มคนที่เป็นแนวร่วมกับพรรค ต้องให้ความผูกพันธ์มากกว่าการเป็นเพียงสมาชิกพรรค ท้ายที่สุดคนเหล่านี้จะช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับพรรคเพื่อไทย” คือแนวคิดหลักของผู้อำนวยการพรรค ก่อนนำไปสู่การจัดตั้งกองทัพ “นักรบไซเบอร์” ในที่สุด
แน่นอนว่า “โอ๊ค” ก็เป็นหนึ่งใน “นักรบไซเบอร์” ซึ่งขณะนี้มีสมาชิกกว่า 100 คน
สำหรับ “นักรบไซเบอร์” ทั้งหมดเป็นกลุ่มคนที่มีชื่อเสียงมีพื้นที่และมีอุดมการณ์สนับสนุนพรรคเพื่อไทยอยู่ในโลกไซเบอร์อยู่แล้ว ทีมงานพรรคเพื่อไทยจึงได้ติดต่อเข้าไปทางเว็บไซต์ เว็บบอร์ด เพื่อเชิญให้มาร่วมงาน โดยคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่แตกต่างไปจากมวลชนหลักของพรรคเพื่อไทย
“นักรบไซเบอร์เป็นแนวร่วม ไม่ใช่ลูกน้องหรือผู้ที่ต้องมารับคำสั่งจากพรรคเพื่อไทย คนกลุ่มนี้มาด้วยความสมัครใจและมีอุดมการณ์เดียวกับพรรค ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการสื่อสารหรือกระจายประเด็นออกไปทางเว็บไซต์ เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์”หมวดเจี๊ยบอธิบายหลักการ
เธอ บอกอีกว่า ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยเคยพูดถึงการเปิดแนวรบด้านนี้มาอย่างยาวนาน แต่ด้วยสถานการณ์ที่เหมาะสมคือถูกรุกไล่จากซีกของพรรคฝ่ายค้านด้วยการใส่ความ-บิดเบือนข้อมูลอย่างรุนแรง เป็นเหตุให้ “ทีมโฆษก” ซึ่งมีหน้าที่ชี้แจง-ตอบโต้ ไม่สามารถแบกรับภาระได้ทั้งหมด นักรบไซเบอร์จึงเป็นรูปธรรมแรกที่เกิดขึ้น
“นอกเหนือจากกลุ่มคนภายนอกแล้ว ล่าสุดทราบว่าผู้อำนวยการพรรคเตรียมนำประเด็นการปรับตัวของส.ส.ในโลกออนไลน์เข้าที่ประชุม และขณะนี้มีส.ส.ระดับแกนนำพรรคเตรียมที่จะเปิดตัวเว็บไซต์ของตัวเองอีกหลายเว็บด้วย” รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุ และยอมรับว่าคงเป็นเรื่องยากที่จะให้ส.ส.ทุกคนมาใช้ช่องทางการสื่อสารทางออนไลน์ เพราะธรรมชาติของคนต่างกัน แต่พรรคพร้อมที่จะสนับสนุนเทคโนโลยีและความรู้ให้ตามความต้องการ
ขณะที่แนวร่วมคนสำคัญอย่าง สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด วิเคราะห์การทำสงครามออนไลน์ของพรรคเพื่อไทยไว้อย่างน่ารับฟัง
“ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าในอนาคตอันใกล้การสื่อสารทางตรงระหว่างนักการเมืองกับประชาชนจะกลายมาเป็นช่องทางหลัก แต่ที่ผ่านมาน่าแปลกใจมากที่พรรคเพื่อไทยไม่มียุทธศาสตร์ด้านโซเชียลมีเดียร์เลย ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์มีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วรุนแรงตรงเป้าหมาย โดยเฉพาะบุคคลระดับแกนนำพรรคที่ลงมาสื่อสารทางตรงกับประชาชนด้วยตัวเอง เช่น คุณอภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ) คุณกรณ์ (จาติกวณิช) รวมไปถึงทีมโฆษกอย่างคุณเทพไท (เสนพงศ์) และคุณมัลลิกา”
เรื่องนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาอย่างยาวนานในโลกไซเบอร์ นั่นเพราะแนวร่วมกลุ่มหนึ่งเห็นว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น เขาเหล่านั้นกลับต้องมาช่วยปกป้องพรรค กลายเป็นพรรครอให้แต่มวลชนมาปกป้อง ทั้งๆ ที่พรรคเพื่อไทยหรือรัฐบาลควรที่จะเปิดช่องทางชี้แจงด้วยตัวเอง
“อย่างไรก็ตาม เมื่อพรรคเพื่อไทยเริ่มแนวคิดที่จะสร้างวัฒนธรรมการสื่อสารใหม่ขึ้น ผมก็มีโอกาสได้เข้าไปร่วมด้วย คือได้ไปล็อบบี้ให้ส.ส.ในสายที่สนิทกันให้เปลี่ยนโทรศัพท์มือถือเป็นสมาร์ทโฟนเพื่อพร้อมทำการสื่อสารทั้งหมด นั่นทำให้รู้ปัญหาว่าพรรคเพื่อไทยมีบุคคลหลายรุ่นอายุ จึงยังเมาหมัดเรื่องเทคโนโลยีอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าคงไม่มีใครหนีพ้นที่จะต้องใช้มัน ท้ายที่สุดก็ต้องเรียนรู้”
บ.ก.ลายจุด กล่าวต่อไปว่า การสร้างวัฒนธรรมการสื่อสารใหม่ต้องมียุทธศาสตร์ 3 ข้อ เริ่มตั้งแต่ 1.ส.ส.ทุกคนรวมไปถึงผู้ช่วยส.ส.ทุกคนจะต้องมีอุปกรณ์คือโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ต้องมีความรู้เรื่องการสื่อสารผ่านแอปพิเคชั่น ต้องรู้จักการใช้ 2 ช่องทางหลักคือเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ จากนั้น 2.พรรคเพื่อไทยต้องสร้างทีมงานขึ้นมาสำหร้บจัดทำข้อมูลให้เป็นระบบ ให้ง่ายต่อการสืบค้นเพื่อนำไปเผยแพร่หรือใช้อ้างอิง 3.หาช่องทางเชื่อมโยงกับเครือข่ายที่มีอยู่ภายนอกซึ่งจะช่วยขยายผลให้เกิดผลกระทบมากที่สุด
“แนวร่วมแต่ละคนมีพื้นที่และเป็นที่ยอมรับในโลกไซเบอร์ว่ามีตัวตนอยู่แล้ว แต่ละคนก็ใส่ไม่ยั้ง ผมมีโอกาสได้คุยกับตัวเจ็บๆ ในโลกไซเบอร์ ส่วนใหญ่ก็ตรงกันหมดว่าที่ผ่านมามีแต่การวิเคราะห์สถานการณ์ แต่ไม่เคยพูดกันในเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทยต้องจัดทำ”
เขา เสนอว่า พรรคเพื่อไทยควรเริ่มจากการจัด ส.ส.หรือแกนนำพรรคสัก 8-10 คน เป็นแนวหน้า จากนั้นก็ให้เชิญเครือข่ายทั้งหมดเข้าไปจิบกาแฟพูดคุยกันอย่างสม่ำเสมอ จากนั้นเครือข่ายที่มีพื้นที่อยู่แล้วเหล่านี้จะนำสารเหล่านั้นไปเผยแพร่ต่อ หัวใจคือความสม่ำเสมอ
สำหรับบทบาทของ “โอ๊ค-พานทองแท้” สมบัติ ย้อนให้ฟังว่า ในงานเสวนาที่พรรคเพื่อไทยจัดขึ้นและจัดตั้งนักรบไซเบอร์นั้น ไม่มีใครทราบเลยว่า “โอ๊ค” จะมาร่วมด้วย แต่เมื่อการประชุมดำเนินไปสักครึ่งทาง “โอ๊ค” ก็เดินเข้ามาเซอร์ไพร้ ทุกคนตกใจและปรบมือต้อนรับ วันดังกล่าว “โอ๊ค” ได้แบ่งปันประสบการณ์และสิ่งที่ประสบภายหลังที่ได้สื่อสารออกไป “โอ๊ค” ยอมรับว่าจุดเริ่มต้นจริงๆ คือการโพสต์เรื่องข้าวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จากนั้นก็ถูกลากไปเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันนี้
“ส่วนตัวผมมองว่าคุณโอ๊คเล่นเป็น รู้จักวางตัว รู้ว่าอะไรเหมาะไม่เหมาะ ผมว่าเขาเข้าใจธรรมชาติของสื่อออนไลน์ ข้อดีที่คนตัวใหญ่ลงมาเล่นเองคือสร้างพลังได้มากแต่สิ่งสำคัญคือพลาดไม่ได้” สมบัติ เห็นเช่นนั้น
เขา ย้ำว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการเข้าใจธรรมชาติของสื่อออนไลน์ ปล่อยให้เป็นธรรมชาติ ไม่ควรจัดตั้งให้เป็นทางการเพราะจะแข็ง ไม่ควรมีการรวมศูนย์ข้อมูลไว้ที่ใครคนหนึ่งแล้วให้เครือข่ายมีหน้าที่เพียงแค่กระจายสาร เพราะจะทำให้ไม่เกิดประสิทธิภาพ
“สำนักข่าวอิศรา” ตรวจสอบเชิงลึกถึงยุทธศาสตร์ที่แท้จริงของพรรคเพื่อไทย ทำให้ทราบว่าแนวคิดดังกล่าวเริ่มต้นจาก พ.ต.ท.ทักษิณ มีแนวคิดให้จัดตั้งวอร์รูมเพื่อตอบโต้ทางการเมืองขึ้น 5 วอร์รูม โดยหนึ่งในนั้นคือวอร์รูมด้าน “ออนไลน์” และให้ “ภูมิธรรม” เป็นคนดูแล
ทีมยุทธศาสตร์ประเมินแล้วว่า “อภิสิทธิ์” สามารถสร้างการรับรู้และผลกระทบทางการเมืองได้ด้วยการ “ทวิต” ข้อความเพียงสั้นๆ ทีมยุทธศาสตร์จึงเลือก “โอ๊ค” มารับบทบาทศูนย์กลาง เนื่องด้วยเป็นตัวแทนโดยตรงของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยได้กำหนดบุคลิกให้ “โอ๊ค” ใช้วาทศิลป์ที่แข็งกร้าว-ดุดัน-ตรงประเด็น
ขณะเดียวกัน มีการประเมินต่อไปว่า “โอ๊ค” คนเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการสื่อสาร จึงได้รวบรวมเครือข่ายแล้วจัดตั้งเป็น “นักรบไซเบอร์” ขึ้นมา สำหรับวิธีการสื่อสารจะมีการประชุมวอร์รูมเพื่อประเมินสถานการณ์เป็นรายวัน จากนั้นจะกำหนดประเด็นที่ต้องสื่อสาร
ทันทีที่ “โอ๊ค” ทวิตเตอร์ออกมาไม่ว่าประเด็นใดก็ตาม “นักรบไซเบอร์” จะช่วยกันขยายผลด้วยการรีทวิต หรือกระจายสารไปยังเว็บไซต์-เว็บบอร์ดชั้นนำ อาทิ พันธุ์ทิพย์ โกซิก หรือไทยซีนิวส์ พร้อมกันนี้หากพรรคประชาธิปัตย์โจมตีในประเด็นใด ก็จะมีการกำหนดประเด็นตอบโต้ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด
เรียกได้ว่า “เพื่อไทย” ได้เข้าสู่สงครามไซเบอร์อย่างเต็มรูปแบบแล้ว
#53
ตอบ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:16
POPULAR
คุณสุรัตน์เป็นผู้ที่สะสมกล้องไลก้ามากที่สุดเป็นอันดับ2ของไทยรองจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวค่ะ
ช่วงนั้นผู้พ่อของพานฯยังบินตามไปพบกับคุณสุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ที่เยอรมันด้วย
เพื่อให้ช่วยสนับสนุนทางการเมือง
มารับรองคำของคุณน้องจูเอมมี่ครับ
คุณสุรัตน์แกหยิบเลนฮ็อฟตัวนั้นขึ้นมา...
แล้วบอกอมยิ้มว่า คุณทักษิณไปเยอรมันกับผม
แกซื้อตัวนี้ให้ที่โฟโตกิน่า
หลังจากปฏิวัติกย.49
ในคืนลอยกระทงปี49
พี่สาวกับพี่เขยชาวเยอรมันของเรา
ไปงานลอยกระทงที่บ้านเรือนไทยริมเจ้าพระยาที่บ้านเพื่อนคนหนึ่ง
ซึ่งก็เป็นกลุ่มเดียวกับที่ไปเยอรมันกับพานฯ
งานนี้พานฯพาน้องหยาดไปด้วย
แล้วพานฯดันมานั่งข้างพี่เขยชาวเยอรมันของเรา
ก็มีการสนทนากันตามมารยาท
พานฯพูดกับพี่เขยของเราในบทสนทนาตอนหนึ่งว่า..
พ่อของเขาถูกการเมืองเล่นงานจนกลับไทยไม่ได้
พี่เขยขยับปากจะถาม(รู้ในภายหลังว่าจะถามว่า แล้วพ่อคุณไปทำความเลวอะไรไว้ ถึงกลับไทยไม่ได้)
แต่พี่สาวของเรารู้ทันเลยสะกิดค่อนข้างแรงให้หยุดพูดในสิ่งที่คิด
555พานหารู้ไม่ว่าพี่เขยของเรา โ ค ต ร เกลียดพ่อมันเลย
"กูจะสู้แม้รู้ว่าพวกกูน้อย สู้ไม่ถอยแม้รู้ว่าจะดับสลาย แผ่นดินนี้พ่อกูอยู่ปู่กูตาย กูสุดอายถ้าเสียทีไพรีครอง"
#54
ตอบ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:27
ผมเคยเห็นแต่ "ถูกกฏหมายเล่นงาน" ฮ่าาา
#57
ตอบ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:45
อ่านหนังสือไม่แตกก็งี้แหละ
ควายเขาทู่ อีกตัว หัวกระทู้เรื่องไรอ่ะ คนอื่นเขาตอบตามหัวข้อกระทู้ อยากรู้เรื่องหนีทหารก็ไปเข้าทู้หนีทหารดิ
อิตุ๊ดเวร ชายในวรรณคดี เป็นแดงล้มเจ้า
"กูจะสู้แม้รู้ว่าพวกกูน้อย สู้ไม่ถอยแม้รู้ว่าจะดับสลาย แผ่นดินนี้พ่อกูอยู่ปู่กูตาย กูสุดอายถ้าเสียทีไพรีครอง"
#59
ตอบ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:49
- Kyubey, koong, Lucas Leiva Benitez Rodger and 2 others like this
#61
ตอบ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:56
ถ้าพ่อนักโทษของอีตุ๊ดไม่ได้สัมปทานที่เรียกว่าเฮงประเภทผูกขาด ขนาดนี้ และมีผลประโยชน์ทับซ้อนขนาดนี้
คิดเหรอว่าธุรกิจจะประสบความสำเร็จ คิดเหรอว่ามันจะเก่งกาจอย่างที่มันแหล
ทำหนังก็เจ๊ง ติดเงินเค้าไปทั่ว ซื้อทีมฟุตบอลเป็นไงมั่ง ล่อแล่ เจ๊งไม่เป็นท่า
เรื่องเหมืองเพชรไปถึงไหนแล้วละ นอกจากเรื่องโกงเก่ง ฉลาดเกมโกง
หาผลประโยชน์จากประเทศชาติเข้าตัวเองและวงศ์ตระกูล
คงเป็นตัวอย่างให้ลูกจัณฑาลแบบอีโอ๊คละมั่ง.........
คุณต้องลงมือ จึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลง "คานธี"
กฏของเสียงข้างมาก จะใช้กับเรื่องของมโนธรรมไม่ได้ "คานธี"
#62
ตอบ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:58
จากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ วอยซ์ทีวี มีผลประกอบการในช่วง 2551-2553
เอาผลกำไรขาดทุนสามปีมารวมกัน ขาดทุนสะสมไม่ใช่น้อยเลยนะนั่น
แต่เอาเถอะ ยังไงว๊ายทีวีก็เป็นกระบอกเสียงชั้นดีของประชาติ๊บตายแบบแดงๆ
กำไรขาดทุนเลยไม่สนก็ได้
- Alone likes this
#63
ตอบ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 21:09
เรื่องราวของไอ้หน้าจืดเงินหนัก
#64
ตอบ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 21:45
ซวยจริงๆดันเกิดมาเป็นลูกคนเลือกชีวิตโกง และทำร้ายประเทศ แบบนี้
#65
ตอบ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 22:02
ผลประกอบการในช่วง 2551-2553
แปลกดี
ช่วง 2551 รัฐบาลสมัคร-สมชาย
บริษัททำอะไรถึงมีรายได้มากขนาดนั้น
แล้วพอเปลี่ยนัฐบาล รายได้หายไปอย่างน่ากลัว จาก 56 ล้านเหลือ 4 ล้าน
อืมมม์
เราต้องการนักบัญชี อย่างด่วนเลย
สายล่อฟ้า ทราบแล้วเปลี่ยน
- พ่อไอ้ร้อยล็อคอิน, superduke and เอาเต๊อะ like this
#66
ตอบ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 07:45
รับรองสติปัญญาโอ้คไม่แพ้นายกปู
It's us against the world
#67
ตอบ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 08:42
#68
ตอบ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 08:51
พวกควายแดงตั้งให้โอ๊คอ๊าค
เห็นแ้ล้ว ปวดตับ งิ
ดูมันคิด
#70
ตอบ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 09:04
ทำไงได้ลูกชายของมหาเทพแม้ว นี่นะ คิกๆๆๆๆ
#71
ตอบ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 11:41
หรือกรรมตามสนอง พ่อมันโกงมา ก็ต้องมีคนผลาญให้หมดไป
#72
ตอบ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 19:02
- เอาเต๊อะ likes this
#73
ตอบ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 19:25
#74
ตอบ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 19:44
ไม่แปลกใจเลยมีลูกโง่ขนาดนี้พ่อมันถึงให้ทำหน้าที่แค่ตีปี๊บทางเฟสบุ๊ค
กับคุมว๊ายทีวี ขืนให้ทำอย่างอื่นมีหวังฉิบหายหมด
#75
ตอบ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 19:57
ซึ่่งการ์ตูนดังมากๆน่าจะกระแสดี แต่ไหงมันเอามาฉายแล้วเจ๊งก็ไม่รู้
Edited by Botbot, 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 19:57.
- Tiger Lily likes this
#76
ตอบ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:53
ย่อมเป็นพิษ
พ่อมันหนีคุก
ลูกก็ต้อง..................
#77
ตอบ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 21:18
อ่านกระทู้นี้แล้วสงสัยว่านี่มันประวัติว่าที่นายกหรือกุ๊ยคุมซ่องกันแน่เนี่ย
ไม่แปลกใจเลยมีลูกโง่ขนาดนี้พ่อมันถึงให้ทำหน้าที่แค่ตีปี๊บทางเฟสบุ๊ค
กับคุมว๊ายทีวี ขืนให้ทำอย่างอื่นมีหวังฉิบหายหมด
กุ๊ยคุมพรรค ?
Making you happy is not my priority! - Michael Yon
#78
ตอบ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 22:41
Wondering if he's ever pay US tax...
- gears likes this
You can't fix stupid - Ron White
You can have your own opinion, but not your own facts - Daniel Patrick Moynihan
"A society is judged by how it treats its animals and elderly"
#79
ตอบ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 00:53
คือว่า นางพานทองเทียม บอกกับ กั๊ตจัง แล้วให้ อาราเล่
แปลให้ ผม ฟัง เพื่อให้มาบอกกับทุกท่านอีกที ( โอ๊ยงง ) ได้ใจความ
ดังนี้ครับ
" สวัสดีคร้า ชาวเสรีไทยเว็บบอร์ดที่น่ารักน่าชัง วันนี้ โอ๊กกี้ มีข่าวดีมาบอก
สำหรับท่านที่มีความใฝ่ฝันจะมี ธุรกิจเล็กๆ เป็นของตัวเอง บัดนี้ฝันของท่าน
เป็นจริงแล้ว เพียงแค่ท่านมาปรึกษาโอ็กกี้ โดยที่โอ๊กกี้ จะไม่คิดค่าใช้จ่าย
ใดๆ ทั้งสิ้น มีข้อแม้แค่เพียงข้อเดียวเท่านั้นคือ
*** ท่านต้องมีธุรกิจใหญ่ๆเป็นของตัวเองอย่างน้อยหนึ่งอย่าง***
อ้อ! แล้วจะเป็นธุรกิจอะไรก็ได้ทั้งนั้นนะคร้า เพราะตัว โอ๊กกี้ เอง
ก็ทำมาหลายอย่างมากเลยคร่า รับประกันความสำเร็จแน่นอน
มีตัวอย่างให้ดูได้จากหลายๆ โพสด้านบน แล้วจะรู้ว่าตอนนี้ธุรกิจ
ของ โอ๊กกี้ เป็นธุรกิจเล็กๆ และบางตัวก็เล็ก จนชิ...หาย
(ว๊าย!! โทษคร่า) จนหายไปเลยก็มี ว่าแล้วต้องขอตัวไปหา
ป๊ะป๋า เอาตังมาผลาญเล่นอีกดีกว่า บายคร่า "
แค่นี้ครับ แปลโดย อาราเล่
#80
ตอบ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 02:10
โว๊กว๊าก เป็นเรื่องราวของครอบครัวเจ้าสัวกับ คุณหญิง ที่มี พ่อใหญ่ เป็นที่ปรึกษา เหตุเกิดขึ้นเมื่อบุตรชายแสนรักชื่อ โว๊กว๊าก ผู้ชอบเล่นสนุกกับสาวๆ ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ
เพื่อให้ได้ลูกสุดเสน่หาคืนมาอย่างปลอดภัย เจ้าสัว จึงไม่กล้าเข้าแจ้งความกับตำรวจ แต่ให้ บอดี้การ์ด เอ๋อ กับสมุนออกตามหา โว๊กว๊าก โดยจ่ายค่าตอบแทนให้ไม่อั้น ทั้งยังว่าจ้างนักสืบ สันติ กับ เพชรแท้ หลานชายของนักสืบ สันติ ที่เพิ่งจบหลักสูตรสืบสวนมาจากเมืองนอก โดยได้ร่วมมือกับ อุ๋งอิ๋ง พี่สาวของ โว๊กว๊าก ซึ่งเรียนการต่อสู้มาจากญี่ปุ่นและต้องบินด่วนกลับจากนอกเพื่อตามหาน้องชาย
ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามปิดข่าวจากยอดนักข่าว สิทธิชัย หย่อน เพื่อไม่ให้มีข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ ชึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายกับ โว๊กว๊าก ได้ เรื่องราวพัวพันไปถึงสถานบันเทิงของเสี่ยชูวิทย์ ที่มีหมอเหนื่อยเป็นแพทย์ ประจำอยู่ และเชื่อมโยงไปถึงโรงพยาบาลที่มี ผอ.เทพ และหมอพร สังกัดอยู่ นัวเนียไปถึง คุณระเบียบจัด แห่งสังคมสลัมรวมทั้ง น้าหมัก กับ น้าเสียบ เจ้าของร้านผัดไทในตลาด และ มัคนายกพะโยม สุดท้ายต้องใช้หมอผีให้เรียกผีขึ้นมาถามเรื่อง โว๊กว๊าก แต่ก็โดนผีหลอก
โว๊กว๊าก อยู่ที่ไหน เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ในภาพยนตร์เรื่อง โว๊กว๊าก
โว๊กว๊าก (ชื่อหนังสะกดด้วย ไม้ตรี ไม่ใช่ ไม้่โท ใครก็ได้ช่วยแก้ชื่อบทความให้ถูกต้องด้วย) มีชื่ออื่นว่า โอ๊กอ๊าก หรือ ยอดชายนายโอ๊กอ๊าก เป็นภาพยนตร์ไทย ออกฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2547 โดยมี เด๋อ ดอกสะเดา เป็นผู้กำกับการแสดง
โว๊กว๊าก นำแสดงโดย สายัณห์ ดอกสะเดา รับบทเป็น โอ๊กอ๊ากลูกชายของ เจ้าสัวรักสิน โดยนำนักแสดงหน้าเหมือนนักการเมืองจากรายการสภาโจ๊ก มาร่วมแสดงด้วย จึงเกิดเสียงวิจารณ์ว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ แสดงล้อเลียน พานทองแท้ ชินวัตร (โอ๊ค) บุตรชายพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น จนมีข่าวว่า พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ แสดงความไม่พอใจ และทำให้ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล อ้างเป็นเหตุในการเข้าตรวจสอบภาพยนตร์เรื่องนี้ เด๋อจึงเซ็นเซอร์บางฉากออกไป เพื่อแก้ปัญหายุ่งยาก และเปลี่ยนชื่อภาพยนตร์ดังกล่าว
- Lucas Leiva Benitez Rodger likes this
#81
ตอบ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 02:44
รู้สึกโชคดีที่พ.ต.ท.ทักษิณ เลี้ยงดูแบบลูกชาวบ้านทั่วไป รวมถึงไม่เคยสอนให้มักใหญ่ใฝ่สูง และยังสอนให้รับใช้ชาติด้วยการเกณฑ์ทหาร และเรียนรด. เพราะการเรียนรด. 3 ปี ได้ยศสิบตรี ยังภาคภูมิใจกว่าที่จะถูกคนตราหน้าว่าหนีทหาร
พ่อปากพล่อย ลูกปากหมาน พูดจาขัดแย้งกันเอง
และยังสอนให้รับใช้ชาติด้วยการเกณฑ์ทหาร และเรียนรด.
เหอๆๆๆๆๆๆ เอ็งจะเอายังงัยก็ไปให้มันถูกซักทาง
จะรับใช้ชาติด้วยการเกณฑ์ทหาร หรือจะรับใช้ชาติด้วยการเรียนรด.
ต้องเลือกอย่างเดียว มันทำพร้อมกันไม่ได้
แล้วที่จริง ที่เขาเรียนรด. กัน
ก็เพราะต้องการหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร
ฮา
คนมันปากรั่ว คิดว่าเล่นโวหารเก๋ไก๋
เวรจริงๆ ลิ้นพันกัน จะเป็นทั้งทหารเกณฑ์ จะเป็นทั้งสิบตรีจากการเรียนรด. 3 ปี
คงนึกว่าปากคมพอจะเชือดคนอื่น
ที่จริงเชือดลิ้นตัวเองขาดกลางเห็นๆ เลยนะนั่น
Edited by amplepoor, 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 02:45.
#82
ตอบ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 10:11
#84
ตอบ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 11:15
พาลทองแท้ ชอบถ่ายรูป พ่อแม้วยังเคยชมลูกออกสื่อ
พาลทองแท้จึงจุดไอเดียเปิดร้านถ่ายรูปเ๋ก๋ไก๋อินเทรนด์
สถานที่ตั้งอยู่ที่ใจกลางเมือง สยามสแควร์ แหล่งวัยรุ่นวัยใส
ชื่อร้าน she@mood
โดยจัดตั้งในรูปบริษัท นิวโอ๊ค เมื่อวันที่ 16 มิย 46
พาลทองแท้ ถือหุ้น 100%
ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท
พาลทองแท้ ลงทุนสตูดิโอชนิดอลังการงานสร้าง
ผ่านมา 6 ปี
พบว่า ผลประกอบการปี 52 มีรายได้ 311 บาท
ขาดทุนสุทธิ 222,261 บาท
มีสินทรัพย์ 76.9 ล้านบาท
http://www.matichon....0&subcatid=8003
ลูกโอ๊ค พานทองแท้ ต้องไปยืนกุมไข่รับใช้เผด็จการเหมือนคุณพ่อนะครับ
ธุรกิจของลูกโอ๊ค ถึงจะรุ่ง
The most valuable things in life are not measured in monetary terms.
The really important things are not houses and lands, stocks and bonds, automobiles and real estate,
but friendships, trust, confidence, empathy, mercy, love and faith.
#85
ตอบ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 11:47
ฮามากเลยค่ะ....
ดิฉันอยากให้ปักหมุดเอาไว้เลย เพราะเชื่อว่าใน อนาคต
ถ้าประชากรไทย 15 ล้านคนยังโง่เหมือนเดิม
รับรองได้ เราจะได้นายกรัฐมนตรีคนนี้มาบริหารประเทศให้
ล้าหลังกว่าเพื่อนบ้านอีกแน่ๆๆค่ะ
#86
ตอบ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 11:55
ทำเป็นเล่นโอ้โห สุดยอดมากเลยค่ะ กระทู้สุดยอด ดิฉันอ่านแต่ละท่านแล้ว ฮากลิ้งเลย
ฮามากเลยค่ะ....
ดิฉันอยากให้ปักหมุดเอาไว้เลย เพราะเชื่อว่าใน อนาคต
ถ้าประชากรไทย 15 ล้านคนยังโง่เหมือนเดิม
รับรองได้ เราจะได้นายกรัฐมนตรีคนนี้มาบริหารประเทศให้
ล้าหลังกว่าเพื่อนบ้านอีกแน่ๆๆค่ะ
อาอิโง่กลวงของมันยังเป็นได้เลย
#87
ตอบ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 12:14
งาน Foto Kino จัดที่เมืองโคโลญ เมืองน้ำหอม 4711 ใช่หรือเปล่า
ช่วงนั้นผู้พ่อของพานฯยังบินตามไปพบกับคุณสุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ที่เยอรมันด้วย
เพื่อให้ช่วยสนับสนุนทางการเมือง
มารับรองคำของคุณน้องจูเอมมี่ครับ
คุณสุรัตน์แกหยิบเลนฮ็อฟตัวนั้นขึ้นมา...
แล้วบอกอมยิ้มว่า คุณทักษิณไปเยอรมันกับผม
แกซื้อตัวนี้ให้ที่โฟโตกิน่า
ส่วนน้องโอ๊ค
ดูจากผลงาน ใช้แค่ 66 ยอดสนุกของโกดัก เห็นจะสมกับฝีมือ
รูปที่เด็กๆ ไปถ่ายที่ she@mood
http://www.google.co...iw=1028&bih=492
#88
ตอบ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 12:22
ถูกต้องแล้วค่ะ จัดทุก2ปีครั้งงาน Foto Kino จัดที่เมืองโคโลญ เมืองน้ำหอม 4711 ใช่หรือเปล่า
ช่วงนั้นผู้พ่อของพานฯยังบินตามไปพบกับคุณสุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ที่เยอรมันด้วย
เพื่อให้ช่วยสนับสนุนทางการเมือง
มารับรองคำของคุณน้องจูเอมมี่ครับ
คุณสุรัตน์แกหยิบเลนฮ็อฟตัวนั้นขึ้นมา...
แล้วบอกอมยิ้มว่า คุณทักษิณไปเยอรมันกับผม
แกซื้อตัวนี้ให้ที่โฟโตกิน่า
ส่วนน้องโอ๊ค
ดูจากผลงาน ใช้แค่ 66 ยอดสนุกของโกดัก เห็นจะสมกับฝีมือ
รูปที่เด็กๆ ไปถ่ายที่ she@mood
http://www.google.co...iw=1028&bih=492
"กูจะสู้แม้รู้ว่าพวกกูน้อย สู้ไม่ถอยแม้รู้ว่าจะดับสลาย แผ่นดินนี้พ่อกูอยู่ปู่กูตาย กูสุดอายถ้าเสียทีไพรีครอง"
#89
ตอบ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 13:30
สนุกดีแฮะ ตกลงเป็นนิยาย ตำนาน หรือจดหมายเหตุล่ะเนี่ย
แยกแยะไม่ออกหล่ะสิว่าอะไรจริงอะไรมั่ว มาตรฐานเสื้อแดง
#90
ตอบ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 14:23
ทำเป็นเล่น
โอ้โห สุดยอดมากเลยค่ะ กระทู้สุดยอด ดิฉันอ่านแต่ละท่านแล้ว ฮากลิ้งเลย
ฮามากเลยค่ะ....
ดิฉันอยากให้ปักหมุดเอาไว้เลย เพราะเชื่อว่าใน อนาคต
ถ้าประชากรไทย 15 ล้านคนยังโง่เหมือนเดิม
รับรองได้ เราจะได้นายกรัฐมนตรีคนนี้มาบริหารประเทศให้
ล้าหลังกว่าเพื่อนบ้านอีกแน่ๆๆค่ะ
อาอิโง่กลวงของมันยังเป็นได้เลย
ไม่ทำเป้นเล่นหล่ะค่ะ ...มีสิทธิเป้นไปได้มากเลย
15 ล้านเสียงถ้ายังถูกตระกุลนี้ทำคุณไสย เสน่ห์มนตืดำ
หน้ามืดตามัว แบบนี้....มีโอกาสสูงที่ได้นายกรัฐมนตรี
โง่คนที่สองมาบริหารประเทศแน่ๆ และไทยก็จะล้าหลัง
กว่าพม่า ลาว เขมร อีกแน่นอนในอนาคต ...
#91
ตอบ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 14:44
งาน Foto Kino จัดที่เมืองโคโลญ เมืองน้ำหอม 4711 ใช่หรือเปล่า
Foto Kina ครับท่าน
http://www.photokina.../home/index.php
#92
ตอบ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 17:40
2546 โอ๊คตั้งบริสัตว์บันเทิงของตัวเอง ซึ่งเป็นบริสัตว์สุดยอดการล้างผลาญแห่งทศวรรษ
สามารถทำขาดทุนได้นับสิบๆ ล้าน เพียงชั่วพริบตา
และ ไม่ใช่บอริสัตว์เดียว เก่งอย่างโอ๊ค ต้องครึ่งโหล...เอ่อ เกินห่ะ 8 ครับ
ชีแอทมู๊ด...ชู๊ดแอทมี สตูถ่ายรูปสุดเห่ย แม้แต่วัยรุ่นยังเมิน
ฮาวคัมส้ น ต รี น เอ้ย สกรีน สร้างปรากฏกาณ์ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เอาจอพลาสมาไปติดตรงจุดที่มองไม่เห็น
แล้วคนยังต้องรีบเดิน มัวแหงนคอดูเป็นโดนคนข้างหลังเหยียบตาย 108 จอ 20 ล้านบาท
เจ๊งครับ
อเมซิ่งฝันเปียก The Amazing Fun Park ทุ่มทุนร่วมร้อยล้านจัดสวนสนุกผีหลอก มีคนเข้ามาเที่ยววันละร้อยกว่าคน
เรียกว่าพนักงานในนั้น มากกว่าคนเข้ามาเล่น....งานนี้ แ้แต่ผียังไม่กล้าหลอก เพราะวังเวงเหลือใจ
ร้านกาแฟคาเฟ่อิน สยาม...เมื่อไม่สามารถขายยาเสพติด เพราะพ่อสั่งยิงทิ้งมากไป ก็ต้องปิดตัวลง
ที่สุดยออดของสุดยอดก็คือ ได้เวลาลงรายการจากวิกหลายสีมาชนิดประเคนให้
โอ๊คยังผลิตรายการชนิดที่ไม่มีใครดู...จนต้องเอาไปปล่อยในไอทีวีของพ่อ....
ซึ่งเป็นช่องที่คนตาบอด ก็ยังไม่ดู
http://www.youtube.com/watch?v=cM72shpKRKY
http://www.youtube.com/watch?v=wCY9gcMiwIs
Edited by amplepoor, 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 17:41.
#93
ตอบ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 17:44
ท่านพาลแท้ๆ ได้โคตรสะนาจากเอไอเอส
ได้โคตรสะนาจากการทำหล่นของเดนสึ...ที่มาจากหุ้นส่วนอีกคน ขอพ่อมาเหมือนกัน
เปิดร้านขายมือถือแพงบ้าเลือด ก็มาจากพ่อ
เอารายการไปลงไอทีวี ก็ทีวีของพ่อ
เรียงว่า ถ้าถามว่า ฮาวคัม......?
คำตอบคือ พ่อให้มา
จบข่าว
#94
ตอบ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 18:12
คิดดู ไปงัดหลักฐานมาแฉว่าพ่อตัวเอง โกงบัญชีทรัพย์สิน
คือข่าวหนังสือพิมพ์สมัยพลังธรรม ที่เคยอวดว่ารวย 6 มื่นล้าน
อ้าว ทำไมพอแจ้งบัญชีทรัพย์สิน กลับมีไม่ถึงละ
ว่าแล้วผมก็ขอเอาข้อมูลชิ้นแรกที่คุณพ่อบอกผมมาลงแทนรูปที่ถ่ายกับคุณพ่อก่อนเลยแล้วกันครับคือ คุณพ่อผมจำได้ว่าวันที่เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีครั้งแรกในชีวิต มีหนังสือพิมพ์ลงพาดหัว ข้อมูลทรัพย์สินที่คุณพ่อผมมีอยู่ก่อนเข้าการเมือง ซึ่งคุณพ่อผม และผู้รับตำแหน่งทางการเมืองของพรรคพลังธรรมทุกคน ได้เปิดเผยต่อสารธารณชน(คุณพ่อผมจำได้แม้กระทั่งว่า ลุงจำลองใส่เสื้อม่อฮ่อมลากรองเท้าแตะบุกมาเชิญให้ไปเป็นรมต.ถึงออฟฟิตเลยครับ)
ผมจึงได้ให้ทีมงานไปค้นมาปรากฏว่ามีเพียบเลยครับ น่าจะทุกฉบับเลยด้วย (ผู้จัดการรายวันยังมีเลยครับ ลงว่า”รมต.พลังธรรมแสดงทรัพย์-ทักษิณ6หมื่นล้าน”เลยครับ) ผมขอยกตัวอย่าง นสพ.ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 19พย.2537 (เมื่อ18ปีที่แล้วครับ ตั้งแต่นสพ.ไทยรัฐยังราคาฉบับละ5บาทอยู่เลย) ได้ลงพาดหัวไว้ครับว่า “เปิดขุมทรัพย์รมต.ผัก-แฉทักษิณรวย6หมื่นล้าน” ตามรูปที่แสดงนี้ครับ ก็ถือว่าเป็นข้อมูล2ด้านที่ตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิงนะครับ
ใครจะเชื่อใครก็แล้วแต่สีเสื้อ เอ้ย…วิจารณญาณของแต่ละท่าน ถ้าถามผม ผมก็ต้องยืนยันตามข้อมูลเดิมตั้งแต่18ปีที่สื่อทุกฉบับลงไว้นี้แหละครับ ส่วนหากจะมีใครมากัดผมอีกว่า โอ๊คโพสต์เฟสบุ๊คหวังช่วยพ่อ หรืออาจจะบอกว่าคุณพ่อผมโกหกล่วงหน้าไว้เมื่อ18ปีที่แล้ว ก็ถือว่านานาจิตตังครับ ผมว่าลุงจำลองยืนยันได้เพราะถ้าไม่ยืนยันตามนี้ก็คงต้องไปอาราธนาศีล8ใหม่ละครับ 55555
#95
ตอบ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 18:15
http://www.isnhotnew...ชินวัตร/page/2/
นายชวนนท์ กล่าวอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวอีกว่าก่อนมาเล่นการเมืองมีเงิน 64,000 ล้านบาท เรื่องนี้ก็โกหกเพราะขณะนั้นปี 2537 ตอนนั้นยังไม่มีกฎหมายให้แสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน แต่ต่อมาปี 2540 สมัยพ้นจากตำแหน่งในรัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ มีการแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช.ว่ามีแค่ 5,927 ล้านบาท ถ้าเป็นจริงแสดงว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ซุกเงินมาตั้งแต่ช่วงนั้น ต่อมาปี 2544 ช่วงเริ่มรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ 1 มีการแสดงบัญชีทรัพย์สินแค่ 509ล้านบาท ปี 2548 มีแค่ 506 ล้านบาท ปี 2549 แสดงบัญชีทรัพย์สินช่วงพ้นตำแหน่ง 2 ช่วง มีแค่ 512 และ 557 ล้านบาท ถามว่าที่อ้างว่ามี 64,000 ล้านบาท มาจากไหนนี่แสดงว่ามีการซุกเงินมานานแล้ว ประเด็นสำคัญคือเงิน 46,000 ล้านบาท เป็นการยึดคืนในสมัยที่พ.ต.ท.ทักษิณดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
“นี่คือใบเสร็จการซุกเงินที่เปิดเผยจากปากพ.ต.ท.ทักษิณ พอเห็นว่าจะไม่ได้กฎหมายปรองดอง ไม่ได้แก้ไขรัฐธรรมนูญก็เอาวาทกรรมมาหลอกมวลชน ” นายชวนนท์ กล่าว
#96
ตอบ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 18:19
http://www.isranews....1/7216--4-.html
พลิกราชกิจจานุเบกษาดูผลตรวจสอบทรัพย์สิน“ทักษิณ”ยุคนั่งรองนายกฯ -พจมาน -โอ๊ค -เอม –ด.ญ.แพรทองธาร ยกครัวมีแค่ 21,069 ล้าน 28 วันพ้นตำแหน่ง หายวับ 2,000 ล้าน ซุกไว้ 4 หมื่นล้าน?
ไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีฐานะมั่งคั่งก่อนเข้าสู่อำนาจรัฐ โดยมีทรัพย์สิน 6 หมื่นล้านบาทตอนรับตำแหน่งทางการเมืองยุคพรรคพลังธรรม ตามคำอ้างโฟนอินผ่านเวทีคนเสื้อแดง และคำกล่าวอ้างของนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายหัวแก้วหัวแหวน ผ่านเฟซบุ๊คเมื่อเร็วๆนี้ เป็นข้อเท็จจริงหรือไม่?
หากพลิกราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศทั่วไป เล่ม ๑๑๖ ตอนพิเศษ ๕๑ ง วันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๔๒ หน้า 11 จะพบ รายงานผลการตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินและหนี้สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ รองนายกรัฐมนตรี ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีรับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2540 (ยุครัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ) และยื่นบัญชีฯกรณีพ้นตำแหน่งเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2540 โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ดังนี้
ของนาง(ขณะนั้น) พจมาน ชินวัตร
ของ นายพานทองแท้ ชินวัตร นางสาวพิณทองทา ชินวัตร และเด็กหญิง(ขณะนั้น) แพรทองธาร ชินวัตร
จากข้อมูลเห็นได้ว่า
1.วันที่ 7 พฤศจิกายน 2540 ช่วงรับตำแหน่งรองนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 21,069,291,386.73 บาท
2.วันที่ 4 ธันวาคม 2540 ช่วงพ้นตำแหน่งรองนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบมีทรัพย์สินทั้งสิ้น19,067,295,520.73 บาท
3.เปรียบเทียบทั้งสองครั้ง ทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัวลดลง 2,001,995,866 บาท (ประมาณ 28 วัน)
เพราะฉะนั้น การที่ พ.ต.ท.ทักษิณและบุตรชายอ้างว่าในช่วงปี 2538 มีทรัพย์สินประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ไฉน!อีก 2 ปีต่อมาตอนเป็นรองนายกฯกลับแจ้ง ป.ป.ช.เพียง 21,069,291,386.73 บาท
เท่ากับยอมรับว่าซุกไว้ 4 หมื่นล้าน?
Edited by amplepoor, 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 18:20.
#97
ตอบ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:16
น่ากลัวพวกญาติพี่น้องเพื่อนฝูงผู้มีอุปการะคุณคงจะหมดตัวแล้วละซี
"ฮาวคัม"ปิดกิจการ"มาสเตอร์โฟน"
โดย มติชน วัน ศุกร์ ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 เวลา 8:36:30 น.
ถอดใจธุรกิจมือถือไฮโซเหนื่อยฟรี ขายสิทธิ์"เวอทู"ให้"ศรีชวาลา"ลุยแทน หมดยุค ฮาวคัม ถึงเวลาปิด มาสเตอร์ โฟน บริษัททำตลาดมือถือไฮโซ เวอทู ราคาเครื่องละล้าน พร้อมขายสิทธิ์จำหน่ายมือถือและช็อปหรู บนห้างสยามพารากอน ให้กลุ่มศรีชวาลา หลังขาดทุนอ่วมปีละไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท นายไอยคุปต์ กฤตบุญญาลัย ผู้ถือหุ้นหลักในบริษัทมาสเตอร์โฟน จำกัด ผู้ทำตลาดมือถือกลุ่มราคาสูงหรือไฮเอ็น "เวอทู" (vertu)ในเครือ ฮาวคัมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บริษัท วอยซ์ สเตชั่น จำกัด เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2551 เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้เปิดบริษัทมาสเตอร์โฟนมาเพื่อทำธุรกิจมือถือในกลุ่มไฮเอ็นต์ภายใต้แบรนด์ เวอทู ในปี 2546 ล่าสุดได้ขายสิทธิ์ ในการทำตลาดมือถือเวอทู และร้านของเวอทูบนห้างสยามพารากอนออกไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะปิดบริษัทมาสเตอร์โฟน ด้วยเพราะเห็นว่าทำต่อไปไม่คุ้มทุน เราได้ขายสิทธิ์ในการทำตลาดเวอทู และร้านบนห้างสยามพารากอน ให้กับผู้ประกอบการรายอื่นไปแล้ว และมีแผนที่จะปิดบริษัทมาสเตอร์โฟนด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการชำระบัญชี เพราะเห็นว่าทำต่อไปไม่คุ้มทุน เหนื่อยฟรี ส่วนเหตุที่เปิดบริษัทในปี 2546 เพราะเห็น่วาตอนนั้นมือถือในกลุ่มนี้ได้รับความนิยม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบริษัทที่มาสเตอร์ โฟน ขายสิทธิ์ในการบริหารแบรนด์เวอทูและร้านหรูที่ห้างพารากอนให้ คือ บริษัท เอฟเวอร์เรส เอเชีย จำกัด มีผู้ถือหุ้นหลักเป็นกลุ่ม ศรีชวาลา ทำธุรกิจหลักเช่น โรงแรม แกรนด์ มิเลนเนียม สุขุมวิท รวมทั้งเสื้อผ้า เวอร์ซาเช่
#98
ตอบ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 21:06
เราต้องตามติดติดตาม
โอ๊คอา๊กกก
#99
ตอบ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 21:28
Like Father Like Son
รู้สึกโชคดีที่พ.ต.ท.ทักษิณ เลี้ยงดูแบบลูกชาวบ้านทั่วไป รวมถึงไม่เคยสอนให้มักใหญ่ใฝ่สูง และยังสอนให้รับใช้ชาติด้วยการเกณฑ์ทหาร และเรียนรด. เพราะการเรียนรด. 3 ปี ได้ยศสิบตรี ยังภาคภูมิใจกว่าที่จะถูกคนตราหน้าว่าหนีทหาร
พ่อปากพล่อย ลูกปากหมาน พูดจาขัดแย้งกันเอง
และยังสอนให้รับใช้ชาติด้วยการเกณฑ์ทหาร และเรียนรด.
เหอๆๆๆๆๆๆ เอ็งจะเอายังงัยก็ไปให้มันถูกซักทาง
จะรับใช้ชาติด้วยการเกณฑ์ทหาร หรือจะรับใช้ชาติด้วยการเรียนรด.
ต้องเลือกอย่างเดียว มันทำพร้อมกันไม่ได้
แล้วที่จริง ที่เขาเรียนรด. กัน
ก็เพราะต้องการหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร
ฮา
คนมันปากรั่ว คิดว่าเล่นโวหารเก๋ไก๋
เวรจริงๆ ลิ้นพันกัน จะเป็นทั้งทหารเกณฑ์ จะเป็นทั้งสิบตรีจากการเรียนรด. 3 ปี
คงนึกว่าปากคมพอจะเชือดคนอื่น
ที่จริงเชือดลิ้นตัวเองขาดกลางเห็นๆ เลยนะนั่น
อีกข้อที่โอ๊กโชว์โง่
จบ รด 3 ปี เรียนจบ ม 6 หรือ ปวช3 ต้องติดยศ สิบเอก จ่าเอก หรือ จ่าอากาศเอก
จบ รด 3 ปี เรียนจบ ปริญญาตรี หรือ อนุปริญญา ติดยศ จ่าสิบตรี,พันจ่าตรี,พันจ่าอากาศตรี
http://student.nu.ac...ning/01siti.htm
ไม่ใช่แค่สิบตรี
#100
ตอบ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 22:11
รู้สึกโชคดีที่พ.ต.ท.ทักษิณ เลี้ยงดูแบบลูกชาวบ้านทั่วไป รวมถึงไม่เคยสอนให้มักใหญ่ใฝ่สูง และยังสอนให้รับใช้ชาติด้วยการเกณฑ์ทหาร และเรียนรด. เพราะการเรียนรด. 3 ปี ได้ยศสิบตรี ยังภาคภูมิใจกว่าที่จะถูกคนตราหน้าว่าหนีทหาร
อีกข้อที่โอ๊กโชว์โง่
จบ รด 3 ปี เรียนจบ ม 6 หรือ ปวช3 ต้องติดยศ สิบเอก จ่าเอก หรือ จ่าอากาศเอก
จบ รด 3 ปี เรียนจบ ปริญญาตรี หรือ อนุปริญญา ติดยศ จ่าสิบตรี,พันจ่าตรี,พันจ่าอากาศตรี
http://student.nu.ac...ning/01siti.htm
ไม่ใช่แค่สิบตรี
กร๊ากกก
สุภาพสตรียังรู้ลึกกว่าโอ๊คเลย
- asawinee likes this
ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน