ข้อเท็จจริงเรื่องสมศักดิ์เจียม เป็นเด็กซื้อโอเลี้ยง.....
#551
ตอบ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 10:57
(อย่างน้อยก็มีชื่อติดกระทู้แห่งปีกะเค้าด้วยคนละฟระ อิอิอิ)
มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล
#552
ตอบ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 11:26
3 สถานะการศึกษาของตัวละคร
ข้อมูลของคุณ Pinkdevil เรื่องคุณเสงี่ยม แจ้งดวง ที่เป็นพยาบาล ได้รับการตรวจสอบแล้วว่า เป็นความจริง ซึ่งความจริงนี้ เราสามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลากับคุณเสงี่ยมตัวจริง
ความจริงซึ่งคุณ Pinkdevil นำเสนอมานั้น ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยเพิ่มเติมที่คุณหมีคอมมานโด ได้บอกกล่าวไว้ก่อนหน้าว่าข้อมูลนี้ บอกให้เราทราบว่า **** คุณเสงี่ยมเรียนจบแล้ว ทำงานแล้ว เมื่อเกิดเหตุการณ์ 6 ตค 19
- คุณเสงี่ยมเป็นพยาบาล รับปริญญาเมื่อ 24 กย 2519 เข้าร่วมชุมนุมในฐานะนางพยาบาลวิชาชีพ เพื่อดูแลผู้ป่วย
- ไม่เคยทำงานกับลูกพระเกี้ยว
- ไม่เคยรับหงอกเจียมเป็นลูกน้อง
และเมื่อดูสิ่งที่นายชดกล่าวอ้าง
ยัยเหงี่ยมเป็นเพื่อนสนิทนายชด
นายชดเรียก จิรนันท์ พิตรปรีชา ว่า “พี่จี๊ด” เรียก เสาวนีย์ ลิมมานนท์ ว่า “พี่แว่น” เรียก วิโรจน์ ตั้งวานิชย์ ว่า “ไอ้หมิง”
###############
ดิฉันไปค้นข้อมูลมา http://www.oknation....7/07/14/entry-1
พบว่า จิรนันท์ พิตรปรีชา เข้ามหาลัยในปี 15 (เป็นดาวจุฬาปีนั้น) ตอนเกิดเหตุการณ์ 14 ตค 16 จิรนันท์ เรียนอยู่ ปี2
ดังนั้น ใน ปี 19 จิรนันท์ จึงเรียนอยู่ปีที่ 5 เภสัช จุฬา (เภสัชเรียน5 ปี) จึงยังเรียนไม่จบ
ส่วนวิโรจน์ ตั้งวานิชย์ นั้น ขณะเกิดเหตุการณ์ ตค 19 เรียนอยู่ชั้น ปี 4 ศิลปศาสตร์ มธ
http://www.2519.net/...3&d_id=3&page=1
###############
นายชด เรียกจิรนันท์ว่า “พี่จี๊ด” เรียกวิโรจน์ว่า “ไอ้หมิง” นายชด จึงน่าจะเรียนอยู่ ปี 4 จุฬา ในขณะนั้น
ดังนั้น เพื่อนสนิทของนายชดที่ชื่อ “ยัยเหงี่ยม” ก็ต้องยังเรียนอยู่เช่นเดียวกัน
จึงสรุปได้ว่า
ไม่มีทางที่ “ยัยเหงี่ยม” นักศึกษา จะมาเป็น “คุณเสงี่ยม แจ้งดวง” พยาบาลวิชาชีพได้เลย
จึงมีความเป็นไปได้ว่า
เสงี่ยม มี 2 คน
ต้องพิสูจน์ต่อไป
ในความเห็นของผม
ผมคิดว่า
มันชักจะแปลกๆ มากขึ้นแล้วนะครับ
คือ มันกลายเป็นกระทู้ที่จะจับผิด กันที่บุคคลที่ 3 แล้ว
ถ้าเป็นอย่างนี้ นายชดจะทำอย่างไร
ก็ในเมื่อ แจ้งว่า ยัยเหงี่ยม เป็นคนละคน
ถ้าเอาข้อมูลส่วนตัวออกมาแจ้ง ให้เราๆท่านๆ โทร.ไปถามอีก
มันก็จะยิ่งบานปลายหนักไปกว่าเก่าสิครับ
ยัยเหงี่ยม เศรษฐศาสตร์ ม.ธ. จะถูกคนโทร.ไปรบกวนอีก
แล้ว ยัยเหงี่ยม เนี่ย มันอาจจะเป็นชื่อเล่นก็ได้ครับ ซึ่งจริงๆแล้ว ชื่อจริงอาจจะไม่ได้ชื่อ เสงี่ยม ก็ได้
มันดูไม่ปกติแล้วล่ะครับ ถ้าจะต้องลากพิสูจน์กันขนาดนี้
ผมไม่มีอะไรหรอกครับ เพียงแค่เริ่มรู้สึกว่า เรากำลังจะพิสูจน์อะไรนายชดกันขนาดนั้น
ผมว่าเราจบกันตรงที่ว่า
ใครคิดอย่างไร ก็ ให้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ไปแล้วกันครับ
ผมไม่อยากให้มีการโทร.ไปรบกวน บุคคลที่ 3 กันอีกครับ
จะดีกว่าไหมครับ
แล้วกระทู้นี้ เราที่เป็นผู้ดูหรือกองเชียร์ ก็หาข้อมูลเท่าที่จะหาได้ โดยไม่ต้องไปอ้างอิงด้วยการ โทร.ไปรบกวน ดีกว่าไหมครับ
เช่นหาข้อมูลกลุ่มต่างๆของนักศึกษาที่ทำงานอยู่กันในขณะนั้น
มันจะสวยกว่าไหมครับ
ผมเข้าใจคุณชดแล้วครับ ว่า คงจะไม่อยากออกมาแจ้งข้อมูลอะไรให้ลึกกว่านี้
เพราะ มันเป็นการ ลากตัวเองและทุกคน ออกจากความเป็นส่วนตัว
ซึ่งไม่ได้อะไรเลย ถ้าหากสุดท้ายแล้ว นายชด จะ โกหก หรือ พูดจริง
แต่การจะให้คุณหมี ไปตามหาความจริงจากคำสั้นๆ แค่ เศรษฐศาสตร์ ม.ธ. ตรงนี้
มันก็จะยากเกินไปน่ะครับ
ผมขอเสนอแนวทางนี้ ท่านผู้เข้าร่วมหลายๆท่านเห็นอย่างไรครับ
แผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ทั้งกษัตริย์ยังทรงคุณธรรมอันสูงส่ง
จำคำนี้ไว้ไปบอกยมบาลเวลาเจ้าลงนรกก็แล้วกัน
#553
ตอบ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 11:33
เอาว่าผมอาจจะเข้าใจผิดจริงๆก็ได้
แต่นี่แหละคือบอร์ดการเมือง
หากทุกคนมีความรู้เหมือนกันมีประสบกาณ์และความคิดเหมือนกันหมด
คงไม่เกิดเวปบอร์ดขึ้นมาหรอกครับ
ลองเปลี่ยนจุดมอง ดูสิครับมันจะได้อรรถรสไปอีกแบบ
แต่ถึงอย่างไรผมก็เป็นแค่ผู้เสพไม่ได้เป็นผู้ปรุง
"ที่เห็นว่าเป็นไข่เจียวเสิร์ฟอยู่บนจานน่ะมันไม่ใช่ทำมาจากไข่ไก่เสมอไปหรอกครับ"
#554
ตอบ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 12:18
ประเด็นนี้ก็ยังไม่เห็นสมศักดิ์ยอมรับหรือปฏิเสธ ลุงชดบอกพูดเรื่องนี้ทีไรสมศักดิ์มันจะหลบไม่กล้าเถียง คราวนี้มันบอกมันเป็นถีงระดับผู้นำมันจะไปซืื้อโอเลี้ยงให้ใครทำไม
ถามลุงชดละกัน สมศักดิ์เจียมมันซื้อโอเลี้ยงให้ยัยเหงี่ยมทำไม แล้วมันยังซื้อให้ใครอีก จากน้ำเสียงลุงชดมันไม่ซื้อให้ลุงชดแน่ๆ มันซื้อให้แต่ผู้หญิงหรือเปล่าครับ
มันไม่เคยยอมรับนับถือใครแต่มันก็ติดอกติดใจไม่กล้าแตะต้องพี่จี๊ดของมันกับใครอีกคนนะทั้งที่2คนนั้นจะว่าไปแล้วก็อยู่ฝั่งตรงข้ามกับมันแล้วด้วย รู้สึกมันยังชื่นชมพี่ผู้หญิงทั้งสองของมันอยู่นะ เมื่อก่อนมันก็อาจชื่นชมยัยเหงี่ยมจนตามซื้อโอเลี้ยงให้ยัยเหงี่ยมหรือเปล่าครับลุงชด
คือประเด็นว่าลุงชดโกหกเรื่องตัวตนยัยเหงี่ยมกำลังรอผลสรุป แต่เรื่องซื้อโอเลี้ยงนี่ไม่มีใครเถียงกัน พอจะสรุปได้มั้ยว่าสมศักดิ์เจียมซื่อโอเลี้ยงจริงให้ยัยเหงี่ยม ซึ่งเป็นใครยังไม่รู้ ก็ผมแค่อยากรู้ว่าไอ้หงอกเจียมมันเคยยอมรับนับถือคอยเอาอกเอาใจใครบ้างมั้ย
มีใครอีกมั้ยครับลุงชด ที่ไอ้หงอกเจียมมันปลื้มขนาดมันเอาอกเอาใจเป็นพิเศษครับ
#555
ตอบ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 13:20
จิรนันท์ จึงเรียนอยู่ปีที่ 5 เภสัช จุฬา
เพิ่งเห็นชัดๆ ขอแก้ไขนะครับ
เรียนคณะวิทยาครับ
#556
ตอบ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 14:43
เอารูป Blue มาฝาก
Edited by Rodgers16, 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 14:44.
If you try hard enough, you can be whatever you want to be.
#557
ตอบ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 14:48
ในความเห็นของผม
ผมคิดว่า
มันชักจะแปลกๆ มากขึ้นแล้วนะครับ
คือ มันกลายเป็นกระทู้ที่จะจับผิด กันที่บุคคลที่ 3 แล้ว
ถ้าเป็นอย่างนี้ นายชดจะทำอย่างไร
ก็ในเมื่อ แจ้งว่า ยัยเหงี่ยม เป็นคนละคน
ถ้าเอาข้อมูลส่วนตัวออกมาแจ้ง ให้เราๆท่านๆ โทร.ไปถามอีก
มันก็จะยิ่งบานปลายหนักไปกว่าเก่าสิครับ
ยัยเหงี่ยม เศรษฐศาสตร์ ม.ธ. จะถูกคนโทร.ไปรบกวนอีก
แล้ว ยัยเหงี่ยม เนี่ย มันอาจจะเป็นชื่อเล่นก็ได้ครับ ซึ่งจริงๆแล้ว ชื่อจริงอาจจะไม่ได้ชื่อ เสงี่ยม ก็ได้
มันดูไม่ปกติแล้วล่ะครับ ถ้าจะต้องลากพิสูจน์กันขนาดนี้
ผมไม่มีอะไรหรอกครับ เพียงแค่เริ่มรู้สึกว่า เรากำลังจะพิสูจน์อะไรนายชดกันขนาดนั้น
ผมว่าเราจบกันตรงที่ว่า
ใครคิดอย่างไร ก็ ให้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ไปแล้วกันครับ
ผมไม่อยากให้มีการโทร.ไปรบกวน บุคคลที่ 3 กันอีกครับ
จะดีกว่าไหมครับ
แล้วกระทู้นี้ เราที่เป็นผู้ดูหรือกองเชียร์ ก็หาข้อมูลเท่าที่จะหาได้ โดยไม่ต้องไปอ้างอิงด้วยการ โทร.ไปรบกวน ดีกว่าไหมครับ
เช่นหาข้อมูลกลุ่มต่างๆของนักศึกษาที่ทำงานอยู่กันในขณะนั้น
มันจะสวยกว่าไหมครับ
ผมเข้าใจคุณชดแล้วครับ ว่า คงจะไม่อยากออกมาแจ้งข้อมูลอะไรให้ลึกกว่านี้
เพราะ มันเป็นการ ลากตัวเองและทุกคน ออกจากความเป็นส่วนตัว
ซึ่งไม่ได้อะไรเลย ถ้าหากสุดท้ายแล้ว นายชด จะ โกหก หรือ พูดจริง
แต่การจะให้คุณหมี ไปตามหาความจริงจากคำสั้นๆ แค่ เศรษฐศาสตร์ ม.ธ. ตรงนี้
มันก็จะยากเกินไปน่ะครับ
ผมขอเสนอแนวทางนี้ ท่านผู้เข้าร่วมหลายๆท่านเห็นอย่างไรครับ
เห็นแล้วก็อดไม่ได้ ...
พอเห็นเพื่อนสมาชิกที่พยายามแสดงความคิดเห็น
เชื่อมนั่น โยงนี่ สันนิษฐานแบบนั้น แบบนี้ ให้มั่วไปหมด
โดยที่ไม่ได้ อ่านรายละเอียดทุกตัวอักษร ทุกบรรทัดในทุกเรพ ที่เป็นข้อมูลจริงอ้างอิง อย่าละเอียด รอบคอบ
หรือตั้งใจมองข้าม ก็ไม่ทราบได้ .... จึงจำเป็นต้องเอาภาพนี้มาฉายซ้ำอีกครั้ง
ครั้งนี้ น่าจะเป็นครั้งที่ 4 ละมั้ง ที่ภาพนี้ได้ถูกรีรัน (อันนี้ไม่แน่ใจจำนวนครั้ง ถ้าผิดพลาดก็ขออภัย)
สงสัยคุณมังกือ คงต้องทำความเข้าใจอะไรเสียใหม่สะแล้ว
ว่าการจะออกมาวิเคราะห์ ข้อมูลใดๆ ก็ตาม อย่างน้อยตนเองต้องแม่นยำในข้อมูลพอสมควร ...
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าข้อมูลนั้นๆ มีคนหามาให้ โดยที่ตนเองไม่ได้เสียเวลาหามาเอง
ยิ่งต้องอ่านให้ละเอียดรอบคอบ และอย่ามองข้าม ในจุดสังเกตเล็กๆ ต้องเก็บรายละเอียดข้อมูล ทั้งหมด
มิเช่นนั้น ... ผู้วิเคราะห์ อาจถูกมองว่า ไร้สติปัญญา ก็เป็นได้
- จูกัดขงเบ้ง likes this
#558
ตอบ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 15:43
จิรนันท์ จึงเรียนอยู่ปีที่ 5 เภสัช จุฬา
เพิ่งเห็นชัดๆ ขอแก้ไขนะครับ
เรียนคณะวิทยาครับ
ไม่ใช่ค่ะ
ยืนยันว่า เรียนเภสัชค่ะ
นักเรียนที่สอบเอ็นท์ แพทย์ ทันตะ เภสัช ต้องไปเรียนที่คณะวิทยาศาสตร์ 2 ปี
เรียกว่าเป็นนิสิตคณะวิทยาศาสตร์ แผนกเตรียมแพทย์ เตรียมทันตะ หรือเตรียมเภสัช
พอปี 3 จึงแยกไปเรียนที่คณะของตนเองค่ะ
ปล edit เพิ่มลิงค์
http://th.wikipedia....นันท์_พิตรปรีชา
Edited by asawinee, 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 15:52.
- ตะนิ่นตาญี likes this
#559
ตอบ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 15:52
ปล edit เพิ่มลิงค์
http://th.wikipedia....นันท์_พิตรปรีชา
คุ้นๆ อ่ะค่ะ ว่าหมอต้องเรียนแผนกวิทยาศาสตร์ ก่อน (เคยอ่านพ๊อกเก๊ตบุ๊คของคุณหมอ ที่จะเล่าเรียนสมัยนักศึกษาแพทย์นะคะ)
ปล.อันนี้ไม่เกี่ยวกับกระทู้นะคะ
Edited by koong, 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 15:53.
#560
ตอบ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 16:00
ดิฉันสังเกตเห็นว่า นายชดจะมีวิธีเรียกคนที่สนิทสนมกัน เช่น
พี่จี๊ด (จิระนันท์)
พี่แว่น (เสาวณีย์)
ไอ้หมิง (วิโรจน์)
เรียกชื่อหงอกเจียมว่า ไอ้ตี๋ หรือ สมศักดิ์ เฉยๆ
คนที่นายชดสนิทสนม ถ้าเคารพ ก็เรียกพี่ รุ่นน้องก็เรียกชื่อเฉยๆ
อีกประการหนึ่งในกระทู้นั้น มีอีกคนที่นายชดเรียก ว่าคุณ คือ “คุณบวร” ยสินทร ซึ่งนายชดไม่ได้เล่าว่ามีความสัมพันธ์อันใดกับตัวนายชดเลย
ระยะห่างระหว่างความสนิทสนมเป็นตัวบ่งชี้คำเรียกชื่อได้ในกรณีนี้
จาก rep #225 นายชดคนที่เคยเรียกเพื่อนว่า ยัยเหงี่ยม เสงี่ยมเฉยๆ หรือ เหงี่ยม กลับเรียก “คุณเสงี่ยม” ขึ้นมาใน rep นี้ซะงั้น
ดังนั้น ยัยเหงี่ยม จึงน่าจะไม่ใช่คุณเสงี่ยม
จึงยังต้องพิสูจน์ตัวตน "ยัยเหงี่ยม" กันต่อไป
- ศรอรชุน likes this
#561
ตอบ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 16:21
นายชด ยัยเหงี่ยม ไอ้หงอก
เพื่ออะไร หรือเพื่อจะได้รู้ว่า ไอ้หงอกมันเคยเป็นเด็กซื้อโอเลี้ยงหรือไม่ โอ๊ว บ้าไปแล้วที่รัก
แล้วเพื่อนสมาชิกก็โดนรุมถอนหงอกกันเป็นว่าเล่น เพียงเพราะสงสัยว่า ไอ้หงอกเคยเป็นเด็กซื้อโอเลี้ยงหรือไม่?
จะรู้ไปทำไมเหรอครับ รู้แล้ว ไอ้หงอกมันจะร้องไห้น้ำตานองหน้า พร่ำบ่นว่า ผมสำนึกผิดแว้ว งั้นหรือ ก็ไม่น่าใช่
คนที่น่าจะรู้จริงๆมีอยู่คนเดียว คนที่เหลือก็แค่ตกหลุมพรางกันหมด เสียหมาเสียกาเสียไก่กันหมดเล้า
ถ้าเจ้าตัวไม่ออกมา ผมว่า MOD ช่วยล้อคกระทู้ไปก็ดีนะครับ
ก่อนที่ป้าเสงี่ยมข้างบ้านผมแกจะโดนหางเลขไปด้วย
#562
ตอบ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 16:24
แต่กลับปล่อยให้คนอื่นเข้ามาเถียงแทนตัวเอง คนแบบนี้น่าคบมั้ยคะ?
หลอกให้เพื่อนเชื่อข้อมูลผิดๆ หนำซ้ำยังไม่พอ โดนจับได้ก็ยังให้คนอื่นออกรับหน้าแทนตัวเองอีก
ไม่ไหวจริงๆ คนประเภทนี้น่ารังเกียจมากค่ะ
- wewe, H-edge, ตะนิ่นตาญี and 6 others like this
#563
ตอบ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 16:34
ปล. ถึง M0D ครับ ก่อนที่ความแตกแยกใน สรท จะมากก่านี้นะครับ ได้โปรดพิจารณาด้วยครับ.
#564
ตอบ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 16:39
ในขณะเดียวกันเราก็ได้เห็นทั้งสองฝั่งแสดงความคิดเห็น หรือข้อโต้แย้งกันไปแล้ว
ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วกระทู้นี้อาจจะตกไปตามกาลเวลา และสุดท้ายเราอาจจะไม่ได้ข้อสรุปแบบชัดเจนเป๊ะๆจากกระทู้นี้
แต่ผมเชื่อว่าเพื่อนๆสมาชิกต่างมีวิจารณญาณที่สูงกันทั้งนั้น และผมเชื่อว่าเราได้เห็นอะไรต่ออะไรจากกระทู้นี้
แต่ในขณะเดียวกันผมไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของเพื่อนสมาชิกที่เสนอให้มีการล๊อคกระทู้ เพราะหากกระทู้นี้ยังมีประเด็นสำคัญที่ให้ถก ก็ควรปล่อยให้มีการถกเถียงกันตามสิทธิที่สมาชิกทุกคนมี และที่สำคัญถึงไม่ล๊อคกระทู้นี้ อีกไม่นานกระทู้นี้ก็จะตกไปตามกาลเวลา เพราะเรามีประเด็นใหม่ๆให้ถกกันเสมอ
Edited by Yasuhiro, 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 16:39.
- wewe, เพื่อนร่วมชาติ, H-edge and 5 others like this
"Hoot": When I go home people'll ask me, "Hey Hoot, why do you do it man? What, you some kinda war junkie?" You know what I'll say? I won't say a goddamn word. Why? They won't understand. They won't understand why we do it. They won't understand that it's about the men next to you, and that's it. That's all it is.
Quote from Black Hawk Down
#566
ตอบ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 16:55
แต่ที่ผมออกความคิดเห็นให้ MOD ,ล๊อคกระทู้เพราะผมเห็น และมีความรู้สึกว่า เรื่องที่กำลังถกเถียงกันอยู่นั้น มันจะไม่ได้เกิดประโยชน์กับใครทั้งนั้น ( เท่าที่ดูตอนนี้ เพราะเหมื่อนแค่รอใครเข้ามาเครียล์ในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกเท่านั้นเองครับ...)
คำถาม...เราจะได้อะไรครับ? ที่ผมเห็นตอนนี้คือเพื่อนสมาชิคกำลังปีนเกลียวกันสะมากก่า...ถ้าต่างคนต่างวาง เงียบ ปล่อยมันแบบเงียบ ๆ ไป ไม่ดีก่าหรือครับ....ผมไม่รู้จักใครในนี้เป็นการส่วนตัวนะครับ แค่อยากแชร์ความรู้สึกของคนที่นั่งอ่านให้ทราบ ขอบคุณครับ...
#567
ตอบ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 17:23
POPULAR
ถ้าใครเก็บเอาเรื่องวิวาทะในกระทู้นี้ไปเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างสมาชิกที่เห็นต่าง สมาชิกคนนั้นก็ไม่แมนเอง หากแสดงความเห็นที่แสดงความเห็นที่ไม่แมนออกมาอีก มันก็ยิ่งทำลายความน่าเชื่อถือของคนเองลงไปอีก
ถกเถียงกันหนักๆในกระทู้ ผมมองว่าเป็นเรื่องปกติและธรรมดานะครับ เพียงแต่ว่าพอถึงจุดที่ต้องพอ ต้องหยุด ต้องจบ ก็ต้องยุติ ความ sportsmanship มันควรจะมีครับ
เวลาเราเขียนอะไรออกมา มันก็เป็นการแสดงออกทางความคิด จุดยืน หรือลักษณะนิสัยของเราเองออกมาให้เพื่อนสมาชิกเห็น
สิ้งที่คนอ่านๆอย่างเราๆ ทำได้ก็แค่อ่านโดยการใช้วิจารณญาณ สงสัยอะไรถาม หรือไปค้นเพิ่ม แล้วเอาที่เรารู้มาถกกัน มันถึงจะได้ความรู้อะไรใหม่ๆออกมาครับ
ผมก็ยังยืนยันครับว่า การเรียกร้องให้รีบปิดกระทู้ มันดูเหมือนรีบเร่งทำอะไรบางอย่าง อย่างที่ผมบอกไปก่อนหน้า ปล่อยกระทู้ไว้เฉยๆ วันสองวันมันก็ตกแล้วหากไม่มีประเด็นสาระสำคัญอะไรใหม่ๆให้ถก และผมอยากให้คุณพระรถลองเชื่อและเคารพในเพื่อนสมาชิกทั้งหลายครับ ว่าแต่ละคนมีวิจารณญาณ และมีความเป็นผู้ใหญ่พอในการแสดงออกความคิดเห็น ตลอดจนการนำเสนอข้อเท็จจริงในที่สาธารณะ เหมือนที่ผมเชื่อในตัวเพื่อนสมาชิกไม่ว่าจะอยู่ฝั่งไหนก็ตามในกรณีนี้ครับ
"Hoot": When I go home people'll ask me, "Hey Hoot, why do you do it man? What, you some kinda war junkie?" You know what I'll say? I won't say a goddamn word. Why? They won't understand. They won't understand why we do it. They won't understand that it's about the men next to you, and that's it. That's all it is.
Quote from Black Hawk Down
#568
ตอบ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 18:08
ฝ่ายนึง
ให้นายชดมาพิสูจน์ว่ามียัยเหงี่ยมอีกคนที่ไม่ใช่คุณเสงี่ยม ด้วยการเปิดเผยตัวตนยัยเหงี่ยม
หรือ
ให้นายชด ยอมรับว่าโกหก
คุณแอมต้องหยุดดริฟท์ปกป้องนายชด (และคนอื่นที่ไม่คิดว่าคุณเสงี่ยมคือยัยเหงี่ยมคือฝ่ายดริฟท์ อันนี้คือคำตัดสินแล้วว่ามีเหงี่ยมเดียว)
ฝ่ายนึง
ให้นายชดคุณหมี ออกมาพิสูจน์กัน ถ้าคุณหมีไม่มาก็เท่ากับนายชดแจ้งไปแล้วว่ามียัยเหงี่ยมอีกคน แล้วแต่ใครจะเชื่อไม่เชื่อก็เป็นสิทธิ์
สองฝ่ายมีความเห็นที่ตรงกันข้อนึงคือ ถ้านายชดไม่ชัดเจนคุณหมีไม่มาโดยถือว่าต้วเองหมดหน้าที่ ก็ให้ใช้สิทธิ์ที่จะไม่เชื่อนายชดและเป็นสิทธิ์ส่วนตัวที่จะบอกว่านายชดโกหก ตรงนี้นายชดไม่ติดใจ แต่ฝ่ายนึงติดใจเอาผิด
ที่ทู้นี้ยังเดินต่อก็เหมือนกับว่า เรื่องที่ติดใจอยู่คือเรื่องจะเอาผิดนายชดโดยอ้างถึงแนวเสรีไทยไม่ต้องการคนโกหก
เห็นว่าทู้เดินมาเลยเถิดไปถึงเอาผิดกันนอกขอบเขตของคุณแอมเจ้าของกระทู้เดินหน้าต่อไปไม่ได้ จะปิดทู้ก็จะโดนข้อหาปกป้องคนผิด
ใครลองบอกหน่อยสิว่ากระบวนการขั้นต่อไปตามวิถีทางของเสรีไทย มีหลักปฏิบัติต่อไปอย่างไร
ถ้าให้คุณแอมหยุดก็ต้องตั้งกระทู้ใหม่ครับ ใครรับผิดชอบกระทู้ครับ คุณหมีดีมั้ย
อาจจะมีคนเก่ารู้ครับว่า อดีตเคยทำมายังไง
#569
ตอบ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 19:18
ไม่ใช่ค่ะ
ยืนยันว่า เรียนเภสัชค่ะ
นักเรียนที่สอบเอ็นท์ แพทย์ ทันตะ เภสัช ต้องไปเรียนที่คณะวิทยาศาสตร์ 2 ปี
เรียกว่าเป็นนิสิตคณะวิทยาศาสตร์ แผนกเตรียมแพทย์ เตรียมทันตะ หรือเตรียมเภสัช
พอปี 3 จึงแยกไปเรียนที่คณะของตนเองค่ะ
ปล edit เพิ่มลิงค์
http://th.wikipedia....นันท์_พิตรปรีชา
อืมม์
ผมอาจจะเข้าใจผิดก็ได้ครับ
แต่ที่แน่ๆ เธออยู่ปี 4 ตอนที่เข้าป่า แปลว่าไม่จบ
คณะวิทยาถือว่าเธอเป็นศิษย์เก่า...แต่คณะเภสัชนี่ ไม่ทราบ
เดี๋ยวจะลองค้นข้อมูลอีกหน่อย
#570
ตอบ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 19:35
ไม่ใช่ค่ะ
ยืนยันว่า เรียนเภสัชค่ะ
นักเรียนที่สอบเอ็นท์ แพทย์ ทันตะ เภสัช ต้องไปเรียนที่คณะวิทยาศาสตร์ 2 ปี
เรียกว่าเป็นนิสิตคณะวิทยาศาสตร์ แผนกเตรียมแพทย์ เตรียมทันตะ หรือเตรียมเภสัช
พอปี 3 จึงแยกไปเรียนที่คณะของตนเองค่ะ
ปล edit เพิ่มลิงค์
http://th.wikipedia....นันท์_พิตรปรีชา
อืมม์
ผมอาจจะเข้าใจผิดก็ได้ครับ
แต่ที่แน่ๆ เธออยู่ปี 4 ตอนที่เข้าป่า แปลว่าไม่จบ
คณะวิทยาถือว่าเธอเป็นศิษย์เก่า...แต่คณะเภสัชนี่ ไม่ทราบ
เดี๋ยวจะลองค้นข้อมูลอีกหน่อย
จิระนันท์ เป็นดาวจุฬาปี 15 แสดงว่าอยู่ปี 1
ปี 16 เกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา จิระนันท์อยู่ปี 2 คณะวิทย์
และได้ถ่ายแบบลงปกนิตยสารสกุลไทยกับเสาวณีย์ ในเดือน ธค 16
http://www.khonkaenl...hai.asp?id=8629
ถึงปี 19 จิระนันท์ น่าจะเรียนอยู่ปีที่ 5
อีกประการ เพื่อนที่จบ เภสัช จุฬา เคยอวดอย่างภาคภูมิใจว่า คนที่แต่ง ใบไม้ที่หายไป จนได้ซีไรต์ เป็นรุ่นพี่ที่คณะแต่เรียนไม่จบ เข้าป่าไปซะก่อนค่ะ
#571
ตอบ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 19:46
POPULAR
ขอนำเสนอการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ ที่นายชดจะอยู่ร่วมขบวนการนักศึกษาส่วนผลิตเอกสาร และสมศักดิ์เป็นแค่ลูกกระจ๊อกคอยวิ่งซื้อโอเลี้ยง ถั่วตัด ให้ยัยเหงี่ยม เพื่อนนายชด
สมมุตฐาน ข้อมูลของคุณแอมป์และการวิเคราะห์เหตุการณ์ของคุณแอมป์ถูกต้องทั้งหมด ดังนั้น
คำถามที่ 1 ความเป็นไปได้ ที่สมศักดิ์จะเข้าร่วมขบวนการในฐานะเด็กซื้อโอเลี้ยง
สมศักดิ์เป็นประธานนักเรียนสวนกุหลาบ และเป็นคนทำหนังสือรุ่น สมานมิตร 17
เลขต่อท้ายบ่งบอกว่า ในปี 2516 ที่จีรนันท์/เสาวณีย์เป็นสองโฆษกให้การเดินขบวน สมศักดิ์ยังใส่ขาสั้นเรียนที่สวนฯอยู่เลย
บทบาทของเขาก็คือเลิกเรียนเดินมาสนามหลวง เข้าไปในธรรมศาสตร์ร่วมเป็นหนึ่งในกลุ่มนักเรียนนิสิตนักศึกษา ชุมนุมเรียกร้องรัฐธรรมนูญสองทุ่มก็กลับบ้าน วันรุ่งขึ้นก็ทำอย่างเดิน ....ไม่มีที่ให้เด็กนักเรียนเข้าไปรับรู้อะไรในวันนั้น นอกจากนั่งที่สนามฟุตบอล แจกน้ำ อาหาร วิ่งเป็นม้าใช้....ห่างไกลจากห้องประชุมแกนนำมากมาย ความเห็นที่ 198 กระทู้ลูกจีนเนรคุณ
ไม่ใช่แค่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แต่คุณไม่มีความเข้าใจแนวทางปฎิบัติของขบวนการนักศึกษาในครั้งนั้นเลยและยังลำดับวันเวลาผิดอีกด้วย
1 คุณอ้างเรื่องสมศักดิ์ขึ้นเวทีในเวลานั้นไอ้หงอกเจียมมันไม่ใช่แกนนำก็จริงแต่มันก็ขึ้นเวทีไฮปาร์ค .....น่าสงสารจริงๆที่คุณไม่รู้เลยว่าสมศักดิ์เป็นแกนนำ และที่มันขึ้นเวทีก็เพราะมันพูดเก่ง แต่แกนนำไม่จำเป็นต้องขึ้นเวทีทุกคน
ความเห็นที่ 314 กระทู้ลูกจีนเนรคุณ
เสาวณีย์และจีรนันท์ เป็นโฆษกคู่ของขบวนการนักศึกษา 14 ตุลา 16 วันนั้นสมศักดิ์ยังนุ่งขาสั้นอยู่สวนกุหลาบยังเรียนทฤษฎีมาร์กซิสต์จากเอกสารโรเนียวอยู่เลย
กว่าจะมาเป็นแกนนำธรรมศาสตร์ ก็ปี 2518 ตามรอยพิเชียรและธงชัยที่มาสร้างฐานไว้ให้ เวลา 2-3 ปีในช่วงนั้นมีนัยยะสำคัญจนเอามาเล่าปนกันไม่ได้
ความเห็นที่ 316 กระทู้ลูกจีนเนรคุณ
จากความเห็นข้างต้นของคุณแอมป์ เท่าให้ทราบว่า โอกาสที่สมศักดิ์จะเข้าร่วมขบวนการในฐานะม้าใช้ ก็ คือ เหตุการณ์ในปี 16 เพราะ ในปี 19 คุณแอมป์บอกว่าสมศักดิ์ขึ้นไปอยู่ระดับแกนนำแล้ว
คำถามที่ 2 งานเอกสารที่นายชดกับยัยเหงี่ยมทำ เป็นงานที่สำคัญหรือเป็นงานธรรมดาที่ใครก็ทำได้
2 คุณยังไม่รู้ต่อ จึงบอกว่า มันอาจจะไม่ใช่ตัวเด่นมากมายแต่ถ้าเทียบกัน คุณกระจอกกว่ามัน ซึ่งน่าขัน ระดับที่ผลิตเอกสาร กับระดับที่ขึ้นเวที ลำดับชั้นในขบวนการนักศึกษาต่างกันแค่ใหน...คุณไปศึกษามาก่อนดีกว่า
3 แล้วทำไมคนอย่างไอ้หงอกเจียมถึงต้องมากลัวคนกระจอกกว่ามันอย่างคุณ นี่คือคำพูดของคนที่ไม่รู้เลยว่าสมศักดิ์กับนายชดน่ะ คนละรุ่นกัน นายชดเขาพูดถึงพี่แว่น .......อันเป็นนัยยะสำคัญของเรื่องเล่า เพราะพี่แว่นถูกคุณพ่อขอให้ถอนตัวจากขบวนการนักศึกษา หลังเสร็จภาระกิจโฆษกที่คนทั้งประเทศประทับใจ เธอเป็นหนึ่งในผู้นำที่ได้ออกทีวีร่วมกับสมบัติ คนรุ่นนั้นมองสมศักดิ์แบบที่นายชดมองทั้งนั้น
ความเห็นที่ 314 กระทู้ลูกจีนเนรคุณ
จากความเห็นที่คุณแอมป์ไปชี้แนะให้หมีคอมมานโด คุณแอมป์ชี้โดนนัยว่างานระดับผลิตเอกสารนั้น สำคัญกว่าคนที่ขึ้นเวทีปราศัย รวมทั้งได้บอกอีกว่านายชดนะคนละรุ่นกับสมศักดิ์
คิดตามที่คุณแอมป์วิเคราะห์และให้ข้อมูลไว้ สมศักดิ์น่าจะเข้าร่วมขบวนการนิสิตนักศึกษาในฐานะม้าใช้ของกลุ่มนักศึกษาที่ผลิตเอกสาร ซึ่งเป็นกลุ่มงานที่มีความสำคัญ ในช่วงปี 16
คราวนี้เราลองมาดูข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับปี 16 กัน ในปี 16 จีรนันท์ พิตรปรีชา ซึ่งเป็นโฆษกของขบวนการนิสิตนักศึกษา กำลังศึกษาอยู่ปี 2 ของจุฬา ถ้านายชด เรียกจีรนันท์ ว่าพี่จี๊ด ดังนั้นนายชดต้องเป็นรุ่นน้องจีรนันท์ เอาว่าแก่ที่สุดที่นายชด จะเป็นได้ คือ เป็นรุ่นน้องจีรนันท์ 1 ปี เท่ากับว่า นายชด อยู่ปี 1
คำถามที่ย้อนกลับมาคือ ถ้างานผลิตเอกสารนั้นสำคัญจริง ทำไมถึงยินยอมให้นายชดและยัยเหงี่ยม ซึ่งเป็นเพียงเด็กปี 1 ที่เพิ่งพ้นจากรั้วมัธยม มาทำงานนี้ ความสมเหตุสมผล มีหรือไม่ ???
โอกาสที่นายชดและยัยเหงี่ยม จะอยู่ส่วนผลิตเอกสาร และมีพาวเวอร์ขนาดที่ยัยเหงี่ยมสามารถพูดจาอย่างที่นายชดว่ามาได้ แทบจะเท่ากับศูนย์ เพราะคนที่จะทำงานสำคัญอย่างงานผลิตเอกสาร ทั้งนายชดและยัยเหงี่ยมน่าจะต้องมีพรรษาแก่กล้ากว่าการเป็นเพียง fresher
ถ้าเป็นเหตุการณ์ในปี 19 ที่นายชดและยัยเหงี่ยมซึ่งน่าจะอยู่ปี 4 ย่อมมีความเป็นไปได้ที่จะทำงานเอกสาร และยัยเหงี่ยมน่าจะมีสิทธิมีเสียงมากมายในการที่จะรับใครหรือนำใครเข้ามาทำงาน (ในเวอร์ชั่น 2009 ที่นายชดว่ายัยเหงี่ม เป็นคนพาสมศักดิ์ เข้ามาเป็นม้าใช้) แต่ตอนนั้นสมศักดิ์ได้กลายไปเป็นแกนนำแล้ว คนที่เป็นแกนนำจะมาขอสมัครทำงานกับพวกนายชดและยัยเหงี่ยม ทำไม
สรุป ถ้าเป็นเหตุการณ์ปี 16 ที่สมศักดิ์เป็นเพียงเด็กมัธยม ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่สมศักดิ์จะเข้าร่วมงานแบบม้าใช้ของพวกพี่ๆ นายชดและยัยเหงี่ยม ก็เด็กเกินกว่าที่จะทำงานเอกสาร(ที่คุณแอมป์บอกเป็นนัยว่าเป็นงานสำคัญ สำคัญกว่าการขึ้นเวที)
แต่ถ้าเป็นเหตุการณ์ปี 19 ที่นายชดและยัยเหงี่ยม ถือว่าเป็นรุ่นใหญ่ในมหาวิทยาลัย โตและมีพรรษาแก่กล้ามากพอที่จะทำงานสำคัญระดับผลิตเอกสารได้ สมศักดิ์มันก็ได้กลายเป็นแกนนำที่ได้ขึ้นเวที ไปเสียแล้ว มันจะต้องมาสมัครขอช่วยงานเป็นลูกมือส่วนเอกสารทำไม
################################################################
ส่วนที่เพื่อนสมาชิกหลายคนมีความเห็นว่า การถกเพื่อจะรู้ว่าสมศักดิ์ เป็นเด็กซื้อโอเลี้ยง หรือไม่ มันไม่มีความสำคัญอะไร ต่อให้เป็นจริงหรือไม่จริง มันก็ไม่มีผลอะไรต่อสมศักดิ์
ถูกต้องมันไม่มีผลอะไรต่อสมศักดิ์ แต่ถ้ามันไม่สามารถพิสูจน์ได้อย่างแจ่มแจ้งว่า สิ่งที่นายชดเล่ามาว่าเพื่อสร้างภาพว่าสมศักดิ์ เป็นแค่คนกระจอกๆคนหนึ่งเป็นเรื่องจริง มันเท่ากับว่า นายชดสร้างเรื่องโกหกเกี่ยวกับสมศักดิ์ขึ้นมา แล้วเรื่องที่นายชดสร้างขึ้นมา ได้ถูกนำไปบอกต่อแล้ว
คำถาม คือ พวกเราเสรีไทย จะจัดการเรื่องนี้ให้ได้ข้อสรุปกันเอง เพราะ ถ้านายชดโกหก อย่างน้อย การโกหกเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของนายชดคนเดียว อาจจะมีเพื่อนๆ บางคนของนายชดที่ออกมาปกป้องกลบเกลื่อนเรื่องราวให้ แต่ก็เป็นแค่เรื่องเฉพาะกลุ่ม ที่ออกมาปกป้องเพราะความรักเพื่อน รักพวกพ้อง หรือจะปล่อยไว้ให้สมศักดิ์ หรือแดง เข้ามาถลกแล้วจับโกหกให้ พร้อมทั้งความน่าเชื่อถือทั้งหมดของเสรีไทยได้พังไปด้วยพร้อมๆกับนายชด
ถ้าถึงวันนั้น ภาพของเสรีไทยคือแหล่งที่สร้างเรื่องโกหก เผยแพร่เรื่องโกหก เพื่อทำลายฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายที่ตนไม่ชอบ ไม่มีการตรวจสอบข้อมูล มีการตัดเรื่องจบ เพื่อช่วยพวกพ้อง มีการล็อกกระทู้ ลบกระทู้ รู้สึกคล้ายๆกับสิ่งที่พวกเราด่าเวปแดงหรือไม่ ตรองดูให้ดี
อันนี้ไม่ได้พูดประชดนะคะ ถ้าใครบอกว่าให้เรื่องจบๆกันไป ไม่ต้องค้นหาความจริง ต่อไปพวกคุณอย่าไปด่าแดงที่เค้าสนับสนุน พรบ ปรองดอง ที่บอกว่าให้เรื่องจบๆ กันไป เพราะพวกคุณกำลังทำเหมือนกัน
เสรีไทยมันเป็นสังคมย่อย ที่สะท้อนสังคมใหญ่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ ท่าทีของแต่ละคน คือ การแสดงจุดยืนทางความคิดต่อเรื่อง ถูก ผิด มันใช่เรื่องใครเชียร์ใคร ใครอยู่ฝ่ายไหน แต่เป็นการเลือกแสดงจุดยืน เลือกข้างที่ทำถูกหรือข้างที่ทำผิด เลือกที่จะค้นหาความจริง หรือเลือกที่จะตัดเรื่องจบเพื่อปกป้องพวกพ้องที่อาจจะเป็นคนโกหก พวกคุณเลือกกันเอง
คำพูดของคนคนหนึ่งจะมีน้ำหนัก ไม่ใช่เพราะเป็นคำพูดของคนใหญ่โต ของคนดัง แต่เป็นคำพูดของคนธรรมดาที่เมื่อพูดแล้ว แสดงจุดยืนแล้ว รักษาคำพูดของตนเอง ปฏิบัติอย่างที่ตนเองได้พูดออกไป ไม่ใช่พูดสวยหรู แต่เวลาที่ต้องทำจริงๆ กลับทำตรงข้ามกับที่พูด
Edit: แก้ไขเลขที่ความเห็นจาก 121 เป็น 104
Edited by PinkDevil, 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 04:41.
#572
ตอบ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 19:59
ไม่ใช่ค่ะ
ยืนยันว่า เรียนเภสัชค่ะ
นักเรียนที่สอบเอ็นท์ แพทย์ ทันตะ เภสัช ต้องไปเรียนที่คณะวิทยาศาสตร์ 2 ปี
เรียกว่าเป็นนิสิตคณะวิทยาศาสตร์ แผนกเตรียมแพทย์ เตรียมทันตะ หรือเตรียมเภสัช
พอปี 3 จึงแยกไปเรียนที่คณะของตนเองค่ะ
ปล edit เพิ่มลิงค์
http://th.wikipedia....นันท์_พิตรปรีชา
อืมม์
ผมอาจจะเข้าใจผิดก็ได้ครับ
แต่ที่แน่ๆ เธออยู่ปี 4 ตอนที่เข้าป่า แปลว่าไม่จบ
คณะวิทยาถือว่าเธอเป็นศิษย์เก่า...แต่คณะเภสัชนี่ ไม่ทราบ
เดี๋ยวจะลองค้นข้อมูลอีกหน่อย
เรียน med - แพทย์ รวมกับ paramed - เภสัช,ทันตะ,เทคนิคการแทย์ เคมีปฏิบัติ,สัตวะ
ทุกคณะพวกนี้เรียนรวมที่คณะวิดยากับพวก pure sciences รวม 2 ปี
ก่อนที่จะ "ข้ามฟาก" ไปเรียนที่คณะจริงของตัว เช่น ทันตะ,สัตวะ ปี 3 - 6 ข้ามฟากไปเรียนที่คณะบนถนนอังรีดูนังต์
ส่วนเภสัชก็ข้ามสนามบอลไปเรียนที่คณะเภสัชติดคณะถาปัดและรั้วเตรียมอุดมพญาไท
สำหรับแพทย์ เทคนิคการแพทย์ และเคมีปฏิบัติก็ "ข้ามฟาก" ไปเรียนที่คณะแพทยศาสตร์ ตรงข้ามรัฐศาสตร์
หรือฝั่งเดียวกับรพ.จุฬา
รหัส 16 เป็นรุ่นแรกของจุฬาที่ใช้ระบบเกรด
ป้าจี๊ด เข้าเภสัช รหัสนิสิต 15 เป็นรุ่นสุดท้ายที่ใช้วัดคะแนนเป็นระบบเปอร์เซ็นต์ มีการรีพีทถ้าคะแนนไม่ผ่านกี่วิชา อะไรทำนองนี้ ไม่แน่ใจว่าพอแกตกหล่นมากๆ และเพื่อนร่วมรุ่นไปหมด ถูกปรับมาเรียนรวมกับพวกตัดเกรดรึเปล่า ?
ก็จะยิ่งเรียนได้อย่างยากลำบาก ไม่มีเพื่อนสนิทรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว
หรืออีกเหตุผลคือแกเลือกที่จะ drop การเรียนไว้ก่อน ก็ต้องเข้ากติกาการดรอปโดยไม่ให้ถูกไทร์
( ยังไงก็ตามแกน่าจะยังไม่ได้ " ข้ามฟาก" )
ส่วนพวกเภสัชเค้าก็ถือว่าแกเป็นรุ่นพี่ที่คณะเพราะนับตอนเอ็นทรานซ์
ยุคนั้น (ไม่รู้จุฬาปัจจุบันยังใช้แบบนี้รึเปล่า ?) นิสิตมีรหัส 6 ตัว เช่น 161001
16 คือปีที่สอบเข้าได้ ตัวถัดมา 1 เป็นรหัสของคณะวิทย์ 001 เป็นนิสิตในทะเบียนของคณะนั้น ปีนั้น รายที่ 1
162001 .. 2 คณะแพทย์
163001 .. 3 คณะเทคนิคการแพทย์
165001 .. 5 คณะเภสัช
ดังนั้นรหัสป้าจี๊ดต้องเป็น 155... ซึ่งพวกเภสัชเขานับพี่-น้องตามรหัส
ส่วนพวกคณะวิทย์ก็จะไม่มาอ้างว่าเป็นรุ่นพี่คณะพวกเขา
สรุปคือเมื่อทำกิจกรรมการเมืองมากๆและออกไปร่วมกิจกรรมกับศูนย์นิสิตฯ ภายนอกรั้วมหาลัย
โอกาสรีพีทของป้าจี๊ดน่าจะมีสูงมากเพราะเรียนสายวิทยาศาสตร์การแพทย์หากไม่เข้าฟังเล็กเชอร์
สอบตกได้ง่ายๆ แม้จะสมองดี และคณะพวกนี้มีการเช็คชื่อเป็นรีไควร์เมนท์ด้วย หรืออาจทำการดรอปไว้ ..
นั่นคือป้าจี๊ดแม้อยู่จุฬาเกิน 2 ปีแล้ว ก็ยังมีชื่อในคณะวิดยา ไม่ได้ "ข้ามฟาก" ไปคณะเภสัชสักที
จนในที่สุดก็เข้าป่าไป ..
Edited by หนูอ้อย, 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 21:31.
- asawinee likes this
AMAZING coup d'etat , THAILAND ONLY ..
#573
ตอบ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 20:30
โดยส่วนตัวผม ชอบที่จะอ่านอย่างเดียวมากก่าที่จะมาออกความคิดเห็น เพราะไม่ชอบที่จะมานั่งทะเลาะกับใคร ทั้ง ๆ ที่ผมอยู่กับบอร์ด สรท มาตั้งแต่สร้างตัว
แต่ที่ผมออกความคิดเห็นให้ MOD ,ล๊อคกระทู้เพราะผมเห็น และมีความรู้สึกว่า เรื่องที่กำลังถกเถียงกันอยู่นั้น มันจะไม่ได้เกิดประโยชน์กับใครทั้งนั้น ( เท่าที่ดูตอนนี้ เพราะเหมื่อนแค่รอใครเข้ามาเครียล์ในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกเท่านั้นเองครับ...)
คำถาม...เราจะได้อะไรครับ? ที่ผมเห็นตอนนี้คือเพื่อนสมาชิคกำลังปีนเกลียวกันสะมากก่า...ถ้าต่างคนต่างวาง เงียบ ปล่อยมันแบบเงียบ ๆ ไป ไม่ดีก่าหรือครับ....ผมไม่รู้จักใครในนี้เป็นการส่วนตัวนะครับ แค่อยากแชร์ความรู้สึกของคนที่นั่งอ่านให้ทราบ ขอบคุณครับ...
เห็นด้วยค่ะว่า ถ้าใครอ่านแล้วไม่ประเทืองปัญญาอะไรเลยก็ไ่ม่ต้องมาเสียเวลาค่ะ
ข้ามไปทู้อื่นเลยโลดค่ะ แต่อย่าไปห้ามคนอื่นค่ะ คุณไม่ได้อะไรจากการอ่้่านทู้นี้
แต่คนอื่นๆ เขาอาจได้ประโยชน์จากทู้นี้ก็ได้นะคะ
ตอนนี้เราคิดว่าสมาชิกกำลังทดลองร่อนตะแกงนะค่ะ
- แมวกระป๋อง likes this
ความเท็จแม้นเร้นได้ในปัจจุบัน แต่ก็เหมือนซ่อนสุริยันไว้หลังเมฆ
อย่านึกถึงแต่ความผิดพลาด จงระลึกถึงต้นเหตุของความผิดพลาด
#574
ตอบ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 20:48
#575
ตอบ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 21:18
น้าเช แกรอเก็บศพอยู่ค่ะผมอ่านถึงหน้า 4 แล้วกดกระโดดมาหน้าสุดท้ายเลย รู้มัยครับว่าผมเจออะไร เรพสุดท้ายของหน้า 4 กับเรพแรกของหน้านี้ น้าเช ยังมุงอยู่เหมือนเดิม เม้นท์เอาขำ ๆ นะครับ
ท่าทางจะอยากเป็นเจ้ามือเต็มที่
- -3-, warmer and lagrangian like this
"กูจะสู้แม้รู้ว่าพวกกูน้อย สู้ไม่ถอยแม้รู้ว่าจะดับสลาย แผ่นดินนี้พ่อกูอยู่ปู่กูตาย กูสุดอายถ้าเสียทีไพรีครอง"
#576
ตอบ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 21:52
2) อาจารย์สมศักดิ์ตอบใน FB ผมว่า อาจารย์เข้ามาปริญญาตรีไม่นานก็เป็นแกนนำซึ่งไม่มีเหตุผลต้องซื้อโอเลี้ยงให้ผู้อื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง
3) มันต้องมีใครมากกว่าคุณเสงี่ยม ยัยเหงี่ยม ที่จำได้ว่าอาจารย์สมศักดิ์เคย/ไม่เคยซื้อโอเลี้ยง(และถั่วตัด) ให้นักศึกษารุ่นพี่ในช่วง 2518-2519 ผมว่าคนที่รู้ดีที่สุดน่าจะเป็นคนขายโอเลี้ยงบริเวณธรรมศาสตร์ในช่วงเวลานั้น
Edited by nameless, 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 21:52.
#577
ตอบ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 22:02
1) คุณชดพิมพ์ใน serithai.net ว่าอาจารย์สมศักดิ์เข้ามาทำงานแกนนำนักศึกษาในตำแหน่งแรกๆคือการวิ่งซื้อโอเลี้ยง
2) อาจารย์สมศักดิ์ตอบใน FB ผมว่า อาจารย์เข้ามาปริญญาตรีไม่นานก็เป็นแกนนำซึ่งไม่มีเหตุผลต้องซื้อโอเลี้ยงให้ผู้อื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง
3) มันต้องมีใครมากกว่าคุณเสงี่ยม ยัยเหงี่ยม ที่จำได้ว่าอาจารย์สมศักดิ์เคย/ไม่เคยซื้อโอเลี้ยง(และถั่วตัด) ให้นักศึกษารุ่นพี่ในช่วง 2518-2519 ผมว่าคนที่รู้ดีที่สุดน่าจะเป็นคนขายโอเลี้ยงบริเวณธรรมศาสตร์ในช่วงเวลานั้น
ข้อ 3) คนขายโอวเลี้ยงแถวธรรมศาสตร์ยุคนั้นจะยังอยู่รึ
เคยอ่านเจอ "เทียมมี่" ลุงรถเข็นขายฝรั่งดองยุค พ.ศ. 2516 ในรั้วจุฬา สมเด็จพระเทพฯตอนเป็นนิสิต เคยทรงอุดหนุนด้วย
ปัจจุบัน เทียมมี่ก็ตายไปแล้ว รุ่นลูกชื่อ Fruit มาขายแทน แกจะรู้เรื่องยุค 30+ ปีเหรอคะ
http://www.atriumtec...8/J1939448.html (เป็นกระทู้ตั้งแต่ พ.ศ. 2545)
ปู่เทียมมี่เสียไปประมาณสองปีแล้วครับ ตอนนี้ลูกแกชื่อ fruit สานต่อเจตนารมณ์ขายผลไม้ต่อไปโดยขายแบบ delivery service
ขับเวสป้าสีเขียวบรรทุกผลไม้ตระเวณขายอยู่ในรั้วจุฬา
Edited by หนูอ้อย, 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 22:14.
AMAZING coup d'etat , THAILAND ONLY ..
#578
ตอบ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 22:18
1. คุณชดโกหก
2. คุณหมีเข้าใจผิด
อดีต
คุณหมีคอมมานโดกล่าวหาคุณชดว่าโกหก ข้อพิสูจน์ของคุณหมีคอมมานโด คือ คำยืนยันจากคุณเสงี่ยม แจ่มดวง ซึ่งได้รับการตรวจสอบแล้วว่า คุณเสงี่ยม แจ่มดวงได้ให้ข้อมูลตรงกับที่คุณหมีคอมมานโดเขียนมาจริง เรื่องระหว่างคุณหมีคอมมานโด กับ คุณชด จบลงไปแล้ว
ปัจจุบัน
คุณชดกล่าวหาว่าคุณหมีคอมมานโดเข้าใจผิดไปเอง ยัยเหงี่ยมของคุณชด คือ เพื่อนจากเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ คุณแอมกล่าวหาคุณหมีคอมมานโดว่าเอาความเข้าใจผิดของตัวเองมาทำลายคุณชด ยังไม่ได้รับการพิสูจน์เช่นกันว่าคุณหมีคอมมานโดเข้าใจผิด
ตามตรรกะของคุณแอม ใครกล่าวหาคนนั้นต้องพิสูจน์ ตอนนี้คุณชดกล่าวหาว่าคุณหมีคอมมานโดเข้าใจผิด คุณชดต้องเป็นคนพิสูจน์
ถ้าคุณชดพิสูจน์ได้จริงว่ามีเสงี่ยม เรียนเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ เป็นเพื่อนคุณชด ร่วมทำงานเอกสารมาด้วยกันจริง และเป็นคนที่หงอกเจียมยอมรับว่าเป็นลูกพี่ คุณหมีคอมมานโดก็เข้าใจผิด
ไว้พิสูจน์ได้ก่อนว่าว่าคำกล่าวอ้างของคุณชดเป็นความจริงที่ทุกคนยอมรับ คุณหมีคอมมานโดเข้าใจผิดไปเอง คุณแอมค่อยมาตั้งคำถามว่าทำไมคุณหมีคอมมานโดถึงเอาความเข้าใจผิดของตัวเองมาทำลายนายชด ก็คงไม่สายไปหรอกมั๊งครับ
สิ่งที่คุณแอมควรจะทำตอนนี้ คือ ไปช่วยคุณชดหา ยัยเหงี่ยม เศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ มาพิสูจน์ความจริงกับทุกคนดีกว่า สิ่งที่จะทำให้คุณชดเป็นคนพูดความจริง คือ การยืนยันคำพูดที่พิสูจน์ได้ของคุณชด เรื่องเสงี่ยม เศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ไม่ใช่โวหาร หรือ ลีลาการดิสเครดิตของคุณแอม
คุณชดก็แค่มาตอบเรื่องเพื่อนซี้จากการเล่าของคุณเอง เพื่อนซี้ขนาดนั้นคงไม่ยากที่จะพิสูจน์ให้ทุกคนเชื่อได้ ทำซะทีครับ ไม่มีใครได้รับผลร้ายจากการพิสูจน์ความจริงของตัวเองหรอกครับ ++
Edited by Torres_No9, 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 22:23.
- Yasuhiro and ใจหมาอำมหิต` like this
#579
ตอบ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 00:32
คุณพิงค์จะใช้จินตนาการกับประวัติศาสตร์ร่วมสมัยไม่ได้นะครับ คนในเหตุการณ์ยังมีชีวิตอยู่ พิจารณาจากความพยายามที่ทำมาข้างบน ต้องบอกว่า เป็นเรื่องตาบอดคลำช้างครับ แต่ที่คลำน่ะไม่ใช่ช้าง เป็นหมู
ผมยกตัวอย่างเรื่องเดียวให้พิจารณาก็พอ ไม่อยากทำมาก สงสาร นายชดเล่าว่า เขาถนัดวาดรูป ซึ่งมันโรเนียวไม่ได้ต้องถ่ายเอกสาร
ประโยคนี้ จะเกิดในปี 2516 ไม่ได้
ปีนั้น การถ่ายเอกสารอยู่ในระดับที่ใช้งานมวลชนยังไม่ได้ เพราะต้องใช้กระดาษเคลือบน้ำยา ราคาแผ่นละประมาณ 10 บาท ปีนั้นก๋วยเตี๋ยวชามละสองบาทนะครับ ดังนั้น สมมติฐานที่วางว่า นายชดทำงานกับยัยเหงี่ยมในปี 2516 ก็โยนทิ้งไปได้เลย เพราะคนวิเคราะห์ขาดประสบการณ์จริงในเรื่องราวที่ตนเองดึงมาใช้
ส่วนเรื่องสมศักดิ์เป็นแกนนำ ผมได้อธิบายไว้ในกระทู้ลูกจีน ซึ่งคุณพิงค์คงไม่ได้อ่าน ตอนที่เป็นคำสัมภาษณ์ของแกนนำจากเพาะช่าง ผมบอกว่า สมศักดิ์เป็นแกนนำตามการวางตัวของขบวนการ แต่มันก็ยังเด็กมาก พี่คนนั้นเล่าอย่างสงสารว่า มันนอนหมอบร้องไห้อยู่ข้างๆ แกต้องปลอบว่าอย่าร้อง อายเขา....พี่คนนั้นก็ยังบอกว่าสมศักดิ์กับธงชัยยังเด็กมาก แต่เด็กขนาดนั้นในปี 2519 ก็คือแกนนำในการตัดสินชีวิตของมวลชนนะครับ (อ่านบทความคืนที่ยาวนานฯ ในกระทู้นั้นได้)
คุณพิ้งค์จะต้องมีประสบการณ์จริงกับขบวนการนักศึกษาในยุคนั้น จึงจะคาดเดาเหตุการณ์ได้ถูกต้อง
เด็กปีหนึ่ง เข้ามาก็ถูกวางตัวให้เป็นทายาทรับช่วงการเคลื่อนไหว จะถูกส่งไปช่วยงานรุ่นพี่ ที่นายชดเรียกว่ายัยเหงี่ยมเป็นพี่เลี้ยงนั่นแหละ...ผมอ่านบทวิเคราะห์ของคุณพิ้งค์อย่างเหนื่อยใจ และเข้าใจแล้วว่า ทำไมจึงไม่สามารถยอมรับหลุมพรางเรื่องเสงี่ยมสองคนของนายชดได้
กระดูกยังอ่อนครับ
Edited by amplepoor, 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 01:50.
#580
ตอบ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 00:57
เรียนตามตรงครับ สำหรับท่านสมาชิกทุกท่านและท่านผู้ดูแล
*
*
ก็ขอขอบคุณทุกท่านที่ได้ให้ความเห็นต่างๆไว้อย่างน่าสนใจหลากมุมมองครับ
*
*
*.
แล้วกระทู้นี้ เราที่เป็นผู้ดูหรือกองเชียร์ ก็หาข้อมูลเท่าที่จะหาได้ โดยไม่ต้องไปอ้างอิงด้วยการ โทร.ไปรบกวน ดีกว่าไหมครับ
เช่นหาข้อมูลกลุ่มต่างๆของนักศึกษาที่ทำงานอยู่กันในขณะนั้น
มันจะสวยกว่าไหมครับ
*
*
ผมขอเสนอแนวทางนี้ ท่านผู้เข้าร่วมหลายๆท่านเห็นอย่างไรครับ
โทร.มาสองวันแล้ว ตามช่องทางที่พอไปได้จากแหล่งข่าวคนเดือนตุลาในบ้าน
เช่นกลุ่มผู้หญิงมธ.ที่มีที่ทำการอยู่ใกล้พรรคพลังธรรมใต้ตึกเอที
หรือที่อดีตสมาชิกกลุ่มเศรษฐธรรมคนหนึ่งในยุคนั้น ..
แต่พบ black wall ทุกครั้ง เหมือนเกือบๆจะได้
naichod ใบ้หน่อยดิ ไม่สงสารน้องนุ่งเลย
AMAZING coup d'etat , THAILAND ONLY ..
#581
ตอบ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 01:29
ผมว่า อนาถว่ะ
"Hoot": When I go home people'll ask me, "Hey Hoot, why do you do it man? What, you some kinda war junkie?" You know what I'll say? I won't say a goddamn word. Why? They won't understand. They won't understand why we do it. They won't understand that it's about the men next to you, and that's it. That's all it is.
Quote from Black Hawk Down
#582
ตอบ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 02:31
ไอ้เราก็มิใช่คนเดือนตุลา พฤษภา พรรษายังน้อยก็จะไม่เข้าไปร่วมวงวิวาท...
ดีแล้วที่จำกัดไว้แค่นี้ ขอให้สมาชิกที่วิวาทกันใช้พื้นที่นี่ก็พอ
ไม่ต้องไปตามกระแนะกระแหนกันที่กระทู้อื่นอีก ไปเขียนเรื่องเมะดีกว่า
- H-edge likes this
เขียนเรื่องการเมือง : ดราม่า ,เขียนเรื่องสังคม : ดราม่า เขียนเรื่องบันเทิง : ดราม่า
แต่พอโพสเรื่องหื่น : มีความเห็นเป็นไปทางเดียวกันเสมอ >3<
#583
ตอบ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 04:28
ดิฉันตั้งสมมุติฐานไว้ 2 สมมุติฐาน คือ
1) เหตุการณ์ที่นายชดเล่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 16
2) เหตุการณ์ที่นายชดเล่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 19
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นสมมุติฐานใด มีข้อโต้แย้ง ที่ทำให้เรื่องเล่าของนายชดมีจุดบอด คือ
1) ถ้าเป็นเหตุการณ์ในปี 16 สมศักดิ์เป็นเพียงเด็กมัธยม มีความเป็นไปได้ที่สมศักดิ์จะเป็นเพียงม้าใช้ของพวกรุ่นใหญ่ในหน่วยงานผลิตเอกสาร แต่นายชดและยัยเหงี่ยม ก็เด็กเกินกว่าที่จะมาทำงานผลิตเอกสารที่เป็นงานสำคัญ (นายชดเรียกจีรนันท์ว่าพี่ ตอนปี 16 จีรนันท์อยู่ปี 2 ดังนั้นแก่ที่สุดที่นายชดและยัยเหงี่ยมจะเป็นได้ คือ เด็กปี 1)
2) ถ้าเป็นเหตุการณ์ในปี 19 นายชดและยัยเหงี่ยมน่าจะอยู่ปี 4 ซึ่งโตพอที่จะทำงานผลิตเอกสารที่เป็นงานสำคัญ แต่ปัญหาคือ ในเหตุการณ์ปี 19 สมศักดิ์ได้กลายเป็นแกนนำ (หรือถูกวางตัวให้เป็นแกนนำแล้ว) ตามตรรกะของคนปกติ คนที่เป็นแกนนำหรือรู้ตัวว่าได้รับการวางตัวให้เป็นแกนนำ จะต้องเดินมาขอช่วยงาน ด้วยอากัปกิริยาอย่างที่นายชดได้เขียนเล่าไว้ในความเห็นที่ 104 ในกระทู้ลูกจีนเนรคุณหรือ ???? ขออนุญาตโควทมาเพื่อประกอบการพิจารณา
ฮี่ๆๆๆๆ สมัยนู้นนะ
ยัยเหงี่ยม กะ ผม ต้องมานั่งโรเนียวแจกใบปลิว ยัยเหงี่ยมมันถนัดพิมพ์ ผมถนัดโรเนียว กับ วาดรูปประกอบ ไอ้ที่วาดรูปประกอบนั่นแหละที่มันแพง เพราะมันโรเนียวไม่ได้ มันต้องถ่ายเอกสาร ต้องไปถ่ายแถวหลังกระทรวงโน่น มันจะถูกหน่อย อีกอย่างลูกเจ้าของร้าน ก็เรียนแถวนั้นแหละ
ทำงานกันอยู่ มีไอ้ตี๋เกรียนคนหนึ่งหัวโตๆ ผมตั้งๆเหมือนไม้กวาด ใส่เชิ๊ตสีขาวๆอมเหลืองสกปรก มาด้อมๆมองๆ
"พี่ครับ ผมจะมาสมัครอาสาช่วยครับ"
ยัยเหงี่ยมมันรับเอาไว้ บอกว่า เอาไว้ให้มันวิ่งไปถ่ายเอกสาร ซื้อโอเลี้ยง ซื้อถั่วตัด และ ตบกระโหลกเล่น ยามพวกเราเซ็ง
ทุกวันนี้ มันก็คือ ไอ้สากกะเบือ นั่นแหละ น้าเปิ้ล
Edit: เพื่อเปลี่ยนเลขที่ความเห็นจาก 121 เป็น 104 และเพิ่มโควทความเห็น 104
Edited by PinkDevil, 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 04:52.
- Yasuhiro likes this
#584
ตอบ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 05:46
โอกาสที่สมศักดิ์จะเข้าร่วมขบวนการในฐานะม้าใช้ ก็ คือ เหตุการณ์ในปี 16 เพราะ ในปี 19 คุณแอมป์บอกว่าสมศักดิ์ขึ้นไปอยู่ระดับแกนนำแล้ว
คุณพิงค์จะใช้จินตนาการกับประวัติศาสตร์ร่วมสมัยไม่ได้นะครับ คนในเหตุการณ์ยังมีชีวิตอยู่ พิจารณาจากความพยายามที่ทำมาข้างบน ต้องบอกว่า เป็นเรื่องตาบอดคลำช้างครับ แต่ที่คลำน่ะไม่ใช่ช้าง เป็นหมู
ผมยกตัวอย่างเรื่องเดียวให้พิจารณาก็พอ ไม่อยากทำมาก สงสาร นายชดเล่าว่า เขาถนัดวาดรูป ซึ่งมันโรเนียวไม่ได้ต้องถ่ายเอกสาร
ประโยคนี้ จะเกิดในปี 2516 ไม่ได้
ปีนั้น การถ่ายเอกสารอยู่ในระดับที่ใช้งานมวลชนยังไม่ได้ เพราะต้องใช้กระดาษเคลือบน้ำยา ราคาแผ่นละประมาณ 10 บาท ปีนั้นก๋วยเตี๋ยวชามละสองบาทนะครับ ดังนั้น สมมติฐานที่วางว่า นายชดทำงานกับยัยเหงี่ยมในปี 2516 ก็โยนทิ้งไปได้เลย เพราะคนวิเคราะห์ขาดประสบการณ์จริงในเรื่องราวที่ตนเองดึงมาใช้
ส่วนเรื่องสมศักดิ์เป็นแกนนำ ผมได้อธิบายไว้ในกระทู้ลูกจีน ซึ่งคุณพิงค์คงไม่ได้อ่าน ตอนที่เป็นคำสัมภาษณ์ของแกนนำจากเพาะช่าง ผมบอกว่า สมศักดิ์เป็นแกนนำตามการวางตัวของขบวนการ แต่มันก็ยังเด็กมาก พี่คนนั้นเล่าอย่างสงสารว่า มันนอนหมอบร้องไห้อยู่ข้างๆ แกต้องปลอบว่าอย่าร้อง อายเขา....พี่คนนั้นก็ยังบอกว่าสมศักดิ์กับธงชัยยังเด็กมาก แต่เด็กขนาดนั้นในปี 2519 ก็คือแกนนำในการตัดสินชีวิตของมวลชนนะครับ (อ่านบทความคืนที่ยาวนานฯ ในกระทู้นั้นได้)
มี 2 ประเด็นที่ต้องขออนุญาตทำความเข้าใจให้ตรงกัน
1) ขอบคุณกับคำแนะนำที่บอกว่าดิฉันจะใช้จินตนาการกับประวัติศาสตร์ร่วมสมัยไม่ได้ ดิฉันวางสมมุติฐานว่าเหตุการณ์ที่นายชดเล่าใน 10 บรรทัดนั้น อาจจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 16 โดยอาศัยพื้นฐานจากการวิเคราะห์ของคุณแอมป์ในความเห็นที่ 198
สมศักดิ์เป็นประธานนักเรียนสวนกุหลาบ และเป็นคนทำหนังสือรุ่น สมานมิตร 17
เลขต่อท้ายบ่งบอกว่า ในปี 2516 ที่จีรนันท์/เสาวณีย์เป็นสองโฆษกให้การเดินขบวน
สมศักดิ์ยังใส่ขาสั้นเรียนที่สวนฯอยู่เลย
บทบาทของเขาก็คือ เลิกเรียนเดินมาสนามหลวง เข้าไปในธรรมศาสตร์ ร่วมเป็นหนึ่งในกลุ่มนักเรียนนิสิตนักศึกษา ชุมนุมเรียกร้องรัฐธรรมนูญ สองทุ่มก็กลับบ้าน วันรุ่งขึ้นก็ทำอย่างเดิน ....ไม่มีที่ให้เด็กนักเรียนเข้าไปรับรู้อะไรในวันนั้น นอกจากนั่งที่สนามฟุตบอล แจกน้ำ อาหาร วิ่งเป็นม้าใช้....ห่างไกลจากห้องประชุมแกนนำมากมาย
และข้อมูลของคุณแอมป์ในความเห็นที่ 316 ที่ระบุว่าใน ปี 18 สมศักดิ์ได้กลายเป็นแกนนำแล้ว
เสาวณีย์และจีรนันท์ เป็นโฆษกคู่ของขบวนการนักศึกษา 14 ตุลา 16
วันนั้น สมศักดิ์ยังนุ่งขาสั้นอยู่สวนกุหลาบ ยังเรียนทฤษฎีมาร์กซิสต์จากเอกสารโรเนียวอยู่เลย
กว่าจะมาเป็นแกนนำธรรมศาสตร์ ก็ปี 2518 ตามรอยพิเชียรและธงชัยที่มาสร้างฐานไว้ให้
เวลา 2-3 ปีในช่วงนั้น มีนัยยะสำคัญจนเอามาเล่าปนกันไม่ได้
เมื่อเอา การวิเคราะห์ของคุณแอมป์และข้อมูลที่คุณแอมป์ให้มา ทำให้ดิฉันได้ตั้งสมมุติฐานว่าเหตุการณ์ที่นายชดเล่าไว้ใน 10 บรรทัด อาจจะเกิดขึ้นในปี 16 เอาเป็นว่าที่ดิฉันอ้างอิงเอาไว้ไม่ชัดเจนเอง จนทำให้คุณแอมป์ต้องมาวิเคราะห์แก้การวิเคราะห์ของคุณแอมป์เอง
2) เมื่อคุณแอมป์มาวิเคราะห์ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่นายชดเขียนเล่าไว้ใน 10 บรรทัดในความเห็นที่ 104 ไม่สามารถเกิดในปี 16 ได้ ดังนั้น คงเหลือเพียงสมมุตฐานเดียว คือ เป็นเหตุการณ์ช่วงปี 19 คำถามที่เกิดขึ้นคือ แกนนำเด็กแต่เป็นเด็กที่คุณแอมป์บอกว่าเป็นแกนนำตัดสินชีวิตของมวลชนได้ จะต้องเดินมาของานฝ่ายเอกสารทำหรือ ??? จะต้องสถาปนาตัวเป็นม้าใช้ให้พวกพี่ๆ ที่ทำเอกสารหรือ ทั้งๆที่ได้รับการโปรโมตไปอยู่ระดับแกนนำไปแล้ว
อย่างน้อยตอนนี้เราก็สามารถตัด choice ไปได้แล้วว่าเหตุการณ์ที่นายชดเล่าไว้ น่าจะเป็นเหตุการณ์ของปี 19 จุดบอดของเรื่องเล่าตอนนี้คือ บทบาท ของสมศักดิ์ในช่วงปี 19 ซึ่งกลายเป็นแกนนำไปแล้ว ตอนนี้ดิฉันเชื่อว่า เพื่อนๆก็คงพิจารณาความสมเหตุสมผลของเรื่องเล่าของนายชดตามข้อมูลที่ปรากฎในกระทู้ลูกจีนเนรคุณ แล้วว่าสมเหตุสมผลมากน้อยเพียงใด
ท้ายที่สุดทุกคนรอจิกซอร์สำคัญตัวสุดท้ายจากนายชด เพื่อจะได้สรุปปิดกระทู้นี้ว่าว่า สมศักดิ์เจียม เป็นเด็กซื้อโอเลี้ยง จริงหรือไม่ และ นายชดเล่าเรื่องโกหกใน 10 บรรทัดแรกของความเห็นที่ 104 หรือไม่ ซึ่งนายชดควรจะมาพร้อมหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่านายชดเองไม่ได้โกหกได้แล้ว การพิสูจน์ความจริงที่ตัวเองพูดมันง่ายแสนง่าย และไม่มีใครที่จะเสียหายจากการที่นายชดสามารถพิสูจน์ได้ว่าตัวนายชดพูดจริงไม่ได้พูดโกหก ถ้าจะมีคนเสียหายก็แค่สมศักดิ์เจียม ที่จะต้องอับอายขายขี้หน้าเพราะปูมหลังได้ถูกขุดคุ้ยว่า เป็นเพียงเด็กซื้อโอเลี้ยง
- wewe, Yasuhiro, ใจหมาอำมหิต` and 1 other like this
#585
ตอบ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 06:47
อืม...ข้อความ ๑๐ บรรทัดกลายเป็นมหากาพย์ไปแล้วยกซดกันไป
ไอ้เราก็มิใช่คนเดือนตุลา พฤษภา พรรษายังน้อยก็จะไม่เข้าไปร่วมวงวิวาท...
ดีแล้วที่จำกัดไว้แค่นี้ ขอให้สมาชิกที่วิวาทกันใช้พื้นที่นี่ก็พอ
ไม่ต้องไปตามกระแนะกระแหนกันที่กระทู้อื่นอีก ไปเขียนเรื่องเมะดีกว่า
เผอิญเป็นสมาชิกที่ผ่านทางมา และใช้พื้นที่กระทู้นี้ร่วมสืบค้นและแบ่งปันบางประการ
คล้ายตอนเชียร์เจ้าตำรับเคาน์เตอร์แอทแทคเมื่อบอลยูโรน่ะพี่ ตอนนั้นยังฟิกซ์ไปแล้วว่าเชียร์ใคร ก็คุยกันได้
วันนี้ยิ่งไม่ได้ปักธงว่าฝั่งไหน ทำได้เท่าที่ทำ
ไม่นึกว่าใครวิวาทใคร และขอไม่นับตัวเองว่าร่วมวงวิวาทนะคะ
Edited by หนูอ้อย, 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 06:48.
AMAZING coup d'etat , THAILAND ONLY ..
#586
ตอบ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 08:20
ยังคงย้ำคำเดิมว่า อย่าใช้จินตนาการ ใช้แต่ข้อเท็จจริง
1 เหตุการณ์ 6 ตุลา 19 สมศักดิ์เป็นแกนนำใช่หรือไม่ ได้ประชุมกันกลางดึกคืนวันที่ 5 ตัดสินใจไม่สลายการชุมนุม ใช่หรือไม่
2 เหตุการณ์ 6 ตุลา 19 แกนนำจากเพาะช่างเล่าว่าสมศักดิ์ยังเด็กมาก....ใช่หรือไม่
3 สมศักดิ์อ้างว่า ก่อนเรียนปริญญาตรี ตัวเองเคลื่อนไหวมาสามปีแล้ว จึงอยู่ในระดับแกนนำ...ใช่หรือไม่
4 คุณพิงค์เข้าใจหรือไม่ว่า แกนนำก็มีลำดับของมัน ต้องมีพัฒนาการเรียกว่าการเรียนรู้งานและสร้างความเจนจัด
5 เพื่อนสมาชิกท่านหนึ่งเล่าว่า เพื่อนตัวเองขึ้นเวทีด้วย แต่ไม่เคยเรียกตัวเองว่าแกนนำ
6 ในการชุมนุม เด็กก้านธูปก็เคยขึ้นเวที ....หึหึ แล้วเด็กนั่น เป็นแกนนำหรือเปล่า
เวลาอ้างว่าสมศักดิ์เป็นแกนนำ ทำไมชอบอ้างว่าผมพูดจังเลย เจ้าตัวและคนในเหตุการณ์ รวมทั้งตำรวจเขาพูดด้วยนะ....ฮา
ต่อให้จำกัดวงที่ 10 บันทัด มันก็หนีความจริงที่ว่า ไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นที่ตัวเองเอามาโต้แย้งเลยสักนิด เพราะใน 10 บันทัดนั้น มีตรงใหนที่บอกว่า เกืดตอน 2519 การเคลื่อนไหวของนักศึกษาทำต่อเนื่องตั้งแต่ปี 16 ไม่มีหยุดเลยสักวัน ปี 18 สมศักดิ์เข้าธรรมศาสตร์ปี 1 จึงต้องมีพี่เลี้ยง เพราะต่อให้เป็นแกนนำมาจากสวนกุหลาบ ขึ้นชั้นมาใส่ขายาวแล้วก็ต้องฝึกงานใหม่อยู่ดี
ทีนี้จะแนะนำว่า ทำไมจึงบอกว่าคนทำเอกสาร สำคัญ
สำคัญเพราะเครื่องโรเนียวมันสำคัญน่ะสิครับ ในการเคลื่อนไหวสมัยนั้น ไม่มีเว็บบอร์ด ไม่มีมือถือ ทางเดียวที่จะส่งข่าวสารออกไปคือใบปลิว และโปสเตอร์...ซึ่งต้องมีการผลิต หมายความว่าต้องใช้เงิน เครื่องโรเนียวและกระดาษ คืออาวุธสำคัญที่สุด สำคัญกว่านั้นก็คือเงิน....สำคัญที่สุดคือคนผลิต ที่รับงานมาจากฝ่ายนำ
การสร้างเอกสารนั้น ต้องเขียนก๊อปปี้ไร้ท์เก่ง ต้องพิมพ์ดีดเก่ง ต้องทำโรเนียวเก่ง .....สำคัญใหมครับ สำคัญกว่านั้นก็คือ ทำเอกสารมันไม่ได้มีคนมากมายขนาดแบ่งงานกันทำได้ มีแค่ 2-3 คนก็ลุยได้แล้ว ที่เหลือเป็นแรงงานในการออกปิดเอกสาร ดังนั้น แกนนำรุ่นพี่ ส่งยุวแกนนำปีหนึ่ง มาเรียนงานกับคนเก่งอย่างยัยเหงี่ยม...ก็ถูกต้องแล้วนี่ครับ สมศักดิ์ถูกวางตัวเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ มันคงจะพูดเก่ง ก็ต้องมาร่วมงานกับฝ่ายผลิตเอกสาร ที่นายชดเรียกยัยเหงี่ยมถนัดพิม์นั่น ยิ่งชี้ชัด สมัยนั้นพิมพ์โรเนียวต้องเชี่ยวชาญจึงจะเอาอยู่ หมึกล้นหมึกขาด กระดาษติด แม่พิมพ์พัง...ต้องแก้ปัญหากันสดๆ เพื่อส่งใบปลิวออกไปให้ทันเหตุการณ์
เด็กปีหนึ่ง มาช่วยงานรุ่นพี่ผู้เชี่ยวชาญ ก็ต้องวิ่งซื้อโอเลี้ยง ซื้อถั่วตัด....ไม่เห็นจะต้องคิดมากให้เสียสุขภาพเลย
#587
ตอบ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 08:26
ผมยกตัวอย่างเรื่องเดียวให้พิจารณาก็พอ ไม่อยากทำมาก สงสาร นายชดเล่าว่า เขาถนัดวาดรูป ซึ่งมันโรเนียวไม่ได้ต้องถ่ายเอกสาร
ถ้าอ่านจากตรงนี้ นายชด หมายความว่า การวาดรูปนั้น ไม่สามารถโรเนียวได้ ต้องถ่ายเอกสารอย่างเดียว
ตรงนี้ผิด .... กระดาษที่ใช้เป็นแม่พิมพ์ (ถ้าเทียบเคียงกับระบบออฟเซ็ทในปัจจุบัน ก็เทียมได้เท่ากับ เพลท)
กระดาษนี้เหมือนกับกระดาษไข ที่ใช้เขียนแบบทั่วไป แต่จะมีกระดาษแข็งๆ อยู่ด้านบน เจาะรูเอาไว้ เพื่อให้
สามารถติดตั้งได้กับแท่นพิมพ์ ด้านล่างของกระดาษไข จะเป็นกระดาษบางๆ อีกแผ่นนึง
การทำให้แม่พิมพ์ชิ้นนี้เป็นแม่พิมพ์โดยสมบูรณ์ เราจะต้องทำให้กระดาษไขเกือบขาด โดยการใช้ของแข็ง ขีด
หรือกดหรือตอกลงไป เพื่อ เช่น ใช้เครื่องพิมพ์ดีด พิมพ์โดยไม่ต้องใช้ผ้าหมึก และการใช้ปากกาเขียนลงไป
ปากกาก็จะมีลักษณะหัวแหลมๆ การวาดหรือเขียนทำได้ในลักษณะเดียวกับการแลเงา ถ้านึกไม่ออกลอง
หยิบภาพธนบัตรออกมาดู
ระบบออฟเซ็ท ลูกกลิ้งจะนำหมึกไปกลิ้งบนแผ่นเพลท แล้วแผ่นเพลทจะกลิ้งไปบนกระดาษอีกครั้งนึง เพื่อให้
เกิดภาพหรือหลายเส้น แต่การโรเนียว หมึกจะอยู่ด้านใน หมึกจะทะลุผ้าแพรและทะลุไขออกมาอีกทีนึง แล้ว
หมึกก็จะไปปรากฏบนแผ่นกระดาษ
สรุป การโรเนียว สามารถวาดรูปได้ นายชด โกหกอีกแล้ว
- wewe likes this
[color=#000080;]จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง[/color]
ผมเป็นกลางนะครับ[color=#000080;] [/color]
#588
ตอบ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 08:35
ผมจำได้ว่า เวลาเราทำข้อคณิตศาสตร์ จะมีภาพรูปทรงเลขาคณิตต่างๆ
ให้เราหาค่าของมุมต่างๆ หรือเอาแค่ง่ายๆ ถามว่า นี่คือมุมฉาก หรือมุมป้าน
ตรงนี้อาจารย์หรือครูผู้สอน จะต้องพิมพ์ แล้วก็เว้นที่เอาไว้ เพื่อวาดรูป
ให้เราได้ดูเพื่อใช้พิจารณาในการตอบ
นายชดและคุณแอมฯ เคยเห็นเครื่องโรเนียวรึเปล่า ถ้าเคยเห็น คุณทั้งสองคน
เคยผลิตเอกสารเอง ด้วยเครื่องโรเนียวรึเปล่า .... สำหรับผม ทั้งเคยเห็น และเคย
ผลิตเอกสารจากเครื่องโรเนียวด้วยตัวเอง ครบทั้งกระบวนการตั้งแต่ต้น จนจบเลย
สรุปอีกที นายชดโกหกเรื่องการโรเนียววาดรูปไม่ได้ และคุณแอมฯ ก็ไม่ได้รู้จริง
เรื่องการทำเอกสารด้วยวิธีการโรเนียวเลย
- tent-2 likes this
[color=#000080;]จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง[/color]
ผมเป็นกลางนะครับ[color=#000080;] [/color]
#589
ตอบ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 08:47
ผมเตือนคุณแล้วไงว่าสิ่งที่จะยืนยันว่าคุณชดไม่ได้โกหก คือการยืนยันด้วยข้อเท็จจริงและหลักฐานที่เชื่อถือได้ การใช้โวหารเพื่อการดีสเครดิตคนอื่นแบบที่คุณกำลังทำอยู่มันช่วยอะไรคุณชดไม่ได้เลย
คุณแอมครับไม่ต้องพยายามดึงเรื่องออกไปเรื่องอื่นหรอกครับ ตอนนี้พวกเราในบอร์ดต้องการหลักฐานและพวกเราจะไม่เปลี่ยนเรื่องครับ
ผมว่าคุณเอาเวลาไปช่วยคุณชดหาหลักฐานมาพิสูจน์จะดีกว่า ++
Edited by Torres_No9, 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 08:48.
- wewe, เพื่อนร่วมชาติ and Yasuhiro like this
#591
ตอบ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 09:18
ถ้าต้องการงานเร็ว มือวาดที่ถนัดเขียนแบบอิสระ เจอเครื่องถ่ายเอกสารก็จะชอบ เพราะทำน้ำหนักอ่อนแก่ได้
ผมจะรู้จักเครื่องโรเนียวหรือเปล่าก็ไม่รู้ซี....แต่เคยสั่งงานเด็กให้ผลิตสิ่งพิม์ด้วยเทคนิคโรเนียวแค่นั้นเอง
โปสเตอร์จากเทคนิคโรเนียว ของฝรั่ง
- QueenBee likes this
#592
ตอบ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 09:28
ผมยกตัวอย่างเรื่องเดียวให้พิจารณาก็พอ ไม่อยากทำมาก สงสาร นายชดเล่าว่า เขาถนัดวาดรูป ซึ่งมันโรเนียวไม่ได้ต้องถ่ายเอกสาร
ประโยคนี้ จะเกิดในปี 2516 ไม่ได้
ปีนั้น การถ่ายเอกสารอยู่ในระดับที่ใช้งานมวลชนยังไม่ได้ เพราะต้องใช้กระดาษเคลือบน้ำยา ราคาแผ่นละประมาณ 10 บาท ปีนั้นก๋วยเตี๋ยวชามละสองบาทนะครับ ดังนั้น สมมติฐานที่วางว่า นายชดทำงานกับยัยเหงี่ยมในปี 2516 ก็โยนทิ้งไปได้เลย เพราะคนวิเคราะห์ขาดประสบการณ์จริงในเรื่องราวที่ตนเองดึงมาใช้
ตรงนี้น่าสนใจครับคุณ amplepoor
แล้วพอผ่านไปซักสองสามปี ราคาถ่ายเอกสารแผ่นละประมาณเท่าไหร่ครับ??
หลักฐานไม่เคยโกหก (Gilbert Grissom C.S.I.)<p>Beneath this mask there is more than flesh. Beneath this mask there is an idea, Mr. Creedy, and ideas are bulletproof.
#593
ตอบ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 09:36
งานที่เหมาะกับเครื่องโรเนียว คืองานลายเส้น ใช้เวลานานเพราะมีข้อจำกัดมาก ต้องคิดเป็น 2 มิติ
ถ้าต้องการงานเร็ว มือวาดที่ถนัดเขียนแบบอิสระ เจอเครื่องถ่ายเอกสารก็จะชอบ เพราะทำน้ำหนักอ่อนแก่ได้
ผมจะรู้จักเครื่องโรเนียวหรือเปล่าก็ไม่รู้ซี....แต่เคยสั่งงานเด็กให้ผลิตสิ่งพิม์ด้วยเทคนิคโรเนียวแค่นั้นเอง
โปสเตอร์จากเทคนิคโรเนียว ของฝรั่ง
ก็สรุปได้ว่า การวาดรูปสามารถนำไปโรเนียวได้ แล้วก็สรุปได้อีกว่า นายชด โกหกอีกครั้งหนึ่ง
ถ้ารูปนี้เป็นเทคนิคการโรเนียวของฝรั่งจริง ก็ต้องขอบอกว่าขั้นเทพมั่กๆ เพราะผมเห็นว่ามีอยู่หลายจุด
ที่เทคนิคการโรเนียวไม่สามารถทำได้ ผมคิดว่านี่คือการสกรีนมากกว่า
แต่ไม่เป็นไร ... ช่างมัน เอาเป็นว่า นายชดโกหกเรื่องมีสองเหงี่ยม กับ บอกว่า การวาดรูปไม่สามรถ
โรเนียวได้ โกหกสองครั้งซ้อน แค่นี้ก็พอแระ ....
[color=#000080;]จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง[/color]
ผมเป็นกลางนะครับ[color=#000080;] [/color]
#594
ตอบ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 09:43
ผมยกตัวอย่างเรื่องเดียวให้พิจารณาก็พอ ไม่อยากทำมาก สงสาร นายชดเล่าว่า เขาถนัดวาดรูป ซึ่งมันโรเนียวไม่ได้ต้องถ่ายเอกสาร
ประโยคนี้ จะเกิดในปี 2516 ไม่ได้
ปีนั้น การถ่ายเอกสารอยู่ในระดับที่ใช้งานมวลชนยังไม่ได้ เพราะต้องใช้กระดาษเคลือบน้ำยา ราคาแผ่นละประมาณ 10 บาท ปีนั้นก๋วยเตี๋ยวชามละสองบาทนะครับ ดังนั้น สมมติฐานที่วางว่า นายชดทำงานกับยัยเหงี่ยมในปี 2516 ก็โยนทิ้งไปได้เลย เพราะคนวิเคราะห์ขาดประสบการณ์จริงในเรื่องราวที่ตนเองดึงมาใช้
ตรงนี้น่าสนใจครับคุณ amplepoor
แล้วพอผ่านไปซักสองสามปี ราคาถ่ายเอกสารแผ่นละประมาณเท่าไหร่ครับ??
เรื่องมันนานมากแล้ว ผมอาจจะจำไม่ชัดเจน แต่ในช่วงนั้น ในห้องเรียนวิชาชีวะ อาจารย์แกบอกว่ามีรูปลายเส้นเซลล์ที่ดีมาก อยากให้พวกเราเอาไปศึกษา แต่ค่าถ่ายเอกสารมันแพง แล้วรูปก็มีรายละเอียดมาก ต่อให้ลอกรูปเก่งๆ ก็ทำไม่ได้
เพื่อนคนนึงเป็นลูกชายร้านถ่ายรูปตรงหน้าโรงหนังโคลีเซี่ยม รับอาสาบอกว่าที่บ้านเพิ่งได้เครื่องถ่ายเอกสารมา จะถ่ายมาแจก ครูก็ให้หนังสือไป วันรุ่งขึ้นเขาก็เอามาแจก เป็นแผ่นเท่ากระดาษ A5 เนื้อมันๆ บางๆ เขาบอกว่าอย่างนี้ที่ร้านคิด 5 บาท แต่ครั้งนี้แจกฟรี
คล้ายๆ รูปนี้ แต่เป็นขาวดำครับ
#595
ตอบ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 09:56
รุ่นในรูปเป็นของยุคปัจจุบันมีช่องเติมหมึกด้านข้างได้
ของยุคก่อนเป็นลักษณะด้ามเรียวยาวคล้ายปากกาคอแร้ง
ที่บ้านเคยมี จะถ่ายรูปมาให้ แต่ทว่าหาไม่เจอ
กระดาษไขยี่ห้อไดโต้
กระดาษไขใช้หลักการเปิดช่องให้หมึกทะลุโดยกระดาษไม่ขาด
จึงเรียกว่า stencil paper ใครเคยทำศิลปะสี stencil จะเข้าใจ
การเลือก mode ของพิมพ์ดีดเวลาพิมพ์กระดาษไข ..จะต้องปรับไปที่สีขาวเพื่อไม่ให้หมึกผ่านก็อบปี้ริบบิ้น
การวาดรูปอย่างหยาบๆบนกระดาษไขทำได้ด้วยปากกาดังที่โพสรูปให้ดู แต่ต้องเป็นสเกลหยาบๆนะคะ
เช่นรูปชูกำปั้น รูปนกพิราบ ถ้าส่งปรุลาย หมายถึงเป็นรูปที่ต้องลงทุนไม่ได้วาดโดยผู้ปฏิบัติงาน
และการรูดหมึกบางทีถ้าใบปลิวเป็นประเด็นล่อแหลมต่อสันติบาลก็ไม่เข้าโรงพิมพ์ หรือไปโรวที่องค์การนักศึกษา
แต่รูดโดยใช้ยางในรถหนีบกับไม้บรรทัดปาดหมึกผ่านกระดาษไข ทำที่ไหนก็ได้ เช่นที่บ้าน ที่หอซีมะโด่ง(จุฬา)
ดีกๆก็มีทีมออกทากาว ปิดทั่วกรุงเทพ และหัวเมืองที่มีนักศึกษา
เป็นการถกเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างรอข้อมูลอย่างอื่นๆที่สำคัญนะคะ *ยังไม่ลืมประเด็นของกระทู้*
AMAZING coup d'etat , THAILAND ONLY ..
#596
ตอบ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 09:57
ถ้ารูปนี้เป็นเทคนิคการโรเนียวของฝรั่งจริง ก็ต้องขอบอกว่าขั้นเทพมั่กๆ เพราะผมเห็นว่ามีอยู่หลายจุด
ที่เทคนิคการโรเนียวไม่สามารถทำได้ ผมคิดว่านี่คือการสกรีนมากกว่า
แต่ไม่เป็นไร ... ช่างมัน เอาเป็นว่า นายชดโกหกเรื่องมีสองเหงี่ยม กับ บอกว่า การวาดรูปไม่สามรถ
โรเนียวได้ โกหกสองครั้งซ้อน แค่นี้ก็พอแระ ....
ตอนแรกนึกว่าได้เจอคนจริง ดีใจว่าจะได้เปิดกระโหลก....เหอๆๆๆๆ
ดูไพ่ที่ผมซ่อนในแขนเสื้อหน่อยนะ
A rare 'roneo' poster for the Greystanes High School dance on Friday 4 December 1970, featuring Kahvas Jute. ("No jeans, no thongs, no t-shirts. Admission - 60c" -- Those were the days!) Our thanks to Fran Stone for providing this wonderful piece of memorabilia
http://www.milesago....ists/kahvas.htm
ที่จริงอยากจะเรียนถามท่านมูนต่อว่า การเล่าเรื่องผลิตเอกสารของนายชดนั้น มีพิรุธตรงใหน
แต่ไม่ถามดีกว่า ขนาดท่านบอกว่าตัวเองเป็นมือหนึ่งในเรื่องการถ่ายโรเนียว ยังบอกว่างานโรเนียวที่ผมเอามาอวด ทำด้วยโรเนียวไม่ได้
ฮา
อ้อ คำว่า "มือหนึ่ง" ที่ผมใช้นี่ก็เป็นกับดักนะครับ
มันไม่ได้หมายความว่าเจ๋ง...แต่หมายความว่าทำมาเองกะมือ
แนวเดียวกับคำว่า first hand experienced..... บอกไว้เลย ท่านจะได้ไม่ต้องคิดเลยเถิดอีก
#597
ตอบ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 10:05
ผมบอกว่าผมเคยทำ และผมก็บอกว่าถ้ารูปนั้นทำได้นั่นขั้นเทพมั่กๆ ก็ยอมรับว่าผมไม่ใช่มือหนึ่ง
ไม่เชี่ยวชาญทางด้านนี้ ถึงมีคำยอมรับจากผมออกมาว่า รูปนั้นถ้าทำได้ขั้นเทพมั่กๆ (กลับไปอ่านดูดีๆ)
ซึ่งเท่าที่มีประสพการณ์ในการโรเนียวอันน้อยนิด ก็คิดว่าโรเนียวนั้นทำไม่ได้ ซึ่งคุณแอมฯ
เอาข้อมูลของฝาหรั่งมังค่ามาเปิดสมองผม ผมก็น้อมรับ แถมก็ขอกราบของพระคุณด้วย
แต่ .... การโรเนียววาดรูปได้ ชิมิ นายชด โกหก ชิมิ
ประสพการณ์ของผมมันน้อยนิด ขอยอมรับ แต่นายชดโกหก ผมรับไม่ได้ ...
ปล. ผมกลับไปอ่านข้อความของผมอีกครั้ง ผมยังไม่เห็นตรงไหนเลยที่ผมบอกว่า ผมเป็นมือหนึ่ง
Edited by Moon, 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 10:06.
- แมวกระป๋อง, อึ่งอ่างไชโย and unook like this
[color=#000080;]จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง[/color]
ผมเป็นกลางนะครับ[color=#000080;] [/color]
#598
ตอบ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 10:17
ฮี่ๆๆๆๆ สมัยนู้นนะ
ยัยเหงี่ยม กะ ผม ต้องมานั่งโรเนียวแจกใบปลิว ยัยเหงี่ยมมันถนัดพิมพ์ ผมถนัดโรเนียว กับ วาดรูปประกอบ ไอ้ที่วาดรูปประกอบนั่นแหละที่มันแพง เพราะมันโรเนียวไม่ได้ มันต้องถ่ายเอกสาร ต้องไปถ่ายแถวหลังกระทรวงโน่น มันจะถูกหน่อย อีกอย่างลูกเจ้าของร้าน ก็เรียนแถวนั้นแหละ
ทำงานกันอยู่ มีไอ้ตี๋เกรียนคนหนึ่งหัวโตๆ ผมตั้งๆเหมือนไม้กวาด ใส่เชิ๊ตสีขาวๆอมเหลืองสกปรก มาด้อมๆมองๆ
"พี่ครับ ผมจะมาสมัครอาสาช่วยครับ"
ยัยเหงี่ยมมันรับเอาไว้ บอกว่า เอาไว้ให้มันวิ่งไปถ่ายเอกสาร ซื้อโอเลี้ยง ซื้อถั่วตัด และ ตบกระโหลกเล่น ยามพวกเราเซ็ง
ทุกวันนี้ มันก็คือ ไอ้สากกะเบือ นั่นแหละ น้าเปิ้ล
คุณ Moon แย้งว่า โรเนียวก็พิมพ์รูปวาดได้
Amplepoor หาหลักฐานมาช่วยยืนยัน เป็นโปสเตอร์โรเนียวของฝรั่ง
สรุป: ประโยคที่ naichod บอกว่า "ไอ้ที่วาดรูปประกอบนั่นแหละที่มันแพง เพราะมันโรเนียวไม่ได้ มันต้องถ่ายเอกสาร" เป็นความเท็จ
จบข่าว ปิดประเด็น
Edited by เพื่อนร่วมชาติ, 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 10:18.
ประชาธิปไตยก็เหมือนส้วมสาธารณะแบบนั่งเต็มตูด ควายนับถือศาสนาชินวัตรใช้แล้วสกปรกชิบเป๋ง
#599
ตอบ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 10:26
#600
ตอบ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 10:26
เคยทำชีทย่อบทเรียนแจกเพื่อนด้วยเครื่องโรเนียว
กรรมวิธีเป็นอย่างที่คุณ Moon ว่าไว้
ดิฉันไม่ถนัดพิมพ์ เลยใช้มือเขียนตัวอักษรลงกระดาษไข ด้วยปากกาพิเศษที่ปากเป็นเข็มค่อนข้างแหลมคล้ายปากกาคอแร้งขีดลงบนกระดาษไข เวลาผิดต้องใช้น้ำยาสีชมพูแจ๊ดๆออกแดงแต้ม
กระดาษไขใช้ยี่ห้อที่คุณหนูอ้อยนำรูปมานั่นเลย เห็นปุ๊บจำได้ปั๊บ
กระดาษโรเนียวเป็นกระดาษ proof ชนิดที่ใช้ทำหนังสือพิมพ์ ขนาด F14
ครั้งสุดท้ายที่ชีททำแจกเพื่อนคือในปี 2527 และทำแค่ครั้งเดียวในปีนั้น
หลังจากนั้นก็ใช้การถ่ายเอกสารเป็นหลัก ซึ่งบูมมาก จนเมื่อเรียนจบ วันรับปริญญา เพื่อนๆจะเอาดอกไม้ไปไหว้เครื่องถ่ายเอกสาร เพราะมีบุญคุณมาก
การวาดรูปลงในกระดาษไขนั้นทำได้
แต่มีข้อจำกัดในด้านการลงน้ำหนักมือ มากไป กระดาษจะขาด ซ่อมแซมรูปได้ยาก
เส้นตรงลากง่าย การวาดรูปเรขาคณิตทำได้ง่าย แต่เส้นโค้งลากยาก ดิฉันสังเกตจากตัวอักษรที่มีความโค้งมาก กระดาษจะขาดตรงช่วงโค้งบ่อยๆ
การแรเงาทำได้ค่อนข้างยาก รูปที่วาดในกระดาษไขจึงมักออกมาเป็นสองมิติ
คนที่วาดรูปละเอียดๆมีน้ำหนัก มีระยะใกล้ไกล ลงกระดาษไขได้นี่ต้องเก่งจริงๆ
- เมรีสีน้ำเงิน and sorrow like this
ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน