Jump to content


Photo
- - - - -

เมื่อมีเรื่องพกโพยเข้าห้องสอบแล้ว ก็อย่าลืมเรื่องข้อสอบเอ็นทรานซ์รั่ว ปริศนาที่ยังไม่ได้รับการคลี่คลาย !!!


  • Please log in to reply
52 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 David_GinoLa

David_GinoLa

    สมาชิกระดับไพร่

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,561 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 13:02

'อุ๊งอิ๊ง'อบอุ่น ท่ามกลางคดีอบอวล



Posted Image

พ.ต.ท.ทักษิณ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร พร้อมครอบครัว มาแสดงความยินดีกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็กที่สำเร็จการศึกษารับปริญญารัฐศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (กรุงเทพธุรกิจออนไลน์)


คงมีบางคนขอร้องให้ไม่ต้องพูดถึง “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” บุตรสาวคนที่สองของครอบครัว “พ.ต.ท.ทักษิณ” อดีตนายกรัฐมนตรี และ “คุณหญิงพจมาน ชินวัตร” ภริยา โดยมองว่าไม่ควรเอาเรื่องส่วนตัวของครอบครัวชินวัตร มาปะปนกับเรื่องการเมือง

ความไม่ชอบมาพากลในการได้มาซึ่งการเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของ “อุ๊งอิ๊ง” ลูกสาวนายกฯ ทักษิณในขณะนั้น ก็ยังเป็นเรื่องที่พูดถึงในช่วงเวลาหนึ่ง โดยเฉพาะในประเด็น “ข้อสอบเอ็นทรานซ์รั่ว” ที่ช่วงนั้นถูกพูดถึงกันทั่วบ้านทั่วเมือง

ขอหยิบยกบทสัมภาษณ์ของ “ไชยยันต์ ไชยพร” หัวหน้าภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยให้สัมภาษณ์โดยอธิบายถึงกรณีข้อสอบเอ็นทรานซ์รั่วไว้อย่างน่าสนใจ

“... เคยมีคนโทรศัพท์มาต่อว่าผม บอกว่านายกฯ ทักษิณดีมาก นักวิชาการไม่รู้จริงหรอก ด่าว่าผมสารพัด ผมก็ปล่อยให้เขาพูดไป พอเขาพูดจบ ผมก็ถามเขากลับเกี่ยวกับเรื่องข้อสอบเอนทรานซ์รั่ว ว่าเขาคิดยังไง เขาก็บอกข้อสอบเอนทรานซ์รั่วเพราะอาจารย์มหาวิทยาลัยปล่อยให้ข้อสอบรั่วน่ะสิ อาจารย์เอาข้อสอบไปขาย ผมก็บอกไม่ใช่ คนออกข้อสอบคือกระทรวงศึกษาธิการ
เสร็จแล้วผมก็บอกว่าพอมีข้อครหาเกิดขึ้นมา นายกฯ ไม่ลงมาเล่นประเด็นนี้ด้วยตัวเองเลย ขณะที่เวลามีวิกฤตอื่นๆ นายกฯ ลงมาเร็วมาก ที่สำคัญ ข้อสอบมารั่วในปีที่ลูกสาวนายกฯ สอบด้วย เด็กคนนั้นมีประวัติการสอบครั้งแรกคะแนนน้อย แต่พอข้อสอบรั่วคะแนนกลับสูง

ถึงตอนนี้เขาก็พูดเลยว่าถ้านายกฯ ทำดีขนาดนี้ ก็ยกให้ลูกเขาสักคนไม่เห็นเสียหาย ผมเลยบอกว่า คุณลองคิดดู ถ้ามีเด็กคนหนึ่งยากจน มาจากต่างจังหวัด หวังจะสอบเข้ารัฐศาสตร์ จุฬาฯ แต่ต้องถูกเบียดตกไปเพราะคนคนหนึ่งโดยไม่ยุติธรรม การที่เขาสอบเข้าไม่ได้ ชีวิตมันพลิกผันนะ คนที่สอบเข้ารัฐศาสตร์ จุฬาฯ ได้ หางานทำได้ดีกว่าคนที่ไม่ได้นะ เขาจะยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้ เขาช่วยเหลือครอบครัวของเขาได้ การให้การศึกษาคนมันยั่งยืน และการสอบเข้ามหาวิทยาลัยมันเป็นระบบที่มีคุณธรรม ยุติธรรม มันเป็นสิ่งที่ทุกคนเคารพมานานแล้ว

ผมบอกเขาต่อว่า คุณลองคิดดูสิว่าพอหลังจากมีการสืบสวนเรื่องนี้แล้ว พบว่าข้อสอบไปรั่วที่คุณวรเดช จันทรศร (เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษาขณะนั้น) จากนั้นคุณวรเดชก็ถูกขอให้ลาออกไป แต่ล่าสุด คุณวรเดชกลับมาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม คุณตอบผมมาสิ นายกฯ ทักษิณทำอะไรอยู่ เขาก็บอกว่า แล้วผมจะกลับไปไตร่ตรองครับอาจารย์ อาจารย์พูดมีเหตุผล

ผมเลยคิดว่าคนที่ชอบนายกฯ ทักษิณโดยที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องของการจ้างหรือให้เงินนะ ชอบเพราะคิดไปว่านายกฯ ทักษิณทำดี และเป็นสิ่งที่ดีกับประชาชนส่วนใหญ่ แบบนี้ยังคุยกันรู้เรื่องนะ ผมคิดว่าถ้าให้เวลา ๓-๔ เดือนโดยที่สื่อโทรทัศน์-วิทยุช่วยกันกระจายข่าวสารข้อมูลความจริงออกไป หรือเปิดให้มีเวทีสาธารณะมากขึ้น ระบอบทักษิณจะหมดไปทันที เพราะคนไม่โง่หรอก เพียงแต่ถูกปิดกั้นข่าวสาร และความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อวิถีชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนของพวกเขา ไม่ใช่ดีแต่ช่วงสั้นๆ ...”
(สัมภาษณ์ : รศ. ดร. ไชยันต์ ไชยพร “เราไม่ควรเอาตัวของเราไปเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการรับรอง การกระทำความผิดทางการเมืองของผู้นำ” นิตยสารสารคดี ปีที่ 22 ฉบับที่ 255 ประจำเดือนพฤษภาคม 2549)


บัณฑิตใหม่ - นส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวคนเล็กของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร หลังสำเร็จคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ.หอประชุมใหญ่ จุฬาฯ (คมชัดลึก)

วันนี้ “อุ๊งอิ๊ง” สำเร็จการศึกษาสมใจอยากทั้งพ่อแม่และครอบครัวแล้ว แต่ปริศนากรณี “ข้อสอบเอ็นทรานซ์รั่ว” เงียบหายไปกับสายลม ซึ่งไม่ได้อยู่ที่หลักฐานจะปรากฎให้เห็นเด่นชัดหรือไม่ หากแต่วัฒนธรรมของข้าราชการไทย ที่มักจะ “อะลุ่มอล่วย” ให้กับผู้มีอำนาจเหนือกว่าด้วยความหวาดกลัว

ปัญหาข้อสอบรั่วในการสอบเอ็นทรานซ์ที่ผ่านมา เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในรัฐบาลชุดใดมาก่อน แต่กลับเกิดในรัฐบาลชุดนี้ในปีที่มี “ลูกสาวของนายกรัฐมนตรี” สอบเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การใช้อำนาจในทางที่ผิดย่อมส่งผลทำให้ “ความเหลื่อมล้ำทางสังคม” เป็นที่ปรากฎชัดอย่างยิ่ง

วันนี้อุ๊งอิ๊งจบการศึกษาแล้ว แต่ข้อสงสัยของสังคมถึงความไม่ชอบมาพากลในการเข้าศึกษา สำหรับคนความจำดี โดยไม่หลงลืมตามนิสัยที่ชอบเรียกกันว่า “คนไทยลืมง่าย” แง่คิดดังกล่าว เวลาที่เรานึกถึง จะยังเป็นเสมือน “ตราบาป” ติดตัวไปกับตัวตนของอุ๊งอิ๊งตลอดชีวิต...

เหมือนกับบทเรียนเรื่อง "พ่อแม่รังแกฉัน" ไม่มีผิด ...

http://www.oknation....t.php?id=284469

Edited by David_GinoLa, 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 13:29.

"การเมืองต้องเป็นเรื่องการเสียสละ การเมืองคือภาระของทุกผู้การเมืองเรื่องส่วนรวมร่วมรับรู้ การเมืองต้องต่อสู้เพื่อส่วนรวม"เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

#2 David_GinoLa

David_GinoLa

    สมาชิกระดับไพร่

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,561 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 13:04

กรณีข้อสอบเอ็นทรานซ์ปี 2547 รั่ว

เป็นที่แน่นอนแล้วว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวคนเล็กของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีก็สามารถสอบเอ็นทรานซ์และเข้าเรียนในคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ สร้างความดีอกดีใจให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และภริยาคือ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร รวมทั้งครอบครัวชินวัตรทั้งหมด ขณะเดียวกันบรรยากาศแห่งความยินดีเหล่านี้เกิดขึ้นท่ามกลางข่าวข้อสอบเอ็น ทรานซ์รั่ว และข่าวการใช้อำนาจรัฐเข้าไปแทรกแซงจนทำให้การสอบเอ็นทรานซ์ที่ถูกระบุว่า เป็นระบบการแข่งขันที่เป็นธรรมและ “ศักดิ์สิทธิ์”มาช้านานหลายสิบปีต้องกระทบกระเทือนทางด้านความเชื่อถือมาก ที่สุด และแทบไม่น่าเชื่อว่าเกิดขึ้นในยุคปฏิรูปการศึกษาของรัฐบาลชุดนี้
ปัญหาความวุ่นวาย กรณีข้อสอบเอ็นทรานซ์รั่วประจำปี 2547 ข่าวข้อสอบเอ็น ทรานซ์รั่วสร้างความตื่นตะลึงและหวาดวิตกให้กับนักเรียนและผู้ปกครองของนัก เรียนที่เข้าสอบเอ็นทรานซ์ในปีนี้ยิ่งนัก และมีสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง รวมทั้งเรียกร้องให้มีการสอบสวนหาข้อเท็จจริงโดยเร็วก่อนการประกาศผลเอ็น ทรานซ์ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2547 แต่ปรากฎว่าไม่ได้รับการตอบสนองหรือมีท่าทีเมินเฉยจากผู้บริหารระดับสูงใน รัฐบาลที่เกี่ยวข้องโดยตรง ไม่ว่าจะเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่ด่วนสรุปทันที ว่า “ไม่มีข้อสอบรั่วและเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กที่เข้าใจผิดกันไปเองเท่านั้น” (ที่มา: สยามรัฐรายวันฉบับวันที่ 17 มีนาคม 2547)


อย่างไรก็ตามกระแสสังคมไม่ให้ความเชื่อถือกับคำยืน ยันและคำชี้แจงดังกล่าว ของผู้บริหารเหล่านั้นแม้แต่น้อย และในทางตรงกันข้ามความไม่พอใจของบรรดาผู้ปกครองและนักเรียนเริ่มพุ่งสูง ขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2547 ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา(ก.อ.)ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุด หนึ่งที่มี นายพจน์ สะเพียรชัย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และอดีตรองปลัดทบวงมหาวิทยาลัย เป็นประธานเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงก็ตาม
แต่ผลสรุปที่ออกมา ว่า “ไม่มีข้อสอบรั่ว” ชี้ว่า ร.ต.อ.วรเดช ซึ่งถูกตั้งข้อสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในกรณีข้อสอบรั่วมากที่สุด "มีอำนาจในการเปิดดูข้อสอบได้" นั้นถือว่าขัดกับความรู้สึกของสังคมสังคมไม่เชื่อถือคำพูดของผู้บริหารมั่นใจข้อสอบเอ็นทรานซ์รั่ว

นอกเหนือจากนี้ความไม่พอใจของบรรดานักเรียนรวม ทั้งประชาชนต่างๆอีกมากมาย ยังสะท้อนผ่านทางเว็ปไซด์ต่างๆอีกมากมาย ซึ่งในทุกเวปไซด์ดังกล่าวเหล่านี้ต่างมีการตั้งกระทู้และวิพากษ์วิจารณ์ใน ประเด็นข้อสอบรั่วและการใช้ระบบอภิสิทธิ์ในการสอบเอ็นทรานซ์กันอย่างกว้าง ขวางมาตลอดเกือบ 2 เดือนเต็ม [xitdkLq]

ดังนั้นการที่คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แก้ไขระเบียบอย่างปัจจุบันทันด่วนจากเดิมผู้สมัครเข้าเรียนจะต้องผ่าน หลักเกณฑ์ตามที่กำหนดจำนวน 3 ข้อคือ
1.ได้คะแนนเฉลี่ยสะสมชั้น ม.ปลาย หรือจีพีเอ2.75 ขึ้นไป

2.ได้คะแนนจากการสอบวัดความรู้ใน 4 วิชา คือ ภาษาไทย อังกฤษ สังคมและคณิตศาสตร์หรือภาษาต่างประเทศ รวมไม่ต่ำกว่า 200 คะแนน

3.ได้คะแนน TOEFL 500 คะแนน
โดยมีการแก้ไขใหม่ให้เหลือ 2ใน 3 ข้อเท่านั้น

ในที่สุดแล้ว นางสุชาดา กีระนันทน์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะออกมายืนยันว่าจะต้องพิจารณารับนิสิตภาค ภาษาอังกฤษสาขาการจัดการสื่อสารของคณะนิเทศศาสตร์ ตามประกาศของจุฬาฯ ที่กำหนดให้กรณีเด็กโรงเรียนไทยต้องมีคุณสมบัติครบทั้ง 3 ข้อก็ตาม (((ทำให้มีนักเรียนที่ผ่านการคัดเลือกรอบแรกถูกคัดชื่อออก 30 คนซึ่ง ในจำนวนนั้นมีชื่อของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รวมอยู่ด้วยทำให้หมดสิทธิ์ที่จะสอบสัมภาษณ์))) ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2547 นี้ (ที่มา : มติชนรายวันฉบับวันที่ 30 เมษายน 2547 ) [ :( ]

8 มีนาคม 2547
ร. ต.อ.วรเดช จันทรศร เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา(กอ.)ตั้ง นายพจน์ สะเพียรชัย อดีตรมช.ศึกษาฯและอดีตรองปลัดทบวงฯเป็นประธานสอบข้อเท็จจริงกรณีข้อสอบเอ็น ทรานซ์รั่ว (ที่มา: มติชน 9 มีนาคม 2547 )

8-10 มีนาคม 2547
สอบเอ็นทรานซ์วิชาภาษาไทย

11 มีนาคม 2547
กมธ. ศึกษาฯสภาผู้แทนฯได้เชิญผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจงกรณีเอ็นทรานซ์รั่ว โดยระบุว่า ร.ต.อ. วรเดช จันทรศร ยอมรับว่าได้เปิดดูข้อสอบจริง แต่ทำไปเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยแต่ปฏิเสธว่า ไม่ได้นำออกเผยแพร่ (เวปไซด์สภาวันที่ 11 มีนาคม 2547)

17 มีนาคม 2547
กมธ.กิจการสตรีฯวุฒิสภา เริ่มพิจารณาข้อสอบเอ็นทรานซ์รั่ว โดยเชิญผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจง (ที่มา: สยามรัฐฉบับวันที่ 18 มีนาคม 2547)

18 มีนาคม 2547
เวลา 18.30 น. นายพจน์ สะเพียรชัย ประธานสอบข้อเท็จจริงแถลงสรุปว่าผลการสอบสวนไม่พบข้อสอบรั่ว และระบุว่า ร.ต.อ.วรเดช มีอำนาจในการเปิดดูข้อสอบได้ (ที่มา :ข่าวสด ฉบับวันที่ 19 มีนาคม 2547)

26 มีนาคม 2547
เวลา 16.00 น. ร.ต.อ.วรเดช แถลงเป็นครั้งแรกที่ สกอ. ยอมรับว่านำข้อสอบมาเก็บไว้ พร้อมยืนยันทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์

29-30 มีนาคม 2547
ประกาศผลสอบเอ็นทรานซ์

7 เมษายน 2547
พ. ท.พ.ญ.กมลพรรณ ชีวพันธุศรี ประธานเครือข่ายพ่อแม่-เยาวชนเพื่อปฏิรูปการศึกษาได้รวบรวมรายชื่อผู้ปกครอง ของเด็กที่สอบเอ็นทรานซ์ ยื่นถวายฎีกา ที่สำนักราชเลขาธิการ พร้อมทั้งเปิดเผยว่าถูกโทรศัพท์ข่มขู่ (ที่มา : แนวหน้าฉบับวันที่ 8 เมษายน 2547)

11 เมษายน 2547
องค์กร นิสิตนักศึกษา 7 มหาวิทยาลัย จี้ตั้งคณะกรรมการที่เป็นคนกลางสอบสวนกรณีข้อสอบเอ็นทรานซ์รั่ว พร้อมทั้งเริ่มล่าชื่อปลด ร.ต.อ.วรเดช (ที่มา: ไทยรัฐ,มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 12 เมษายน 2547


12 เมษายน 2547

นาย อดิศัย โพธารามิก ลงนามแต่งตั้ง นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เป็นประธานสืบหาข้อเท็จจริงกรณีข้อสอบเอ็นทรานซ์รั่ว ท่ามกลางข้อกังขา เนื่องจากมี กก.อีก 3 คนเป็นคนของกระทรวงศึกษาธิการ (ที่มา:มติชนรายวันฉบับวันที่ 13 เมษายน 2547)
13 เมษายน 2547

นายอดิศัย อนุมัติให้เลื่อนขั้นเงินเดือนให้กับ ร.ต.อ.วรเดช 2 ขั้น ตามผลการประเมินประสิทธิภาพ และตามกฎ ก.พ.ข้อ 8 ทำให้ได้เงินเดือนเพิ่มจากเดิมได้รับเงินเดือนๆละ 49,600 บาท เป็น 51,500 มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2547 เป็นต้นไป

http://www.udon108.c...ic=12225.0;wap2
"การเมืองต้องเป็นเรื่องการเสียสละ การเมืองคือภาระของทุกผู้การเมืองเรื่องส่วนรวมร่วมรับรู้ การเมืองต้องต่อสู้เพื่อส่วนรวม"เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

#3 David_GinoLa

David_GinoLa

    สมาชิกระดับไพร่

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,561 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 13:06

สำหรับคนเสื้อแดงที่คิดไม่ออกว่าจะตอบกระทู้ว่ายังไง ไม่เป็นไรครับ ผมมี Templateของคำตอบ ให้สำหรับแดงที่จะเข้ามาตอบ

-ดีกว่าแพ้เลือกตั้ง
-มาร์คชั่งไข่

-มาร์คหนีทหาร
-ปชป.และม๊ากผิดทู้กอย่างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงเลย อ้าว!! กราบบบ!!! Posted Image

"การเมืองต้องเป็นเรื่องการเสียสละ การเมืองคือภาระของทุกผู้การเมืองเรื่องส่วนรวมร่วมรับรู้ การเมืองต้องต่อสู้เพื่อส่วนรวม"เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

#4 David_GinoLa

David_GinoLa

    สมาชิกระดับไพร่

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,561 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 13:10

เปิดผลสืบสวนเอ็นทรานซ์’ 47 ฉบับเต็ม

จากกรณีที่นายอดิศัย โพธารามิก รมว.ศึกษาธิการ แต่งตั้งนายสุเมธ ตันติเวชกุล เป็นประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อสอบเอ็นทรานซ์ ปี 2547 ซึ่งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่ารั่ว โดยใช้เวลาในการสืบข้อเท็จจริงนานกว่า 2 เดือนนั้น ผลสรุปที่รายงานต่อนายอดิศัย มีรายละเอียดดังนี้

คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ได้รวบรวมและตรวจสอบเอกสารหลักฐาน ตลอดจนสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องแล้ว ขอเสนอรายงานการสืบสวนข้อเท็จจริงดังนี้คือ

1. มูลกรณี เรื่องนี้ปรากฏขึ้นเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2547 สื่อมวลชนได้เสนอข่าวเกี่ยวกับเรื่องการสอบ วัดความรู้เพื่อสมัครเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ประจำปีการศึกษา 2547 โดยมีเนื้อข่าวว่า ผู้บริหารของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) นำข้อสอบวิชาภาษาไทย และวิชาสังคมศึกษา ไปเช็คดู และได้เสนอข่าวต่อเนื่องเป็นเวลานานและเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เนื้อข่าวว่า ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ สกอ.ไปที่โรงพิมพ์ข้อสอบ และนำข้อสอบวิชาหลักทั้งหมดออกไป ตลอดจนข่าวการพิจารณาเรื่องนี้ ของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา

2. คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงได้รวบรวมเอกสารหลักฐาน และสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องแล้ว ข้อเท็จจริงได้ความในเบื้องต้น ดังนี้

การสอบวัดความรู้เพื่อสมัครเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ประจำปีการศึกษา 2547 ใช้ระบบสอบ 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 สอบเมื่อเดือนตุลาคม 2546 และครั้งที่ 2 สอบเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 11 มีนาคม 2547 มีวิชาที่จัดสอบทั้งหมด 37 วิชา แบ่งเป็นวิชาหลักและวิชาเฉพาะ ดังนี้

วิชาหลัก 15 วิชา ได้แก่ ภาษาไทย (01) สังคมศึกษา (02) ภาษาอังกฤษ (03) คณิตศาสตร์ (04) และอื่นๆอีก รวม 15 วิชา
วิชาเฉพาะ 22 วิชา ได้แก่ พื้นฐานทางวิศวกรรม (16) ความถนัดทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ (17) วัดแววความเป็นครู (18) พลศึกษาปฏิบัติ (19) และวิชาอื่นๆอีก รวม 22 วิชา

การสร้างข้อสอบสำหรับใช้ในการสอบดังกล่าว มีคณะกรรมการดำเนินการเป็นรายวิชา วิชาละ 3 คณะ คือ คณะกรรมการการสร้างข้อสอบ คณะกรรมการกลั่นกรองข้อสอบ และคณะกรรมการจัดชุดข้อสอบ

วิชาภาษาไทยและวิชาสังคมศึกษา คณะกรรมการจัดชุดข้อสอบได้ดำเนินการเสร็จเมื่อกลางเดือนมกราคม 2547 นำต้นฉบับการ์ดข้อสอบบรรจุซองปิดผนึก โดย ศ.กาญจนา นาคสกุล ประธานกรรมการวิชาภาษาไทย ลงลายมือชื่อกำกับรอยผนึกซองวิชาภาษาไทย และ รศ.รัตนา สายคณิต ประธานกรรมการวิชาสังคมศึกษา ลงลายมือชื่อกำกับรอยผนึกซองวิชาสังคมศึกษา ส่งมอบให้สำนักทดสอบกลาง สกอ. เพื่อส่งมอบให้คณะอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบ ดำเนินการจัดพิมพ์ข้อสอบส่งสนามสอบต่างๆทั่วประเทศ

นางศศิธร อหิงสโก ผู้อำนวยการสำนักทดสอบกลาง ได้รับซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบวิชาภาษาไทยและวิชาสังคมศึกษา เก็บรักษาไว้ในตู้เหล็ก 4 ลิ้นชัก ในห้องทำงานชั้นที่ 13 เพื่อรอส่งมอบให้คณะอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบรับไปดำเนินการจัดพิมพ์

ศ.ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เปิดซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบ วิชาภาษาไทยและ วิชาสังคมศึกษาก่อนส่งให้คณะอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบ

ข้อเท็จจริงได้ความเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 28 หรือ 29 หรือ 30 มกราคม 2547 ศ.ร.ต.อ.วรเดช ได้เรียกนางศศิธรมาพบที่ห้องทำงาน สอบถามเกี่ยวกับการสร้างข้อสอบ นางศศิธรแจ้งว่า ข้อสอบวิชาภาษาไทยและวิชาสังคมศึกษาเสร็จแล้ว ส่วนวิชาอื่นคณะกรรมการกำลังดำเนินการอยู่
ศ.ร.ต.อ.วรเดชได้สั่งให้นางศศิธรไปนำข้อสอบ 2 วิชาที่เสร็จแล้วนั้นมาให้นางศศิธรจึงไปนำซอง ต้นฉบับการ์ดข้อสอบที่เก็บรักษาไว้ในตู้เหล็ก 4 ลิ้นชัก ในห้องทำงานชั้นที่ 13 ลงมามอบให้ ศ.ร.ต.อ.วรเดชที่ห้องรับแขก หน้าห้องทำงานของ ศ.ร.ต.อ.วรเดช
จากนั้น ศ.ร.ต.อ.วรเดชได้เปิดซอง ต้นฉบับการ์ดข้อสอบ 2 ซอง 2 วิชานั้น นำต้นฉบับการ์ดข้อสอบออกมาตรวจดู เป็นเวลาประมาณ 45 นาทีถึงหนึ่งชั่วโมง แล้วมอบให้นางศศิธรนำกลับไปเพื่อส่งมอบให้คณะอนุกรรมการจัดพิมพ์ข้อสอบ ซึ่งนางศศิธรได้นำส่งมอบให้คณะอนุกรรมการจัดพิมพ์ข้อสอบเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2547

ศ.ร.ต.อ.วรเดช ชี้แจงเหตุผลที่เปิดซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบว่า เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2546 วันที่ 5 และ 14 มกราคม 2547 ตนได้รับหนังสือร้องเรียนจากประชาชน รวมทั้งโทรศัพท์จากผู้ไม่ยอมเปิดเผยชื่อ ถึงพฤติกรรมของสถาบัน กวดวิชาแถวสยามสแควร์ และย่านเยาวราช ที่มีมาหลายปีแล้ว โดยพวกอาจารย์ที่คุมพิมพ์ข้อสอบ ซึ่งมีนายชาคร วิภูษณวนิช เป็นหัวหน้าใหญ่ หรืออาจจะมีอาจารย์ที่ออกข้อสอบบางคนนำข้อสอบไปขายหรือไปบอก

ในวันที่ 9 มกราคม 2547 ตนจึงมีบันทึกลับขอความร่วมมือตำรวจของกองบัญชาการตำรวจนครบาล จัดทีมงานสืบสวนทางลับ โดยระบุชื่อนายชาคร และผู้ซึ่งเป็นคณะอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบอยู่ก่อน รวม 11 คน ให้ไปเพื่อสืบสวนทางลับด้วย และได้รับรายงานการสืบสวนเป็นระยะจนถึงวันที่ 30 มกราคม 2547 ได้ตัวอย่างแบบฝึกหัดของสถาบันกวดวิชา ที่ให้นักเรียนฝึกหัดทำ พร้อมแนวข้อสอบเอ็นทรานซ์

ทางสืบสวนน่าเชื่อว่ามีกลุ่มอาจารย์หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับ การพิมพ์ข้อสอบ หรืออาจารย์ที่ออกข้อสอบ น่าจะแอบนำมาขายหรือให้ อาจจะเป็นขบวนการทุจริตขายข้อสอบกันมาช้านาน และปีนี้คาดว่าจะกระทำเหมือนเดิม จากรายงานของตำรวจดังกล่าว ทำให้ตนมั่นใจและสงสัยว่า ข้อสอบอาจจะรั่วถึงสถาบันกวดวิชา นำมาพิมพ์เป็นเอกสารหรือแบบฝึกหัดให้นักเรียนที่กวดวิชา หากข้อสอบรั่วหรือเอกสารนั้นตรงกับข้อสอบจริง ตนในฐานะประธานดำเนินการสอบ และประธานอำนวยการออกข้อสอบ จะได้ดำเนินการทางกฎหมายและแก้ไขได้ทันท่วงที

ดังนั้น จึงทำการตรวจสอบ เรียกข้อสอบทั้งสองวิชามาเปิดดูตรวจสอบเปรียบเทียบพบว่า เนื้อหาสาระบางส่วนใกล้เคียงกับเอกสารและแบบฝึกหัดดังกล่าวอยู่บ้าง แต่ไม่เหมือนกัน เห็นว่าข้อสอบที่เปิดดูไม่ตรงกับแบบฝึกหัดหรือเอกสารที่สงสัย จึงนำเก็บใส่ซองปิดผนึกให้นางศศิธรลงลายมือกำกับ

คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงพิจารณาแล้ว เห็นว่าการที่ ศ.ร.ต.อ.วรเดชเปิดดูต้นฉบับการ์ดข้อสอบวิชาภาษาไทยและสังคมศึกษา ในวันที่ 30 มกราคม 2547 นั้น เป็นการเปิดก่อนส่งให้นายชาคร ประธานอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบ ฉะนั้น ถ้าข้อสอบรั่วจริงก็จะเป็นการรั่วในขั้นตอนของการสร้างข้อสอบ ซึ่งมีคณะกรรมการดำเนินการถึง 3 ขั้นตอน คือคณะกรรมการสร้างข้อสอบ คณะกรรมการกลั่นกรองข้อสอบ และคณะกรรมการจัดชุดข้อสอบ ซึ่งมี ศ.กาญจนา เป็นประธานวิชาภาษาไทย และ รศ.รัตนา เป็นประธานวิชาสังคมศึกษา

และตามหนังสือร้องเรียนของประชาชนที่ ศ.ร.ต.อ.วรเดช อ้างเป็นต้นเหตุขอให้ตำรวจสืบสวนทางลับ แท้จริงเป็นบัตรสนเท่ห์ที่กล่าวอ้างเลื่อนลอย โดยอ้างว่าอาจารย์ที่ออกข้อสอบอาจนำข้อสอบไปขายหรือไปให้สถาบันกวดวิชา โดยไม่ระบุชื่อ จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะรับไว้พิจารณาตามมติคณะรัฐมนตรี ตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร.0206/ว 218 ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2541

ศ.ร.ต.อ.วรเดช ดำรงตำแหน่งสูงสุดในสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ย่อมทราบดีว่าเอกสารข้อสอบนั้นเป็นเอกสารลับที่สุด ในกระบวนการสอบวัดความรู้ ซองบรรจุต้นฉบับการ์ดข้อสอบซึ่งปิดผนึกและประธานวิชาลงลายมือชื่อกำกับรอยผนึกนี้ โดยสามัญสำนึกก็ดี โดยแบบธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติสืบทอดกันมาก็ดี จะเปิดก่อนถึงเวลาที่จะนำไปปฏิบัติการ หรือก่อนเวลาที่จะพ้นจากการเป็นเอกสารลับโดยไม่มีเหตุผลความจำเป็นมิได้

ศ.ร.ต.อ.วรเดชอ้างว่า เหตุที่มิได้เชิญรองเลขาธิการฯ และประธานวิชาหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องมาร่วมเปิดซอง เพราะเชื่อว่ามีขบวนการทุจริตสอบเอ็นทรานซ์และน่าจะมีข้อสอบรั่วไปถึงโรงเรียนกวดวิชา และจากรายงานการสืบสวนของ ตำรวจที่ได้รับเป็นระยะๆ ทำให้ไม่แน่ใจว่าจะมีข้าราชการหรืออาจารย์คนใดจากฝ่ายใด และเด็กของใครนำข้อสอบไปขาย หรือให้กับโรงเรียนกวดวิชา ตนจึงเปิดซองบรรจุต้นฉบับการ์ดข้อสอบโดยไม่เรียกบุคคลดังกล่าวมาร่วมเปิด

คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเห็นว่า การกล่าวอ้างของ ศ.ร.ต.อ.วรเดช ไม่สมเหตุผล ไม่มีตัว ไม่มีชื่อผู้ต้องสงสัย มีแต่เพียงบัตรสนเท่ห์ที่กล่าวอ้างอย่างเลื่อนลอย แม้แต่รายงานการสืบสวนทางลับของตำรวจที่นำมากล่าวอ้างก็เลื่อนลอย ไม่ปรากฏพยานหลักฐานใดๆ เป็นเพียงคาดการณ์เอาโดยไม่มีตัว ไม่มีชื่อผู้ต้องสงสัยเช่นเดียวกัน และเป็นการขอความร่วมมือจากเพื่อนตำรวจเป็นการส่วนตัว

จึงไม่มีเหตุผลใดเลยที่พอจะให้คิดเชื่อมโยงไปได้ว่า น.ส.จิรณี รองเลขาธิการฯ ซึ่งเป็นกรรมการอำนวยการสร้างข้อสอบฯ และเป็นประธานอนุกรรมการฯ เกี่ยวกับการออกและตรวจข้อสอบ ศ.กาญจนา ประธานฯ วิชาภาษาไทย และ รศ.รัตนา ประธานฯ วิชาสังคมศึกษา อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง กับผู้ต้องสงสัยที่ไม่มีตัวตน จึงเป็นข้ออ้างที่ไม่อาจรับฟังได้

ส่วนที่กล่าวอ้างว่า ตนในฐานะเป็นประธานดำเนินการสอบ และประธานกรรมการอำนวยการสร้างข้อสอบวัดความรู้ฯ มีหน้าที่กำกับและติดตามการดำเนินการสร้างข้อสอบให้บรรลุวัตถุประสงค์ ซึ่งมีอำนาจที่จะเปิดข้อสอบดังกล่าวได้

คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเห็นว่า การสอบวัดความรู้เพื่อคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ตามเรื่องนี้การดำเนินการในขั้นตอนต่างๆ ล้วนดำเนินการในระบบคณะกรรมการทั้งสิ้น

ในกรณีที่มีปัญหาสำคัญที่จะต้องพิจารณาวินิจฉัยอย่างเช่น กรณีนี้ ศ.ร.ต.อ.วรเดช ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการสร้างข้อสอบ ต้องการจะเปิดซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบวิชาภาษาไทยและสังคมศึกษาที่ปิดผนึก และประธานฯ วิชาทั้งสองลงลายมือชื่อกำกับรอยผนึก เพื่อรอส่งให้ประธานอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบ เพื่อจะตรวจสอบกับเอกสารหรือแบบฝึกหัดของโรงเรียนกวดวิชา ว่ามีข้อสอบรั่วไปยังโรงเรียนกวดวิชาก่อนแล้วหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ
ก็ชอบที่จะเรียกประชุมคณะกรรมการอำนวยการสร้างข้อสอบ ซึ่งมี น.ส.จิรณี เป็นกรรมการด้วยช่วยพิจารณาวินิจฉัยว่า จะเปิดซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบออกตรวจสอบหรือไม่ และถ้าเปิด จะเปิดโดยวิธีใด จะเชิญประธานฯวิชาทั้งสองซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบลงลายมือชื่อกำกับรอยผนึก มาร่วมรู้เห็นเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยหรือไม่ เป็นต้น แล้วจึงดำเนินการตามมติของคณะกรรมการ

อีกทั้งเรื่องนี้ก็ไม่มีความจำเป็นรีบด่วน ที่จะต้องดำเนินการทันที และ ศ.ร.ต.อ.วรเดช ก็ไม่มีหน้าที่โดยตรงที่จะนำเอาซองบรรจุต้นฉบับการ์ดข้อสอบ 2 วิชานี้มาเปิดดูเองตามลำพัง ประกอบกับคณะกรรมการอำนวยการสร้างข้อสอบ ซึ่ง ศ.ร.ต.อ.วรเดชเป็นประธานนั้น ก็เป็นการแต่งตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติการสอบคัดเลือกฯ และเพิ่งแต่งตั้งเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2547 นี้เอง

การกระทำของ ศ.ร.ต.อ.วรเดชในวันที่ 30 มกราคม 2547 นี้ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนในระบบการสอบวัดความรู้ เพื่อคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาอย่างยิ่ง

หลังจากที่ ศ.ร.ต.อ.วรเดชได้เปิดซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบวิชา ภาษาไทยและวิชาสังคมศึกษาแล้ว มีเหตุการณ์ที่ตามมาคือ

เย็นวันศุกร์ที่ 30 มกราคม 2547 นายชาคร วิภูษณวนิช ประธานอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบ ได้รับซองสีนํ้าตาลใหญ่ บรรจุซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบวิชาภาษาไทย และวิชาสังคมศึกษา โดยซองใหญ่นั้นปิดผนึกมีลายมือชื่อของนางศศิธร ผอ.สำนักทดสอบกลางผู้เดียวกำกับรอยผนึก

เมื่อเปิดซองปรากฏว่าซองต้นฉบับการ์ด ข้อสอบวิชาภาษาไทย ไม่มีลายมือชื่อของ ศ.กาญจนา ประธานวิชาภาษาไทย กำกับรอยผนึก และซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบวิชาสังคมศึกษา ไม่มีลายมือชื่อของ รศ.รัตนา ประธานวิชาสังคมศึกษา กำกับรอยผนึก แตกต่างจากที่เคยปฏิบัติกันมาในครั้งก่อนๆ ซึ่งมีลายมือชื่อของประธานวิชาฯ กำกับรอยผนึกซองทุกครั้ง
นายชาครจึงโทรศัพท์สอบถามประธานวิชาฯ ทั้งสอง ได้รับการยืนยัน ว่าได้ลงลายมือชื่อกำกับรอยผนึกซอง ตามที่เคยปฏิบัติมาทุกครั้ง นายชาครจึงนัดพบประธานวิชาฯทั้งสองเพื่อปรึกษาหารือ

วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2547 นายชาคร ศ.กาญจนา และ รศ.รัตนา ได้ไปพบกันที่ สกอ.ตามนัด และนายชาครได้ไปแจ้งเรื่องให้ น.ส.จิรณีซึ่งเป็นประธานอนุกรรมการดำเนินการเกี่ยวกับการ ออกและตรวจข้อสอบทราบ และเชิญร่วมปรึกษาหารือ น.ส.จิรณี ได้เรียกนางศศิธรมาสอบถามต่อหน้าบุคคลทั้งสาม
นางศศิธรแจ้งว่า ศ.ร.ต.อ.วรเดชเรียกเอาซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบไปเปิดดูเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยนางศศิธรมิได้ร่วมดูด้วย

เมื่อนางศศิธรตอบข้อซักถามและออกจากห้องไปแล้ว บุคคลทั้งสี่มีความเห็นร่วมกันว่า เมื่อซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบถูกเปิดในลักษณะที่ผิดปกติ จะต้องดำเนินการปรับเปลี่ยนข้อสอบและต่อมาเมื่อได้ปรับเปลี่ยนข้อสอบทั้งสองวิชาใหม่แล้ว จึงได้ส่งมอบต้นฉบับการ์ดข้อสอบที่ปรับเปลี่ยนแล้ว ให้น.ส.จิรณี รองเลขาธิการฯเก็บรักษา และนายชาครได้รับไปจาก น.ส.จิรณีเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2547 เพื่อดำเนินการจัดพิมพ์

สำหรับนายชาครนั้น เมื่อได้ทราบเรื่องราวดังกล่าวในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2547แล้ว นายชาครได้มีบันทึกลงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2547 เรียนประธานอนุกรรมการออกและตรวจข้อสอบ (น.ส.จิรณี รองเลขาธิการฯ) รายงานข้อสังเกตเกี่ยวกับซองบรรจุต้นฉบับการ์ดข้อสอบ ซึ่งได้นัดพบพร้อมทั้งนำเสนอซองบรรจุต้นฉบับข้อสอบให้ประธานวิชาฯ ทั้งสองท่านพิจารณาและมีความเห็นร่วมกันว่า
สมควรรายงานเสนอสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นต่อประธานอนุกรรมการออกและ ตรวจข้อสอบ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริงที่มีการเปิดซอง ต้นฉบับข้อสอบก่อนนำส่งให้ประธานพิมพ์ข้อสอบ
น.ส.จิรณี รองเลขาธิการฯ ได้บันทึกเสนอต่อไปยัง ศ.ร.ต.อ. วรเดช เลขาธิการฯ แต่ ศ.ร.ต.อ.วรเดช ไม่ได้สั่งการใดๆ การเปลี่ยนแปลงสถานที่เก็บรักษาต้นฉบับการ์ดข้อสอบที่ได้พิมพ์เป็นข้อสอบแล้ว โดยวิธีปฏิบัติที่ผ่านมานั้น ต้นฉบับการ์ดข้อสอบ เมื่อพิมพ์เป็นข้อสอบฉบับร่างประธานวิชาฯ ตรวจพิสูจน์อักษร และพิมพ์เป็นตัวข้อสอบที่ให้สนามสอบใช้ในการสอบจนเสร็จภารกิจปิดงานพิมพ์แล้ว คณะอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบจึงจะรวบรวมต้นฉบับข้อสอบทุกวิชาทั้งหมด ที่เก็บรักษาไว้จัดส่งให้ สกอ.

วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2547 ศ.ร.ต.อ.วรเดชได้เปลี่ยนแปลงวิธีปฏิบัติดังกล่าวข้างต้นนั้น โดยมีบันทึกข้อความลับ ด่วนที่สุด ถึงนายชาคร ประธานอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบแจ้งว่า เมื่อได้ปฏิบัติภารกิจการพิมพ์ข้อสอบเสร็จสิ้นแล้ว ขอให้นำต้นฉบับข้อสอบไปเก็บไว้ที่ทำการของ สกอ. โดยเร็วที่สุด เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบของทางราชการ

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2547 นายชาคร ประธานอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบ ได้มีบันทึกข้อความถึงประธานอนุกรรมการออกและตรวจข้อสอบ นำส่งต้นฉบับข้อสอบวิชาภาคปฏิบัติ 17 วิชา 18 ซอง แต่ละซองปิดผนึกลงลายมือชื่อกำกับรอยผนึก และแต่ละซอง บรรจุในซองพลาสติกปิดผนึกบรรจุลงกล่อง โดยนางพิศมัย นันทิสิงห์ อนุกรรมการและเลขานุการ เป็นผู้นำส่งมอบให้นางศศิธร ลงลายมือชื่อตรวจรับ และนางศศิธร นำไปเก็บรักษาไว้ในตู้เหล็กในห้องทำงานชั้นที่ 13

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2547 นายชาครได้มีบันทึกข้อความเช่นเดียวกับครั้งแรกนำส่งต้นฉบับข้อสอบวิชาหลัก 16 วิชา 16 ซอง แต่ละซองบรรจุในซองกระดาษ และหุ้มด้วยซองพลาสติกอีกชั้นหนึ่ง เช่นเดียวกับครั้งแรก แต่ครั้งนี้นางศศิธร ได้ไปขอรับด้วยตนเอง โดยมี น.ส.รุจิรา เลขานุการหน้าห้อง ศ.ร.ต.อ.วรเดช ร่วมไปด้วย เมื่อนางศศิธรได้ตรวจรับแล้ว นายชาครได้บรรจุซองลงกล่อง 1 กล่อง และรัดด้วยสายพลาสติกสีเหลืองของโรงพิมพ์แล้วนำไปส่องมอบให้ ศ.ร.ต.อ.วรเดช
ศ.ร.ต.อ.วรเดชได้เก็บรักษากล่องดังกล่าวไว้ในตู้ในห้องทำงาน ในวันนั้น ศ.ร.ต.อ.วรเดชได้ทวงให้นางศศิธรส่งมอบต้นฉบับการ์ดข้อสอบที่ได้รับมาครั้งแรก และเฉลยข้อสอบทั้งหมดทุกวิชาด้วย นางศศิธรจึงไปขอเบิกเฉลย ข้อสอบวิชาภาษาไทยและวิชาสังคมศึกษา ที่ได้ปรับเปลี่ยนใหม่แล้วมาจากน.ส.จิรณี แล้วนำมารวมไว้กับเฉลยข้อสอบวิชาอื่นที่เก็บอยู่แล้ว นำออกมารวมบรรจุลงกล่องรวมกับต้นฉบับการ์ดข้อสอบวิชาเฉพาะ ส่งมอบให้ ศ.ร.ต.อ.วรเดชที่ห้องทำงาน ในวันที่ 1 มีนาคม 2547

การสั่งการให้ส่งข้อสอบเพิ่มเติมจากที่เคยปฏิบัติเดิม
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2547 นางศศิธร ผอ.สำนักทดสอบกลาง มีบันทึกข้อความถึงนายชาคร ประธานอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบ แจ้งว่าประธานกรรมการดำเนินการสอบฯ มีดำริว่า เมื่อจัดส่งข้อสอบให้สนามสอบแล้ว ขอให้จัดส่งข้อสอบสำหรับประธานกรรมการดำเนินการสอบฯ 1 ชุด ภายในวันที่ 27 กุมภาพัน.ธ์ 2547

การสั่งการดังกล่าวนี้ เป็นการสั่งการเพิ่มเติมจากแนวทางปฏิบัติที่เคยดำเนินการทุกครั้งที่ผ่านมา จากเดิมที่จัดส่งให้กับประธานวิชา และ ผอ.สำนักทดสอบกลางเท่านั้น โดยส่งให้ตอนเช้าของวันที่มีการสอบวิชานั้นๆ เพื่อใช้ในการประสานงานหากมีปัญหาเกี่ยวกับข้อสอบ

วันที่ 4 มีนาคม 2547 นางศศิธร ผอ.สำนักทดสอบกลาง และ น.ส.รุจิรา เลขานุการของ ศ.ร.ต.อ.วรเดช ได้ไปรับข้อสอบดังกล่าว รวม 21 วิชา 29 ชุด บรรจุซองปิดผนึก นายชาครลงลายมือชื่อกำกับรอยผนึกและหุ้มด้วยซองพลาสติกปิดผนึกอีกชั้นหนึ่ง แล้วบรรจุลงในกล่องกระดาษ ปิดผนึกด้านบนและด้านล่างของกล่องด้วยเทปกาวทั้งสองด้าน
นายชาคร และนางศศิธร ได้ลงลายมือชื่อกำกับคร่อมเทปกาวทั้งด้านบนและ ด้านล่างของกล่องแล้วจึงรัดกล่องด้วย สายรัดพลาสติกสีเหลือง ตามยาวและตามขวางของกล่อง ด้านละ 2 เส้น
นางศศิธร และ น.ส.รุจิราได้นำกล่องดังกล่าวมอบให้ ศ.ร.ต.อ.วรเดชที่ห้องทำงานในวันเดียวกัน รวมเป็นกล่องบรรจุข้อสอบและสิ่งที่เกี่ยวข้อง ที่ ศ.ร.ต.อ.วรเดชเก็บรักษา ทั้งหมดเป็น 3 กล่อง

การเปิดซองต้นฉบับข้อสอบครั้งที่ 2

ศ.ร.ต.อ.วรเดช และนางศศิธร ให้ถ้อยคำว่า เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2547 เวลาประมาณ 16.00-17.00 น. ศ.ร.ต.อ.วรเดชได้เรียกนางศศิธรมาพบที่ห้องทำงาน และให้นางศศิธรช่วยทำการตรวจสอบ ต้นฉบับการ์ดข้อสอบและข้อสอบฉบับร่างที่ได้รับจากนายชาคร ประธานอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบ 2 กล่อง เมื่อวันที่ 13 และวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2547 ซึ่งอยู่บนโต๊ะประชุมในห้องทำงานของ ศ.ร.ต.อ.วรเดช
บุคคลทั้งสองได้ช่วยกันเปิดซองบรรจุต้นฉบับการ์ดข้อสอบและข้อสอบฉบับร่าง ที่นายชาครลงลายมือชื่อกำกับรอยผนึกและบรรจุไว้ในซองพลาสติกใสปิดผนึกอีกชั้นหนึ่ง โดยนางศศิธรใช้กรรไกรสีเหลืองตัดเปิดซองที่อยู่ในกล่องแรกที่ได้รับเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2547 จำนวน 18 ซอง 17 วิชา ส่วน ศ.ร.ต.อ.วรเดชเปิดกล่องที่ 2 ที่ได้รับเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2547 นำซองออกมาใช้กรรไกรสีเหลืองตัดเปิดซอง 16 ซอง 16 วิชา รวมทั้ง 2 กล่อง 34 ซอง 33 วิชา
ผลการตรวจสอบปรากฏว่าทุกซองอยู่ในสภาพเรียบร้อย ภายในซองมีต้นฉบับการ์ดข้อสอบ ที่พิมพ์แล้วครบถ้วน และในขณะเดียวกันนี้ ศ.ร.ต.อ.วรเดชได้ให้นางศศิธรตรวจรับซองเฉลยข้อสอบทุกวิชา ที่ ศ.ร.ต.อ.วรเดชได้เรียกมาเก็บรักษาไว้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2547 ส่งคืนให้นางศศิธร เพื่อส่งมอบให้ประธานวิชาดำเนินการต่อไป
นางศศิธรยืนยันว่าทุกซองอยู่ในสภาพเรียบร้อย ทั้งนี้ ศ.ร.ต.อ.วรเดชได้ให้นางศศิธรเขียนในแบบบันทึกข้อความ ลงวันที่ 10 มีนาคม 2547 เป็นบันทึกการตรวจสอบต้นฉบับเอกสารข้อสอบ และตรวจรับเฉลยข้อสอบ โดยนางศศิธรลงลายมือชื่อเป็นผู้ตรวจรับ ศ.ร.ต.อ.วรเดชลงลายมือชื่อเป็นผู้ส่ง โดยไม่มีพยานร่วมรู้เห็นด้วย

ศ.ร.ต.อ.วรเดชอ้างว่า ในวันที่ 10 มีนาคม 2547 ที่ทำการตรวจสอบตรวจรับดังกล่าวข้างต้นนั้น การสอบวัดความรู้ได้เสร็จสิ้นแล้ว แต่ตามหลักฐานตารางวันเวลาสอบปรากฏว่า วันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม 2547 เวลา 08.30-16.30 น. ยังมีการสอบวิชาพลศึกษาปฏิบัติอีกวิชาหนึ่ง
นอกจากนี้ ศ.ร.ต.อ.วรเดชชี้แจงว่า การตรวจสอบตามมาตรการดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งในการตรวจสอบว่ามีผู้ทุจริต ในการสอบเอ็นทรานซ์หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นการตรวจสอบพฤติกรรมของคณะอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบ โดยเฉพาะนายชาคร ประธานอนุกรรมการฯ
กล่าวคือ ผลการตรวจสอบถ้ามีต้นฉบับอยู่จริง ก็แสดงว่าไม่น่าจะมีการทุจริต แต่ถ้าไม่มีต้นฉบับข้อสอบหรือขาดไปบางส่วน ก็อาจใช้เป็นหลักฐานประกอบได้ว่ามีการทุจริต

คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเห็นว่า มาตรการตรวจสอบของ ศ.ร.ต.อ.วรเดช ไม่มีน้ำหนักเหตุผลเพียงพอที่จะให้เชื่อถือได้ เพราะถ้ามีการทุจริตจริง ผู้ทุจริตคงไม่เพียงกระทำการง่ายๆด้วยวิธีเบียดบังเอาต้นฉบับการ์ดข้อสอบไป แล้วบรรจุซองเปล่าหรือซองสอดไส้อย่างอื่น
ในทางกลับกันเห็นได้ว่าซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบดังกล่าว ศ.ร.ต.อ.วรเดชได้นำมาเก็บไว้ในความครอบครองของตัวเองแต่ผู้เดียว ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ และวันที่ 1 มีนาคม 2547 ครั้นนำมาเปิดตรวจสอบในวันที่ 10 มีนาคม 2547 ก็เปิดตรวจตามลำพังกับนางศศิธร ถ้าปรากฏว่าเปิดแล้วต้นฉบับการ์ดข้อสอบภายในซองขาดหายไป ก็อาจเป็นเหตุให้นายชาครก็มีข้อ ต่อสู้ได้เช่นกันว่า ศ.ร.ต.อ.วรเดชเองนั่นแหละที่ทุจริตเบียดบังเอาไป แล้วโยนความผิดให้นายชาคร เพราะเปิดกันตามลำพัง ไม่ได้ให้ตนมาร่วมรู้เห็นด้วย
นอกจากนั้น ก็อาจเป็นไปได้เช่นกันว่า ในระหว่างที่ต้นฉบับการ์ดข้อสอบอยู่ในความครอบครองของ ศ.ร.ต.อ.วรเดชแต่ผู้เดียวนี้ ศ.ร.ต.อ.วรเดชอาจเปิดดูหรือนำไปใช้ประโยชน์ก็ได้ โดยอาจนำมาเก็บแล้วทำทีนำมาเปิดตรวจสอบครบถ้วนถูกต้อง แอบอ้างแสดงความบริสุทธิ์ของตนก็เป็นได้

อนึ่ง เมื่อย้อนกลับไปพิจารณาถึงการที่ ศ.ร.ต.อ.วรเดช ส่งชื่อนายชาคร และชื่ออนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบ รวม 11 คน ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนทางลับ ด้วยเหตุเพียงมีการกล่าวหาอย่างเลื่อนลอย จากบัตรสนเท่ห์ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2547 ซึ่งขณะนั้นยังไม่ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบ เป็นแต่เพียงมีการยกร่างคำสั่งเสนอให้ ศ.ร.ต.อ.วรเดช พิจารณาเท่านั้น
จนถึงวันที่ 19 มกราคม 2547 ศ.ร.ต.อ.วรเดช จึงได้แต่งตั้งให้นายชาคร และคณะ รวม 11 คน ที่ตนระแวงสงสัยมาโดยตลอดนั้น เป็นประธานและอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนรายงานการสืบสวนทางลับของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2547 (ก่อนเปิดซองตรวจสอบในวันที่ 10 มีนาคม 2547) ก็ไม่ปรากฏว่ามีความคืบหน้าเพิ่มขึ้น จากที่ได้รายงานไว้เมื่อปลายเดือนมกราคม 2547 จะมีเพิ่มเติมก็แต่เพียงการสืบหาบ้านพัก ถ่ายภาพ เฝ้าสังเกตการณ์ จึงไม่ปรากฏว่ามีข้อมูลอะไรรีบด่วน ที่จะต้องใช้มาตรการเปิดซองต้นฉบับข้อสอบ เพื่อตรวจสอบในวันที่ 10 มีนาคม 2547 ซึ่งการสอบยังไม่เสร็จสิ้น

3. คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง มีความเห็นโดยสรุปดังต่อไปนี้

3.1 คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเห็นว่าระบบการสอบวัดความรู้เพื่อสมัคร

(1) เข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ได้มีวิวัฒนาการต่อเนื่องมานานกว่าสี่สิบปี โดยใช้ธรรมเนียมและจารีตปฏิบัติเป็นหลัก มีการควบคุมและป้องกันอย่างรัดกุมพอสมควร จากข้อเท็จจริงที่ประมวลได้ในครั้งนี้ น่าจะมีปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติตามระบบดังกล่าวนั้น เช่น การที่ผู้ที่เกี่ยวข้องละเลยการควบคุมและการรักษาความปลอดภัยของข้อสอบ

(2) ความเคยชินจากการปฏิบัติต่อเนื่องมายาวนาน จนมองข้ามปัญหาต่างๆ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

(3) การที่ผู้ที่เกี่ยวข้องละเลยการควบคุมและการรักษาความปลอดภัยของข้อสอบ

(4) ความเคยชินจากการปฏิบัติต่อเนื่องมายาวนาน จนมองข้ามปัญหาต่างๆ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

(5) การที่ผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับแต่งตั้งหรือมอบหมายให้ทำหน้าที่ติดต่อกันเป็นระยะเวลายาวนาน โดยไม่มีระบบตรวจสอบการปฏิบัติเยี่ยงนี้ จึงเป็นปัญหาและเป็นจุดอ่อน อันอาจจะนำไปสู่การรั่วไหลของข้อสอบได้

3.2 คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเห็นว่า ความเป็นไปได้ที่ข้อสอบจะรั่วไหลในการสอบวัดความรู้ ครั้งเดือนมีนาคม 2547 ที่ผ่านมา อาจเกิดขึ้นได้ในบางกระบวนการ หรือบางขั้นตอน เช่น ในขั้นตอนการเก็บรักษาต้นฉบับการ์ดข้อสอบ ต้นฉบับข้อสอบ ข้อสอบและเฉลยข้อสอบ ซึ่งไม่ใช้ห้องมั่นคงที่มีอยู่ หรือในขั้นตอนการนำต้นฉบับข้อสอบส่งเข้าโรงพิมพ์เป็นต้น อย่างไรก็ดี จากการสืบสวนข้อเท็จจริงครั้งนี้ ยังไม่ปรากฏหลักฐานสำคัญใด ว่าจะมีการรั่วไหลของข้อสอบได้
นอกจากนั้น จากประเด็นที่มีข้อสงสัยว่า ผลการสอบวัดความรู้เพื่อใช้สมัครสอบคัดเลือกเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ระหว่างการสอบ 2 ครั้ง ในปีการศึกษา 2547 (คือ ครั้งเดือนตุลาคม 2546 และครั้งเดือนมีนาคม 2547) น่าจะมีความแตกต่างจนผิดปกติ และอาจบ่งชี้ว่าข้อสอบรั่วไหลได้นั้น
คณะกรรมการฯได้พิจารณาวิเคราะห์เปรียบเทียบผลการสอบวัดความรู้ฯในวิชาภาษาไทย และวิชาสังคมศึกษา จากผลการศึกษาด้วยวิธีวิทยาทางสถิติที่ถูกต้องแล้ว ปรากฏดังนี้ จำนวนผู้เข้าสอบครั้งเดือนมีนาคม 2547 ที่มีคะแนนเพิ่มมากกว่าครั้งเดือนตุลาคม 2546 จำแนกตามช่วงคะแนน

การเปลี่ยนแปลงในผลการสอบวัดความรู้ทั้งสองครั้งในปีการศึกษา 2547 ไม่มีความแตกต่าง (เพิ่มขึ้น) อย่างผิดปกติ และเป็นไปในทำนองเดียวกับในปีการศึกษาที่ผ่านๆมา จึงไม่มีข้อน่าสงสัยว่าได้มีการรั่วไหลของข้อสอบ

3.3 คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเห็นว่า การที่ ศ.ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร ได้นำเอาซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบวิชาภาษาไทยและวิชาสังคมศึกษา ซึ่งเป็นเอกสารลับที่สุดของทางราชการมาเปิดซอง เอาต้นฉบับการ์ดข้อสอบวิชาทั้งสองออกมาดู ระหว่างวันที่ 28-30 มกราคม 2547 ที่บริเวณห้องรับแขก หน้าห้องทำงานของ ศ.ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร
โดยไม่เรียกประชุมคณะกรรมการอำนวยการสร้างข้อสอบ ไม่เชิญประธานวิชาทั้งสองซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการสร้าง กลั่นกรอง และจัดชุดข้อสอบ และเป็นผู้ลงลายมือชื่อกำกับรอยปิดผนึก มาปรึกษาหารือร่วมรู้เห็นนั้น
ข้ออ้างต่างๆในการเปิดซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบ ไม่อาจรับฟังได้ เป็นการกระทำที่ไม่มีเหตุผลอันสมควร และไม่พึงกระทำ ไม่ถือปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการ พ.ศ.2544 ข้อ 30 ที่กำหนดว่า เมื่อสงสัยว่าบุคคลที่ไม่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับข้อมูลข่าวสาร ได้รู้หรืออาจรู้ถึงข้อมูลข่าวสารลับ หรือเมื่อสงสัยว่ามีการละเมิดการรักษาความลับของข้อมูลข่าวสารของราชการ ให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน
อีกทั้งที่มาของเรื่องก็เป็นเพียงนำเอาบัตรสนเท่ห์ ที่มีการกล่าวหาอย่างเลื่อนลอยมาเป็นข้ออ้างเพื่อดำเนินการ ซึ่งเป็นการไม่ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี ตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0206/ว 218 ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2541
พฤติการณ์ของ ศ.ร.ต.อ.วรเดช ได้ก่อให้เกิดความไม่ไว้วางใจ ผู้ร่วมงานเมื่อทราบเรื่องต่างตกใจ กังวลใจ และแปลกใจในการกระทำของ ศ.ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร ดังกล่าว ประธานวิชาภาษาไทย ประธานวิชาสังคมศึกษา ประธานอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบ และ น.ส.จิรณี ตันติรัตนวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา ซึ่งเป็นประธานอนุกรรมการเกี่ยวกับการออกและ ตรวจข้อสอบ และเป็นกรรมการอำนวยการสร้างข้อสอบด้วย
เมื่อได้ทราบเรื่อง ได้ประชุมปรึกษาร่วมกันลงความเห็นให้ประธานวิชาภาษาไทย และประธานวิชาสังคมศึกษา ปรับเปลี่ยนข้อสอบใหม่ ต่อมา ศ.ร.ต.อ.วรเดชก็ได้ทราบถึงการปรับเปลี่ยนข้อสอบ และยังได้กระทำซ้ำโดยมีพฤติการณ์ ทำนองเดียวกันอีก
โดยเมื่อเดือนมีนาคม 2547 ขณะที่การสอบยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ ศ.ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร ได้นำเอากล่องบรรจุซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบที่พิมพ์แล้ว ซึ่งได้เก็บรักษาไว้ในห้องทำงานของตน มาเปิดกล่องและใช้กรรไกรตัดซองเปิดนำเอาต้นฉบับข้อสอบวิชาหลักทุกวิชามาตรวจดู
ส่วนวิชาเฉพาะทั้งหมดให้นางศศิธรช่วยตัดเปิดซองตรวจดู อันเป็นการกระทำโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร และไม่พึงกระทำเช่นเดียวกัน พฤติการณ์นั้นแตกต่างไปจากธรรมเนียมและจารีตปฏิบัติ ในการสอบวัดความรู้ที่เคยถือปฏิบัติกันมายาวนาน โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร นับเป็นพฤติการณ์ที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสีย เสื่อมศรัทธาในกระบวนการจัดสอบวัดความรู้อย่างยิ่ง

พฤติการณ์ของ ศ.ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา มีมูลที่ควรกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัย ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการไม่เป็นไปตามระเบียบของทางราชการ และมติคณะรัฐมนตรี และฐานไม่ถือปฏิบัติตามระเบียบและแบบธรรมเนียมของทางราชการตามมาตรา 85 และมาตรา 91 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 และมีมูลที่ควรกล่าวหาว่าประพฤติตนไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ราชการด้วย

3.4 ในกรณีนางศศิธร อหิงสโก ผอ.สำนักทดสอบกลาง สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยเป็นผู้นำซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบวิชาภาษาไทย และวิชาสังคมศึกษาไปมอบให้ ศ.ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร ที่ห้องรับแขก ระหว่างวันที่ 28-30 มกราคม 2547 และได้ช่วย ศ.ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร ตัดเปิดซองต้นฉบับการ์ด ข้อสอบวิชาเฉพาะที่พิมพ์แล้ว ที่โต๊ะประชุมในห้องทำงานของ ศ.ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร เมื่อเดือนมีนาคม 2547 นั้น
แม้ว่าพฤติการณ์นั้นเป็นการกระทำตามคำสั่งของ ผู้บังคับบัญชาก็ตาม แต่ก็รู้โดยตลอดว่าคำสั่งนั้นมิชอบด้วยธรรมเนียมและจารีตปฏิบัติที่เคยปฏิบัติมา โดยมิได้ทักท้วง หรือดำเนินการอื่นใดให้ผู้บังคับบัญชา ได้ทราบและทบทวน คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเห็นว่า กรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัย อย่างไม่ร้ายแรง ฐานไม่ถือปฏิบัติ ตามแบบธรรมเนียมของทางราชการ ตามมาตรา 91 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535

3.5 คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงมีข้อสังเกตด้วยว่า การดำเนินการต่างๆ ในกระบวนการสอบวัดความรู้ เพื่อคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ไม่ปรากฏมีระเบียบวิธีปฏิบัติตามขั้นตอนต่างๆ กำหนดหรือวางไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เรื่องนี้เป็นราชการที่มีความสำคัญอย่างหนึ่ง กระทรวงศึกษาธิการควรจัดให้มีการศึกษา ปรับปรุง และประมวลวิธีปฏิบัติต่างๆในเรื่องนี้ และวางระเบียบปฏิบัติให้ผู้เกี่ยวข้อง ถือปฏิบัติอันจะเป็นการป้องกันมิให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับ เรื่องนี้ได้ทางหนึ่ง


http://www.numtan.co...iew.php?id=1918
"การเมืองต้องเป็นเรื่องการเสียสละ การเมืองคือภาระของทุกผู้การเมืองเรื่องส่วนรวมร่วมรับรู้ การเมืองต้องต่อสู้เพื่อส่วนรวม"เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

#5 Lucas Leiva Benitez Rodger

Lucas Leiva Benitez Rodger

    ขาขาดประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,074 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 13:12

เพราะอีนี่ใช่หรือเปล่าครับ ทำให้เกิดระบบแอดมิชชัน ที่ทำให้การศึกษาไทยยุ่งเหยิงมาจนถึงทุกวันนี้

ปล.ของผมเป็นรุ่นสุดท้ายที่สอบเอ็นทรานซ์เลยครับ

Edited by Lucas Leiva Benitez, 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 13:13.

อเสวนา จ พาลานํ ปญฺฑิตานญฺจ เสวนา ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ

"Two things are infinite: the universe and human stupidity; and I'm not sure about the the universe."Einstein's words.

 

"ประเทศไทยจะปฏิรูปไม่ได้ ด้วยการนอนอยู่บ้านเฉยๆ"


#6 David_GinoLa

David_GinoLa

    สมาชิกระดับไพร่

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,561 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 13:14

เพราะอีนี่ใช่หรือเปล่าครับ ทำให้เกิดระบบแอดมิชชัน ที่ทำให้การศึกษาไทยยุ่งเหยิงมาจนถึงทุกวันนี้

ปล.ของผมเป็นรุ่นสุดท้ายที่สอบเอ็นทรานซ์เลยครับ


ไม่กล้าฟันธง แต่ผมว่าน่าจะมีส่วนครับ
"การเมืองต้องเป็นเรื่องการเสียสละ การเมืองคือภาระของทุกผู้การเมืองเรื่องส่วนรวมร่วมรับรู้ การเมืองต้องต่อสู้เพื่อส่วนรวม"เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

#7 kuuga

kuuga

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,008 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 13:19

*
POPULAR

ขอต่อด้วยเรื่องของพี่สาวคนโต พิณทองทา


เธอชื่อ พิณทองทา.????


เธอชื่อ พิณทองทา ชิณวัตร

พิณทองทา ชินวัตร
ความภาคภูมิใจของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
สิ่งที่น่าคลางแคลงใจเกี่ยวกับการศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาของน.ส. พิณทองทา ชินวัตร ดูเหมือนจะถูกละเลยไม่กล่าวถึง คล้ายกับเป็นสิ่งต้องห้ามที่ทางผู้บริหารมหาวิทยาลัยตลอดจนบุคคลที่เกี่ยวข้องต่างยินยอมพร้อมใจไร้ท่าที หรือแม้แต่การแสดงความคิดเห็นใดๆต่อสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน

ในการสอบ EntRance 1999 (พ.ศ. 2542)
มีเด็กสาวคนหนึ่งซึ่งเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จากโรงเรียนสตรีเอกชนชื่อดัง ซึ่งมีสถานีรถไฟฟ้าชิดลมตั้งอยู่ด้านหน้าได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในฐานะนิสิตชั้นปีที่ 1สาขา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร (ภาคพิเศษ)คณะอุตสาหกรรมเกษตร รหัส นิสิต 42150888*

ประเด็นที่น่าขบคิด คือ

1. นิสิตใหม่ผู้นี้จบการศึกษาจากการสอบเทียบ(หรือการศึกษานอกโรงเรียน:
ซึ่งเปิดให้นักเรียนในระบบสามารถสอบเทียบได้เป็นปีสุดท้ายโดยหลังจากปี 2542แล้วได้ตัดสิทธินักเรียนที่เรียนในระบบ มิให้ใช้สิทธิสอบเทียบอีก) ขณะที่การศึกษาในโรงเรียนเธอนั้น เธอร่ำเรียนมาในสายศิลป์-คำนวณ หลักเกณฑ์ของคณะในการรับนิสิตนั้น ทางคณะฯรับนิสิตโดยตรงซึ่งทำการสอบข้อเขียนที่จัดขึ้นเป็นการเฉพาะและกำหนดคุณสมบัติของนิสิตว่าต้องเป็นนักเรียนสาขาวิทย์-คณิต

เหตุใดเธอจึงเข้าเรียนในสาขาสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร(ภาคพิเศษ)คณะอุตสาหกรรมเกษตร?
ข้อโต้แย้ง เป็นไปได้ว่าเธอผู้นี้สอบเทียบในสาขาวิทยาศาสตร์มาก็อาจเป็นได้

2. เธอเข้ามาศึกษาในคณะฯเป็นเวลา 1 ปีเศษ โดยมีเกรดเฉลี่ยสะสมในภาคเรียนที่ 1 และภาคเรียนที่ 2 เป็น 1.50 และ 1.58 ตามลำดับ (ต้องการข้อมูลยืนยัน โปรดติดต่อ สำนักทะเบียนและประมวลผล มก. : รับประกันได้ว่าเขาไม่มีทางให้คุณดูแน่นอน!)
แต่สิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุด คือ ชื่อของเธอผู้นี้ปรากฏอยู่ในรายชื่อของนิสิตใหม่คณะสังคมศาสตร์ ภาควิชารัฐศาสตร์และรัฐประศาสสศาสตร์ สาขาบริหารรัฐกิจ ในปีการ ศึกษา 2543 ภาคเรียนที่ 1 โดยมีการเปลี่ยนแปลงรหัสนิสิตใหม่อย่างเสร็จสรรพ คือ 4208281*
เงื่อนไขในการเข้าศึกษาคณะสังคมศาสตร์ ภาควิชารัฐศาสตร์ฯ สาขาบริหารรัฐกิจ ตามที่ระบุในหนังสือคู่มือการเลือกคณะ แสดงคะแนนรวมต่ำสุดไว้ที่ 57.60% โดยมีรายวิชาที่ต้องสอบ คือ 01 02 03 08 และ 09 (นิสิตปัจจุบันอาจจะไม่เข้าใจ กล่าวคือเป็นรหัสวิชา ภาษาไทย สังคมศึกษา อังกฤษ วิทยาศาสตร์กายภาพและชีวภาพ และคณิตศาสตร์ตามลำดับ)

ถือว่าเป็นคณะและภาควิชาที่มีการแข่งขันสูงคณะหนึ่งและคะแนนก็อยู่ในระดับที่สูงกว่ามาตรฐานมาโดยตลอด

คำถามก็คือ
2.1 เธอผู้นี้มีคุณสมบัติใด
จึงสามารถย้ายคณะได้ทั้งๆที่เธอเข้ามาในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ด้วยการสอบตรงของคณะอก. และเป็นภาคพิเศษ ในปี 2542 (แน่นอนว่าเธอไม่มีคะแนนสอบEnt ในปี 2000 ด้วย)
2.2 การย้ายคณะของเธอกระทำได้อย่างไร
ถูกตามหลักเกณฑ์มหาวิทยาลัยว่าด้วยการย้าย คณะหรือไม่?
และเหตุใดจึงต้องเปลี่ยนรหัสนิสิตใหม่?
(การย้ายคณะไม่ใช่เรื่อง แปลก ที่พบเห็นบ่อยครั้ง คือ กรณีการย้ายคณะของนิสิตสายวิทย์ เช่น วิทยา มาวิศวะ หรือนิสิตคณะเกษตรฯ ย้ายเข้าคณะอก. :แต่การย้ายทุกครั้งไม่มีการเปลี่ยนแปลงรหัสนิสิตของนิสิตผู้ย้ายคณะแต่อย่างใด
เพราะจะมีปัญหาตามมาภายหลังจากทะเบียนนิสิตซ้ำซ้อนการคิดเกรด การตรวจสอบการจ่ายค่าการศึกษา การทำเรื่องขอจบ และการอนุมัติการจบการศึกษา) เพื่อมิให้เป็นการเสียเวลาท่านผู้อ่านผู้เจริญด้วยปัญญา

ขออนุญาตนำไปพบกับหลักเกณฑ์การย้ายคณะที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ระบุไว้คือ ข้อบังคับว่าด้วยการศึกษาขั้นปริญญาตรี พุทธศักราช 2521 (ฉบับแก้ไขปรับปรุง) ข้อ 15.1.2 ระบุว่า
> นิสิตที่เข้าเรียนในคณะเดิม
> แต่มีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมในปีการศึกษาแรกต่ำกว่า 2.00
> “ไม่มีสิทธิย้ายคณะ”

แต่ผลการเรียนเฉลี่ยของเด็กสาวคนนั้นเพียง1.50 และ 1.80 เธอย้ายคณะได้อย่างไร?
กลับมาพิจารณาตามเส้นทางการศึกษาอันน่าพิศวงของเธอกันต่อ ในความแตกต่างระหว่าง ภาคพิเศษและภาคปกติที่ชัดเจน คือ
การคัดเลือกนิสิต จากการสอบโดยตรงและมีข้อสอบเฉพาะความยากง่ายอาจจะไม่ห่างกันเท่าใดนัก แต่เน้นความรู้ความเข้าใจในสาขาเฉพาะที่คณะหรือภาควิชานั้นต้องการมากกว่าและภาคพิเศษเป็นโครงการที่เลี้ยงตนเองไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยจำนวนมากเช่นภาคปกติ แน่นอนว่าค่าเล่าเรียนของนิสิตในภาคพิเศษย่อมมีราคาสูง

คำถามที่ชวนขบคิด คือ
เกษตรฯมีโครงการภาคพิเศษ(เฉพาะปริญญาตรี) หลายคณะ เช่น วิศวะ อก. บริหาร เศรษฐ์ วิทย์ เป็นต้น ถ้ามหาวิทยาลัยอนุญาตให้นิสิตปีหนึ่งเมื่อจบการศึกษาผ่านไป 1 ปี สามารถย้ายคณะจากภาคพิเศษไปภาคปกติในอีกคณะหรือแม้แต่ภายในคณะเดียวกันได้
อยากถามว่า ในอนาคต หากมีนักเรียนที่ต้องการเข้าเรียนในสาขาวิชาหนึ่ง แต่ไม่อยากสอบ ent จึงสมัครเข้าเรียนในโครงการภาคพิเศษคณะใดคณะหนึ่งก่อนจะทำเรื่องขอย้ายเข้าเรียนในคณะที่ตนหมายตาไว้ตั้งแต่ต้น แม้อาจจะเสียเวลาไป 1 ปี
(คล้ายกับเส้นทางเดินของการยักย้ายถ่ายเทหุ้นเลยเนอะ)
ซึ่งหมายความว่าเด็กนักเรียนหรือนิสิตใหม่นั้นสามารถทำได้เพราะมีกรณีนิสิตสาวผู้นี้เป็นบรรทัดฐานใช่หรือไม่?

สิ่งที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์โดยเฉพาะผู้บริหารมหาวิทยาลัยคณบดีของคณะที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะในช่วงขณะที่นิสิตผู้นั้นเข้าศึกษา ต้องตอบกับสังคม คือ
ปล่อยให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในรั้วสถาบันอุดมศึกษาได้อย่างไร? มาตรฐานของมหาวิทยาลัยอยู่ที่ไหน?

การกระทำเช่นนี้ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ไม่ต่างอะไรกับการสนับสนุนและส่งเสริมในการกระทำทุจริตทางการศึกษา

เป็นไปได้หรือ?ที่ผู้ปกครองของเด็กสาวจะไม่รู้เรื่องการเรียนการศึกษาของลูก

การปฏิเสธความไม่รู้ย่อมไม่ได้ เพราะนิสิตสาวผู้นี้ขณะที่กระทำอำพรางทางการศึกษาเช่นนี้เธอยังไม่บรรลุนิติภาวะและเธอก็อาศัยอยู่กับครอบครัวโดยตลอด

เป็นไปได้หรือ?ที่คณะที่เกี่ยวข้องจะอนุโลมให้เด็กสาวผู้นี้เป็นกรณีพิเศษ

เป็นไปได้หรือ?ที่เธอย้ายคณะได้โดยสะดวกเพราะผู้ปกครองเป็นหนึ่งในกรรมการสภามหาวิทยาลัยพร้อมทั้งออกทุนทรัพย์ส่วนตนปรับปรุงห้องสมุดให้แก่คณะที่เธอต้องการเข้าศึกษา

และทั้งหมดนี้ คือ คำตอบว่าเหตุใดมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จึงไม่แม้แต่จะแสดงท่าที กำหนดจุดยืนใดๆ ต่อภาวะการณ์ทางการเมือง ณ เวลานี้ ใช่หรือไม่?

อ้อ....ขอแถมให้อีกนิด
นิสิตสาวผู้นี้สำเร็จการศึกษาในปีการศึกษา 2546รับพระราชทานฯในเดือนกรกฎาคม 2547 ด้วยคะแนนระดับเกียรตินิยมอันดับ 2 (3.25 ขึ้นไป)
และมีความพยายามที่จะหาทางมอบเกียรตินิยมให้เธอให้ได้

แต่มิเป็นผลสำเร็จเนื่องจากเผชิญแรงต้านจากกรรมการตรวจสอบที่ยังคงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือทำให้เพราะหากจะพิจารณาอย่างจริงจังแล้ว
อาจเป็นไปได้ว่าน่ากลัวจะมีรายการ เพิกถอน ปริญญา พร้อมทั้งสอบสวนผู้บริหารมหาวิทยาลัยให้สะเทือนลั่นทุ่งบางเขน!!!!!!

แม้กระทั่งการศึกษายังไม่โปร่งใส
แล้วเราจะไว้ใจให้บริหารประเทศต่อไปอีกหรือ?

กระบือ=ควาย มีค่า มนุษย์มีค่า = ควาย ไร้ค่า

#8 David_GinoLa

David_GinoLa

    สมาชิกระดับไพร่

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,561 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 13:31

เข้ามารอข้อมูลเพิ่มเติมครับ
"การเมืองต้องเป็นเรื่องการเสียสละ การเมืองคือภาระของทุกผู้การเมืองเรื่องส่วนรวมร่วมรับรู้ การเมืองต้องต่อสู้เพื่อส่วนรวม"เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

#9 เกลียดคุณแม้วจังครับ

เกลียดคุณแม้วจังครับ

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,190 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 13:39

ตรรกะของควายแดงนะครับ มีดังนี้
ข้อ 1 แดงถูกทุกอย่าง
ข้อ 2 สีอื่น ผิดทุกอย่าง
ข้อ 3 ถ้าสงสัยให้ย้อนไปดูข้อ 1 กับ 2

แบบนี้หายข้องใจกันไหมครับ
ตรรกะเทพ ๆ ของควายแดงเค้า

#10 David_GinoLa

David_GinoLa

    สมาชิกระดับไพร่

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,561 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 13:41

ตรรกะของควายแดงนะครับ มีดังนี้
ข้อ 1 แดงถูกทุกอย่าง
ข้อ 2 สีอื่น ผิดทุกอย่าง
ข้อ 3 ถ้าสงสัยให้ย้อนไปดูข้อ 1 กับ 2

แบบนี้หายข้องใจกันไหมครับ
ตรรกะเทพ ๆ ของควายแดงเค้า


ตาม Template นี้เลยครับ

-ดีกว่าแพ้เลือกตั้ง
-มาร์คชั่งไข่

-มาร์คหนีทหาร
-ปชป.และม๊ากผิดทู้กอย่างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงเลย อ้าว!! กราบบบ!!! Posted Image

"การเมืองต้องเป็นเรื่องการเสียสละ การเมืองคือภาระของทุกผู้การเมืองเรื่องส่วนรวมร่วมรับรู้ การเมืองต้องต่อสู้เพื่อส่วนรวม"เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

#11 promotion

promotion

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,761 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 13:44

ขอบคุณที่เอาข้อมูลแน่นๆมาฝากกันครับ

#12 Lucas Leiva Benitez Rodger

Lucas Leiva Benitez Rodger

    ขาขาดประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,074 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 13:51

ความเป็นมาของระบบ Admission


การรับบุคคลเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยของประเทศไทยได้มีพัฒนาการมาเป็นลำดับ ในอดีตที่ผ่านมามหาวิทยาลัยได้ใช้ระบบการสอบคัดเลือกมาเป็นเวลานานกว่า 40 ปี ทั้งนี้ ระบบดังกล่าวได้ถูกนำมาใช้เนื่องจากสถานที่ศึกษาในระดับอุดมศึกษามีไม่เพียงพอแก่ความต้องการของผู้สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่ประสงค์จะศึกษาต่อ มหาวิทยาลัยจึงเล็งเห็นว่าการสอบแข่งขันเพื่อเลือกเอาผู้ที่ได้คะแนนดี และมีคุณสมบัติประกอบอื่นๆ ที่เหมาะสมเข้าศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยเป็นวิธีการที่ดีที่สุดนอกจากนั้นยังได้รวมตัวกันพัฒนาให้มีระบบสอบกลางซึ่งดำเนินการในระดับประเทศ และต่อมาดำเนินการร่วมกับทบวงมหาวิทยาลัย จนกลายเป็นระบบสอบคัดเลือกที่เชื่อถือได้และมีคุณภาพที่ดีที่สุดระบบหนึ่งของโลก

หลังจากที่ระบบการสอบคัดเลือกดำเนินสืบเนื่องมาเป็นเวลานาน ได้เกิดสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ซึ่งพัฒนาตัวขึ้นมาเป็นลำดับ กล่าวคือระบบการสอบคัดเลือกที่มุ่งวัดผลเพียงบางรายวิชาที่สถานศึกษาเห็นว่าจำเป็นสำหรับการศึกษาต่อในแต่ละสาขาวิชา ได้นำไปสู่สถานการณ์ที่ผู้เรียนมุ่งเรียนเฉพาะรายวิชาที่ต้องสอบเท่านั้น โดยผู้เรียนส่วนมากจะไม่สนใจหรือละทิ้งรายวิชาที่ไม่ต้องใช้ในการสอบคัดเลือก ทั้งนี้ เพราะเป้าหมายของการเรียนในที่สุดคือการเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยให้ได้ในสาขาที่ตนต้องการเท่านั้น ผลที่ตามมาคือเกิดความล้มเหลวของระบบการศึกษาระดับมัธยมศึกษา โดยผู้เรียนไม่ได้ผ่านการเรียนรู้ครบกระบวนการ ส่งผลถึงการพัฒนาคนที่ไม่สมบูรณ์

นอกจากนั้น ยังมีผลเสียอันเนื่องมาจากการสอบคัดเลือกดังกล่าว เช่น การที่ผู้เรียนโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนที่เรียนดี ได้มุ่งสอบเทียบเพื่อให้ตนมีคุณสมบัติเทียบเท่าการสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย แล้วมุ่งสู่สถาบันอุดมศึกษาโดยไม่ได้เรียนครบตามชั้นปีแม้ในความเห็นของผู้เรียนและผู้ปกครองอาจเห็นว่าเป็นการประหยัดเวลา แต่ผลที่ตามมาก็คือการเข้าศึกษาก่อนมีวุฒิภาวะที่เหมาะสม และการได้ผ่านการเรียนรู้ที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้มีผู้สำเร็จการศึกษาไปประกอบวิชาชีพก่อนวัยอันควรเป็นจำนวนมากขึ้นเป็นลำดับ ส่งผลอันไม่พึงประสงค์ในการประกอบวิชาชีพต่างๆ อยู่ไม่น้อย นอกจากนั้น กระบวนการสอบคัดเลือกผนวกกับกระบวนการสอบเทียบชั้นได้นำมาซึ่งธุรกิจการกวดวิชาซึ่งมีการพัฒนาตัวขึ้นเป็นระดับอุตสาหกรรม การกวดวิชาที่มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์เฉพาะการเข้าศึกษาต่อได้ซ้ำเติมความเสียหายตามที่กล่าวมา โดยส่งเสริมให้ผู้เรียนมุ่งเน้นเฉพาะความรู้และวิธีการต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้เพื่อสอบคัดเลือกให้ได้เท่านั้น โดยละทิ้งความสนใจส่วนอื่นของระบบการศึกษาเสียสิ้น

สถานการณ์ดังกล่าวมาแล้ว ได้ก่อตัวและขยายวงกว้างจนกล่าวได้ว่าเป็นวิกฤตการณ์ของระบบการศึกษาไทย อันมีการสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยเป็นต้นเหตุ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาจึงเกิดความพยายามที่จะแก้ไขวิกฤตการณ์ดังกล่าว ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยร่วมกับทบวงมหาวิทยาลัย จึงได้ปรับปรุงระบบการสอบคัดเลือก โดยมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมให้นักเรียนระดับมัธยมศึกษาได้ศึกษาให้ครบถ้วนตามหลักสูตร แนวทางหนึ่งของการแก้ปัญหาที่ได้ถูกนำมาใช้แล้วคือ การกำหนดให้นำผลการเรียนเฉลี่ยสะสม หรือค่า GPA (Grade Point Average) มาเป็นส่วนประกอบในการคิดคะแนนการสอบคัดเลือกด้วย เนื่องจากค่า GPA เป็นคะแนนสะสมที่เกิดจากการเรียนทุกรายวิชาและสะสมต่อเนื่องกันมาตลอดเวลาการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายทั้งสามชั้นปี การกำหนดให้ใช้ค่าคะแนนดังกล่าว จึงเป็นหลักประกันให้ผู้เรียนสนใจศึกษาครบทุกรายวิชาและทุกชั้นปีตลอดหลักสูตรการศึกษา

ประเด็นที่ได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมขึ้นมาในระบบการสอบคัดเลือกที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ การเปิดโอกาสให้มีการสอบได้ถึงปีละสองครั้ง ครั้งแรกในช่วงปิดภาคการศึกษากลางปีในเดือนตุลาคม ครั้งที่สอง เมื่อสิ้นปีการศึกษาแล้วในเดือนมีนาคม โดยผู้สมัครสามารถเลือกใช้คะแนนที่ดีที่สุดจากการสอบทั้งสองครั้งมาใช้ในการสมัครเข้าศึกษา ทั้งยังให้ผู้สมัครสามารถเก็บคะแนนดังกล่าวไว้ใช้เป็นเวลา 2 ปีในกรณีที่ต้องการนำคะแนนมาใช้สมัครใหม่ในปีต่อไป การเปิดโอกาสให้มีการสอบมากกว่าหนึ่งครั้งมีผลดีคือการลดความกดดันในตัวผู้สมัคร โดยหากการสอบครั้งแรกทำคะแนนได้ไม่ดีก็ยังสามารถสอบแก้ตัวในครั้งต่อไปได้ อย่างไรก็ดีจากการที่ผู้สมัครสอบมักใช้ความพยายามโดยหวังผลที่ดีที่สุดทุกครั้งที่สอบ ทำให้การเปิดโอกาสมากครั้งดังกล่าวกลับส่งผลเสียในผู้สมัครสอบบางกลุ่มที่มักเห็นว่าเหตุที่ต้องสอบหลายครั้ง ทำให้เกิดแรงกดดันและความเครียดหลายครั้ง อีกทั้งในการสอบเดือนตุลาคมดำเนินการในขณะที่การเรียนการสอนชั้นมัธยมปีที่ 6 ยังไม่สำเร็จครบตามหลักสูตร ทำให้เกิดแนวโน้มที่โรงเรียนพยายามเร่งสอนให้จบก่อนเวลา เพื่อให้นักเรียนของตนมีความพร้อมด้านเนื้อหาสำหรับการสอบสูงที่สุด หรือไม่เช่นนั้นอีกด้านหนึ่งนักเรียนก็มุ่งกวดวิชาเพื่อให้ได้เนื้อหามากที่สุด ปัจจุบันนี้จึงปรากฏเป็นข้อเท็จจริงที่ชัดเจนว่า การสอบเดือนตุลาคมเป็นเหตุให้เกิดผลเสียต่อระบบการเรียนการสอนตามปกติ ดังเช่นที่ได้กล่าวมา



ที่มา : ระบบการรับบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาในระบบกลาง เว็บไซท์
http://www.cuas.or.th/

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สรุปว่าผมเข้าใจผิดเรื่อง อีอุ๊งอิ๊ง นะครับ

ที่จริงคือแอดมิชชั่นเอาไว้แก้ปัญหาธุรกิจ รร.กวดวิชานั่นเองครับ

Edited by Lucas Leiva Benitez, 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 13:52.

อเสวนา จ พาลานํ ปญฺฑิตานญฺจ เสวนา ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ

"Two things are infinite: the universe and human stupidity; and I'm not sure about the the universe."Einstein's words.

 

"ประเทศไทยจะปฏิรูปไม่ได้ ด้วยการนอนอยู่บ้านเฉยๆ"


#13 hentai

hentai

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,046 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 13:59

ความเป็นมาของระบบ Admission


การรับบุคคลเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยของประเทศไทยได้มีพัฒนาการมาเป็นลำดับ ในอดีตที่ผ่านมามหาวิทยาลัยได้ใช้ระบบการสอบคัดเลือกมาเป็นเวลานานกว่า 40 ปี ทั้งนี้ ระบบดังกล่าวได้ถูกนำมาใช้เนื่องจากสถานที่ศึกษาในระดับอุดมศึกษามีไม่เพียงพอแก่ความต้องการของผู้สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่ประสงค์จะศึกษาต่อ มหาวิทยาลัยจึงเล็งเห็นว่าการสอบแข่งขันเพื่อเลือกเอาผู้ที่ได้คะแนนดี และมีคุณสมบัติประกอบอื่นๆ ที่เหมาะสมเข้าศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยเป็นวิธีการที่ดีที่สุดนอกจากนั้นยังได้รวมตัวกันพัฒนาให้มีระบบสอบกลางซึ่งดำเนินการในระดับประเทศ และต่อมาดำเนินการร่วมกับทบวงมหาวิทยาลัย จนกลายเป็นระบบสอบคัดเลือกที่เชื่อถือได้และมีคุณภาพที่ดีที่สุดระบบหนึ่งของโลก

หลังจากที่ระบบการสอบคัดเลือกดำเนินสืบเนื่องมาเป็นเวลานาน ได้เกิดสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ซึ่งพัฒนาตัวขึ้นมาเป็นลำดับ กล่าวคือระบบการสอบคัดเลือกที่มุ่งวัดผลเพียงบางรายวิชาที่สถานศึกษาเห็นว่าจำเป็นสำหรับการศึกษาต่อในแต่ละสาขาวิชา ได้นำไปสู่สถานการณ์ที่ผู้เรียนมุ่งเรียนเฉพาะรายวิชาที่ต้องสอบเท่านั้น โดยผู้เรียนส่วนมากจะไม่สนใจหรือละทิ้งรายวิชาที่ไม่ต้องใช้ในการสอบคัดเลือก ทั้งนี้ เพราะเป้าหมายของการเรียนในที่สุดคือการเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยให้ได้ในสาขาที่ตนต้องการเท่านั้น ผลที่ตามมาคือเกิดความล้มเหลวของระบบการศึกษาระดับมัธยมศึกษา โดยผู้เรียนไม่ได้ผ่านการเรียนรู้ครบกระบวนการ ส่งผลถึงการพัฒนาคนที่ไม่สมบูรณ์

นอกจากนั้น ยังมีผลเสียอันเนื่องมาจากการสอบคัดเลือกดังกล่าว เช่น การที่ผู้เรียนโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนที่เรียนดี ได้มุ่งสอบเทียบเพื่อให้ตนมีคุณสมบัติเทียบเท่าการสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย แล้วมุ่งสู่สถาบันอุดมศึกษาโดยไม่ได้เรียนครบตามชั้นปีแม้ในความเห็นของผู้เรียนและผู้ปกครองอาจเห็นว่าเป็นการประหยัดเวลา แต่ผลที่ตามมาก็คือการเข้าศึกษาก่อนมีวุฒิภาวะที่เหมาะสม และการได้ผ่านการเรียนรู้ที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้มีผู้สำเร็จการศึกษาไปประกอบวิชาชีพก่อนวัยอันควรเป็นจำนวนมากขึ้นเป็นลำดับ ส่งผลอันไม่พึงประสงค์ในการประกอบวิชาชีพต่างๆ อยู่ไม่น้อย นอกจากนั้น กระบวนการสอบคัดเลือกผนวกกับกระบวนการสอบเทียบชั้นได้นำมาซึ่งธุรกิจการกวดวิชาซึ่งมีการพัฒนาตัวขึ้นเป็นระดับอุตสาหกรรม การกวดวิชาที่มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์เฉพาะการเข้าศึกษาต่อได้ซ้ำเติมความเสียหายตามที่กล่าวมา โดยส่งเสริมให้ผู้เรียนมุ่งเน้นเฉพาะความรู้และวิธีการต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้เพื่อสอบคัดเลือกให้ได้เท่านั้น โดยละทิ้งความสนใจส่วนอื่นของระบบการศึกษาเสียสิ้น

สถานการณ์ดังกล่าวมาแล้ว ได้ก่อตัวและขยายวงกว้างจนกล่าวได้ว่าเป็นวิกฤตการณ์ของระบบการศึกษาไทย อันมีการสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยเป็นต้นเหตุ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาจึงเกิดความพยายามที่จะแก้ไขวิกฤตการณ์ดังกล่าว ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยร่วมกับทบวงมหาวิทยาลัย จึงได้ปรับปรุงระบบการสอบคัดเลือก โดยมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมให้นักเรียนระดับมัธยมศึกษาได้ศึกษาให้ครบถ้วนตามหลักสูตร แนวทางหนึ่งของการแก้ปัญหาที่ได้ถูกนำมาใช้แล้วคือ การกำหนดให้นำผลการเรียนเฉลี่ยสะสม หรือค่า GPA (Grade Point Average) มาเป็นส่วนประกอบในการคิดคะแนนการสอบคัดเลือกด้วย เนื่องจากค่า GPA เป็นคะแนนสะสมที่เกิดจากการเรียนทุกรายวิชาและสะสมต่อเนื่องกันมาตลอดเวลาการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายทั้งสามชั้นปี การกำหนดให้ใช้ค่าคะแนนดังกล่าว จึงเป็นหลักประกันให้ผู้เรียนสนใจศึกษาครบทุกรายวิชาและทุกชั้นปีตลอดหลักสูตรการศึกษา

ประเด็นที่ได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมขึ้นมาในระบบการสอบคัดเลือกที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ การเปิดโอกาสให้มีการสอบได้ถึงปีละสองครั้ง ครั้งแรกในช่วงปิดภาคการศึกษากลางปีในเดือนตุลาคม ครั้งที่สอง เมื่อสิ้นปีการศึกษาแล้วในเดือนมีนาคม โดยผู้สมัครสามารถเลือกใช้คะแนนที่ดีที่สุดจากการสอบทั้งสองครั้งมาใช้ในการสมัครเข้าศึกษา ทั้งยังให้ผู้สมัครสามารถเก็บคะแนนดังกล่าวไว้ใช้เป็นเวลา 2 ปีในกรณีที่ต้องการนำคะแนนมาใช้สมัครใหม่ในปีต่อไป การเปิดโอกาสให้มีการสอบมากกว่าหนึ่งครั้งมีผลดีคือการลดความกดดันในตัวผู้สมัคร โดยหากการสอบครั้งแรกทำคะแนนได้ไม่ดีก็ยังสามารถสอบแก้ตัวในครั้งต่อไปได้ อย่างไรก็ดีจากการที่ผู้สมัครสอบมักใช้ความพยายามโดยหวังผลที่ดีที่สุดทุกครั้งที่สอบ ทำให้การเปิดโอกาสมากครั้งดังกล่าวกลับส่งผลเสียในผู้สมัครสอบบางกลุ่มที่มักเห็นว่าเหตุที่ต้องสอบหลายครั้ง ทำให้เกิดแรงกดดันและความเครียดหลายครั้ง อีกทั้งในการสอบเดือนตุลาคมดำเนินการในขณะที่การเรียนการสอนชั้นมัธยมปีที่ 6 ยังไม่สำเร็จครบตามหลักสูตร ทำให้เกิดแนวโน้มที่โรงเรียนพยายามเร่งสอนให้จบก่อนเวลา เพื่อให้นักเรียนของตนมีความพร้อมด้านเนื้อหาสำหรับการสอบสูงที่สุด หรือไม่เช่นนั้นอีกด้านหนึ่งนักเรียนก็มุ่งกวดวิชาเพื่อให้ได้เนื้อหามากที่สุด ปัจจุบันนี้จึงปรากฏเป็นข้อเท็จจริงที่ชัดเจนว่า การสอบเดือนตุลาคมเป็นเหตุให้เกิดผลเสียต่อระบบการเรียนการสอนตามปกติ ดังเช่นที่ได้กล่าวมา



ที่มา : ระบบการรับบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาในระบบกลาง เว็บไซท์
http://www.cuas.or.th/

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สรุปว่าผมเข้าใจผิดเรื่อง อีอุ๊งอิ๊ง นะครับ

ที่จริงคือแอดมิชชั่นเอาไว้แก้ปัญหาธุรกิจ รร.กวดวิชานั่นเองครับ



ซึ่ง ผลที่ได้ก็คือ
ตอนนี้ กวดวิชา ก็เยอะกว่าเดิม... :D

"คนโง่มักจะชอบว่าคนอื่นว่าโง่"

"ถ้าคนเราคิดเหมือนกันหมด ก็ไม่มีเลือกตั้งซิครับ"

"ผมไม่พูด เรื่อง 112 แล้ว นะครับ กรุณาอย่าถาม (17 พค 2012)"


#14 อิไซกูนิ

อิไซกูนิ

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,631 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 14:04

รอชม

Posted Image Posted Image Posted Image Posted Image Posted Image

เป็นเห็บเกาะไข่ระบบรัฐประหาร


#15 Lucas Leiva Benitez Rodger

Lucas Leiva Benitez Rodger

    ขาขาดประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,074 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 14:07

น่านสิเฮ็นไต หนักกว่าเดิม ยุ่งเหยิงกว่าเดิม ที่สำคัญ เด็กโง่กว่าเดิม ด้วย :angry:

อเสวนา จ พาลานํ ปญฺฑิตานญฺจ เสวนา ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ

"Two things are infinite: the universe and human stupidity; and I'm not sure about the the universe."Einstein's words.

 

"ประเทศไทยจะปฏิรูปไม่ได้ ด้วยการนอนอยู่บ้านเฉยๆ"


#16 Ballbk

Ballbk

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,783 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 14:18

พ่อ มันยังได้ ด๊อกเตอร์เลย

เอาไรกะโกงให้ลูก เข้า ม. แล้วเรียนจบ

Edited by Ballbk, 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 16:23.

"ความดี กับ ความเลว

ความจริง กับ คำโกหก

ความถูกต้อง กับ การทำผิดกฎหมาย"

ถ้าเกิดเป็น คน ไม่ได้เกิดเป็น ควาย มันไม่ต้องให้ทายหรอก ว่าจะเลือกอย่างไหน

 


#17 hinotori

hinotori

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,899 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 14:20

หนังหน้าพวกมันนี่ทำด้วยอะไรฟะ.

#18 Ballbk

Ballbk

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,783 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 14:23

ตระกูลนี้ มันไม่มีดี เลยจริงๆ

"ความดี กับ ความเลว

ความจริง กับ คำโกหก

ความถูกต้อง กับ การทำผิดกฎหมาย"

ถ้าเกิดเป็น คน ไม่ได้เกิดเป็น ควาย มันไม่ต้องให้ทายหรอก ว่าจะเลือกอย่างไหน

 


#19 dtonNA

dtonNA

    ไปๆมาๆ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,135 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 14:25

ถ้าผมจำไม่ผิด เรื่อง การแก้ปัญหาเรียนพิเศษนั้น มีมาตั้งนานแล้วครับ ตอนผมอยู่ ม. 4 ก็เคยได้ยินปัญหานี้
เพราะความไม่เท่าเทียมกันทางการศีกษาของคนในกรุงเทพและต่างจังหวัดครับ

เพราะคนต่างจังหวัด ไม่สามารถหาที่เรียนพิเศษได้ง่ายเหมือนเด็ก กทม.ในยุคโน้น (2526 อายอายุเหมือนกัน อิอิ)
เราต้องการคนดีมาเป็นผู้ปกครองบ้านเมืองเท่านั้น

#20 Lucas Leiva Benitez Rodger

Lucas Leiva Benitez Rodger

    ขาขาดประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,074 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 15:19

ถ้าผมจำไม่ผิด เรื่อง การแก้ปัญหาเรียนพิเศษนั้น มีมาตั้งนานแล้วครับ ตอนผมอยู่ ม. 4 ก็เคยได้ยินปัญหานี้
เพราะความไม่เท่าเทียมกันทางการศีกษาของคนในกรุงเทพและต่างจังหวัดครับ

เพราะคนต่างจังหวัด ไม่สามารถหาที่เรียนพิเศษได้ง่ายเหมือนเด็ก กทม.ในยุคโน้น (2526 อายอายุเหมือนกัน อิอิ)


ไม่ต้องอายฮะ 2526 ยังไม่แก่ครับ ผมเกิด 29 ครับ

ยุคนั้นเนี่ย เด็กสายวิทย์ใครไม่เรียนเคมี อ.อุ๊ เนี่ย ถือว่าเชยอย่างแรงเลยครับตอนนั้น

Edited by Lucas Leiva Benitez, 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 15:20.

อเสวนา จ พาลานํ ปญฺฑิตานญฺจ เสวนา ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ

"Two things are infinite: the universe and human stupidity; and I'm not sure about the the universe."Einstein's words.

 

"ประเทศไทยจะปฏิรูปไม่ได้ ด้วยการนอนอยู่บ้านเฉยๆ"


#21 ม่านน้ำ

ม่านน้ำ

    ผมเพิ่งมาครับ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,373 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 15:22

อย่าทำลูกผม!!!

ทักษิณสะเทือนใจ”อุ๊งอิ๊ง” น้ำตาคลอไหว้สื่อขอความเห็นใจ
โดย ..... ผู้จัดการออนไลน์

นายกรัฐมนตรี ..... ไม่รู้สึกหวั่นไหวที่ฝ่ายค้านยื่นถอดถอน"อดิศัย"กรณีข้อสอบเอนทร้านซ์รั่ว น้ำตาคลอพร้อมตัดพ้อสื่อมวลชน ขอความเห็นใจเรื่องการเสนอข่าว"อุ๊งอิ๊ง" ชี้ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นความบกพร่องของระบบ ขณะที่คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ยึกยักเลื่อนติดประกาศรายชื่อผู้ถูกตัดสิทธิสัมภาษณ์เป็น 3 พ.ค.แทน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นถอดถอนนายอดิศัย โพธารามิก รมว.ศึกษาธิการ กรณีที่ไม่มีความชัดเจนเรื่องข้อสอบเอนทรานซ์รั่ว ว่าไม่มีปัญหา เป็นไปตามกลไกประชาธิปไตย อย่ามองว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็มีความพยายามที่จะแสดงและพาดพิงถึงนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร บุตรสาวของตน ซึ่งทำให้ตนรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะยังไม่รู้ว่าหากสอบเข้าคณะนิเทศศาสตร์ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้แล้ว บุตรสาวของตนจะเรียนหรือไม่ เพราะยังต้องรอผลสอบเอนทรานซ์

ทั้งนี้ ..... นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเน้นเสียงสะเทือนใจ น้ำตาคลอเบ้า พร้อมกับยกมือไหว้สื่อมวลชนถึง 3 ครั้ง เพื่อขอร้องสื่อให้เห็นใจคนที่มีลูกบ้าง นายกรัฐมนตรีชี้แจงด้วยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นความบกพร่องของระบบภายในมหาวิทยาลัย ที่มีการประกาศหลักเกณฑ์การสมัครไม่ตรงกันระหว่างคณะกับมหาวิทยาลัย และเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับที่มีข่าวข้อสอบรั่ว


ขุดมาอีกสักรอบไหม?

Edited by ม่านน้ำ, 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 15:28.

Posted Image


#22 ห่วยแมน

ห่วยแมน

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 438 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 15:37

"อย่าทำลูกผม จะเอาอะไรไปเอากับไอ้ตู้ไอ้เต้นโน่น" - ท่านผู้นำ :D
ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ = ประเทศไทย

#23 -3-

-3-

    ตัวละครลับ

  • Moderators
  • 8,707 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 15:38

ถึงจะโกงข้อสอบ แต่ท่านก็ตั้งใจทำงานนะครับ ไม่เหมือนพวกแมลงวาปหรอก ดีแต่พูดให้จินตนาการ :angry:
"I want you to form a contract with me and become magical girls!" - kyubey
 
/人 ‿‿ ◕人\

#24 dtonNA

dtonNA

    ไปๆมาๆ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,135 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 15:55


ถ้าผมจำไม่ผิด เรื่อง การแก้ปัญหาเรียนพิเศษนั้น มีมาตั้งนานแล้วครับ ตอนผมอยู่ ม. 4 ก็เคยได้ยินปัญหานี้
เพราะความไม่เท่าเทียมกันทางการศีกษาของคนในกรุงเทพและต่างจังหวัดครับ

เพราะคนต่างจังหวัด ไม่สามารถหาที่เรียนพิเศษได้ง่ายเหมือนเด็ก กทม.ในยุคโน้น (2526 อายอายุเหมือนกัน อิอิ)


ไม่ต้องอายฮะ 2526 ยังไม่แก่ครับ ผมเกิด 29 ครับ

ยุคนั้นเนี่ย เด็กสายวิทย์ใครไม่เรียนเคมี อ.อุ๊ เนี่ย ถือว่าเชยอย่างแรงเลยครับตอนนั้น



เอ้อ 2526 ผมหมายถึงผมอยู่ ม.4 อ่ะครับ :huh:

อิอิ
เราต้องการคนดีมาเป็นผู้ปกครองบ้านเมืองเท่านั้น

#25 Lucas Leiva Benitez Rodger

Lucas Leiva Benitez Rodger

    ขาขาดประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,074 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 16:03



ถ้าผมจำไม่ผิด เรื่อง การแก้ปัญหาเรียนพิเศษนั้น มีมาตั้งนานแล้วครับ ตอนผมอยู่ ม. 4 ก็เคยได้ยินปัญหานี้
เพราะความไม่เท่าเทียมกันทางการศีกษาของคนในกรุงเทพและต่างจังหวัดครับ

เพราะคนต่างจังหวัด ไม่สามารถหาที่เรียนพิเศษได้ง่ายเหมือนเด็ก กทม.ในยุคโน้น (2526 อายอายุเหมือนกัน อิอิ)


ไม่ต้องอายฮะ 2526 ยังไม่แก่ครับ ผมเกิด 29 ครับ

ยุคนั้นเนี่ย เด็กสายวิทย์ใครไม่เรียนเคมี อ.อุ๊ เนี่ย ถือว่าเชยอย่างแรงเลยครับตอนนั้น



เอ้อ 2526 ผมหมายถึงผมอยู่ ม.4 อ่ะครับ :huh:

อิอิ


อ่อผมเข้าใจผิดอีกแล้ว ปล่อยควายอีกแล้วผม เห้อ :wacko: :wacko:

ขออภัยท่านดาวิด ชิโนล่าที่ผมพากระทู้ออกนอกประเด็นไปนิดนะครับผม

Edited by Lucas Leiva Benitez, 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 16:05.

อเสวนา จ พาลานํ ปญฺฑิตานญฺจ เสวนา ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ

"Two things are infinite: the universe and human stupidity; and I'm not sure about the the universe."Einstein's words.

 

"ประเทศไทยจะปฏิรูปไม่ได้ ด้วยการนอนอยู่บ้านเฉยๆ"


#26 A7x

A7x

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 319 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 17:16

ว๊าว เทอมนี้ได้เรียนกะ ดร. ไชยยันต์ ไชยพร ด้วยน่าจะสนุกน่าดู
Rise With The Fallen

#27 ม่านน้ำ

ม่านน้ำ

    ผมเพิ่งมาครับ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,373 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 17:26

ยังมีใครจำเรื่อง "วิทยานิพนธ์มิกกี้เมาส์" ได้บ้างไหมครับ?

Posted Image


#28 susu

susu

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,066 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 17:51

เล่นกล่องดวงใจแบบนี้เลย ม๊ากหนีทหาร จะเงียบไปแค่ไหน ?

#29 zutto

zutto

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,385 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 18:05

โกงเป็นกรรมพันธุ์นี่เอง....

น่าจะมีการหาข้อมูล ป.โท KFC ของนางยกมาด้วยเนอะ

จบโทเมืองนอกแล้ว OVER COME กับ คอ นก รีต นี่ อึ้ง ทึ่ง เสียว กันทีเดียว....

#30 Emolution

Emolution

    โคตรพ่อโคตรแม่ควายแดง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,029 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 18:36

โกงทั้งตระกลู

#31 จอมโจรคิด

จอมโจรคิด

    อธรรมผู้น่ารัก

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,299 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 18:42

บลูสกายเอามาตอกโอ๊คอ๊าคแล้ว ฝั่งโน้นจะมีปฏิกิริยาอย่างไรน๊อ

Posted Image

เจตนารมณ์ส่วนตัว
- ไม่ใช้ถ้อยคำที่คำหยาบคาย
- ไม่ต่อล้อต่อเถียงอย่างไม่มีเหตุผล


#32 IFai

IFai

    รักในหลวง

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,782 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 18:44

ถึงจะโกงข้อสอบ แต่ท่านก็ตั้งใจทำงานนะครับ ไม่เหมือนพวกแมลงวาปหรอก ดีแต่พูดให้จินตนาการ :angry:

*เชื่อครับว่า พณ. ท่านทำงานหนัก เพราะกระทู้นี้ก็เกี่ยวกับการทำงานของท่านทั้งนั้น แต่เมื่อเทียบกท.นี้ กับเรื่องการเรียนของอีโอ๊บแล้ว เรื่องอีโอ๊บท่านทำงานเต็มที่หนักกว่านี้ แต่ไม่ประสพผลสำเร็จ คือพณ.สอบตก

ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ


#33 David_GinoLa

David_GinoLa

    สมาชิกระดับไพร่

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,561 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 20:26




ถ้าผมจำไม่ผิด เรื่อง การแก้ปัญหาเรียนพิเศษนั้น มีมาตั้งนานแล้วครับ ตอนผมอยู่ ม. 4 ก็เคยได้ยินปัญหานี้
เพราะความไม่เท่าเทียมกันทางการศีกษาของคนในกรุงเทพและต่างจังหวัดครับ

เพราะคนต่างจังหวัด ไม่สามารถหาที่เรียนพิเศษได้ง่ายเหมือนเด็ก กทม.ในยุคโน้น (2526 อายอายุเหมือนกัน อิอิ)


ไม่ต้องอายฮะ 2526 ยังไม่แก่ครับ ผมเกิด 29 ครับ

ยุคนั้นเนี่ย เด็กสายวิทย์ใครไม่เรียนเคมี อ.อุ๊ เนี่ย ถือว่าเชยอย่างแรงเลยครับตอนนั้น



เอ้อ 2526 ผมหมายถึงผมอยู่ ม.4 อ่ะครับ :huh:

อิอิ


อ่อผมเข้าใจผิดอีกแล้ว ปล่อยควายอีกแล้วผม เห้อ :wacko: :wacko:

ขออภัยท่านดาวิด ชิโนล่าที่ผมพากระทู้ออกนอกประเด็นไปนิดนะครับผม


ไอ้ย่ะ!! กระทู้ผมเป็นกระทู้ดักแก่ไปแล้วรึเนี่ย??? :D
"การเมืองต้องเป็นเรื่องการเสียสละ การเมืองคือภาระของทุกผู้การเมืองเรื่องส่วนรวมร่วมรับรู้ การเมืองต้องต่อสู้เพื่อส่วนรวม"เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

#34 David_GinoLa

David_GinoLa

    สมาชิกระดับไพร่

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,561 posts

ตอบ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 16:17

หมูอวกาศ พลายแก้ว jagger ไปไหนหมด?? :lol:
"การเมืองต้องเป็นเรื่องการเสียสละ การเมืองคือภาระของทุกผู้การเมืองเรื่องส่วนรวมร่วมรับรู้ การเมืองต้องต่อสู้เพื่อส่วนรวม"เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

#35 David_GinoLa

David_GinoLa

    สมาชิกระดับไพร่

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,561 posts

ตอบ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 16:27

บลูสกายเอามาตอกโอ๊คอ๊าคแล้ว ฝั่งโน้นจะมีปฏิกิริยาอย่างไรน๊อ

Posted Image


เดี๋ยวก็สร้างข่าวมากลบ คอยดูสิครับ
"การเมืองต้องเป็นเรื่องการเสียสละ การเมืองคือภาระของทุกผู้การเมืองเรื่องส่วนรวมร่วมรับรู้ การเมืองต้องต่อสู้เพื่อส่วนรวม"เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

#36 Eyey

Eyey

    แม่มด Lv. 1

  • Members
  • PipPipPip
  • 836 posts

ตอบ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 16:32

นั่นสิ อยากเห็นวิทยานิพนธ์นายกปูมาก

ว่าแต่คนกลางมากระทู้นี้พูดถึงแต่กวดสิชา ไม่พูดถึงลูกนายใหญ่แม้แต่น้อย

ดีนะที่ไม่แขวะมาร์คอีก
"In politics, stupidity is not a handicap." - Napoleon Bonaparte ในทางการเมือง ความโง่บัดซบ ไม่ใช่แต้มต่อแต่อย่างใด

#37 พระฤๅษี

พระฤๅษี

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,127 posts

ตอบ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 16:46

ขนาด รัฐฯ อื่น ( ยังไม่ คลี่ )
แล้วจะให้รัฐฯ นี้ ( มันยอมคลาย )
( ฝัน ตั้งแต่ ยังไม่หลับ )

#38 itsorachai

itsorachai

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,830 posts

ตอบ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 16:52

อยากเห็นเหมือนกัน

#39 butadad

butadad

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,119 posts

ตอบ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 16:56

รู้ว่าลูกโง่ แต่ไม่ยอมรับ ก็ให้มันเรียน เอกชนซิ ไม่ต้องไปโกงตอนสอบเข้า น่าเกลียด

#40 David_GinoLa

David_GinoLa

    สมาชิกระดับไพร่

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,561 posts

ตอบ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 17:08

รู้ว่าลูกโง่ แต่ไม่ยอมรับ ก็ให้มันเรียน เอกชนซิ ไม่ต้องไปโกงตอนสอบเข้า น่าเกลียด


ขนาดโอ๊คเรียนรามยังโกงข้อสอบเลยครับ
"การเมืองต้องเป็นเรื่องการเสียสละ การเมืองคือภาระของทุกผู้การเมืองเรื่องส่วนรวมร่วมรับรู้ การเมืองต้องต่อสู้เพื่อส่วนรวม"เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

#41 Maratiraj_

Maratiraj_

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 826 posts

ตอบ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 17:19


ถ้าผมจำไม่ผิด เรื่อง การแก้ปัญหาเรียนพิเศษนั้น มีมาตั้งนานแล้วครับ ตอนผมอยู่ ม. 4 ก็เคยได้ยินปัญหานี้
เพราะความไม่เท่าเทียมกันทางการศีกษาของคนในกรุงเทพและต่างจังหวัดครับ

เพราะคนต่างจังหวัด ไม่สามารถหาที่เรียนพิเศษได้ง่ายเหมือนเด็ก กทม.ในยุคโน้น (2526 อายอายุเหมือนกัน อิอิ)


ไม่ต้องอายฮะ 2526 ยังไม่แก่ครับ ผมเกิด 29 ครับ

ยุคนั้นเนี่ย เด็กสายวิทย์ใครไม่เรียนเคมี อ.อุ๊ เนี่ย ถือว่าเชยอย่างแรงเลยครับตอนนั้น


ผมเกิดปี 2527 น่าจะอยู่ยุคเดียวกับพวกคุณ

ก็ทำไงได้ละครับที่สอนเคมีมันมีเจ้าเดียวนิ จะให้ไปไหนละครับ

ณ เวลานั้น ติวเตอร์พวกแวดวงกวดวิชา เขาพูดเป้นเสียงเดียวกันเลยครับว่า
ใครเปิดสอนเคมีแข่งกับ อ อุ๊ เจ๊งทุกราย

ปล. ร้านข้าวขาหมูที่อยู่ในซอกหลืบ หลัง รร กวดวิชาวรรณานุสรณ์ อร่อยมาก

Edited by Maratiraj_, 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 17:44.


#42 butadad

butadad

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,119 posts

ตอบ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 17:22


รู้ว่าลูกโง่ แต่ไม่ยอมรับ ก็ให้มันเรียน เอกชนซิ ไม่ต้องไปโกงตอนสอบเข้า น่าเกลียด


ขนาดโอ๊คเรียนรามยังโกงข้อสอบเลยครับ

นั่น ว่าที่นายก ผมเว้นให้

#43 David_GinoLa

David_GinoLa

    สมาชิกระดับไพร่

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,561 posts

ตอบ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 17:40

ถึงจะโกงข้อสอบ แต่ท่านก็ตั้งใจทำงานนะครับ ไม่เหมือนพวกแมลงวาปหรอก ดีแต่พูดให้จินตนาการ :angry:


อำมาตย์ แมงวาป สลิ่มแอบปลอมตัวมาเป็นท่านเพื่อใส่ร้ายท่าน ท่านไม่ผิด :D
  • -3- likes this
"การเมืองต้องเป็นเรื่องการเสียสละ การเมืองคือภาระของทุกผู้การเมืองเรื่องส่วนรวมร่วมรับรู้ การเมืองต้องต่อสู้เพื่อส่วนรวม"เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

#44 David_GinoLa

David_GinoLa

    สมาชิกระดับไพร่

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,561 posts

ตอบ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 15:03

ปลอดแดงอีกแล้วหรอเนี่ย? :lol:
"การเมืองต้องเป็นเรื่องการเสียสละ การเมืองคือภาระของทุกผู้การเมืองเรื่องส่วนรวมร่วมรับรู้ การเมืองต้องต่อสู้เพื่อส่วนรวม"เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

#45 David_GinoLa

David_GinoLa

    สมาชิกระดับไพร่

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,561 posts

ตอบ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 19:11



รู้ว่าลูกโง่ แต่ไม่ยอมรับ ก็ให้มันเรียน เอกชนซิ ไม่ต้องไปโกงตอนสอบเข้า น่าเกลียด


ขนาดโอ๊คเรียนรามยังโกงข้อสอบเลยครับ

นั่น ว่าที่นายก ผมเว้นให้


:lol: :lol:
"การเมืองต้องเป็นเรื่องการเสียสละ การเมืองคือภาระของทุกผู้การเมืองเรื่องส่วนรวมร่วมรับรู้ การเมืองต้องต่อสู้เพื่อส่วนรวม"เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

#46 David_GinoLa

David_GinoLa

    สมาชิกระดับไพร่

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,561 posts

ตอบ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 23:52




"การเมืองต้องเป็นเรื่องการเสียสละ การเมืองคือภาระของทุกผู้การเมืองเรื่องส่วนรวมร่วมรับรู้ การเมืองต้องต่อสู้เพื่อส่วนรวม"เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

#47 soco

soco

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,401 posts

ตอบ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 00:05

ส่งสมุนไปสอบแทน ไม่ง่ายกว่าเร๊อะ
รักใครชอบใครก็เรื่องของเราแต่เราก็ไม่เป็นขี้ข้าโจร

#48 นายตัวเกร็ง

นายตัวเกร็ง

    Monkey Godfather Lv.3

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,901 posts

ตอบ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 00:12

ไอ้พวกแมงสาบ...
เล่นงานนโยบายที่ทั่นมหาแม้วคิดมาไม่ได้
เลยเล่นครอบครัวแม้วแทน ก็เพราะอย่างนี้แหละ
ถึงเลือกตั้งไม่ชนะใครมา ๒๐ ปี :angry:

(สำหรับแดงที่ไม่เอา Template หาคำตอบอื่นไม่ได้)

Edited by นายตัวเกร็ง, 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 00:13.

เขียนเรื่องการเมือง : ดราม่า ,เขียนเรื่องสังคม : ดราม่า เขียนเรื่องบันเทิง : ดราม่า
แต่พอโพสเรื่องหื่น : มีความเห็นเป็นไปทางเดียวกันเสมอ >3<


#49 Toys

Toys

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 641 posts

ตอบ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 22:45

โกงทั้งโคตร

#50 aumddd

aumddd

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 736 posts

ตอบ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 23:50

บลูสกายเอามาตอกโอ๊คอ๊าคแล้ว ฝั่งโน้นจะมีปฏิกิริยาอย่างไรน๊อ

Posted Image


พี่หล่อมากขอไปแปะเฟจบุ๊คได้เปเล่า
งด "โควเต้" พวกกระทู้รับจ้างโพส --> [สมาชิกช่วยๆ กันนะครับ]




ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน