กระทู้วิพากษ์วิจารณ์นโยบายรัฐบาลเพื่อไทย : ตอน one tablet per child
#1
Posted 5 September 2012 - 20:01
30 บาทรักษาทุกโรคไปแล้ว มาคราวนี้หนึ่งในนโยบายยอดฮิต
one tablet per child เป็นนโยบายแรกๆที่เพื่อไทยใช้หาเสียงในการเลือกตั้ง
ได้มีการถกเถียงถึงคุณภาพของเครื่อง tablet ทั้งการรองรับ
ของครูอาจารย์ที่ทำการเรียนการสอน ระบบการใช้งาน
แบบเรียน การดูแลรักษาในการใช้งาน เนื่องจากเป็นเด็กเล็ก
ตอนนี้เครื่องส่งมอบไปแล้ว ปัญหาต่างๆก็เริ่มตามมา เช่น
ตอนนี้มีครูท่านหนึ่งใช้งานแล้วเกิดไฟดูดจากตัว tablet จึงได้แจ้งเตือน
เด็กๆ รวมถึงการส่งมอบอย่างไม่ทั่วถึง ตอนนี้ไม่ทราบเลยว่า
นโยบายของอดีตนายกฯอภิสิทธิ์ โครงการเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ
หายสาปสูญไปไหน หรือยังมีอยู่แต่ไม่มีประชาสัมพันธ์
หรือยกเลิกไปแล้ว แล้วเอางบมาใส่นโยบายนี้แทน
สรุปนโยบายนี้ของเพื่อไทยก็ยังคงตำน้ำพริกละลายแม่น้ำแบบไม่รู้จบ
มีค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่องทั้งการบำรุงรักษา อบรมครูอาจารย์ให้เท่าทัน
เทคโนโลยี และไม่มีสิ่งไหนรับประกันได้เลยว่านโยบายนี้
จะช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าของผู้ปกครอง หรือ เด็กๆจะเรียนได้เก่งขึ้น
เพราะ tablet แม้แต่เกณฑ์กำหนดให้แจกเด็ก ป.1 ยังมีหลายเสียง
คัดค้านเพราะวุฒิภาวะของเด็กวัยนี้อาจยังไม่มีพอในการดูแลรักษา
tablet ดังนั้นนโยบายนี้ก็ยังไม่ได้ช่วยอะไรทั้งเด็กและผู้ปกครอง
แต่กลับช่วยให้เพื่อไทยได้คะแนนเสียงตอนเลือกตั้งเสียเองมากกว่า!!!!
#2
Posted 5 September 2012 - 20:03
#3
Posted 5 September 2012 - 20:15
วิเคราะห์ โครงการคอมพิวเตอร์มือถือสำหรับนักเรียนทุกคน (One Tablet PC Per Child) ของพรรคเพื่อไทย
โดย Yingluck Shinawatra เมื่อ 30 มิถุนายน 2011 เวลา 15:46 น. ·
วิเคราะห์ โครงการคอมพิวเตอร์มือถือสำหรับนักเรียนทุกคน (One Tablet PC Per Child) ของพรรคเพื่อไทย
ในยุคโลกาภิวัฒน์แข่งขันสูง คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ท เป็นปัจจัยพื้นฐาน ไม่ใช่ทางเลือกหรือของฟุ่มเฟือย แต่เป็นสาธารณูปโภคสำคัญที่รัฐต้องช่วยจัดหาให้มีใช้อย่างทั่วถึง ทันสมัย คุณภาพดี ราคาถูก โดยเฉพาะสำหรับเด็กรุ่นใหม่ ต้องเตรียมให้ทันยุค เป็นกำลังสำคัญในการแข่งขันของประเทศ
พรรคเพื่อไทยจึงมี 2 นโยบายพิเศษรองรับ คือ โครงการอินเทอร์เน็ทไร้สายในที่สาธารณะฟรี (Free WiFi) และ โครงการคอมพิวเตอร์มือถือสำหรับนักเรียนทุกคน (One Tablet PC Per Child)
สุภาษิตจีน (Chinese Proverb)
“ถ้าท่านวางแผนเพียงปีเดียวให้ปลูกข้าว, ถ้าท่านวางแผนยี่สิบปีให้ปลูกต้นไม้, แต่ถ้าท่านวางแผนร้อยปีให้พัฒนาคน” (If you are planning for one year, grow rice. If you are planning for twenty years, grow trees. If you are planning for a century, grow men.)
ปี 2550 เตรียมแจกคอมพิวเตอร์ Notebook ให้เด็กป.1
“ขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการได้นำเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับเรื่องการติดตั้งคอมพิวเตอร์ เรื่องของการเตรียมการที่จะให้เด็กนักเรียนทั้งหลายได้ใช้คอมพิวเตอร์มาเสนอ เมื่อวานนี้ (21 ต.ค.) มีการประชุมมีเรื่องทำราคาให้อินเตอร์เน็ตถูกลง และสร้าง Interactive Book ทำ E-Book เพื่อเตรียมรองรับการติดตั้งคอมพิวเตอร์ 250,000 ตัวในปีการศึกษาหน้า นอกจากนั้นจะเพิ่มคอมพิวเตอร์อีก แล้วจะมีระบบเรียกว่า One Laptop per Child คือปี 2550 ถ้าลูกใครเข้าเรียนชั้นประถมปีที่ 1 จะแจกคอมพิวเตอร์คนละตัว แล้วเอากลับบ้านได้ด้วย เพื่อที่คอมพิวเตอร์ตัวนั้นจะมีหนังสืออยู่ในนั้น คือเป็น E-Book เป็นหนังสืออยู่ในคอมพิวเตอร์ ไม่ต้องมานั่งอ่านแล้ว Book จะเป็น Interactive สามารถทำแบบฝึกหัดบนคอมพิวเตอร์เลย อันเล็กๆ 7 นิ้วครึ่ง กำลังเร่งทำเรื่องนี้”
จากรายการนายกฯคุยกับประชาชน 22 ตุลาคม 2548

1. วิสัยทัศน์โครงการ One Laptop per Child ควรเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2550
- แต่ถูกยกเลิกไปเพราะการปฏิวัติ โครงการใหม่ “คอมพิวเตอร์มือถือ สำหรับนักเรียนทุกคน (One Tablet PC Per Child)” จึงเป็นการรื้อฟื้นและต่อยอดโครงการเดิม แต่ดีกว่าเดิม คือ
- Tablet PC วันนี้ เป็นของแพร่หลายอยู่แล้ว ราคาถูกเหลือราว 3,000 บาทต่อเครื่อง เพราะฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ต่อยอดจากชิ้นส่วนมือถือ และแนวโน้มราคาลดลงเรื่อยๆแต่เครื่องเก่งขึ้น ถูกกว่า Laptop เดิมมาก ที่ต้องวิจัยและออกแบบใหม่ ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ ต้นทุนใกล้หมื่นบาทต่อเครื่อง
- ระบบสัมผัสแทนคียบอร์ด ขนาดเล็กถือได้คล้ายหนังสือ พกสะดวก ดูแลรักษาง่าย
- ปี 2553 iPad ของบริษัท Apple เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดกระแสความสนใจคอมพิวเตอร์มือถือไปทั่วโลก แต่โครงการนี้จะใช้ระบบปฏิบัติการ Android ที่ใช้ได้ฟรีแบบ Open Source ของบริษัท Google ที่นิยมมากที่สุดในโลก มีการขายไปแล้วหลายร้อยล้านเครื่องโดยผู้ผลิตหลายร้อยราย ทั้งยี่ห้อดังเช่นแซมซุง หรือผู้ผลิตจากจีนราคาถูกมาก
2. ต้นทุนโครงการนี้จะไม่สูงเป็นแสนๆล้านบาทอย่างที่มีผู้กล่าวหา
- เช่น หากเครื่องละ 3,000 บาท หากให้เฉพาะ ป.1 ใหม่ 800,000 คน ก็จะใช้งบ 2,400 ล้านบาททุกปี
- สมมติกรณีสุดขั้วที่รัฐบาลจัดให้ทุกชั้นปีตั้งแต่ ป.1-ม.6 รวม 10 ล้านเครื่อง เฉพาะปีแรก (ปีถัดไปให้เฉพาะ ป.1 รุ่นใหม่) ก็จะใช้งบ 30,000 ล้านบาท (7.6% ของงบกระทรวงศึกษา 391,000 ล้านบาท หรือ 1.4% ของงบรวมปี54 2.07 ล้านล้านบาท)
- ในทางกลับกัน จะประหยัดงบอื่นได้อีกมากนับหมื่นๆล้านบาท เพราะเมื่อเป็น Ebook แล้ว ก็ไม่ต้องขายหรือแจกตำราเรียนที่เป็นหนังสือกระดาษอีก
- ใช้งบประมาณน้อยกว่าโครงการเรียนฟรี 15 ปีที่ใช้งบถึง 80,000 ล้านบาทปีที่แล้ว ซึ่งยังมีปัญหาว่าฟรีได้จริงไหม คุณภาพดีไหม ได้ประโยชน์คุ้มงบประมาณไหม
- หากผลิตจำนวนมาก ราคาจะถูกได้อีก และผลิตในไทยได้ มีโรงงานรับผลิตหลายแห่ง และสามารถเรียนรู้จากอินเดียที่มีโครงการผลิตได้ถูกมากๆ
-----------------------------
อินเดียส่งแทบเลตสุดถูก Sakshat Tablet ราคาเริ่มต้นที่ 1,050 บาท
Sakshat บริษัท IT ของประเทศอินเดีย สร้างปรากฏการณ์ใหม่อีกแล้ว โดยได้ออกแทบเลตเพื่อประชาชนออกมา ซึ่งมีราคาสุดถูก อยู่ที่ $35 เท่านั้น คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 1,050 บาท !!! โดยเจ้าแทบเลตเครื่องนี้มีชื่อว่า Sakshat Tablet มาพร้อมหน้าจอขนาด 7 นิ้ว ใช้ระบบปฏิบัติการ Android
Sakshat ได้ประกาศวางจำหน่ายแทบเลตของตนเอง โดยมีราคาเริ่มต้นสุดถูก คืออยู่ที่ประมาณ 1,050 บาทเท่านั้น และยังใช้ระบบปฏิบัติการสุดฮิต Android อีก ด้วย โดยตอนนี้ได้วางจำหน่ายแล้วถึง 10,000 เครื่องด้วยกัน โดยที่ราคานั้นจากที่ตอนแรกตั้งไว้ที่ $35 และเมื่อรวมค่าอื่นๆ เข้าไปอีก จะอยู่ที่ $49 แต่รัฐบาลของอินเดียช่วยอุ้มอีกครึ่งราคา ทำให้ราคาจะเหลือแค่ $25 หรือ 750 บาทเท่านั้น เนื่องจากวัสดุ อุปกรณ์ของ Sakshat Tablet นั้นค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับแทบเลตเครื่องอื่นๆ
โดยสเปคของ Sakshat Tablet จะมาพร้อมแรมแบบ 2GB มีกล่องหน้า และมีหน่วยความจำภายใน 32GB แบบ HDD ซึ่งทางรัฐบาลอินเดียตั้งเป้าไว้ว่า จะให้แทบเลตเครื่องนี้เป็นแทบเลตเพื่อการศึกษา และสามารถใช้เป็น e-book ได้ด้วย
LINKS
-----------------------------
3. หลักสำคัญและประโยชน์ของการให้คอมพิวเตอร์มือถือสำหรับนักเรียนทุกคน
- เป็นการให้เครื่องมือเพื่อให้นักเรียนสร้างนิสัยเรียนรู้ด้วยตนเอง อันเป็นการเรียนรู้ที่ดีที่สุด ต้นทุนต่ำสุด ดีกว่าไปจ่ายเงินอุดหนุนเรียนฟรี (เหมือนการช่วยคนจน ควรสอนหากินและให้เครื่องมือ ไม่ใช่ไปแจกอาหารเป็นครั้งๆ)
- เป็นการสร้างรากฐานเตรียมเด็กไทยให้ก้าวสู่ยุคดิจิตอลและ Hitech ครั้งใหญ่ อย่างทั่วถึงเท่าเทียม ทั้งในเมืองและชนบท ไม่ใช่ทำทีละนิด กระปริกระปรอย
- ความน่าสนใจของเนื้อหาดิจิตอล จะช่วยเพิ่มนิสัยการรักการอ่านและการค้นคว้าเรียนรู้ของนักเรียนได้มาก
- ไม่ต้องแบบหนังสือเรียนหนัก จนเด็กมือด้านหลังแอ่น
- เป็นวิธีที่ถูกกว่าและแก้ปัญหาให้นักเรียนได้ใช้คอมพิวเตอร์ ได้ทั้งโรงเรียนและที่บ้าน
- เพราะฐานผู้ใช้และปริมาณใช้งานจำนวนมากที่เกิดขึ้น จะช่วยสร้างอุตสาหกรรมซอฟ์ทแวร์ไทย ตลาดซื้อขายโปรแกรม (Market) ช่วยสร้างนักเขียนและขยายธุรกิจซอฟ์ทแวร์และเว็บของไทยให้เติบโตและส่งออก
- โครงการนี้สอดคล้องกับโครงการ Free WiFi ของพรรคเพื่อไทยด้วย
4. ตัวอย่างประโยชน์คอมพิวเตอร์มือถือที่นักเรียนใช้งานออนไลน์และดิจิตอลที่เหนือกว่าแค่หนังสือกระดาษ
- Ebook เครื่องหนึ่งจุหนังสือได้เกินพอเป็นพันๆเล่ม
- Web ค้นหา ศึกษาหัวข้อได้ไม่จำกัดจากทั่วโลก
- Participate มีส่วนร่วม เขียนอ่านบทความ Blog กระดานเว็บบอร์ด ฯลฯ
- Library ห้องสมุดและแหล่งข้อมูล
- Service เช่น ลงทะเบียน สมัครเรียน สอบ ตารางเรียน สอบ กิจกรรม ฯลฯ
- Chat/Skype/Email ถาม หารือกับเพื่อน ครู
- App พจนานุกรม ทำข้อสอบ
- Multimedia ฝึกสนทนาฝึกภาษาต่างประเทศ เรียนดนตรี กีฬา ฯลฯ
5. เป็นโอกาสได้พัฒนาระบบปฏิบัติการ Android ของไทยเอง
- เนื่องจาก Android เป็นระบบเปิด Open Source สามารถดัดแปลงเป็นเฉพาะของไทยได้ เช่น ให้เข้าได้เฉพาะเว็บหรือลงโปรแกรมที่กระทรวงอนุมัติ ผ่านเฉพาะตลาดของกระทรวง หรือ ทุกเครื่องสามารถมีชื่อเฉพาะ มีรหัสลับ หากเครื่องหาย จะล็อกเครื่องทางไกลได้ ทำให้ลดการขโมย เพราะเอาไปใช้ไม่ได้
- ที่จีน มีผู้ทำระบบปฏิบัติการ Tapas และ oPhone (ของบริษัท China Mobile) สำหรับโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์มือถือ ก็ดัดแปลงมาจาก Android
6. ประโยชน์อื่นๆ
- สำนักพิมพ์ได้รายได้จากค่าเขียนและออกแบบหนังสือ Ebook โดยไม่ต้องมีค่าพิมพ์และค่าขนส่ง อาจจะมีกำไรมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะต้นทุนลดลง เป็น Win Win ประหยัดและได้ประโยชน์ทุกฝ่าย ทั้งรัฐ เอกชน โรงเรียน นักเรียน ผู้ปกครอง
- ยังช่วยปัญหาโลกร้อนเพราะลดการใช้กระดาษ การพิมพ์ และการขนส่งด้วย
โดย นาย Thai Inter
30 มิถุนายน 2554
ดาวน์โหลดเอกสาร PDF PTP-Policy-Analysis-Tablet.pdf
#4
Posted 5 September 2012 - 20:19
ผมยังมองว่า การอ่านเขียนท่องจำแบบเบสิค โคดๆ ขีดเขียนตัวอักษรด้วยดินสอ ท่องสูตรคูและคิดเลขเร็ว แบบที่พ่อแม่ปู่ย่าตายายเราทำมากันนั้น เหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับเด็ก อนุบาล - ป.4
นั่นเพราะอะไร เพราะเป็นการสร้างพื้นฐาน สร้างความจำ การสร้างข้อมูลไว้ให้กับเด็ก เพื่อเอาไว้ใช้ในอนาคต นั่นคือการวิเคราะห์ที่ค่อยปลูกฝังกันในช่วง ป.5 - 6 ต่อไป
ก็เหมือนกับเครื่องคิดเลข 5 x 5 เท่ากับ เท่าไหร่?
- ถ้าเป็นคนก็จะท่องสูตรคูณแ้ล้วว่า ห้าหนึ่งห้า, ห้าสองสิบ ..... ห้า ห้า ยี่สิบห้า คำตอบคือ 25 จะคิดเร็ว คิดช้า ก็แล้วแต่แต่ละคน
แต่เราต่างก็จะรู้ว่า ที่มันเป็น 25 "เพราะว่า การคูณเลข คือการบวกตัวมันเองเพิ่มขึ้นไป ตามจำนวนเลขคูณ เท่ากับ 5+5+5+5+5 = 25"
เขียนในรูปของ สมการคูณเลขก็คือ 5 x 5 นั่นเอง ก็อาจจะมีคูณช้า คูณผิดถูกบ้าง มันก็จะเป็นประสบการณ์ของการเรียนรู้
- ถ้าเอาเทคโนโลยีมาใช้ กดเครื่องคิดเลข ห๊้า ครู๊น ห้า๊ ปรื๊ดดด ติ๊งงง (เสียงกดเครื่องคิดเลข) ผลลัพท์ออกมาทันที 5 x 5 = 25
แต่เชื่อเถอะ เด็กมันไม่รู้หรอก ว่า "เพราะอะไร? ผลลัพท์มันถึงเป็น 25" จะสนทำไม? มันถูกอยู่แล้วนี่? แล้วก็เร็วด้วย ได้คำตอบแล้ว มันจะมายังไงก็ช่างเถอะ?
เด็กควรจะโง่หรือว่าฉลาดกันแน่นะ?
ไหนจะเรื่อง งบประมาณ ที่ยังสัยว่า จ่ายโครงการนี้ไป 100 มันรอดมาถึงมือนักเรียนถึง 50 หรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะเท่าทีอ่านมา กากโคดๆ ครับ
นี่ยังไม่นับเรื่อง ความบันเทิงที่จะทำให้เด็กหันไปสนใจการเล่นเครื่องแทบเล็ต เล่นเกมส์ คอยถามอาจารย์ว่า เล่นเกมส์ได้มั้ยฮับ กดตรงนี้มีเสียงป่าว อยากดูภาพนู๊ดดารา เอ๊ย ดูเทเลทับบี้ ได้มั้ยครับ? อาจ๊าาานนนย์
ขอถามตอนจบแค่คำถามเดียว
"โครงการแทบเล็ตแจกเด็ก ป.1 นี่มันได้อะไรครับ?"
Edited by ดาร์ค สวอน, 5 September 2012 - 20:21.
- มีคณา, V.Junior for Vendetta, Maestro and 5 others like this
ถ้าอยากได้ความเท่าเทียม
ก็ปีนป่ายขึ้นไปให้อยู่เทียบเท่ากับคนอื่นเค้า
อย่าได้กระชากฉุดให้คนอื่นเขาลงมาตกต่ำเท่ากับตน
#5
Posted 5 September 2012 - 20:21
ทุกวันนี้ขอถามตามตรง คุณใช้ wi-fi ฟรีของรัฐบาลเพื่อไทยได้ง่ายดายขนาดนั้นเลยเหรอ
วานเพื่อนสมาชิกเสื้อแดงในนี้ตอบให้กระจ่างที
แจก tablet แล้วให้ใช้ wi-fi ฟรี ฟังดูดีแต่ในทางปฏิบัติอีกเรื่อง
ถ้าเพื่อนสมาชิกแดงท่านไหนไม่เข้าใจกรุณาย้อนกลับไปอ่านที่กระทู้ 30 บาทรักษาทุกโรคนะครับ
#6
Posted 6 September 2012 - 07:44
คิดได้แค่นี้ ไม่แปลกใจ เกาหลีใต้ เขาถึงแซงไม่เห็นฝุ่น
พวกเสื้อแดง นี่เอาความรู้ความสามารถมาวิจารณ์ได้นะครับ
อย่าทำแบบ rufer ไร้สาระแถไปวันๆ
Edited by ฝ่าดงกุ้ย, 6 September 2012 - 07:44.
- โจโฉ นายกตลอดกาล likes this
#7
Posted 6 September 2012 - 08:10
1 ความเหมาะสม เหมาะสมกับวัยไหม และความเหมาะสมอื่นๆ
2 ความพร้อม หลักสูตรพร้อมไหม ผู้สอนพร้อมไหม โรงเรียนพร้อมไหม ระบบรับรองพร้อมไหม?
3 ดีพอไหม? เท็บเล็ตที่ได้มาดีพอ เหมาะพอกับความต้องการไหม?
1 ความเหมาะสม เหมาะสมกับวัยไหม และความเหมาะสมอื่นๆ
ผมยังมองวัยของเด็กประถมหนึ่งกับความเหมาะสมกับการใช่แท็บเล็ตไม่ออกเลย ยอมรับได้หากเป็นมัธยม 1 ขึ้นไป ในกรณีประถม 1 วัยที่กำลังฝึกการใช่มือ การคัดตัวอักษร ผมมองด้วยความไม่เชื่อในเรื่องวัย
2 ความพร้อม หลักสูตรพร้อมไหม ผู้สอนพร้อมไหม โรงเรียนพร้อมไหม ระบบรับรองพร้อมไหม?
เรายังคุยเรื่องหลายโรงเรียนที่ไม่มีไฟฟ้า จะว่าไปหลักสูตรในการใช่แท็บเล็ตร่วมกับการเรียนรู้วิชาต่างๆ ออกมาหรือยังไม่ทราบได้ และที่ออกมาใช่ได้ไหม? เพราะการออกหลักสูตรใหม่แต่ละครั้งใช่เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ปี ในการเขียน ทดสอบและประเมิน
นี้ยังไม่นับถึงคำถามว่า wifi ติดครบทุก รร หรือยัง
3 ดีพอไหม? เท็บเล็ตที่ได้มาดีพอ เหมาะพอกับความต้องการไหม?
ผมนั่งดูป้ายเตือนบนแท็บเล็ต การชาร์ตไฟแล้วโดนดูด ระบบที่ไม่ได้ออกแบบมาป้องกันเว็บลามก ฯลฯ ผมยังไม่พูดถึงบริษัทที่ส่งของป็นห้องแถวและยังไม่มีคำตอบเรื่องศูนย์บริการ
ดีพอไหม?
ผมยอมรับปีแรกยังพูดอะไรมากไม่ได้ แต่การประเมินไม่ประเมินไม่พูดถึงไม่ได้หรอก เพราะมันเกิดขึ้นแล้วและเลวร้ายพอควร
- พ่อไอ้ร้อยล็อคอิน, DarkSwan, tonk and 1 other like this
#8
Posted 6 September 2012 - 08:22
ผมว่าเรื่องแท็บเล็ดแบ่งเป็น 3 ส่วนนะครับ
1 ความเหมาะสม เหมาะสมกับวัยไหม และความเหมาะสมอื่นๆ
2 ความพร้อม หลักสูตรพร้อมไหม ผู้สอนพร้อมไหม โรงเรียนพร้อมไหม ระบบรับรองพร้อมไหม?
3 ดีพอไหม? เท็บเล็ตที่ได้มาดีพอ เหมาะพอกับความต้องการไหม?
1 ความเหมาะสม เหมาะสมกับวัยไหม และความเหมาะสมอื่นๆ
ผมยังมองวัยของเด็กประถมหนึ่งกับความเหมาะสมกับการใช่แท็บเล็ตไม่ออกเลย ยอมรับได้หากเป็นมัธยม 1 ขึ้นไป ในกรณีประถม 1 วัยที่กำลังฝึกการใช่มือ การคัดตัวอักษร ผมมองด้วยความไม่เชื่อในเรื่องวัย
2 ความพร้อม หลักสูตรพร้อมไหม ผู้สอนพร้อมไหม โรงเรียนพร้อมไหม ระบบรับรองพร้อมไหม?
เรายังคุยเรื่องหลายโรงเรียนที่ไม่มีไฟฟ้า จะว่าไปหลักสูตรในการใช่แท็บเล็ตร่วมกับการเรียนรู้วิชาต่างๆ ออกมาหรือยังไม่ทราบได้ และที่ออกมาใช่ได้ไหม? เพราะการออกหลักสูตรใหม่แต่ละครั้งใช่เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ปี ในการเขียน ทดสอบและประเมิน
นี้ยังไม่นับถึงคำถามว่า wifi ติดครบทุก รร หรือยัง
3 ดีพอไหม? เท็บเล็ตที่ได้มาดีพอ เหมาะพอกับความต้องการไหม?
ผมนั่งดูป้ายเตือนบนแท็บเล็ต การชาร์ตไฟแล้วโดนดูด ระบบที่ไม่ได้ออกแบบมาป้องกันเว็บลามก ฯลฯ ผมยังไม่พูดถึงบริษัทที่ส่งของป็นห้องแถวและยังไม่มีคำตอบเรื่องศูนย์บริการ
ดีพอไหม?
ผมยอมรับปีแรกยังพูดอะไรมากไม่ได้ แต่การประเมินไม่ประเมินไม่พูดถึงไม่ได้หรอก เพราะมันเกิดขึ้นแล้วและเลวร้ายพอควร
อย่างไรก็ตามผมก็ยังนิยมหลักสูตรสมัยเก่าอยู่ ที่มีการคัดลายมือ มีวิชาคัดไทย เขียนไทย หน้าที่พลเมืองและศีลธรรม เพราะทำให้นักเรียนในสมัยนั้นมีคุณภาพชีวิตที่ดี รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน มาสมัยนี้การเรียนวิชาเป็นหน่วยกิตตามแบบอเมริกา เรียนจบแต่ละหมวดแล้วก็ทิ้งไป ไม่มีการทบทวน ทำให้คุณภาพการศึกษาแย่ลง เด็กไทยเขียนหนังสือไทยถูกต้องน้อยลงไป คิดเลขไม่เป็นถ้าไม่มีเครื่องมือคำนวน การใช้แทบเลตก็มีประโยชน์ แต่เหมาะสมกับการเรียนระดับไหนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ถึงสูงศักดิ์อัครฐานสักปานไหน.ถึงวิไลเลิศฟ้าสง่าศรี..ถึงเก่งกาจฉลาดกล้าปัญญาดี..ถ้าไม่มี "คุณธรรม" ก็ต่ำคน.... พระราชนิพนธ์ในล้นเกล้า รัชกาลที่ ๕ " https://www.facebook...akwarakfromyala https://www.facebook.com/NARAPEACE
#9
Posted 6 September 2012 - 08:34
ข้างบนนี้เป็นบทความกึ่งหาเสียงของรัฐบาลเพื่อไทย
ทุกวันนี้ขอถามตามตรง คุณใช้ wi-fi ฟรีของรัฐบาลเพื่อไทยได้ง่ายดายขนาดนั้นเลยเหรอ
วานเพื่อนสมาชิกเสื้อแดงในนี้ตอบให้กระจ่างที
แจก tablet แล้วให้ใช้ wi-fi ฟรี ฟังดูดีแต่ในทางปฏิบัติอีกเรื่อง
ถ้าเพื่อนสมาชิกแดงท่านไหนไม่เข้าใจกรุณาย้อนกลับไปอ่านที่กระทู้ 30 บาทรักษาทุกโรคนะครับ
ใช้ได้แค่ ๑๒๐ นาที แค่อ่านกระทู้ใครฆ่าเกด ก็เกือบหมดแล้วมั้ง
- โจโฉ นายกตลอดกาล likes this
#10
Posted 6 September 2012 - 08:42
สิ่งได้มาคือเป็นพวกขัดขวางการศึกษาของชาติ
หลังแจกพบปัญหาอย่างที่วิพากษ์ไปตอนต้น
สิ่งที่ได้มาคือทดลองไปก่อน อย่าทำตัวเป็นจรเข้ขวางคลอง
มัวแต่คิดแบบเก่าไม่กล้าเสี่ยง (เอาอนาคตของชาติมาเสี่ยงได้ด้วย?)
เพลีย....
- DarkSwan likes this
เขียนเรื่องการเมือง : ดราม่า ,เขียนเรื่องสังคม : ดราม่า เขียนเรื่องบันเทิง : ดราม่า
แต่พอโพสเรื่องหื่น : มีความเห็นเป็นไปทางเดียวกันเสมอ >3<
#11
Posted 6 September 2012 - 09:52
ฝ่ายเทคนิคอ้างมาตรฐานแบตเตอรี่จีนก็ประมาณนี้ มั่นใจไฟไม่ดูดเด็กแน่นอน
ปัญหาแท็บเล็ตที่รัฐบาลแจกให้กับนักเรียนชั้น ป.1 ซึ่งไม่มีระบบตัดไฟขณะชาร์จแบตเตอรี่ จนทำให้เครื่องร้อนผิดปกติ และเสี่ยงต่อการถูกไฟดูดนั้น ได้รับการชี้แจงจากฝ่ายเทคนิคกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ว่า เป็นเรื่องธรรมดาของแบตเตอรี่ที่มีราคาถูก ซึ่งจะมีอาการไฟฟ้าสถิตไม่ใช่ไฟดูด ไม่ใช่กระแสไฟชอร์ต และชาร์จนานๆ ก็จะเกิดความร้อนสะสม เหมือนกับโทรศัพท์ของจีนที่เมื่อชาร์จไฟนานๆ ก็จะร้อนเป็นปกติ[/font]
ขณะที่แหล่งข่าวจากกรรมการบริหารโครงการแท็บเล็ต อธิบายว่า หากจะถูกไฟฟ้าดูดก็น่าจะเป็นตอนที่กำลังเสียบสายชาร์จและเปิดเครื่อง ไม่ว่าอุปกรณ์ไหนๆ ถ้าเสียบสายชาร์จกับปลั๊กไฟหรือเสียบเข้ากับคอมพิวเตอร์แล้วถือโดยสัมผัสกับส่วนที่เป็นโลหะ มันก็อาจจะดูดได้ทั้งนั้น
“แต่หากไม่ได้เสียบชาร์จ แบตเตอรี่ก็จะมีกำลังจ่ายไฟแค่ไม่กี่โวลต์บวกกับความต้านทานไฟฟ้าในร่างกายคนเราเฉลี่ย 1 แสนโอห์ม เอามาหารกันแล้วกระแสไฟไม่ถึงระดับ 5 แอมแปร์ ซึ่งจะทำให้แค่รู้สึกหรืออาจสะดุ้งเท่านั้น” แหล่งข่าวเปิดเผย
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที ยืนยันว่าแท็บเล็ตที่แจกไปมีความปลอดภัยมาตรฐานเดียวกับที่ขายในท้องตลาด ซึ่งแจกไปแล้วหลายแสนเครื่อง การใช้งานก็เป็นไปตามปกติ เพราะหากพบปัญหาว่าเกิดอันตรายก็ต้องมีรายงานเข้ามาแล้ว
แค่สะดุ้งสนุก ๆ ไม่ถึงตายคร้าาาา ปูรับประกัน
Edited by คุณนายนอกบ้าน, 6 September 2012 - 09:54.
#12
Posted 6 September 2012 - 10:34
เพราะถ้าเด็กเอากลับบ้านได้ อาจเกิดปัญหา เด็กโดนตบของ เด็กโดนขโมย คนอื่นใช้แล้วพัง เอาไปขาย ฯลฯ
ทั้งหมดทั้งมวลนำมาซึ่งคำถามว่า แล้ววันรุ่งขึ้นจะเอาอะไรเรียน..
#13
Posted 6 September 2012 - 10:41
#14
Posted 6 September 2012 - 10:43
มันอ่าน ไม่เกิน3บรรทัด แต่ละบรรทัดก็อ่านไม่ครบด้วย
คิดได้แค่นี้ ไม่แปลกใจ เกาหลีใต้ เขาถึงแซงไม่เห็นฝุ่น
พวกเสื้อแดง นี่เอาความรู้ความสามารถมาวิจารณ์ได้นะครับ
อย่าทำแบบ rufer ไร้สาระแถไปวันๆ
"ความดี กับ ความเลว
ความจริง กับ คำโกหก
ความถูกต้อง กับ การทำผิดกฎหมาย"
ถ้าเกิดเป็น คน ไม่ได้เกิดเป็น ควาย มันไม่ต้องให้ทายหรอก ว่าจะเลือกอย่างไหน
#15
Posted 6 September 2012 - 10:56
Log in เสือเมาบอกว่าลูกเขาได้แล้ว ผมถามไปว่าได้เอากลับบ้านหรือเปล่า ยังไม่ได้คำตอบ
เพราะถ้าเด็กเอากลับบ้านได้ อาจเกิดปัญหา เด็กโดนตบของ เด็กโดนขโมย คนอื่นใช้แล้วพัง เอาไปขาย ฯลฯ
ทั้งหมดทั้งมวลนำมาซึ่งคำถามว่า แล้ววันรุ่งขึ้นจะเอาอะไรเรียน..
ก็ตบแย่งเอาจากเพื่อนข้างๆ เอาสิครับ แค่นี้ก็แก้ปัญหาไม่เป็น พวกแมงสาบนี่โง่จริงๆ เล้ยยย
- idolation likes this
ถ้าอยากได้ความเท่าเทียม
ก็ปีนป่ายขึ้นไปให้อยู่เทียบเท่ากับคนอื่นเค้า
อย่าได้กระชากฉุดให้คนอื่นเขาลงมาตกต่ำเท่ากับตน
#16
Posted 6 September 2012 - 11:19
แล้วทั่นก็ร่ายยาว (โง่ๆ) ตามนโยบายเพื่อไทย (คล้ายๆที่คุณโจโฉนำมาด้านบน) ขอตอบดังนี้
ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่อง ไม่รู้ กลัว หรือปฏิเสธเทคโนโลยี แต่เป็นความเหมาะสมกับ เวลาและสาระต่างหาก
1. แทนที่จะไล่ตาม เลียนแบบประเทศที่ไม่สามารถคิดนวัตกรรมของตนเองได้ ดีแต่ลอกเลียนทั้งหลาย เราควรมองประเทศที่ได้รับการยกย่องและยอมรับ
ว่าระบบการศึกษาดีที่สุดในโลกเช่น ฟินแลนด์ เขาจะไม่ให้นักเรียนใช้คอมพิวเตอร์จนกว่าจะพ้น ป.3
เด็กวัยนี้คือเวลาเตรียมความพร้อม การฝึกกล้ามเนื้อเล็ก การหยิบจับ การเรียนรู้สิ่งรอบตัวผ่านการหยิบ จับ ปฏิบัติ learning by doing ทั้งดินสอ ดินน้ำมัน
สารพัด การฝึกทักษะการสังเกต สิ่งแวดล้อม ธรรมชาติรอบตัว ฯลฯ
2. สาระที่ใส่เข้าไปเสริมสร้างการเรียนรู้ การคิดอย่างไรบ้าง ไม่ใช่เอาแบบเรียน แบบฝึกหัด(เชยๆของศธ.) บวกเกมส์ ใส่เข้าไป
3. เป็นการกรอบความคิดเด็ก ขาดกระบวนการเรียนรู้และทำงานที่จะสร้างกระบวนการคิดต่าง คิดสร้างสรรค์
4. ในสหรัฐและอังกฤษที่มีผลการทดลองว่าช่วยการเรียนรู้ของเด็ก(ประถมปลาย) นั้น น่าจะเป็นเพราะ เนื้อหา สาระ ข้อมูล โปรแกรมการเรียนรู้
เกมส์สร้างสรรค์ต่างๆ online ที่ search หาได้นั้นเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาแรกของครูและโดยเฉพาะเด็ก เหล่านั้น
ขอพูดถึงเฉพาะด้านพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก ไม่พูดถึงคุณภาพ การดูแล การเก็บรักษา และความปลอดภัย ซึ่งก็ล้วนเป็นปัญหาทั้งสิ้นด้วย
#17
Posted 6 September 2012 - 11:38
คิดได้แค่นี้ ไม่แปลกใจ เกาหลีใต้ เขาถึงแซงไม่เห็นฝุ่น
ไม่ต้องห่วงครับ อีกเดี๋ยว
เวียดนาม พม่า ลาว ก็จะแซงเราไปเช่นกัน
ด้วยการบริหารประเทศแบบนี้อ่ะนะ
ส่วนแท๊บเล็ตนั้นได้ลองถามแม่ยายที่เป็นครู
สอน ป.1 โดยตรงว่าเป็นอย่างไรบ้าง ได้รับแจกหรือยัง
ท่านบอกว่า ส่งครูไปอบรมอยู่??
จริงๆมันควรจะมีการอบรมก่อนนำมาแจกใช่หรือไม่
#18
Posted 6 September 2012 - 11:38
อันนี้ความคิดของป้าเก็บของเก่านะ รถเข็นแกปักธงแดง รูป3เกลอซะด้วย......
#19
Posted 6 September 2012 - 13:28
พอจะทำจริงแต่ละอย่าง วุ่นวายไปหมด
ไม่ว่าจะนโยบายไหน เอาเข้าจริงมั่วไปหมด
ไม่มีหลักการ ไม่มีการวางแผนงาน ไม่มีความพร้อม
สักแต่ว่าจะเข้ามาเป็นรัฐบาลให้ได้
แล้วก็หาผลประโยชน์และผลกำไร ก็เท่านั้น
- โจโฉ นายกตลอดกาล likes this
ขอเทิดทูนศักดิ์ศรียิ่งสิ่งใด
...แม้แต่ลมหายใจก็ยอมพลี
โลกยังไม่สิ้นหวัง ถ้ายังมั่นในความดี
...ศรัทธาไม่เคยหน่ายหนี คนดีไม่มีวันตาย
#20
Posted 6 September 2012 - 14:13
อุปกรณ์การเรียนต่าง ๆ ที่สำคัญและเป็นประโยชน์มากที่สุด คือ ความรู้ของผู้สอนกับกระดานดำ (หรือไวท์บอร์ด)
ไม่ใช่ อุปกรณ์ไฮเทค รวมถึง แท๊ปเลต หรือ Projector แต่อย่างใด
ถ้าตัวผู้สอนมีศักยภาพสูง และสามารถถ่ายทอดเป็น (ปัญหาสำคัญมากคือ อ.บางคนเก่งปานเทพ แต่ถ่ายทอดไม่ได้เรื่องเลย)
เด็ก ๆ ก็มีโอกาสพัฒนาได้ครับ
ทุกครั้งที่พูดถึงการแจกแท๊ปเลต ผมนึกถึงข่าว ๆ นึงทันที
http://r66.wdfiles.c...2/ITreport2.pdf
และอีกอันคืออันนี้
http://www.blognone.com/node/33681
ปัญหาหลักของการศึกษาน่าจะอยู่ที่ครูอาจารย์และตัวระบบ มากกว่า เครื่องมือการสอนที่เป็นเพียงอุปกรณ์สนับสนุนนะครับ
ไม่มีอะไรน่าเศร้าไปกว่า เกาไม่ถูกที่คันนะครับ เหมือนคันมือ แต่ไปเกาเท้าซะงั้น
#21
Posted 6 September 2012 - 14:21
ดูผู้นำเป็นตัวอย่างเขียนภาษาไทยยังผิดเลย
ผมว่าเรื่องแท็บเล็ดแบ่งเป็น 3 ส่วนนะครับ
1 ความเหมาะสม เหมาะสมกับวัยไหม และความเหมาะสมอื่นๆ
2 ความพร้อม หลักสูตรพร้อมไหม ผู้สอนพร้อมไหม โรงเรียนพร้อมไหม ระบบรับรองพร้อมไหม?
3 ดีพอไหม? เท็บเล็ตที่ได้มาดีพอ เหมาะพอกับความต้องการไหม?
1 ความเหมาะสม เหมาะสมกับวัยไหม และความเหมาะสมอื่นๆ
ผมยังมองวัยของเด็กประถมหนึ่งกับความเหมาะสมกับการใช่แท็บเล็ตไม่ออกเลย ยอมรับได้หากเป็นมัธยม 1 ขึ้นไป ในกรณีประถม 1 วัยที่กำลังฝึกการใช่มือ การคัดตัวอักษร ผมมองด้วยความไม่เชื่อในเรื่องวัย
2 ความพร้อม หลักสูตรพร้อมไหม ผู้สอนพร้อมไหม โรงเรียนพร้อมไหม ระบบรับรองพร้อมไหม?
เรายังคุยเรื่องหลายโรงเรียนที่ไม่มีไฟฟ้า จะว่าไปหลักสูตรในการใช่แท็บเล็ตร่วมกับการเรียนรู้วิชาต่างๆ ออกมาหรือยังไม่ทราบได้ และที่ออกมาใช่ได้ไหม? เพราะการออกหลักสูตรใหม่แต่ละครั้งใช่เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ปี ในการเขียน ทดสอบและประเมิน
นี้ยังไม่นับถึงคำถามว่า wifi ติดครบทุก รร หรือยัง
3 ดีพอไหม? เท็บเล็ตที่ได้มาดีพอ เหมาะพอกับความต้องการไหม?
ผมนั่งดูป้ายเตือนบนแท็บเล็ต การชาร์ตไฟแล้วโดนดูด ระบบที่ไม่ได้ออกแบบมาป้องกันเว็บลามก ฯลฯ ผมยังไม่พูดถึงบริษัทที่ส่งของป็นห้องแถวและยังไม่มีคำตอบเรื่องศูนย์บริการ
ดีพอไหม?
ผมยอมรับปีแรกยังพูดอะไรมากไม่ได้ แต่การประเมินไม่ประเมินไม่พูดถึงไม่ได้หรอก เพราะมันเกิดขึ้นแล้วและเลวร้ายพอควร
อย่างไรก็ตามผมก็ยังนิยมหลักสูตรสมัยเก่าอยู่ ที่มีการคัดลายมือ มีวิชาคัดไทย เขียนไทย หน้าที่พลเมืองและศีลธรรม เพราะทำให้นักเรียนในสมัยนั้นมีคุณภาพชีวิตที่ดี รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน มาสมัยนี้การเรียนวิชาเป็นหน่วยกิตตามแบบอเมริกา เรียนจบแต่ละหมวดแล้วก็ทิ้งไป ไม่มีการทบทวน ทำให้คุณภาพการศึกษาแย่ลง เด็กไทยเขียนหนังสือไทยถูกต้องน้อยลงไป คิดเลขไม่เป็นถ้าไม่มีเครื่องมือคำนวน การใช้แทบเลตก็มีประโยชน์ แต่เหมาะสมกับการเรียนระดับไหนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
#22
Posted 6 September 2012 - 14:56
Log in เสือเมาบอกว่าลูกเขาได้แล้ว ผมถามไปว่าได้เอากลับบ้านหรือเปล่า ยังไม่ได้คำตอบ
เพราะถ้าเด็กเอากลับบ้านได้ อาจเกิดปัญหา เด็กโดนตบของ เด็กโดนขโมย คนอื่นใช้แล้วพัง เอาไปขาย ฯลฯ
ทั้งหมดทั้งมวลนำมาซึ่งคำถามว่า แล้ววันรุ่งขึ้นจะเอาอะไรเรียน..
รออยู่ครับยังไม่ได้รับเลย.. สงศัยจะได้รอบ 2 ละมั้ง
#23
Posted 6 September 2012 - 15:18
120 นาทีไม่พอครับ พันกว่าเรปนี่ถ้าอ่านหมด อย่างน้อยก็เกือบครึ่งวันแล้ว
ข้างบนนี้เป็นบทความกึ่งหาเสียงของรัฐบาลเพื่อไทย
ทุกวันนี้ขอถามตามตรง คุณใช้ wi-fi ฟรีของรัฐบาลเพื่อไทยได้ง่ายดายขนาดนั้นเลยเหรอ
วานเพื่อนสมาชิกเสื้อแดงในนี้ตอบให้กระจ่างที
แจก tablet แล้วให้ใช้ wi-fi ฟรี ฟังดูดีแต่ในทางปฏิบัติอีกเรื่อง
ถ้าเพื่อนสมาชิกแดงท่านไหนไม่เข้าใจกรุณาย้อนกลับไปอ่านที่กระทู้ 30 บาทรักษาทุกโรคนะครับ
ใช้ได้แค่ ๑๒๐ นาที แค่อ่านกระทู้ใครฆ่าเกด ก็เกือบหมดแล้วมั้ง
ป.ล. ว่าแต่ 100 นาทีนี่จะถึงเหรอครับ
#24
Posted 23 May 2013 - 19:07
รื้อฟื้นและสอบถามนิด ปีนี้เด็กๆได้แท็บเล็ตฯกันไหม?
#25
Posted 23 May 2013 - 19:20
พูดตรง ๆ จากที่มีประสบการณ์เป็นวิทยากรรับเชิญในมหาวิทยาลัยหลายแห่ง
อุปกรณ์การเรียนต่าง ๆ ที่สำคัญและเป็นประโยชน์มากที่สุด คือ ความรู้ของผู้สอนกับกระดานดำ (หรือไวท์บอร์ด)
ไม่ใช่ อุปกรณ์ไฮเทค รวมถึง แท๊ปเลต หรือ Projector แต่อย่างใด
ถ้าตัวผู้สอนมีศักยภาพสูง และสามารถถ่ายทอดเป็น (ปัญหาสำคัญมากคือ อ.บางคนเก่งปานเทพ แต่ถ่ายทอดไม่ได้เรื่องเลย)
เด็ก ๆ ก็มีโอกาสพัฒนาได้ครับ
ทุกครั้งที่พูดถึงการแจกแท๊ปเลต ผมนึกถึงข่าว ๆ นึงทันที
http://r66.wdfiles.c...2/ITreport2.pdf
และอีกอันคืออันนี้
http://www.blognone.com/node/33681
ปัญหาหลักของการศึกษาน่าจะอยู่ที่ครูอาจารย์และตัวระบบ มากกว่า เครื่องมือการสอนที่เป็นเพียงอุปกรณ์สนับสนุนนะครับ
ไม่มีอะไรน่าเศร้าไปกว่า เกาไม่ถูกที่คันนะครับ เหมือนคันมือ แต่ไปเกาเท้าซะงั้น
เอ่อ อาจโดนข้อหา พาดพวง ได้นะครับ ชื่อนั้น
0 user(s) are reading this topic
0 members, 0 guests, 0 anonymous users