ด่วนมาก..จะมีการเขียนประวัติศาสตร๋์ ชาติไทยใหม่หมด....
#1
ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2555 - 20:47
ดูซิว่าคิดได้อย่างไร จะลบ" อัตลักษณ์ชาติ" ให้***นเต้ แล้วมาร่วมกันสร้าง "อัตลักษณ์อาเซียน" ขึ้นมาแทน อ้า
งที่อาเซียนประกาศไว้คือ "หนึ่งประชาคม หนึ่งอัตลักษณ์" คือต้องมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ความเป็นหนึ่งเดียวจะเกิดขึ้นไม่ได้ หรือเกิดได้ยาก ในขณะที่การกินแหนงแคลงใจ กันยังมีอยู่จึงจำเป็นต้องพยายามให้อคติที่มีต่อกันเบาบางจนหมดสิ้นไปให้จงได้
พระเจ้าช่วย ขอสู้สุดใจขาดดิ้นคะ ดูมันคิดกันซิคะว่า ตำราเรียนประวัติศาสตร์มุ่งเน้น เรียนเรื่องศึกสงคราม เช่น ในส่วนที่เกี่ยวกับพม่า จะกล่าวถึงการสู้รบ ระหว่างไทยกับพม่า ว่ามีหลายสิบครั้ง และมักยกกรณีศึกสงคราม สมัยสมเด็จพระนเรศวร ศึกบางระจัน การกอบกู้เอกราช ของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี รวมทั้งสงครามเก้าทัพ ศึกรบพม่าที่ท่าดินแดง สมัยรัชกาลที่ 1 การอธิบายประวัติศาสตร์ จะเป็นมุมมองของตนเอง การนำประวัติศาสตร์ มาเรียน อาจก่อให้เกิดความรักชาติ เกิดความฮึกเหิม แต่ทำให้มีทัศนคติ ที่ไม่ดีต่อเพื่อนบ้าน
อ้างว่า ตำราเรียนประวัติศาสตร์ ที่เรียนกันมา เป็นอุปสรรคต่อการอยู่ร่วมกับชาติอื่น เป้าหมายการเขียน ประวัติศาสตร์ใหม่ จะเน้นการหล่อหลอม กล่อมเกลาทัศนคติ ต่อเพื่อนบ้านในทางลบ โดยการเรียนการสอน ให้ลดเรื่องศึกสงครามลง เขียนประวัติศาสตร์ด้วย ความเห็นอกเห็นใจ ผู้อื่นมากขึ้นแล้ว ครูผู้สอนประวัติศาสตร์ในโรงเรียน ให้ความสำคัญของการใช้วิธีการ ทางประวัติศาสตร์ ในการฝึกกระบวนการคิด ให้กับเด็ก มีความคิดทัศนคติ ที่ทันสมัย ไม่ล้าหลังคลั่งชาติ ???
ทราบไหมคะ ว่าใครได้รับมอบหมาย ให้เขียนประวัติศาสตร์ขึ้นใหม่ " นาย ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ "นักวิชาการจาก สถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษาในสิงคโปร์ แดงล้มเจ้าตัวพ่อ คนที่สร้าง "อากง"ขึ้นมาเป็นนิยาย ดราม่า สุดท้าย เมื่ออากงจะเลิกแสดง ขอพระราชทานอภัยโทษ เลยต่้องตาย
ประชาคมอาเซียน เป้าหมายหลักแค่เศรษฐกิจ ไม่ได้หมายความว่า รวมเป็นหนึ่งแบบยุโรป แม้แต่ ยุโรปเองขนาดเศรษฐกิจ แข็งแกร่งขนาดนั้น ยังร่ำๆจะแตกอยู่นี่ การที่เรารวมประชาคมแล้ว ดัดจริตไปทำตัวเป็นคนดี ผูกมิตร จริงใจ กับประเทศอื่นนั้น มันปัญญาอ่อนเอามากๆ อย่าไปสิ้นคิดด้วยการทำตัวเป็นคนดี จริงใจต่อเพื่อนบ้าน เพราะไม่มีเพื่อนบ้านไหนจริงใจตอบ
การสร้างค่านิยมในการรักชาติ ทำให้ชาติเราเหนือกว่า เพื่อนบ้านได้นั้นพึงรักษาไว้ ต่อให้รวมประชาคมจริง ไม่มีทางทำลายพรมแดน ของชาติไปได้แน่นอน ทุกประเทศต้องยึดถือ ผลประโยชน์ของชาติ เป็นหลักไว้ก่อน ที่จะหวังว่า คนทุกคนไม่แบ่งแยก รักใคร่สมัครสมาน ภราดรภาพ ก้าวข้ามพรมแดนของชาติ ทุกคนเป็นเหมือนพี่น้องกันนั้น อย่าว่าแต่อาเซียนเลย ยุโรปทุกวันนี้ก็ยังทำไม่ได้ และไม่สามารถจะทำได้
เรื่องนี้มีการสัมนากันวันนี้คะ. เปิดดูในเวป กรมอาเซียนหรือ ศธ ก็ได้ เพราะมีการเตรียมอบรมครูสอนประวัติศาสตร์แล้ว.
ข้อมูลจากน้อง Siriwanna Jill
ผมว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆๆผมไม่ทนรอแล้วครับ..แสดงว่า..ร.1จะไม่มี..แล้วเราจะเหลืออะไรครับ...
#2
ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2555 - 21:06
- อู๋ ฮานามิ, อสูรนิรนาม and Mark Nazi like this
#4
ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2555 - 21:25
ประวัติศาสตร์เปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475
ประวัติศาสตร์กรณีสวรรต รัชกาลที่ 8
จนถึงจอมพลป. เป็นนายก
พวกมีอำนาจ เขียนขึ้นมาใหม่ ให้เราอ่าน
ถ้าไปอ่านคำพิพากษาร. เรื่องต่างๆ จะพบว่า
ประวัติศาสตร์ ไม่ตรงกับความจริงเยอะมาก
ทักษิณ ได้เป็นรัฐบรุษ แบบเดียวกับนายปรีดีได้เลยค่ะ
#5
ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2555 - 21:28
แต่วันหนึ่ง เราอาจจะได้เจอประโยคนี้
"ผู้เสียผลประโยชน์บิดเบือนประวัติศาสตร์"
- แสนยานุภาพ and พระฤๅษี like this
ถึงผมจะเป็นคนหัวขบถ แต่ไม่คิดทรยศบุญคุณแผ่นดินเกิด
เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ไม่ใช่ใบอนุญาตทำร้ายประเทศชาติ
#7
ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2555 - 21:31
พวกแดงเองคิดว่าเกินครึ่งก็คงไม่เอาด้วยหรอก
#8
ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2555 - 21:34
#9
ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2555 - 21:47
แต่พบเรื่องนี้ที่น่าจะเกี่ยวข้องกัน
กระทรวงศึกษาธิการได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการเพื่อดำเนินการภายใน ปี 2555 – 2558 เพื่อรองรับการเป็นประชาคมอาเซียน ดังนี้
1.การให้ความสำคัญกับการศึกษา โดยรณรงค์ให้ประชากรทุกคนอ่านออกเขียนได้ ลดอัตราการไม่รู้หนังสือ เปิดโอกาสอย่างเท่าเทียม ซึ่งขณะนี้ ประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 4 ในกลุ่มประเทศอาเซียน ที่มีอัตราประชากรรู้หนังสือ ร้อยละ 93.5 และมีเพียงร้อยละ 6.5 ของประชากรวัยเรียนที่ไม่รู้หนังสือ โดยกระทรวงศึกษาธิการได้ส่งเสริมให้มีการเรียนการสอนทางไกล การศึกษานอกระบบ การเรียนจากศูนย์การเรียนชุมชน (Community Learning Centres- CLCs) ทั้งนี้ ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากกลุ่มประเทศอาเซียนว่า เป็นประเทศที่มีความเข้มแข็งในการส่งเสริมการพัฒนาระบบการเรียนการสอนผ่าน CLCs รวมทั้งมีความเชื่อมโยงกับศูนย์การเรียนชุมชนในประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นด้วย
นอกจากนี้ ประเทศไทยได้ให้ความสำคัญกับการจัดทำหลักสูตรมาตรฐานอาเซียน (ASEAN Curriculum) สำหรับช่วงชั้นที่ 1 (ป.1-ป.6) ช่วงชั้นที่ 2 (ม.1-ม.3) และช่วงชั้นที่ 3 (ม.4-ม.6) โดยกำหนดใน 7 สาขาวิชา ได้แก่ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ประวัติศาสตร์ พลศึกษา เทคโนโลยีสารสนเทศ จริยศึกษา ศิลปะ และอัตลักษณ์ของแต่ละประเทศในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน ทั้งนี้ ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการระดับภูมิภาค เพื่อจัดทำรายละเอียดหลักสูตรอาเซียนในเดือนกันยายน 2555
http://www.ops.moe.g...9&limitstart=10
เป็นไปได้ที่เรื่องที่พูดถึงอาจจะมาจากการประชุมเชงปฏิบัติการระดับภูมิภาคเพื่อจัดทำรายละเอียดหลักสูตรอาเซียนที่บอกจะจัดในเดือนกันยายน แต่ต้องตามไปดูรายละเอียดของการประชุมนี้ แต่ยังหาไม่พบค่ะ
Now! Restart Thailand
#10
ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2555 - 22:11
หรือเป็นเพียง Forward mail เท่านั้นครับ
ขอเทิดทูนศักดิ์ศรียิ่งสิ่งใด
...แม้แต่ลมหายใจก็ยอมพลี
โลกยังไม่สิ้นหวัง ถ้ายังมั่นในความดี
...ศรัทธาไม่เคยหน่ายหนี คนดีไม่มีวันตาย
#11
ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2555 - 22:24
http://news.voicetv....land/34999.html
Edited by kon_thai, 19 กันยายน พ.ศ. 2555 - 22:26.
#13
ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2555 - 22:37
ประวัติศาสตร์ของแต่ละประเทศ
คงไม่มีใครมายอมใครเพื่อจากการรวมตัว AEC หรอกครับ
แต่ละประเทศในแง่ของความรักชาติและชาตินิยมก็มีกันทั้งนั้น
แล้วอีกอย่างเรื่องนี้ก็ไม่มีหัวข้อหรือประเด็นในการลงนามร่วมกัน
#14
ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2555 - 22:40
ใครอยู่เบื้องหลังการอุ้มฆ่าเอกยุทธ์ อัญชัญบุตร
#15
ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2555 - 22:46
#16
ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2555 - 22:58
มันทำให้ทั้งความภาคภูิมิใจ คุณค่าทางประวัติศาสตร์ของชาติหายไปเลย รวมถึงสถานที่ต่างๆ ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์จะกลายเป็นแค่ซากเก่าๆ ไป
อย่างด่านเจดีย์สามองค์ ที่พม่าเดินทัพผ่าน จะมาเปลี่ยนใหม่ว่า พม่าไม่เคยรุกรานนะ แค่มาเล่นตี่จับกันเท่านั้นเอง ขนนักกีฬาผ่านด่านนี้มา แบบเนี้ยเหรอครับ (ล้อเล่นนะ)
ใครมันจะรบกับใคร ใครมันจะเคยยึดดินแดนใคร หรือใครเป็นอย่างไรในอดีต มันเกิดขึ้นและผ่านมานานมากแล้วครับ ประวัติศาสตร์ที่เขียนมันก็มีหลักฐานของมัน มีการยอมรับกันแล้วโดยกว้างขวาง ในทางประวัติศาตร์ วัฒนธรรม และทางวิชาการ
ไม่มีใครที่จะจู่ๆ จะลุกขึ้นมาแล้วแก้ตำราใหม่หมดว่าเรื่องนั้นเคยเกิดนะ เรื่องนี้ไม่เคยเกิด เรื่องนั้นจริงๆ แล้วเป็นอย่างนี้ เรื่องนี้จริงๆ แล้วเป็นอย่างนั้น แบบลอยๆ หรืออยากจะแก้ไปเลยไม่มีทางครับ ต่อให้มีหลักฐานหนักแน่นพอจะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์อะไรได้สักอย่าง ยังจะต้องถกเถียงกับนักวิชาการ นักประวัติศาสตร์มากมาย กว่าจะเป็นที่ยอมรับ หรือหลักฐานที่ว่าอาจไม่เป็นที่ยอมรับเลยก็ได้
อันที่จริง ถ้าจะมีใครลุกขึ้นมาทำอย่างนี้ ถ้าไม่แ่น่จริงๆ หรือมันใจเกินกว่าร้อยเปอร์เซนต์ แบบว่า ร้อยห้าสิบขึ้นไปนะ ไม่ทำแน่นอน จะจมตรีนประชาชนทั่วไปซะเปล่าๆ
โดยส่วนตัวผมว่าเป็นข่าวลือครับ และผมเห็นว่าประชาคมอาเซียนน่าจะมุ่งเน้นด้านเศรษฐกิจและความร่วมมือทางการค้ามากกว่า
และถ้ามองในมุมนี้ อันที่จริงการท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ก็ถือว่าเป็น จุดขายอย่างหนึ่งของภูมิภาคนี้ครับ ถ้าไปเปลี่ยนมั่วซั่ว คุณค่ามันก็หายไป เสียหายทางเศรษฐกิจ เสียมากกว่าได้มากกว่า
- wewe, อู๋ ฮานามิ, คนปลูกต้นไม้ and 3 others like this
ถ้าอยากได้ความเท่าเทียม
ก็ปีนป่ายขึ้นไปให้อยู่เทียบเท่ากับคนอื่นเค้า
อย่าได้กระชากฉุดให้คนอื่นเขาลงมาตกต่ำเท่ากับตน
#17
ตอบ 20 กันยายน พ.ศ. 2555 - 09:25
สามารถอะไรมาเขียน ถ้าไอ้ตัวไหน กร่าง มาเขียนประวัติศาสตร์ไทย ใหม่
ก็ลองจับให้มันนั่งเขียน ประวัติ เตี่ย มันตั้งแต่เกิดมาจนกระทั่งตาย ให้ดูก่อน
ว่ามันจะเขียนได้ไหม 55555555555555555555555
- DarkSwan likes this
#18
ตอบ 20 กันยายน พ.ศ. 2555 - 09:45
ที่ควรชำระคือควรนำบันทึกของต่างชาติมาให้อ่านเปรียบเทียบกันด้วย
ประวัติศาสตร์ประเทศไทยถ้าจะเอาจริง ๆ ก็ควรเรียนประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่อยู่ในพื้นที่ทั้ง 77 จังหวัด ไม่ใช่นับแต่สุโขทัย อยุธยา ธนบุรี กรุงเทพ
- Gop likes this
[color=#ff0000;]สำหรับผมคงเลิกเล่นบอร์ดนี้ไว้เพียงเท่านี้ ถ้าไอดีนี้ยังมีบุคคลอื่นที่ใครบางคนคิดว่าเป็นตัวจริงอยู่จริง เขาก็เข้ามาใช้บอร์ดนี้ต่อเองแต่ไม่ใช่ผมแน่นอน[/color]
ลาก่อน สวัสดีครับ 17 มกราคม 2556
#19
ตอบ 20 กันยายน พ.ศ. 2555 - 09:49
#20
ตอบ 20 กันยายน พ.ศ. 2555 - 09:50
เราอาจไม่มีภาษาไทยใช้ด้วยนะครับ เพราะภาษาไทยถือเป็นอัตลักษณ์ที่สำคัญอีกประการของประเทศ
มันจะเป็นการปฏิวัติวัฒนธรรมทุกสิ้งอันทีเดียว ดังนั้น คงไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นโดยง่าย
แต่ประเด็นก็น่าสนใจตรงที่ มีคนบางพวกต้องการบิดเบือนบางส่วนเพื่อประโยชน์ส่วนตน ซึ่งมีความเป็นไปได้สูง คือ เขียนใหม่ ปรับใหม่ เฉพาะส่วนที่ตนเองได้เปรียบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้มีอำนาจทุกสมัยชอบทำ (ถ้าอ่านประวัติศาสตร์ชาติ ต่าง ๆ จะทราบ โดยเฉพาะจีนมีเยอะมาก)
#21
ตอบ 20 กันยายน พ.ศ. 2555 - 09:54
แล้วก็ไม่ได้ไปไกลถึงกับล้างและแก้ไขประวัติศาสตร์ตามที่พูดถึงเลย
Now! Restart Thailand
#22
ตอบ 20 กันยายน พ.ศ. 2555 - 12:50
เท่าที่ผ่านมาก็มีการทำลายอัตลักษณ์ของประเทศอย่างเป็นระบบจากนักวิชาการสายนี้อยู่แล้ว
อย่างพวกนิธิ คำผกา ฯลฯ ที่ออกมาโจมตีวัฒนธรรมและศาสนาของชาติ
พวกสายรัฐศาสตร์อย่างชาญวิทย์ที่ออกมาโจมตีการศึกษาประวัติศาสตร์แนวเก่าที่กระตุ้นให้รักชาติ
การเลิกความเป็นชาตินิยมมันก็อาจจะดี ถ้าเพื่อนบ้านเขาเอาด้วย แต่ถ้าเราทำเป็นใจกว้างอยู่ฝ่ายเดียว
ระวัง เขาพระวิหารพรมแดนกัมพูชา สามจังหวัดภาคใต้ พื้นที่ทรัพยากรอ่าวไทย ระวังจะไม่เหลือ
น่าจะจำบทเรียนที่เราเคยร่วมมือกับมาเลย์ปราบโจรจีนคอมมิวนิสต์ให้มาเลย์ แต่มาเลย์ดันเลี้ยงไข้
โจรแบ่งแยกดินแดน หรือเราเพิกเฉยเรื่องพม่าปราบชนกลุ่มน้อย แล้วพม่าก็ย้ายว้าแดงมาปั๊มยาบ้าเข้าประเทศไทย
แถมยังมีผู้อพยพชนกลุ่มน้อยหนีมาเป็นภาระเราจมหูจมหัวไว้เป็นตัวอย่างบ้างนะ
ภาษาไทยปัจจุบันก็เสื่อมลงไปเยอะ เพราะนักวิชาการสายนี้แหละ ที่ไม่เข้าใจธรรมชาติลูกผสมของภาษาไทยสยาม
ดันเอาไวยากรณ์ฝรั่งกับไวยากรณ์ภาษาลาวมาจับ สอนเด็กให้อ่านเป็นคำๆแทนที่จะสอนอ่านประสมคำ
เด็กเลยอ่านเขียนกันผิดยันเด็กมหาลัย แถมไม่ใส่ใจเรื่องคำควบกล้ำอีกต่างหาก
แถมพวกนักวิชาการเจ๊กที่เอาลักษณะสังคมเจ๊กมาเทียบกับสังคมไทยจนสังคมปั่นป่วนไปหมด สังคมจีนมันเป็นสังคมค้าขาย
ผู้ชายเป็นใหญ่ แต่สังคมไทยมันเป็นสังคมเพาะปลูกที่ผู้หญิงเป็นใหญ่ในครอบครัวระดับพื้นฐานโว้ย
...ไม่เชื่อไปถามสามีคนไทยแท้ๆดู มีใครกี่คนที่ยังถือ ATM เงินเดือนของตัวเอง
#23
ตอบ 20 กันยายน พ.ศ. 2555 - 13:01
ใครเป็นผู้สร้างประเทศไทยครับ?ประวัติศาสตร์ประเทศไทยถ้าจะเอาจริง ๆ ก็ควรเรียนประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่อยู่ในพื้นที่ทั้ง 77 จังหวัด ไม่ใช่นับแต่สุโขทัย อยุธยา ธนบุรี กรุงเทพ
เริ่มที่สุโขทัยนั่นถูกแล้ว เพราะเป็นต้นราชวงศ์ของราชวงศ์ไทยปัจจุบันที่สามารถสืบค้นไปได้
ไม่น่าจะมีแค่ประเทศไทยประเทศเดียว...ไม่เชื่อไปถามสามีคนไทยแท้ๆดู มีใครกี่คนที่ยังถือ ATM เงินเดือนของตัวเอง
ท่านสามารถอ่านออกเสียงพยัญชนะและสระทั้งหมดที่เขียนต่างกัน ให้ต่างกันได้หรือไม่ครับ เอาแค่ง่าย ๆ สามตัว "ส ศ ษ"ภาษาไทยปัจจุบันก็เสื่อมลงไปเยอะ เพราะนักวิชาการสายนี้แหละ ที่ไม่เข้าใจธรรมชาติลูกผสมของภาษาไทยสยาม
ดันเอาไวยากรณ์ฝรั่งกับไวยากรณ์ภาษาลาวมาจับ สอนเด็กให้อ่านเป็นคำๆแทนที่จะสอนอ่านประสมคำ
เด็กเลยอ่านเขียนกันผิดยันเด็กมหาลัย แถมไม่ใส่ใจเรื่องคำควบกล้ำอีกต่างหาก
Edited by Tux Vader, 20 กันยายน พ.ศ. 2555 - 13:12.
#24
ตอบ 20 กันยายน พ.ศ. 2555 - 13:08
คุณแยกออกระหว่างการปกครองแบบนครรัฐกับรัฐชาติออกไหมครับใครเป็นผู้สร้างประเทศไทยครับ?
ประวัติศาสตร์ประเทศไทยถ้าจะเอาจริง ๆ ก็ควรเรียนประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่อยู่ในพื้นที่ทั้ง 77 จังหวัด ไม่ใช่นับแต่สุโขทัย อยุธยา ธนบุรี กรุงเทพ
เริ่มที่สุโขทัยนั่นถูกแล้ว เพราะเป็นต้นราชวงศ์ของราชวงศ์ไทยปัจจุบันที่สามารถสืบค้นไปได้
ประเทศไทยเปลี่ยนชื่อมาจากสยาม สยามที่เป็นประเทศเริ่มต้นจริง ๆ ก็ตอนสมัย ร.4 พอสมัย ร.5 ก็รวมพวกประเทศราชเข้ามา
คุณบอกว่าเริ่มที่สุโขทัยใช่ไหมครับ งั้นบอกหน่อยว่าระหว่าง
พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท)
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง)
พระเจ้ากือนาธรรมิกราช
ใครเป็นกษัตริย์ประเทศไทยครับ
[color=#ff0000;]สำหรับผมคงเลิกเล่นบอร์ดนี้ไว้เพียงเท่านี้ ถ้าไอดีนี้ยังมีบุคคลอื่นที่ใครบางคนคิดว่าเป็นตัวจริงอยู่จริง เขาก็เข้ามาใช้บอร์ดนี้ต่อเองแต่ไม่ใช่ผมแน่นอน[/color]
ลาก่อน สวัสดีครับ 17 มกราคม 2556
#25
ตอบ 20 กันยายน พ.ศ. 2555 - 13:11
พอจะแยกความสัมพันธ์เชิงครอบครัวได้ไหมครับคุณแยกออกระหว่างการปกครองแบบนครรัฐกับรัฐชาติออกไหมครับ
ประเทศไทยเปลี่ยนชื่อมาจากสยาม สยามที่เป็นประเทศเริ่มต้นจริง ๆ ก็ตอนสมัย ร.4 พอสมัย ร.5 ก็รวมพวกประเทศราชเข้ามา
คุณบอกว่าเริ่มที่สุโขทัยใช่ไหมครับ งั้นบอกหน่อยว่าระหว่าง
พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท)
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง)
พระเจ้ากือนาธรรมิกราช
ใครเป็นกษัตริย์ประเทศไทยครับ
พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) --- กษัตริย์ (ทางฝ่ายบิดาของพระนเรศวร)
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) --- กษัตริย์ (ทางฝ่ายมารดาของพระนเรศวร)
พระเจ้ากือนาธรรมิกราช --- ไม่เกี่ยวข้อง
กรุณาดูความเห็นบน (ความเห็นนี้) ที่ผมแก้ไขแล้วด้วย
v
v
Edited by Tux Vader, 20 กันยายน พ.ศ. 2555 - 14:02.
#26
ตอบ 20 กันยายน พ.ศ. 2555 - 13:21
ตอบให้ตรงคำถามด้วยครับ ผมถามว่าใครเป็นกษัตริย์ประเทศไทยครับพอจะแยกสายทางปู่กับสายทางตาอากจากกันได้ไหมครับ
คุณแยกออกระหว่างการปกครองแบบนครรัฐกับรัฐชาติออกไหมครับ
ประเทศไทยเปลี่ยนชื่อมาจากสยาม สยามที่เป็นประเทศเริ่มต้นจริง ๆ ก็ตอนสมัย ร.4 พอสมัย ร.5 ก็รวมพวกประเทศราชเข้ามา
คุณบอกว่าเริ่มที่สุโขทัยใช่ไหมครับ งั้นบอกหน่อยว่าระหว่าง
พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท)
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง)
พระเจ้ากือนาธรรมิกราช
ใครเป็นกษัตริย์ประเทศไทยครับ
พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) --- กษัตริย์สายทางปู่
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) --- กษัตริย์สายทางตา
พระเจ้ากือนาธรรมิกราช --- ไม่เกี่ยวข้อง
แล้วคุณจะบอกว่าล้านนาไม่ใช่ประเทศไทยใช่ไหมครับถึงบอกว่าไม่เกี่ยวข้อง
Edited by Solidus, 20 กันยายน พ.ศ. 2555 - 13:27.
[color=#ff0000;]สำหรับผมคงเลิกเล่นบอร์ดนี้ไว้เพียงเท่านี้ ถ้าไอดีนี้ยังมีบุคคลอื่นที่ใครบางคนคิดว่าเป็นตัวจริงอยู่จริง เขาก็เข้ามาใช้บอร์ดนี้ต่อเองแต่ไม่ใช่ผมแน่นอน[/color]
ลาก่อน สวัสดีครับ 17 มกราคม 2556
#27
ตอบ 20 กันยายน พ.ศ. 2555 - 13:28
แก้ไขก็ไม่ช่วยอะไรขึ้น เพราะสมัยนั้นยังไม่มีพระนเรศรพอจะแยกความสัมพันธ์เชิงครอบครัวได้ไหมครับ
คุณแยกออกระหว่างการปกครองแบบนครรัฐกับรัฐชาติออกไหมครับ
ประเทศไทยเปลี่ยนชื่อมาจากสยาม สยามที่เป็นประเทศเริ่มต้นจริง ๆ ก็ตอนสมัย ร.4 พอสมัย ร.5 ก็รวมพวกประเทศราชเข้ามา
คุณบอกว่าเริ่มที่สุโขทัยใช่ไหมครับ งั้นบอกหน่อยว่าระหว่าง
พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท)
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง)
พระเจ้ากือนาธรรมิกราช
ใครเป็นกษัตริย์ประเทศไทยครับ
พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) --- กษัตริย์ (ทางฝ่ายบิดาของพระนเรศร)
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) --- กษัตริย์ (ทางฝ่ายมารดาของพระนเรศร)
พระเจ้ากือนาธรรมิกราช --- ไม่เกี่ยวข้อง
กรุณาดูความเห็นบน (ความเห็นนี้) ที่ผมแก้ไขแล้วด้วย
v
v
ผมถามว่าใครเป็นกษัตริย์ประเทศไทยครับ
หรือคุณจะบอกว่าประเทศไทยมี 2 กษัตริย์ครองราชย์พร้อมกันครับ แล้วทำไมต้องแยกอาณาเขตจากกันครับ
ถ้าจะเล่นการสืบเชื้อสาย เดี๋ยวพระเจ้าตากสินก็มีปัญหาหรอกครับ
Edited by Solidus, 20 กันยายน พ.ศ. 2555 - 13:34.
[color=#ff0000;]สำหรับผมคงเลิกเล่นบอร์ดนี้ไว้เพียงเท่านี้ ถ้าไอดีนี้ยังมีบุคคลอื่นที่ใครบางคนคิดว่าเป็นตัวจริงอยู่จริง เขาก็เข้ามาใช้บอร์ดนี้ต่อเองแต่ไม่ใช่ผมแน่นอน[/color]
ลาก่อน สวัสดีครับ 17 มกราคม 2556
#28
ตอบ 20 กันยายน พ.ศ. 2555 - 14:01
รัชกาลที่หนึ่งมีเชื้อสายของทางราชวงศ์ของอยุธยา ซึ่งเชื่อมโยงและมีความสัมพันธ์ไปยังพระนเรศวร
ซึ่งพระนเรศวรก็สืบเชื้อสายทางพระราชบิดามาจากพ่อขุนรามคำแหงแห่งอาณาจักรสุโขทัย
ไม่สามารถหาต้นสายชั้นบน ๆ ของพ่อขุนรามคำแหงและพระเจ้าอู่ทองไปได้มากกว่านี้แล้ว!!!
ลองคิดหลักการจัดแบ่งสมบัติของตระกูลดูสิ?
ล้านนาเป็นประเทศไทยและชาวล้านนาทุกคนล้วนเป็นคนไทย เพราะอยู่ใต้การดูแลทุกข์สุขด้วยพระราชบารมีของราชวงศ์จักรี
แต่พระเจ้ากือนาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวกับราชวงศ์ของไทย ทำไมต้องตัดสินให้พระองค์เป็นกษัตริย์ไทย???
Edited by Tux Vader, 20 กันยายน พ.ศ. 2555 - 14:01.
#29
ตอบ 20 กันยายน พ.ศ. 2555 - 15:28
แต่พระเจ้าตากสินก็ไม่ได้เกี่ยวข้องทางเชื้อสายอะไรกับราชวงศ์สุโขทัย หรืออยุธยา หรือคุณจะใช้สองมาตรฐานกันครับ ถ้าใช้เกณฑ์พระเจ้าตากสิน งั้นพระเจ้าอู่ทองหรือพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ก็สามารถใช้เกณฑ์เดียวกับพะเจ้าตากได้เช่นกัน ย้อนกับไปดูว่าพระเจ้าอู่ทองหรือพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ทำกิจเนื่องด้วยกับเมืองใดก็นับเมืองนั้นไปด้วยรัชกาลที่หนึ่งเคยรับราชการกับพระเจ้าตากสิน ซึ่งพระเจ้าตากสินก็ทำกิจเนื่องด้วยอยุธยา พระเจ้าตากสินจึงเกี่ยวเนื่องตรงนี้
รัชกาลที่หนึ่งมีเชื้อสายของทางราชวงศ์ของอยุธยา ซึ่งเชื่อมโยงและมีความสัมพันธ์ไปยังพระนเรศวร
ซึ่งพระนเรศวรก็สืบเชื้อสายทางพระราชบิดามาจากพ่อขุนรามคำแหงแห่งอาณาจักรสุโขทัย
ไม่สามารถหาต้นสายชั้นบน ๆ ของพ่อขุนรามคำแหงและพระเจ้าอู่ทองไปได้มากกว่านี้แล้ว!!!
ลองคิดหลักการจัดแบ่งสมบัติของตระกูลดูสิ?
ล้านนาเป็นประเทศไทยและชาวล้านนาทุกคนล้วนเป็นคนไทย เพราะอยู่ใต้การดูแลทุกข์สุขด้วยพระราชบารมีของราชวงศ์จักรี
แต่พระเจ้ากือนาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวกับราชวงศ์ของไทย ทำไมต้องตัดสินให้พระองค์เป็นกษัตริย์ไทย???
ส่วนเรื่องไม่สามารถหาต้นสายชั้นบน ๆ ของพ่อขุนรามคำแหงและพระเจ้าอู่ทองไปได้มากกว่านี้แล้ว!!! แน่ใจหรือครับ
พ่อขุนรามคำแหง ก็มีพ่อขุนบางกลางหาวเจ้าเมืองบางยางไง สมัยนั้นเจ้าเมืองบางยางทำกิจเนื่องด้วยกับเมืองใดหาเจอก็นับเมืองนั้นเป็นประเทศไทยด้วยนะครับ ถ้าขึ้นกับละโว้ คุณก็ต้องนับไปถึงละโว้ครับไม่ใช่หยุดแค่สุโขทัย หรือจะเอาเรื่องสืบเชื้อสายก็ต้องย้อนไปว่าพ่อขุนบางกลางหาวมาจากราชวงศ์ใด
พระเจ้าอู่ทอง สืบเชื้อสายก็มาจากเชียงแสน ต่อมาตั้งเมืองที่เพชรบุรี พอถึงยุคพระเจ้าอู่ทองถึงได้ย้ายไปสร้างเมืองอยุธยา ส่วนเมืองอยุธยาก็ไม่ได้ตั้งใหม่แต่เป็นเมืองเก่าที่ชื่ออโยธยาศรีรามเทพนคร
แล้วเรื่องที่บอกว่าล้านนาเป็นประเทศไทย พระเจ้ากือนาที่ปกครองล้านนาจะไม่ใช่กษัตริย์ไทยได้ไงครับ ในเมื่อชาวล้านนาทุกคนล้วนเป็นคนไทย
เรื่องชาวล้านนาทุกคนล้วนเป็นคนไทย ถ้าปัจจุบันนะใช่ แต่ในอดีตนะไม่ใช่ ไปดูพวกบันทึกประวัติศาสตร์ได้เลยว่าพวกอยุธยาหรือกรุงเทพเรียกคนล้านนาว่าอะไรบ้าง ไม่ต้องย้อนไปไกลเลย เอาแค่สมัย ร.5 ก็พอไปดูเรื่องพระองค์เจ้าดิลกนพรัฐได้เลยครับว่าโดนอะไรบ้าง
ประเทศไทยเกิดจากการผนวกรวมนครรัฐต่าง ๆ เข้าด้วยกันโดยศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่กรุงเทพเกิดเป็นรัฐชาติขึ้นมา ถ้าจะเอาเรื่องประวัติศาสตร์ก็ต้องนับรวมกษัตริย์ที่ปกครองประเทศราชที่โดนผนวกเข้าเป็นประเทศไทยเป็นกษัตริย์ไทยด้วย จริง ๆ ไม่ต้องย้อนไปถึงสมัยพระเจ้าอู่ทองก็ได้ เอาแค่สมัย ร.1 ก็พอพระเจ้ากาวิละกับพระเจ้านครศรีธรรมราชก็ถือว่าเป็นกษัตริย์เช่นกัน เพราะเชียงใหม่กับนครศรีธรรมราชมีฐานะเป็นเมืองประเทศราช ถ้าคุณไม่ยอมรับเจ้าเมืองประเทศราชเป็นกษัตริย์ก็เท่ากับว่าคุณก็ไม่ยอมรับพระมหาธรรมราชาเป็นกษัตริย์เช่นกัน หรือคุณจะใช้ 2 มาตรฐานอีกล่ะครับ
Edited by Solidus, 20 กันยายน พ.ศ. 2555 - 15:30.
[color=#ff0000;]สำหรับผมคงเลิกเล่นบอร์ดนี้ไว้เพียงเท่านี้ ถ้าไอดีนี้ยังมีบุคคลอื่นที่ใครบางคนคิดว่าเป็นตัวจริงอยู่จริง เขาก็เข้ามาใช้บอร์ดนี้ต่อเองแต่ไม่ใช่ผมแน่นอน[/color]
ลาก่อน สวัสดีครับ 17 มกราคม 2556
#31
ตอบ 20 กันยายน พ.ศ. 2555 - 16:02
- sorrow, ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่ and พระฤๅษี like this
คุณอาจจะคลั่งเหมือนหมาบ้า กับบางสิงที่เกิดขึ้นในชีวิต
คุณอาจจะสบถ สาปแช่งโชคชะตา
แต่เมื่อวาระสุดท้ายมาถึง คุณก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไป
Curious Case Of Benjamin Button
#32
ตอบ 20 กันยายน พ.ศ. 2555 - 16:33
พระเจ้าตากสินเต็มพระทัยทำเพื่ออยุธยาและชาวอยุธยาในการกอบกู้เอกราชนะครับ ขุนนางที่รับใช้พระองค์ก็ขุนนางอยุธยา จะไม่นับพระองค์เข้าเป็นกษัตริย์ไทยก็แปลกแล้วแต่พระเจ้าตากสินก็ไม่ได้เกี่ยวข้องทางเชื้อสายอะไรกับราชวงศ์สุโขทัย หรืออยุธยา หรือคุณจะใช้สองมาตรฐานกันครับ ถ้าใช้เกณฑ์พระเจ้าตากสิน งั้นพระเจ้าอู่ทองหรือพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ก็สามารถใช้เกณฑ์เดียวกับพะเจ้าตากได้เช่นกัน ย้อนกับไปดูว่าพระเจ้าอู่ทองหรือพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ทำกิจเนื่องด้วยกับเมืองใดก็นับเมืองนั้นไปด้วย
ส่วนเรื่องไม่สามารถหาต้นสายชั้นบน ๆ ของพ่อขุนรามคำแหงและพระเจ้าอู่ทองไปได้มากกว่านี้แล้ว!!! แน่ใจหรือครับ
พ่อขุนรามคำแหง ก็มีพ่อขุนบางกลางหาวเจ้าเมืองบางยางไง สมัยนั้นเจ้าเมืองบางยางทำกิจเนื่องด้วยกับเมืองใดหาเจอก็นับเมืองนั้นเป็นประเทศไทยด้วยนะครับ ถ้าขึ้นกับละโว้ คุณก็ต้องนับไปถึงละโว้ครับไม่ใช่หยุดแค่สุโขทัย หรือจะเอาเรื่องสืบเชื้อสายก็ต้องย้อนไปว่าพ่อขุนบางกลางหาวมาจากราชวงศ์ใด
พระเจ้าอู่ทอง สืบเชื้อสายก็มาจากเชียงแสน ต่อมาตั้งเมืองที่เพชรบุรี พอถึงยุคพระเจ้าอู่ทองถึงได้ย้ายไปสร้างเมืองอยุธยา ส่วนเมืองอยุธยาก็ไม่ได้ตั้งใหม่แต่เป็นเมืองเก่าที่ชื่ออโยธยาศรีรามเทพนคร
แล้วเรื่องที่บอกว่าล้านนาเป็นประเทศไทย พระเจ้ากือนาที่ปกครองล้านนาจะไม่ใช่กษัตริย์ไทยได้ไงครับ ในเมื่อชาวล้านนาทุกคนล้วนเป็นคนไทย
เรื่องชาวล้านนาทุกคนล้วนเป็นคนไทย ถ้าปัจจุบันนะใช่ แต่ในอดีตนะไม่ใช่ ไปดูพวกบันทึกประวัติศาสตร์ได้เลยว่าพวกอยุธยาหรือกรุงเทพเรียกคนล้านนาว่าอะไรบ้าง ไม่ต้องย้อนไปไกลเลย เอาแค่สมัย ร.5 ก็พอไปดูเรื่องพระองค์เจ้าดิลกนพรัฐได้เลยครับว่าโดนอะไรบ้าง
ประเทศไทยเกิดจากการผนวกรวมนครรัฐต่าง ๆ เข้าด้วยกันโดยศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่กรุงเทพเกิดเป็นรัฐชาติขึ้นมา ถ้าจะเอาเรื่องประวัติศาสตร์ก็ต้องนับรวมกษัตริย์ที่ปกครองประเทศราชที่โดนผนวกเข้าเป็นประเทศไทยเป็นกษัตริย์ไทยด้วย จริง ๆ ไม่ต้องย้อนไปถึงสมัยพระเจ้าอู่ทองก็ได้ เอาแค่สมัย ร.1 ก็พอพระเจ้ากาวิละกับพระเจ้านครศรีธรรมราชก็ถือว่าเป็นกษัตริย์เช่นกัน เพราะเชียงใหม่กับนครศรีธรรมราชมีฐานะเป็นเมืองประเทศราช ถ้าคุณไม่ยอมรับเจ้าเมืองประเทศราชเป็นกษัตริย์ก็เท่ากับว่าคุณก็ไม่ยอมรับพระมหาธรรมราชาเป็นกษัตริย์เช่นกัน หรือคุณจะใช้ 2 มาตรฐานอีกล่ะครับ
บน ๆ ของพ่อขุนรามคำแหงผมหมายถึงราชวงศ์ต้นสายขึ้นไปอีกชั้นของพ่อขุนรามคำแหง พ่อขุนบางกลางหาวไม่ได้สืบความจำนงพระทัยมาจากละโว้นะ ต่างกับพระเจ้าตากสินที่สืบความจำนงพระทัยทำเพื่ออยุธยา
แล้วนี่มันสมัยไหนแล้วนะ? ถ้าคิดอย่างคุณนั้น ก็ไม่มีชาวล้านนาและดินแดนล้านนาอยู่เช่นกัน มีแต่ชาวลัวะ ชาวป่า ชาวดอย ชาวขมุ ชาวไต อยู่เท่านั้นแหละในดินแดนแห่งนั้น?!
พอมารัชกาลที่หนึ่งขอบเขตอำนาจแน่นอนแล้วครับว่า ราชกาลที่หนึ่งทรงปกครองประเทศไทยอยู่ จะไปนับผู้ที่ไม่ได้มีอำนาจทำไม - -"
ถ้าเจอที่อื่น ผมคงคิดว่าคุณเป็นพวกล้ม... ขึ้นมาในหัวสมองของผมแน่
#33
ตอบ 20 กันยายน พ.ศ. 2555 - 16:45
#34
ตอบ 20 กันยายน พ.ศ. 2555 - 17:30
- wewe, analog, เชียร์คนดี and 2 others like this
ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ
#35
ตอบ 20 กันยายน พ.ศ. 2555 - 17:38
ดังนั้น จะเปลี่ยนแปลงอะไรตามที่ จขกท. กล่าวมา มันใหญ่กว่าี้นี้เยอะครับ
เพราะฉะันั้นเป็นไปไม่ได้หรอก
และอย่าลืม ที่จะมาเปลี่ยนเขียนใหม่ตามที่กล่าว ไม่ได้มีแค่พี่ไทย ยังหมายถึงอาเซียนทั้งหมดที่จะเข้าร่วมประชาคมนะครับ
แค่เถียงกันในประเทศก็หาจุดลงไม่ได้ง่ายๆ แล้ว ยังจะต้องมาหาจุดร่วมของทุกประเทศด้วยนะ
เป็นไปได้หรือ?
ถ้าอยากได้ความเท่าเทียม
ก็ปีนป่ายขึ้นไปให้อยู่เทียบเท่ากับคนอื่นเค้า
อย่าได้กระชากฉุดให้คนอื่นเขาลงมาตกต่ำเท่ากับตน
#36
ตอบ 20 กันยายน พ.ศ. 2555 - 17:43
ดูท่าคุณจะแยกไม่ออกระหว่างนครรัฐกับรัฐชาติสินะครับ อยุธยาสมัยนั้นเป็นแค่นครรัฐเมืองหนึ่งที่เป็นราชธานีแค่นั้น เมื่อสิ้นราชธานี นครรัฐอื่น ๆ ที่ขึ้นกับอยุธยาก็แยกตัวเป็นอิสระครับ จึงเห็นได้ว่าหลังอยุธยาถูกทำลายจึงเกิดชุมนุมต่าง ๆ แล้วที่ทางอังวะเทครัวชาวอยุธยาไปนี่ว่าไงดีครับ ไม่เห็นกลับมายังอยุธยา คล้าย ๆ กับกรณีที่กรุงเทพเทครัวชาวเวียงจันทร์มายังบริเวณภาคอีสาน คนเหล่านี้อยากกลับไปเวียงจันทร์อีกไหม ก็ไม่เห็นกลับ จะมีก็พวกจะกลับไปหาญาติ เพราะสมัยนั้นยังไม่มีเรื่องชาตินิยม แล้วคุณทราบรึเปล่าว่าตอนที่อังวะมาตีอยุธยา ไม่ได้มีแต่คนพม่า แต่มีคนไทยมาช่วยตีด้วยพระเจ้าตากสินเต็มพระทัยทำเพื่ออยุธยาและชาวอยุธยาในการกอบกู้เอกราชนะครับ ขุนนางที่รับใช้พระองค์ก็ขุนนางอยุธยา จะไม่นับพระองค์เข้าเป็นกษัตริย์ไทยก็แปลกแล้ว
แต่พระเจ้าตากสินก็ไม่ได้เกี่ยวข้องทางเชื้อสายอะไรกับราชวงศ์สุโขทัย หรืออยุธยา หรือคุณจะใช้สองมาตรฐานกันครับ ถ้าใช้เกณฑ์พระเจ้าตากสิน งั้นพระเจ้าอู่ทองหรือพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ก็สามารถใช้เกณฑ์เดียวกับพะเจ้าตากได้เช่นกัน ย้อนกับไปดูว่าพระเจ้าอู่ทองหรือพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ทำกิจเนื่องด้วยกับเมืองใดก็นับเมืองนั้นไปด้วย
ส่วนเรื่องไม่สามารถหาต้นสายชั้นบน ๆ ของพ่อขุนรามคำแหงและพระเจ้าอู่ทองไปได้มากกว่านี้แล้ว!!! แน่ใจหรือครับ
พ่อขุนรามคำแหง ก็มีพ่อขุนบางกลางหาวเจ้าเมืองบางยางไง สมัยนั้นเจ้าเมืองบางยางทำกิจเนื่องด้วยกับเมืองใดหาเจอก็นับเมืองนั้นเป็นประเทศไทยด้วยนะครับ ถ้าขึ้นกับละโว้ คุณก็ต้องนับไปถึงละโว้ครับไม่ใช่หยุดแค่สุโขทัย หรือจะเอาเรื่องสืบเชื้อสายก็ต้องย้อนไปว่าพ่อขุนบางกลางหาวมาจากราชวงศ์ใด
พระเจ้าอู่ทอง สืบเชื้อสายก็มาจากเชียงแสน ต่อมาตั้งเมืองที่เพชรบุรี พอถึงยุคพระเจ้าอู่ทองถึงได้ย้ายไปสร้างเมืองอยุธยา ส่วนเมืองอยุธยาก็ไม่ได้ตั้งใหม่แต่เป็นเมืองเก่าที่ชื่ออโยธยาศรีรามเทพนคร
แล้วเรื่องที่บอกว่าล้านนาเป็นประเทศไทย พระเจ้ากือนาที่ปกครองล้านนาจะไม่ใช่กษัตริย์ไทยได้ไงครับ ในเมื่อชาวล้านนาทุกคนล้วนเป็นคนไทย
เรื่องชาวล้านนาทุกคนล้วนเป็นคนไทย ถ้าปัจจุบันนะใช่ แต่ในอดีตนะไม่ใช่ ไปดูพวกบันทึกประวัติศาสตร์ได้เลยว่าพวกอยุธยาหรือกรุงเทพเรียกคนล้านนาว่าอะไรบ้าง ไม่ต้องย้อนไปไกลเลย เอาแค่สมัย ร.5 ก็พอไปดูเรื่องพระองค์เจ้าดิลกนพรัฐได้เลยครับว่าโดนอะไรบ้าง
ประเทศไทยเกิดจากการผนวกรวมนครรัฐต่าง ๆ เข้าด้วยกันโดยศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่กรุงเทพเกิดเป็นรัฐชาติขึ้นมา ถ้าจะเอาเรื่องประวัติศาสตร์ก็ต้องนับรวมกษัตริย์ที่ปกครองประเทศราชที่โดนผนวกเข้าเป็นประเทศไทยเป็นกษัตริย์ไทยด้วย จริง ๆ ไม่ต้องย้อนไปถึงสมัยพระเจ้าอู่ทองก็ได้ เอาแค่สมัย ร.1 ก็พอพระเจ้ากาวิละกับพระเจ้านครศรีธรรมราชก็ถือว่าเป็นกษัตริย์เช่นกัน เพราะเชียงใหม่กับนครศรีธรรมราชมีฐานะเป็นเมืองประเทศราช ถ้าคุณไม่ยอมรับเจ้าเมืองประเทศราชเป็นกษัตริย์ก็เท่ากับว่าคุณก็ไม่ยอมรับพระมหาธรรมราชาเป็นกษัตริย์เช่นกัน หรือคุณจะใช้ 2 มาตรฐานอีกล่ะครับ
บน ๆ ของพ่อขุนรามคำแหงผมหมายถึงราชวงศ์ต้นสายขึ้นไปอีกชั้นของพ่อขุนรามคำแหง พ่อขุนบางกลางหาวไม่ได้สืบความจำนงพระทัยมาจากละโว้นะ ต่างกับพระเจ้าตากสินที่สืบความจำนงพระทัยทำเพื่ออยุธยา
แล้วนี่มันสมัยไหนแล้วนะ? ถ้าคิดอย่างคุณนั้น ก็ไม่มีชาวล้านนาและดินแดนล้านนาอยู่เช่นกัน มีแต่ชาวลัวะ ชาวป่า ชาวดอย ชาวขมุ ชาวไต อยู่เท่านั้นแหละในดินแดนแห่งนั้น?!
พอมารัชกาลที่หนึ่งขอบเขตอำนาจแน่นอนแล้วครับว่า ราชกาลที่หนึ่งทรงปกครองประเทศไทยอยู่ จะไปนับผู้ที่ไม่ได้มีอำนาจทำไม - -"
ถ้าเจอที่อื่น ผมคงคิดว่าคุณเป็นพวกล้ม... ขึ้นมาในหัวสมองของผมแน่
ทำไมถึงนับพระองค์เป็นกษัตริย์ไทย เพราะถ้าไม่มีพระองค์ก็ไม่มีประเทศไทยอย่างวันนี้หรอกครับ เพราะพระองค์เป็นผู้รวบรวมนครรัฐที่แยกตัวเป็นอิสระเข้าด้วยกัน
พ่อขุนบางกลางหาวไม่ได้สืบความจำนงพระทัยมาจากละโว้? แน่ล่ะครับ เพราะพระองค์ต้องการแยกออกจากอิทธิพลขอม และละโว้ก็ยังมีอยู่ไม่ได้ถูกทำลาย ตอนแรกใช้การทำกิจเนื่องด้วยมาตอนนี้เปลี่ยนสืบความจำนงพระทัยมาจากแล้วหรือครับ มีมาตรฐานหน่อยสิครับ
แล้วนี่มันสมัยไหนแล้วนะ? ก็สมัยปัจจุบันไงครับ ในเมื่อคุณบอกว่าชาวล้านนาเป็นคนไทย ทำไมถึงไม่ยอมรับพระเจ้ากือนาที่ปกครองล้านนาเป็นกษัตริย์ไทย อันนี้ปัญหาอยู่ที่ตัวคุณเองนะครับ เพราะผมตัดสินจากการที่ชาวล้านนาปัจจุบันถือเป้นคนไทย ฉะนั้นกษัตริย์ล้านนาก็ย่อมเป็นกษัตริย์ไทยด้วยเช่นกัน แม้ว่าจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับราชวงศ์จักรีก็ตาม
รัชกาลที่หนึ่งขอบเขตอำนาจแน่นอน? ยังไม่แน่นอนครับ ถ้าขอบเขตอำนาจแน่นอน ในสมัย ร.5 จะมาขีดเส้นเขตแดนแบ่งกับพวกฝรั่งเศส อังกฤษทำไมล่ะครับ ไปดูเรื่องเสียดินแดนได้ ส่วนใหญ่ที่เสียเป็นเมืองประเทศราชทั้งนั้น
พูดตามความจริงคือพวกล้ม... สรุปคือไม่ต้องคุยเรื่องประวัติศาสตร์ใช่ไหมครับ งั้นก็ใช้ประวัติศาสตร์สมัยจอมพล ป. ไปละกันครับ
แถมส่งท้ายละกัน ในรูปข้างล่างนี้มีกษัตริย์ไทยกี่พระองค์ ของผมมี 3 พระองค์
[color=#ff0000;]สำหรับผมคงเลิกเล่นบอร์ดนี้ไว้เพียงเท่านี้ ถ้าไอดีนี้ยังมีบุคคลอื่นที่ใครบางคนคิดว่าเป็นตัวจริงอยู่จริง เขาก็เข้ามาใช้บอร์ดนี้ต่อเองแต่ไม่ใช่ผมแน่นอน[/color]
ลาก่อน สวัสดีครับ 17 มกราคม 2556
#37
ตอบ 20 กันยายน พ.ศ. 2555 - 17:52
สนับสนุนเปลี่ยนแค่นี้เท่านั้น
หนับหนุนฮะ แค่นี้ก็เปลี่ยนประวัติศาสตร์ได้แล้ว ฮ่า ๆๆๆ
- Strangerman and ด๋อยแทง like this
ใครอยู่เบื้องหลังการอุ้มฆ่าเอกยุทธ์ อัญชัญบุตร
#38
ตอบ 20 กันยายน พ.ศ. 2555 - 18:06
ขนาดแต่ละประเทศในสหภาพยุโรป ประวัติศาสตร์ของเขาแต่ละชาติก็ยังคงเดิมนี่ครับ แม้จะรวมเป็น EU แล้วก็ตามเถอะ
#39
ตอบ 20 กันยายน พ.ศ. 2555 - 18:11
"ภาษาไทยปัจจุบันก็เสื่อมลงไปเยอะ เพราะนักวิชาการสายนี้แหละ ที่ไม่เข้าใจธรรมชาติลูกผสมของภาษาไทยสยาม
ดันเอาไวยากรณ์ฝรั่งกับไวยากรณ์ภาษาลาวมาจับ สอนเด็กให้อ่านเป็นคำๆแทนที่จะสอนอ่านประสมคำ
เด็กเลยอ่านเขียนกันผิดยันเด็กมหาลัย แถมไม่ใส่ใจเรื่องคำควบกล้ำอีกต่างหาก"
Edit *********************
*ถ้าจะจริงครับ สัก7ปีมาแล้ว น้องสาวผมบอกว่าลูกชาย3คน สอบตกภาษาไทยเสีย2 อีกคนร่อแร่
ผมก็คิดเพียงว่าน้องสาวผมไปเร่งวิชาอื่นๆมากไป
*1ปีที่แล้วมีเด็กแถวนี้ มาเรียน-เล่น ที่บ้าน ผมให้อ่านหนังสือมันอ่านไม่ออก ผมบอกลองผันให้ฟังซิ
เด็กมันทำท่างง เมื่อผมเจอหลานถามว่าเขาสอนอ่านยังไง หลานก็ตอบทำนองเดียวกับโพสท์คุณisa ครับ
*สอนแบบเลี้ยงแมวต้องหาข้าวให้แมวทุกวัน ไม่ได้สอนแบบให้แมวหากินเอง ..เจอคำใหม่ก็หัดอ่านแบบผันคำ
*ป1.-ป3. ผมเรียนโดยใช้ตำราเล่มเดียวที่ตกทอดจากพี่ชาย ->พี่สาว ->ตัวผม
ชื่อ "หนังสือจดการ" หนาสัก100กว่าหน้า ซึ่งผมคงเป็นรุ่นสุดท้าย เพราะน้องสาวผมไม่ใช้แล้ว
*ประมาณเรียนจบ มีข่าวเรื่องตำราเรียนใหม่ ด้วยว่าตำราเรียนของเก่า แต่งโดยครูซึ่งไม่ได้จบ
จากเมืองนอก ทำให้ตำราเรียน(เก่า) ไม่ทัดเทียมอารยประเทศ
*ตั้งแต่นั้นมาเด็กไทยจึงต้องแบกตำราไปรร. ขนาดเด็กป1. ยังมีตำราเป็นตั้ง ที่แย่กว่าคือมันเปลี่ยนตำรากัน
เกือบทุกปี นั้นคือคนพี่เรียนเล่มหนึ่ง พอน้องขึ้นมาต้องซื้อตำราเล่มใหม่ ถ้าจำไม่ผิดให้แต่ละรร.เลือกใช้เล่ม
ไหนก็ได้ ที่กรมวิชาการรับรอง
*จึงเกิดคนแต่งตำราเป็นตับ เพราะได้ค่าแต่งตำรา ไม่รู้ว่าคนอนุมัต กิน % บ้างไหม
Edited by IFai, 20 กันยายน พ.ศ. 2555 - 18:12.
ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ
#40
ตอบ 20 กันยายน พ.ศ. 2555 - 18:30
มาบอกว่าถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วอาเซียนจะเกิดขึ้นไม่ได้ ก็ไม่ต้องให้มันเกิดสิครับ
เยอรมันฆ่าคนประเทศอื่นไปไม่รู้เท่าไหร่ในอดีต แล้วทำไม EU ถึงยังเกิดขึ้นได้
ประวัติศาสตร์คือการเรียนรู้จากอดีต เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว แต่การเอามาเล่าใหม่ต้องตรงตามความจริง ไม่มีการบิดเบือน นี่ต่างหากที่สำคัญ
เรื่องที่ควรทำ เช่นทำอย่างไรให้คนรุ่นไหม่รู้จักประวัติศาสตร์ของชาติตัวเองอย่างถูกต้อง กลับไม่คิด ทำตัวเ็ป็นคนไร้รากไปได้
Invoke ExitWindowsEx, EWX_SHUTDOWN | EWX_POWEROFF | EWX_FORCEIFHUNG, SHTDN_REASON_MAJOR_SYSTEM
#41
ตอบ 22 กันยายน พ.ศ. 2555 - 08:41
คุณแน่ใจได้อย่างไรว่ามันเป็นความจริง แน่นอนว่าคุณยังไม่จำเป็นพวกนั้นในตอนนี้ แต่มันเป็นจุดเริ่มต้น เมื่อถึงท้ายที่สุดคุณก็จะถูกความคิดของคุณผลักดันพูดตามความจริงคือพวกล้ม... สรุปคือไม่ต้องคุยเรื่องประวัติศาสตร์ใช่ไหมครับ งั้นก็ใช้ประวัติศาสตร์สมัยจอมพล ป. ไปละกันครับ
Edited by Tux Vader, 22 กันยายน พ.ศ. 2555 - 08:42.
#42
ตอบ 22 กันยายน พ.ศ. 2555 - 09:01
สนามบินสุวรรณภูมิ ไม่ใช่ของทักษิณ แต่มาจากเงินภาษีของหนู..ของคนไทยทุกคน.. แตงโม เวทีราชดำเนิน 5/11/2013
ผมยังยอมติดคุก 15 วัน แล้วพวกคุณมานิรโทษอะไรกัน .. เต๋า สมชาย เวทีราชดำเนิน 6/11/2013
#43
ตอบ 22 กันยายน พ.ศ. 2555 - 13:57
นั่นสิ แน่ใจได้อย่างไรว่าคือความจริง เพราะไม่มีใครไปเห็นกับตา ต่างก็เอามาจากที่คนอื่นเขียนกันทั้งนั้น แต่อยู่ที่ว่าเอาจากใครเขียน บางคนอ้างอิงบันทึกร่วมสมัย บางคนอ้างอิงบันทึกที่ทำขึ้นหลังเหตุการณ์หลายร้อยปีคุณแน่ใจได้อย่างไรว่ามันเป็นความจริง แน่นอนว่าคุณยังไม่จำเป็นพวกนั้นในตอนนี้ แต่มันเป็นจุดเริ่มต้น เมื่อถึงท้ายที่สุดคุณก็จะถูกความคิดของคุณผลักดัน
พูดตามความจริงคือพวกล้ม... สรุปคือไม่ต้องคุยเรื่องประวัติศาสตร์ใช่ไหมครับ งั้นก็ใช้ประวัติศาสตร์สมัยจอมพล ป. ไปละกันครับ
บางคนเอาแนวคิดเรื่องรัฐชาติไปใช้ในสมัยที่ยังเป็นนครรัฐ ยังมีเรื่องการเอาแนวคิดแบบตะวันตกมาใช้กับประเทศแบบนี้ทำให้ต้องมีการชำระประวัติศาสตร์ใหม่ให้พวกตะวันตกยอมรับอีก ทั้ง ๆ ที่ตามธรรมเนียมประเพณีในประเทศแถบนี้เป็นเรื่องปกติ
[color=#ff0000;]สำหรับผมคงเลิกเล่นบอร์ดนี้ไว้เพียงเท่านี้ ถ้าไอดีนี้ยังมีบุคคลอื่นที่ใครบางคนคิดว่าเป็นตัวจริงอยู่จริง เขาก็เข้ามาใช้บอร์ดนี้ต่อเองแต่ไม่ใช่ผมแน่นอน[/color]
ลาก่อน สวัสดีครับ 17 มกราคม 2556
#44
ตอบ 22 กันยายน พ.ศ. 2555 - 19:34
แล้วคุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่าคนสมัยนั้นเขาคิดกันอย่างไร? สิ่งที่สำคัญคือปัจจุบันหาใช่อดีตนั่นสิ แน่ใจได้อย่างไรว่าคือความจริง เพราะไม่มีใครไปเห็นกับตา ต่างก็เอามาจากที่คนอื่นเขียนกันทั้งนั้น แต่อยู่ที่ว่าเอาจากใครเขียน บางคนอ้างอิงบันทึกร่วมสมัย บางคนอ้างอิงบันทึกที่ทำขึ้นหลังเหตุการณ์หลายร้อยปี
บางคนเอาแนวคิดเรื่องรัฐชาติไปใช้ในสมัยที่ยังเป็นนครรัฐ ยังมีเรื่องการเอาแนวคิดแบบตะวันตกมาใช้กับประเทศแบบนี้ทำให้ต้องมีการชำระประวัติศาสตร์ใหม่ให้พวกตะวันตกยอมรับอีก ทั้ง ๆ ที่ตามธรรมเนียมประเพณีในประเทศแถบนี้เป็นเรื่องปกติ
พวกล้ม... ก็มีแนวคิดเดียวกับคุณ แต่พวกเขาขาดโยนิโสมนสิการ ขาดการตรองประโยชน์ที่แท้จริงจนถูกความคิดเข้าครอบงำ ทำให้สุดโต่งในความคิด เสรีภาพก็หมายถึงการไม่ยอมให้ให้ผู้อื่นเหนือกว่า ประชาธิปไตยก็หมายถึงการไม่มีผู้นำ ... ...... ............
#45
ตอบ 22 กันยายน พ.ศ. 2555 - 22:49
แล้วบันทึกสมัยโบราณไม่ได้บอกรึว่าคนสมัยนั้นเขาคิดกันอย่างไร คุณเคยอ่านบันทึกสมัยโบราณที่หลงเหลือถึงปัจจุบันไหมครับ หลายเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์มันก็ไม่ได้มีแค่บันทึกเดียว คุณก็เลือกพิจารณาเอาว่าจะเลือกเชื่อบันทึกไหน ไม่ต้องไปห่วงเรื่องที่อ้างว่าผู้ชนะคือผู้เขียนประวัติศาสตร์ เพราะมันไม่ได้มีแต่ผู้ชนะที่เขียน ผู้แพ้ก็เขียน ผู้เฝ้ามองก็เขียนแล้วคุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่าคนสมัยนั้นเขาคิดกันอย่างไร? สิ่งที่สำคัญคือปัจจุบันหาใช่อดีต
นั่นสิ แน่ใจได้อย่างไรว่าคือความจริง เพราะไม่มีใครไปเห็นกับตา ต่างก็เอามาจากที่คนอื่นเขียนกันทั้งนั้น แต่อยู่ที่ว่าเอาจากใครเขียน บางคนอ้างอิงบันทึกร่วมสมัย บางคนอ้างอิงบันทึกที่ทำขึ้นหลังเหตุการณ์หลายร้อยปี
บางคนเอาแนวคิดเรื่องรัฐชาติไปใช้ในสมัยที่ยังเป็นนครรัฐ ยังมีเรื่องการเอาแนวคิดแบบตะวันตกมาใช้กับประเทศแบบนี้ทำให้ต้องมีการชำระประวัติศาสตร์ใหม่ให้พวกตะวันตกยอมรับอีก ทั้ง ๆ ที่ตามธรรมเนียมประเพณีในประเทศแถบนี้เป็นเรื่องปกติ
พวกล้ม... ก็มีแนวคิดเดียวกับคุณ แต่พวกเขาขาดโยนิโสมนสิการ ขาดการตรองประโยชน์ที่แท้จริงจนถูกความคิดเข้าครอบงำ ทำให้สุดโต่งในความคิด เสรีภาพก็หมายถึงการไม่ยอมให้ให้ผู้อื่นเหนือกว่า ประชาธิปไตยก็หมายถึงการไม่มีผู้นำ ... ...... ............
สิ่งที่สำคัญคือปัจจุบันนะใช่ แต่ต้องไม่ไปบิดเบือนอดีตเพื่อให้เข้ากับปัจจุบัน สิ่งที่ควรทำคือการยอมรับอดีต
[color=#ff0000;]สำหรับผมคงเลิกเล่นบอร์ดนี้ไว้เพียงเท่านี้ ถ้าไอดีนี้ยังมีบุคคลอื่นที่ใครบางคนคิดว่าเป็นตัวจริงอยู่จริง เขาก็เข้ามาใช้บอร์ดนี้ต่อเองแต่ไม่ใช่ผมแน่นอน[/color]
ลาก่อน สวัสดีครับ 17 มกราคม 2556
#46
ตอบ 23 กันยายน พ.ศ. 2555 - 00:33
ผมมีคำอธิบายแบบของผม ( แน่นอนว่าคิดเอาเอง ) เรื่องรัฐไทย และพระมหากษัตริย์ไทย
ผมมองว่าที่เราแบ่งเป็น สุโขทัย อยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ นั้น ก็เพราะรัฐเหล่านี้ เมื่อตอนมีอำนาจสูงสุดนั้น มีลักษณะเป็นรัฐที่มีเขตอิธิพลขนาดใหญ่และมีอำนาจปกครองประชากรเป็นจำนวนมาก คล้ายๆกับประเทศใหญ่ๆอื่นๆในโลก ( บางช่วงผมอยากเรียกว่าจักรวรรดิเลยด้วยซ้ำ ) อย่างสมัยสุโขทัย ก็มีเขตอำนาจปกครองลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งตอนบนตอนล่าง ถ้าผมจำไม่ผิดผมเคยเห็นเขียนแผนที่ตอนใต้ไปถึงแหลมมาลายูเลยด้วยซ้ำ หรืออย่างยุคอื่นๆคงไม่ต้องพูดถึง อย่างสมัยอยุธยา เราก็มีเขมรเป็นประเทศราช สมัยรัตนโกสินทร์ ก็ผนวกทั้งล้านนา และล้านช้างเข้ามาอีก เห็นเขตอิทธิพลแล้วบอกได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า แถวนี้เราเป็นพี่เบิ้มครับ
ขณะที่นครรัฐอื่นๆที่คุณ Solidus กล่าวถึง ถึงแม้มีเชื้อชาติไทยเหมือนกัน อย่างล้านนา หรือ ล้านช้าง แต่นครรัฐเหล่านี้ไม่เคยมีอำนาจการปกครองที่เทียบได้กับ สุโขทัย อยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ได้เลย ล้านช้างเคยรวมกันได้แค่ไม่นานสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ยิ่งตอนหลังๆ ก็แตกเป็นสามอาณาจักรตกเป็นประเทศราชของไทยในที่สุด หรืออย่างล้านนา ก็เคยเข้มแข็งอยู่ไม่นานในช่วงต้นกรุงศรีอยุธยา ต่อมาก็ตกเป็นประเทศราชของพม่า และไทยในที่สุด สำหรับผมทั้งสองนครรัฐ ถือว่าไม่ได้มาตรฐานครับ กษัตริย์ที่ปกครองนครรัฐเหล่านี้ในสายตาผม ไม่สามารถเทียบกับกษัตริย์ที่ปกครองรัฐใหญ่อย่าง สุโขทัย อยุธยา ฯลฯ ได้ครับ
หลักฐานไม่เคยโกหก (Gilbert Grissom C.S.I.)<p>Beneath this mask there is more than flesh. Beneath this mask there is an idea, Mr. Creedy, and ideas are bulletproof.
#47
ตอบ 23 กันยายน พ.ศ. 2555 - 00:48
ความคิดรวบยอด ใน พ.ศ ๑๗๙๒ ไทยสามารถสถาปนากรุงสุโขทัยเป็นอาณาจักรอิสระจากขอมได้ โดยมีพ่อขุนศรีอินทราทิตย์เป็นปฐมกษัตริย์ ปกครองอาณาจักสุโขทัย ซึ่งในระยะเริ่มแรกของการสถาปนาบ้านเมืองยังไม่มั่นคงนัก แต่ต่อมาในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช บ้านเมืองมีความเจริญสูงสุด
อาณาจักรสุโขทัย หรือ รัฐสุโขทัย (อังกฤษ: Kingdom of Sukhothai) เป็นอาณาจักร หรือรัฐในอดีตรัฐหนึ่ง ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำยม เป็นชุมชนโบราณมาตั้งแต่ยุคเหล็กตอนปลาย จนกระทั่งสถาปนาขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 18 ในฐานะสถานีการค้าของรัฐละโว้ หลังจากนั้นราวปี 1800 พ่อขุนบางกลางหาวและพ่อขุนผาเมือง ได้ร่วมกันกระทำการยึดอำนาจจากขอมสบาดโขลญลำพง ซึ่งทำการเป็นผลสำเร็จและได้สถาปนาเอกราชให้สุโขทัยเป็นรัฐอิสระ และมีความเจริญรุ่งเรืองตามลำดับและเพิ่มถึงขีดสุดในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ก่อนจะค่อยๆตกต่ำ และประสบปัญหาทั้งจากปัญหาภายนอกและภายใน จนต่อมาถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยาไปในที่สุด
อาณาจักรสุโขทัย ตั้งอยู่บนเส้นทางการค้าผ่านคาบสมุทรระหว่างอ่าวเมาะตะมะ และที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงตอนกลาง มีอาณาเขตดังนี้[1]
- ทิศเหนือ มีเมืองแพร่ (ปัจจุบันคือเแพร่) เป็นเมืองปลายแดนด้านเหนือสุด
- ทิศใต้ มีเมืองพระบาง (ปัจจุบันคือนครสวรรค์) เป็นเมืองปลายแดนด้านใต้
- ทิศตะวันตก มีเมืองฉอด (ปัจจุบันคือแม่สอด) เป็นเมืองชายแดนที่จะติดต่อเข้าไปยังอาณาจักรมอญ
- ทิศตะวันออก ถึงเมืองสะค้าใกล้แม่น้ำโขงในเขตภาคอีสานตอนเหนือ
หลังจากพ่อขุนรามคำแหงสวรรคตแล้ว เมืองต่างๆเริ่มแข็งเมือง ส่งผลให้ในรัชกาลพญาเลอไท และรัชกาลพญาไสลือไท ต้องส่งกองทัพไปปราบหลายครั้งแต่มักไม่เป็นผลสำเร็จ และการปรากฏตัวขึ้นของอาณาจักรอยุธยาทางตอนใต้ซึ่งกระทบกระเทือนเสถียรภาพของสุโขทัยจนในท้ายที่สุดก็ถูกแทรกแทรงจากอยุธยา จนมีฐานะเป็นหัวเมืองของอยุธยาไปในที่สุด โดยมี พระมหาธรรมราชาที่ 4 (บรมปาล) เป็นผู้ปกครองสุโขทัยในฐานะรัฐอิสระพระองค์สุดท้าย โดยขณะนั้น ด้วยการแทรกแซงของอยุธยา รัฐสุโขทัยจึงถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ
- เมืองสรวงสองแคว (พิษณุโลก) อันเป็นเมืองเอก มีพระมหาธรรมราชาที่ 4 (บรมปาล) เป็นผู้ปกครอง
- เมืองสุโขทัย เมืองรอง มี พระยาราม เป็นผู้ปกครอง
- เมืองเชลียง (ศรีสัชนาลัย) มี พระยาเชลียง เป็นผู้ปกครอง
- เมืองชากังราว (กำแพงเพชร) มี พระยาแสนสอยดาว เป็นผู้ปกครอง
หลังจากที่พระยายุทธิษฐิระ นำสุโขทัยออกจากอยุธยาไปขึ้นกับล้านนา สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถจึงเสด็จจากกรุงศรีอยุธยา กลับมาพำนัก ณ เมืองสรลวงสองแคว พร้อมทั้งสร้างกำแพงและค่ายคู ประตู หอรบ แล้วจึงสถาปนาขึ้นเป็นเมือง พระพิษณุโลกสองแคว เป็นราชธานีฝ่ายเหนือของอาณาจักรแทนสุโขทัย ในเวลาเจ็ดปีให้หลัง สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถจึงทรงตีเอาสุโขทัยคืนได้ แต่เหตุการณ์ทางเมืองเหนือยังไม่เข้าสู่ภาวะที่น่าไว้วางใจ จึงทรงตัดสินพระทัยพำนักยังนครพระพิษณุโลกสองแควต่อจนสิ้นรัชกาล ส่วนทางอยุธยานั้น ทรงได้สถาปนาสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 พระราชโอรส เป็นพระมหาอุปราช ดูแลอยุธยาและหัวเมืองฝ่ายใต้
ด้วยความที่เป็นคนละประเทศมาก่อน และมีสงครามอยู่ด้วยกัน ชาวบ้านระหว่างสุโขทัยและอยุธยา จึงมิได้ปรองดองเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จึงต้องแยกปกครอง โดยพระมหากษัตริย์อยุธยา จะทรงสถาปนาพระราชโอรส หรือพระอนุชา หรือพระญาติ อันมีเชื้อสายสุโขทัย ปกครองพิษณุโลกในฐานะราชธานีฝ่ายเหนือ และควบคุมหัวเมืองเหนือทั้งหมด
[แก้]การสิ้นสุดของของอาณาจักรสุโทัย
พ.ศ. 2127 หลังจากชนะศึกที่แม่น้ำสะโตงแล้ว พระนเรศวรโปรดให้เทครัวเมืองเหนือทั้งปวง (เมืองพระพิษณุโลกสองแคว เมืองสุโขทัย เมืองพิชัย เมืองสวรรคโลก เมืองกำแพงเพชร เมืองพิจิตร และเมืองพระบาง [2]) ลงมาไว้ที่อยุธยา เพื่อเตรียมรับศึกใหญ่ พิษณุโลกและหัวเมืองเหนือทั้งหมดจึงกลายเป็นเมืองร้าง หลังจากเทครัวไปเมืองใต้ จึงสิ้นสุดการแบ่งแยกระหว่างชาวเมืองเหนือ กับชาวเมืองใต้ และถือเป็นการสิ้นสุดของรัฐสุโขทัยโดยสมบูรณ์ เพราะหลังจากนี้ 8 ปี พิษณุโลกได้ถูกฟื้นฟูอีกครั้ง แต่ถือเป็นเมืองเอกในราชอาณาจักร มิใช่ราชธานีฝ่ายเหนือ
ในด้านวิชาการ มีนักวิชาการหลายท่านได้เสนอเพิ่มว่า เหตุการณ์อีกประการ อันทำให้ต้องเทครัวเมืองเหนือทั้งปวงโดยเฉพาะพิษณุโลกนั้น อยู่ที่เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ บนรอยเลื่อนวังเจ้า ในราวพุทธศักราช 2127 แผ่นดินไหวครั้งนี้ส่งผลให้ตัวเมืองพิษณุโลกราพณาสูญ แม้แต่แม่น้ำแควน้อย ก็เปลี่ยนเส้นทางไม่ผ่านเมืองพิษณุโลก แต่ไปบรรจบกับแม่น้ำโพ (ปัจจุบันคือแม่น้ำน่าน) ที่เหนือเมืองพิษณุโลกขึ้นไป และยังส่งผลให้พระศรีรัตนมหาธาตุพิษณุโลก หักพังทลายในลักษณะที่บูรณะคืนได้ยาก ในการฟื้นฟูจึงกลายเป็นการสร้างพระปรางค์แบบอยุธยาครอบทับลงไปแทน ทั้งหมด
Edited by แสนยานุภาพ, 23 กันยายน พ.ศ. 2555 - 00:49.
#48
ตอบ 23 กันยายน พ.ศ. 2555 - 00:53
อาณาจักรอยุธยา เป็นอาณาจักรของชนชาติไทยในอดีตตั้งแต่ พ.ศ. 1893 ถึง 2310 มีกรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองหลวง อาณาจักรอยุธยานับว่าเจริญรุ่งเรืองจนอาจถือได้ว่าเป็นอาณาจักรที่รุ่งเรืองมั่งคั่งที่สุดในภูมิภาคสุวรรณภูมิ[2] ทั้งยังมีความสัมพันธ์ทางการค้ากับหลายชาติ จนถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางการค้าในระดับนานาชาติ[3] เช่น จีน เวียดนาม อินเดีย ญี่ปุ่น เปอร์เซีย รวมทั้งชาติตะวันตก เช่น โปรตุเกส สเปน ดัตช์ (ฮอลันดา) และฝรั่งเศส เคยมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล โดยมีประเทศราชแผ่ขยายไปจนถึงรัฐฉานของพม่า อาณาจักรล้านนา มณฑลยูนนานและมณฑลชานซี อาณาจักรล้านช้าง อาณาจักรขอม และคาบสมุทรมลายูในปัจจุบัน[4]
กรุงศรีอยุธยาเป็นเกาะซึ่งมีแม่น้ำสามสายล้อมรอบ ได้แก่ แม่น้ำป่าสักทางทิศเหนือ, แม่น้ำเจ้าพระยาทางทิศตะวันตกและทิศใต้ และแม่น้ำลพบุรีทางทิศตะวันออก เดิมทีบริเวณนี้ไม่ได้มีสภาพเป็นเกาะ แต่สมเด็จพระเจ้าอู่ทองทรงดำริให้ขุดคูเชื่อมแม่น้ำทั้งสามสาย เพื่อให้เป็นปราการธรรมชาติป้องกันข้าศึก ที่ตั้งกรุงศรีอยุธยายังอยู่ห่างจากอ่าวไทยไม่มากนัก ทำให้กรุงศรีอยุธยาเป็นศูนย์กลางการค้ากับชาวต่างประเทศ
มีการประเมินว่า ราว พ.ศ. 2143 กรุงศรีอยุธยามีประชากรประมาณ 300,000 คน และอาจสูงถึง 1,000,000 คน ราว พ.ศ. 2243 ทำให้เป็นหนึ่งในนครใหญ่ที่สุดของโลกขณะนั้น[5] บางครั้งมีผู้เรียกกรุงศรีอยุธยาว่า "เวนิสแห่งตะวันออก"[6][7]
ปัจจุบันบริเวณนี้เป็นส่วนหนึ่งของอำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พื้นที่ที่เคยเป็นเมืองหลวงของไทยนั้น คือ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา[8] ตัวนครปัจจุบันถูกตั้งขึ้นใหม่ห่างจากกรุงเก่าไปไม่กี่กิโลเมตร
การกำเนิด
การกำเนิดอาณาจักรอยุธยาที่ได้รับการยอมรับกว้างขวางที่สุดนั้น อธิบายว่า รัฐไทยซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงศรีอยุธยาในหุบแม่น้ำเจ้าพระยา เจริญขึ้นมาจากราชอาณาจักรละโว้ (ซึ่งขณะนั้นอยู่ใต้การควบคุมของขะแมร์) และอาณาจักรสุพรรณภูมิ แหล่งข้อมูลหนึ่งระบุว่า กลางคริสต์ศตวรรษที่ 14 เพราะภัยโรคระบาดคุกคาม สมเด็จพระเจ้าอู่ทองจึงทรงย้ายราชสำนักลงไปทางใต้ ยังที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึงอันอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำเจ้าพระยา บนเกาะที่ล้อมรอบด้วยแม่น้ำ ซึ่งในอดีตเคยเป็นนครท่าเรือเดินทะเล ชื่อ อโยธยา (Ayothaya) หรือ อโยธยาศรีรามเทพนคร นครใหม่นี้ถูกขนานนามว่า กรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา ซึ่งภายหลังมักเรียกว่า กรุงศรีอยุธยา แปลว่า นครที่ไม่อาจทำลายได้[9]
พระบริหารเทพธานี อธิบายว่า ชาวไทยเริ่มตั้งถิ่นฐานบริเวณตอนกลาง และตอนล่างของลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยามาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 18 แล้ว ทั้งยังเคยเป็นที่ตั้งของเมืองสังขบุรี อโยธยา เสนาราชนคร และกัมโพชนคร[10] ต่อมา ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 19 อาณาจักรขอมและสุโขทัยเริ่มเสื่อมอำนาจลง พระเจ้าอู่ทองทรงดำริจะย้ายเมืองและสถาปนาขึ้นมาใหม่และสถาปนาให้มีชื่อว่า กรุงศรีอยุธยา
แหล่งข้อมูลอื่นระบุว่า สมเด็จพระเจ้าอู่ทองเป็นพ่อค้าเชื้อสายจีนที่ร่ำรวยจากเพชรบุรี นครชายฝั่งทางใต้ ผู้ซึ่งย้ายมาแสวงหาโชคลาภในนครอโยธยา ชื่อของนครชี้ถึงอิทธิพลของศาสนาฮินดูในภูมิภาค มีการเชื่อว่า นครแห่งนี้มีความเกี่ยวข้องกับมหากาพย์รามเกียรติ์ ซึ่งดัดแปลงมาจากมหากาพย์รามายณะของฮินดู
[แก้]การขยายอาณาเขต
เมื่อถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 14 อยุธยาก็ถูกพิจารณาว่าเป็น ชาติมหาอำนาจแข็งแกร่งที่สุดในอุษาคเนย์แผ่นดินใหญ่ อยุธยาเริ่มครองความเป็นใหญ่โดยเริ่มจากการพิชิตราชอาณาจักรและนครรัฐทางเหนือ อย่างสุโขทัยกำแพงเพชรและพิษณุโลก ก่อนสิ้นสุดคริสต์ศตวรรษที่ 15 อยุธยาโจมตีเมืองพระนคร (อังกอร์) ซึ่งเป็นมหาอำนาจของภูมิภาคในอดีต อิทธิพลของอังกอร์ค่อย ๆ จางหายไปจากลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา และอยุธยากลายมาเป็นมหาอำนาจใหม่แทน
อย่างไรก็ดี ราชอาณาจักรอยุธยามิได้เป็นรัฐที่รวมเป็นหน่วยเดียวกัน หากเป็นการปะติดปะต่อกันของอาณาเขต (principality) ที่ปกครองตนเอง และประเทศราชที่สวามิภักดิ์ต่อพระมหากษัตริย์กรุงศรีอยุธยาภายใต้วงกลมแห่งอำนาจ (Circle of Power) หรือระบบมณฑล (mandala) ดังที่นักวิชาการบางฝ่ายเสนอ[11] อาณาเขตเหล่านี้อาจปกครองโดยพระบรมวงศานุวงศ์กรุงศรีอยุธยา หรือผู้ปกครองท้องถิ่นที่มีกองทัพอิสระของตนเอง ที่มีหน้าที่ให้การสนับสนุนแก่เมืองหลวงยามสงคราม ก็ได้ อย่างไรก็ดี มีหลักฐานว่า บางครั้งที่เกิดการกบฏท้องถิ่นที่นำโดยเจ้าหรือพระมหากษัตริย์ท้องถิ่นขึ้น อยุธยาก็จำต้องปราบปราม
ด้วยไร้ซึ่งกฎการสืบราชสันติวงศ์และมโนทัศน์คุณธรรมนิยม (meritocracy) อันรุนแรง ทำให้เมื่อใดก็ตามที่การสืบราชสันติวงศ์เป็นที่พิพาท เจ้าปกครองหัวเมืองหรือผู้สูงศักดิ์ (dignitary) ที่ทรงอำนาจจะอ้างคุณความดีของตนรวบรวมไพร่พลและยกทัพมายังเมืองหลวงเพื่อกดดันตามข้อเรียกร้อง จนลงเอยด้วยรัฐประหารอันนองเลือดหลายครั้ง[12]
ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 15 อยุธยาแสดงความสนใจในคาบสมุทรมลายู ที่ซึ่งมะละกาเมืองท่าสำคัญ ประชันความเป็นใหญ่ อยุธยาพยายามยกทัพไปตีมะละกาหลายครั้ง แต่ไร้ผล มะละกามีความเข้มแข็งทั้งทางการทูตและทางเศรษฐกิจ ด้วยได้รับการสนับสนุนทางทหารจากราชวงศ์หมิงของจีน ในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 15 แม่ทัพเรือเจิ้งเหอแห่งราชวงศ์หมิง ได้สถาปนาฐานปฏิบัติการแห่งหนึ่งของเขาขึ้นที่มะละกา เป็นเหตุให้จีนไม่อาจยอมสูญเสียตำแหน่งยุทธศาสตร์นี้แก่คนไทย ภายใต้การคุ้มครองนี้ มะละกาจึงเจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นหนึ่งในคู่แข่งทางการค้าที่ยิ่งใหญ่ของอยุธยา กระทั่งถูกโปรตุเกสพิชิตเมื่อ พ.ศ. 2054[13]
[แก้]การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่หนึ่ง
เริ่มตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 ราชอาณาจักรอยุธยาถูกราชวงศ์ตองอูแห่งพม่าโจมตีหลายครั้ง สงครามครั้งแรกคือ สงครามพระเจ้าตะเบ็งชเวตี้ เมื่อ พ.ศ. 2091-92 แต่ล้มเหลว การรุกรานครั้งที่สองของพม่า หรือเรียกว่า "สงครามช้างเผือก" เมื่อ พ.ศ. 2106 พระเจ้าบุเรงนองทรงบังคับให้สมเด็จพระมหาจักรพรรดิยอมจำนน พระบรมวงศานุวงศ์ทรงถูกพาไปยังอังวะ และสมเด็จพระราเมศวร พระราชโอรสองค์โต ทรงได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าประเทศราช[14][15] เมื่อ พ.ศ. 2111 พม่ารุกรานอีกเป็นครั้งที่สาม และสามารถยึดกรุงศรีอยุธยาได้ในปีต่อมา หนนี้พระเจ้าบุเรงนองทรงแต่งตั้งสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชเป็นเจ้าประเทศราช[15]
[แก้]การฟื้นตัว
หลังพระเจ้าบุเรงนองเสด็จสวรรคตเมื่อ พ.ศ. 2124 สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชทรงประกาศเอกราชแก่กรุงศรีอยุธยาอีกสามปีให้หลัง อยุธยาต่อสู้ป้องกันการรุกรานของพม่าหลายครั้ง จนในครั้งสุดท้าย สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงปลงพระชนม์เมงจีสวา (Mingyi Swa) อุปราชาของพม่า ได้ในยุทธหัตถีเมื่อ พ.ศ. 2136 จากนั้น อยุธยากลับเป็นฝ่ายบุกบ้าง โดยยึดชายฝั่งตะนาวศรีทั้งหมดขึ้นไปจนถึงเมาะตะมะใน พ.ศ. 2138 และล้านนาใน พ.ศ. 2145 สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงถึงกับรุกรานเข้าไปในพม่าลึกถึงตองอูใน พ.ศ. 2143 แต่ทรงถูกขับกลับมา หลังสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเสด็จสวรรคตเมื่อ พ.ศ. 2148 ตะนาวศรีตอนเหนือและล้านนาก็ตกเป็นของพม่าอีกใน พ.ศ. 2157[16] อยุธยาพยายามยึดล้านนาและตะนาวศรีตอนเหนือกลับคืนระหว่าง พ.ศ. 2205-07 แต่ล้มเหลว[17]
การค้าขายกับต่างชาติไม่เพียงแต่ให้อยุธยามีสินค้าฟุ่มเฟือยเท่านั้น แต่ยังได้รับอาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่ ๆ ด้วย กลางคริสต์ศตวรรษที่ 17 ระหว่างรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช อยุธยามีความเจริญรุ่งเรืองมาก[18] แต่ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 อยุธยาค่อย ๆ สูญเสียการควบคุมเหนือหัวเมืองรอบนอก ผู้ว่าราชการท้องถิ่นใช้อำนาจของตนอย่างอิสระ และเริ่มเกิดการกบฏต่อเมืองหลวงขึ้น
[แก้]การล่มสลาย
พ.ศ. 2303 พระเจ้าอลองพญาแห่งราชวงศ์คองบองทรงยกทัพรุกรานอาณาจักรอยุธยา หลังจากอยุธยาว่างเว้นศึกมานานกว่า 150 ปี[19] ซึ่งในขณะนั้น อยุธยาเกิดการแย่งชิงบัลลังก์ระหว่างเจ้าฟ้าเอกทัศกับเจ้าฟ้าอุทุมพร อย่างไรก็ดี พม่าไม่อาจหักเอากรุงศรีอยุธยาได้ในการทัพครั้งนั้น
แต่ใน พ.ศ. 2308 พระเจ้ามังระ พระราชโอรสแห่งพระเจ้าอลองพญา ได้รุกรานอาณาจักรอยุธยาอีกหนหนึ่ง ทรงแบ่งกำลังออกเป็นสองส่วน มุ่งเข้าตีอาณาจักรอยุธยาพร้อมกันทั้งสองด้าน ฝ่ายอยุธยาต้านทานการล้อมของทัพพม่าไว้ได้ 14 เดือน แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการล่มสลายได้ กองทัพพม่าสามารถหักเข้าพระนครได้ในวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2310
พระมหากษัตริย์
พระมหากษัตริย์กรุงศรีอยุธยา มี 5 ราชวงศ์ คือ
- ราชวงศ์อู่ทอง มีกษัตริย์ 3 พระองค์
- ราชวงศ์สุพรรณภูมิ มีกษัตริย์ 13 พระองค์
- ราชวงศ์สุโขทัย มีกษัตริย์ 7 พระองค์
- ราชวงศ์ปราสาททอง มีกษัตริย์ 4 พระองค์
- ราชวงศ์บ้านพลูหลวง มีกษัตริย์ 6 พระองค์
การจัดการปกครองในสมัยอยุธยาสามารถแบ่งออกได้เป็นสามช่วง คือ ช่วงก่อนการปฏิรูปการปกครองของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (1893-1991) ช่วงสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถจนถึงสมัยสมเด็จพระเพทราชา (1991-2231) และการปฏิรูปการปกครองของสมเด็จพระเพทราชาเป็นต้นไป (2231-2310)
[แก้]อยุธยาตอนต้น (1893-1991)
มีการปกครองคล้ายคลึงกับในช่วงสุโขทัย ในราชธานี พระมหากษัตริย์มีสิทธิ์ปกครองโดยตรง หากก็ทรงใช้อำนาจผ่านข้าราชการและขุนนางเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีระบบการปกครองภายในราชธานีที่เรียกว่าจตุสดมภ์ ตามการเรียกของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ[20] อันได้แก่ กรมเวียง กรมวัง กรมคลัง และกรมนา
การปกครองนอกราชธานี ประกอบด้วย เมืองหน้าด่าน เมืองชั้นใน เมืองพระยามหานคร และเมืองประเทศราช โดยมีรูปแบบกระจายอำนาจออกจากศูนย์กลางค่อนข้างมาก[21] เมืองหน้าด่าน ได้แก่ ลพบุรี นครนายก พระประแดง และสุพรรณบุรี ตั้งอยู่รอบราชธานีทั้งสี่ทิศ ระยะเดินทางจากราชธานีสองวัน พระมหากษัตริย์ทรงส่งเชื้อพระวงศ์ที่ไว้วางพระทัยไปปกครอง หากก็นำมาซึ่งปัญหาการแย่งชิงราชสมบัติอยู่บ่อยครั้ง เมืองชั้นในทรงปกครองโดยผู้รั้ง ถัดออกไปเป็นเมืองพระยามหานครหรือหัวเมืองชั้นนอก ปกครองโดยเจ้าเมืองที่สืบเชื้อสายมาแต่เดิม มีหน้าที่จ่ายภาษีและเกณฑ์ผู้คนในราชการสงคราม[21] และสุดท้ายคือเมืองประเทศราช พระมหากษัตริย์ปล่อยให้ปกครองกันเอง เพียงแต่ต้องส่งเครื่องบรรณาการมาให้ราชธานีทุกปี
[แก้]สมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถถึงพระเพทราชา (1991-2231)
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงยกเลิกระบบเมืองหน้าด่านเพื่อขจัดปัญหาการแย่งชิงราชสมบัติ และขยายอำนาจของราชธานีโดยการกลืนเมืองรอบข้างเข้าเป็นส่วนหนึ่งของราชธานี[22] สำหรับระบบจตุสดมภ์ ทรงแยกกิจการพลเรือนออกจากกิจการทหารอย่างชัดเจน ให้อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของสมุหนายกและสมุหกลาโหมตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนชื่อกรมและชื่อตำแหน่งเสนาบดี แต่ยังคงไว้ซึ่งหน้าที่ความรับผิดชอบเดิม
ส่วนการปกครองส่วนภูมิภาคมีลักษณะเปลี่ยนไปในทางการรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลางให้มากที่สุด โดยให้เมืองชั้นนอกเข้ามาอยู่ภายใต้อำนาจของราชธานี มีระบบการปกครองที่ลอกมาจากราชธานี[23] มีการลำดับความสำคัญของหัวเมืองออกเป็นชั้นเอก โท ตรี สำหรับหัวเมืองประเทศราชนั้นส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมากนัก หากแต่พระมหากษัตริย์จะมีวิธีการควบคุมความจงรักภักดีต่อราชธานีหลายวิธี เช่น การเรียกเจ้าเมืองประเทศราชมาปรึกษาราชการ หรือมาร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกหรือถวายพระเพลิงพระบรมศพในราชธานี การอภิเษกสมรสโดยการให้ส่งราชธิดามาเป็นสนม และการส่งข้าราชการไปปกครองเมืองใกล้เคียงกับเมืองประเทศราชเพื่อคอยส่งข่าว ซึ่งเมืองที่มีหน้าที่ดังกล่าว เช่น พิษณุโลกและนครศรีธรรมราช[24]
[แก้]สมัยตั้งแต่พระเพทราชา (2231-2310)
ในสมัยพระเพทราชา ทรงกระจายอำนาจทางทหารซึ่งเดิมขึ้นอยู่กับสมุหกลาโหมแต่ผู้เดียวออกเป็นสามส่วน โดยให้สมุหกลาโหมเปลี่ยนไปควบคุมกิจการทหารในราชธานี กิจการทหารและพลเรือนของหัวเมืองทางใต้ ให้สมุหนายกควบคุมกิจการพลเรือนในราชธานี กิจการทหารและพลเรือนของหัวเมืองทางเหนือ และพระโกษาธิบดี ให้ดูแลกิจการทหารและพลเรือนของหัวเมืองตะวันออก ต่อมา สมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ (2275-2301) ทรงลดอำนาจของสมุหกลาโหมเหลือเพียงที่ปรึกษาราชการ และให้หัวเมืองทางใต้ไปขึ้นกับพระโกษาธิบดีด้วย[25]
นอกจากนี้ ในสมัยพระมหาธรรมราชา ยังได้จัดกำลังป้องกันราชธานีออกเป็นสามวัง ได้แก่ วังหลวง มีหน้าที่ป้องกันพระนครทางเหนือ วังหน้า มีหน้าที่ป้องกันพระนครทางตะวันออก และวังหลัง มีหน้าที่ป้องกันพระนครทางตะวันตก ระบบดังกล่าวใช้มาจนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว[25]
Edited by แสนยานุภาพ, 23 กันยายน พ.ศ. 2555 - 00:53.
#49
ตอบ 23 กันยายน พ.ศ. 2555 - 00:55
สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หรือ สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 (จีน: 鄭昭; พินอิน: Zhèng Zhāo; แต้จิ๋ว: Dênchao) มีพระนามเดิมว่า สิน (ชื่อจีนเรียกว่า เซิ้นเซิ้นซิน)[6] พระราชบิดาเป็นจีนแต้จิ๋ว ได้สมรสกับหญิงไทยชื่อ นกเอี้ยง ภายหลังเป็นกรมสมเด็จพระเทพามาตย์ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวในสมัยอาณาจักรธนบุรี ทรงปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา[7] เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2310 เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 เมื่อมีพระชนมายุได้ 48 พรรษา รวมสิริดำรงราชสมบัติ 15 ปี พระราชโอรส-พระราชธิดา รวมทั้งสิ้น 30 พระองค์[5]
พระราชกรณียกิจที่สำคัญในรัชสมัยของพระองค์ คือ การกอบกู้เอกราชจากพม่าภายหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง โดยขับไล่ทหารพม่าออกจากราชอาณาจักรจนหมดสิ้น และยังทรงทำสงครามตลอดรัชสมัยเพื่อรวบรวมแผ่นดินซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของขุนศึกก๊กต่าง ๆ ให้เป็นปึกแผ่น เช่นเดียวกับขยายพระราชอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงมุ่งมั่นที่จะฟื้นฟูประเทศในด้านต่าง ๆ ให้กลับคืนสู่สภาวะปกติหลังสงคราม ทรงส่งเสริมทางด้านเศรษฐกิจ ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม วรรณกรรม และการศึกษา เนื่องจากพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อแผ่นดินไทย รัฐบาลจึงได้ประกาศให้วันที่ 28 ธันวาคมของทุกปีเป็น "วันสมเด็จพระเจ้าตากสิน" และยังทรงได้รับสมัญญานามมหาราช
http://th.wikipedia....ะเจ้ากรุงธนบุรี
#50
ตอบ 23 กันยายน พ.ศ. 2555 - 00:58
http://riwsake.blogspot.com/2010/09/blog-post_5577.html
แผนที่ประเทศไทยยุคสุโขทัย
แผนที่ประเทศไทยยุคสมเด็จพระนเรศวรฯ
แผนที่ประเทศไทยยุคอยุธยา
แผนที่ประเทศไทยยุคกรุงธนบุรี
แผนที่ประเทศไทยยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น
แผนที่ประเทศไทยปัจจุบัน
Edited by แสนยานุภาพ, 23 กันยายน พ.ศ. 2555 - 00:58.
ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน