มาอ่านตอนดึกๆ เงียบๆ คนเดียว เพิ่มความขนลุกไปกันใหญ่เลย
เรื่องเขย่าขวัญ จากประสบการณ์จริง
#52
ตอบ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 13:49
"ชอบครับ อยากอ่านต่อ .... ..อื้อฮือเสียงเพรียกเลย คือไรอะ?" เวลาพวกผมไป ผู้ชายก็เมากันเต็มที่ เหล้าไม่อั้น แล้วตระกูลลุงเป็นคนใจกว้าง จึงมีแขกมาเต็มบ้าน ทั้งวัน น้องๆจะเหนื่อยเพราะต้องให้บริการ ดังนั้นพอถึงเวลานอนจึงคลายเครียดกันเต็มที่ โดยเฉพาะผมเป็นที่รู้รู้กันว่า พวกเขาควรจะหลับก่อนผมหลับ ถ้าหลับหลังผม ก็คงต้องต้องรอให้ง่วงเต็มที่ ...ทำไมไม่คิดแง่บวกว่าแม้เวลาจะนอนผมยังกล่อมให้นอน ..กรนครับ แล้วลีลาการกรนของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ถ้าใครนอนไม่หลับ ก็เหมือนอยู่กลางวงออแคสตร้า ละครับ
ผมมีความเชื่อมาตลอด ในบ้านนอกจากคน แล้วผีบ้าน ผีเรือน ใหญ่เป็นเจ้าของบ้าน ผีอื่นๆจะเข้ามาไม่ได้ นอกจากเรา(คน) จะจุดธูปบอกเล่า ขออนุญาต และผีบ้าน ในส่วนตัวผมคือผีญาติๆเรา ย่อมไม่ประสงค์ร้ายต่อเรา ...ถึงตอนนี้ไม่แน่ใจแล้ว ทั้งที่เจอที่นี่ และบ้านที่สุพรรณ
บ้านลุงหลังนี้ เพิ่งแยก(แบ่งสมบัติ) เมื่อตรุษจีนที่ผ่านมานี้เอง น้องชายบอกมีเสาตกน้ำมันในบ้านด้วย แต่ตอนนี้(มันบอก) มีแค่คราบเท่านั้น
เหมือนที่เล่าให้ฟัง ตอนเจอเจ้าป่านั้น เมียผมท้องอยู่ เมื่อคลอด ผมก็ออกไปทำงานตจว. กลับกท.อีกครั้งลูกเรียนมัธยม ดังนั้นกว่า10ปี ที่ผม(น่าจะ) ไม่เคยมาอีกเลย
ช่วงเวลาที่ผมไม่ได้มานี้ลุงขายที่ ตรงที่ปลูกบ้าน(บนเนิน) เพื่อแบ่งให้ลูกๆเอาไปตั้งตัว บ้านก็รื้อไปปลูกที่ใหม่ แต่ปลูกแบบเดิมเป๊ะ ห่างจากเดิมไปสักกิโลเมตร
เมื่อผมกลับมาอยู่กท. พอปีใหม่ก็รวมพลกันอีก ตอนนี้น้องชายที่อยู่ที่บ้านนี้ มีลูก2คน คนเล็กน่าจะอยู่ประถม (เล่นไพ่กับพี่ๆมัน พอเสียยังร้องไห้จะเอาคืนอยู่)
ผมมีจุดอ่อนตลอดมา คือทันทีที่ลืมตา มือคว้าขวดทันที ดังนั้นสัก3-4 ทุ่มซึ่งหลายคนกำลังตาใส แต่ผมหลับ พอสักตี2-3 ผมเต็มตื่น คนอื่นกำลังหลับสนิท ช่วงนี้แหละที่ทรมาน โดยเฉพาะถ้าแปลกที่ และผมจัดอยู่ในกลุ่มมนุษย์กุ้ง
ห้องที่ผมเคยนอน ตามที่เล่าให้ฟัง ตอนนี้เป็นห้องนอนของน้องชายกับเมีย และลูกคนเล็ก
คืนนั้น ก็เหมือนเดิม หลับหัวค่ำ สดุ้งตื่นขึ้นมา ไม่รู้ทำไมเหลือบไปดูหน้าประตูห้องนอนน้องชาย ก็มองเห็นเด็กชาย ใส่เสื้อยืดแดง แต่เห็นหน้าไม่ชัด ยืนอยู่กับผู้หญิงที่ประตูห้องนอน ผู้หญิงมองไม่เห็นเพราะอยู่ในเงามืด เด็กพูดว่า แม่ๆ หนูจะออกไปเล่นกับเขา แม่ตอบอย่าออกไปกวนเขาเลยลูก เขากำลังหลับกันอยู่ ...เออเด็ก(หลานผม)มันติดเล่น ไม่รู้เวลาเลยเนอะ
เช้าขึ้น พอหลานตื่นออกมา มันใส่เสื้อกันหนาวแขนยาว เรียกน้องสะใภ้ มาถามเมื่อคืนลูกใส่เสื้ออะไรนอน แล้วเมื่อคืนมันจะออกมาเล่นหรือเปล่า คำตอบ ตอนหัวคำพออาบน้ำก็ใส่เสื้อกันหนาวเลย แล้วก็หลับสนิททั้งคืนเลย ...หลานคนละคน จะออกมาชวนเล่นด้วยมั๊ง
ลูกชายกับเพื่อนลูกชายที่กางเต้นท์นอนที่ขอบรั้วบ้าน และยืนฟังอยู่ด้วย ยืนยันทั้ง3คนว่า เมื่อคืนก็นอนไม่หลับมีคนเดินเลาะรั้วทั้งคืน
2เรื่องสุดท้ายสำหรับบ้านหลังนี้
** ตอนยังอยู่บนเนิน น้องชายเล่าให้ฟัง มีญาติมาจากสุพรรณ2คน มาขอพักด้วยว่าจะขอพักสัก3-4วัน แต่คู่นี้พิเรนทร์ครับเป็นแม่ยาย กับลูกเขยครับ หนีตามกันมา(ฮันนีมูน?) แต่รุ่งเช้าทั้งคู่ขอให้น้องชายเอารถออกมาส่งที ว่าอยู่ไม่ไหว ยายทวดมายืนด่า แสดงตัวให้เห็นทั้งคืน และเล่าว่ายายทวด นี้เป็นคนแก่ มีผมขาวทั้งหัว (น้องชายผมบอกชื่อเหมือนกัน ว่าตายตั้งแต่มันยังเด็กๆอยู่)
**เกือบสิบปี น้องชายมาปลูกบ้านหลังใหม่อีกที่หนึ่ง บ้านหลังเก่าจึงปล่อยร้างบ้าง มีคนมาเช่าบ้าง-ร้างบ้าง ก็ยังมีข่าวเนืองๆว่า มีคนเห็นยายแก่หัวขาว นั่งที่บันไดบ่อยๆ
สมัยผมเด็กๆ เวลาโพล้เพล้ หากเด็กยังเล่นอยู่ ผู้ใหญ่จะเตือน เลิกๆๆๆ ขืนเล่นต่อไปเดี๋ยวผีก็มาลักไปซ่อนหรอก ...พวกคุณๆเชื่อไหม
จะเชื่อไหมถ้าผมบอกว่า ไม่ต้องรอโพล้เพล้ครับ ลักไปแต่เช้าก่อนเด็กเคารพธงชาติเลยละ
- กรกช and ก๊องส์ไข่กวน like this
ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ
#53
ตอบ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 10:08
สัก40 กว่าปีก่อน บ้านผมยังทำนา(นอก) อยู่ การปลูก/เก็บเกี่ยว ยังต้องอพยพ คนหนุ่มสาวไปเก็บเกี่ยว การอพยพช่วงเก็บเกี่ยวมักเป็นปลายฤดูน้ำหลาก โดยเอาของใส่เรือพายไป
โรงนา ที่พักของกลุ่มผม อยู่กัน3หลัง ปลูกเป็นกลุ่มเหมือนกับอยู่บ้านจริง ช่วงบ่าย(ศักดิ์)น้าชาย พายเรือกลับจากไปเยี่ยมเพื่อนบ้านไม่ไกลนัก เล่าถึงความเสียดาย ที่เอาฉมวกแทงงู ไม่อยู่ หัวฉมวกหลุดไปเสียก่อน ..ผมก็แค่นึกเสียดายที่อดกินผัดเผ็ดงู
กลางดึกคืนนั้น อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงปืนสนั่น จากโรงของน้าชาย ก็ตกใจไปดูกัน พบซากงู โดนลูกปรายเข้าไปช่วงหัว แทบกระจุย แต่ที่สำคัญ ต่ำกว่าช่วงหัว สักคืบกว่ามีฉมวกปักคาอยู่ ...งูมันเอาฉมวกมาคืน
น้าชายเล่าว่า นอนหลับอยู่ ได้ยินเสียงแกรกกราก ที่ฝาโรง(นา) เมื่อเอาไฟฉายส่องดู เห็นหัวงูโผล่ออกมาจากฝาซึงทำด้วยฟาง แต่ลำตัวเข้ามาไม่ได้ เพราะติดฉมวกที่ปักคาอยู่ มันเป็นงูเห่าครับ
เมื่อสัก2-3ปี มีเจ้างูเห่า เลื้อยเข้ามาบริเวณบ้าน ฉวยตะพดพิฆาตงูคู่มือขึ้นมา จะเข้าไปจัดการเหมือน เหมือนงูเขียว งูเห่าคอแดง เป็นสิบๆตัวที่ทำสำเร็จ แต่คราวนี้ใจไม่กล้าครับ กลัวว่าทีเดียวเอาไม่อยู่ มันจะเข้าลักษณะตีงูให้หลังหัก ...มันมายั่วยวนความกล้าของผมอยู่ 2-3วัน แล้วก็หายไป
งู(จงอาง)ส่งเสียงได้ไหม
ผมไปธุระที่กท.2-3 วัน ช่วงนั้ก็จ้างคนมาสังคายนา รอบๆบ้าน เป็นการเฝ้าบ้าน และให้เอาข้าวมาเลี้ยงหมา ไปในตัวด้วย ..เมื่อเสร็จธุระกลับมา คืนนั้นมีเสียงกรี๊ดๆๆๆๆๆ เกือบทั้งคืน วันรุ่งขึ้นก็ไปเล่าให้เพื่อนบ้านฟัง เขาบอกว่าเมื่อวาน คนที่มาถางหญ้าให้ผมทุบงูจงอางได้ตัวหนึ่ง เสียงกรี๊ดๆๆๆ ที่ได้ยินนั้นคงเป็นเสียงของงู ตัวที่เหลือมาร้องเรียกคู่มัน งูจงอางจะอยู่เป็นคู่
ผมเองก็เพิ่งรู้ว่างู(จงอาง) ส่งเสียงได้
Edited by IFai, 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 10:13.
- กรกช and ก๊องส์ไข่กวน like this
ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ
#54
ตอบ 1 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 13:32
งูเห่าเป็นงูที่ มีความอาฆาตสูง มาก บ้านผมผู้ใหญ่จะบอกเสมอว่าถ้าเจอ คิดว่าเอาไม่อยู่อย่า เพราะว่าถึงหนีไปอยู่ต่างประเทศมันก็จะตามไปเอาคืน
ถ้าจะเอาต้องเอาให้ตาย
ส่วนงูจงอาจ เป็นงูที่หวงถิ่นหวงไข่ สูงมาก ถ้าเจออยู่ใกล้รัง โอกาสตายสูง ถ้าเอาไข่มันมา ก็เตรียมจัดงานได้เลย
#55
ตอบ 7 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 09:04
การจับงูพิษ เคยฟังว่าหน่วยรบพิเศษ สามารถจับงูพิษต่างๆ ด้วยมือเปล่า(ผมไม่เคยเห็นกับตา) แต่ระดับชาวบ้านเคยเห็นกับตา2ครั้ง
1. เด็กรุ่นหนุ่ม(กว่าผม หนุ่มแถวนั้น) เดินผ่านมา ที่แขนขวา มีงูเห่า(แถวบ้านผม บ้านทุ่ง ไม่ค่อยมีงูจงอาง มีแต่งูเห่า เขาเล่าว่าอาหารเหลาของจงอาง คืองูเห่า) พันแขนขวาจนถึงรักแร้ งูเห่าตัวนั้น ถูกปักด้วยมีดพกครับ ปักตรงดอกจันจากด้านหลังคอ ผมเข้าไปดูไกล้ๆ ไม่มีรอยทุบก่อนแทง ตัวขนาดสักเหรียญ5ได้
2. อีกครั้ง ตอนนั้นกำลังตั้งวงอยู่ มีคนอิสาน2คน เดินทางไปล่างูแถวบ้านผม คงกลับจากล่างู ถือถุงปุ๋ยมา พวกผมถามมีงูเห่าไหม ขอซื้อสักตัว เขาเอามือล้วงลงไปในถุงปุ๋ย ควานหาสักพัก ได้ขึ้นมา1ตัว ขนาดหัวโป้งมือ-กำลังกิน ก็ให้เขาทำให้ ขณะที่เขากำลังถลกหนัง เราก็เติมน้ำเขาไปเรื่อยๆ สรุปวันนั้นกินแต่อาหารที่ปรุงด้วยงู ล้วนๆ(สูตรอิสานบ้าง ภาคกลางบ้าง) แถมด้วยได้งูเห่าตัวย่อมๆ มาดองยาอีก2ตัว ...จนรถมารับ ทั้งคู่จึงแอ่นระแน้ขึ้นรถไป
ตา
ตาคน นานมาแล้ว รุ่นน้าเป็นตร. นปพ.แถวภาคกลาง ...ก่อนหน้านั้นสิบกว่าปี แกเป็นตร. ประจำที่ภาคใต้ยุคถังแดง ยุคราชศักดิ์ คุยกันในวงเหล้า ในเรื่องหนึ่งที่คุยกัน แกบอก ถ้า*คุณ*จะฆ่าใคร จำไว้อย่ามองตามัน ..ถึง*คุณ*ฆ่ามันได้ แต่ตานั้นจะติดให้*คุณ*จำจนตาย
ตางู ผมเคย "ฆ่า" งู2ตัวเป็นงูทางมะพร้าว, งูเห่าตาลาน ตระกูลนี้ (ผมคิดว่ามันเหมือนเดียวกัน) ที่ใช้คำว่าฆ่า เพราะผมฟันมันด้วยจอบ ทั้ง2ตัว มันตวัดตัวหันมามอง ผมได้สบตามันด้วย สายตามันคล้ายถามว่า ฆ่ามันทำไม ทุกวันนี้ พอนึกถึงงู คล้ายๆแววตาของทั้ง2ตัว มันแวบมาทุกครั้ง ..หลังจากนั้นงูทุกตัว ผมทุบหัวบี้ทุกตัว
ตาหมา เคยเล่าให้ฟังแล้วมั๊ง ในคืนที่ป้าผมตายที่สุพรรณ หมาที่ผมเลี้ยง เข้ามาในบ้าน เห่าเลยผมไป ผมตวาดมัน มันหันมามอง อ่านสายตามัน มันบอก ไอ้ตาบอด(***) มีคนเข้าบ้าน เอ็งมองไม่เห็นหรือ
ไอ้ตัวเดิมนี่แหละ ถ้าผมตื่นแต่มืด ชงกาแฟ ไปนั่งกินหน้าบ้าน มันนอนหน้าประตู มันแกล้งเขิน บิดขี้เกียจ ถ้าเราเรียกมันจะกระวีกระวาดมาหาเรา แต่ถ้าเราแกล้งไม่มอง มันจะบิดขี้เกียจอีก2ตลบ ส่งเสียงให้รู้มันยังอยู่นะ ถ้าเราแกล้งเฉยอีกมันจะเลียบเคียง มานั่งจ้องหน้าเรา ถ้าเรายังแกล้งเฉยอีก มันจะสกิด เมื่อมองตามัน คล้ายมันจะถามว่า เฮ้ย จะไม่ทักอรุณสวัสดิ์ กันบ้างหรือ ถ้าเราตบหัวมัน เอานิ้วเสยคางมัน มันกระโดดดีใจ แล้วหลังจากนั้นถ้าเราไม่เล่นกับมันต่อ มันจะมานั่งเบียด นั่งทับตีนเรา-ถ้ายื่นออกไป เป็นอย่างนี้ จนกว่าเราจะดุมัน
สำหรับคนเลี้ยงหมา เคยสังเกตุตามันไหม บางตัวตามันจะเหมือนตาใครสักคนที่เราเคยรู้จักคุ้นเคย แต่ตายไปแล้วไหม-ลองสังเกตุดู ...หลวงพ่อเนียมบอกไว้ ทั้งสัตว์ ทั้งคน ที่มาพัวพันกับเราในชาตินี้ มักมีส่วนเกี่ยวโยงกับเราในอดีตชาติ
Edited by IFai, 7 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 09:07.
- กรกช likes this
ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ
#56
ตอบ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 05:34
ตาอิน ผู้ที่กรรมตามทัน
ตาอิน ตายตั้งแต่ผมยังไม่จบป.5 จำได้ว่าจนวันแกตายเราเจอกันจังๆ ก็แค่เดินสวนกันไม่เกิน10ครั้ง แกเป็นคนไม่มีครอบครัว มาอาศัยญาติแกที่ข้างๆบ้านผมอยู่ ซึ่งเขาให้ปลูกเพิงหมาแหงน ที่ริมรั้วบ้าน
ตาอิน ไม่ประกอบอาชีพตามแบบของคนแถบนั้น คือทำนา และรับจ้าง ...เนื่องจากแกติดฝิ่น จึงทำอาชีพลักเล็กโขมยน้อย ที่สำคัญรับจ้างฆ่าสัตว์ แกรับจ้างตั้งแต่เป็ด-ไก่ จนถึงวัวควาย ..แกชำนาญมากในอาชีพของแก ยิ่งเรื่องลักโขมย ไม่ว่าบ้านนั้นหมาจะดุขนาดไหน แกสามารถเข้าไปลักโขมยได้ทั้งนั้น เขาว่าแกอาจมีวิชาดี หรือวิญญาณเหยื่อล้อมรอบตัวแกจนหมา ไม่กล้าเห่า
การรับจ้างฆ่าวัวควาย ก็เนื่องด้วยไม่มีใครรับทำ การล้มวัวควายสมัยนั้น ใช้วิธีมัดคอของเหยื่อกับต้นไม้ แล้วใช้ฆ้อนปอนด์ ทุบเข้าที่แสกหน้า กลางระหว่างเขา ระยะหลังสุขภาพแกไม่ดี เนื่องเพราะสูบฝิ่น ทุบทีดียวมักไม่อยู่ ต้องซ้ำ คราวที่ร้ายทีสุดคือเหยื่อหลุดจากเชือกที่ล่ามกับต้นไม้ไปล้มกลางทุ่ง ต้องแร่กันกลางทุ่ง กลางแดด
แต่แกมีฝีมือเรื่องการถลกหนัง กับแล่เนื้อซึ่งสั่งได้ จะเอาส่วนไหนล้วนๆ หรือผสมกับเนื้อส่วนอื่น แกจัดให้ได้ เรื่องแทงหมู แกสามารถแทงหมูให้ได้เลือดมากจนเมื่อแบะอก เหลือเลือดในตัวนิดเดียว วิธีนี้ผมมีส่วนร่วมอยู่ครั้ง
ช่วงยังวัยรุ่น ปิดเทอมใหญ่ก็มักกลับบ้าน ช่วงท้ายๆเงินทุนหมด ก็ลงขันซื้อหมูมาแทงเอง เอาเลือดกับเครื่องในมาเป็นกับแกล้ม ขายเนื้อเอาทุนคืน กำไรซื้อเหล้า คราวนั้นผมไปก่อนเวลา คือคนแทง(ศิษย์ตาอิน) มาช้า ผมเลยได้เห็นกรรมวิธี คือมัดหมูโดยให้ขาห้อยลง แล้วแทงเข้าซอกขาหน้า กะให้ตัดเส้นเลือด แล้วให้ปลายมีดจิ้มเข้าหัวใจนิดหนึ่ง(เขาบอกยังงั้น) เลือดจะไหลตามรอยมีดออกมา พอเลือดไหลน้อยก็***ปลายมีดให้ลึกลงไปอีก ทำอยู่2-3ครั้ง เลือดก็ไหลน้อย..จนเลืดหมด เขาก็ดันมีดจนสุด เข้าทะลุหัวใจ ผมยังได้กินเลือดจากร่องอก ผสมเหล้าขาว ก็ดีครับตามประสาคนชอบลาบเลือด ..แต่นั่นเป็นครั้งสุดท้าย ที่มีส่วนร่วมในการซื้อหมูมาแทง
ตาอิน ..วันที่แกตาย ผมก็ไปดูครับ แกนอนในเพิง หันหลังให้ มีคน3-4คน จับกลุ่มอยู่ใต้ถุนบ้าน ห่างสัก10เมตร พอร่างตาอินหยุดกระตุก ไม่มีเสียงโอ๊กไอ๊ซ์ ก็เข้าไปดูกันทีว่าสิ้นลมหรือยัง จนสุดท้ายเมื่อสิ้นลมตอนเที่ยง(ประมาณเงาแดด) ผมจึงเข้าไปดูแกถูกมัดมือมัดขา ตรึงกับเสาเพิง ด้วยว่าแกดิ้นทุรนทุราย ข้าวของกระจายหมด ที่สำคัญ มีเลือดออกจากปาก จมูก เปรอะพื้น ไปหมด ...จบสิ้นกันทีสำหรับชีวิตบาปของตาอิน มีคนเปรียบว่า กลุ่มคนที่มาดูใจนั้น เหมือนกับคนที่รอเวลาเพื่อเข้าไปแล่เนื้อ หลังตาอินทุบเหยื่อเสร็จแล้วเลย
สมัยทำงานที่เชียงใหม่ ลูกน้องซึ่งรู้ว่าผมชอบพวกลาบเลือด ก็พาไปกิน ของแท้ๆเลย
วันนั้นกลับจากน่าน ถึงชม. สัก4-5ทุ่ม ลูกน้องขับรถ มันบอกเดี๋ยวพาไปกินของโปรดพี่ ครับอาหารอิสานล้วนๆ เนื้อที่ปรุงนี่ทุกชิ้นสด ยังฉ่ำเลือดอร่อยมากครับ ลาบ-ลู่เลือดนี่ยังอุ่นๆอยู่เลย บรรยากาศก็ดี เสียงโป๊ก -โอ๊กก ดังชัดเจน ...มันพาไปกิน ที่ร้านติดกับโรงฆ่าสัตว์
นางดิท
Edited by IFai, 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 06:29.
ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ
#57
ตอบ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 17:06
^
น่ากลัวจัง
เรื่องฆ่าสัตว์ สำหรับตัวเองนี่ขอบายเลย ^__^
จำได้ว่าตอนเด็ก ๆ พี่ชายชอบยิงนกตกปลา แต่จะไม่พาเราไปด้วยเด็ดขาด
แกบอกว่าถ้าเราไปแกมักจะไม่ได้ปลา 5555
เคยเห็นเขาทำหมูครั้งนึง เลือดแดงฉานติดตา
กินหมูไม่ได้นานนนนเลย จนแม่บ้านต้องบอกว่าอย่ากินไก่มาก กลัวเราจะเป็นเก๊า
เพราะกินหมูไม่ได้เลยหันมากินไก่แทน
เอาไว้ครึ้มอกครึ้มใจจะมาเล่าวิธีดูว่าคนที่ตายไปเกิดเป็นอะไร
วิธีนี้ผู้เฒ่าผู้แก่บอกถึงวิธีทำ ตกทอดกันมาหลายร้อยปี
จำได้ครั้งนึงคนข้างบ้านตาย แล้วแม่ส่งข่าวว่า เค้าทดลองทำดูกันแล้ว
เลยรู้ว่าพี่เค้าไปเกิดเป็นหมู
ซวยเลย เรากินหมูไม่ได้ไปอีกหลายเดือน
(พี่เค้ามักจะเป็นคนฆ่าหมูเสมอ เวลาแถวบ้านมีงาน)
#58
ตอบ 14 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 10:27
เอาไว้ครึ้มอกครึ้มใจจะมาเล่าวิธีดูว่าคนที่ตายไปเกิดเป็นอะไร
วิธีนี้ผู้เฒ่าผู้แก่บอกถึงวิธีทำ ตกทอดกันมาหลายร้อยปี
สำหรับผม ถือ(เอาเอง) ว่า หลังตายไปแล้ว ไปที่ดีไหม ผมคิดเอาจาก
1.ก่อนตาย ทุรนทุราย ไหม
2.ตายช่วงไหน เช้า-สาย-บ่าย-เย็น-กลางคืน ถ้าตายตอนอากาศสบาย ผมเชื่อ(เอง) ว่าไปดี
ต่อไป ไม่ใช่เรื่องหวาดเสียว เสียวสยองอะไร แต่ติดอยู่ในใจผมมากว่า10ปี
ชีวิตครอบครัวของลุงเสือ
ลุงเสือ อายุคราวน้าชายผม แต่เป็นลูกของศักดิ์พี่ของแม่ผม เลยได้ศักดิ์ลุงของผม ลุงเสือเกิดในตระกูลมีตัง ของหมู่บ้าน ทั้งตระกูลมีพรสวรรค์ ในทางรื่นเริง ทำให้คนอื่นสนุกสนาน คงรวมถึงตัวลุงเองด้วย
สมัยเด็กๆ พอผู้ใหญ่ชุดนี้นัดกินเหล้ากัน ผมจะเป็นคนเดินโท ผมชอบตอนที่เขารวมกลุ่ม เล่นเครื่องสาย โดยเฉพาะตอนซอด้วง ไล่ซออู้ มีขลุ่ยกระชั้น เร่งด้วยจังหวะฉิ่งของลุงเสือ ผสมกับเสียงเชียร์ เสียงต่อว่า คนตีขิมบอกเฮ้ย ตูตามไม่ทัน แต่เต็มไปด้วยความสุข/สนุก ...ได้อารมณ์ผมจริงๆ
ลุงเสือแต่งงาน ลุงเสือ(ผม)ว่าเป็นคนหล่อคนหนึ่ง เอาว่าถ้าลุงเสือ กับสรพงษ์(ลุงเสือตัว/สีผิว ขนาดสรพงษ์) ไปให้คุณฉลองคัดเลือก ลุงเสือมีลุ้น เจ้าสาวก็เป็นคนไกล้บ้านมีแค่ทางเข้าบ้านกั้นกลาง ป้าเป็นคนสวย(ของหมู่บ้าน)ครับ ผิวขาวกว่าชาวบ้านทั่วไป ฟังว่ามีเชื้อลาวพวนติดมาด้วย
นัยว่า ทั้งคูรักกันตั้งแต่เด็ก คงเป็นรักครั้งแรก รักจริงหวังแต่ง ของทั้งคู่ ทั้งคู่ก็แต่งงานกัน แต่ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ อยู่กันสักปี มีลูกชายด้วยกันคน ลุงเสือถูกกีดกันจากญาติเมีย ...เลิกกัน
ผมมาสนิทกับลุงเสืออีกครั้ง เมื่อลูกแกได้สัก5-6ขวบ ชีวิตลุงเสือก็ยังเหมือนเดิม หากินวนเวียนกับวงเหล้า กับวงเครื่องสาย-ปี่พาทย์ งานต่างๆ รับทำขวัญนาค (ฟังว่าเคยร่วมงานกับ ไวพจน์, ขวัญจิตต์ มาแล้ว) และเป็นแกนของกองเชียร์รำวง "เจ้าภาพหอมระอา" ด้วยเหตุนี้ครับที่ทำให้ผมกับลุงเสือ สนิทกันอีกครั้ง เงินที่หามาได้ คนไกล้ชิดยืนยันว่า เกินครึ่งลุงเสือจะเอาไปให้ลูกชาย
ลุงเสือกับเมีย เริ่มดีกัน(คนกีดกัยตายไปเกือบหมด) ตอนบวชลูกชาย อีกหลายปีกว่าก็ได้ข่าวว่า ลุงกับป้า ไปอยู่ด้วยกันแล้ว โดยมีลูกชายอยู่ด้วย ...น่าจะมีความสุข
อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ลักษณะนี้ ไม่ถึง2ปี ลุงเสือ ประสพอุบัติเหตุที่เชิงสะพานข้ามแม่น้ำสุพรรณข้างๆรพ.เจ้าพระยายมราช ..ตอนนั้นสะพานยังไม่เปิดใช้ มอ-ไซค์ ล้ม หัวลุงไปชนท่อปูน ที่เขาวางไม่ให้รถยนต์ผ่าน ....เป็นเจ้าชายนิทราครับ
เป็นเจ้าชาย นิทรา ให้ลูก-เมียปรนนิบัติ อีก7-8ปี ก็พ้นกรรม
บันทึกด้วยระลึกถึงลุง
- กรกช likes this
ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ
#59
ตอบ 11 เมษายน พ.ศ. 2556 - 08:40
อ่านกี่ที กี่ที ก็ต้องยอมรับเลย ว่า ชอบจริงๆ
- กรกช likes this
Tag:: เปิดให้บริการเล่น Gclub ใน Holiday Palace สถานที่ที่ดีที่สุด
#60
ตอบ 16 เมษายน พ.ศ. 2556 - 00:12
เรื่องนี้ฟังจากปากน้องคนหนึ่ง เมื่อไม่กี่วันนี้เอง
นานหลายปีก่อน น้องคนนี้ ต้องจัดอบรมพนักงานของโรงงานแห่งหนึ่ง สถานที่จัดการฝึกอบรมเป็นรีสอร์ทต่างจังหวัด
เมื่อเดินทางไปถึงรีสอร์ทอันใหญ่โต บริเวณทางเข้า น้องได้พบกับต้นไม้ใหญ่ ใต้ต้นไม้มีกระถางธูป ของเซ่นไหว้ และที่สำคัญคือ มีของเล่นเด็กมากมายหลายชิ้น เสื้อผ้าผู้หญิง รวมอยู่ในของเซ่นไหว้
น้องยกมือไหว้ตามประสาคนไทย คิดในใจว่า ขอให้การฝึกอบรมผ่านพ้นไปด้วยดีด้วยเถิด
วันแรกของการฝึกอบรมก็ไม่มีอะไร จนกระทั่งคืนนั้น
น้องนอนหลับอยู่ รู้สึกตัวเหมือนถูกผีอำ ขยับแขนขาไม่ได้
ที่สำคัญกลับได้ยินเสียงเด็กพูดว่า "พี่จ๋า มาเล่นกับหนูหน่อย" ซ้ำๆหลายๆครั้ง
พูดไม่พูดเปล่า ยังดึงแขนพัลวัน กระตุกแขนอยู่นั่นแล้ว บอกให้ไปเล่นด้วย
น้องโต้ตอบในใจไปว่า "ไปเล่นด้วยไม่ได้หรอก พรุ่งนี้ มีงานต้องทำเยอะแยะ เดี๋ยวตื่นไม่ทัน"
ยื้อกันอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งเช้า
น้องตื่นมาด้วยสภาพอิดโรย
เหลียวมองรุ่นน้องที่พักอยู่ด้วยกัน กลับหลับสนิท ไม่มีวี่แววว่าจะถูกหลอกหลอนใดๆ
น้องรีบโทรมาหาแม่ตั้งแต่เช้า ถามแม่ว่าควรทำอย่างไร
แม่แนะนำให้รีบไปใส่บาตร และเวลานอน ให้เอาฮู้ (ยันตร์ของคนจีน) ซึ่งปกติน้องจะพับเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์มาคลี่ออก แล้ววางไว้บนโต๊ะข้างเตียง
คืนที่สอง น้องทำตาม
ได้ผล ไม่มีสิ่งใดมายื้อยุดฉุดดึงอีกเลย
แต่ทว่า....
สิ่งนั้นกลับมาแสดงตนที่ห้องน้ำแทน
ไฟในห้องน้ำติดๆดับๆตลอดคืน
แสงไฟกระพริบลอดออกมาให้เห็น แบบไม่เป็นจังหวะ เดี๋ยวสว่าง เดี๋ยวดับ
จนรุ่งเช้า ก็เข้าสู่ความสงบ
ไฟในห้องน้ำกลับเข้าสู่โหมดปกติ
น้องไม่กล้าเล่าให้รุ่นน้องที่พักด้วยกันฟัง เพราะกลัวตกใจ
จะย้ายห้อง ก็ลำบาก เพราะห้องเต็ม พนักงานโรงงานนี้ที่มาอบรมหลายร้อยคน
อีกทั้งเอกสาร อุปกรณ์การฝึกอบรมก็เต็มห้อง
น้องเจอพนักงานที่พักอยู่ชั้นเดียวกันทักว่า
"ทำไมเมื่อตอนสายๆ พี่สองคนคุยกันเสียงดังจัง เสียงออกมาถึงข้างนอกห้องแนะ"
"ตอนสายๆ ช่วงไหน"
"ก็ก่อนฝึกอบรมไงพี่ หนูกำลังจะลงไปที่ห้องประชุมพอดี ได้ยินพี่สองคนคุยกันเสียงดัง"
น้องนึกในใจ "ตูต้องตื่นแต่เช้ารีบกินข้าว จากนั้นไปเตรียมเอกสารการฝึกอบรมที่ห้องประชุมต่อ จนเย็นเลิกอบรมถึงกลับห้อง ไม่มีเวลาขึ้นมาที่ห้องเลย แล้วตูจะไปคุยเสียงดังกันตอนไหนฟะ"
แต่น้องก็ไม่พูดอะไรออกมา ได้แต่ยิ้มๆ
หลายวันต่อมา มีพนักงานเล่าให้้น้องฟังว่า มีคนถูกหวยเพราะมีเด็กมาเข้าฝันบอกเลขให้
ใครอยากได้เลขเด็ด ก็ไปที่รีสอร์ทซึ่งพวกกาสรสีชาดจัดงานบ่อยๆ
มีรีสอร์ทเดียวนั่นแหละ
แต่ก็ไม่แน่
ไปแล้วอาจไม่เจอ
วิญญาณ สิ่งลึกลับอาจต้องเผ่นหนี
เมื่อเจอกาสรสีชาด ทำลายชาติ เผาบ้านเผาเมือง ก็เป็นได้
#61
ตอบ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 10:59
วันนี้วันฮาโลวีน ถือโอกาสขุดกระทู้นี้
ตามที่เคยบอกไว้ว่าวันไหนครึ้มอกครึ้มใจจะมาเล่าเรื่องตายแล้วไปเกิดเป็นอะไรให้ฟัง
อันนี้แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละคน เอาเป็นว่ามาเล่าสู่กันฟังก็แล้วกันค่ะ
ตอนเด็ก ๆ ได้มีโอกาสไปงานศพญาติที่ต่างจังหวัด
หลังจากเผาศพแล้วคืนวันที่ 7 ตอนเย็นจะเชิญพระมาสวดที่บ้านงาน
ระหว่างที่พระกำลังสวด ก็จะยกสำรับกับข้าวพร้อมจุดธูป 1 ดอก เทียน 1 เล่ม
ปักไว้ในสำรับด้วย แต่สำรับนี้ไม่ธรรมดา เพราะจะโรยแป้งรองไว้ที่ก้นสำรับ
ก่อนจะยกถ้วยอาหารใส่ในถาด
หลังจากพระเริ่มสวด ก็จะยกถาดไปวางด้านนอก ให้พ้นชายคาและคนไม่พลุกพล่าน
ที่จำได้ตอนนั้นญาติยกไปวางไว้ในสวนเลย พร้อมจุดธูป เทียน เรียกให้ผู้ตายมากิน
หลังจากพระสวดเสร็จก็จะไปเอาถาดมาดูกัน
แต่มีข้อห้ามคือ หากปลายเปลวเทียนเป็นสีน้ำเงิน อย่าเพิ่งยกมา
เพราะแสดงว่าเขายังกินอยู่ ยังไม่ไป ต้องรอให้เปลวเทียนเป็นสีปกติก่อนจึงค่อยยกมา
(เรื่องปลายเปลวเทียนสีน้ำเงินนี้เห็นกับตัวเองว่าเป็นจริง ๆ แฮะ)
จากนั้นคนเฒ่าคนแก่ก็จะมาดูรอยที่ปรากฎอยู่บนแป้งแล้วบอกว่าเป็นรอยอะไร
จบค่ะ
#62
ตอบ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 13:23
ขอเล่าบ้างครับ เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อต้นปีนี้เอง โดยผมกับแฟนได้เปิดร้านกาแฟเล็กๆริมถนน ย่านนนทบุรี ร้านผมไม่ใหญ่ นั่งได้แค่สองโต๊ะ และด้วยความที่ผมกับแฟนคุยเก่ง ชงกาแฟถึงรสชาติไม่หวงของ ร้านผมเลยมีลูกค้าประจำมาติดมาก จนวันนึง ลูกค้าประจำท่านนึงมาจอดหน้าร้าน ตอนบ่ายๆ ย้ำนะครับว่าตอนบ่ายๆ วันนั้นผมต้องเข้าออฟฟิส แฟนอยู่คนเดียว พอลูกค้าผู้ชายเดินเข้าร้านมาปุ๊บ ก็สั่งเอสเพรสโซ่แก้วนึง แฟนผมเลยถามต่อ แล้วของพี่ผุ้หญิงในรถจะรับอะไรดีคะ ลูกค้าท่านนั้นทำหน้าแปลกๆ พร้อมกับบอกว่า " ผมมาคนเดียวครับ ! " แฟนผมได้ยินเท่านั้นแหละ ขาอ่อน มือสั่นเลย จนตั้งสติได้แล้วคุยกันซักพัก แฟนผมบอกว่า เห็นผุ้หญิงอยู่ในรถ เค้าเอาหน้าแนบกระจกข้าง ทำท่ายกเอามือป้องแสง มองเข้ามาในร้านเพื่อดูเมนูกาแฟ ! ลูกค้าท่านนั้นก้เริ่มคุยต่อ บอกว่าน่าจะมาจาก วิญญาณที่อยู่ในรถ เพราะรถของเค้าจะใช้ในงานมูลนิธิปอเต็กตึ้งด้วย (เค้าประจำถนนพระราม5 เป็นรถกระบะส่วนตัวครับ) หลังจากเหตุการณ์นี้ ผมเลยต้องรับขวัญแฟน ปิดร้านเกือบอาทิตย์ ทำบุญ9วัด ตามด้วย ไอโฟน5อีกเครื่อง ! ....... T T
"ถึงเวลาแล้วที่ใครมีอาวุธชนิดไหนก็ต้องจับขึ้นมาใช้รบกับมัน”
#63
ตอบ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 16:47
ขอบคุณที่แบ่งปันนะคะ อ่านเพลินจังค่ะ พอดีชอบเรื่องพวกนี้อยู่แล้วด้วย แต่ตั้งแต่เกินมายังไม่เคยเจอสักครั้ง (ก็ดีแล้ว55555555)
#64
ตอบ 8 มกราคม พ.ศ. 2557 - 14:02
แท็กซี่เจอดี
ถ้าพูดถึงเรื่องผีดุๆ มีอยู่ที่นึง เอ่ยชื่อหลายคนคงรู้จัก นั่นคือแถวเดอะมอลล์งามวงศ์วาน
แถวนั้นตึกที่ พักสูงๆเยอะ คนกระโดดตึกฆ่าตัวตายบ่อย กลางดึกมีคนเจอดีหลายคนแล้ว โดยเฉพาะ คนขับแท๊กซี่โดนบ่อย ตอนดึกๆมักมีผู้หญิงสาวมาเรียกรถแท๊กซี่ ส่วนใหญ่จะบอกให้ไปส่งแถววัดโน่นวัดนี่ แต่พอขับไปสักพักปรากฏว่า ไม่มีผู้โดยสารสาวอยู่ในรถเลย จนเดี๋ยวนี้ไม่มีรถแท๊กซี่คันไหนกล้ารับผู้หญิงที่เรียกรถตอนดึกแถวเดอะมอลล์งามวงศ์วานเลย
แต่ก็อย่างว่า มันต้องมีคนที่ไม่กลัวมั่งล่ะ นั่นคือ ลุงคนนึงแกเพิ่งมาขับแท๊กซี่ใหม่ๆ แกชื่อลุงกล้า ก็กล้าสมชื่อครับ คืนนั้นเวลาประมาณตีสองเห็นจะได้ แกขับรถผ่านหน้าเดอะมอลล์งามฯ แกก็นึกถึงเรื่องผีผู้หญิงที่มักเรียกรถแท๊กซี่ตอนดึก แต่ลุงกล้าแกไม่กลัว แกเลยขับช้าๆมองหาว่าจะมีจริงตามที่เขาเล่าหรือปล่าว แล้วแกก็เจอจริงๆ แกเห็นผู้หญิงคนนึงโบกมือเรียกรถ ลุงกล้าก็เลยจอดรับลองดูว่าจะผีหรือคน ผู้หญิงคนนั้นแต่งชุดสีดำหน้าตาดีทีเดียว
บอกลุงกล้าให้ไปส่งที่วัดธาตุทอง(แถวสุขุมวิท พระโขนง) ลุงกล้าแกก็เห็นเค้าเป็นคนนี่ไม่เห็นจะเป็นผีตรงไหนเลย แต่ก็หวั่นๆตรงที่ให้ไปส่งแถววัดธาตุทองนี่แหละ แกก็รับผู้หญิงชุดดำคนนั้นมา ขับไปแกก็เหลือบมองกระจกส่องหลังตลอด ก็เห็นผู้โดยสารสาวสวยคนนั้นยังนั่งอยู่ ลุงกล้าก็เลยขับมาเรื่อยๆ
ขับมาถึงประมาณถนนพระราม 9 ไฟข้างถนนค่อนข้างสว่างลุงกล้าก็มองกระจกส่องหลัง เท่านั้นแหละ ลุงกล้าแกเสียวสันหลังวาบเลย เพราะหญิงสาวผู้โดยสารไม่อยู่ตรงเบาะหลังแล้ว ลุงกล้าที่ตอนนี้ไม่เหลือความกล้าแล้ว พยายามมองผ่านกระจกก็ไม่เห็น ลุงกล้าก็เลยนึกในใจ โดนแน่แล้ว
แกก็เลยจะจอดรถเพื่อที่จะได้หายกลัว แต่กลิ่นน้ำหอมยังฟุ้งอยู่เต็มรถ ลุงกล้าแกก็นึกในใจว่า วิญญาณน่าจะยังอยู่ในรถ เราคงมองไม่เห็น คงต้องไปส่งให้ถึงวัดธาตุทอง ถ้าถึงที่หมายแล้วกลิ่นน้ำหอมคงจะหายไปด้วย คิดได้ ลุงกล้าแกก็กัดฟันขับต่อและเหยียบคันเร่งสุดชีวิต เพิ่อให้ถึงวัดธาตุทองไวๆ พอใกล้จะถึงวัดอีกประมาณไม่เกินสองกิโลเมตร ลุงกล้าก็เหลือบไปมองกระจกส่องหล้ง คุณพระช่วย!!!
ผีสาวชุดดำกำลังนั่งจ้องตาถมึงทึง ลุงกล้าแกเบรกรถแทบชนฟุตบาธ พระที่อยู่หน้ารถกี่องค์ลุงกล้าแกเอามือรวบมากอดไว้หมดเลย คาถงคาถากี่บทที่ลุงกล้านึกได้ เอามาสวดหมดเลยครับ บทพาหุงที่ว่าแน่ หรือสุดยอดพระคาถาอย่างชินบันชรลุงกล้าแกสวดมั่วไปหมด หันไปมองข้างหลังทั้งๆที่เหงื่อแตกพลั่ก เห็นผีสาวที่ตอนนี้มีแต่รอยเลือดสีแดงเลอะเต็มหน้า ยังทำตาถมึงทึงใส่แก
ลุงกล้าเลยหันกลับมา ไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยต้องทำใจดีสู้เสือ ถ้าไม่กลัว ผีก็คงไม่ทำอะไรแน่ ลุงกล้าเลยหันกลับไป แล้วถามทั้งๆที่เสียงสั่นว่า...
" ขอโทษนะครับคุณ ไม่ทราบว่าเป็นอะไรตายครับ " ผีสาวยิ่งโกรธไปใหญ่แล้วพูดว่า
" ตายพ่อตายแม่มึงเหรอ กูก้มลงไปแต่งหน้าแป๊บนึง มึงเหยียบซะหน้ากูเลอะลิปติกหมดเลย "
- IFai likes this
#65
ตอบ 9 มกราคม พ.ศ. 2557 - 05:05
ใครมาทำอะไร หรืออะไรมาทำอะไร
ผมมาปลูกบ้าน(ที่อยู่ปัจจุบัน) ด้วยความที่เป็นสมาชิกระดับแถวหน้าของสมาคม ปอดแหกของโลก จึงเลือกทำเลที่อยู่ไกล้บ้านคนอื่นไว้ก่อน ทั้งที่คาดการณ์ว่าไม่เกินปี จะมีปัญหากับเขาแน่ ด้วยนิสัยไม่ตรงกัน
จนถึงวางผัง ขุดหลุมจะปักเสาแล้ว ก็เปลี่ยนใจย้ายที่ปลูกบ้าน ด้วยเหตุข้างต้น และประกอบกับหน้าบ้านมีผู้หญิงเออรี่จากการบินไทย มาปลูกบ้านเพื่อจะมาถือศีลกินเจ ...เขาเป็นผู้หญิงยังอยู่คนเดียวได้ ทำไมเราจะอยู่ไม่ได้ ...(ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยอยู่คนเดียวเลย)
ย้ายที่ปลูกบ้านใหม่ ห่างจากเดิมสัก5-60เมตร แม้จะติดถนน แต่เป็นส่วนที่รกที่สุด เพราะมีมะขาม, มะขามเทศ, มะม่วง ระดับเกินคนโอบรวมแล้วเกิน10ต้น และมีศาลเจ้าที่ระดับชวนวังเวงอยู่ด้วย แม้ผมมาปรับที่แล้วยังปล่อยบริเวณนี้ไว้ ..ให้รกเหมือนเดิม
คิดว่าจะชนะความกลัวของตัวเอง ก็จะปลูกตรงบริเวณนี้แหละ จึงปรับที่ และเริ่มลงมือปลูก ...ไม้พื้น ก็ได้จากมะขามเทศ มะม่วงเกือบครึ่งหลัง
บ้านเสร็จ ก็ย้ายเข้ามาอยู่ ...อยู่คนเดียวมาหลายปี คืนหนึ่งสะดุ้งตื่นขึ้นมา รู้สึกเหมือนมีคนมาเดินเลาะบ้าน ..โขมยแน่ ขยับตัวไปที่จะมองเห็นหน้าต่างห้องนอนทั้ง2ด้าน ก็ว่าเห็นเงาเมื่อไร กูเอามึงแน่
ฟังอีกที เสียงเหมือนมีคนขุดดินอย่างเต็มกำลัง ฉึกๆ เป็นจังหวะสม่ำเสมอ อยู่ไกลๆ แต่เสียงชัดมาก ทำไมหมา2ตัวไม่เห่า? ไม่มีปฏิกริยาเลย หรือ ...มึงเอากูแน่
เกือบ10นาที ที่ฟังเสียง ก็ยังไม่มีทีท่าจะเงียบ แต่มีพักเป็นช่วงๆ เหมือนคนเหนื่อยแล้วหยุดพัก ...ทดลองไอแบบสิงห์ขี้ยาดู เออเงียบแฮะ
นึกถึงที่ป้าเคยเล่าเรื่องฝันเห็นเพื่อนบ้านนั่งซ้อนมอ-ไซค์ โดยแบกจอบไปด้วย ...ป้าบอกลางไม่ดี คือแบกจอบไปขุดหลุมฝังตัวเอง ..นึกในใจนี่มึงจะมาขุดให้กูได้ยินเลยรึ? ...นายแน่มาก
เช้ารีบหุงข้าว, ตักบาตร ...ปรกติถ้าเมียไม่มาก็ไม่ได้ตักบาตรหร็อก กินข้าวเช้าเกือบบ่าย2 สัก2ทุ่มหุงข้าวเย็น เผื่อพรุ่งนี้ด้วย
ได้ยินเสียงแบบนี้ น่าจะสักปีละ1-2 ครั้ง ..หลังๆพอได้ยินเสียง นึกจะมาขุดดินทำไมว้า ช้วยถางโคนลำไยยังจะดีเสียกว่า
เมียมาอยู่ด้วยสัก3ปีมาแล้ว เมื่อเดือนก่อนกลางดึก เมียสะกิด มีคนมาเดินรอบบ้าน ...ฟังแล้วเสียงเดิมเลย ...เฮ้อ ผิดหวัง
บอกเมีย สงสัยนกมาเจาะต้นไม้ ...เมียเชื่อแฮะ
เมื่อ2-3คืนก่อน ก็ได้ยินอีก ก็ฟังเพลินเกือบ10นาที จนเผลอหลับไป
ใครมาทำอะไร? หรืออะไรมาทำอะไร? ....ให้ผมได้ยิน
Edited by IFai, 9 มกราคม พ.ศ. 2557 - 05:07.
ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ
ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน