แน่ใจหรือครับว่านี่เป็นผลประโยชน์ของชาติ ไม่ใช่ผลประโยชน์ต่างตอบแทน
อันที่จริงต้องปูพื้น POSCO ก่อนเลยครับว่าเขาเป็นเบอร์หนึ่งของเกาหลีในด้านผู้ผลิตเหล็กกล้า
(ใหญ่กว่าฮันเดสตีล หรือที่คนไทยเรียกฮุนไดเสียอีก)และเขาเป็นรายใหญ่เบอร์ 3 ของโลกนะครับไม่ใช่เบอร์ 6
POSCO มาเทคโอเวอร์ "ไทยน๊อกซ์" เรียบร้อยเมื่อปีที่แล้วนี่เอง
โดยเทคฯจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมอาทิ เช่น คุณประยุทธ, คุณสุวิมล, คุณอุษณีย์ และคุณเฉลิมชัย
ทั้งหมดนี้นามสกุล มหากิจศิริ
(คุ้นๆไหมครับ?)ไม่ใช่เรื่องผิดนะครับมันเป็นการดีลกันทางธุรกิจ ทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ตามระเบียบของตลาดหลักทรัพย์อย่างเปิดเผย
ทว่าดูจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเก่านั้นมีความใกล้ชิดกับทักษิณมาก
ผมเองก็ไม่ทราบว่าการตกลงซื้อขายกันในปีที่แล้ว
มีการเอาสิทธิพิเศษอะไรอันเป็นผลประโยชน์ของชาติไปแถมด้วยหรือเปล่า?
เขาตกลงซื้อกันในตลาดหลักทรัพย์
(ลงนาม 6 กรกฎาคม 2554 )ตอนนั้นปูยังไม่รู้เรื่องเลย เรื่องนี้จึงไม่ใช่ผลงานของรัฐบาลปู
และก็ไม่ใช่ความดีที่รัฐบาลไหน ควรจะเอามาเอ่ยอ้างเป็นผลงานให้ตื่นเต้น,ตื่นตูมกัน
เพราะ POSCO เขาลงทุนใน 21 ประเทศทั่วโลก
ขนาดเวียดนาม หรือมาเลย์ก็ยังมีบริษัทลูก
แล้วเขาเจรจาซื้อขายกับไทยน๊อกซ์กันมาตั้งแต่เกิดวิกฤตแฮมเบอเกอร์แล้ว
(ช่วงนั้นไทยน๊อกซ์ขาดทุนมหาศาล POSCO จึงเขามาถือหุ้น 15% คนในตลาดหุ้นก็เล่นตามข่าวกันไปไม่รู้กี่รอบแล้ว)ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องผลประโยชน์ครับ
จากข้อมูลที่ผมทราบก็ยังไม่เพียงพอจะระบุได้ว่าเป็นเรื่องเลวหรือดี
ทว่าหากรัฐบาลสนับสนุนเขามากเกินไป
ก็ช่วยดูแลกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กกล้ารายอื่นๆในประเทศด้วยก็แล้วกันครับ
เงินที่ตามข่าวว่าจะลงทุนเพิ่มเป็นหมื่นล้าน
ส่วนใหญ่ก็เป็นมูลค่าเครื่องจักรที่ต้องขนมาจากเกาหลี ประเทศเราก็ไม่ได้อะไร
ที่จะได้ก็คือการจ้างงานเพิ่มอีกหลายร้อยตำแหน่ง Know How เขาก็ปิดเป็นความลับอยู่ดี
สนับสนุนเขามากไป ผู้ผลิตเหล็กรายอื่นๆในไทยเจ๊งไป
เผลอๆจำนวนคนตกงานยังมากกว่าที่เขารับคนเพิ่มด้วยซ้ำ
ของแบบนี้ผู้มีปัญญาจึงต้องจับตาดูครับ
ไม่ใช่เราเปิดร้านโชห่วย
(ค้าปลีก) แล้วมีห้างสรรพสินค้าใหญ่โตอย่างโลตัสมาเปิดฝั่งตรงข้าม
เรามัวแต่ดีใจอีกหน่อยคนมาห้างเยอะเราจะพลอยขายของได้เพิ่มขึ้น
แต่แล้วผลอาจปรากฎว่าเราต้องนั่งตบยุงจนเลิกกิจการนะครับ
สิ่งที่คนไทยต้องจำไว้เลยเวลามีรายใหญ่เข้ามาลงทุนในบ้านเราก็คือ
1.อย่าให้เขามากเกินไป
ให้เหมือนรายอื่นๆ ไม่ต้องไปเอาใจเขา
บริษัทเขาใหญ่โตระดับนี้แล้ว
เขาตัดสินใจแล้ว ย่อมแปลว่าเงินไขเดิมๆก็เพียงพอต่อการลงทุนของเขาแล้ว
2.ศึกษาผลกระทบกับรายอื่นๆในธุรกิจเดียวกันด้วย
อย่าคิดว่ายิ่งมีการแข่งขันจะต้องดีเสมอไป
บางทีต้องดูกำลังของแต่ละรายด้วยว่าเขามีศักยภาพในการต่อสู้หรือเปล่า
ผมหวังว่าอนาคตบริษัทคนไทยจะไม่ถูกต่างชาติซื้อไปจนหมด
(สมมุติว่าเป็นผม สู้ไม่ไหวผมก็ขายครับ ไปดูธนาคารสิครับแท้จริงแล้วเป็นของคนไทยกี่เจ้า?)3.ต้องมีธรรมาภิบาลครับ
ไม่ใช่ว่าพรรคพวกฉันขายหุ้นให้มันไป
แบบนี้ฉันต้องให้สิทธิพิเศษมากหน่อย
เรื่องแค่นิดเดียวตรงนี้แหละครับที่จะส่งผลกระทบถึงลูกหลาน
ก็ขอแสดงความเป็นห่วงอย่างกลางๆไว้เพียงเท่านี้ครับ
ความจริงผมอยากตั้งข้อสังเกตหลายประการ
แต่เห็นคนเสื้อเขาดีใจขนาดตั้งเป็นกระทู้ก็เลยไม่อยากขัด
(เรื่องขอเข้าพบเพื่อส่งเสริมการลงทุนกับรัฐบาลสมัยมาร์คก็มีเยอะแยะครับแต่ผมไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องน่ายินดีอะไร เรื่องแบบนี้มันก็เป็นเรื่องผลประโยชน์ทั้งนั้นแต่ทว่าหากรัฐบาลไม่มีนอกมีใน เราก็อุ่นใจเท่านั้นเอง)
Edited by คลำปม, 5 October 2012 - 23:50.