"สนธิ" ชำแหละการเมืองต้นตอชาติฉิบหาย ฉะสื่อที่ด่า "สรยุทธ" ย้อนดูตัวเองด้วย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 ตุลาคม 2555 23:35 น.
"สนธิ" ชี้สื่อเมืองไทยเป็นสังคมหน้าไหว้หลังหลอก ซัดพวกที่ด่า "สรยุทธ" ย้อนดูตัวเองด้วย ชำแหละการเมืองต้นตอชาติฉิบหาย ประชาธิปัตย์ไม่ต่างเพื่อไทย แฉ "เทพไท" โผล่กินข้าวกับ "อริสมันต์" ในลาสเวกัส "ชวนนท์" ร่วมงานเลี้ยง "โภคิณ" ระบุสันดานนักการเมืองฟัดกันแค่หน้าฉากเท่านั้น พร้อมย้ำพันธมิตรฯอย่าตกเป็นเครื่องมือพรรคแมลงสาบอีก วันที่ 5 ต.ค. เมื่อเวลา 20.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ว่า ปัญหาของนายสรยุทธเป็นผลไม้พิษที่หล่นมาจากต้นไม้ซึ่งเป็นพิษ ส่วนคนไปวิพากษ์วิจารณ์ก็ไม่เคยกลับมาดูตัวเองว่าไม่ได้ต่างไปจากนายสรยุทธเลย สื่อมวลชนที่ตัวเองสังกัดอยู่ก็ไม่เคยรายงานข่าวเรื่องคอร์รัปชั่นเหมือนกัน แต่บังเอิญผลไม้ของนายสรยุทธ มันตกลงมาจากพื้น ทุกคนเห็นโอกาสก็เลยเอาเท้าเหยียบและขยี้ใหญ่
กรณีนี้คือผลพวงของระบบสื่อสารมวลชนที่เอาเงินและผลประโยชน์เป็นตัวตั้ง ฉะนั้นเปล่าประโยชน์ที่จะไปว่านายสรยุทธ บางคนทะเลาะกับนายสรยุทธ แต่ก็เป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ เราก็ไม่ว่ากัน เพราะฉะนั้นแล้วนี่คือตัวอย่างที่มองให้เห็นปัญหาของสังคมไทย ปัญหาของสื่อ ปัญหาหลายๆอย่างที่ไม่รู้จักตัวเอง
นายสนธิ กล่าวต่อว่า แล้วสื่อไปเที่ยวกับนายสมศักดิ์ ประธานสภาฯ ทำไมสภาการหนังสือพิมพ์ไม่เรียกตำหนิติเตียนบ้าง ฉะนั้นแล้วสังคมสื่อเมืองไทยเป็นสังคมหน้าไหว้หลังหลอก สังคมไทยมันถึงด้อยปัญญา จึงทำให้มีคนอย่างนายทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ร.ต.อ.เฉลิม เกิดขึ้น ทั้งหมดนี้เป็นผลพวงการสร้างของสื่อทั้งสิ้น
นายสนธิ กล่าวอีกว่า ความจริงแล้วการเมืองเริ่มเปลี่ยนจริงๆเมื่อปี 2531 ปีแรกที่พล.อ.ชาติชายเป็นนายกฯ และปีสุดท้ายที่พล.อ.เปรมเป็นนายกฯ สังคมไทยได้เปิดโอกาสให้คนที่ไม่มีโอกาสได้เข้ามาสู่การเมืองผ่านทางการเลือกตั้ง
ยกตัวอย่างพล.อ.เปรม เคยประกาศลดค่าเงินบาท แต่เอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง ประกาศลดตูมทันทีไม่มีใครไปแอบฟัง ทุกคนเจ็บตัวเท่ากันหมด แต่ปีกว่าสถานการณ์ก็ดีขึ้น เทียบกับสมัยพล.อ.ชวลิต มีกลุ่มพ.ต.ท.ทักษิณได้ประโยชน์ นายแบงก์แทบทุกคนก็ได้หมด รวยบนความพินาศฉิบหายของประชาชน ถึงวันนี้ 15 ปีผ่านมา หนี้เสียที่ยังเจรจากันอยู่ที่ บสท. ยังไม่จบเลย แสดงว่าการเมืองคือตัวทำให้มันฉิบหาย เพราะฉะนั้นจะเห็นว่าพล.อ.เปรม อยู่ในการที่ไม่ต้องมีการเลือกตั้ง แต่ว่าใช้ตัวเองเป็นผู้นำในอำนาจนิยม นำไปในทางที่ดี ต่างจากพล.อ.ชวลิต
ย้อนกลับไปก่อนปี 2531 เหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 เท่ากับเป็นการเปิดประตูให้กลุ่มคนพ่อค้า นักธุรกิจ เถ้าแก่ นักเลง มาเฟีย ที่ก่อนนั้นเป็นผู้ที่นั่งรอเศษกระดูกและเศษเนื้อที่พวกอำมาตย์จะโยนให้พวกนี้กิน เช่น นายเสนาะ เทียนทอง เมื่อก่อนคือคนค้าขายชายแดนกับเขมรและดูแลคิวรถบรรทุก นายบรรหาร ศิลปอาชา คือพ่อค้าผูกขาดขายคลอรีนให้กับกรมโยธาธิการ นายภาววิทย์ กลิ่นประทุม คือเจ้าพ่อชิปปิ้งที่คลองเตย นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ พ่อก็คือคนที่ทำการประมูลการก่อสร้างสร้างทางกับกรมทางหลวง
พอ 14 ตุลา เกิดขึ้น เปิดโอกาสให้คนพวกนี้เข้ามาเล่นการเมือง ใครจะนึกว่า ภาววิทย์ กลิ่นประทุม ชิปปิ้งคลองเตย จะกลายเป็นรัฐมนตรี บรรหาร ศิลปอาชา คนที่คอยชงกาแฟส่งกาแฟให้อธิบดี เพื่อที่จะขอสัมปทานในการขายคลอรีน จะกลายเป็นนายกรัฐมนตรี คนอย่างเฉลิม อยู่บำรุง อดีตตำรวจกองปราบ เดินตรวจร้านเพชรแถวหัวเม็ก เช็กว่าเพชรนี่มาจากไหน มีที่มาที่ไปหรือเปล่า จะได้เป็นรองนายกฯ
ตลาดการเมืองมันเปิด แต่เปิดบนสังคมที่ด้อยปัญญา ใช้การซื้อเสียงเข้ามา ประเด็นคือคนพวกนี้พอซื้อเสียงคนข้างล่าง พอได้อำนาจก็ไม่ยอมปรับโครงสร้างให้คนข้างล่างได้ด้วย ปล่อยให้จนต่อไป พอพ.ต.ท. ทักษิณ เข้ามาเลยมาจับคนกลุ่มนี้ โดยใช้ประชานิยมหลอกล่อ จนชาวบ้านเทิดทูน
อีกทั้งประชาธิปัตย์ไม่เคยพัฒนาตัวเอง ไม่เคยรู้ถึงอำนาจทุนว่าจะเปลี่ยนบ้านเมืองได้ขนาดนี้ ก็เลยเล่นมุกเดิมๆ ว่าตัวเองหล่อ เท่ห์ แต่เบื้องหลังไม่ได้เลวร้ายน้อยกว่าเลย วันนี้คนด่านายธาริตอย่างกับหมูกับหมา ซึ่งตนเห็นใจ ถ้าจำได้สมัยเป็นอธิบดีดีเอสไอ
วันที่นายจตุพรขอประกันตัว นายธาริตได้ไปค้านประกัน แต่นายสุเทพกลับส่งคนไปให้การเพื่อช่วยให้ได้ประกันตัว พออำนาจฝ่ายทักษิณขึ้นมา นายธาริตเลยเปลี่ยนข้างไปเป็นเสื้อแดงเลยดีกว่า อย่างน้อยข้อดีของพ.ต.ท.ทักษิณ คือใครทำงานให้มัน มันดูแลหมด แต่ประชาธิปัตย์ใครทำดีจะใช้หัวและหลังเป็นบันไดเหยียบขึ้นไป ฉะนั้นชาตินี้ทั้งชาติไม่มีวันเป็นใหญ่ในแผ่นดินอีก เพราะพวกนี้ใจไม่ถึงและจิตใจไม่บริสุทธิ์
ฉะนั้นแล้วถึงวันนี้โครงสร้างเศรษฐกิจทุกอย่างไม่เคยเปลี่ยนเลย แค่เปลี่ยนจากการผูกขาดโดยอำมาตย์ มาเป็นกลุ่มของทักษิณ ทั้งหมดนี้เกิดเพราะการเมืองทั้งนั้น บ้านเมืองฉิบหายก็เพราะการเมือง
เมื่อถามว่าพันธมิตรฯจะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไป นายสนธิ กล่าวว่า พันธมิตรฯต้องอย่าไปโง่ ออกไปก็มีแต่ตายกับบาดเจ็บ และจะเข้าทางเข้าพล.อ.ประยุทธ์ ที่เคยพูดกับทหารรุ่นน้องไว้ว่าถ้าเหลืองแดงตีกัน จะกวาดทั้งสองฝ่าย พันธมิตรฯต้องรู้เท่าทัน รวมตัวกันเอาไว้ อย่าโดนหลอกอีก อย่าตกเป็นเครื่องมือของพรรคแมลงสาบอีก
นายสนธิ กล่าวเพิ่มเติมว่า มีพันธมิตรฯลาสเวกัส มาบอกว่าเห็นนายอริสมันต์ นั่งคุยในร้านอาหารกับนายเทพไท เสนพงศ์ หรืออย่างกรณี นายโภคิน พลกุล มีงานเลี้ยง ก็มีนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ไปร่วมด้วย นี่คือสันดานนักการเมือง ฟัดกันเฉพาะหน้าฉากเท่านั้น ตนเบื่อที่ยังมีคนหลงประชาธิปัตย์ไม่เปลี่ยนแปลง แล้วยังมาด่าเราอีกhttp://www2.manager....000122515
Edited by phat21, 6 October 2012 - 00:03.