![Posted Image](http://www.oknation.net/blog/home/user_data/file_data/201210/10/24398feaa.jpg)
อ่านที่คุณโอ๊คอธิบายเรื่องจำนำข้าวใน FB
การรับจำนำข้าว คือการที่รัฐกำหนดราคาเอาไว้ว่า ถ้าจะขายต่ำกว่า15,000บาท ไม่ต้องขายให้เอามาจำนำไว้กับรัฐ แล้วเอาเงินไป15,000บ. ถ้าจะขายได้ดีกว่านี้ก็มาไถ่ถอนไป ถ้าไม่ได้ รัฐก็จะระบายออกให้เอง
(เอามาขายให้รัฐบาล รัฐบาลจะขายออกเอง _จขบ.)
พ่อค้าคนกลางที่เคย "ซื้อกดราคาถูกจากชาวนา แล้วมาขายแพงกับผู้บริโภค" ก็จะหาซื้อข้าวแบบกดราคาไม่ได้ เพราะถ้าขอซื้อต่ำกว่า15,000บ. ชาวนาก็เอาข้าวมาจำนำกับรัฐดีกว่า
(ไม่มีพ่อค้าคนไหน(โง่)ซื้อของแพงกว่าราคาตลาดหรอกครับ
มีแต่รัฐบาลเท่านั้นที่กล้าทำ พ่อค้าไม่ต้องซื้อแต่มีรายได้จากการรับจ้างขนข้าวของชาวนาไปให้รัฐบาลที่โรงสี
แค่คิดค่าจ้างขนให้แพงอีกหน่อยก็มีรายได้เท่าเดิมโดยไม่ต้องเสี่ยงขาดทุน_จขบ.)
เมื่อข้าวส่วนใหญ่มาอยู่กับรัฐ ไม่สามารถซื้อราคาถูกจากชาวนาได้ พ่อค้า(ทั่วโลก)ก็ต้องมาหาซื้อจากรัฐบาล จะกดราคาจากรัฐบาลโดยซื้อข้าวราคาเดิม 7-8,000บ. รัฐบาลก็ไม่ยอมขายให้ เพราะรัฐสามารถ ขายให้กับผู้รับซื้อได้หลากหลายทั่วโลก (ต่างจากชาวนาที่ต้องขายให้กับผู้รับซื้อใกล้บ้าน) บวกกับกลไกในการซื้อขาย ดีมานด์-ซัพพลาย ธรรมดาๆ ข้าวไทยย่อมราคาดีขึ้น
ตรงนี้แหละที่หลานโอ๊คกับอาปูไม่รู้เรื่องเหมือนๆกัน
ว่ายอดการค้าข้าว บริโภคข้าวในโลกทั้งหมดมีราวๆ 460 ล้านตัน
แต่ละประเทศที่บริโภคข้าวเป็นอาหารหลักพยายามทุกวิถีทางไม่ให้ขาดแคลนข้าวสำหรับการบริโภค
เพราะถ้าขาดแคลนเมื่อไรจะมีปัญหาการเมืองตามมาทันที วิธีป้องกันปัญหาขาดแคลนคือ
ทุกประเทศจะมีสต้อกสำรอง และพยายามพัฒนาการปลูกข้างให้พอกินในประเทศของตัว
แม้จะมียอดการบริโภคสูงถึง 460 ล้านตัน แต่ยอดการค้าข้าวระหว่างประเทศมีเพียง 32 ล้านตัน
หรือประมาณ 7 % ของยอดรวม
เฉพาะประเทศไทยที่ปลูกข้าวเหลือกินและส่งออกไปขายได้สูงถึง 10 ล้านตันทุกปี
ก็แค่ประมาณ 2 %เมื่อเทียบกับยอดรวมของทั้งโลก
![Posted Image](http://www.oknation.net/blog/home/user_data/file_data/201210/10/2439875f9.jpg)
เมื่อรัฐบาลปูเข้าแทรกแซงจนราคาแพงกว่าราคาตลาด
ทำให้ไทยเหลือการส่งออก 9 เดือนแรก แค่ 5 ล้านตัน ลดลง 45%ของที่เคยทำได้ในปีก่อน
ปริมาณที่หายไปมีผลน้อยมากกับราคาข้าวในตลาดโลก
เพราะจำนวนข้าวที่ไทยไม่ขายหรือหายไปจากตลาด ถูกทดแทนด้วยข้าวจากประเทศอื่น คือเวียดนาม และอินเดีย
ที่เคยเป็นผู้ส่งออกลำดับ 2 และ 3 ผลอีกอย่างหนึ่งที่จะตามมาก็คือในปีต่อๆไปไทยจะมีข้าวล้นสต้อก
ถ้าอยากขายเร็วๆก็ต้องขายในราคาที่ผู้ซื้อเต็มใจซื้อ
พูดอีกอย่างหนึ่งคือ ไทยจะเป็นคนสร้างสต้อกข้าวขนาดใหญ่ให้โลก
ถ้าอยากขายระบายสต้อกก็ต้องขายถูก ถ้าไม่อยากขายก็เก็บไว้
เพราะผู้ซื้อสามารถไปหาซื้อจากประเทศอื่นๆที่อยากขายได้อีกหลายประเทศ
ส่วนราคาจะเพิ่มขึ้นเป็น 10,000, 12,000 หรือ15,000 ก็จะเป็นตัวเงินที่รัฐจะได้รับกลับ จะขาดทุนมากน้อย ก็ถือเป็นการช่วยชาวนาให้ได้เงินมากขึ้น (เดิมประกันราคา รัฐขาดทุนปีละ5หมื่นล้าน) แต่ถ้าราคาข้าวขึ้นเกิน15,000บาทเมื่อไหร่ ก็เป็นบุญกับชาวนาไทยโดยที่รัฐ แทบจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลย
ฝันของโอ๊คและปูน่าจะเป็นแนวฝันเปียกซะมากว่า เพราะไม่มีรัฐบาลฉลาดที่ไหนในโลกทำอย่างที่รัฐบาลปูทำ
เพราะสินค้าเกษตรเช่นข้าวมีรอบการผลิตชัดเจน ผลิตได้ปีละ 2 ครั้ง
มีส่วนเกินจากการบริโภคภายในเหลือขายถึงปีละ 10 ล้านตัน
ถ้าไม่อยากขายก็ไม่ควรผลิตเพราะเปลืองที่เก็บ มีค่าใช้จ่าย และเสื่อมคุณภาพง่าย(อายุการจัดเก็บไม่เกิน 1 ปี)
ประเทศไทยจะขายหรือไม่ขายไม่มีผลต่อราคาตลาดโลก
และผมก็เชื่อว่าจะไม่มีรัฐบาล(หน้าโง่)ชาติไหนยอมซื้อของที่ค้างสต้อก_ล้นสต้อก แพงกว่าราคาตลาด
ที่คุยๆว่าขายแบบจีทูจีได้ 8 ล้านตันต้องแปลให้ถูก
น่าจะแปลว่า “เจี๊ยะกันจนเจ๊ง”(แดรกกันจนฉิบห..)
มีรัฐบาลโง่ๆมาคอยผลาญภาษีถือเป็นโชคร้ายของประเทศ
![Posted Image](http://www.oknation.net/blog/home/user_data/file_data/201210/10/24398bd41.jpg)
![Posted Image](http://www.oknation.net/blog/home/user_data/file_data/201210/10/24398c40c.jpg)
http://www.facebook....hongtae?fref=ts
http://www.ricethail...54-55/May11.pdf
จาก http://www.oknation....2/10/10/entry-1
จริงๆบทความนี้ตอบโต้ทาง พานทองแท้ แต่เมื่ออ่านผมพบว่าเนื้อหาใจความกลับตอบคำถามได้ว่าทำไมผู้ค้าข้าวจึงไม่อาจบังคับราคาข้าวได้ แม้จะตุนข้าวที่ส่งออกทั้งโลกก็ตาม
การหายไปชองไทยจึงไม่มีผลต่อการค้าข้าวเลยเฉพาะประเทศไทยที่ปลูกข้าวเหลือกินและส่งออกไปขายได้สูงถึง 10 ล้านตันทุกปี
ก็แค่ประมาณ 2 %เมื่อเทียบกับยอดรวมของทั้งโลก