ถ้าเราให้ คนไทยที่ไม่มีการศึกษา หรือ ด้อยการศึกษา มีสิทธิเลือกตั้ง ชาติจะล่มจมแน่นอนครับ......
#101
ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 15:29
หัวใน. ทั้ง ด๊อก. ไม่ด๊อก.. ผมก็เห็นด้วยกับ..WAT.
อย่างไรก็ได้ ( ให้ชาวบ้าน.ชาวเมือง ) อาศัยอยู่กัน-
อย่างสุขสบายทั่วหน้า..บ้านเมือง สงบ..สันติสุข....
ทำมาหากิน.ช่วยเหลือเผื่อแผ่กัน.. ( ฝันไปรึเป่าวะ ?)
#102
ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 15:34
Plato's Five Forms of Government or the Five Regimes
In The Republic, Plato describes the five forms of government from best to worse and advocates that the ideal state is aristocratic. The five forms of government are:
- Aristocracy – this is the best form of government, according to Plato, in which the ruler is a philosopher, someone whose soul has been educated through the contemplation of arts and the exercise of the intellect. Having studied philosophy, this ruler would know the true virtues and, therefore, he would be able to lead people towards wellness and prosperity. Since the ruler would be virtuous, he would not want to deceive and abuse the citizens;
- Timocracy – this is the form of government ruled by warriors in which all the political decisions aim to bring military power and status. Timocrats may seek virtues just as the aristocrats, but they also pursue power, which can lead them to wars and combats. Timocracy, according to Plato, is a kind of government that arises when aristocracy starts to degenerate;
- Oligarchy – this is the system of government that establishes a division between the rich and the poor. The rich ones, which are fewer, rule and the poor must subject. This, according to Plato, is a problem because rich people are not necessarily virtuous, and when the power is in the hands of non-virtuous people, the rich will attempt to become richer and the poor might become even poorer due to bad policy, generating revolutions;
- Democracy – democracy is the child of oligarchy. Since people cannot agree with the rich ruling and deceiving the poor, people start to believe that if they could choose the ruler, their interest would prevail. The poor are greater in numbers so they elect one of them to be in charge. However, since the masses aren't educated to become virtuous or to exercise the intellect, they are not apt to make political decisions that prioritize their real needs;
http://suite101.com/...mocracy-a277698
- Tyranny –democracy naturally degenerates into tyranny and society becomes a total chaos in which there's no rule, no priorities and no laws. Whoever is stronger takes charge and does as he pleases. Nobody is able to remove a tyrant man from the power, as there's no law to be obeyed.
ขอตัดแปะก่อนไปเหมือนกันครับ
Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy
#103
ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 15:35
POPULAR
ในเมื่อพระพุทธิเจ้าทรงตรัสว่า
"ระบอบใดไม่สำคัญเท่าตัวบุคคล"
ความหมายชัดเจนตามนี้ คือระบอบจะดีหรือเลวอยู่ที่ผู้นำ
ว่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม อยู่ในทศพิราชธรรมหรือไม่
เพราะงั้นระบอบใดๆก็สามารถนำให้ชาติเจริญรุ่งเรื่องได้ ถ้าผู้นำมีความสำนึกผิดชอบชั่วดี
- isa, AtheNa, นายตัวเกร็ง and 8 others like this
#104
ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 15:38
มันเป็นวาทกรรมที่ถูกบิดเบือน ตัดต่อมาจากประโยคเต็มๆ ที่กล่าวถึงเพียง subset ของระบอบการปกครองทั้งหมดเท่านั้น
คำพูดนี้เป็นคำพูดที่สร้างปัญหามากมายให้เราทุกวันนี้ มันทำให้เราเข่นฆ่ากันเพื่อให้ได้มาซึ่่งระบบที่เราคิดเอาเองว่าเลวน้อยที่สุด
#105
ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 15:39
สรุป แล้ว เมื่ออ่านมาหลายความเห็น ทั้งหัวนอก..
หัวใน. ทั้ง ด๊อก. ไม่ด๊อก.. ผมก็เห็นด้วยกับ..WAT.
อย่างไรก็ได้ ( ให้ชาวบ้าน.ชาวเมือง ) อาศัยอยู่กัน-
อย่างสุขสบายทั่วหน้า..บ้านเมือง สงบ..สันติสุข....
ทำมาหากิน.ช่วยเหลือเผื่อแผ่กัน.. ( ฝันไปรึเป่าวะ ?)
(เขย่าๆๆ) ตื่นๆๆ ลุงมานอนอะไรแถวนี้...
- พระฤๅษี likes this
#106
ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 15:40
แต่ก็ยังไม่มีความสามารถในการแยกแยะถูกผิดได้
ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้พวกเขาทราบว่า
การคอรับชั่นไม่ได้ส่งผลเสียต่อส่วนรวมอย่างเดียว
แต่จะมีผลต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของตัวเองและคนในครอบครัวด้วย
ผมเห็นด้วยกับคำว่า "กฎหมู่ไม่สามารถอยู่เหนือกฎหมายได้"
#107
ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 15:49
#109
ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 16:54
แต่ในเชิงปฏิบัติจริงกลับทำไม่ได้นะครับ พวกผู้นำเสพย์สุข แต่ระดับสามัญชนย่ำแย่ดีกว่าตายหน่อยเดียว
ลองดูโซเวียตสมัยยังเป็นสหภาพ กะอีแค่ขนมปังดำเลวๆ กับเหล้าวอดก้าสั่วๆ ต้องไปยืนเข้าคิวรอแจกกันตั้งแต่เช้า
แต่ดูตอนนี้ ขนาดยาจกยังกินแม็คเลยครับ
ฝ่ายประชาธิปไตยก็คือ ถ้ามีปัญหาหากินดีๆ ก็หากินตามใจเอ็งเหอะ
แต่ฝ่ายคอมมิวนิสต์ก็คือ "ขยันหรือขี้เกียจ หาได้เท่าไหร่แบ่งเท่ากัน คนขี้เกียจก็เลยไม่ทำกะเกาะคนขยันกิน คนขยันก็ไม่รู้จะทำไปทำไม ขยันทำไปก็ได้กินเท่าเดิม แถมเจ็บใจโดนไอ้ขี้เกียจเกาะกินอีก
สรุปก็คืออดตายไปเจอกันในยูโทเปียกันทั้งคู่ ที่น่าเจ็บใจก็คือไอ้คนที่โดนพวกกรรมการพรรคยิงตายส่วนใหญ่ก็คือไอ้พวกขยันๆนั่นแหละครับ 5 5 5"
แต่คอมมิวนิสต์ไม่มีการคอรัปชั่นโดยอ้างเสียงส่วนใหญ่นะครับ
มีครับ....แต่เขาไม่ใช่คำว่า "เสียงส่วนใหญ่" เขาใช้คำว่า "พี่น้องกรรมาชน" และ "มวลชนผู้ถูกกดขี่" แทนครับ
...ฟังดูดีชิมิ?
เร็วๆนี้ผมได้ดูสารคดีเรื่องหนึ่งทาง True เรื่องสมัยหลังปฏิวัติเลนิน เศรษฐกิจโซเวียตล่มจนต้องร้องขอความช่วยเหลือจากโลกเสรี
ประธานาธิบดีฮูเวอร์ของอเมริกาก็เลยส่งแป้งสาลีไปช่วยเป็นพันๆตันทางเรือ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ นัยว่าเพื่อบลั๊ฟกลายๆว่าโลกเสรี ไงๆก็เหนือกว่า
ไปถึงตอนหน้าหนาว แต่ปรากฎว่าแป้งไปติดแหงกอยู่ที่ท่าเรือ ขนเข้าไปในแผ่นดินไม่ได้ คนอดตายสัปดาห์ละเป็นหมื่น
...สาเหตุก็คือ...เจ้าหน้าที่รถไฟขี้เกียจกรุยทางเดินรถครับ...มันน่ามั้ยล่ะ...แบบว่าเอามาแจกแต่โกงมั่งยังพอจะทำใจ
แต่นี่...ขี้เกียจขน เลยปล่อยให้คนอดตายเพราะไม่เกี่ยวกะตู....
ตอนจบ เลนินต้องส่งมือขวาที่โหดที่สุดในพรรคมาคุมเอง ใครอู้ ยิงโลด...แป้งเลยเข้าไปถึงในแผ่นดินได้ในที่สุด
ในจีนคอมมิวนิสต์ก็คอรัปชั่นกันสนั่นเลยนะครับ ลองไปถามพวกนักธุรกิจที่เข้าไปบุกเบิกจีนยุคเปิดประเทศดู
แถมทำได้สบายเพราะไม่มีสื่อคอยตรวจสอบด้วย
- -3-, อู๋ ฮานามิ, DarkSwan and 3 others like this
#110
ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 20:55
โง่เพราะไม่รู้ ก็ต้องทำให้รู้
แต่ที่เป็นปัญหาทุกวันนี้ก็เพราะคนไทยเห็นแก่ตัวมากกว่าเห็นแก่ส่วนรวม จิตสำนึกต่อส่วนรวมต่ำมาก
#111
ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 21:29
ผมเชื่อว่า ประเทศไทยจะเจริญ ประชาชนมีคุณภาพขึ้น แต่นี่อะไร ทั้งจน บางคนพิการ ยังออกลูก ออกหลาน ยั้วเยี้ยไปหมด
สุดท้าย กลุ่มคนเหล่านี้ คือปัญญาของชาติ เพราะไม่สามารถจะทำให้ตัวเองมีกินมีใช้ที่พอเพียงได้ ก็ต้องพึ่งพานักการเมือง สุดท้าย เงินก็เป็นตัวชักจูงให้ขายเสียง ทำผิดกฎหมาย ทำชั่ว ให้กับกลุ่มนักการเมืองเหล่านี้
- พระฤๅษี likes this
#113
ตอบ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 09:57
ผมว่าดีมาก..เห็นด้วย และถ้าเป็นไปได้.....มีหลายคนยกเรื่องการศึกษามาเป็น-
ข้อเปรียบเทียบ. สำหรับผมคิดว่า ( การศึกษาไม่ได้ทำให้คนดีได้ ) แต่การศึกษา
ก็ต้องมี. มีหลายคนพูดถึง..จิตสำนึก.. อันนี้เห็นด้วย นักการเมืองที่เห็น ๆ อยู่-
ปัจจุบันนี้ หลายคน..ขาดจิตสำนึก.. โลภ.หวังประโยชน์ตน.ไร้ยางอาย. สัญญา-
กับประชาชน ก็เป็นคำพูดที่ เจ้าเล่ห์ แสนกล. หลอกล่อเอาคะแนนเสียงไปแต่ละ
ครั้งเท่านั้น ไม่ได้จริงจังกับการพัฒนาประเทศ. นับวันการโกง กอบโกย ก็ยิ่งมีมาก
ขึ้น. คนพวกนี้จะต้องซื้อบ้านที่อยู่ไว้ต่างประเทศ เมื่อเกิดปัญหาทางการเมือง เขา
ก็จะบินหนี ไปกิน นอน อยู่อย่างสบาย. บ้านเมืองสงบดีเขาก็พากันกลับมา โกงต่อ
มีใครบางคน..เรียกว่า ( วงจร อุบาทว์ ) ผมว่าน่าจะใกล้เคียง.....
#114
ตอบ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 09:57
โรงงานหนึ่งมีพนักงานทั้งหมด 100 คน รวมทุกตำแหน่ง มีวิศวกร 4 คน บัญชี 2 คน บริหาร 5 คน การตลาด 4 คน พวกนี้จบปริญญาตรีทั้งหมด = 15 คน
พนักงานระดับปฎิบัติงาน หัวหน้าแผนก 5 คน จบ ป.ว.ส กับ ป.ว.ช ที่เหลือพนักงานทั้วไป = 80 คน จบ ม.6 - ม 3
รวมทั้งโรงงาน = 100 คน
เจ้าของโรงงานจัดให้มี่เลือกตั้ง ตำแหน่ง ผู้จ้ดการโรงงาน 1 ตำแหน่ง ถามว่าใครจะได้รับเลือกครับ
ขอบตอบนะครับ คนปล่อยเงินกู้ในโรงงานได้รับเลือกครับ จบ ม.6 จากเรื่องจริงๆ แล้วโรงงานนี้จะไปรอดมั้ยนี้ ? ทางเจ้าของโรงงานแกเชิญคนปล่อยกู้ออกจากงานครับ ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่มีการเลือกตั้งอีก
#115
ตอบ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 10:43
มาดูกันนิดว่าทำไมระบบนารวมของคอมมิวนิสต์จึง Fail เข้าขั้นหายนะกันนะครับ
- ความคิดเรื่องการผลิตรวมแบ่งกันกินแบ่งกันใช้นั้น ว่ากันว่าคาร์ล มาร์กซ์ ไปลอกมาจากความเป็นอยู่ของอินเดียนแดงในอเมริกาเหนือครับ ซึ่งสังคมจะเป็นประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ ลูกเผ่าเป็นคนเลือกตั้งหัวหน้าเผ่า แต่มาร์กซ์ลืมไปว่า อินเดียนแดงนั้นอยู่ในสังคมยุคหินใหม่ เป็นอารยธรรมแบบเก็บของป่าล่าสัตว์ ซึ่งต้องใช้พื้นที่กว้างมากในการเลี้ยงชีพคนจำนวนน้อย และมาร์กซ์มองข้ามโดยสิ้นเชิงว่าแม้ในเผ่าอินเดียนแดงจะดูสันติ แต่จริงๆแล้วมีสงครามระหว่างเผ่าบ่อยครั้งเรื่องแย่งชิงพื้นที่ล่าสัตว์นี่แหละ แต่สังคมปัจจุบันก้าวหน้ามาไกลจากจุดนั้นเยอะแล้ว ความก้าวหน้าจากการปฏิวัติเขียวทำให้สามารถลดพื้นที่เพาะปลูก และลดแรงงานที่ใช้ในการเพาะปลูกได้ในขณะที่มีผลิตผลเหลือเลี้ยงพลเมืองเสียอีก ทำให้สามารถแบ่งพลเมืองส่วนใหญ่ไปใช้ในการสร้างสรรค์อารยธรรมส่วนอื่นๆได้ เทคโนโลยีจึงก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด ขณะที่แนวคิดเอาพลเมืองส่วนใหญ่ไปทำเกษตรแบบดั้งเดิมนั้น มันถอยหลังเข้าคลองมากกว่าจะไปสู่ยูโทเปีย และพลพตก็โง่พอที่จะรับแนวความคิดนั้นมาใช้ ผลก็คือหายนะทั้งประเทศ การพัฒนาก็หาย ทำกินก็ไม่พอใช้
-
- แนวความคิดนารวมคือ ทุกคนมาร่วมกันผลิต จากนั้นหัก 30 เปอร์เซ็นต์เข้ารัฐ ที่เหลือ 70% ใช้ในคอมมูน แต่สิ่งที่มาร์กซ์ไม่ได้ประเมินก็คือคุณภาพของคนไม่เท่ากัน และโดยทั่วไปแล้ว คนที่ขยันหรือทำงานมีประสิทธิภาพเป็นหัวกะทิในสังคมจริงๆจะมีอยู่แค่เพียง 20-30% ของสังคมเท่านั้น ผลก็คือผลผลิตจริงๆออกมาแค่ 60-70% เมื่อโดนรัฐหักเปอร์เซ็นต์ไป 30% ก็เหลือบริโภคกันในคอมมูนแค่ 30-40% ยิ่งอดหยาก ประสิทธิภาพการผลิตก็ยิ่งลด แต่ที่น่าเศร้าก็คือรัฐไม่ได้รับรู้ด้วย เพราะเป็นไอเดียจากท่านประธาน ไม่มีใครกล้าขัด หรือกล้าเปิดเผย รัฐก็เลยหัก 30% ตลอดเพื่อปกปิดความจริง ผลก็คือคนภาคที่ทำงานอยู่ในเมืองอดเป็นลำดับสุดท้าย แต่พวกในคอมมูนอดตายกันเป็นเบือ
การแก้ไขง่ายกว่าที่คิด แค่สตาลินยอมให้ทุกคนมีที่ดินเป็นของตัวเองนอกเหนือจากที่ดินส่วนกลาง และอนุญาตให้ใช้เวลาหลังจากทำงานในคอมมูน มาปลูกในที่ดินของตัวเองได้ วิกฤตินี้ก็จบลง
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ก็เพราะคนขยันหรือคนเก่งในสังคมนั้น ปกติจะผลิตได้เกินจากการบริโภคของตัวเองอยู่แล้วโดยธรรมชาติ ยิ่งในสังคมประชาธิปไตยที่อนุญาตให้ค้าขายโดยอิสระ ทำให้ทรัพยากรส่วนเกินนี้แหละถูกจำหน่ายหรือแจกจ่ายออกมาเลี้ยงส่วนต่างๆในสังคม ยิ่งได้รับผลตอบแทน ก็เป็นแรงจูงใจให้ผลิตเพิ่ม ขณะเดียวกัน คนที่ไม่เก่งด้านการเกษตร หรือคนขี้เกียจ ก็สามารถเอาความถนัดของตัวเองไปทำงานในด้านอื่นแทนเพื่อแลกอาหาร ในสังคมประชาธิปไตย จึงน้อยครั้งมากที่คนจะอดตาย อย่างบ้านเรา แม้น้ำจะท่วมตลอดปีที่โน่น ที่นี่ แต่ก็มีทรัพยากรเผื่อแผ่จากภาคอื่นโดยตลอด แต่ถ้าเป็นการกำหนดให้ผลิตแบบเผด็จการ น้ำท่วมทีนี่เข้าขั้นหายนะครับ ยิ่งถ้าท่วมพื้นที่เกษตรด้วยแล้ว โอกาสจะอดตายครึ่งประเทศมีสูง
*** คงไม่ต้องบอกว่าในรัฐธรรมนูญฉบับแปลงสารที่ปรีดียื่นให้ร.7 มีข้อเสนอให้แปลงที่นาทั้งประเทศเป็นคอมมูนด้วยนะครับ ให้รัฐซื้อที่ดินทั่วประเทศแล้วจ้างชาวนาทำนา ดีที่ร.7 ท่านเบรคทัน ไม่งั้น ได้เดินตามรอยสตาลินกับเหมาแน่นอน
#116
ตอบ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 11:19
เรายังมีระดับ ดร.อวดอ้างว่าเก่งกฎหมายโดยออกมาพูด "ทักษิณไม่ได้ทำผิดกฎหมาย เพียงแต่ทำสิ่งที่กฎหมายห้าม" ตะแบงโกหกทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ควรไปพบทักษิณแต่จะไปกลับมาโกหก และโกหกเรื่องต่าง ๆ ไว้อีกมากมาย นี่คือรองนายกรัฐมนตรีผู้บริหารประเทศไทย ส่วยรองนายกอีกคนก็ยอมรับหน้าตาเฉยว่า white lie โกหกสีขาวทำได้ ไอ้ที่โกหกก็คือการส่งออกของประเทศ ระดับปริญญาโทเห็นการโกหกชาวโลกเช่นนี้เป็นการโกหกเล็ก ๆ ส่วนรัฐมนตรีกลาโหมจบรรนายอากาศและยังศึกษาอื่น ๆ รวมทั้งวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร พอใจกับการใช้งบประมาณดี 80% เลว 20% แล้ว รัฐมนตรีพาณิชย์ให้แต่ตัวเลขผิดๆถูกๆ โดยแย้งไม่รู้กี่ครั้งจาก ธปท ***มันยังไม่รู้ร้อนรู้หนาว แย่ไปกว่านั้นปรัญญาโทมหาวิทยาลัยเคนตักกี้สเตทไม่ได้ประเทืองปัญญาให้นายกรัฐมนตรีบาร์บี้ไร้สมองของเราเลย ทุกคนให้คำจำกัดความว่า โง่ ส่วน ไอ้เอี้ยดูไบจบ ดร. สาขา
กระบวนการยุติธรรม แล้วอย่างไรคิดว่าตัวเองอยู่เหนือกฎหมายเป็นการยุติธรรมที่สุด การศึกษาดี ๆ สูง ๆ ทั้งนั้นครับผม
ฉะนั้นการด้อบการศึกษามิได้ทำให้คนประเทศล่มจม ประเทศล่มจมเพราะคนไม่รู้จักดูตนเอง ไม่รู้จักหน้าที่ของตนเอง ไม่ว่าจะสื่อที่ไม่ควรขายตัวเหมือนกะหรี่ ผู้บริหารประเทศไม่ควรเห็นแก่คน ๆ เดียวแล้วจะตะแบงว่ากตัญญูรู้คุณ จะมีวันนี้เพราะพี่ให้ แล้วมีวันนี้ที่เกิดมาในผืนแผ่นดินไทยเล่า ข้าราชการก็ต้องรู้หน้าที่ตนเองอะไรไม่ถูกก็ต้องคัดค้านได้ ไม่เช่นนั้นก็จะถูกลอยแพแบบหงอก ประชาชนต้องเรียนรู้ว่าใครทำอะไรกับชาติบ้านเมือง อย่าคิดว่าคนยื่นปลาให้แล้วดีใจ คิดไกลอีกนิดว่าพอปิ้งปลากินหมดแล้ว จะได้ปลาอีกไหม เราเลือกเอาเบ็ดดีไหมเรายังไปตกหาปลาได้อีก และพยายามหาปลามากอีกหน่อย เราสามารถเก็บเงินซื้อแหได้ ใครที่ให้อะไรเราเปล่า ๆ ต้องดูสาเหตุของการให้ คงไม่มีใครโดยไม่หวังผลประโยชน์อะไร แม้แต่น้องให้พี่ให้หลานโดยเสน่หา พ่อแม่ให้ลูกชายลูกสาว พี่ให้น้องสาว ยังมิได้ให้จริงเลยเป็นเพียงเพื่อซุกหุ้น
เราเชื่อมันในการทำหน้าที่ของตนเองโดยไม่ว๊อกแวก และทำงานให้เร็วหน่อยก็จะดี เพราะกว่าจะเอาผิดคนได้ ในสังคมบ้านเราเวลานี้ก็มีการโกหกจนความจริงไม่เหลือ
ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน