![404751_294361694009776_926582568_n.jpg](http://static.serithai.net/webboard/uploads/monthly_10_2012/post-8119-0-55703400-1350543145.jpg)
เอาเป็นว่า...บางทีความดีที่ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ที่เคยเป็น “ฮีโร่” ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม เมื่อปลายปี พ.ศ. 2553 และ พ.ศ. 2554 ที่ผ่านมา อาจจะกลายเป็น “ภาพที่ถูกลืม” เพราะทันทีที่มีข่าวว่า “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ไปพัวพันกับการยักยอกเงินโฆษณาของ อสมท กว่า 100 ล้าน จริงหรือเปล่า...ไม่มีใครรู้ ?
ดูเหมือนว่าภาพลักษณ์ที่ “สรยุทธ” ไปเดินลุยน้ำท่วม บางครั้งถึงต้องเสี่ยงชีวิตเกือบจมน้ำไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมเมื่อปลายปี พ.ศ. 2555 ที่ผ่านมานั้น ถูกลบจากความทรงจำของทุกๆคน ทั้งๆที่เวลานั้น “สรยุทธ”คือ “วีรบุรุษ” แต่ในวันนี้เขากลับกลายเป็น “จำเลยของสังคม”
เมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้มีการประชุมถึงกรณีที่พนักงาน บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT ได้ทำการทุจริตกับ “นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา” พิธีกรและนักเล่าข่าวชื่อดัง เจ้าของบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ได้ยักยอกเงินโฆษณาที่ได้รับเกินกว่าที่ได้ทำสัญญาไว้ ทำให้ อสมท ได้รับความเสียหายถึง 138,790,000 บาท เลยทีเดียว อย่างไรก็ดี “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ได้ชี้แจงในรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ถึงกรณีที่เกิดขึ้น ถือได้ว่าเป็นการชี้แจงข่าวตัวเองเป็นครั้งแรกของ “สรยุทธ ” ในรายการของตัวเอง น่าจะเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ที่ควรจารึกไว้
“สรยุทธ ”ได้ชี้แจงว่า ประเด็นและเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น บริษัทไร่ส้ม ได้จ่ายค่าโฆษณาจำนวนเงินทั้งสิ้น 138,790,000 บาท ครบถ้วนแล้ว ส่วนโฆษณาเกินเวลา ทาง อสมท ลงเกินโควตาที่ตกลงกัน และ อสมท ปฏิเสธที่จะชำระให้บริษัทไร่ส้ม ก็ได้ฟ้องร้องขอขึ้นศาลปกครองและกำลังอยู่ในช่วงพิจารณาคดี คาดเดาได้ว่าช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงชีวิตที่น่าลำบากใจของ “สรยุทธ ” ที่ประสบกับมรสุมข่าวฉาวเรื่อง “ทุจริต” การถูกกล่าวหาว่า “ยักยอก” และ “ทุจริต” นั้น น่าจะเป็นข่าวที่รุนแรงที่สุดในชีวิตของ “สรยุทธ ” เลยก็ว่าได้ แม้ก่อนหน้านี้เขาอาจจะโดนข่าวต่างๆ ที่ไร้สาระ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ เดินหน้าทำงานที่รักต่อไป ปฏิเสธไม่ได้ว่า ณ วันนี้“สรยุทธ สุทัศนะจินดา” คือ “ผู้ทรงอิทธิพลทางด้านสื่อมวลชน” มากที่สุด ใครเดือดร้อน ใครประสบปัญหาความทุกข์ยากลำบากใจ บอก “สรยุทธ ” ให้รู้เท่านั้น เขาจะรีบไปบรรเทาความทุกข์ร้อนในทันที
ไม่ว่าจะเป็นคำพูดที่ปลอบโยน การทำงานที่ถึงลูกถึงคน การลงพื้นที่อย่างไม่กลัวความยากลำบาก ฯลฯ คุณสมบัติเหล่านี้ของ “สรยุทธ ” ที่ชนะใจประชาชนคนไทยทั้งประเทศ คนไทยทุกคนไม่มีใครไม่รู้จัก “สรยุทธ ” หากเทียบ “ความทรงอิทธิพล” ของ “สรยุทธ ” กับต่างประเทศ ก็คงเปรียบได้กับพิธีกรหญิง “โอปราห์ วินฟรีย์” ที่ทรงอิทธิพลต่อคนดังในฮอลลีวู้ดอย่างมากมาย ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า แม้ “สรยุทธ ” จะมีคนชื่นชอบและชื่นชมมากมาย แต่เขาก็มี “เงาที่มองไม่เห็น” เฝ้าทำร้ายและอิจฉาเขาอยู่
“ยิ่งสูงยิ่งหนาว” น่าจะเป็นสัจธรรมที่ใช้ได้จริงกับชีวิตของ “สรยุทธ ” ที่ให้คำกำจัดความตัวเองว่าเป็น “กรรมกรข่าว” การอยู่บนบัลลังก์ แม้ “สรยุทธ ” จะไม่เคยคิดว่าเขากำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ แต่ก็มีคนพร้อมที่จะทำให้เขาตกจาก “บัลลังก์อันทรงเกียรติ” เสมอ มีกระแสข่าวส่วนหนึ่งที่วิเคราะห์และวิจารณ์เกี่ยวกับเรื่อง “สรยุทธ ” และ “จรรยาบรรณของสื่อมวลชน” ที่ทำให้วงการสื่อมวลชนต้อง “มัวหมอง” “สื่อมวลชนควรเป็นผู้ตรวจสอบคนอื่น ไม่ใช่มาทำผิดซะเอง” เป็นอีกหนึ่งกระแสเสียงที่วิจารณ์เรื่องนี้อย่างถึงพริกถึงขิง บางกระแสก็เรียกร้องทบทวนให้ “สรยุทธ ” ลาออกจากช่อง 3 ทั้งๆ ที่ศาลยังอยู่ในช่วงพิจารณาคดี และยังไม่ทราบผล “จรรยาบรรณมาก่อนกฎหมายครับ” อีกหนึ่งกระแสย้ำเตือน อย่างที่บอก “สรยุทธ ” น่าจะอยู่ในช่วงลำบากใจ เมื่อกระแสส่วนหนึ่งเริ่มจับตามองและโจมตี
“ลาภ – ยศ – สรรเสริญ” เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบอาชีพ “สื่อมวลชน” อาจจะไม่เคยยึดติด เพราะทุกนาทีที่ได้เสนอข่าวหรือทำข่าวออกสู่สายตาสาธารณชน นั่นคือ “ความสุข” การทุ่มเทกับงานข่าว ได้นอนพักผ่อนต่อวันน้อยแทบจะนับชั่วโมงได้ ตลอดจน “การเชื่อถือและใส่ใจประชาชน” ทุกๆ ขณะ นั่นเป็นคำตอบของจรรยาบรรณการเป็น “สื่อมวลชน” หรือยัง ? จะต้องไปหาคำตอบที่ไหน ? น่าจะกินเวลาอีกนานหลายเดือนเกี่ยวกับการพิจารณาคดียักยอกเงินโฆษณาที่จะแล้วเสร็จ ถึงเวลานั้นเราคงจะได้ทราบว่า ความเชื่อถือและเชื่อมั่นในหน้าที่ของ “คนข่าว” อย่างเข้มแข็งของ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ยังจะมั่นคงอยู่อีกหรือไม่
ที่มา: นิตยสารบันเทิงราย 15 วัน ฉบับหนึ่ง (ฉบับล่าสุด ประจำวันที่ 16 – 31 ตุลาคม 2555), เฟซบุค...สายตรงภาคสนาม...
![<_<](http://static.serithai.net/webboard/public/style_emoticons/default/dry.png)