
ปัจจุบันเป็นยุคของ "ผู้หญิงครองเมือง" เห็นได้ตั้งแต่ระดับผู้นำประเทศอย่าง "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" หรือแม้กระทั่งกลุ่มก๊วนอย่าง "แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)" ก็มีประธานที่ชื่อ"ธิดา ถาวรเศรษฐ" นั่งกุมบังเหียน
แต่ทั้งคู่ก็ยังมีคำถามค้างคาใจสาธารณะอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะ "นายกฯ ยิ่งลักษณ์" ว่าเป็นเพียงหุ่นเชิดของพี่ชาย "ทักษิณ ชินวัตร" หรือไม่ในขณะที่ "ธิดาแดง" ก็มีคำถามว่าการต่อสู้นั้นเพื่อกลุ่มและสนองตัณหาแนวความคิดเมื่อครั้นยังเป็นสาวหรือไม่
แต่ที่ไม่มีคำถาม และต้องชื่นชมในการทำหน้าที่ปกปักรักษาผลประโยชน์ ของชาติและแผ่นดิน คือ "สุภา ปิยะ จิตติ" รองปลัดกระทรวงการคลัง เพราะตลอดเวลาการทำงานในกระทรวงวายุภักษ์แห่งนี้นานกว่า 20 ปี ใครต่อใครต่างต้องยอมรับถึงความ "เถรตรง" ที่ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมของเธอ โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเงินงบประมาณที่เป็นภาษีของคนทั้งประเทศ
"สุภา" หรือที่บรรดาคนสนิทสนมหรือสื่อต่างเรียกขานว่า"พี่ด้ง" นั้น เรียกว่าเป็นลูกหม้อของกระทรวงการคลังโดยแท้ เพราะทำงานตั้งแต่ยังเป็นข้าราชการเล็กๆ ใน "กองรัฐวิสาหกิจ"สังกัดกรมบัญชีกลาง จนปัจจุบันได้ขึ้นมานั่งในตำแหน่งรองปลัดกระทรวงการคลังแบบหืดจับเต็มทน ในขณะที่เพื่อนและรุ่นน้องกลับก้าวหน้าถึงขั้นดำรงตำแหน่งอดีตปลัด หรือปลัดกระทรวงปัจจุบัน อย่าง "อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม" ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกที่"เธอ" จะถูก แป้กหรือถูกดองไม่ได้เจริญเติบโตก้าว หน้าในหน้าที่เท่าที่ควร เพราะด้วยความเถรตรงทั้งการกระทำและการพูดจานี่ เอง จนมีเสียงลือว่า "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง" ที่ผ่านๆ มาถึงกับตั้งฉายาให้ว่า "มือปราบไม้บรรทัด" เลย ทีเดียว การแต่งตั้งโยกย้ายในแต่ละครา ชื่อของเธอเลยมักอยู่อันดับรั้งท้ายเสมอในการถูกหยิบยกมาพิจารณา
ยิ่งกรณีล่าสุด ในฐานะประธานกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ "สุภา" ก็ได้แทงหนังสือคัดค้านการประมูลคลื่นความถี่3 จี ต่อประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่าอาจมีการเอื้อประโยชน์ต่อเอกชน รวมทั้งอาจเข้าข่าย พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2542 หรือ (พ.ร.บ.ฮั้ว) เล่นเอาบรรดา กสทช.ถึงกับเต้นผาง ต้องออกคำแถลงชี้แจง รวมถึงทำหนังสือด่วนที่สุดไปยังปลัดกระทรวงการคลัง เพื่อขอให้พิจารณาการกระทำของเธอ และขอให้ตั้งกรรมการสอบเลยทีเดียว!!!
ทั้งที่ข้อสังเกตและการปฏิบัติหน้า ที่ของ "สุภา" นั้น เป็นการรักษาผลประ โยชน์ของชาติอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
การเสนอแนวคิดของ "พี่ด้ง" ครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะตลอดเวลาในการทำงาน ทั้งในกระทรวงการคลัง และ การนั่งเป็นตัวแทนของกระทรวงการคลังในรัฐวิสาหกิจ "พี่ด้ง" จะทำหน้าที่เหมือนผู้ตรวจสอบบัญชีอยู่เนืองๆ ซึ่งอาจเป็นเพราะมีดีกรีปริญญาตรีด้านบัญชีบัณฑิตนั่นเอง รวมทั้งยังมีดีกรีนิติ ศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยธรรม ศาสตร์ และระดับปริญญาโทด้านรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต จากสถา บันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) จึงทำให้ข้อสังเกตสังกาของ "พี่ด้ง" ส่งผลสะเทือนแทบทุกคราไป
ไม่เชื่อลองถาม"โสภณ สุภาพงษ์"เมื่อครั้นยังนั่งเป็นบิ๊กบางจากปิโตรเลียมดูได้ ว่า "พี่ด้ง" มีฝีมือและเถรตรงขนาดไหน
นอกจาก "ความซื่อกินไม่หมด"แล้ว ความกล้าหาญของผู้หญิงไทยเชื้อสายจีนตัวเล็กๆ คนนี้ ยังน่านับถืออีกด้วย ดูได้จากการกล้าคัดง้างเรื่องการเก็บภาษีหุ้นจากนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร จำนวน 1.2 หมื่นล้านบาทแม้จะลงนามในหนังสือของกระทรวงการคลังเห็นชอบที่จะไม่เสนออุทธรณ์ภาษีก็ตาม โดยเธอให้กรมสรรพากรไปประเมินภาษีกับเจ้าของหุ้นตัวจริงอย่าง "ทักษิณ ชินวัตร" และต้องดำเนินการถึงที่สุด ทั้งที่เป็นยุคที่ "นารียิ่งลักษณ์" ครองเมืองด้วยซ้ำ
และวันนี้เห็นกันจะจะว่า เธอทำ ตัวเป็นหนูที่อาจหาญนำกระดิ่งไปผูกคอแมวอีกครั้ง แต่ที่น่าคิดคือ สังคมจะได้ตระหนักรู้หรือไม่ หรือมัวแต่พร่ำเพ้ออยากมีอยากได้ 3 จี โดยมิพักได้สนใจถึงความสูญเสียผลประโยชน์ของชาตินับหมื่นนับแสนล้านบาทที่หล่นหายไปจากการประมูล.
http://www.ryt9.com/s/tpd/1512945