จิตกร บุษบา
ผ่านมาปีกว่าๆ รัฐบาลภายใต้การนำของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังคงดำรงอยู่ได้ นับว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่การเมืองของเราเริ่มมีเสถียรภาพ สิ่งที่ต้องพิจารณาถัดไปก็คือ การอยู่ได้ของรัฐบาลยิ่งลักษร์นี้ เป็นการอยู่เพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศไทย หรืออยู่เพื่อ “หาประโยชน์”
การอยู่ได้ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์นี้ บางพวกถึงกับฉวยโอกาสสอพลอ ว่าเป็นเพราะเธอเก่ง
ครับ เธอมีเรื่องที่เก่งอยู่บ้าง แต่การบอกว่า รัฐบาลอยู่ได้เป็นปีๆ เพราะยิ่งลักษณ์เก่งอย่างเดียวเลยนี้ ดูจะไม่ใช่คำตอบที่แท้จริง และค่อนไปทาง “เลีย”
มาลองวิเคราะห์กันหน่อย ว่าทำไมรัฐบาลยิ่งลักษณ์และตัวนางสาวยิ่งลักษณ์ถึงอยู่ได้
ก.) ความเก่งเรื่อง “ทน”
เรื่อง “ทน” นี้ ยิ่งลักษณ์นี่ แรดเรียกยายเลยนะครับ คือ ทนสุดๆ ไม่ว่าจะมีประเด็นอะไรมากระทบหรือตั้งคำถามกับเธอ เธอสามารถทำเป็นไม่รู้ไม่เข้าใจได้เสมอ ตั้งแต่เรื่อง ว.5 โฟร์ซีซั่น, เรื่องน้ำท่วมจนบรรลัยกันไปไม่รู้ตั้งกี่จังหวัด, เรื่องจำนำข้าว, เรื่องลูกน้องบินข้ามหัวเธอไปพบทักษิณ, เรื่องพูดผิดๆ ถูกๆ, เรื่องไม่เข้าประชุมสภา, เรื่องปัญหาภาคใต้, เรื่องไซฟ่อนเงิน, เรื่องชายชุดดำ และอีกสารพัด ยิ่งลักษณ์แทบไม่เคยตอบโต้ หรือหากตอบโต้ก็ตอบไปตามบทพูดที่ “ไอ้น้ำยาล้างส้วม” กับ “ไอ้ปุ้มปุ้ย” เขียนบทให้ โดยมี “พี่อ้วน” กับ “พี่นิวัฒน์” เป็นพี่เลี้ยงใหญ่ ไม่เคยเกรี้ยวกราด ไม่เคยเหน็บแนม ในเรื่องนี้ เธอเป็นคนดีและ “ทน” ได้ดีจริงๆ แต่ถามว่า เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติไหม ข้อนี้ คนไทยต้องคิดและตอบให้ดีๆ นะครับ
ข.) ความเป็น “ผู้หญิง”
ยิ่งลักษณ์ใช้ประโยชน์กับเรื่องนี้มาก ทั้งๆ ที่ในทางการเมืองและในทางการทำหน้าที่แล้ว “เพศสภาพ” ไม่เกี่ยวข้องเลย แต่ยิ่งลักษณ์ก็มีมวลชนคอยย้ำเรื่องประเด็น “รังแกผู้หญิง” ซึ่งเป็นสิ่งที่สังคมไทยอ่อนไหวมากๆ โดยไม่คิดในทางกลับว่า ผู้หญิงคนนี้รังแกประเทศชาติหนักแค่ไหน ไม่ว่าจะรังแกด้วยความโง่ รังแกด้วยการทำไม่รู้ไม่ชี้ รังแกด้วยการไม่ทำหน้าที่ในสภา รังแกด้วยการปล่อยให้ขี้ข้าผลักดันกฎหมายเพื่อช่วยพี่ชายของเธอ รังแกด้วยการกู้มาผลาญ เดินหน้าประชานิยมไร้ประสิทธิภาพจนงบประมาณประเทศชาติถูกผลาญไปอย่างไม่คุ้มค่า อาทิ ผ่านโครงการรับจำนำข้าว จำนำมันสำปะหลัง โครงการป้องกันน้ำท่วม กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี การจัดซื้อแทบเลตพีซี ฯลฯ ซึ่งเมื่อถูกกดดันให้แสดงจุดยืน ให้เปลี่ยนวิธีการ ให้แก้ไขปัญหา เธอก็จะทำหน้าโง่และงงเข้าใส่ พอคนชักจะทนไม่ได้ เผลอว่าเธอเข้า ก็เข้าล็อค “รังแกผู้หญิง” ทันที จึงมีคนจำนวนไม่น้อย หยุดวิจารณ์การทำงานของเธอ ซึ่งเท่ากับหยุดตรวจสอบเพื่อประเทศชาติด้วย
ค.) คนเบื่อการเล่นการเมือง
คณะทำงานของยิ่งลักษณ์เก่งมาก ที่ทำให้กระบวนการตรวจสอบทั้งหลายกลายเป็นแค่ “เกมการเมือง” หรือ “การจ้องล้มรัฐบาล” ไปเสียทั้งหมด พวกเขาเก่งมาก ที่สามารถ “จับอารมณ์” ของคนในสังคมได้ว่า ส่วนมากเป็นพวก “อย่าทะเลาะกันเลย” หรือ “เขาก็ชนะการเลือกตั้งมาอย่างถูกต้อง ให้เขาทำงานของเขาไปเถอะ” หรือ “เมื่อไหร่จะรู้จักสามัคคี ทำบ้านเมืองของเราให้ดีกันบ้างนะ” ดังนั้น เมื่อถูกตั้งคำถามหรือตรวจสอบจน “จนมุม” ขึ้นมาเมื่อไหร่ เขาจะปลุกอารมณ์นี้ของผู้คนขึ้นมาทันที กลายเป็นว่าทั้งศาล องค์กรอิสระ ฝ่ายค้าน สื่อมวลชน และกลุ่มมวลชนใดก็ตาม ที่ตรวจสอบรัฐบาล ล้วนเป็นพวกเล่นการเมือง เกลียดยิ่งลักษณ์ อยากจะล้มรัฐบาลขึ้นมาในบัดดล บางครั้งเลยเถิดถึงขั้นกล่าวหาว่า เป็นพวก “อำมาตย์ส่งมา” เพื่อจัดการโค่นล้มกันเลยทีเดียว แต่ในขณะเดียวกัน ฝ่ายของเขาก็ “เล่นการเมือง” กันอย่างสุดขั้วทีเดียว เช่น การเดินหน้าถอดยศ “ร้อยตรี” ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มิได้ใช้เลย, การเล่นงานผู้ว่าฯ กทม. เรื่องกระสอบทรายในท่อระบายน้ำ ทั้งๆ ที่เป็นความโง่ของประธาน กบอ. กับลูกน้อง ที่ไม่เข้าใจวิธีการระบายน้ำแบบง่ายๆ ที่ กทม. ทำถูกต้องแล้ว, การส่งคนเสื้อแดง ไปเกะกะระรานกลุ่มอื่นๆ เหล่านี้เป็นต้น
ง.) ใช้วิธี “จับตัวประกัน”
เช่น เมื่อถูกรุกหนักเรื่องการรับจำนำข้าว การขายข้าวแบบจีทูจี การขอให้เลิกรับจำนำข้าวเพื่อลดความเสียหายเรื่องการทำลายกลไกตลาดและการผลิต ตลอดจนการเปิดช่องให้มีการทุจริตอย่างมหาศาล ยิ่งลักษณ์กับพวกก็จับ “ชาวนา” เป็นตัวประกันทันที ว่าพี่น้องชาวนานี้ มีชีวิตที่ยากลำบาก สมควรต้องช่วย จะไม่ให้ดิฉันช่วยพี่น้องชาวนา ดิฉันคงทำไม่ได้ เธอก็กลายเป็น “นางฟ้า” ของชาวนาขึ้นมาทันที ชาวนาก็ออกมาสู้ มาขู่ มาชูป้าย ใส่ฝ่ายคัดค้านในทันที รัฐบาลยิ่งลักษณ์เลือกจะอยู่โดยใช้ “ตัวประกัน” เป็นโล่มนุษย์แบบนี้ คือ “ไปสะกิดที่ปมด้อยที่ความเดือดร้อนจริงของคนบางกลุ่ม มากลบเกลื่อนข้อบกพร่องของโครงการหรือนโยบายนั้นๆ เพื่อให้คนเหล่านั้น ที่ไม่อยากเสียโอกาสดีๆ ของตน ออกมาต่อสู้แทน” อีกหลายต่อหลายเรื่อง เช่น จับผู้ค้าแรงงานเป็นตัวประกัน เพื่อเดินหน้าขึ้นค่าแรง โดยไม่ห่วงเรื่องผลกระทบอื่นๆ ที่จะตามมา, จับผู้หญิงเป็นตัวประกัน เพื่อจะเดินหน้า “กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี” จังหวัดละ 100 ล้านบาท โดยไม่ดูว่า การปล่อยกู้ในทำนองนี้ ไปซ้ำซ้อนกับโครงการอื่นๆ ที่มีที่ทำอยู่หรือไม่ หนี้จะสูญ จะเกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่าเพียงใด
จ.) การควบคุมสื่อ
เป็นวิธีเดียวกับรัฐบาลพี่ชาย คือ เริ่มจากยึดสื่อของรัฐ ไล่พวกคิดต่างขั้วให้พ้นไป จะเห็นว่า เมื่อพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง รายการทางช่อง 11 อย่าง คลายปม (ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, จิตกร บุษบา), เกาที่คัน (ดร.เสรี วงษ์มณฑา), เจาะข้าวร้อน ล้วงข่าวลึก (บุญระดม จิตรดอน, สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, จิตดี ศรีดี) ก็มีอันถูกขัดขวางการออกอากาศในทันที และไม่ต่อสัญญาการออกอากาศในเวลาถัดมา รายการใหม่ๆ โดยคนเสื้อแดง รุกคืบเข้ามาในผังของช่อง 11 ให้ข้อมูลที่เป็นคุณต่อรัฐบาล ขาดการตั้งคำถามและตรวจสอบ หนักกว่านั้นคือแก้ตัวแก้ต่างให้รัฐบาลอยู่ตลอดเวลาด้วย และเล่นงานกลับ ฝ่ายตรวจสอบทั้งหลายด้วย เช่นเดียวกับช่อง 9 โมเดิร์นนาย ที่นายกนก รัตน์วงษ์สกุล ถูกคุกคามถึงหน้าห้องส่ง และในที่สุด รายการทั้งหมดของเขาก็ถูกปิด ยังไม่รวมการใช้งบฯโฆษณาของหน่วยงานรัฐ ปิดปาก จูงใจ ให้สื่อโทรทัศน์-วิทยุอีกหลายช่อง พร่องการตรวจสอบรัฐบาล ไม่วิจารณ์ภาวะผู้นำที่ต่ำต้อยไร้ค่าของนางสาวยิ่งลักษณ์ ตลอดจน “ขู่เงียบ” อีกหลายวิธีการ เช่นที่ทำกับรายการของผมผ่านโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่องสุวรรณภูมิ ดังนั้น ข้อมูลที่ประชาชนส่วนใหญ่ได้ จึงไม่ใช่ข้อมูลที่ครบถ้วน ตรงไปตรงมา โดยเฉพาะความจริงด้านที่ประเทศชาติเสียหาย จากการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ และด้านการตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงาน ตลอดจนการทุจริต
ง.) ความไม่อาย
ยิ่งลักษณ์ไม่เคยอาย ที่ไม่เคยใส่ใจทำงานในสภา ทั้งๆ ที่เป็นประมุขฝ่ายบริหาร พูดผิดพูดถูก แต่งตั้งคนที่ไม่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งทางการเมือง, กิตติรัตน์ ณ ระนอง ไม่ต้องอายเรื่องโกหกตัวเลขเป้าหมายส่งออก แต่ไพล่ไปเรียก “ไวท์ลาย”, ปลอดประสพ ไม่ต้องอาย ที่ตนเองเผยความไม่ฉลาด ผ่านการพูดและการกระทำหลายต่อหลายครั้ง จนคนไม่เหลือศรัทธา และเอือมระอาความก้าวร้าวหยาบคาย, บุญทรงไม่อาย ที่แก้ปัญหาของแพงไม่ได้ ร้านถูกใจมีการทุจริต และโครงการรับจำนำข้าวมีพิรุธที่ปกปิดกลบเกลื่อนไว้อีกหลายเรื่อง, เฉลิม ไม่อาย ที่เคยลั่นวาจาเอาไว้ว่า ถ้าลูกชายสอบตกจากการเป็น ส.ส. จะไม่รับตำแหน่งอะไรเลย แต่ก็รับ เหล่านี้เป็นต้น ไม่ว่าสังคมจะวิจารณ์ จะเรียกร้องให้เลิก “ด้านและทน” ดังแค่ไหน ก็ต้องยอมแพ้พ่ายกับคุณสมบัติข้อนี้ที่คนในรัฐบาลยิ่งลักษณ์มีสูงกว่าภูเขาหิมาลัย
จ.) ฝ่ายตรวจสอบไม่ค่อยกล้าหาญ
ผู้ตรวจการแผ่นดิน ยังไม่ค่อยกล้าหาญในการตรวจสอบคำร้องและดำเนินการอย่างเฉียบขาดตามอำนาจหน้าที่ ยังมีท่าทีประนีประนอมสูงมาก, กรรมการสิทธิมนุษยชน เหมือนตายจากประเทศชาติไปแล้ว แต่รู้ว่ายังไม่ตาย เพราะยังเซ็นชื่อรับเงินเดือนกันอยู่, กกต. ขยันพูด แต่ทำช้า ความกล้าไม่ค่อยเหลือ, สตง. ก็ไม่ค่อยขยับเนื้อขยับตัว ข้างตำรวจก็เหมือนจะ “เลือกอยู่กับผู้ร้าย” อัยการไม่ค่อยแสดงการเป็น “ทนายของแผ่นดิน” ศาลยังไม่ปรับตัว ปรับระบบ ทำให้คดีต่างๆ “ล่าช้า” ซึ่งือว่าเป็นความอยุติธรรมชนิดหนึ่ง ฝ่าบบริหารที่มี “นักเลงเสือ้แดง” เป็นบริวาร จึงไม่ยำเกรงต่อการตรวจสอบที่กฎหมายออกแบบไว้
ฉ.) ฝ่ายค้านให้โอกาส
ก็นับเป็นเรื่องที่ดี ที่ฝ่ายค้านไม่มุ่งโจมตีรัฐบาลอย่างบ้าระห่ำ ให้โอกาสทำงาน ให้โอกาสอธิบาย ทำให้บรรยากาศทางการเมืองของบ้านเมืองสร้างสรรค์ขึ้นบ้าง แต่ไม่ได้แปลว่า จะหย่อนยานต่อการตรวจสอบ หลายเรื่องต้องเอาจริงเอาจังทางกฎหมาย ฝ่ายค้าน คือ พรรคประชาธิปัตย์ ที่มากไปด้วยนักกฎหมาย ต้องเดินหน้าด้านกฎหมายให้มากกว่านี้ มากกว่าการโต้วาที หรือการเป็นสื่อแทนสื่อจริงๆ เช่น ถึงเวลายื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้หรือยัง ถึงเวลาทวงที่ดินอัลไพน์กลับมาเป็นที่ธรณีสงฆ์ได้หรือยัง ถึงเวลาถอดยศทักษิณและริบเครื่องราชอิสริยาภรณ์หรือยัง ถึงเวลาดำเนินการตามกฎหมายกับรัฐมนตรีหลายๆ กระทรวงและตัวนายกรัฐมนตรีแล้วหรือยัง เข้าใจว่า บางเรื่องก็หย่อนยานไปในสมัยที่ตัวเองเป็นรัฐบาล เพราะต้องการบรรยากาศปรองดอง แต่เมื่อเรียนรู้แล้วว่าการปรองดองมิได้เกิดด้วยวิธีการเหล่านี้ ก็กลับมาเร่งรัด เอาจริงเอาจังเสียที เป็นความจริงจังทางด้านกฎหมายนะครับ ไม่ใช่ด้าน “โต้คารม”
ช.) ทหารไม่ส่งสัญญาณบางอย่าง
ทหารก็ช่วยรัฐบาลลอกคลองและทำงานอื่นๆ จนสายตัวแทบขาด หัวหน้าทหารก็ดูจะเกรงใจสุภาพสตรี และมีท่าทีเบื่อความขัดแย้ง แต่นั่นไม่ได้แปลว่า ในทางเปิดเผยหรือไม่เปิดเผย ทหารจะไม่ส่งสัญญาณเรียกร้องการทำงานที่ถูกต้อง สร้างสรรค์ โปร่งใส จากรัฐบาลนะครับ ทหารยุ่งการเมืองมากไม่ได้นั้น ผมเข้าใจ แต่อย่าถึงกับเป็น “พระเตมีย์ใบ้” เลยนะครับ
ซ.) ประชาชนไม่อินังขังขอบบ้านเมือง
บางคนไม่สนใจหรอก ว่าเขาประมูล 3G ด้วยวิธีอะไร ขอแค่ให้กูได้ใช้ 3G ก็พอ บางคนไม่สนใจหรอก ว่าเขารับจำนำข้าว แล้วโกหกพกลมกับโกงกันแค่ไหน ประเทศชาติจะฉิบหายหรือไม่ ขอให้กูขายข้าวได้แพงขึ้นก็พอ บางคนไม่สนใจหรอก ว่าสรยุทธยักยอกเงินใครมา ขอให้กูได้ดูรายการของเขาก็พอ ยิ่งช่อง 3 ด้วยแล้ว ไม่ต้องคิดเลยว่าเป็นองค์กรสื่อไร้จริยธรรมแค่ไหน ที่ประกาศว่าไม่ปลดรายการสรยุทธแน่ๆ เพราะกูต้องดู "แรงเงา" พูดง่ายๆ ประชาชนที่เห็นแก่ได้ กับรัฐบาลที่ชอบ “โปรยทาน” เราจึงมีเทศกาล “ชิงเปรต” ให้เห็นอยู่ตลอดเวลา
เมื่อรู้แล้วว่า ว่ารัฐบาลนี้อยู่ได้ด้วยความ “ย่อหย่อนขององคาพยพ” ต่างๆ ของสังคม เราจำเป็นต้อง “ขันน็อต” ให้สังคมและกระบวนการตรวจสอบกลับมาทำหน้าที่อย่างจริงจังกันได้แล้ว
ผมอยากให้ทุกท่านได้อ่านหนังสือ “ลอกคราบรัฐบาลยิ่งลักษณ์ : รัฐบาลหุ่น ทุนสามานย์ บริวารอัปรีย์ นายกฯ พริตตี้ ผีทักษิณ” ที่เขียนโดย ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, อ.แก้วสรร อติโพธิ, คุณไพศาล พืชมงคล และผม
หนังสือเล่มนี้บอกความจริงอีกด้าน ที่หากประชาชนได้รู้และรู้สึกเพื่อประเทศชาติ ทั้ง 10 ข้อที่ผมกล่าวมาว่าเป็นเหตุให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์อยู่ได้ จะค่อยๆ ผุสลาย
ตัวคนเปลี่ยนได้ แต่บ้านเมืองต้องอยู่เสมอไป
หนังสือเล่มนี้ ชี้ความจริงของประเทศไทยภายใต้การนำของรัฐบาลยิ่งลักษณ์อย่างชัดเจนและแสบสัน ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ที่ศูนย์ฯ สิริกิติ์ (จบวันที่ 28 ต.ค.นี้) มีจำหน่ายที่บูธ บ.ว้อชด็อก กับบูธเคล็ดไทย หลังงานแล้วค่อยไปซื้อตามร้านหนังสือทั่วไป หรือสั่งทางโทรศัพท์ที่ 02-225-9536-9 ต่อ 11 หรือ 22 จันทร์-ศุกร์
อย่าทอดทิ้งบ้านเมือง แม้เราจะเบื่อหน่ายสักปานใดก็ตาม
เพราะพ้นจากแผ่นดินนี้ เราก็ไม่มีแผ่นดินผืนใดให้อยู่อย่างสุขใจเท่านี้อีกแล้ว
ลิ้งค์
http://www.naewna.com/politic/columnist/3711
แก้ไข ขอลบรูปออกครับ 16.10 น.
Edited by กีโฆเต้, 22 October 2012 - 16:07.