ระบบการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ตอนที่ 1
ตำแหน่งประธานาธิบดีมาจากการเลือกโดย Electors
24 ตุลาคม 2012
ชาญชัย
http://chanchaiblogg.../2012/10/1.html
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจได้โดยง่าย กระทั่งคนอเมริกันหลายคนยังเข้าใจผิด ไม่ครบถ้วน เหตุผลส่วนหนึ่งเกิดจากประวัติศาสตร์การเลือกตั้งที่ต้องย้อนยุคตั้งแต่สมัยก่อตั้งประเทศ รากฐานระบบการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นพร้อมกับรัฐธรรมนูญประเทศ แม้กฎหมายการเลือกตั้งมีการเปลี่ยนแปลงเป็นระยะ ระบบการเลือกตั้งปัจจุบันเป็นผลจากบริบทของสมัยนั้นซึ่งแตกต่างจากบริบทยุคปัจจุบัน
จนถึงทุกวันนี้ตำแหน่งปธน.กับรองปธน.สหรัฐฯ ไม่ได้รับเลือกโดยตรงจากคะแนนเสียงของประชาชนชาวอเมริกันโดยตรงอย่างที่หลายคนเข้าใจ แม้ว่าประชาชนจะกาเครื่องหมายว่าจะเลือกผู้สมัครคนใด แต่มีค่าเท่ากับเป็นการไปลงคะแนนเพื่อเลือกกลุ่มบุคคลที่เรียกว่า ‘Electors’ จากนั้นกลุ่มคนเหล่านี้จึงไปเลือกปธน.กับรองปธน.อีกทอดหนึ่ง
เหตุที่รัฐธรรมนูญบัญญัติเช่นนั้น เพราะขณะเมื่อเริ่มก่อตั้งประเทศ เริ่มต้นสู่การปกครองตามระบอบประชาธิปไตย (แม้ไม่สมบูรณ์เต็มร้อยเมื่อเทียบกับยุคปัจจุบัน) กลุ่มผู้ร่างรัฐธรรมนูญกังวลการตัดสินใจของประชาชน ต้องการป้องกันไม่ให้ประชาชนเลือกด้วยอารมณ์ จึงกำหนดตัวบุคคลหรือที่เรียกว่า ‘Electors’ ที่จะใช้สิทธิเลือกประธานาธิบดีด้วยจิตใจที่สงบเยือกเย็น มีเหตุผล
‘Electors’ จึงทำหน้าที่เป็นตัวกลั่นกรองการลงมติของประชาชนอีกทอดหนึ่ง และเป็นผู้ออกเสียงเลือกตำแหน่งปธน.กับรองปธน.อย่างแท้จริงตามรัฐธรรมนูญ
คนอเมริกันจะไปลงคะแนนเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน ผลการเลือกตั้งนี้จะได้คะแนนที่เรียกว่า popular votes ส่วน ‘Electors’ จะลงไปคะแนนในเดือนธันวาคมหลังทราบผล popular vote แล้ว ได้คะแนนที่เรียกว่า electoral votes ผู้ที่จะได้รับตำแหน่งปธน.กับรองปธน.จะดูจากคะแนนเสียงข้างมากของ electoral votes (ยกเว้นบางกรณีซึ่งจะอธิบายต่อไป)
Electors
Electors คือ ตัวแทนของพรรคการเมืองที่พรรคคัดสรรมาอย่างดี สมาชิกนิติบัญญัติของแต่ละมลรัฐเป็นผู้ตัดสินเลือกในขั้นสุดท้าย และได้รับการแต่งตั้งจากมลรัฐในปีที่มีการเลือกตั้งปธน.ตามกฎหมายของแต่ละมลรัฐ มีฐานะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อทำหน้าที่เลือกปธน.กับรองปธน.
แต่ละมลรัฐจะต้องแต่งตั้งคนเหล่านี้ให้ได้อย่างน้อย 6 วันก่อนการประชุม Electors ในวันที่ 17 ธันวาคมของปีนี้ (2012)
Electors มีจำนวน 538 คนเท่ากับจำนวนของสมาชิกรัฐสภาบวกกับอีก 3 คนของ District of Columbia ตามรธน.สหรัฐฯ ให้ถือว่า District of Columbia มีฐานะเทียบเท่ามลรัฐในกระบวนการเลือกตั้ง
สหรัฐฯ ประกอบด้วย 50 มลรัฐ มีส.ว.มลรัฐละ 2 คน เท่ากับมี 100 ส.ว. ส่วน ส.ส.มี 435 คน เมื่อรวมกับอีก 3 คนของ District of Columbia จึงมีทั้งหมด 538 คน
Electors แต่ละคนจะมี 1 คะแนนเสียง เรียกคะแนนนี้ว่า electoral votes
กลุ่มคนเหล่านี้บางครั้งเรียกว่า Electoral College
มีข้อควรรู้คือสัดส่วน ส.ส.ขึ้นกับจำนวนประชากรในแต่ละมลรัฐ แต่ไม่ได้เป็นไปในอัตราส่วนเดียวกัน เช่น ในปี 2004 มลรัฐแคลิฟอร์เนีย มี 1 electoral votes ต่อประชากรผู้มีสิทธิออกเสียงทุก 664,700 คน ส่วนมลรัฐเมน มี 1 electoral votes ต่อประชากรผู้มีสิทธิออกเสียงทุก 329,300 คน มลรัฐแคลิฟอร์เนียมีทั้งหมด 54 electoral votes ส่วนมลรัฐเมนมีเพียง 4 electoral votes
ดังนั้น Electors จำนวน 538 คน หรือคะแนน electoral votes จำนวน 538 คะแนนนี้จะเป็นผู้เลือกและกำหนดว่าใครจะได้ดำรงตำแหน่งปธน.กับรองปธน.ของประเทศสหรัฐฯ
Electors ทั้งหลายจะรวมตัวกันในประชุมที่มลรัฐของตนเองเพื่อลงคะแนนเลือกประธานาธิบดีกับรองประธานาธิบดีในวันจันทร์แรกหลังวันพุธที่สองของเดือนธันวาคม [คือจะให้ไปลงคะแนนในช่วงกลายเดือน ธ.ค. ปีนี้ (2012) จะตรงกับวันที่ 17 ธ.ค. หลังประชาชนไปเลือกตั้งในต้นเดือนพฤศจิกายน] การนับคะแนน Electors จะจัดขึ้นในที่ประชุมรัฐสภาในเดือนมกราคม ผู้สมัครที่ได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่งคือ 270 เสียงจะได้รับตำแหน่งปธน. หรือรองปธน.
นั่นคือ คนอเมริกันจะไปลงคะแนนเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน ส่วน Electors จะลงไปคะแนนในช่วงกลางเดือนธันวาคมหลังทราบผล popular vote แล้ว
กำหนดวันนับคะแนน electoral votes อย่างเป็นทางการของการเลือกตั้งปีนี้คือวันที่ 6 มกราคม 2013
เป็นวันที่คนทั้งโลกจะทราบผลว่าใครจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาสมัยต่อไป
--------------------------