


Edited by Kh@n, 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 12:15.
ตอบ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 02:53
ไปกันใหญ่แล้วน้าาา ประเทศไทย !
ตอบ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 02:57
ไปกันใหญ่แล้วน้าาา ประเทศไทย !
ตอบ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 09:39
น่าเป็นห่วงสังคมนะครับ ที่มีคนยุคถัดไปกลุ่มใหญ่ๆ นิยมการเป็นโมเดิร์นไนซ์ แบบเปลือกๆ ทั้งๆที่ประเทศนี้หากินกับไร่นาเป็นหลัก
ตอบ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 09:48
ตอบ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 09:50
น่าเป็นห่วงสังคมนะครับ ที่มีคนยุคถัดไปกลุ่มใหญ่ๆ นิยมการเป็นโมเดิร์นไนซ์ แบบเปลือกๆ ทั้งๆที่ประเทศนี้หากินกับไร่นาเป็นหลัก
ตอบ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 09:53
ตอบ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 10:02
Edited by อู๋ ฮานามิ, 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 10:05.
ถึงผมจะเป็นคนหัวขบถ แต่ไม่คิดทรยศบุญคุณแผ่นดินเกิด
เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ไม่ใช่ใบอนุญาตทำร้ายประเทศชาติ
ตอบ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 10:05
วัดจากคอมเมนท์ ของคนที่บอกว่า
"รักประชาธิปไตย" หรือเอาอุดมการณ์เสรีภาพมาอ้างในการทำสิ่งผิดกฎหมาย
สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนและสร้างความเสียหายกับประเทศชาติ
ดูเหมือนว่า บรรดาคนที่อวยนักการเมือง กลุ่มการเมือง บางคนบางกลุ่ม และคนที่แอบอ้างอุดมการณ์
ส่วนหนึ่งจะหยาบคาย ก้าวร้าว
และรักความรุนแรงมากถึงมากที่สุด
เพิ่งเข้าใจว่า คุณสมบัติของคนที่รักประชาธิปไตยแต่ปาก เป็นเช่นนี้เอง
อู๋ ฮานามิ
ตอบ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 10:17
ตอบ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 10:19
ตอบ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 10:20
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=93svZzrpWZA
ไอ้แบบนี้ก็อีกแบบหนึ่ง ใครพาเรียกว่ากลอนนี่ ขอตีมือหน่อย
Edited by อู๋ ฮานามิ, 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 10:23.
ถึงผมจะเป็นคนหัวขบถ แต่ไม่คิดทรยศบุญคุณแผ่นดินเกิด
เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ไม่ใช่ใบอนุญาตทำร้ายประเทศชาติ
ตอบ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 10:24
ตอบ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 10:47
ขอให้พวกเรา ชาวหลากสี และพันธมิตร จงมีชีวิตรอด จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ฝีมือปูนา ไปตลอดรอดฝั่งด้วยครับ
PEMDAS ย่อมาจาก ลำดับการคำนวณ Parentheses , Exponentials , Multiply , Divide , Add , Subtract
FWGHSO ย่อมาจาก ลำดับการประเมินผลของ query FROM, WHERE, GROUP BY, HAVING, SELECT, ORDER BY
ตอบ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 11:22
Edited by คลำปม, 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 12:32.
วิธีการยุติระบอบทักษิณ
ก็แค่เพียงทำให้คนไทยส่วนใหญ่ "ฉลาด"
ตอบ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 12:15
เท่ มิใช่ เท่ห์
ไปกันใหญ่แล้วน้าาา ประเทศไทย !
ตอบ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 12:23
กฎหมายมันก็แค่สิงที่สร้างมาอย่างมีเป้าหมาย แต่หาก เอาแต่บอกว่ากฎหมายเป็นแบบนี้ แบบนั้น โดยไม่สนใจว่าเป้าหมายจริงๆ นันคืออะไร ก็คงไม่ใช่
ตอบ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 13:19
ตอบ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 14:21
ว่าจะไม่เขียนแล้ว เพราะพูดไปก็ไร้ประโยชน์ เดี๋ยวนี้เขามี..กวี..(เรียกว่าอะไรดีล่ะ)
ที่..ไร้ฉันทลักษณ์ ..ได้ไม๊ ? ตามแต่จะคิดเห็น เรียกกัน ก็ตามใจ แล้วแต่สะดวก ..แต่
อยากจะบอกว่า. แต่โบราณ.มา ท่านครูก็แยก ( กวี.เป็น ร้อยแก้ว.กับร้อยกรอง ) เห็น
ว่าเพื่อความสะดวกของผู้..ชอบเขียน .ไม่อยากกล่าวความให้ยาวไกลไปถึง ยุคพระ-
มหาราชครู. ศรีปราชญ์. ขอกล่าวช่วง ( รัชกาลที่ ๒-๓ และ ๕-๖ ) เท่านั้น สมัย
รัชกาลที่ ๒-๓ มีกวีเอกคือ. รัชกาลที่ ๒. สุนทร ภู่. คุณพุ่ม.นายมี.ฯลฯ มีวรรณกรรม
อยู่มากมาย. ทั้งบทละครนอก.ละครใน. กลอนนิราศ. รวมถึง.กลกลอน ( กลบท )
( กลบท มีจารึกหินอ่อนอยู่ตามเสาระเบียง ว้ดโพธิ ) ปัจจุบันหาผู้แต่งเกือบไม่ได้แล้ว
บทกลอนยุคนี้ ก็ถือเป็น ( กลอนชั้นครู ) ต่อมา ( สมัย รัชกาลที่ ๕-๖ ) ก็มี กวีเอก-
ที่วางหลักการเขียน การแต่งไว้ เป็นรูปแบบที่ มีแผนผังแน่นอน จนใช้เป็นแบบเรียน
ม. ปลาย. ที่มีอยู่ ๔ บท ( ๑.อักขระวิธี.๒.วจีวิพากย์.๓วากยสัมพันธ์.๔ ฉันทลักษณ์ )
ผู้ที่ชำระหลักภาษาไทยนี้คือ ท่าน ( หลวงธรรมาภิมณฑ์ ) สมัยนั้น มีกวีเด่นอยู่ท่านหนึ่ง
คือ ( นายชิต บูรทัต ) ผู้เขียน ..สามัคคีเภท คำฉันท์ ..ซึ่งน่าจะเป็นกวีที่เขียนคำฉันท์
เป็นท่านสุดท้าย ในสยาม..และใช้ คำฉันท์ ที่ท่านหลวงธรรมาภิมณฑ์ ชำระไว้ เพราะคำ-
ฉันท์รุ่นเก่า ( สมุทรโฆษ คำฉันท์ . เสือ โค คำฉันท์ ) ยังใช้ สระ หลายตัว เป็น คำ ลหุ.
แต่หลวงธรรมาภิมณฑ์. วางแบบให้เป็น..เสียง ครุ. หมด.(นี่คือ ความยาก ) ของผู้ประพันธ์
เพราะ. คำฉันท์. ต้องเป็น.. ทั้งผู้แต่งและผู้อ่าน. ( เกรงว่าจะหาผู้แต่งได้ยากลงไปทุกที)
......พูดถึงกลอน ท่านครูก็วางหลักไว้ ๑๐ ชนิด . ตั้ง ( กลอนแปดสุภาพ ) ขอกล่าวแค่นี้
คนที่เขียน..ผิดฉันทลักษณ์..มักจะเป็นคนดัง. แล้วใครท้วงติงก็ไม่ฟัง คนรุ่นหลังที่ชอบ
เขียนกลอนก็เอาอย่าง..คนดัง..โดยไม่ได้ศึกษาฉันทลักษณ์ ..บทกลอนที่ออกมาจึงมั่วไปหมด
แล้วฉันทลักษณ์ บทกวี มันจะเหลืออยู่ไม๊ ? แบบแผนที่วางหลักไว้ตั้งแต่ รัชกาลที่ ๕-๖ มัน
ยังจะมีอะไรเหลืออยู่ ( อาศัยชื่อเสียงที่มีอยู่ ทำลาย ฉันทลักษณ์ ) ที่วางหลักไว้หรือเปล่า ??
อย่ามาพูดเลยนะว่า เป็นรูปแบบใหม่. หลักของ.กวี. ท่านครูก็วางไว้แล้ว ( ร้อยแก้ว ก็คือ ร้อยแก้ว )
( ร้อยกรอง ก็คือ ร้อยกรอง ) เห็นมีแต่เอา ( ร้อยกรอง ไปเขียน.นอกกฏ ) แล้วเพ้อว่า นี่คือ --
รูปแบบใหม่.(คนพวกนี้ แค่จนปัญญา เร่หาสัมผัส ไม่แตกฉานอักขระวิธี)ก็ทำลายร้อยกรอง
จนแทบไม่เหลือความไพเราะอยู่อีกแล้ว ( ผมจะไม่พูดเรื่องนี้อีก นอกจากมีผู้ถาม ) จบ
ขอเทิดทูนศักดิ์ศรียิ่งสิ่งใด
...แม้แต่ลมหายใจก็ยอมพลี
โลกยังไม่สิ้นหวัง ถ้ายังมั่นในความดี
...ศรัทธาไม่เคยหน่ายหนี คนดีไม่มีวันตาย
ตอบ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 14:38
ว่าจะไม่เขียนแล้ว เพราะพูดไปก็ไร้ประโยชน์ เดี๋ยวนี้เขามี..กวี..(เรียกว่าอะไรดีล่ะ)
ที่..ไร้ฉันทลักษณ์ ..ได้ไม๊ ? ตามแต่จะคิดเห็น เรียกกัน ก็ตามใจ แล้วแต่สะดวก ..แต่
อยากจะบอกว่า. แต่โบราณ.มา ท่านครูก็แยก ( กวี.เป็น ร้อยแก้ว.กับร้อยกรอง ) เห็น
ว่าเพื่อความสะดวกของผู้..ชอบเขียน .ไม่อยากกล่าวความให้ยาวไกลไปถึง ยุคพระ-
มหาราชครู. ศรีปราชญ์. ขอกล่าวช่วง ( รัชกาลที่ ๒-๓ และ ๕-๖ ) เท่านั้น สมัย
รัชกาลที่ ๒-๓ มีกวีเอกคือ. รัชกาลที่ ๒. สุนทร ภู่. คุณพุ่ม.นายมี.ฯลฯ มีวรรณกรรม
อยู่มากมาย. ทั้งบทละครนอก.ละครใน. กลอนนิราศ. รวมถึง.กลกลอน ( กลบท )
( กลบท มีจารึกหินอ่อนอยู่ตามเสาระเบียง ว้ดโพธิ ) ปัจจุบันหาผู้แต่งเกือบไม่ได้แล้ว
บทกลอนยุคนี้ ก็ถือเป็น ( กลอนชั้นครู ) ต่อมา ( สมัย รัชกาลที่ ๕-๖ ) ก็มี กวีเอก-
ที่วางหลักการเขียน การแต่งไว้ เป็นรูปแบบที่ มีแผนผังแน่นอน จนใช้เป็นแบบเรียน
ม. ปลาย. ที่มีอยู่ ๔ บท ( ๑.อักขระวิธี.๒.วจีวิพากย์.๓วากยสัมพันธ์.๔ ฉันทลักษณ์ )
ผู้ที่ชำระหลักภาษาไทยนี้คือ ท่าน ( หลวงธรรมาภิมณฑ์ ) สมัยนั้น มีกวีเด่นอยู่ท่านหนึ่ง
คือ ( นายชิต บูรทัต ) ผู้เขียน ..สามัคคีเภท คำฉันท์ ..ซึ่งน่าจะเป็นกวีที่เขียนคำฉันท์
เป็นท่านสุดท้าย ในสยาม..และใช้ คำฉันท์ ที่ท่านหลวงธรรมาภิมณฑ์ ชำระไว้ เพราะคำ-
ฉันท์รุ่นเก่า ( สมุทรโฆษ คำฉันท์ . เสือ โค คำฉันท์ ) ยังใช้ สระ หลายตัว เป็น คำ ลหุ.
แต่หลวงธรรมาภิมณฑ์. วางแบบให้เป็น..เสียง ครุ. หมด.(นี่คือ ความยาก ) ของผู้ประพันธ์
เพราะ. คำฉันท์. ต้องเป็น.. ทั้งผู้แต่งและผู้อ่าน. ( เกรงว่าจะหาผู้แต่งได้ยากลงไปทุกที)
......พูดถึงกลอน ท่านครูก็วางหลักไว้ ๑๐ ชนิด . ตั้ง ( กลอนแปดสุภาพ ) ขอกล่าวแค่นี้
คนที่เขียน..ผิดฉันทลักษณ์..มักจะเป็นคนดัง. แล้วใครท้วงติงก็ไม่ฟัง คนรุ่นหลังที่ชอบ
เขียนกลอนก็เอาอย่าง..คนดัง..โดยไม่ได้ศึกษาฉันทลักษณ์ ..บทกลอนที่ออกมาจึงมั่วไปหมด
แล้วฉันทลักษณ์ บทกวี มันจะเหลืออยู่ไม๊ ? แบบแผนที่วางหลักไว้ตั้งแต่ รัชกาลที่ ๕-๖ มัน
ยังจะมีอะไรเหลืออยู่ ( อาศัยชื่อเสียงที่มีอยู่ ทำลาย ฉันทลักษณ์ ) ที่วางหลักไว้หรือเปล่า ??
อย่ามาพูดเลยนะว่า เป็นรูปแบบใหม่. หลักของ.กวี. ท่านครูก็วางไว้แล้ว ( ร้อยแก้ว ก็คือ ร้อยแก้ว )
( ร้อยกรอง ก็คือ ร้อยกรอง ) เห็นมีแต่เอา ( ร้อยกรอง ไปเขียน.นอกกฏ ) แล้วเพ้อว่า นี่คือ --
รูปแบบใหม่.(คนพวกนี้ แค่จนปัญญา เร่หาสัมผัส ไม่แตกฉานอักขระวิธี)ก็ทำลายร้อยกรอง
จนแทบไม่เหลือความไพเราะอยู่อีกแล้ว ( ผมจะไม่พูดเรื่องนี้อีก นอกจากมีผู้ถาม ) จบ
ลึกซึ้ง แตกฉาน......เยี่ยมมากครับ
นานๆ ท่านพระเจ้าตา จะออกงิ้ว ซะที
ผมประทับจายยยยยยยยยคร้าบบบบ![]()
![]()
ถึงสูงศักดิ์อัครฐานสักปานไหน.ถึงวิไลเลิศฟ้าสง่าศรี..ถึงเก่งกาจฉลาดกล้าปัญญาดี..ถ้าไม่มี "คุณธรรม" ก็ต่ำคน.... พระราชนิพนธ์ในล้นเกล้า รัชกาลที่ ๕ " https://www.facebook...akwarakfromyala https://www.facebook.com/NARAPEACE
ตอบ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 14:47
กวีซีไรต์ ?????????????????????เดี๋ยวนี้เด็กๆหลายๆคนเอาคนพวกนี้เป็น Idol ผมก็เลยแค่สงสัยว่า มันเท่เหรอครับ
![]()
![]()
![]()
Edited by ฟังทั้งสองฝ่าย, 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 14:51.
ตอบ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 14:50
อย่างนี้ต้องขยายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ว่าจะไม่เขียนแล้ว เพราะพูดไปก็ไร้ประโยชน์ เดี๋ยวนี้เขามี..กวี..(เรียกว่าอะไรดีล่ะ)
ที่..ไร้ฉันทลักษณ์ ..ได้ไม๊ ? ตามแต่จะคิดเห็น เรียกกัน ก็ตามใจ แล้วแต่สะดวก ..แต่
อยากจะบอกว่า. แต่โบราณ.มา ท่านครูก็แยก ( กวี.เป็น ร้อยแก้ว.กับร้อยกรอง ) เห็น
ว่าเพื่อความสะดวกของผู้..ชอบเขียน .ไม่อยากกล่าวความให้ยาวไกลไปถึง ยุคพระ-
มหาราชครู. ศรีปราชญ์. ขอกล่าวช่วง ( รัชกาลที่ ๒-๓ และ ๕-๖ ) เท่านั้น สมัย
รัชกาลที่ ๒-๓ มีกวีเอกคือ. รัชกาลที่ ๒. สุนทร ภู่. คุณพุ่ม.นายมี.ฯลฯ มีวรรณกรรม
อยู่มากมาย. ทั้งบทละครนอก.ละครใน. กลอนนิราศ. รวมถึง.กลกลอน ( กลบท )
( กลบท มีจารึกหินอ่อนอยู่ตามเสาระเบียง ว้ดโพธิ ) ปัจจุบันหาผู้แต่งเกือบไม่ได้แล้ว
บทกลอนยุคนี้ ก็ถือเป็น ( กลอนชั้นครู ) ต่อมา ( สมัย รัชกาลที่ ๕-๖ ) ก็มี กวีเอก-
ที่วางหลักการเขียน การแต่งไว้ เป็นรูปแบบที่ มีแผนผังแน่นอน จนใช้เป็นแบบเรียน
ม. ปลาย. ที่มีอยู่ ๔ บท ( ๑.อักขระวิธี.๒.วจีวิพากย์.๓วากยสัมพันธ์.๔ ฉันทลักษณ์ )
ผู้ที่ชำระหลักภาษาไทยนี้คือ ท่าน ( หลวงธรรมาภิมณฑ์ ) สมัยนั้น มีกวีเด่นอยู่ท่านหนึ่ง
คือ ( นายชิต บูรทัต ) ผู้เขียน ..สามัคคีเภท คำฉันท์ ..ซึ่งน่าจะเป็นกวีที่เขียนคำฉันท์
เป็นท่านสุดท้าย ในสยาม..และใช้ คำฉันท์ ที่ท่านหลวงธรรมาภิมณฑ์ ชำระไว้ เพราะคำ-
ฉันท์รุ่นเก่า ( สมุทรโฆษ คำฉันท์ . เสือ โค คำฉันท์ ) ยังใช้ สระ หลายตัว เป็น คำ ลหุ.
แต่หลวงธรรมาภิมณฑ์. วางแบบให้เป็น..เสียง ครุ. หมด.(นี่คือ ความยาก ) ของผู้ประพันธ์
เพราะ. คำฉันท์. ต้องเป็น.. ทั้งผู้แต่งและผู้อ่าน. ( เกรงว่าจะหาผู้แต่งได้ยากลงไปทุกที)
......พูดถึงกลอน ท่านครูก็วางหลักไว้ ๑๐ ชนิด . ตั้ง ( กลอนแปดสุภาพ ) ขอกล่าวแค่นี้
คนที่เขียน..ผิดฉันทลักษณ์..มักจะเป็นคนดัง. แล้วใครท้วงติงก็ไม่ฟัง คนรุ่นหลังที่ชอบ
เขียนกลอนก็เอาอย่าง..คนดัง..โดยไม่ได้ศึกษาฉันทลักษณ์ ..บทกลอนที่ออกมาจึงมั่วไปหมด
แล้วฉันทลักษณ์ บทกวี มันจะเหลืออยู่ไม๊ ? แบบแผนที่วางหลักไว้ตั้งแต่ รัชกาลที่ ๕-๖ มัน
ยังจะมีอะไรเหลืออยู่ ( อาศัยชื่อเสียงที่มีอยู่ ทำลาย ฉันทลักษณ์ ) ที่วางหลักไว้หรือเปล่า ??
อย่ามาพูดเลยนะว่า เป็นรูปแบบใหม่. หลักของ.กวี. ท่านครูก็วางไว้แล้ว ( ร้อยแก้ว ก็คือ ร้อยแก้ว )
( ร้อยกรอง ก็คือ ร้อยกรอง ) เห็นมีแต่เอา ( ร้อยกรอง ไปเขียน.นอกกฏ ) แล้วเพ้อว่า นี่คือ --
รูปแบบใหม่.(คนพวกนี้ แค่จนปัญญา เร่หาสัมผัส ไม่แตกฉานอักขระวิธี)ก็ทำลายร้อยกรอง
จนแทบไม่เหลือความไพเราะอยู่อีกแล้ว ( ผมจะไม่พูดเรื่องนี้อีก นอกจากมีผู้ถาม ) จบ
ลึกซึ้ง แตกฉาน......เยี่ยมมากครับ
นานๆ ท่านพระเจ้าตา จะออกงิ้ว ซะที
ผมประทับจายยยยยยยยยคร้าบบบบ![]()
![]()
ออกโขน ไม่ใช่ออกงิ้ว...ชิส์![]()
![]()
งิ้วมี พระเจ้าตา เหรอ
ตอบ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 15:18
ตอบ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 15:50
ไปกันใหญ่แล้วน้าาา ประเทศไทย !
ตอบ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 21:20
ตอบ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 21:27
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 0 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน