![Posted Image](http://www.thairath.co.th/media/content/2012/10/30/302349/hr1667/630.jpg)
"เอเบคโพลล์"เผย ผลสำรวจความเห็น ยัน ความสุขมวลรวมคนไทย เดือน ต.ค. พุ่งสูงสุดเป็นครั้งแรกในรอบปี 7.40 คะแนน การแสดงความจงรักภักดีมาอันดับ 1 ขณะที่ความขัดแย้งทางการเมืองได้ 5.17 คะแนนเกินครึ่ง
วันที่ 30 ต.ค. ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง ความสุขคนไทยกับความสำนึกรู้คุณแผ่นดินของสาธารณชน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนในพื้นที่ 17 จังหวัดของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ประจวบคีรีขันธ์ ลพบุรี สุพรรณบุรี ชลบุรี พิจิตร เพชรบูรณ์ เชียงใหม่ หนองคาย ชัยภูมิ สุรินทร์ อุดรธานี ขอนแก่น นครราชสีมา พัทลุง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช จำนวนทั้งสิ้น 4,042 ตัวอย่าง โดยดำเนินการสำรวจในระหว่างวันที่ 20 – 29 ตุลาคม 2555 ที่ผ่านมา โดยใช้การเลือกตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายชั้น ที่สุ่มเลือกเขต/อำเภอ ตำบล ชุมชน ครัวเรือน และประชาชนที่ตอบแบบสอบถามระดับครัวเรือน มีช่วงความคลาดเคลื่อนบวกลบร้อยละ 7
จากการวัดความสุขมวลรวมของประชาชนคนไทยภายในประเทศ เมื่อคะแนนเต็ม 10 คะแนน พบว่า แนวโน้มความสุขมวลรวมของคนไทยประจำเดือนตุลาคมเพิ่มสูงขึ้นจาก 5.79 คะแนนในเดือนกันยายน มาอยู่ที่ 7.40 คะแนน ในการสำรวจล่าสุด จะเห็นได้ว่าความสุขของคนไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน และเป็นค่าความสุขมวลรวมที่วัดได้สูงที่สุดในรอบปีนี้
โดยปัจจัยสำคัญที่ประชาชนมีค่าความสุขสูงที่สุดคือ ความเป็นหนึ่งเดียวกันของคนในชาติที่แสดงความจงรักภักดีอยู่ที่ 9.06 คะแนน รองลงมาคือ บรรยากาศความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวอยู่ที่ 7.71 คะแนน สุขภาพทางใจอยู่ที่ 7.46 คะแนน สุขภาพทางกายอยู่ที่ 7.38 คะแนนและบรรยากาศความสัมพันธ์ของคนในชุมชนอยู่ที่ 7.03 คะแนน โดยแนวโน้มความสุขมวลรวมของคนไทยน่าจะเพิ่มสูงขึ้นไปจนถึงเดือนธันวาคมและช่วงเทศกาลปีใหม่อีกด้วย
ที่น่าพิจารณาคือ การสำรวจครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ไม่พบปัจจัยใดที่ทำให้คนไทยมีความสุขต่ำกว่า 5.00 คะแนน แม้แต่สถานการณ์การเมืองโดยภาพรวมยังอยู่ที่ 5.17 คะแนน ดังนั้น การชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง การปรับคณะรัฐมนตรีและข่าวความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมาในรอบปีนี้จึงไม่มีผลกระทบฉุดความสุขของคนไทยลงแต่อย่างใด เพราะคนไทยเริ่มปรับตัวได้กับปัญหาทางการเมือง ถ้าความขัดแย้งต่างๆ ทางการเมืองไม่ลุกลามบานปลายไปสู่การใช้ความรุนแรง จึงน่าจะทำให้คนไทยทั้งประเทศช่วยกันประคับประคองสถานการณ์บ้านเมืองให้ผ่านพ้นไปสู่การมีเสถียรภาพและความมั่นคงของประเทศร่วมกันมากกว่าการสร้างเงื่อนไขแห่งความขัดแย้งและนำประเทศชาติไปสู่วิกฤติการณ์ซ้ำซากที่มีเพียงคนกลุ่มน้อยที่ได้ประโยชน์เท่านั้น
นอกจากนี้ ปัจจัยอื่นๆ ที่มีค่าความสุขสูงขึ้นมาเช่นกัน ได้แก่ หน้าที่การงาน การประกอบอาชีพที่ทำอยู่ในปัจจุบันได้ 6.99 คะแนน การเข้าถึงการบริการทางการแพทย์ที่ดีที่ได้รับ 6.98 คะแนน สภาพแวดล้อมที่พักอาศัย เช่น ถนน ไฟฟ้า น้ำประปา โทรศัพท์ 6.89 คะแนน วัฒนธรรมประเพณีไทยในปัจจุบันได้ 6.81 คะแนน
เมื่อพิจารณาคุณภาพโรงเรียนใกล้บ้านได้ 6.64 คะแนน ภาพลักษณ์ของประเทศไทย คนไทย เด็กไทยในสายตาต่างชาติได้ 6.03 คะแนน เมื่อนึกถึงฐานะทางการเงิน เรื่องค่าครองชีพของคนในครอบครัวได้ 5.98 คะแนน ความเป็นธรรมในสังคมได้ 5.77 คะแนน เมื่อนึกถึงสภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยรวม ได้ 5.73 คะแนน และแม้แต่เมื่อนึกถึงคุณภาพนักการเมืองไทย จริยธรรมของนักการเมืองยังได้เกินครึ่งคือ 5.24 คะแนน ตามลำดับ
ที่น่าสนใจคือ เมื่อถามถึงรูปแบบของความสำนึกรู้คุณแผ่นดินที่นึกถึงเป็นอันดับแรกของคนไทย พบว่า ร้อยละ 43.8 นึกถึง การแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ รองลงมาคือ ร้อยละ 15.7 นึกถึงความรักความสามัคคีของคนในชาติ ไม่ทำร้ายกันเอง ร้อยละ 13.6 นึกถึงความซื่อสัตย์สุจริต ร้อยละ 10.1 นึกถึงการรักษาป่า รักษาแหล่งน้ำ ร้อยละ 8.3 นึกถึงการประหยัด ใช้จ่ายอย่างพอเพียง ร้อยละ 5.2 นึกถึงการรักษาประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ในขณะที่ร้อยละ 3.3 นึกถึงอื่นๆ เช่น การมีจิตใจงาม ความกตัญญู และการช่วยเหลือเกื้อกูลกันของคนในชาติ เป็นต้น
ผอ.ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน กล่าวว่า บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาและคนไทยส่วนใหญ่ทั้งประเทศก็กำลังปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ การช่วยเหลือกันในการประคับประคองให้ประเทศชาติผ่านพ้นปัญหาอุปสรรคต่างๆ กำลังเป็นสิ่งท้าทายและเป็นบททดสอบภาวะความเป็นผู้นำที่สำคัญของประชาชนทุกคนในชาติ ปัญหาบ้านเมืองจึง “ไม่ใช่” บทพิสูจน์ภาวะความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว ดังนั้น ประชาชนทุกคนต้อง “ตื่น” ขึ้นเพื่อเฝ้าระวังรักษาความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติเอาไว้ให้ได้
ศูนย์วิจัยความสุขชุมชนจึงตัดสินใจร่วมกับภาคีเครือข่ายเชิญชวนนักเรียน นักศึกษา พ่อแม่ผู้ปกครอง ข้าราชการ ศิลปิน ดารานักแสดง กลุ่มนักธุรกิจและประชาชนทุกหมู่เหล่าเข้าร่วมประกวดภาพยนตร์โฆษณาหนังสั้นในหัวข้อเรื่อง “สำนึกรู้คุณแผ่นดิน” โดยจะมีการจัดเวทีสาธารณะชื่อ “สตื่น” แถลงข่าวให้ทราบทั่วกันในวันพุธที่ 31 ตุลาคมนี้ เวลา 13.30 น. ณ บริเวณลานหน้าโรงภาพยนตร์ ชั้น 7 ห้างเซ็นทรัล พระราม 9
“และในวันนั้นทุกคนจะถอดหัวโขนออกไปร่วมงานกันด้วยความรักความสามัคคีช่วยเหลือเกื้อกูลต่อกันในฐานะประชาชนคนไทยธรรมดาทั่วไปเพื่อจะได้ก้าวเข้าสู่โหมดของการตื่นจากหลับขึ้นมาช่วยกันดูแลรักษา DNA ของความเป็นคนไทยให้เข้มแข็งทำให้ทุกคนในสังคมไทยอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขร่มเย็นและปกป้องผลประโยชน์ของตนเองและประเทศชาติเอาไว้ตลอดไป โดยหวังว่าประชาชนทุกคนที่มีจิตศรัทธารักประเทศชาติจะเข้าร่วมกิจกรรมในโครงการ “สำนึกรู้คุณแผ่นดิน” ครั้งนี้” ดร.นพดล กล่าว.