ไม่ว่าจะเจริญ หรือ ด้อยพัฒนา แค่ไหน ย่อมต้องมี "เมืองหลวง"
สำหรับประเทศไทย ตั้งแต่สมัยยังมีชื่อประเทศ เป็น สยาม จนมาเปลี่ยนเป็นประเทศไทย
เมืองหลวงคือ
กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยามหาดิลก
ภพนพรัตน์ราชธานี บุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์
มหาสถาน อมรพิมาน อวตารสถิตย์ สักทัติยะ วิษณุกรรมประสิทธิ์
เมืองหลวงแห่งนี้ตั้งขึ้นตั้งแต่สมัย สมบูรณาญาสิทธิราชย์ โดย รัชกาลที่ 1 เป็นผู้ตั้ง
จนกระทั่งถึงปัจจุบัน
ความเป็นเมืองหลวง มีลักษณะสำคัญอย่างยิ่งนั่นก็คือ
เป็นเมืองที่เป็นศูนย์รวมของอำนาจ การปกครองทั้งหมด
ซึ่งของไทยก็คือ อำนาจ บริหาร นิติบัญญัตติ และ ตุลาการ
โดยศูนย์รวมของอำนาจทั้งหมด และศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งมวล
ก็คือ พระบรมมหาราชวังและพระศรีรัตนศาสดาราม และ องค์พระมหากษัตริย์ ได้ทรงประทับอยู่
นั่นคือ
กรุงเทพฯ ไม่ได้เป็นแค่ศูนย์รวมของอำนาจบริหารเท่านั้น ยังเป็นศูนย์รวมของจิตใจคนทั้งชาติอีกด้วย
ตั้งแต่ตั้ง กรุงเทพฯ มา ไม่มีใครคิดเรื่อง "ย้ายเมืองหลวง"
จนกระทั่ง รัฐประหารแย่งอำนาจกษัตริย์เกิดขึ้น เมื่อ 2475 แล้วยัดคำว่า ประชาธิปไตย เข้าสู่ปากคนไทย
ยุคของ จอมพล ป. ประวัติศาสตร์ได้จารึกไว้ว่า มีความตั้งใจที่จะ "ย้ายเมืองหลวง"
พูดถึงความจงรักภักดีของ จอมพล ท่านนี้ เราก็พอจะรู้ว่า มีมากมายจนหาแทบไม่ได้แค่ไหน
นี่คือ คนแรก
คนต่อมา ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็นยุคของ บิ๊กจิ๋ว เป็นนายก แต่ก็เป็นข่าวเล็กๆ ไม่เป็นกระแสใหญ่โต
จนมาเป็นกระแสใหญ่โต ในสมัย ของ ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายก
มีความตั้งใจและมีกระแสข่าวออกมากันอย่างมากมาย
ส่งผลให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ ก่น ด่า กันอย่างใหญ่หลวง
จนต้องพับโครงการไป
จากนั้นก็ไม่มีใครชูประเด็นนี้อีก จนกระทั่ง
เมื่อโดนปฏิวัติ แล้วเผาเมืองกลับมาเป็นรัฐบาลได้อีกครั้ง
ก็มีกระแส การผลักดันการย้ายเมืองหลวง ทันทีตั้งแต่เริ่มตั้นตั้งรัฐบาลเสร็จ
คำถามคือ "ทำไมถึงกระตือรือร้นต้องรีบย้ายเมืองหลวงกันขนาดนี้"
มีคำตอบและเหตุผลดีๆมากมาย ที่ออกมาทางหน้าสื่อ ให้คนหลงคารมว่ามันดีจริงๆ
แต่ก็มีบางเหตุผลที่ คนรักเมืองหลวง ได้นั่งคุยและวิเคราะห์กัน
นั่นคือ
การย้ายเมืองหลวง เป็นการสถาปนา ศูนย์กลางอำนาจใหม่ อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด นั่นเอง
1.ฐานมวลชน
เพราะฐานมวลชนใน กทม. ส่วนใหญ่เป็นคนที่ใกล้ชิดข่าวสาร สามารถเสพข่าวสารได้อย่างอิสระ
จึงทำให้ รู้ทันเล่ห์กล นักการเมืองที่เลว และ คอรัปชั่นได้
เปรียบเสมือน คนอยู่ในที่สว่าง ย่อมมองเห็นว่า คนไหนสกปรก ได้เต็มตา
การล้างสมองหรือโฆษณาชวนเชื่อ คนในเขตกทม. ทำได้ยาก
นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ ทำไม พื้นที่ กทม. ถึงไม่ค่อยมีพรรคการเมืองชั่วๆเข้ามาแย่งพื้นที่ได้
เลือกตั้งกี่ครั้ง พื้นที่นี้ ไม่เคยผงาดเข้ามาได้เลย
แม้ว่าต่างจังหวัดจะกวาดได้เยอะแยะ
แต่พื้นที่นี้ กลับไม่เคยกวาดได้
แพ้ แมงสาป ทุกที
หนำซ้ำ เมืองหลวงนั้น จะเป็นที่งบประมาณ เข้าไปมากที่สุด
โปรเจ็คท์ต่างๆ ก็จะเน้นที่เมืองหลวงมากที่สุด
น้ำลายไหลยืด อยากกินก็ไม่ได้กิน
การย้ายเมืองหลวงนั้น สามารถสร้างฐานมวลชนใหม่ได้ง่ายกว่ามาก
แถมจะสามารถอ้างความเป็นเมืองหลวง สวาปามงบประมาณได้เต็มที่
ฉะนี้แล้ว ใยไม่รีบย้ายเสียตั้งแต่ตอนนี้เล่า
2.การป้องกันการปฏิวัติ รัฐประหาร
การย้ายเมืองหลวง ย่อมสามารถวางรูปแบบเมืองได้
หน่วยทหารที่จะเข้าไปอยู่ในเมืองหลวง
ก็ย่อมที่จะสามารถเลือกได้เต็มที่ว่าจะให้อยู่ในพื้นที่ไหน
พื้นที่ไหนปลอดภัย พื้นที่ไหนป้องกันรถถังได้ดี
เมื่อเกิดการปฏิวัติ จะต้านกองกำลังปฏิวัติได้ที่จุดไหน
นี่คือข้อได้เปรียบอย่างมากที่จะเกิดขึ้น เมื่อย้ายเมืองหลวง
เมื่อมันดีขนาดนี้ การย้ายเมืองหลวงจึงถูกนำมาผลักดันอยู่เรื่อยๆ
โดยเฉพาะ รัฐบาลขี้ฉ้อ คอรัปชั่น ที่กลัวโดนปฏิวัติ
3. เก็งกำไร
ข้อดีที่จะได้อีกประการหนึ่งก็คือ การเก็งกำไร
บทเรียนจาก สนามบินสุวรรณภูมิ
มีคนไปกว้านซื้อที่ตั้งแต่สมัย จอมพลสฤษฎ์ ธนรัช
เก็บที่ดินผ่านมาหลายชั่วอายุคน ก็ไม่สามารถสร้างได้
เพราะเป็นที่ Flood Way พระราชดำริ
ไม่มีใครที่มองไม่เห็นความสำคัญของ Flood way ที่จะปกป้องเมืองหลวงไม่ให้โดนน้ำท่วม
แต่สิ่งเหล่านี้ ไม่มีในตัวของทักษิณ
ผลของมันก็คือ สนามบินสร้างได้ใหญ่โต พร้อมกับพื้นที่หมู่บ้านจัดสรร
คนซื้อที่เอาไว้ ก็ได้กำไรมหาศาล
แต่ น้ำที่จะต้องผ่าน Flood way ก็ไม่สามารถผ่านไปได้
และเอ่อท้นท่วม กทม.ฝั่งตะวันตกเสียราบ ท่วมไปเป็นเดือน
การย้ายเมืองหลวงก็เช่นกัน
ป่านนี้ ที่ดิน ในพื้นที่ จังหวัดที่คาดว่า จะมีการไปตั้งเมืองหลวงใหม่
คงจะอยู่ในมือของ นักการเมืองหลายตัวแล้ว
ไม่ต้องเดา เมืองหลวงใหม่ สร้างศูนย์ราชการ โรงพยาบาล ใหม่ๆ และใหญ่ๆ อีกเพียบ
เตรียมตัวรวย กันได้เลย
เมื่อมีแต่ได้กับได้
ทำไมจึงไม่เดินเรื่องให้เสร็จสิ้นไปเลย
คำถามประจำกระทู้นี้คือ
ท่านทราบหรือไม่
ทำไมถึงไม่สามารถผลักดัน "โครงการย้ายเมืองหลวง" นี้ได้เสียที????
Edited by มังกือดำ, 9 November 2012 - 09:15.