เปิดใจ "สมจิตต์ นวเครือสุทร" เราปล่อยให้คนโกหกออกทีวีทุกวันไม่ได้
#1
ตอบ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 10:25
- paper punch and whiskypeak like this
[color=#000080;]เมื่อมั่งมี...มากมาย...มิตรหมายมอง[/color][color=#800000;] เมื่อหม่นหมอง...มิตรมอง...เหมือนหมูหมา[/color][color=#800080;]เมื่อไม่มี...หมดมิตร...มุ่งมองมา[/color][color=#ff0000;]เมื่อมอดม้วย...แม้หมูหมา...ไม่มามอง[/color]
#2
ตอบ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 10:36
"When injustice becomes law, resistance becomes duty." - Thomas Jefferson
"เมื่อผู้รักษากฎหมายอยู่ฝ่ายเดียวกับโจร การประจานจึงกลายเป็นภารกิจ" - Me.
#4
ตอบ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 10:40
#5
ตอบ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 10:46
ไม่ได้เนื้อหาสาระอะไรเลย...........ก็ไม่รู้นักข่าวพวกนี้จะทนสัมภาษณ์........กันไปอยู่ทำไม.............อยู่ได้.................
หรือเขาจ้าง.............ให้มาสัมภาษณ์........??????????????
#6
ตอบ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 10:51
โห...นี่มันสเปคเสื้อแดงเลยนะครับคุณสมจิตร.....ในบอร์ดแห่งนี้ก็มี
ขอชื่นชมใจคุณในการทำหน้าที่นักข่าว...ที่ไม่ยอมแพ้แก่คำลวงของนักการเมือง
- ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่, คนสับปะหลี้, kokkai and 1 other like this
#7
ตอบ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 10:51
POPULAR
เป็นบทสนทนาที่บางจังหวะ นักข่าวสาวก็แจ้งนักการเมืองคนดังกล่าวไปว่า ปรักปรำเธอแบบนี้ไม่ได้ การสัมภาษณ์ก็ยังดำเนินไป
จน ภายหลังมีรายงานข่าวครึกโครมตามมาแบบไม่มีภาพเคลื่อนไหวว่า พอเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์เธอเดินปรี่ตามนักการเมืองคนดังกล่าวเข้าไปถามด้วย วลี หนูว่าท่านว่าเป็นขี้ข้า...หมิ่นประมาทไหม..??
ในวันที่ 2 อาชีพ “นักการเมือง” และ “ผู้สื่อข่าว” ต้องทำงานร่วมกันแบบชั่วฟ้าดินสลาย กำลังขัดแย้งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
ไทย รัฐออนไลน์มีโอกาสได้พูดคุยกับ น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร นักข่าวสายการเมืองจอมเก๋าสังกัดช่อง 7 สี ถึงเรื่องราวเบื้องหลังดังกล่าว ยังพาไปรู้จักตัวตนกับนักข่าวสายการเมือง ที่ว่ากันว่านักการเมืองกลัวคำถาม ตรงๆ จี้ใจดำมากที่สุดคนหนึ่งในวงการ!!
Q : กรณีทะเลาะกันกับนักการเมืองคนนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น..?
A : มัน ไม่ใช่เรื่องการทะเลาะ (เสียงเข้ม) มันเป็นการทำหน้าที่ แต่เพียงว่าปฏิกิริยาที่ตอบโต้ จากแหล่งข่าวจะเป็นอย่างไรมันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน บางคนอาจจะมีวิธีเลี่ยง บางคนก็อาจจะมีวิธีเหมือนกับขู่ บางคนก็อาจจะใช้วิธีเปลี่ยน หรือเลี่ยงประเด็นไปเลย และสิ่งที่เขาทำที่เป็นข่าวล่าสุดก็เป็นบุคลิกของนักการเมืองคนนี้
Q : ตลอดระยะเวลาที่เป็นนักข่าวเจอกับนักการเมืองที่เป็นข่าวนี้มากี่ปีแล้ว..?
A : 20 ปี แล้วค่ะ ตั้งแต่เข้ามาการเมือง เข้ามาทำข่าว
Q : วิธีการที่นักการเมืองคนนี้ใช้กับนักข่าวก็ยังเป็นแบบนี้อยู่เหมือนเดิม..?
A : จริงๆ แล้วช่วงที่เราเข้ามาทำข่าวใหม่ๆ แล้วเขาเป็นรัฐมนตรี ยังเป็นคนมาเล่าว่าใน ครม.มีการประชุมกัน แล้วก็พูดว่าให้ระมัดระวังนักข่าวคนนี้ นักการเมืองคนนี้ยังพูดใน ครม. เลยว่านักข่าวคนนี้เป็นคนตรงไปตรงมา ไม่มีนอกไม่มีในอะไรหรอก เขาทำตามหน้าที่
Q : ฟังเหมือนเขาเข้าใจหน้าที่ แต่ครั้งนี้ทำไมออกมาในรูปแบบนี้ ..?
A : ไม่ ทราบค่ะ มันอาจจะเป็นเพราะว่าคำถามที่เรายิงไปมันมีผลกระทบต่อจิตใจ และที่สำคัญไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากตอบก็เลยทำให้ภาพมันออกมาแบบนั้นถามว่า เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไหม ไม่เสียใจแม้แต่นิดเดียวเลยค่ะ ส่วนกลัวไหม ก็ไม่กลัว จริงๆ ตอนนั้นที่เขาพูดว่าเราเป็นฝ่าย ปชป. การกระทำแบบนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้เราสัมภาษณ์เขาจะพยายามโยงเราไปพวก ปชป.ตลอดเวลา แล้วมันก็เป็นการชี้นำผ่านสื่อทีวีมากมายสื่อออกไป ที่ว่านักข่าวคนนี้เลือกข้างโดยที่เราไม่มีสิทธิ์ได้ชี้แจงอะไร แต่เขากล่าวหาเรามันผ่านสื่อทุกช่องเลย แล้วถ้ายิ่งไปเปิดทีวีฝั่งคนสนับสนุนพวกเขาจะยิ่งเกลียดเรามากขึ้นแน่นอน ทั้งๆ ที่เราไม่คิดว่าต้องเป็นศัตรูกัน เรายังเคยฝากน้องที่ช่อง 7 ที่ สนิทกับนักการเมืองคู่กรณีไปบอกว่าเวลาที่สัมภาษณ์ไม่ต้องเรียกชื่อเราออก ทีวีก็ได้ เพราะว่าสิ่งที่เขาทำมันส่งผลกระทบเหมือนกับผลักให้เราไปอยู่อีกข้างหนึ่ง ซึ่งนักการเมืองคู่กรณีก็รู้อยู่แล้วว่าเราไม่ได้เป็นแบบที่เขากล่าวหา เรายังฝากบอกต่อไปตลอดเลยว่า ถ้ายังทำแบบนี้อยู่อีกเราจะฟ้อง
หลัง จากนั้นก็เพิ่งมาเจอสัมภาษณ์ที่เป็นข่าวออกไปแล้วมันรุนแรงกว่าที่ผ่านๆ มา คือแบบเย้ยหยัน แล้วก็ใช่คำว่า “ฝักใฝ่” ย้ำแล้วย้ำอีก เพราะ “ฝักใฝ่” ตอนนั้นเราถึงพูดเรื่องฟ้องว่าหนูฟ้องท่านได้นะ เพราะว่าถือว่าได้สื่อสารกับเขาไปแล้วตั้งแต่ต้นว่า อย่าทำแบบนี้อีกเลยมันไม่ดีแต่ก็ยังทำอีก ตอนนั้นก็คิดว่ากำลังทำหน้าที่อยู่ก็ทำมันจนจบ ปล่อยให้เขาว่าเราไปเรื่อยๆ เขาเป็นรัฐมนตรีก็ต้องให้เกียรติเขาด้วย ไม่ว่าเขาจะเป็นคนยังไงก็ต้องให้เกียรติเพราะเขาเป็นรัฐมนตรี เป็นรองนายกฯ ของประเทศนี้
Q : ในข่าวบอกคุณรอจนทำหน้าที่สัมภาษณ์เสร็จ ..?
A : ใช่, หลังจากสัมภาษณ์เสร็จถึงรอให้เขาเซ็นชื่อ จึงเปิดประตูออกเพราะว่าเรารู้สึกว่า เราถูกกระทำโดยไม่ยุติธรรม ต้องปกป้องสิทธิ์ของตัวเองที่สำคัญเราควรที่จะต้องทำให้คนที่มีอำนาจรู้ว่า เขาไม่สามารถที่จะใช้อำนาจทำอะไรกับประชาชนก็ได้ เพราะทุกคนมีสิทธิทางกฎหมายที่เท่าเทียมกัน เราถึงถามเขาว่า แล้วท่านบอกว่าการฝักใฝ่ ปชป.ไม่หมิ่นประมาทเนี่ย แล้วถ้าหนูเรียกพี่ว่าเป็น ขี้ข้าทักษิณ หมิ่นประมาทไหม เขาก็หน้าตกใจ เขาบอกแบบนี้หมิ่นประมาท เราก็เลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นท่านก็มีสิทธิตามกฎหมาย ไปแจ้งความ สน.ดุสิต เหมือนที่ท่านแนะนำให้หนูไปทำเราเพียงแค่ต้องการสื่อสารว่า คนทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย แล้วอย่ามารังแกกัน อย่ากระทำกัน แล้วทุกคนมีสิทธิที่จะต้องปกป้องตัวเองได้
Q : หลังจากนี้จะดำเนินการต่ออย่างไร ฟ้องร้องหรือไม่..?
A : ไม่ค่ะ เพราะถือว่าเราก็ได้ว่าเขาไปแล้ว เว้นแต่ว่าถ้าเขาฟ้อง เราก็ฟ้องกลับ ในข้อหาเดียวกันด้วย
Q : คุณเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า นักข่าวไม่สมควรแค่ตั้งคำถาม แต่เราต้องหาความจริงด้วย วันนี้ยังยืนยัน และรู้สึกอย่างนั้นอยู่ไหม..?
A : ใช่ ค่ะ แล้วทุกวันนี้ที่สังคมมีปัญหาแยกถูกผิดไม่ได้ ก็เพราะสื่อมวลชนถามหาแต่ความเห็น แต่ไม่ให้ความจริงกับประชาชน ซึ่งวันนี้เราก็ยังยืนยันว่าจะทำอย่างนั้นอยู่ แล้วก็อยากจะตั้งความหวังให้สื่อมวลชนกลับมาทบทวนตัวเองว่าเราคือส่วนนึงที่ ทำให้สังคมนี้แตกแยกหรือเปล่า เช่น “การนำเสนอคำพูดคนโกหกทุกวัน จนแม้กระทั่งประชาชนแยกแยะไม่ได้ว่านี้คำโกหกหรือความจริง มันก็เหมือนกับการให้ยาพิษกับประชาชนทุกคน ค่อยซึมไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวันนี้เขาก็แยกไม่ออก เหมือนเรื่องชายชุดดำมันเป็นได้ยังไงในสังคมนี้ เห็นกันชัดเจนขนาดนั้น ต้องมานั่งถกเถียงว่ามีหรือไม่มี เป็นเพราะว่าคนที่เขาคิดที่จะเปลี่ยนแปลงเขารู้ข้อจำกัดของคนไทยว่าไม่อ่าน แล้วก็เชื่อคนง่ายฟังคนเชื่ออย่างเดียวไม่อ่านไม่ค้นคว้า เพราะฉะนั้นนี่ก็เป็นอันตรายที่สุดแหละสำหรับสังคมในขณะนี้
Q : ในสนามเวลาสัมภาษณ์เวลายิงคำถามตรงๆ คุณดูแปลกแยกกับนักข่าวคนอื่นที่มักจะเออออตามนักการเมืองบ้างไหม..?
A : เราไม่รู้ว่าแต่ละคนคิดยังไง แต่ส่วนตัวไม่คิดอะไร เราทำหน้าที่เสร็จก็จบ
Q : ตั้งแต่เกิดเรื่องกรณีล่าสุดผู้บริหารหรือหัวหน้าข่าวในสังกัดคุณต่อว่าอะไรบ้างไหม..?
A : ยังไม่มีอะไรเลย
Q : หลังจากนี้เราก็ยืนยันที่จะทำหน้าที่เหมือนเดิม ดุดัน ถามตรงๆ ตีแสกหน้า..?
A : ใช่ค่ะ
Q : ถามถึงกรณีคดีเสื้อแดงส่ง E-mail ข่มขู่ เรื่องฟ้องร้องไปถึงไหนแล้ว..?
A : วัน ที่ 6 ธันวาคม นี้ ศาลแขวงดุสิตจะตัดสินค่ะว่า จะรับฟ้องไว้รึเปล่า ซึ่งความตั้งใจของเราก็คือจะสู้กันถึงที่สุดไม่ยอมความแน่นอน เพื่อที่จะบอกให้ทุกคนรู้ว่ามันมีความถูกความผิดอยู่ แล้วแต่ละคนจะต้องมีความยับยั้งชั่งใจก่อนที่จะทำให้คนอื่นเดือดร้อน ฉะนั้นเมื่อจบคดีนี้เขาอาจจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยก็ได้ สมมติถ้าตัดสินว่าผิดยังไงก็ไม่ติดคุก เพราะมันลหุโทษ และเขาก็ไม่เคยทำความผิดก็รอลงอาญากันไป เพียงแต่เราอยากจะบอกกับสังคมว่า คนไทยไม่ค่อยคิดจะรักษาสิทธิของตัวเองแล้วบางทีมันกลายเป็นความเคยชิน ที่ทำให้ถูกกระทำแล้วกลายเป็นปมในใจของตัวเอง ทั้งที่จริงๆ แล้วเราสามารถลุกขึ้นมาปกป้องตัวเองได้ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม และปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมมันคือกฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย ก็อยากให้กฎหมายมันมีความศักดิ์สิทธิ์ อยากสื่อสารไปยังคนที่ใช้กฎหมู่ได้รู้ว่า เขาต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย
Q: รู้สึกอย่างไรกับคำว่าฝักใฝ่ประชาธิปัตย์ที่นักการเมืองคนดังกล่าวพูดตีตราให้คุณ...?
A : เขาอยากพูดอะไรก็พูดได้หมดนะคะ แต่ว่าในการเป็นนักข่าวเราต้องยอมรับความจริงว่า ไม่ว่าเราจะประจำอยู่ที่ไหนก็ตาม ไม่ว่าจะยาวนานแค่ไหน มันต้องมีความสนิทสนมกับแหล่งข่าวเป็นเรื่องปกติ แต่ว่าต้องบอกก่อนเลยว่าเราไม่เชื่อเรื่องความเป็นกลาง ในเรื่องความรู้สึก ความเป็นกลางไม่มีในเรื่องของความถูกความผิด แต่ความเป็นกลางต้องมีในการนำเสนอข้อเท็จจริงนั่นคือต้องแยกแยะได้ระหว่าง การทำงาน แล้วก็เรื่องส่วนตัว
Q : ตกลงฝักใฝ่ประชาธิปัตย์หรือไม่...?
A : เรา ทำงานประจำพรรคนี้ แต่เราไม่ใช่คนของพรรค และก็ไม่ได้ประจำที่พรรคนี้อย่างเดียวเราอยู่ที่สภาอยู่องค์กรอิสระ ตั้งหลายปี ซึ่งการกล่าวหาแบบนี้น่าจะมาจากกรณีที่เราเขียนหนังสือถึงคุณอภิสิทธิ์ 2 เล่ม เล่มหนึ่งมันก็คือเรื่อง ใครว่าผมอภิสิทธิ์ กับอีกเล่มหนึ่ง อภิสิทธิ์ คนเดิมบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ตรงนั้นมันก็เป็นการเขียนในเชิงเล่าประสบการณ์ข่าวจากการทำงานของเรา ในมุมมองของนักข่าวที่มองคุณอภิสิทธิ์ ว่าเป็นอย่างไร
ตอนเขียน หนังสือเล่มแรก ก็คิดอยู่นานเหมือนกันว่า เราจะต้องถูกผลักมาว่าชื่นชมพรรคนี้เป็นพิเศษ แล้วเรายังเขียนไว้ในคำนำว่า “สิ่งที่เขียนตรงนี้มันอาจส่งผลกระทบให้คนมองเราไปในแง่แบบนั้น” แต่เราคิดว่า มันเป็นมุมมองที่ไม่เคยปรากฏในสาธารณะ กับคนที่เคยเขียนถึงคุณอภิสิทธิ์ อย่างเรื่องใครว่าผมอภิสิทธิ์ทุกคนที่อ่านจะบอกว่าเหมือนคุณอภิสิทธิ์ จับต้องได้ จากเดิมที่แบบเหมือนเป็นนักการเมือง คิดว่าเราอยากเขียนในมุมมองที่มันแตกต่างไปจากส่วนอื่น ๆ จริง ๆ เราก็ไม่ได้เขียนถึงคุณอภิสิทธิ์คนเดียว พี่เขียนถึง คุณกรณ์ จาติกวณิช แล้วก็เขียน เรื่องไอ้ชาติหมาอีกเรื่องนึง แต่ถ้าถามว่าจะให้เราไปเขียนเรื่องพรรคเพื่อไทยได้ไหม เป็นไปไม่ได้หรอก เพราะเราไม่มีความรู้เกี่ยวกับตัวเขา ไม่ได้อยู่กับเขา ไม่รู้ว่าเขาเป็นยังไง
Q : เป็นคนถามแรงๆ แบบนี้ถูกคุกคามบ้างไหม..?
A : ช่วง เสื้อแดงมี แต่ตอนนี้ไม่มีค่ะ ถามว่าต้องระวังตัวไหมก็ปกติ แต่ก็มีครอบครัวเป็นห่วงบ้าง แต่ไม่ถึงขั้นเตือนให้เลิกอาชีพนี้ จริงๆ เขาเตือนตั้งแต่คดีที่เราไปฟ้องเรื่องอีเมล์ข่มขู่แล้วว่าไม่อยากให้ฟ้อง แต่พอเราอธิบายให้ฟัง เขาก็พูดคำนึง "แม่อยู่ข้างลื้อ" เราก็ชื่นใจ แต่วันเกิดเรื่องกับนักการเมืองล่าสุดกลับไปบ้านปุ๊บเขาก็บอกว่า "เอาอีกแล้ว" แล้ว (หัวเราะ) แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
Q : เป็นสื่อที่อยู่ระหว่างเขาควายแบบนี้ เคยเบื่อ หรือถึงขั้นคิดจะเลิกอาชีพนี้ไหม..?
A : ไม่เคยเบื่อเลยค่ะ อยากทำจนกระทั่งไม่มีแรงทำ ทำจนกว่าเราจะเกษียณ ตอนนี้อายุ 43 ปี
Q : อยู่ในวงการมานาน ยุคไหนในสายตาคุณที่ถือว่าสื่อโดนบีบมากที่สุด..?
A : ยุค นี้ (ตอบเร็ว) เราคิดว่าเป็นยุคที่เลวร้ายที่สุดของสื่อ เพราะว่าในช่วงของอดีตผู้นำพลัดถิ่นมันอาจจะเป็นช่วงที่เรียกว่าแทรกซึม แทรกแซง แต่ว่าในยุคปัจจุบันมัน แทรกซึม แทรกแซง แทรกซื้อ และสมยอม ไอ้การสมยอมคืออันตรายที่สุดของสังคม เพราะมันให้ข้อมูลที่เป็นเท็จกับประชาชนทุกวันๆ อย่างที่พูดว่ามันเป็นเหมือนยาพิษ แล้วประชาชนก็แยกแยะผิดถูกไม่ได้ จริงๆแล้วอยากให้สื่อมวลชน โดยเฉพาะองค์กรที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวิชาชีพอย่างเราได้ลองทบทวนดูว่า มันควรมีอะไรบ้างที่ควรทำอย่างจริงจังให้เป็นรูปธรรม
อย่างเช่น บอยคอตได้ไหมนักการเมืองคนนี้โกหกทุกวัน ไม่สัมภาษณ์ 7 วัน เพื่อให้เห็นว่า คนๆ นี้เป็นอย่างไร แล้วให้สังคมได้เห็นแต่ว่า มันคงเกิดขึ้นไม่ได้ แต่เราคิดว่ามันควรจะเป็น เพราะว่าอย่ามาอ้างคำว่าเป็นกลางมันเป็นกับดักให้ตัวเอง คนส่วนมากจะอ้างความเป็นกลาง บางคนก็อ้างเพราะว่าติดกับดักนี้จริงๆ บางคนก็อ้างเพื่อที่จะไม่ได้ต้องไปเจ็บตัว รู้มาก แต่จริงๆ แล้วการที่เราบอกว่าเราต้องเสนอความเห็นของคนคนนี้ทั้งๆ ที่เรารู้ ว่าเขาโกหกนั่นก็แสดงว่า เรากำลังทำผิดหน้าที่สื่อสารมวลชน ในฐานะที่เป็น Gatekeeper (Gatekeeper Theory ทฤษฎีผู้ปิดและเปิดประตูข่าวสาร) หรือ ประตูในการกลั่นกรองข่าวสารสังคมไทยตอนนี้ การกลั่นกรองข่าวน่ะมันเสียของดีของเสียไหลออกมาหมดเลย คนแยกไม่ออกว่าอะไรดี อะไรชั่ว
Q : ในมุมมองของคุณ นักข่าวที่ตั้งคำถามเพื่อค้นหาความจริงในวงการเราคิดว่าจะเหลือสักกี่เปอร์เซ็นต์...?
A : ไม่ ถึง 10 % ค่ะ แล้วพี่คิดว่าสื่อมวลชนยุคใหม่เรื่องที่น่าเสียดายอย่างหนึ่งคือเขาไม่ได้ คิดว่า “สื่อมวลชนคือวิชาชีพ แต่คิดว่ามันเป็นอาชีพ” ที่มีเงินเดือน ซึ่งตรงนั้นมันทำให้จิตวิญญาณในการที่จะตรวจสอบน้อยลง (เน้นเสียง) กลายเป็นทำหน้าที่เป็นแค่บุรุษไปรษณีย์ ในการที่จัดส่งสารเท่านั้นเอง หมดข่าวแล้วจบกัน ไม่ได้รู้สึกรู้ร้อนรู้หนาว ความเดือดร้อนของประชาชนไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดว่าประเทศกำลังจะล่มสลายหรือ เปล่า ถ้ามวลชนมีจิตวิญญาณที่คิดว่าประเทศเดือดร้อนไปกับความล้มเหลวของประเทศมัน จะเกิดคำถามขึ้นมา ด้วยตัวเอง มากกว่าที่จะต้องตั้งคำถามกับนักการเมือง แต่ตอนนี้เรามองไม่เห็นในนั้น
Q : อยากจะฝากอะไรกับนักการเมืองที่กลัวหรืออคติคุณบ้างไหม..?
A : ไม่, คิดว่านักการเมืองกลัวเรานะ แต่คิดว่าเขากลัวความจริง แค่อยากจะบอกว่าการทำหน้าที่ของสื่อก็มีสิทธิ์ที่จะถาม แต่ในขณะเดียวกันนักการเมืองมีสิทธิ์ที่จะไม่ตอบก็ได้ แต่ว่าต้องเคารพสิทธิ์ซึ่งกันและกันไม่ใช่มาคุกคามกัน อีกอย่างนึงก็คือว่าคนเป็นนักข่าวมีหน้าที่ตั้งคำถามเพื่อให้เกิดประโยชน์ กับประชาชน ไม่ได้มีหน้าที่ตั้งคำถามเพื่อเอาใจผู้นำประเทศ
- b..., Bookmarks, นายตัวเกร็ง and 12 others like this
#8
ตอบ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 11:03
#9
ตอบ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 11:05
#10
ตอบ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 11:15
#11
ตอบ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 11:22
เท่าขรี้เล็บทีนคุณสมจิตต์ไหมนะ !!
บอกได้คำเดียวว่าคุณ "สุดยอดม๊ากมากค่ะ"
#13
ตอบ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:33
ฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
#14
ตอบ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:41
ขอขอบคุณพี่ สิกรี ที่นำมาแปะให้ครับ
- kokkai likes this
[color=#000080;]เมื่อมั่งมี...มากมาย...มิตรหมายมอง[/color][color=#800000;] เมื่อหม่นหมอง...มิตรมอง...เหมือนหมูหมา[/color][color=#800080;]เมื่อไม่มี...หมดมิตร...มุ่งมองมา[/color][color=#ff0000;]เมื่อมอดม้วย...แม้หมูหมา...ไม่มามอง[/color]
#15
ตอบ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:50
ถามมาก็ตอบไปต่างคนต่างคนต่างทำหน้าที่ของกันและกันก็จบ กากเหลิมA : ไม่, คิดว่านักการเมืองกลัวเรานะ แต่คิดว่าเขากลัวความจริง แค่อยากจะบอกว่าการทำหน้าที่ของสื่อก็มีสิทธิ์ที่จะถาม แต่ในขณะเดียวกันนักการเมืองมีสิทธิ์ที่จะไม่ตอบก็ได้ แต่ว่าต้องเคารพสิทธิ์ซึ่งกันและกันไม่ใช่มาคุกคามกัน อีกอย่างนึงก็คือว่าคนเป็นนักข่าวมีหน้าที่ตั้งคำถามเพื่อให้เกิดประโยชน์ กับประชาชน ไม่ได้มีหน้าที่ตั้งคำถามเพื่อเอาใจผู้นำประเทศ
Edited by nnnn43, 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:57.
#16
ตอบ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:59
#17
ตอบ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:48
โกงชาวนา ฆ่าเด็กตาย ขายแผ่นดิน โคตรชั่วตระกูลชิน...!
#18
ตอบ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:56
ทุกวันนี้ที่นักการเมืองเลวๆ อยู่ได้ก็เพราะคนส่วนหนึ่ง (ที่เป็นฐานเสียง) ชอบฟังคำโกหกหลอกลวงและไม่สนใจที่จะค้นหาความจริง หรือแม้แต่รับทราบข้อมูลอะไรมาก็ไม่ใช้สติปัญญาคัดกรองเพราะจิตใจชอบคำโกหกมากกว่า ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่ควรจะแสวงหาความจริงด้วยปัญญา อย่างหวังเพียงแต่พึ่งพาผู้สื่อข่าวเท่านั้น เพราะผู้สื่อข่าวที่มีความคิดแบบคุณสมจิตต์คงเหลือน้อยเต็มที
- kokkai likes this
#20
ตอบ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 16:50
..............เยี่ยมมากครับ "หญิงเหล็กแห่งวงการข่าว"
- อู๋ ฮานามิ and kokkai like this
ขอเทิดทูนศักดิ์ศรียิ่งสิ่งใด
...แม้แต่ลมหายใจก็ยอมพลี
โลกยังไม่สิ้นหวัง ถ้ายังมั่นในความดี
...ศรัทธาไม่เคยหน่ายหนี คนดีไม่มีวันตาย
#21
ตอบ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 18:19
นักข่าว Blue Sky และ Tnews จำเอาไว้ เวลาสัมภาษณ์ปชป"นักข่าวมีหน้าที่ตั้งคำถามให้มีประโยชน์ ไม่ใช่มีหน้าที่ตั้งคำถามเอาใจใคร"
..............เยี่ยมมากครับ "หญิงเหล็กแห่งวงการข่าว"
#22
ตอบ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 18:39
อ้าว...เค้าก็ทำแบบนั้นกันอยู่แล้วนี่ครับ หรือว่าไม่จริง??นักข่าว Blue Sky และ Tnews จำเอาไว้ เวลาสัมภาษณ์ปชป
"นักข่าวมีหน้าที่ตั้งคำถามให้มีประโยชน์ ไม่ใช่มีหน้าที่ตั้งคำถามเอาใจใคร"
..............เยี่ยมมากครับ "หญิงเหล็กแห่งวงการข่าว"
ขอเทิดทูนศักดิ์ศรียิ่งสิ่งใด
...แม้แต่ลมหายใจก็ยอมพลี
โลกยังไม่สิ้นหวัง ถ้ายังมั่นในความดี
...ศรัทธาไม่เคยหน่ายหนี คนดีไม่มีวันตาย
#23
ตอบ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 18:44
ไอ้เป็ด ขี้แตกแน่นอน
5555+
#24
ตอบ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 19:07
นักการเมือง"เด็กเลี้ยงแกะ"....
นักการเมือง"กะล่อน"....
เห็นสองหญิง คนดี"
เหมือน"งูกลัวเชือกล้วย"......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...
#25
ตอบ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 19:10
"นักข่าวมีหน้าที่ตั้งคำถามให้มีประโยชน์ ไม่ใช่มีหน้าที่ตั้งคำถามเอาใจใคร"
..............เยี่ยมมากครับ "หญิงเหล็กแห่งวงการข่าว"
นักข่าว Blue Sky และ Tnews จำเอาไว้ เวลาสัมภาษณ์ปชป
หมูอวกาศอวดโง่ ไม่เข้าใจคำพูดของ"สมจิตต์"..........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...
#26
ตอบ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 19:10
#27
ตอบ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 19:13
ดาวสภา นึกว่าใคร อีห่าลาก นี่เอง โปรดฟังอีกครั้ง ดาวสภา !!!!!!!!
ไอ้แดงขยะ ไม่ผ่าน QC มาอีกแล้ว
#28
ตอบ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 20:00
ดาวสภา นึกว่าใคร อีห่าลาก นี่เอง โปรดฟังอีกครั้ง ดาวสภา !!!!!!!!
ใครสามารถแจ้งไปยัง ปชป. เข้าข่ายหมิ่นประมาทอย่างแรง
ฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
#29
ตอบ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 20:00
ดาวสภา นึกว่าใคร อีห่าลาก นี่เอง โปรดฟังอีกครั้ง ดาวสภา !!!!!!!!
ไม่เคยเห็นหล่ะสิ...อิจฉาเค้าด้วยอีกตะหาก หมูเอ๊ยยย
ขอเทิดทูนศักดิ์ศรียิ่งสิ่งใด
...แม้แต่ลมหายใจก็ยอมพลี
โลกยังไม่สิ้นหวัง ถ้ายังมั่นในความดี
...ศรัทธาไม่เคยหน่ายหนี คนดีไม่มีวันตาย
#30
ตอบ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 21:38
"นักข่าวมีหน้าที่ตั้งคำถามให้มีประโยชน์ ไม่ใช่มีหน้าที่ตั้งคำถามเอาใจใคร"
..............เยี่ยมมากครับ "หญิงเหล็กแห่งวงการข่าว"
คุณสมจิตต์อาจละไว้ในฐานที่เข้าใจ
แต่กับพวกขี้ครอกทักสิน ต้องบอกว่า
นักข่าวมีหน้าที่ตั้งคำถามให้มีประโยชน์กับประชาชน
เดี๋ยวพวกมติโจร สรย้วย พวกเด็กชงกาแฟทั้งหลายจะเข้าใจผิด
- RaRa likes this
It's us against the world
#31
ตอบ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 22:05
โถ มิง มันขี้ข้าไอ้นรกแม้ว เหมือนไอ้กากเหลิม นั้นแหละ ถุยดาวสภา นึกว่าใคร อีห่าลาก นี่เอง โปรดฟังอีกครั้ง ดาวสภา !!!!!!!!
#32
ตอบ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 22:54
แบบว่า โดนใจผมอย่างแรงง หลงรักเจ๊แกเต็มหัวใจ ^^ เพราะแกเล่น เอียงแบบเข้าข้างความถูกต้อง.. เยี่ยม!!
ถูกใจเสื้อแดง ของแพงไม่ว่า โดนโกงไม่ด่า ขอแค่ตระกูลชินนรกเป็น นายก พอ..
#33
ตอบ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 23:35
#34
ตอบ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 23:54
ถ้า "ขี้ข้าทักษิณ" เช็คสักนิดจะรู้ว่า "คนฝักใฝ่พรรค ปชป." คนนี้เคยถูกนำชื่อเข้าถกใน ครม.ของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ว่าเป็นนักข่าวที่ต้องระมัดระวังในการตอบคำถาม, เคยถูกผู้มีอำนาจพยายามย้ายไปให้พ้นบันไดทำเนียบรัฐบาล ในสมัยนายกฯบรรหาร, เคยถูกคนใกล้ชิดทักษิณ ขอร้องต้นสังกัด อย่าส่งตัวเธอมาทำข่าวที่ทำเนียบรัฐบาล และ เคยถูกอดีตนายกฯชวน ไล่ให้กลับบ้านไปถามข่าวกับพ่อแม่ช่วงที่มีปัญหา สปก.4-01...จดหมายเปิดผนึ
กของเธอวันนี้ บ่งบอกถึงระดับวุฒิภาวะ ที่ดูยังไงก็เหนือกว่า "ขี้ข้า" เสียดายที่สมาคมสื่อ หรือต้นสังกัดของคุณสมจิตต์ นวเครือสุนทร ไม่ทำหนังสือประท้วงคนที่กล่าวหาว่าเธอฝักใฝ่พรรคการเมือง อย่างเป็นทางการ แต่วันนี้เธอไม่โดดเดี่ยว มีเพื่อนๆที่ยืนเคียงข้างเธอขอแอดเป็นเพื่อนมากมาย (Mata Vayu)
จากเพจ Kanok-Ratwongsakul-Fan-Page
It's us against the world
#35
ตอบ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 00:05
นักข่าวสายการเมืองจอมเก๋าสังกัดช่อง 7 สี ถูกพูดถึงมากเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา กรณีขณะสัมภาษณ์รุกเร้าตามสไตล์อยู่ที่รัฐสภา พลันก็ถูกนักการเมืองรุ่นเก่าตีตราว่า ฝักใฝ่พรรคการเมืองฝั่งตรงข้าม ขณะถูกคำถามรุกหนักแบบที่เห็นจากภาพทางทีวีกันไปแล้ว
เป็นบทสนทนาที่บางจังหวะ นักข่าวสาวก็แจ้งนักการเมืองคนดังกล่าวไปว่า ปรักปรำเธอแบบนี้ไม่ได้ การสัมภาษณ์ก็ยังดำเนินไป
จน ภายหลังมีรายงานข่าวครึกโครมตามมาแบบไม่มีภาพเคลื่อนไหวว่า พอเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์เธอเดินปรี่ตามนักการเมืองคนดังกล่าวเข้าไปถามด้วย วลี หนูว่าท่านว่าเป็นขี้ข้า...หมิ่นประมาทไหม..??
ในวันที่ 2 อาชีพ “นักการเมือง” และ “ผู้สื่อข่าว” ต้องทำงานร่วมกันแบบชั่วฟ้าดินสลาย กำลังขัดแย้งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
ไทย รัฐออนไลน์มีโอกาสได้พูดคุยกับ น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร นักข่าวสายการเมืองจอมเก๋าสังกัดช่อง 7 สี ถึงเรื่องราวเบื้องหลังดังกล่าว ยังพาไปรู้จักตัวตนกับนักข่าวสายการเมือง ที่ว่ากันว่านักการเมืองกลัวคำถาม ตรงๆ จี้ใจดำมากที่สุดคนหนึ่งในวงการ!!
ทำยังไงครับ ก็อปไทยรัฐ
Edited by kwun, 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 00:07.
#36
ตอบ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 01:13
#37
ตอบ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 07:34
Ctrl C ครับ
นักข่าวสายการเมืองจอมเก๋าสังกัดช่อง 7 สี ถูกพูดถึงมากเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา กรณีขณะสัมภาษณ์รุกเร้าตามสไตล์อยู่ที่รัฐสภา พลันก็ถูกนักการเมืองรุ่นเก่าตีตราว่า ฝักใฝ่พรรคการเมืองฝั่งตรงข้าม ขณะถูกคำถามรุกหนักแบบที่เห็นจากภาพทางทีวีกันไปแล้ว
เป็นบทสนทนาที่บางจังหวะ นักข่าวสาวก็แจ้งนักการเมืองคนดังกล่าวไปว่า ปรักปรำเธอแบบนี้ไม่ได้ การสัมภาษณ์ก็ยังดำเนินไป
จน ภายหลังมีรายงานข่าวครึกโครมตามมาแบบไม่มีภาพเคลื่อนไหวว่า พอเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์เธอเดินปรี่ตามนักการเมืองคนดังกล่าวเข้าไปถามด้วย วลี หนูว่าท่านว่าเป็นขี้ข้า...หมิ่นประมาทไหม..??
ในวันที่ 2 อาชีพ “นักการเมือง” และ “ผู้สื่อข่าว” ต้องทำงานร่วมกันแบบชั่วฟ้าดินสลาย กำลังขัดแย้งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
ไทย รัฐออนไลน์มีโอกาสได้พูดคุยกับ น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร นักข่าวสายการเมืองจอมเก๋าสังกัดช่อง 7 สี ถึงเรื่องราวเบื้องหลังดังกล่าว ยังพาไปรู้จักตัวตนกับนักข่าวสายการเมือง ที่ว่ากันว่านักการเมืองกลัวคำถาม ตรงๆ จี้ใจดำมากที่สุดคนหนึ่งในวงการ!!
ทำยังไงครับ ก็อปไทยรัฐ
อย่าคลิกขวานะ เมื่อกดแล้วดูเหมือนไม่มีอะไร แต่มัน Copy เรียบร้อยแล้ว เอามา paste ได้เลย ด้วย Ctrl V
- kwun likes this
#38
ตอบ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 07:37
ดาวสภา นึกว่าใคร อีห่าลาก นี่เอง โปรดฟังอีกครั้ง ดาวสภา !!!!!!!!
เฮ้ย ตกลงพะจุณณ์เกษียณหรือโดนป๋าไล่ออกวะ ห๊า
หนูน้อยอาเลย์นา น่ารักจุงเบย
#39
ตอบ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 07:58
ในอดีตที่ผ่านมา เป็ดเหลิมกับนักข่าว 7 สี มีความสนิทสนม ลึกซึ้งกันมากถ้าเป็นสมัยนี้
ก็จะเรียกได้ว่าเป็น กิ๊ก คนรู้ใจกันมาก ก็ได้ ถึงขั้นที่ว่า เมีย ของ เป็ดเหลิม
เองก็รู้สึกไม่ค่อยจะสบายใจ ถึงขั้น ขอให้ ลูกๆของเป็ดเหลิม
เฝ้าติดตามความก้าวหน้าของคู่ เป็ดเหลิมกับนักข่าว 7 สี และมารายงานท่านแม่เป็นระยะๆ
เรื่องนี้ เจ็แดง แห่ง ช่อง 7 สี ในสมัยนั้น รู้ดีที่สุด เพราะ เจ็แดง แห่ง ช่อง 7 สี
จะอาศัยขุมข่ายสายข่าวของ ช่อง 7 สี ที่มีอยู่มากมายทั่วไทย
และ ความสันพันธ์ กับ เจ้าของสถานบันเทิง และ เจ้าของ ออกะไนเซอร์ อีเว้น ต่างๆ
คอยสอดส่อง ดารานักร้อง ในสังกัด ดาราวีดีโอ และนักข่าว ช่อง 7 สี
ที่อยู่ในความดูแลของ เจ็แดง ว่า ไปทำอะไรที่เป็นการสร้างความเสื่อมเสียให้กับ
สถานีโทรทัศน์ ช่อง 7 สี หรือไม่ หรือแม้กระทั่ง นักกีฬาไทย ที่ทาง สถานีโทรทัศน์ ช่อง 7 สี
เข้าำไปร่วมจัดรายการ กีฬามันส์ 7 สี หรือ ร่วมถ่ายทอดสดทาง
สถานีโทรทัศน์ ช่อง 7 สี เช่น นักกีฬาไทย ฟุตบอล วอลเลย์บอล กอฟล์ เป็นต้น
Edited by moonoi, 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 08:17.
#40
ตอบ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 07:59
หนูน้อยอาเลย์นา น่ารักจุงเบย
#41
ตอบ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 11:34
Ctrl C ครับ
นักข่าวสายการเมืองจอมเก๋าสังกัดช่อง 7 สี ถูกพูดถึงมากเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา กรณีขณะสัมภาษณ์รุกเร้าตามสไตล์อยู่ที่รัฐสภา พลันก็ถูกนักการเมืองรุ่นเก่าตีตราว่า ฝักใฝ่พรรคการเมืองฝั่งตรงข้าม ขณะถูกคำถามรุกหนักแบบที่เห็นจากภาพทางทีวีกันไปแล้ว
เป็นบทสนทนาที่บางจังหวะ นักข่าวสาวก็แจ้งนักการเมืองคนดังกล่าวไปว่า ปรักปรำเธอแบบนี้ไม่ได้ การสัมภาษณ์ก็ยังดำเนินไป
จน ภายหลังมีรายงานข่าวครึกโครมตามมาแบบไม่มีภาพเคลื่อนไหวว่า พอเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์เธอเดินปรี่ตามนักการเมืองคนดังกล่าวเข้าไปถามด้วย วลี หนูว่าท่านว่าเป็นขี้ข้า...หมิ่นประมาทไหม..??
ในวันที่ 2 อาชีพ “นักการเมือง” และ “ผู้สื่อข่าว” ต้องทำงานร่วมกันแบบชั่วฟ้าดินสลาย กำลังขัดแย้งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
ไทย รัฐออนไลน์มีโอกาสได้พูดคุยกับ น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร นักข่าวสายการเมืองจอมเก๋าสังกัดช่อง 7 สี ถึงเรื่องราวเบื้องหลังดังกล่าว ยังพาไปรู้จักตัวตนกับนักข่าวสายการเมือง ที่ว่ากันว่านักการเมืองกลัวคำถาม ตรงๆ จี้ใจดำมากที่สุดคนหนึ่งในวงการ!!
ทำยังไงครับ ก็อปไทยรัฐ
อย่าคลิกขวานะ เมื่อกดแล้วดูเหมือนไม่มีอะไร แต่มัน Copy เรียบร้อยแล้ว เอามา paste ได้เลย ด้วย Ctrl V
ขอขคุณมากๆครับ ดีใจจังเร้ยยยย
#42
ตอบ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:19
I LOVE YOU
I love you too.
"When injustice becomes law, resistance becomes duty." - Thomas Jefferson
"เมื่อผู้รักษากฎหมายอยู่ฝ่ายเดียวกับโจร การประจานจึงกลายเป็นภารกิจ" - Me.
#43
ตอบ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:21
Woman of the year!
thank you three times
"When injustice becomes law, resistance becomes duty." - Thomas Jefferson
"เมื่อผู้รักษากฎหมายอยู่ฝ่ายเดียวกับโจร การประจานจึงกลายเป็นภารกิจ" - Me.
ผู้ใช้ 2 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 2 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน