จดหมายจาก ลูก ถึง แม่
#1
ตอบ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 04:58
POPULAR
กราบเท้าแม่ที่รักของลูกคนเดียว
ลูกต้องขอประทานโทษที่ลูกได้ทำให้แม่ต้องเดือดร้อนเป็นห่วงใยโดยมิได้ปรึกษาหารือก่อนเลย
หนังสือฉบับนี้ลูกนั่งเขียนในทุ่งนาบางเขนทุ่งนาของเมืองไทยที่มีคนไทยเป็นเจ้าของ แต่บัดนี้กำลังเป็นสนามรบ
ระหว่างคนไทยกับคนไทยด้วยกัน
เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นลูกไม่รู้จะอธิบายให้แม่ฟังอย่างไรถูก และกว่าจะได้รับจดหมายฉบับนี้ แม่ก็คง
ทราบเรื่องราวอยู่บ้างแล้ว ลูกอยากจะบอกให้แม่ของลูกรู้ ว่าที่ลูกทำไปคราวนี้ ลูกทำไปด้วยความสุจริตใจ
ด้วยความเชื่อโดยบริสุทธิ์ว่าเป็นการกระทำที่ถูก ลูกไม่ได้ทำไปเพื่อหวังอำนาจ วาสนา หรือเพื่อที่จะ
ให้ตัวเองเป็นใหญ่เป็นโตเลย แต่ตั้งแต่ลูกจำความได้มา ลูกก็เคยได้รับคำสั่งสอนอบรมให้ซื่อสัตย์กตัญญู
ต่อพระเจ้าอยู่หัว คุณพ่อคุณแม่ซึ่งเป็นที่รักนับถือของลูกยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดก็ได้สอนก็ได้สอนมา
อย่างนั้น ครูบาอาจารย์ทุกคนก็ได้สอนจากนั้น ทำให้ลูกมีความจงรักภักดี ทำให้ลูกมีความกตัญญู
มากขึ้นไปอีก ลูกเข้ามาเป็นทหารด้วยความสมัครใจของลูกเอง คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยบังคับเลย ได้แต่ตามใจ
เมื่อเป็นทหารก็รู้สึกอยู่ว่าตนมีหน้าที่รักษาแผ่นดินรักษาพระบรมเดชานุภาพ เมื่อจำเป็นต้องถวายชีวิต
เป็นราชพลี ลูกได้ร่วมทำการกับเขาทั้งนี้ด้วยความรู้สึก ด้วยความเชื่อถือเหล่านี้เป็นที่ตั้ง มิได้มีความหวัง
ปรารถนาอย่างอื่นผ่านเข้ามาในหัวใจเลย ขณะนี้เป็นเวลาที่คนอื่นเขาจะต้องประณาม จะต้อง
กล่าวร้ายลูก และคนที่อยู่ทางฝ่ายลูก แต่ลูกก็รู้อยู่เสมอว่าแม่คงจะเข้าใจและเห็นใจ และถ้าคุณพ่อ
มีทางใดที่จะรู้ได้ คุณพ่อก็คงจะพอใจ เวลานี้ลูกยึดถือเอาแต่ความซื่อสัตย์กตัญญูต่อแผ่นดิน
และความรักที่มีต่อแม่ทูนหัวของลูกเป็นเครื่องคุ้มครองตัว ลูกสวดมนต์ภาวนา และคิดถึงคุณพ่อคุณแม่อยู่เสมอ
เพราะในยามนี้เป็นยามที่ลูกคิดถึงแม่มากที่สุด
แม่ทูนหัวของลูก ขออย่าให้แม่นึกแม้แต่น้อยว่าลูกชอบทำสิ่งที่ลูกกำลังทำอยู่ ลูกไม่อยากเห็น
คนไทยรบกันเองเลย และเมื่อแรกก็คิดไปไม่ถึง หรือไม่ได้นึกว่าเรื่องราวจะรุนแรงถึงเพียงนี้
ลูกปืนทุกลูกที่ยิงออกไปทั้งสองข้างนั้นดูเหมือนจะถูกที่หมายทุกครั้งไป ที่หมายนั้นก็คือหัวใจของลูกเอง
ทุกครั้งที่ลูกยิงปืนด้วยตนเองหรือสั่งให้ทหารยิง น้ำตาของลูกจะไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกเหมือน
กับลูกกำลังทำบาปอย่างหนักต้องฆ่าพี่น้อง บางครั้ง ลูกแทบจะทนไม่ได้ อยากจะวิ่งหนีหลบหลีกไปเสีย
แต่ลูกก็ไม่อาจทำได้ เพราะไม่สามารถจะทิ้งทหารที่อยู่ใต้บังคับบัญชาและไม่สามารถเสียความสัตย์
ที่มีต่อเพื่อนร่วมตายทุกคน ลูกมองไปข้างหน้านอกแนวของตนเห็นคนวิ่งขวักไขว่และรู้ดีว่า
เป็นทหารฝ่ายรัฐบาลแต่ลูกก็ต้องใจหายเมื่อคิดได้ว่า เมื่อเร็วๆนี้เองเป็นเพื่อนตายของลูกทุกคน เพราะเป็น
ทหารในกองทัพเดียวกัน เป็นข้าพระเจ้าอยู่หัวองค์เดียวกัน ลูกอาจอยู่ในฐานะผู้บังคับบัญชาคอยดูแลทุกข์สุข
ของนายสิบพลทหารเหล่านั้นก็ได้และนายทหารฝ่ายข้างโน้นหลายคนก็เคยเป็นเพื่อนร่วมกินร่วมนอน
ร่วมโรงเรียนเดียวกันมา บางคนก็เคยเป็นผู้บังคับบัญชา หรือเคยเป็นครูถ่ายทอดวิชาความรู้ให้
ลูกไม่เคยมีเรื่องส่วนตัวโกรธเคืองกับเขาเหล่านั้นเลยมีแต่ความรักความห่วงใยความหวังดี
แต่แม่ทูนหัวของลูก ขณะที่ลูกกำลังนั่งเขียนหนังสือนี้เอง เราต่างคนต่างกำลังยิงกันฆ่ากัน
ความเศร้าใจของลูกนั้นสุดที่จะพรรณนาลูกต้องเขียนหนังสือถึงแม่ เพราะเวลานี้เป็น
เวลาที่ลูกอยากอยู่ใกล้แม่ที่สุด เพราะแม่คนเดียวที่สามารถปลอบลูกให้คลายทุกข์ได้
แม่คนเดียวเป็นคนที่อาจอธิบายให้ลูกเข้าใจเหตุผลต่างๆได้ ลูกอยากนั่งแทบฝ่าเท้าแม่
เอาหัวซบบนตักแม่ อยากรู้สึกว่ามือของแม่ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ความเมตตานั้น
กำลังลูบหัวลูก
การณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไรต่อไปลูกเองก็ไม่อาจคาดคะเนได้ ถ้าลูกเป็นอันตรายลงไป
ลูกอยากให้แม่รู้ไว้ว่า ความคิดสุดท้ายของลูกจะจดจ่ออยู่ที่ตัวแม่ แต่ถ้าลูกไม่ตาย ลูกจะต้อง
หาทางมากราบเท้าแม่ ขอประทานโทษที่ทำให้ต้องวิตกกังวลห่วงใย
จากลูก
จดหมายฉบับนี้ถูกบันทึกไว้ว่าเขียนในเหตุการณ์ที่ถูกเรียกว่า “กบฏบวรเดช” เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๗๖
จะเป็นจดหมายจาก ลูกท่านใด เขียนถึง แม่ท่านใด ตะนิ่นตาญี ขออุบเอาไว้ก่อน
แต่หากเพื่อนเพื่อนท่านใดทราบว่าเป็นจดหมายจาก แม่-ลูก คู่ไหน จะเฉลยออกมา ตะนิ่นตาญี ก็ยินดี…
เมื่ออ่าน จดหมาย จาก ลูก ถึง แม่ ฉบับนี้แล้วเพื่อนเพื่อนจะคิดถึง อะไร-อย่างไร ไม่ทราบ
แต่ ตะนิ่นตาญี คิดถึง เสธ.อ้าย ขึ้นมา จับจิต-จับใจ ทีเดียว
ก็ให้แปลกใจอยู่ที่ เสธ.อ้าย ถูก ฟ้องร้อง กล่าวหาว่า เป็น กบฎ จาก พวกกบฎ
ก็ยังดีที่ ศาลรัฐธรรมนูญ ท่านสั่งยกฟ้อง เสธ.อ้าย ทุกข้อกล่าวหาไป
แล้วคอยดูกันครับว่า ใครคือ กบฎ ตัวจริง และ ใครเป็นพวกที่ปกป้อง กบฎ ล้มล้าง สถาบันสูงสุด
ตะนิ่นตาญี ขออนุญาตฝากข้อความนี้ถึง คุณสุกำพล, คุณพฤณ์ ฯลฯ สักนิดเถอะครับ
**ซื่อสัตย์กตัญญูต่อพระเจ้าอยู่หัว ถวายชีวิตเป็นราชพลี เพื่อรักษาพระบรมเดชานุภาพ นั่นคือ ทหาร ครับ**
ตะนิ่นตาญี
วันศุกร์ที่ ๒๓ พฤษจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๕
เวลา ๔.๕๘ นาฬิกา
- Bookmarks, tonythebest, V.Junior for Vendetta and 28 others like this
#2
ตอบ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 05:07
ที่มาของ "อนุสาวรีย์ปราบกบฏ" หรือ "อนุสาวรีย์พิทักษ์ธรรมนูญ" หรือที่ปัจจุบันเรียกว่า "อนุสาวรีย์หลักสี่"
- ตะนิ่นตาญี and แอบดูที่รูเดิม like this
#3
ตอบ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 05:10
- ตะนิ่นตาญี, Duke_th1, พิฆาตอสูร and 1 other like this
#4
ตอบ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 05:17
ที่มาของ "อนุสาวรีย์ปราบกบฏ" หรือ "อนุสาวรีย์พิทักษ์ธรรมนูญ" หรือที่ปัจจุบันเรียกว่า "อนุสาวรีย์หลักสี่"
ขอบพระคุณ คุณ redfrog53 มากครับ
ตะนิ่นตาญี
คุ้นๆ เหมือนสี่แผ่นดิน
555+ ถูกต้องแล้วครับ จดหมายจาก อ้น ถึง แม่พลอย นึกอยู่แล้วทีเดียว
ว่าต้องมีคนรู้ แต่ไม่นึกว่าจะเร็วขนาดนี้ ขอบพระคุณ คุณนายบ้านนอก มากครับ
ตะนิ่นตาญี
- คุณนายนอกบ้าน likes this
#5
ตอบ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 05:21
เพลงประกอบละครเวทีสี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล
ยามเหนี่ยวที่ไกปืน มันขื่นขมเกินทน
จนจิตใจแทบสลาย กี่ชีวิตที่ดับสิ้นไป
คือคนไทยที่ต้องล้มตาย แค่เพียงเราต่างมีความคิดที่ต่างกัน
ยามที่ฉันมองไปเลือดหลั่งไหลเป็นทาง
มันอ้างว้างแสนเจ็บช้ำ แผ่นดินเราที่ร่มเย็นมานาน
มีใครมาเปลี่ยนผันให้เปลี่ยนไป
แค่หวังจะเปลี่ยน แต่ไม่เรียนรู้มัน
ไม่เข้าใจกัน จนเราต้องเป็นเช่นนี้
แผ่นดินต้องลุกเป็นไฟ คนไทยเข่นฆ่ากันเอง
จะหยุดฝันร้ายนี้ได้อย่างไร เข่นฆ่าไปเพื่ออะไร
เลือดไทยหลั่งไหลเป็นทาง แล้วเมื่อไรเปลวไฟจะจาง
ภาวนาให้ความเลวร้าย สิ้นสุดเสียที....
ดูแล้วนึก นึกแล้วเศร้า
Edited by ม่านน้ำ, 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 10:47.
- ตะนิ่นตาญี and whiskypeak like this
#6
ตอบ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 05:48
ที่มาของ "อนุสาวรีย์ปราบกบฏ" หรือ "อนุสาวรีย์พิทักษ์ธรรมนูญ" หรือที่ปัจจุบันเรียกว่า "อนุสาวรีย์หลักสี่"
ขอบพระคุณ คุณ redfrog53 มากครับ
ตะนิ่นตาญีคุ้นๆ เหมือนสี่แผ่นดิน
555+ ถูกต้องแล้วครับ จดหมายจาก อ้น ถึง แม่พลอย นึกอยู่แล้วทีเดียว
ว่าต้องมีคนรู้ แต่ไม่นึกว่าจะเร็วขนาดนี้ ขอบพระคุณ คุณนายบ้านนอก มากครับ
ตะนิ่นตาญี
จริงๆแล้วยังไม่อยากให้รีบเฉลยนะคะ เลยบอกแต่ชื่อเรื่อง. ตอนนี้เป็นอีกตอนที่อ่านแล้วน้ำตาไหล
อีกนิดนะคะ นอกบ้านค่ะ ไม่บ้านนอก ที่มาของชื่อคืออยู่บ้านเป็นแจ๋วรับใช้สามีและลูก แต่อยู่นอกบ้านเป็นคุณนายใช้เด็กวิ่งไปซื้อโอเลี้ยงได้ค่ะ
- ตะนิ่นตาญี likes this
#7
ตอบ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 05:59
ที่มาของ "อนุสาวรีย์ปราบกบฏ" หรือ "อนุสาวรีย์พิทักษ์ธรรมนูญ" หรือที่ปัจจุบันเรียกว่า "อนุสาวรีย์หลักสี่"
ขอบพระคุณ คุณ redfrog53 มากครับ
ตะนิ่นตาญีคุ้นๆ เหมือนสี่แผ่นดิน
555+ ถูกต้องแล้วครับ จดหมายจาก อ้น ถึง แม่พลอย นึกอยู่แล้วทีเดียว
ว่าต้องมีคนรู้ แต่ไม่นึกว่าจะเร็วขนาดนี้ ขอบพระคุณ คุณนายบ้านนอก มากครับ
ตะนิ่นตาญี
จริงๆแล้วยังไม่อยากให้รีบเฉลยนะคะ เลยบอกแต่ชื่อเรื่อง. ตอนนี้เป็นอีกตอนที่อ่านแล้วน้ำตาไหล
อีกนิดนะคะ นอกบ้านค่ะ ไม่บ้านนอก ที่มาของชื่อคืออยู่บ้านเป็นแจ๋วรับใช้สามีและลูก แต่อยู่นอกบ้านเป็นคุณนายใช้เด็กวิ่งไปซื้อโอเลี้ยงได้ค่ะ
ตายแล้ว...เพื่อนเพื่อนเห็น ความหยาบคาย ของ ตะนิ่นตาญี หรือ ยังครับ
เพียงแค่นี้ ตะนิ่นตาญี ยังผิดได้ และเป็นความผิดที่ไม่น่าให้อภัยด้วย
เพราะ ความหมาย ของชื่อนั้นผิดไปหมดเลย อย่างไรก็ตาม
ตะนิ่นตาญี ต้อง ขออภัย คุณนาย-นอก-บ้าน ไว้ตรงนี้...ขออภัย โดยไม่หวังการได้รับอภัย แต่อย่างใด
เพราะเป็น ความหยาบคาย ของ ตะนิ่นตาญี ที่ อ่านหนังสือลวกลวก ไม่พิจารณาให้ถ่องแท้เสียก่อน
ขออภัย คุณนายนอกบ้าน จริงจริงครับ ไม่ทราบจะพูดอย่างไร หากจะ ลงโทษ-ลงทัณฑ์ หรือ
จะเอาชื่อ ตะนิ่นตาญี ขึ้น บัญชีหนังหมา ไว้ ก็ยินดีรับโทษทัณฑ์ในครั้งนี้
ขออภัย คุณนายนอกบ้าน ในความหยาบคาย อีกครั้งหนึ่งครับ ขออภัยจริงจริงครับ
ตะนิ่นตาญี
- tonythebest, คุณนายนอกบ้าน, p-one and 1 other like this
#8
ตอบ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 07:08
กบฏบวรเดช
อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ หรือที่ปัจจุบันเรียกว่า "อนุสาวรีย์หลักสี่"
กบฏบวรเดช เกิดขึ้นเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2476 นับเป็นการกบฏครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 สาเหตุมาจากความขัดแย้งระหว่างระบอบเก่าและระบอบใหม่ จากข้อโต้แย้งในเรื่องเค้าโครงเศรษฐกิจที่เสนอโดยนายปรีดี พนมยงค์ ที่ถูกกล่าวหาจากผู้เสียประโยชน์ว่าเป็น "คอมมิวนิสต์" และชนวนสำคัญที่สุดคือข้อโต้แย้งในเรื่องพระเกียรติยศและพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ในระบอบใหม่ เป็นผลนำไปสู่การนำกำลังทหารก่อกบฏโดยพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช อันเป็นที่มาของชื่อ "กบฏบวรเดช" โดยในที่สุดฝ่ายรัฐบาลสามารถปราบปรามคณะกบฏลงได้ ส่วนพระองค์เจ้าบวรเดชหัวหน้าคณะกบฏและพระชายาได้หนีไปยังประเทศกัมพูชา
อนุสาวรีย์บริเวณหลักสี่ บางเขน กรุงเทพมหานคร ที่เรียกกันว่า "อนุสาวรีย์หลักสี่" นั้น ชื่อจริงคือ "อนุสาวรีย์ปราบกบฏ" หรือ "อนุสาวรีย์พิทักษ์ธรรมนูญ" ซึ่งรัฐบาลในสมัยนั้น ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ผู้ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ปราบกบฏบวรเดช
- ตะนิ่นตาญี, unook and ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่ like this
#9
ตอบ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 07:16
- ตะนิ่นตาญี and Duke_th1 like this
"When injustice becomes law, resistance becomes duty." - Thomas Jefferson
"เมื่อผู้รักษากฎหมายอยู่ฝ่ายเดียวกับโจร การประจานจึงกลายเป็นภารกิจ" - Me.
#10
ตอบ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:23
- ตะนิ่นตาญี likes this
#11
ตอบ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:29
ชนะเป็นเจ้า - แพ้เป็นโจร
ลูป - ขัดแย้งนี้ก็คงหมุนไปเรื่อยๆ
ความจริงประชาธิปไตย ถูกออกแบบมา เพื่อระงับการถือดีอันนี้
แต่เมื่อประชาธิปไตย
ถูกจำกัดแค่ คำว่า------------- เสียงส่วนใหญ่.
.
.
.
แล้วจะต่างอะไร กับ ชนะเป็นเจ้า - แพ้เป็นโจรเล่า
อเมริกา
รบกันในสงครามกลางเมือง (civil war) ตายไปประมาณ 2ล้านคน
เรื่องบาง
อ่านเขาว่า
ฟังเขาเล่ามันไม่พอกระมัง - คงอยากมีประสบการณ์ ตรงของ ประชาธิปตายยยยย กันสินะ.
- ตะนิ่นตาญี and V.Junior for Vendetta like this
#12
ตอบ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:25
เด๋วหลุดประเด็น นะคุณตะนิ่นฯ
กบฏบวรเดช
อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ หรือที่ปัจจุบันเรียกว่า "อนุสาวรีย์หลักสี่"
กบฏบวรเดช เกิดขึ้นเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2476 นับเป็นการกบฏครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 สาเหตุมาจากความขัดแย้งระหว่างระบอบเก่าและระบอบใหม่ จากข้อโต้แย้งในเรื่องเค้าโครงเศรษฐกิจที่เสนอโดยนายปรีดี พนมยงค์ ที่ถูกกล่าวหาจากผู้เสียประโยชน์ว่าเป็น "คอมมิวนิสต์" และชนวนสำคัญที่สุดคือข้อโต้แย้งในเรื่องพระเกียรติยศและพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ในระบอบใหม่ เป็นผลนำไปสู่การนำกำลังทหารก่อกบฏโดยพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช อันเป็นที่มาของชื่อ "กบฏบวรเดช" โดยในที่สุดฝ่ายรัฐบาลสามารถปราบปรามคณะกบฏลงได้ ส่วนพระองค์เจ้าบวรเดชหัวหน้าคณะกบฏและพระชายาได้หนีไปยังประเทศกัมพูชา
อนุสาวรีย์บริเวณหลักสี่ บางเขน กรุงเทพมหานคร ที่เรียกกันว่า "อนุสาวรีย์หลักสี่" นั้น ชื่อจริงคือ "อนุสาวรีย์ปราบกบฏ" หรือ "อนุสาวรีย์พิทักษ์ธรรมนูญ" ซึ่งรัฐบาลในสมัยนั้น ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ผู้ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ปราบกบฏบวรเดช
เอาเข้าจริงๆแล้ว ผมก็ไม่เห็นว่า ปรีดี หลวงพหลฯ หลวงพิบูลย์สงคราม พวกนี้จะมอบ "ประชาธิปไตยที่แท้จริง" ให้กับประชาชนตามที่เรียกร้องกันเลย
ศูนย์รวมอำนาจก็ไปรวมกระจุกกันอยู่แค่ กลุ่มคณะราษฎร์ เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ไม่ต่างจาก "ระบอบเผด็จการทางใจ ประชาธิปไตย...แต่ปาก"
ทำให้นึกถึงคำตรัสของ "พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว" ที่ตรัสไว้ว่า ........."ประชาชนชาวสยาม พร้อมแล้วหรือ กับคำว่า...ประชาธิปไตย???"
จนกาลเวลาล่วงเลยผ่าน เปลี่ยนจากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่ง เป็นเวลาล่วงมาหลายสิบปี......
ประโยคนี้ก็ยังใช้ได้มาจนถึงทุกวันนี้เลยว่า "ประเทศไทย พร้อมแล้วหรือ กับคำว่า "ประชาธิปไตย" ..ทั้งๆ ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ความหมายที่แท้จริง!!!"
- ตะนิ่นตาญี, V.Junior for Vendetta, Wuddy and 5 others like this
ขอเทิดทูนศักดิ์ศรียิ่งสิ่งใด
...แม้แต่ลมหายใจก็ยอมพลี
โลกยังไม่สิ้นหวัง ถ้ายังมั่นในความดี
...ศรัทธาไม่เคยหน่ายหนี คนดีไม่มีวันตาย
#13
ตอบ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:37
เด๋วหลุดประเด็น นะคุณตะนิ่นฯ
กบฏบวรเดช
อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ หรือที่ปัจจุบันเรียกว่า "อนุสาวรีย์หลักสี่"
กบฏบวรเดช เกิดขึ้นเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2476 นับเป็นการกบฏครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 สาเหตุมาจากความขัดแย้งระหว่างระบอบเก่าและระบอบใหม่ จากข้อโต้แย้งในเรื่องเค้าโครงเศรษฐกิจที่เสนอโดยนายปรีดี พนมยงค์ ที่ถูกกล่าวหาจากผู้เสียประโยชน์ว่าเป็น "คอมมิวนิสต์" และชนวนสำคัญที่สุดคือข้อโต้แย้งในเรื่องพระเกียรติยศและพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ในระบอบใหม่ เป็นผลนำไปสู่การนำกำลังทหารก่อกบฏโดยพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช อันเป็นที่มาของชื่อ "กบฏบวรเดช" โดยในที่สุดฝ่ายรัฐบาลสามารถปราบปรามคณะกบฏลงได้ ส่วนพระองค์เจ้าบวรเดชหัวหน้าคณะกบฏและพระชายาได้หนีไปยังประเทศกัมพูชา
อนุสาวรีย์บริเวณหลักสี่ บางเขน กรุงเทพมหานคร ที่เรียกกันว่า "อนุสาวรีย์หลักสี่" นั้น ชื่อจริงคือ "อนุสาวรีย์ปราบกบฏ" หรือ "อนุสาวรีย์พิทักษ์ธรรมนูญ" ซึ่งรัฐบาลในสมัยนั้น ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ผู้ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ปราบกบฏบวรเดช
เอาเข้าจริงๆแล้ว ผมก็ไม่เห็นว่า ปรีดี หลวงพหลฯ หลวงพิบูลย์สงคราม พวกนี้จะมอบ "ประชาธิปไตยที่แท้จริง" ให้กับประชาชนตามที่เรียกร้องกันเลย
ศูนย์รวมอำนาจก็ไปรวมกระจุกกันอยู่แค่ กลุ่มคณะราษฎร์ เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ไม่ต่างจาก "ระบอบเผด็จการทางใจ ประชาธิปไตย...แต่ปาก"
ทำให้นึกถึงคำตรัสของ "พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว" ที่ตรัสไว้ว่า ........."ประชาชนชาวสยาม พร้อมแล้วหรือ กับคำว่า...ประชาธิปไตย???"
จนกาลเวลาล่วงเลยผ่าน เปลี่ยนจากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่ง เป็นเวลาล่วงมาหลายสิบปี......
ประโยคนี้ก็ยังใช้ได้มาจนถึงทุกวันนี้เลยว่า "ประเทศไทย พร้อมแล้วหรือ กับคำว่า "ประชาธิปไตย" ..ทั้งๆ ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ความหมายที่แท้จริง!!!"
น่าคิดครับ
จริง ๆ แล้วเราพร้อมแล้วเหรอกับคำว่า ประชาธิปไตย์ ที่มีเพียงไม่กีคน เข้ามามีอำนาจ กอบโกยผลประโยชน์
- ตะนิ่นตาญี likes this
ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ
#14
ตอบ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 15:00
24 นี้คือ มีคำตอบ
- ตะนิ่นตาญี likes this
#15
ตอบ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 15:05
กฎแห่งกรรม
เขียนโดย ท เลียงพิบูลย์ หรือ ทองทิว สุวรรณฑัต
- ตะนิ่นตาญี likes this
ฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
#16
ตอบ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 16:03
เด๋วหลุดประเด็น นะคุณตะนิ่นฯ
กบฏบวรเดช
อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ หรือที่ปัจจุบันเรียกว่า "อนุสาวรีย์หลักสี่"
กบฏบวรเดช เกิดขึ้นเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2476 นับเป็นการกบฏครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 สาเหตุมาจากความขัดแย้งระหว่างระบอบเก่าและระบอบใหม่ จากข้อโต้แย้งในเรื่องเค้าโครงเศรษฐกิจที่เสนอโดยนายปรีดี พนมยงค์ ที่ถูกกล่าวหาจากผู้เสียประโยชน์ว่าเป็น "คอมมิวนิสต์" และชนวนสำคัญที่สุดคือข้อโต้แย้งในเรื่องพระเกียรติยศและพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ในระบอบใหม่ เป็นผลนำไปสู่การนำกำลังทหารก่อกบฏโดยพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช อันเป็นที่มาของชื่อ "กบฏบวรเดช" โดยในที่สุดฝ่ายรัฐบาลสามารถปราบปรามคณะกบฏลงได้ ส่วนพระองค์เจ้าบวรเดชหัวหน้าคณะกบฏและพระชายาได้หนีไปยังประเทศกัมพูชา
อนุสาวรีย์บริเวณหลักสี่ บางเขน กรุงเทพมหานคร ที่เรียกกันว่า "อนุสาวรีย์หลักสี่" นั้น ชื่อจริงคือ "อนุสาวรีย์ปราบกบฏ" หรือ "อนุสาวรีย์พิทักษ์ธรรมนูญ" ซึ่งรัฐบาลในสมัยนั้น ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ผู้ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ปราบกบฏบวรเดช
เด๋วหลุดประเด็น นะคุณตะนิ่นฯ
กบฏบวรเดช
อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ หรือที่ปัจจุบันเรียกว่า "อนุสาวรีย์หลักสี่"
กบฏบวรเดช เกิดขึ้นเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2476 นับเป็นการกบฏครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 สาเหตุมาจากความขัดแย้งระหว่างระบอบเก่าและระบอบใหม่ จากข้อโต้แย้งในเรื่องเค้าโครงเศรษฐกิจที่เสนอโดยนายปรีดี พนมยงค์ ที่ถูกกล่าวหาจากผู้เสียประโยชน์ว่าเป็น "คอมมิวนิสต์" และชนวนสำคัญที่สุดคือข้อโต้แย้งในเรื่องพระเกียรติยศและพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ในระบอบใหม่ เป็นผลนำไปสู่การนำกำลังทหารก่อกบฏโดยพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช อันเป็นที่มาของชื่อ "กบฏบวรเดช" โดยในที่สุดฝ่ายรัฐบาลสามารถปราบปรามคณะกบฏลงได้ ส่วนพระองค์เจ้าบวรเดชหัวหน้าคณะกบฏและพระชายาได้หนีไปยังประเทศกัมพูชา
อนุสาวรีย์บริเวณหลักสี่ บางเขน กรุงเทพมหานคร ที่เรียกกันว่า "อนุสาวรีย์หลักสี่" นั้น ชื่อจริงคือ "อนุสาวรีย์ปราบกบฏ" หรือ "อนุสาวรีย์พิทักษ์ธรรมนูญ" ซึ่งรัฐบาลในสมัยนั้น ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ผู้ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ปราบกบฏบวรเดช
เอาเข้าจริงๆแล้ว ผมก็ไม่เห็นว่า ปรีดี หลวงพหลฯ หลวงพิบูลย์สงคราม พวกนี้จะมอบ "ประชาธิปไตยที่แท้จริง" ให้กับประชาชนตามที่เรียกร้องกันเลย
ศูนย์รวมอำนาจก็ไปรวมกระจุกกันอยู่แค่ กลุ่มคณะราษฎร์ เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ไม่ต่างจาก "ระบอบเผด็จการทางใจ ประชาธิปไตย...แต่ปาก"
ทำให้นึกถึงคำตรัสของ "พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว" ที่ตรัสไว้ว่า ........."ประชาชนชาวสยาม พร้อมแล้วหรือ กับคำว่า...ประชาธิปไตย???"
จนกาลเวลาล่วงเลยผ่าน เปลี่ยนจากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่ง เป็นเวลาล่วงมาหลายสิบปี......
ประโยคนี้ก็ยังใช้ได้มาจนถึงทุกวันนี้เลยว่า "ประเทศไทย พร้อมแล้วหรือ กับคำว่า "ประชาธิปไตย" ..ทั้งๆ ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ความหมายที่แท้จริง!!!"
เด๋วหลุดประเด็น นะคุณตะนิ่นฯ
กบฏบวรเดช
อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ หรือที่ปัจจุบันเรียกว่า "อนุสาวรีย์หลักสี่"
กบฏบวรเดช เกิดขึ้นเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2476 นับเป็นการกบฏครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 สาเหตุมาจากความขัดแย้งระหว่างระบอบเก่าและระบอบใหม่ จากข้อโต้แย้งในเรื่องเค้าโครงเศรษฐกิจที่เสนอโดยนายปรีดี พนมยงค์ ที่ถูกกล่าวหาจากผู้เสียประโยชน์ว่าเป็น "คอมมิวนิสต์" และชนวนสำคัญที่สุดคือข้อโต้แย้งในเรื่องพระเกียรติยศและพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ในระบอบใหม่ เป็นผลนำไปสู่การนำกำลังทหารก่อกบฏโดยพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช อันเป็นที่มาของชื่อ "กบฏบวรเดช" โดยในที่สุดฝ่ายรัฐบาลสามารถปราบปรามคณะกบฏลงได้ ส่วนพระองค์เจ้าบวรเดชหัวหน้าคณะกบฏและพระชายาได้หนีไปยังประเทศกัมพูชา
อนุสาวรีย์บริเวณหลักสี่ บางเขน กรุงเทพมหานคร ที่เรียกกันว่า "อนุสาวรีย์หลักสี่" นั้น ชื่อจริงคือ "อนุสาวรีย์ปราบกบฏ" หรือ "อนุสาวรีย์พิทักษ์ธรรมนูญ" ซึ่งรัฐบาลในสมัยนั้น ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ผู้ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ปราบกบฏบวรเดช
เอาเข้าจริงๆแล้ว ผมก็ไม่เห็นว่า ปรีดี หลวงพหลฯ หลวงพิบูลย์สงคราม พวกนี้จะมอบ "ประชาธิปไตยที่แท้จริง" ให้กับประชาชนตามที่เรียกร้องกันเลย
ศูนย์รวมอำนาจก็ไปรวมกระจุกกันอยู่แค่ กลุ่มคณะราษฎร์ เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ไม่ต่างจาก "ระบอบเผด็จการทางใจ ประชาธิปไตย...แต่ปาก"
ทำให้นึกถึงคำตรัสของ "พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว" ที่ตรัสไว้ว่า ........."ประชาชนชาวสยาม พร้อมแล้วหรือ กับคำว่า...ประชาธิปไตย???"
จนกาลเวลาล่วงเลยผ่าน เปลี่ยนจากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่ง เป็นเวลาล่วงมาหลายสิบปี......
ประโยคนี้ก็ยังใช้ได้มาจนถึงทุกวันนี้เลยว่า "ประเทศไทย พร้อมแล้วหรือ กับคำว่า "ประชาธิปไตย" ..ทั้งๆ ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ความหมายที่แท้จริง!!!"
น่าคิดครับ
จริง ๆ แล้วเราพร้อมแล้วเหรอกับคำว่า ประชาธิปไตย์ ที่มีเพียงไม่กีคน เข้ามามีอำนาจ กอบโกยผลประโยชน์
คุณ redfrog53, คุณ RaRa และ คุณ poulkung ครับ โดยส่วนตัวแล้ว ตะนิ่นตาญี คิดว่า การกระทำของ คณะราษฎร
ที่ผ่านมาเมื่อ ปี พุทธศักราช ๒๔๗๕ นั้นไม่ใช่การกระทำที่ถูกต้อง ก่อนหน้านี้มีการพยายามทำ รัฐประหาร มา
ตั้งแต่ก่อนสมัย รัชกาลที่ ๕ เสียอีก ทำกันจนเกลื่อน เพราะคนพวกนั้นเขาทราบดีว่า แม้นจะกระทำไม่สำเร็จก็ตาม
แต่โทษประหารนั้นถูกยกเว้นแน่อาจจะมีโทษจำบ้างก็สัก ปี-สองปี เว้นเสียแต่พวกที่เลวจริงจริงก็มีบ้างที่ถูกประหารบั่นคอกันไป
จากนั้นก็จะได้รับพระมหากรุณาธิคุณ อภัยโทษ ให้ คนพวกนี้...ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ของ เจ้าฟ้า-เจ้าแผ่นดิน
ทำให้กลุ่มคนพวกไม่ได้เกรงกลัวในพระราชอำนาจแต่อย่างใด ทำแล้ว-ทำอีก ไม่ใช่เพื่อประเทศ แต่เพื่อตัวเอง
คำกล่าวอ้างของคนพวกนี้ ก็จะมีแต่ ซ้ำกันไป-ซ้ำกันมา เพื่อ ประชาธิปไตย เพื่อ ความเจริญก้าวหน้า ของ บ้านเมือง
ถามตรงตรงเถอะครับ จนถึงนาทีนี้แล้ว สยามประเทศ หรือ ประเทศไทย เจริญ ขึ้นตรงไหน?
เจริญขึ้นตรงรถติดมากขึ้นกระนั้นหรือ? หรือ เจริญขึ้นเพราะประเทศเราได้เป็นหนี้ประเทศอื่นเขานั้นหรือ?
แล้วความเจริญทางด้านจิตใจล่ะครับ หายไปไหนหมดครับ? ความภูมิใจในความเป็นไทยหายไปไหนกันหมด?
เอาเถอะครับไม่เป็นไรหรอกกระมังครับ นานาจิตตัง ครับ...
สำคัญก็แต่ ทหารใหญ่ ที่ออกมาทำ บ้าบ้า-บอบอ ไม่ว่าจะเป็น คุณสุกำพล, คุณพฤณ์, คุณชัยสิทธิ์ และ ตท.๕ - ตท. ๑๐
พวกคุณจะลืม "ความจงรักภักดี และถวายชีวิตเป็นราชพลี เพื่อ ล้นเกล้าล้นกระหม่อมฯ" ตามที่เคยสาบานกันไว้ก็เชิญ
แต่หมดบุญเมื่อไหร่ กรรมมันวิ่งตามทันนั้น อย่าร้องก็แล้วกัน เดี๋ยวคนเขาจะรู้ว่า พวกท่านแท้จริงแล้ว เป็นแค่หมาเท่านั้นเอง
ตะนิ่นตาญี
- V.Junior for Vendetta, Wuddy, JUR1ST and 3 others like this
#17
ตอบ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 16:10
#18
ตอบ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 16:29
แต่ผมกลับรู้สึกว่า รัฐบาลที่มาจากเสียงข้างมาก
กำลังดูถูกผม และกำลังดูถูกประชาชนที่เลือกพวกเค้าเข้ามา
แม้ประชาชนเหล่านั้นยังไม่รู้สึกตัว เพราะความชื่นชอบยึดโยง
หัวใจของเขาเหล่านั้นเอาไว้ มากกว่าการตระหนักในความเป็นจริง
แต่มันจะมีประโยชน์อันใด หากเมื่อพวกเขาเหล่านั้นได้รับรู้ในสักวันว่า คิดผิด
และ สายเกินไปมันเลวร้ายเกินที่จะเยียวยาแล้ว ซึ่งกลับมีผม เป็นผู้ร่วมรับชะตากรรมนั้นร่วมอยู่ด้วย
ผมจึงขอใช้สิทธิของผมเสียตั้งแต่วันนี้ ในวันที่ยังไม่สาย เกินไป
ที่จะต้องมาอ่านจดหมายจากลูก ถึง แม่ฉบับที่สอง
#19
ตอบ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 16:50
POPULAR
อ่านจากหลายๆครั้ง เชื่อว่ามีอะไรดีๆสอดแทรกอยู่ทุกครั้งเวลาที่คุณโพสต์ครับ
ที่คุณโพสต์มา ผมอ่านแล้วรู้สึกเหมือนคุณคือ ผมนึกถึง ...เสธ.อ้าย ....
และคำถามว่า "คนไทย เหมาะกับประชาธิปไตยจริงๆหรือ?"
นี่เป็นคำถามที่ติดใจในผมมาตลอด.....
เมื่อวานคุณแม่ผมท่านก็ถามด้วยความเป็นห่วงว่า...จะไปกะเขาหรือ เสาร์นี้น่ะ..มันอาจจะอันตรายนะลูก ไอ้พวกเสื้อแดงมันบ้าห้าร้อยจำพวก จะไปแลกกับพวกมันทำไม.....ผมรู้แม่ผมเป็นห่วงมากเพราะผมเป็นลูกคนเดียว....ขนาดตอนไปราชการสนามท่านก็กำชับให้โทรหาทุกวัน ไม่อย่างงั้นแม่นอนไม่หลับ....
ผมก็เลยตอบแม่ไปว่า มี 2 เรื่องที่ทำให้หนูต้องไปนะแม่ (ผมแทนตัวเองว่าหนู)
ข้อแรกหนูไม่อยากรักในหลวงแค่ลมปาก...พวกเราบอกว่ารักท่าน แต่ในเวลาที่ท่านถูกคนเลวเหยียบย่ำ พวกเรากลับจะนิ่งเฉย....หนูไม่อยากรักท่านแต่ปาก...ในหลวงไม่เคยทิ้งประชาชนมาตลอดพระชนม์ชีพ....ประชาชนก็ไม่ควรจะทิ้งท่านเช่นกันครับ
...ข้อสอง....หนูปล่อยตาแก่อายุ 65 แฟนของแม่ไปซ่าคนเดียวไม่ได้หรอกครับ ถึงจะเคยเป็นยอดนักบินขับไล่ แต่นี่มันบนพื้น....มันต้องพวกหนูนี่ ถึงจะเจ๋งสุดบนพื้นอ่ะ ฮ่า ฮ่า ....
แม่ผมก็บอกแค่ว่า ..."ระวังด้วยนะ ถ้ามีอะไรก็ทิ้งตาแก่นั้นเลย...ขนาดโดนยิง โดดร่มลง ผกค.ยังรอด พ่อแกเค้าเอาตัวรอดได้เผลอๆจะเก่งกว่าแก ".... อ้าว!!! 55555+ ให้ทิ้งพ่อซะงั้น 555+
- คนทุกที่, Charlie, tonythebest and 11 others like this
#20
ตอบ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 16:56
^
ข้างบน...น่ารักมากมาย
(ชายชาติทหาร แม่นปืน และดุคอด แต่เรียกตัวเองว่าหนูกับแม่ น่าร้ากกกง่า
แถมมี "แฟนแม่อายุ 65..." ที่ไหนได้ คือพ่อ.... อย่างฮาเลยครับท่านนารายณ์ น่ารักทั้งบ้านเลยบ้านนี้)
ไม่เกิน 48 ชั่วโมงต่อจากนี้โปรดติดตามชมยาวๆครับ คุณตะนิ่นตาญี
เง้อ....มายั่วให้อยากแล้วจากไป
Edited by ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่, 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 16:58.
#21
ตอบ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 17:01
กระทู้เสรีไทย อ่านแล้วน้ำตาไหลได้เหมือนกันแฮะ
#22
ตอบ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 17:03
ผมอ่านที่คุณตะนินตาญี เขียนมาหลายครั้งแล้ว รู้สึกสะดุดตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ามาในเวป เสรีไทย....ตั้งแต่ชื่อที่ฟังแล้วแปลกหู...
อ่านจากหลายๆครั้ง เชื่อว่ามีอะไรดีๆสอดแทรกอยู่ทุกครั้งเวลาที่คุณโพสต์ครับ
ที่คุณโพสต์มา ผมอ่านแล้วรู้สึกเหมือนคุณคือ ผมนึกถึง ...เสธ.อ้าย ....
และคำถามว่า "คนไทย เหมาะกับประชาธิปไตยจริงๆหรือ?"
นี่เป็นคำถามที่ติดใจในผมมาตลอด.....
เมื่อวานคุณแม่ผมท่านก็ถามด้วยความเป็นห่วงว่า...จะไปกะเขาหรือ เสาร์นี้น่ะ..มันอาจจะอันตรายนะลูก ไอ้พวกเสื้อแดงมันบ้าห้าร้อยจำพวก จะไปแลกกับพวกมันทำไม.....ผมรู้แม่ผมเป็นห่วงมากเพราะผมเป็นลูกคนเดียว....ขนาดตอนไปราชการสนามท่านก็กำชับให้โทรหาทุกวัน ไม่อย่างงั้นแม่นอนไม่หลับ....
ผมก็เลยตอบแม่ไปว่า มี 2 เรื่องที่ทำให้หนูต้องไปนะแม่ (ผมแทนตัวเองว่าหนู)
ข้อแรกหนูไม่อยากรักในหลวงแค่ลมปาก...พวกเราบอกว่ารักท่าน แต่ในเวลาที่ท่านถูกคนเลวเหยียบย่ำ พวกเรากลับจะนิ่งเฉย....หนูไม่อยากรักท่านแต่ปาก...ในหลวงไม่เคยทิ้งประชาชนมาตลอดพระชนม์ชีพ....ประชาชนก็ไม่ควรจะทิ้งท่านเช่นกันครับ
...ข้อสอง....หนูปล่อยตาแก่อายุ 65 แฟนของแม่ไปซ่าคนเดียวไม่ได้หรอกครับ ถึงจะเคยเป็นยอดนักบินขับไล่ แต่นี่มันบนพื้น....มันต้องพวกหนูนี่ ถึงจะเจ๋งสุดบนพื้นอ่ะ ฮ่า ฮ่า ....
แม่ผมก็บอกแค่ว่า ..."ระวังด้วยนะ ถ้ามีอะไรก็ทิ้งตาแก่นั้นเลย...ขนาดโดนยิง โดดร่มลง ผกค.ยังรอด พ่อแกเค้าเอาตัวรอดได้เผลอๆจะเก่งกว่าแก ".... อ้าว!!! 55555+ ให้ทิ้งพ่อซะงั้น 555+
ขำแบบจุกๆ พูดไม่ออก
"When injustice becomes law, resistance becomes duty." - Thomas Jefferson
"เมื่อผู้รักษากฎหมายอยู่ฝ่ายเดียวกับโจร การประจานจึงกลายเป็นภารกิจ" - Me.
#23
ตอบ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 17:09
ผมอ่านที่คุณตะนินตาญี เขียนมาหลายครั้งแล้ว รู้สึกสะดุดตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ามาในเวป เสรีไทย....ตั้งแต่ชื่อที่ฟังแล้วแปลกหู...
อ่านจากหลายๆครั้ง เชื่อว่ามีอะไรดีๆสอดแทรกอยู่ทุกครั้งเวลาที่คุณโพสต์ครับ
ที่คุณโพสต์มา ผมอ่านแล้วรู้สึกเหมือนคุณคือ ผมนึกถึง ...เสธ.อ้าย ....
และคำถามว่า "คนไทย เหมาะกับประชาธิปไตยจริงๆหรือ?"
นี่เป็นคำถามที่ติดใจในผมมาตลอด.....
เมื่อวานคุณแม่ผมท่านก็ถามด้วยความเป็นห่วงว่า...จะไปกะเขาหรือ เสาร์นี้น่ะ..มันอาจจะอันตรายนะลูก ไอ้พวกเสื้อแดงมันบ้าห้าร้อยจำพวก จะไปแลกกับพวกมันทำไม.....ผมรู้แม่ผมเป็นห่วงมากเพราะผมเป็นลูกคนเดียว....ขนาดตอนไปราชการสนามท่านก็กำชับให้โทรหาทุกวัน ไม่อย่างงั้นแม่นอนไม่หลับ....
ผมก็เลยตอบแม่ไปว่า มี 2 เรื่องที่ทำให้หนูต้องไปนะแม่ (ผมแทนตัวเองว่าหนู)
ข้อแรกหนูไม่อยากรักในหลวงแค่ลมปาก...พวกเราบอกว่ารักท่าน แต่ในเวลาที่ท่านถูกคนเลวเหยียบย่ำ พวกเรากลับจะนิ่งเฉย....หนูไม่อยากรักท่านแต่ปาก...ในหลวงไม่เคยทิ้งประชาชนมาตลอดพระชนม์ชีพ....ประชาชนก็ไม่ควรจะทิ้งท่านเช่นกันครับ
...ข้อสอง....หนูปล่อยตาแก่อายุ 65 แฟนของแม่ไปซ่าคนเดียวไม่ได้หรอกครับ ถึงจะเคยเป็นยอดนักบินขับไล่ แต่นี่มันบนพื้น....มันต้องพวกหนูนี่ ถึงจะเจ๋งสุดบนพื้นอ่ะ ฮ่า ฮ่า ....
แม่ผมก็บอกแค่ว่า ..."ระวังด้วยนะ ถ้ามีอะไรก็ทิ้งตาแก่นั้นเลย...ขนาดโดนยิง โดดร่มลง ผกค.ยังรอด พ่อแกเค้าเอาตัวรอดได้เผลอๆจะเก่งกว่าแก ".... อ้าว!!! 55555+ ให้ทิ้งพ่อซะงั้น 555+
เป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาก
มีเงินเป็นพันล้านก็ซื้อไม่ได้
#24
ตอบ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 17:18
นึกอยู่ว่าถ้าท่านทำสำเร็จ ประเทศไทยคงสวยงามน่าอยู่กว่าปัจจุบันมากมายนัก
และไอ้ลูกหลานตระกูลที่กัดแทะชาติเราอยู่เวลานี้อย่างเก่งก็คงกำลังรับจ้างแบกของอยู่ตามท่าเรือแห่งใดแห่งหนึ่ง
#25
ตอบ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 17:46
ที่มาของ "อนุสาวรีย์ปราบกบฏ" หรือ "อนุสาวรีย์พิทักษ์ธรรมนูญ" หรือที่ปัจจุบันเรียกว่า "อนุสาวรีย์หลักสี่"
ขอบพระคุณ คุณ redfrog53 มากครับ
ตะนิ่นตาญีคุ้นๆ เหมือนสี่แผ่นดิน
555+ ถูกต้องแล้วครับ จดหมายจาก อ้น ถึง แม่พลอย นึกอยู่แล้วทีเดียว
ว่าต้องมีคนรู้ แต่ไม่นึกว่าจะเร็วขนาดนี้ ขอบพระคุณ คุณนายบ้านนอก มากครับ
ตะนิ่นตาญี
จริงๆแล้วยังไม่อยากให้รีบเฉลยนะคะ เลยบอกแต่ชื่อเรื่อง. ตอนนี้เป็นอีกตอนที่อ่านแล้วน้ำตาไหล
อีกนิดนะคะ นอกบ้านค่ะ ไม่บ้านนอก ที่มาของชื่อคืออยู่บ้านเป็นแจ๋วรับใช้สามีและลูก แต่อยู่นอกบ้านเป็นคุณนายใช้เด็กวิ่งไปซื้อโอเลี้ยงได้ค่ะ
ตายแล้ว...เพื่อนเพื่อนเห็น ความหยาบคาย ของ ตะนิ่นตาญี หรือ ยังครับ
เพียงแค่นี้ ตะนิ่นตาญี ยังผิดได้ และเป็นความผิดที่ไม่น่าให้อภัยด้วย
เพราะ ความหมาย ของชื่อนั้นผิดไปหมดเลย อย่างไรก็ตาม
ตะนิ่นตาญี ต้อง ขออภัย คุณนาย-นอก-บ้าน ไว้ตรงนี้...ขออภัย โดยไม่หวังการได้รับอภัย แต่อย่างใด
เพราะเป็น ความหยาบคาย ของ ตะนิ่นตาญี ที่ อ่านหนังสือลวกลวก ไม่พิจารณาให้ถ่องแท้เสียก่อน
ขออภัย คุณนายนอกบ้าน จริงจริงครับ ไม่ทราบจะพูดอย่างไร หากจะ ลงโทษ-ลงทัณฑ์ หรือ
จะเอาชื่อ ตะนิ่นตาญี ขึ้น บัญชีหนังหมา ไว้ ก็ยินดีรับโทษทัณฑ์ในครั้งนี้
ขออภัย คุณนายนอกบ้าน ในความหยาบคาย อีกครั้งหนึ่งครับ ขออภัยจริงจริงครับ
ตะนิ่นตาญี
ไม่โกรธหรอกค่ะ หลายคนก็เรียกผิด ชื่อนี้ใช้ตั้งแต่ราชดำเนิน ตอนตั้งกำลังเหนื่่อยจากการรับใข้คุณชายในบ้าน เลยตั้งชื่อประชดตัวเอง
ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน