9 ความเห็นในกระทู้นี้

[จูกัดขงเบ้ง]

สร้างข่าวชิ้นใหญ่ ความถนัดของแดงบิดเบือน
ทำง่ายๆ คิดง่ายๆ สร้างข่าวกันง่ายๆ ทำลายคนดีๆเขาหมด

คนโดนต่อยหน้าสนามม้า
มันปล่อยข่าวได้เฉยเลยว่า เป็นม๊อบเสธ.อ้าย
ต่อยนักศึกษาอีกต่างหาก

คุ้นๆ ไหม
น้องเกด น้องปลั๊ก ถูกยิงตาย คาชุดพยาบาล
ทำร้าย และ ฆ่าคนบริสุทธิ์
ถนัดสร้างภาพเนี่ย
สันdan ของหมาตัวไหนล่ะ

น้องเกด ถูกยิงจากแนวราบ ที่แถวนั้นมีแต่พวกเสื้อแดงทั้งนั้น
น้องปลั๊กก็เหมือนกัน
กระสุนเข้าแนวราบทั้งหมด
แต่มันก็เอาไปสร้างข่าวได้ว่าทหารฆ่าจากบนรางรถไฟฟ้า
นี่ก็เอาอีก
มันง่ายนี่
สื่อสะกะหมามันมีเยอะ ที่ขายตัวเหมือนกาหรี่ ตีข่าวลงข่าวแบบไม่มีวิเคราะห์สภาพแวดล้อมในเวลานั้น

นักศึกษา กลุ่มไฟเขียวให้ผลาญชาติต่อไปนั้น ยังไม่ทันเดินเข้าสนามม้าเลย
โดนป่วนหน้าสนามม้าแค่นั้นแหละ
แค่นี้ก็มีข่าวให้ พวก หมู พวกหมา เอามาโพสต์บิดเบือนข่าวไปได้แล้ว
ถามหาหลักฐานสิ
พวกนี้ไม่มีหรอก เพราะไม่มีโพยมา เขาส่งมาให้ยังไงมันก็รีบแถแท่ด แทด มาโพสต์

มิง ฉลาด กุยอมรับ ที่ส่งคนมาดักหน้า สนามม้า
เพราะถ้ามิงตีนักศึกษาในสนามม้า พวกที่มิงส่งมา จะโดนคนในสนามม้ายำตายห้าเสียก่อน
แต่มิงก็ยังโง่กว่าพวกกุว่ะ

[Emolution]

เหอะๆทำทุกวิธีเนอะ รัฐบาลควายแดง

[RaRa]

"โกหก ยุยง ปลุกปั่น แต่งเรื่องให้คนไทยเกลียดชังกันเอง" จนได้มาเป็น "รัฐบาล" ก็แล้ว

พวกมันก็ยังไม่ทิ้ง "สันดานเดิมๆ" เสียที....สงสัยมันจะฝังรากลึกจนไม่อาจถอนได้แล้ว ....สมเป็น "รัฐบาลแมงดาแดง" จริงๆ

[หมูอวกาศ]

พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พลทหาร 4 นายที่ใช้ชื่อว่า “คณะทหารพิทักษ์สยาม” แถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊คสคัดค้านคำสั่งผู้บัญชาการทหารบกที่ไม่ให้ทหารร่วมการชุมนุมว่า กำลังพลดังกล่าวเป็นพลทหารจากกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 151 จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถือเป็นการแสดงออกเรื่องส่วนตัว โดยใช้ช่องทางของการสื่อสารผ่านเฟซบุ๊ค แต่น้องๆ ที่แสดงออกอาจไม่เข้าใจนโยบายของกองทัพบกเพราะเพิ่งเข้ามารับราชการทหารเพียง 5 เดือนเท่านั้น อายุเพียง 21 ปี ซึ่งการแสดงออกดังกล่าวเป็นการสื่อสารแต่ไม่ได้มีเจตนาจะเข้าร่วมชุมนุม ถือว่าความคิดยังน้อยเมื่อเทียบกับผู้บังคับบัญชาที่มีมุมมองหลายมิติ เพราะการแสดงออกมี 2 สถานะ คือ ในฐานะที่เป็นประชาชน และฐานที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งถือว่าสำคัญกว่า

“ตอนนี้ทหารมีความสุ่มเสี่ยงเรื่องการออกแสดงทางการเมือง เพราะมีกลุ่มคนที่มีอคติ และพยายามหยิบยกเอาเรื่องเหล่านี้มาโจมตีกองทัพ ซึ่งเรื่องดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. แต่ได้ให้ผู้บังคับบัญชาไปทำความเข้าใจร่วมกับน้องๆ ขอเน้นย้ำว่าไม่มีการลงโทษใดๆ” พ.อ.วินธัย ระบุ

ด้าน พลทหารสไปร์ท ณ วังหลัง ซึ่งเป็นนามสมมุติที่ใช้ในเฟซบุ๊ค ในฐานะแกนนำกลุ่มทหารพิทักษ์สยาม กล่าวยอมรับว่า ตนพร้อมเพื่อนพลทหารเมื่อเห็นกองทัพบกมีคำสั่งไม่ให้ทหารเข้าไปร่วมชุมนุม ทั้งๆ ที่ทหารคือประชาชนและมีสิทธิ์ในระบอบประชาธิปไตย จึงได้นั่งคุยกับเพื่อนและรุ่นน้องหลายคน มานั่งคิดว่า มาออกแถลงการณ์และถ่ายรูป เพื่อแสดงให้เห็นว่าทหาร แม้แต่พลทหารควรจะมีสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ตามระบอบประชาธิปไตย ที่สำคัญไม่ว่าเกิดปัญหาใดในบ้านเมือง ในที่สุดทหารก็จะเป็นที่พึ่งเป็นหน่วยที่แก้ไขปัญหาเสมอ แถลงการณ์ที่ตนอ่าน 5 ข้อและเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย ไม่ใช่เรื่องผิดระเบียบวินัย เพราะเป็นการแสดงความคิดเห็น ตามระบอบประชาธิปไตย ที่สำคัญคือการแสดงออกถึงความจงรักภักดีและการแสดงออกในฐานะของความเป็นทหาร ตนไม่ได้มาสนับสนุนม็อบ เสธ.อ้าย แต่สนับสนุนประชาธิปไตย และต่อต้านการใช้ความรุนแรงของทุกฝ่าย

“ผมเพิ่งสมัครใจเข้าเป็นทหาร 1 ปี โดยเพิ่งเข้าประจำการได้ 5 เดือน ก่อนหน้านี้ผมสนใจการเมือง อยู่กลุ่มเคลื่อนไหว แต่ยืนยันว่าการกระทำครั้งนี้ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพันธมิตรฯ เสื้อสีไหน หรือทหาร หรือพรรคประชาธิปัตย์ ถึงแม้จะเป็นคนชุมพรแต่ผมไม่ได้ฝักใฝ่พรรคการเมืองหรือพรรคประชาธิปัตย์ ที่ผมมาสมัครเป็นทหาร เพราะผมอ่านหนังสือ ติดตามการเมือง ดูข่าว และเห็นบทบาทที่สำคัญของกองทัพ จึงอยากมาเป็นทหาร และผมตั้งใจว่า เมื่อครบเกณฑ์ผมจะสมัครเป็นทหารต่อไป ผมรู้จักกับ พล.อ.ร่มเกล้า และ นางนิชา ธุวธรรม ใกล้ชิดสนิทสนมมาก รักผมเหมือนลูก ทั้งที่รู้จักกันผ่านทางเฟซบุ๊ค และมาเจอกันในระยะหลัง ผมก็เคารพท่านเหมือน พ่อและแม่ เพราะทั้งสองท่านก็เอ็นดูผมเพราะไม่มีลูก” พลทหารสไปร์ท กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังจากที่กองทัพบกตรวจสอบพบว่า พลทหารทั้ง 4 นายเป็นกำลังพลจากกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 151 จนถูกผู้บังคับกองร้อยเรียกตัวไปพูดคุยนั้น เฟซบุ๊คของพลทหารสไปรท์ก็ได้ปิดตัวลงไม่สามารถติดต่อได้อีก และไม่สามารถพูดคุยติดต่อทางโทรศัพท์ได้ โดยก่อนที่พลทหารสไปร์ทจะขาดการติดต่อไปได้โพส ข้อความว่า “พลเอกดาว์พงษ์ โทรมาให้ผมรักษาตัวให้ดี” ก่อนจะโพสข้อความสุดท้ายก่อนจะปิดเฟซบุ๊คว่า

“ให้ไปเยี่ยมผมด้วย งานเข้าแล้ว”

[plunk]

พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พลทหาร 4 นายที่ใช้ชื่อว่า “คณะทหารพิทักษ์สยาม” แถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊คสคัดค้านคำสั่งผู้บัญชาการทหารบกที่ไม่ให้ทหารร่วมการชุมนุมว่า กำลังพลดังกล่าวเป็นพลทหารจากกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 151 จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถือเป็นการแสดงออกเรื่องส่วนตัว โดยใช้ช่องทางของการสื่อสารผ่านเฟซบุ๊ค แต่น้องๆ ที่แสดงออกอาจไม่เข้าใจนโยบายของกองทัพบกเพราะเพิ่งเข้ามารับราชการทหารเพียง 5 เดือนเท่านั้น อายุเพียง 21 ปี ซึ่งการแสดงออกดังกล่าวเป็นการสื่อสารแต่ไม่ได้มีเจตนาจะเข้าร่วมชุมนุม ถือว่าความคิดยังน้อยเมื่อเทียบกับผู้บังคับบัญชาที่มีมุมมองหลายมิติ เพราะการแสดงออกมี 2 สถานะ คือ ในฐานะที่เป็นประชาชน และฐานที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งถือว่าสำคัญกว่า

“ตอนนี้ทหารมีความสุ่มเสี่ยงเรื่องการออกแสดงทางการเมือง เพราะมีกลุ่มคนที่มีอคติ และพยายามหยิบยกเอาเรื่องเหล่านี้มาโจมตีกองทัพ ซึ่งเรื่องดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. แต่ได้ให้ผู้บังคับบัญชาไปทำความเข้าใจร่วมกับน้องๆ ขอเน้นย้ำว่าไม่มีการลงโทษใดๆ” พ.อ.วินธัย ระบุ

ด้าน พลทหารสไปร์ท ณ วังหลัง ซึ่งเป็นนามสมมุติที่ใช้ในเฟซบุ๊ค ในฐานะแกนนำกลุ่มทหารพิทักษ์สยาม กล่าวยอมรับว่า ตนพร้อมเพื่อนพลทหารเมื่อเห็นกองทัพบกมีคำสั่งไม่ให้ทหารเข้าไปร่วมชุมนุม ทั้งๆ ที่ทหารคือประชาชนและมีสิทธิ์ในระบอบประชาธิปไตย จึงได้นั่งคุยกับเพื่อนและรุ่นน้องหลายคน มานั่งคิดว่า มาออกแถลงการณ์และถ่ายรูป เพื่อแสดงให้เห็นว่าทหาร แม้แต่พลทหารควรจะมีสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ตามระบอบประชาธิปไตย ที่สำคัญไม่ว่าเกิดปัญหาใดในบ้านเมือง ในที่สุดทหารก็จะเป็นที่พึ่งเป็นหน่วยที่แก้ไขปัญหาเสมอ แถลงการณ์ที่ตนอ่าน 5 ข้อและเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย ไม่ใช่เรื่องผิดระเบียบวินัย เพราะเป็นการแสดงความคิดเห็น ตามระบอบประชาธิปไตย ที่สำคัญคือการแสดงออกถึงความจงรักภักดีและการแสดงออกในฐานะของความเป็นทหาร ตนไม่ได้มาสนับสนุนม็อบ เสธ.อ้าย แต่สนับสนุนประชาธิปไตย และต่อต้านการใช้ความรุนแรงของทุกฝ่าย

“ผมเพิ่งสมัครใจเข้าเป็นทหาร 1 ปี โดยเพิ่งเข้าประจำการได้ 5 เดือน ก่อนหน้านี้ผมสนใจการเมือง อยู่กลุ่มเคลื่อนไหว แต่ยืนยันว่าการกระทำครั้งนี้ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพันธมิตรฯ เสื้อสีไหน หรือทหาร หรือพรรคประชาธิปัตย์ ถึงแม้จะเป็นคนชุมพรแต่ผมไม่ได้ฝักใฝ่พรรคการเมืองหรือพรรคประชาธิปัตย์ ที่ผมมาสมัครเป็นทหาร เพราะผมอ่านหนังสือ ติดตามการเมือง ดูข่าว และเห็นบทบาทที่สำคัญของกองทัพ จึงอยากมาเป็นทหาร และผมตั้งใจว่า เมื่อครบเกณฑ์ผมจะสมัครเป็นทหารต่อไป ผมรู้จักกับ พล.อ.ร่มเกล้า และ นางนิชา ธุวธรรม ใกล้ชิดสนิทสนมมาก รักผมเหมือนลูก ทั้งที่รู้จักกันผ่านทางเฟซบุ๊ค และมาเจอกันในระยะหลัง ผมก็เคารพท่านเหมือน พ่อและแม่ เพราะทั้งสองท่านก็เอ็นดูผมเพราะไม่มีลูก” พลทหารสไปร์ท กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังจากที่กองทัพบกตรวจสอบพบว่า พลทหารทั้ง 4 นายเป็นกำลังพลจากกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 151 จนถูกผู้บังคับกองร้อยเรียกตัวไปพูดคุยนั้น เฟซบุ๊คของพลทหารสไปรท์ก็ได้ปิดตัวลงไม่สามารถติดต่อได้อีก และไม่สามารถพูดคุยติดต่อทางโทรศัพท์ได้ โดยก่อนที่พลทหารสไปร์ทจะขาดการติดต่อไปได้โพส ข้อความว่า “พลเอกดาว์พงษ์ โทรมาให้ผมรักษาตัวให้ดี” ก่อนจะโพสข้อความสุดท้ายก่อนจะปิดเฟซบุ๊คว่า

“ให้ไปเยี่ยมผมด้วย งานเข้าแล้ว”

ไอ้ขยะ ไปคาบมาจากเวปไหนอีกเนี่ย

[หมูอวกาศ]

[plunk]

ใครถาม

[จูกัดขงเบ้ง]

สงสารนักศึกษา โดนหลอกให้มาเดินให้พวกมัน
ยังไปทำร้ายเขาได้ลงคออีก
ทุเรศจริงๆ

ไม่ได้รู้สึกรู้สาถึงความดีความชั่วเล้ย

[พิฆาตอสูร]

สมกับเป็นกากแดง ชีวิตมีค่ากว่าอุดมการณ์
ไอ้วรเจตน์ หงอก อาจารย์จุฬา ได้ยินคงแทบเอาหัวโขกกำแพง

ไงน้อง ส่งรูปมาหน่อยดิ
ถ้าไม่กล้าไปแจ้งความ ก็ทำการใหญ่ไม่ได้นะน้อง

[อาตี๋]

กลุ่มไฟเขียวประเทศไทย กลุ่มเสื้อแดงในคราบสีเขียว(ยอมแมวขาย) ผมไม่ให้ราคาครับ