ขัดแย้งภายในต้นเหตุปราชัย เบื้องหลังยุติม็อบเสธ.อ้าย
#1
ตอบ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 07:50
"อยากจะกล่าวว่าเสียใจ และ พล.อ.บุญเลิศ มันได้ตายไปแล้ว" คือคำกล่าวสั้นๆ ของ "เสธ.อ้าย" พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ที่ขึ้นกล่าวบนเวทีเมื่อเย็นวานนี้ (24 พ.ย.) หลังประกาศยุติการชุมนุม ท่ามกลางความไม่พอใจของมวลชน
แม้ทุกอย่างจะต้องสะดุดหยุดลงอย่างฉับพลันทันทีตามคำประกาศของแกนนำผู้ชุมนุมอย่าง เสธ.อ้าย แต่ย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งมวลชนและองค์กรภาคีเครือข่ายล้วนพากันสับสนต่อท่าทีของเขา และถามหาเหตุผลกันให้วุ่น
เบื้องหลังที่ต้องว่ากันตรงไปตรงมาก็คือ ความล้มเหลวในการชุมนุมครั้งนี้ ปัจจัยหลักมาจาก "เหตุภายใน" มากกว่าเหตุปัจจัยภายนอก
ก่อนอื่นต้องส่องกล้องเข้าไปดูภายในขบวนการ "วันพิพากษา ขับไล่รัฐบาลนอมินีทักษิณ" เสียก่อน จะพบว่ามีองค์ประกอบ 2 ส่วนคือ "ทหารแก่" กับ "นักเคลื่อนไหวภาคประชาชน"
จุดเริ่มต้นขององค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) มีแกนนำหลัก 4 คน คือ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธาน อพส. สมพจน์ ปิยะอุย อดีตเจ้าของหนังสือพิมพ์ชาวไทย และเป็นนายทุน "ขบวนการ 26 มีนาคม 2520" โดยการนำของ พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ เมื่อ 35 ปีที่แล้ว "เสธ.อ้าย" เป็นนายทหารยศพันตรี นำกำลังทหารจากกองพลทหารราบที่ 9 เข้ามายึดอำนาจแต่ไม่สำเร็จ และทั้งคู่โคจรมาพบกันอีกครั้งในนามองค์การพิทักษ์สยาม
แกนนำหลักอีก 2 คนเป็นนายทหาร คือ พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ อดีตรอง ผบ.ทหารสูงสุด เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 1 รุ่นเดียวกับ "เสธ.อ้าย" และ "เสธ.ต๋อย" พล.อ.ณัฐชัย เพิ่มทรัพย์ อดีตหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการประจำ ผบ.สส. เป็นเตรียมทหารรุ่น 6 รุ่นเดียวกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ผู้ที่จุดประกายให้ "เสธ.อ้าย" จัดตั้งองค์การพิทักษ์สยาม ได้แก่ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงษ์ แกนนำกลุ่มเสื้อหลากสี และ บวร ยสินทร แกนนำเครือข่ายพลเมืองปกป้องสถาบัน
ต่อมา พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.สรรหา และ "ติ๊งต่าง" กาญจนี วัลยเสวี แกนนำกลุ่มสยามสามัคคี ได้ประสานให้ "เสธ.อ้าย" เป็นผู้นำจัดการชุมนุมมวลชนในนามองค์การพิทักษ์สยาม จึงเกิดการชุมนุม "รวมพลคนทนไม่ไหว" ที่สนามม้านางเลิ้ง เมื่อ 28 ต.ค.2555
แต่การชุมนุมครั้งแรกก็มีร่องรอยของความขัดแย้ง เมื่อแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ประกาศไม่เข้าร่วมด้วย เพราะมองว่ากลุ่มที่อยู่เบื้องหลังการชุมนุมคือพรรคประชาธิปัตย์
บังเอิญว่าการ "รวมพลคนทนไม่ไหว" มีผู้เข้าร่วมหลายหมื่นคน จึงทำให้แกนนำองค์การพิทักษ์สยามและเครือข่ายที่เข้าร่วมเกิดความคึกคักอย่างมาก
ถนนทุกสายมุ่งสู่สนามม้านางเลิ้ง สาเหตุที่ต้องพูดอย่างนี้เพราะบรรดา "นักเคลื่อนไหว" ที่มีชื่อเสียงจากเวทีพันธมิตรโค่นล้มระบอบทักษิณ ปี 2549 ต่างตบเท้าเข้าไปรายงานตัวกับ "เสธ.อ้าย" กันเป็นทิวแถว ในที่สุด องค์การพิทักษ์สยามจึงขยาย "ภาคีเครือข่าย" ออกไปจนทำให้เกิด "วอร์รูม 30 อรหันต์" ที่มีตัวแทนมาจากหลายองค์กร อาทิ สมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย นำโดย สมบูรณ์ ทองบุราณ และ ไทกร พลสุวรรณ
เครือข่ายช่องทีนิวส์ สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม เจ้าของสำนักนำทีมนักกิจกรรมมวลชน อาสาประสานงานมวลชนต่างจังหวัด และกลุ่มรากหญ้าในเมือง
อีกส่วนหนึ่งมาจากปีกแนวร่วมพันธมิตรเก่า ที่เปิดหน้าให้เห็นคือ พิเชษฐ์ พัฒนโชติ อดีต ส.ว.นครราชสีมา กิมอัง พงษ์นารายณ์ แกนนำชาวนาภาคกลาง และสุนทร รักษ์รงค์ อดีตแกนนำพันธมิตร 16 จังหวัดภาคใต้
อันที่จริงมี "แนวร่วมเสื้อเหลือง" คนดังอีกนับสิบที่แอบเข้าไปนั่งอยู่ใน "วอร์รูม 30 อรหันต์" แต่พวกเขาไม่ยอมเปิดเผยตัว ยกเว้น น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ และ ธัญญา ชุนชฎาธาร อดีตกบฏ 14 ตุลาฯ
การออกแบบการชุมนุม 24 พ.ย.นั้น มีผู้เสนอความเห็นมากมาย แต่สุดท้ายก็ขึ้นกับการตัดสินใจของ "เสธ.อ้าย" คนเดียว เพราะเป็น "ผู้กุมยุทธปัจจัย" ในการขับเคลื่อนครั้งนี้ ด้วยเหตุนี้บรรดา "จอมยุทธ์งานมวลชน" ทั้งหลายจึงพุ่งตรงเข้าหา "เสธ.อ้าย" เพื่ออาสาทำงานใหญ่ แต่บ่อยครั้งที่ไม่ประสานกัน และแย่งชิงการนำ จึงทำให้ "คำขวัญ" และ "ยุทธวิธี" ในการต่อสู้ไม่เป็นเอกภาพ
ในที่สุดการชุมนุมวันพิพากษาก็มาถึง อำนาจการนำทุกอย่างก็รวมศูนย์อยู่ฝ่ายทหาร ที่มี พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์, พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์, พล.อ.ณัฐชัย เพิ่มทรัพย์, พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ, พล.ท.บุญยัง บูชา และ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ แต่ภายหลัง น.ต.ประสงค์ หายตัวไปจากรถบัสเล็กที่ดัดแปลงเป็นกองบัญชาการม็อบเสธ.อ้าย
ปัญหาการปะทะกันที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ในตอนเช้า สะท้อนปัญหาการจัดหน่วยรักษาความปลอดภัย หรือ "การ์ด" ที่ได้แบ่งความรับผิดชอบระหว่างฝ่ายทหารแก่ กับฝ่ายนักเคลื่อนไหวมวลชน โดยระบุไว้ต้องใช้การ์ด 2 พันคน แบ่งเป็นฝ่ายทหาร 1,500 คน และฝ่ายนักเคลื่อนไหว 500 คน
ไม่ทราบว่าอะไรเกิดขึ้น เมื่อเกิดเหตุเผชิญหน้า กลับไม่มีการ์ด โดยเฉพาะ "การ์ดบุก" และมีแต่ "การ์ดรับ" จึงทำให้การขยายพื้นที่การชุมนุมกระทำการไม่สำเร็จ
"การ์ดบุก" หายไปไหน? ทั้งที่มีการพูดคุยกันแล้วเรื่องจะมีการจัดหาคน เพื่อจัดวางกำลังไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาจริง กลับไม่มีการ์ดมาดูแลมวลชนมากเท่าที่วางแผนกันไว้
จุดเปลี่ยนของม็อบเสธ.อ้ายอยู่ในช่วงบ่าย เมื่อ "สมณะโพธิรักษ์" ได้เข้าไปดูแลและคอยเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วย ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ และ "เสธ.จ๊อด" กิตติชัย ใสสะอาด อดีตการ์ดพันธมิตรฯ แต่มีการปะทะและตำรวจโยนแก๊สน้ำตาใส่ จนทำให้ สมณะโพธิรักษ์ ก็ได้รับผลกระทบจากแก๊สน้ำตาเช่นกัน
ในที่สุด "พ่อท่าน" สมณะโพธิรักษ์ เป็นศูนย์กลางที่ให้ความคิดชี้นำทุกอย่าง และสมาชิกกองทัพธรรม จึงเปิดใจคุยกับ "เสธ.อ้าย" อันเป็นที่มาของการยุติการชุมนุมครั้งนี้
เรียกว่าปราชัยหมดรูปทั้งยุทธศาสตร์และยุทธวิธี!
ขออภัย...ผมไม่โต้กับผู้ที่พยายามจะเอาชนะด้วยโวหาร
#2
ตอบ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 07:54
แล้วไง
- เพื่อนร่วมชาติ likes this
~ ทักษิณตาย เสรีไทยไชโย ~
#3
ตอบ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 07:55
เล่นสกปรกได้ครั้งเดียว คราวหน้าคงจะหมดจดกว่านี้
Edited by Stargate-1, 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 07:56.
- พายุ likes this
Tam-mic-ra ฟันธง! คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ ..... คิดครับคิด จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96 ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3
#4
ตอบ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 07:58
ข่าวสด
เหตุการณ์การชุมนุมในวันที่ 24 พฤศจิกายน ไม่เพียงแต่เป็นบทเรียนอันมีคุณค่าต่อ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์
หากแต่น่าจะเป็นบทเรียนต่อ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์
และที่สำคัญเป็นอย่างมาก น่าจะเป็นบทเรียนอันทรงความหมายเป็นอย่างสูงสำหรับ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
ท่านเหล่านี้เป็นทหาร ย่อมมีความเคยชินกับการสั่งซ้ายหัน ขวาหัน
เมื่อนำเอาประสบการณ์ทางการทหารมาปรับใช้กับประสบการณ์มวลชน จึงมักจะดำเนินไปอย่างเกะกะเก้งก้าง
ทั้งๆ ที่เคยผ่านโรงเรียนเสนาธิการมาแล้วทั้งนั้น
แต่บทเรียนการสั่งการทหารในสนามย่อมแตกตางไปจากการสั่งการมวลชนบนท้องถนนเป็นอย่างมาก
การบริหารมวลชนจึงมีความสำคัญ
สภาพที่เกิดขึ้นในวันที่ 24 พฤศจิกายน สะท้อนให้เห็นอย่างเด่นชัดว่า พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือแกนนำคนอื่นๆ ไม่เคยมีบทเรียนในเรื่องการควบคุมมวลชน
ยุทธวิธีที่กำหนดเอาไว้จึงไม่เป็นไปตามแผน
ไม่เพียงแต่จะคลาดเคลื่อนในเรื่องปริมาณ จำนวนคนที่จะเดินทางเขาร่วม หากแต่การจัดกำลังต่อกรกับเจ้าหน้าที่ซึ่งมีเพียงกระบอกและแก๊สน้ำตาก็ตกเป็นฝ่ายถูกกระทำมากกว่าจะเป็นฝ่ายกระทำ
แม้ภาพอันปรากฏเหมือนกับจะเป็นการรุกเข้าไปยังแนวของตำรวจ
ยิ่งเพิ่มความรุนแรงในการรุกด้วยการขับรถ 8 ล้อพยายามจะทะลวงจุดปิดกั้น สภาพการรุกก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นฝ่ายตั้งรับและถูกยันกลับ
ไม่ว่าที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ไม่ว่าที่แยกมิสกวัน
ประเด็นสำคัญที่ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประเมินฝ่ายของตนสูงจนกระทั่งกลายเป็นความเพ้อฝันไป
นั่นก็คือ ประเมินว่าจะมีคนเข้ามาร่วมเป็นแสน
1 ประเมินจากจำนวนผู้เข้ามาเยือนในเว็บไซต์จำนวนร่วม 3 ล้าน 1 ประเมินจากคำมั่นสัญญาที่แกนนำแต่ละส่วนรายงาน โดยเฉพาะที่อ้างว่าจะมาจากภาคใต้ไม่ต่ำกว่า 1 แสน
เอาเข้าจริงๆ ก็ระดมมาได้เพียง 2 หมื่นเศษเท่านั้น
เมื่อมวลชนไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เมื่อทำท่าว่าจำนวนของมวลชนอาจจะน้อยกว่ากำลังของตำรวจที่จัดวางด้วยความรัดกุม ความรวนเรย่อมปรากฏขึ้น
ในที่สุดก็จำเป็นต้องถอย จำเป็นต้องสลาย
บทเรียนที่ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ สมควรจะสรุปอย่างเข้มงวดจริงจังคือบทเรียนเรื่องมวลชน
ที่นักต่อสู้ในอดีตเคยสรุปว่า มวลชนคือวีรชนที่แท้จริง สะท้อนออกในเรื่องปริมาณที่เห็นด้วยกับแนวทางการต่อสู้ หากไม่สามารถปลุกระดมมวลชนเรือนหมื่นเรือนแสนได้ก็ยากจะชนะ
มวลชนต่างหากคือเกราะคุ้มกันและช่วยให้สำเร็จตามเป้าหมายได้
Edited by กาลามชน, 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 07:59.
ขออภัย...ผมไม่โต้กับผู้ที่พยายามจะเอาชนะด้วยโวหาร
#6
ตอบ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 08:09
ว่า มี ป๋าเปรม อยู่เบื้องหลังบ้าง โดนจ้างมาบ้าง เตรียม เสื้อแดงมาเพื่อ จะตี กัน สร้างสถานการณ์ให้ทหารออกมารัฐประหาร
จะจับ นางปู บ้าง ล้อม ทำเนียบ ล้อมสภา บ้าบอคอแตก มัน รับผิดชอบอะไร บ้าง เทียบไม่ได้เลยกับเสธ.อ้าย พูดคำไหนคำนั้น
Edited by sithdark, 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 08:10.
#7
ตอบ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 08:15
- หนูน้อยอาเลย์นา likes this
รำคาญสลิ่มเที่ยมที่เข้ามาปล่อยสารพิษเรียกร้องความรุนเเรงเสดงออกถึงความคลั่งสงครามกลางเมืองยุเเยงสร้างภาพชั่วๆ
เอียนวะ เห็นคนเเถวนี้ไอคิวต่ำกว่า 90 หรือไง
#8
ตอบ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 08:23
Tam-mic-ra ฟันธง! คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ ..... คิดครับคิด จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96 ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3
#10
ตอบ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 08:27
ที่ม็อบซึ่งกะลาว่าปราชัย ไร้ยุทธวิธี บลาบลาบลา...นั้น
กลับปั่นหัวรัดตะบานขี้ข้าแม้ว เสียจนต้องวุ่นวายกับการจัดกำลังตำรวจจากทั้งประเทศมาปราบม็อบถึง 50000 นาย
สติแตกเสียจนต้องวุ่นหาวิธีปราบม็อบ ทั้งออกพรบ.ล่วงหน้า ทั้งตีนพลิกกับการหาข่าว
เสียจนไม่มีเวลาทำการบ้านรับศึกอภิปราย!
เมื่อวานถึงได้หน้าแตก ตาค้าง จะเป็นลมเสียให้ได้ กันหลายตัวเลยง่า
กะลา ไม่รู้สึกเหรอว่า...ม็อบพ่าย "ก่อนวันศึกอภิปรายราวกับนัดมา" น่ะ
อย่าลืมกลยุทธ์คลาสสิกในสนามรบดิ "ยอมแพ้ศึก เพื่อชนะสงคราม"
#11
ตอบ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 08:36
แต่เราสะใจนะ กะลา
ที่ม็อบซึ่งกะลาว่าปราชัย ไร้ยุทธวิธี บลาบลาบลา...นั้น
กลับปั่นหัวรัดตะบานขี้ข้าแม้ว เสียจนต้องวุ่นวายกับการจัดกำลังตำรวจจากทั้งประเทศมาปราบม็อบถึง 50000 นาย
สติแตกเสียจนต้องวุ่นหาวิธีปราบม็อบ ทั้งออกพรบ.ล่วงหน้า ทั้งตีนพลิกกับการหาข่าว
เสียจนไม่มีเวลาทำการบ้านรับศึกอภิปราย!
เมื่อวานถึงได้หน้าแตก ตาค้าง จะเป็นลมเสียให้ได้ กันหลายตัวเลยง่า
กะลา ไม่รู้สึกเหรอว่า...ม็อบพ่าย "ก่อนวันศึกอภิปรายราวกับนัดมา" น่ะ
อย่าลืมกลยุทธ์คลาสสิกในสนามรบดิ "ยอมแพ้ศึก เพื่อชนะสงคราม"
ที่เสียเวลาหนักกว่าคือ ปชป มัวไปจัดม๊อบ มุ่งหวังในม๊อบ จนลืมทำการบ้านศึกซักฟอก
ผลคือยื่นเอกสารบางอย่างไม่ครบ ทำให้หมดสิทธิอภิปรายในบางประเด็น
เมื่ออภิปรายไม่ได้ ก็พ่ายตั้งแต่ในมุ้ง
Edited by กาลามชน, 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 08:47.
ขออภัย...ผมไม่โต้กับผู้ที่พยายามจะเอาชนะด้วยโวหาร
#12
ตอบ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 08:44
กรุงเทพธุรกิจ
"อยากจะกล่าวว่าเสียใจ และ พล.อ.บุญเลิศ มันได้ตายไปแล้ว" คือคำกล่าวสั้นๆ ของ "เสธ.อ้าย" พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ที่ขึ้นกล่าวบนเวทีเมื่อเย็นวานนี้ (24 พ.ย.) หลังประกาศยุติการชุมนุม ท่ามกลางความไม่พอใจของมวลชน
แม้ทุกอย่างจะต้องสะดุดหยุดลงอย่างฉับพลันทันทีตามคำประกาศของแกนนำผู้ชุมนุมอย่าง เสธ.อ้าย แต่ย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งมวลชนและองค์กรภาคีเครือข่ายล้วนพากันสับสนต่อท่าทีของเขา และถามหาเหตุผลกันให้วุ่น
เบื้องหลังที่ต้องว่ากันตรงไปตรงมาก็คือ ความล้มเหลวในการชุมนุมครั้งนี้ ปัจจัยหลักมาจาก "เหตุภายใน" มากกว่าเหตุปัจจัยภายนอก
ก่อนอื่นต้องส่องกล้องเข้าไปดูภายในขบวนการ "วันพิพากษา ขับไล่รัฐบาลนอมินีทักษิณ" เสียก่อน จะพบว่ามีองค์ประกอบ 2 ส่วนคือ "ทหารแก่" กับ "นักเคลื่อนไหวภาคประชาชน"
จุดเริ่มต้นขององค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) มีแกนนำหลัก 4 คน คือ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธาน อพส. สมพจน์ ปิยะอุย อดีตเจ้าของหนังสือพิมพ์ชาวไทย และเป็นนายทุน "ขบวนการ 26 มีนาคม 2520" โดยการนำของ พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ เมื่อ 35 ปีที่แล้ว "เสธ.อ้าย" เป็นนายทหารยศพันตรี นำกำลังทหารจากกองพลทหารราบที่ 9 เข้ามายึดอำนาจแต่ไม่สำเร็จ และทั้งคู่โคจรมาพบกันอีกครั้งในนามองค์การพิทักษ์สยาม
แกนนำหลักอีก 2 คนเป็นนายทหาร คือ พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ อดีตรอง ผบ.ทหารสูงสุด เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 1 รุ่นเดียวกับ "เสธ.อ้าย" และ "เสธ.ต๋อย" พล.อ.ณัฐชัย เพิ่มทรัพย์ อดีตหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการประจำ ผบ.สส. เป็นเตรียมทหารรุ่น 6 รุ่นเดียวกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ผู้ที่จุดประกายให้ "เสธ.อ้าย" จัดตั้งองค์การพิทักษ์สยาม ได้แก่ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงษ์ แกนนำกลุ่มเสื้อหลากสี และ บวร ยสินทร แกนนำเครือข่ายพลเมืองปกป้องสถาบัน
ต่อมา พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.สรรหา และ "ติ๊งต่าง" กาญจนี วัลยเสวี แกนนำกลุ่มสยามสามัคคี ได้ประสานให้ "เสธ.อ้าย" เป็นผู้นำจัดการชุมนุมมวลชนในนามองค์การพิทักษ์สยาม จึงเกิดการชุมนุม "รวมพลคนทนไม่ไหว" ที่สนามม้านางเลิ้ง เมื่อ 28 ต.ค.2555
แต่การชุมนุมครั้งแรกก็มีร่องรอยของความขัดแย้ง เมื่อแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ประกาศไม่เข้าร่วมด้วย เพราะมองว่ากลุ่มที่อยู่เบื้องหลังการชุมนุมคือพรรคประชาธิปัตย์
บังเอิญว่าการ "รวมพลคนทนไม่ไหว" มีผู้เข้าร่วมหลายหมื่นคน จึงทำให้แกนนำองค์การพิทักษ์สยามและเครือข่ายที่เข้าร่วมเกิดความคึกคักอย่างมาก
ถนนทุกสายมุ่งสู่สนามม้านางเลิ้ง สาเหตุที่ต้องพูดอย่างนี้เพราะบรรดา "นักเคลื่อนไหว" ที่มีชื่อเสียงจากเวทีพันธมิตรโค่นล้มระบอบทักษิณ ปี 2549 ต่างตบเท้าเข้าไปรายงานตัวกับ "เสธ.อ้าย" กันเป็นทิวแถว ในที่สุด องค์การพิทักษ์สยามจึงขยาย "ภาคีเครือข่าย" ออกไปจนทำให้เกิด "วอร์รูม 30 อรหันต์" ที่มีตัวแทนมาจากหลายองค์กร อาทิ สมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย นำโดย สมบูรณ์ ทองบุราณ และ ไทกร พลสุวรรณ
เครือข่ายช่องทีนิวส์ สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม เจ้าของสำนักนำทีมนักกิจกรรมมวลชน อาสาประสานงานมวลชนต่างจังหวัด และกลุ่มรากหญ้าในเมือง
อีกส่วนหนึ่งมาจากปีกแนวร่วมพันธมิตรเก่า ที่เปิดหน้าให้เห็นคือ พิเชษฐ์ พัฒนโชติ อดีต ส.ว.นครราชสีมา กิมอัง พงษ์นารายณ์ แกนนำชาวนาภาคกลาง และสุนทร รักษ์รงค์ อดีตแกนนำพันธมิตร 16 จังหวัดภาคใต้
อันที่จริงมี "แนวร่วมเสื้อเหลือง" คนดังอีกนับสิบที่แอบเข้าไปนั่งอยู่ใน "วอร์รูม 30 อรหันต์" แต่พวกเขาไม่ยอมเปิดเผยตัว ยกเว้น น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ และ ธัญญา ชุนชฎาธาร อดีตกบฏ 14 ตุลาฯ
การออกแบบการชุมนุม 24 พ.ย.นั้น มีผู้เสนอความเห็นมากมาย แต่สุดท้ายก็ขึ้นกับการตัดสินใจของ "เสธ.อ้าย" คนเดียว เพราะเป็น "ผู้กุมยุทธปัจจัย" ในการขับเคลื่อนครั้งนี้ ด้วยเหตุนี้บรรดา "จอมยุทธ์งานมวลชน" ทั้งหลายจึงพุ่งตรงเข้าหา "เสธ.อ้าย" เพื่ออาสาทำงานใหญ่ แต่บ่อยครั้งที่ไม่ประสานกัน และแย่งชิงการนำ จึงทำให้ "คำขวัญ" และ "ยุทธวิธี" ในการต่อสู้ไม่เป็นเอกภาพ
ในที่สุดการชุมนุมวันพิพากษาก็มาถึง อำนาจการนำทุกอย่างก็รวมศูนย์อยู่ฝ่ายทหาร ที่มี พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์, พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์, พล.อ.ณัฐชัย เพิ่มทรัพย์, พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ, พล.ท.บุญยัง บูชา และ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ แต่ภายหลัง น.ต.ประสงค์ หายตัวไปจากรถบัสเล็กที่ดัดแปลงเป็นกองบัญชาการม็อบเสธ.อ้าย
ปัญหาการปะทะกันที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ในตอนเช้า สะท้อนปัญหาการจัดหน่วยรักษาความปลอดภัย หรือ "การ์ด" ที่ได้แบ่งความรับผิดชอบระหว่างฝ่ายทหารแก่ กับฝ่ายนักเคลื่อนไหวมวลชน โดยระบุไว้ต้องใช้การ์ด 2 พันคน แบ่งเป็นฝ่ายทหาร 1,500 คน และฝ่ายนักเคลื่อนไหว 500 คน
ไม่ทราบว่าอะไรเกิดขึ้น เมื่อเกิดเหตุเผชิญหน้า กลับไม่มีการ์ด โดยเฉพาะ "การ์ดบุก" และมีแต่ "การ์ดรับ" จึงทำให้การขยายพื้นที่การชุมนุมกระทำการไม่สำเร็จ
"การ์ดบุก" หายไปไหน? ทั้งที่มีการพูดคุยกันแล้วเรื่องจะมีการจัดหาคน เพื่อจัดวางกำลังไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาจริง กลับไม่มีการ์ดมาดูแลมวลชนมากเท่าที่วางแผนกันไว้
จุดเปลี่ยนของม็อบเสธ.อ้ายอยู่ในช่วงบ่าย เมื่อ "สมณะโพธิรักษ์" ได้เข้าไปดูแลและคอยเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วย ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ และ "เสธ.จ๊อด" กิตติชัย ใสสะอาด อดีตการ์ดพันธมิตรฯ แต่มีการปะทะและตำรวจโยนแก๊สน้ำตาใส่ จนทำให้ สมณะโพธิรักษ์ ก็ได้รับผลกระทบจากแก๊สน้ำตาเช่นกัน
ในที่สุด "พ่อท่าน" สมณะโพธิรักษ์ เป็นศูนย์กลางที่ให้ความคิดชี้นำทุกอย่าง และสมาชิกกองทัพธรรม จึงเปิดใจคุยกับ "เสธ.อ้าย" อันเป็นที่มาของการยุติการชุมนุมครั้งนี้
เรียกว่าปราชัยหมดรูปทั้งยุทธศาสตร์และยุทธวิธี!
ก็ดีแล้ว เราไม่อยากให้มีคนเจ็บตายเหมือนม๊อบแดง ปี 53
คุณกาม เอ๊ย ขอโทษ กาลาม รู้จักคำว่าเมตตา กรุณา มั้ยคะ
หรือว่าชอบเห็นคนไทยฆ่ากันเอง
ปล.เป็นอะไรมากรึเปล่าคะเนี่ย หรือว่าเป็นคนไม่ดี เห็นชาติบ้านเมืองย่อยยับไปเรื่อยๆ แล้วมีความสุข
- ทรงธรรม likes this
#13
ตอบ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 08:46
ผมว่าเขาวิเคราะห์ได้ดีกว่าไอ้พวกมาอวยมั่วๆในนี้เยอะ ฟังความเห็นที่แตกต่างบ้างก็ดีนะ
ก็ถูกต้องแล้ว
อารยะชนแบบคุณเบสต์ ก็ต้องรับความแตกต่างได้ ใช่มั้ยคะ
ศิษย์พี่ของเราเองก็บอกว่าแก้ปัญหากันในสภา วันนี้จะดูว่าศิษย์พี่เจ๋งจริงมั้ย ไม่งั้นขายหน้า...ศิษย์ยุพราชหมด
Edited by pinkpanda, 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 08:49.
#14
ตอบ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 08:46
แต่เราสะใจนะ กะลา
ที่ม็อบซึ่งกะลาว่าปราชัย ไร้ยุทธวิธี บลาบลาบลา...นั้น
กลับปั่นหัวรัดตะบานขี้ข้าแม้ว เสียจนต้องวุ่นวายกับการจัดกำลังตำรวจจากทั้งประเทศมาปราบม็อบถึง 50000 นาย
สติแตกเสียจนต้องวุ่นหาวิธีปราบม็อบ ทั้งออกพรบ.ล่วงหน้า ทั้งตีนพลิกกับการหาข่าว
เสียจนไม่มีเวลาทำการบ้านรับศึกอภิปราย!
เมื่อวานถึงได้หน้าแตก ตาค้าง จะเป็นลมเสียให้ได้ กันหลายตัวเลยง่า
กะลา ไม่รู้สึกเหรอว่า...ม็อบพ่าย "ก่อนวันศึกอภิปรายราวกับนัดมา" น่ะ
อย่าลืมกลยุทธ์คลาสสิกในสนามรบดิ "ยอมแพ้ศึก เพื่อชนะสงคราม"
ที่เสียเวลาหนักกว่าคือ ปชป มัวไปไปจัดม๊อบ มุ่งหวังในมีอบ จนลืมทำการบ้านศึกซักฟอก
ผลคือยื่นเอกสารบางอย่างไม่ครบ ทำให้หมดสิทธิอภิปรายในบางประเด็น
เมื่ออภิปรายไม่ได้ ก็พ่ายตั้งแต่ในมุ้ง
แน่ใจหรือคะ ว่าฟังแล้วถึงแก่น มิได้หลงอยู่แต่เปลือก
ตั้งสติหน่อย
- ทรงธรรม likes this
#15
ตอบ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 08:49
"ประชาธิปไตย ไม่ได้เป็นอะไรที่หยุดนิ่งอยู่กับ.....ต้องแน่ใจว่าทุกคน มีอิสระภาพในการแสดงออก...."http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=34enMRDXN4w
ประชาธิปไตยในสายตาของโอบามา ในนาทีที่ 14:50
ที่ว่า ไม่หยุดนิ่งก็คือ ไม่หยุดนิ่ง แค่การเลือกตั้งเท่านั้น
ที่ว่ามีอิสระภาพ ก็คืออิสระภาพในการชุมนุมอย่างสงบ ไม่ไปกีดกัน กีดขวาง ออกกฏหมายละเมิด ไม่ให้มีการชุมนุม
หากเป็นไปได้ ทางองค์การพิทักษ์สยามสามารถร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณา การออกประกาศการบังคับใช้พรบ.ในครั้งนี้นี้ละเมิดสิทธิของประชาชนหรือไม่ และนำไปสู่การถอดถอนผู้เกี่ยวข้องในการออกประกาศพรบ.นี้ และอาจมีฟ้องร้องให้มีการยุบพรรค อีกต่อไป
Tam-mic-ra ฟันธง! คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ ..... คิดครับคิด จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96 ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3
#16
ตอบ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 09:04
#17
ตอบ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 11:24
1. ถ้าชุมนุมต่อ ตอนกลางคืนจะโดนตะกวดส่องตายกันกี่คน เขาถึงได้เลิก
2. เสธอ้ายก็บอกแล้ว ว่าชุมนุมวันเดียว ไม่มียืดเยื้อ เพราะรุ่งขึ้นอภิปรายรัฐบาล จะให้เอามาเป็นข้ออ้างล้มอภิปรายเหรอ
3. เสธอ้ายประกาศวางมือ ถึงมีคนเจ็บ แต่ไม่มีคนตาย งานนี้ประชาชนเป็นผู้ถูกกระทำ รัฐบาลผิดเต็มประตู
เมื่อปัจจัยหลายๆอย่าง เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการชุมนุมแล้ว จึงถือว่าการชุมนุมประสบผลสำเร็จ
เว้นแต่ไอ้พวกโลกแคบ
ที่คิดว่า การก่อม้อบ ต้องอยู่นาน ต้องรุนแรง เร่งเร้า ปะทะกันเลือดสาด บุกทำเนียบ ล้มรัฐบาล ถ้าแบบนั้นที่เรียกว่าสำเร็จ
แสดงว่า พวกมันก็เป็นแค่ควายแดงขี้ข้าทักษิณที่นิยมชมชอบความรุนแรง ทำร้ายร่างกาย เผาเมือง เท่านั้น
#18
ตอบ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 11:37
วันเวลา ... พร้อม..
สถานที่ ... พร้อม..
เสบียง ... พร้อม..
กระได... พร้อม...
ผมยังบอกอีกว่า... "ไปฟังนักวิชาเิกินพล่ามเรื่องที่รูื้้กันทุกคนจบแล้ว ทำไงต่อ..."
ประกาศชัยชนะ แล้ว กลับบ้าน...
"คนโง่มักจะชอบว่าคนอื่นว่าโง่"
"ถ้าคนเราคิดเหมือนกันหมด ก็ไม่มีเลือกตั้งซิครับ"
"ผมไม่พูด เรื่อง 112 แล้ว นะครับ กรุณาอย่าถาม (17 พค 2012)"
#19
ตอบ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 12:39
แต่เราสะใจนะ กะลา
ที่ม็อบซึ่งกะลาว่าปราชัย ไร้ยุทธวิธี บลาบลาบลา...นั้น
กลับปั่นหัวรัดตะบานขี้ข้าแม้ว เสียจนต้องวุ่นวายกับการจัดกำลังตำรวจจากทั้งประเทศมาปราบม็อบถึง 50000 นาย
สติแตกเสียจนต้องวุ่นหาวิธีปราบม็อบ ทั้งออกพรบ.ล่วงหน้า ทั้งตีนพลิกกับการหาข่าว
เสียจนไม่มีเวลาทำการบ้านรับศึกอภิปราย!
เมื่อวานถึงได้หน้าแตก ตาค้าง จะเป็นลมเสียให้ได้ กันหลายตัวเลยง่า
กะลา ไม่รู้สึกเหรอว่า...ม็อบพ่าย "ก่อนวันศึกอภิปรายราวกับนัดมา" น่ะ
อย่าลืมกลยุทธ์คลาสสิกในสนามรบดิ "ยอมแพ้ศึก เพื่อชนะสงคราม"
กลยุทธ์นี้ อาจเห็นไม่ชัด ไม่จะ จะ
แม้ว่า เวลาใช้พูด อาจดูดี เทห์ สุขุม และ ลุ่มลึก
ลึก จนอาจถึงขั้น โดนคนอื่น เยาะ ได้ ว่า ดำน้ำ
กลยุทธ์ที่เห็น จะจะ เน้นๆ เต็มข้อ
แม่ไม่เท่ แต่ใช้ได้ เห็นผล
เป็นที่ ฮือฮา สร้างความงุนงง สงสัย
ทั้งฝ่ายศัตรู และฝ่าย ตนเอง
สมเป็นยอด กลศึก กลางสนาม ขนานแท้
หนึ่งใน 36 กลยุทธซุนจื่อ วิชาก้นหีบ สุดหวง วิชาสุดท้าย
หนีคือยอดกลยุทธ์
กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า เมื่อรบกับข้าศึก หากข้าศึดแข็งเราอ่อน อาจจะถอยร่นอย่างรวดเร็ว เพื่อหลบเลี่ยงการปะทะเสียก่อน ดังที่มีคำกล่าวไว้ใน “ คัมภีร์อี้จิง แม่ทัพ ” ว่า “ ถอยหนีมิผิด เป็นวิสัยแห่งสงคราม ” ซึ่งชี้ชัดว่า การถอยหนี่ในการทำสงครามนั้น มิใช้ความผิดพลาด หากแต่เป็นเรืองธรรมดาเสียสามัญในการบที่มักจะพบเห็นเสมอ การถอนเช่นนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายในยามที่เราเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และเพื่อชิงโอกาสตอบโตภายหลังมิใช่ถอยหนีอย่างพ่ายแพ้หมดรูป ตีโต้กลับมิได้อีก ในตำราพิชั้ยสงครามชือ ไหวหนานจื่อ ฝึกการยุทธทหาร เคยกล่าวไว้ว่า แข็งจึงสู้ อ่อนก็หนี ในตำราพิชัยสงครามอีกเล่มหนึ่งชื่อ ปิงฝ่าหยวนจีได้ ก็กล่าวไว้ว่า แม้นหลบแล้วรักษาไว้ได้ ก็พึงหลบ ใน ซุนจื่อ บทกลยุทธ์ ก็กล่าวไว้เช่นกันว่า แข็งพึงเลี่ยงเสีย กลยุทธ์นี้สรุปได้ว่า ภายใต้สภาพการณ์ที่ไม่เป็นผลดี จะต้องหลีกเลี่ยงกับการสู้รบขั้นแตกหักกับข้าศึก ทางออกจึงมีอยู่ 3 ทาง ยอมจำนน เจตจาสงบศึก ถอยหนี เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว การยอมจำนนคือการพ่ายแพ้อย่างถึงที่สุด การขอเจรจาสงบศึกคือการพ่ายแพ้ครึ่งหนึ่ง ถอยหนีกลับอาจจะแปรเปลี่ยนมาเป็นชัยชนะ ได้ ดั้งนั้นจึงได้เรียกชื่อกลยุทธ์นี้เป็น หนีคือยอดกลยุทธ์ ถอยหนีพึงถอยเลี่ยงอย่างมีแผนเป็นฝ่ายกระทำ ซึ่งมีเนื้อหาที่เป็นคุณ มิใช้แต่หนีอย่างไม่ลืมหูลืมตา เมื่อทัพอ่อนเผชิญทัพแข็ง มักจะใช้วิธีหนี เพื่อกระจายกำลังข้าศึก เพื่อสร้างโอกาสกลับมาสู่ชัยชนะนั้นเอง
แต่ที่แตกต่าง จากซุนจื้อ คือ
แม่ทัพ ออกปาก
ไม่ อาาาว อีก แล้ว ตรู เข็ด
#21
ตอบ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 12:49
เดี่ยวนี้เหมือนเล่นเพลงฉ่อยเลย
มีพ่อเพลง
มีแม่เพลง
มีลูกคู่ครบ
เอ้า จัดปายยยยยยย
ตามคำเรียกร้อง ครับพี่
เอ่ชา เอชา ชาชา ฉ่าชา หนอยแม
Edited by หลานคนสร้างชาติ, 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 12:53.
#22
ตอบ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 12:57
เราได้รู้ว่ารัฐบาลนี้มีแนวทางในการควบคุมกับประชาชนมือเปล่าอย่างไร
แล้วเราก็ได้เรียนรู้ว่าเราจะอยู่กับรํฐบาลแบบนี้ได้หรือไม่
#23
ตอบ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:21
อย่างน้อยสุด
เราได้รู้ว่ารัฐบาลนี้มีแนวทางในการควบคุมกับประชาชนมือเปล่าอย่างไร
แล้วเราก็ได้เรียนรู้ว่าเราจะอยู่กับรํฐบาลแบบนี้ได้หรือไม่
ที่สำคัญคือ เรียนรู้ที่จะอยู่ กับ คนคิดต่าง อย่างสันติ ครับ
Edited by หลานคนสร้างชาติ, 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:23.
#24
ตอบ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:22
คนดีจริงไม่โกงที่วัด ไม่ยุแยงให้คนแตกแยก ไม่หลอกคนอื่นให้มารับเคราะห์ตายแทน
#25
ตอบ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:33
Tam-mic-ra ฟันธง! คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ ..... คิดครับคิด จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96 ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3
#26
ตอบ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:42
ถ้าวันๆต้องมาอ่านมาฟังของพวกนี้ เวลาในชีวิตจะเหลือเท่าๆไร การสังเคราะห์ข้อมูลมันคนละเรื่องกับนั่งทางใน
- isa and หนูน้อยอาเลย์นา like this
รำคาญสลิ่มเที่ยมที่เข้ามาปล่อยสารพิษเรียกร้องความรุนเเรงเสดงออกถึงความคลั่งสงครามกลางเมืองยุเเยงสร้างภาพชั่วๆ
เอียนวะ เห็นคนเเถวนี้ไอคิวต่ำกว่า 90 หรือไง
#27
ตอบ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:08
ตูละเหนื่อยใจ เหมือนอ่านกระทู้สิงห์สนามหลวง 5เอ็ม เหมือนฟังคำพูดสมศักดิ์เจียม เหมือนอ่านเอเเบคโพล เหมือนนั่งอ่าน กระทู้ผมอยู่ในเเวดวง ได้ข่าวจากวอรูม
ถ้าวันๆต้องมาอ่านมาฟังของพวกนี้ เวลาในชีวิตจะเหลือเท่าๆไร การสังเคราะห์ข้อมูลมันคนละเรื่องกับนั่งทางใน
ก็ว่างั้นครับ แค่เอาตัวละครฝ่ายตรงกันข้ามมาปะโน่นปะนี่ให้มันครบบท ทำหยั่งกับงิ้วผสมโรง แถมยังไปบวกเอาหมอตุลย์ กับประชาธิปัตย์มาด้วย
เดี๋ยวจะโยนอึได้ไม่ครบตัว สมกับเป็นคอลัมน์จากข่าวตดจริงๆ
#28
ตอบ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:47
ไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งตรึงใจเลย 5555
ทีมที่ไปร่วมงานกับเสธอ้าย ไม่ใช่แกนนำม๊อบอาชีพ แต่วิเคราะห์กันเหมือนวิเคราะห์
แกนนำม็อบอาชีพ ซะงั้น 555555555
ถ้ามาหนึ่งล้าน รัฐบาล จบ มาไม่ถึง ก็อวสานเสือฝ้าย 5555555555
เสธอ้ายแกก็บอกตรงไปตรงมาแล้ว วิเคราะห์ไปก็ไม่ถูกหรอก 5555555
#29
ตอบ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 15:58
อย่างน้อยสุด
เราได้รู้ว่ารัฐบาลนี้มีแนวทางในการควบคุมกับประชาชนมือเปล่าอย่างไร
แล้วเราก็ได้เรียนรู้ว่าเราจะอยู่กับรํฐบาลแบบนี้ได้หรือไม่
ที่สำคัญคือ เรียนรู้ที่จะอยู่ กับ คนคิดต่าง อย่างสันติ ครับ
คนติดอ่างที่ว่า หมายถึงใครเหรอครับ??
- พิฆาตอสูร likes this
ขอเทิดทูนศักดิ์ศรียิ่งสิ่งใด
...แม้แต่ลมหายใจก็ยอมพลี
โลกยังไม่สิ้นหวัง ถ้ายังมั่นในความดี
...ศรัทธาไม่เคยหน่ายหนี คนดีไม่มีวันตาย
#30
ตอบ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 16:16
Tam-mic-ra ฟันธง! คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ ..... คิดครับคิด จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96 ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3
#31
ตอบ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 17:09
อย่างน้อยสุด
เราได้รู้ว่ารัฐบาลนี้มีแนวทางในการควบคุมกับประชาชนมือเปล่าอย่างไร
แล้วเราก็ได้เรียนรู้ว่าเราจะอยู่กับรํฐบาลแบบนี้ได้หรือไม่
ที่สำคัญคือ เรียนรู้ที่จะอยู่ กับ คนคิดต่าง อย่างสันติ ครับ
สันติ โดยแก๊สน้ำตาหมดอายุ
สันติ โดยฟาดกระบองใส่คนแก่
สันติ โดยล็อคคอ เอาเท้าเหยียบ
สันติ จนกระทั่งเมื่อตายไป คนไทยที่เคยเมตตา ต่างสมน้ำหน้า ทั้งแผ่นดิน
สละชีพเพื่อหลักธรรมคือคำขวัญ
ฆ่าคนเพื่อชิงอำนาจคือวิธีการ
ส่วนลิ่วล้อที่ส่งไปตายก็คือตัวหมากแห่งคุณธรรม
#32
ตอบ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 17:19
แต่ไอ้ที่เรียกร้องให้ทหารยึดอำนาจเนี่ย...พอเหอะ
ถ้ามันเวิร์คจริงป่านนี้บ้านเราเป็นประเืทศพัฒนาไปนานละ
#33
ตอบ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 17:21
นาย บวร กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันการกระทำของรัฐบาลถือเป็นการขัดกับหลักสากลอย่างยิ่ง เพราะการใช้ พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว ต้องเป็นไปเพื่อความมั่นคงของประเทศที่เป็นประชาธิปไตย และระมัดระวังไม่ให้กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน รวมทั้งเป็นการประกาศใช้ที่ขัดกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ เป็นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เพราะเป็นการประกาศใช้ล่วงหน้าที่เกินสมควรแก่เหตุ สร้างความตื่นตระหนกแก่สังคมและมีลักษณะการกระทำเพื่อความมั่นคงของรัฐบาล เองด้วยการขัดขวางการชุมนุมทุกวิถีทาง ซึ่งการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปิดกั้นเส้นทางจราจรและการใช้แก๊ส น้ำตาอย่างข้ามขั้นตอน จึงไม่เป็นไปตามหลักสากล ถือว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ และมีเจตนาที่สร้างความลำบากแก่ผู้ที่จะเข้าร่วมชุมนุมจนก่อให้เกิด การบาดเจ็บถึง 82 ราย เป็นผู้เข้าชุมนุม 52 ราย และเจ้าหน้าที่ตำรวจ 30 นาย จึง อยากขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินรคดีอาญากับนายกรัฐมนตรี และ ครม.ที่ได้มีมติประกาศมาตรการตามพ.ร.บ.ดังกล่าว และผู้บัญชาการตำรวจตแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย นอกจากนี้ขอให้รัฐบาลชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้บาดเจ็บตาม พ.ร.บ.ความมั่นคง มาตรา 20 ตามที่ผู้ได้รับความเสียหายจะเรียกร้องต่อไป
ขณะที่ด้านเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ได้รับหนังสือไว้ก่อนนำเสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
หลังจากที่ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. นายบวร ก็ได้เดินทางมาที่ศาลปกครองเพื่อพบปะกับประชาชนตามที่ได้นัดหมายไว้ว่าจะมายื่นเรื่องดังกล่าวที่ศาลปกครอง เพื่อพิจารณาดำเนินการกับรัฐบาลที่ได้ออก พ.ร.บ.ดังกล่าว และดำเนินการต่อกลุ่มผู้ชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม เมื่อวันที่ 24 พ.ย. แต่เมื่อพิจารณาแล้ว ยังไม่สามารถยื่นฟ้องต่อศาลปกครองในขณะนี้ได้ โดยมีกรณีศึกษาเมื่อครั้งการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาแล้ว แต่ในชั้นนี้เห็นว่าอาจจะกระทบสิทธิของกลุ่มผู้ชุมนุม ดังนั้นจะศึกษาในเรื่องของสิทธิผู้ชุมนุม ว่าเข้าข่ายละเมิดสิทธิกลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่ แล้วจะนำเรื่องไปร้องต่อกรรมการสิทธิมนุษยชน ( กสม.) ต่อไปว่ารัฐบาลได้มีการละเมิดสิทธิผู้ชุมนุมที่มีการชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ ซึ่งหากมีการยื่น จะแจ้งให้ทราบในภายหลังอีกที.
Tam-mic-ra ฟันธง! คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ ..... คิดครับคิด จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96 ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3
ผู้ใช้ 2 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 2 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน