Jump to content


Photo
- - - - -

สามก๊ก เอามาใช้ในทางการเมือง-ทหาร ได้จริงๆ หรือ?


  • Please log in to reply
230 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 eAT

eAT

    ผมเป็นเสื้อแดงฮับ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,589 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:05

เห็นมีคนเอามาใช้อยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะสมัยก่อน วิเคราะห์การเมืองก็ใช้ประจำ
ผมไม่เคยอ่านหรอก ถึงแม้จะซื้อมา แต่ด้วยความที่ไม่สามารถจำตัวละครจำนวน
มากได้ เลยยอมแพ้ ถึงจะเคยได้อ่านฉบับวณิพกก็ตาม

เห็นหลายๆ คนยกย่อง แต่พอได้อ่านของ "เล่าชวนหัว" ซึ่งวิเคราะห์ไว้ว่า
ด้วยความเป็นที่นิยมของ "สามก๊ก" ทำให้คนจีนมักนำมาใช้ โดยเปรียบเทียบ
ตนเองเป็นดังขงเบ้ง ทำให้รบทีไรก็แพ้ เสียชาติ เสียแผ่นดิน แถมต่างชาติ
ก็เอาสามก๊กไปวิเคราะห์หาอุปนิสัยแล้วย้อนรอยกลับมาเล่นงานจน จำนวน
ทหารเพียงเล็กน้อย ก็แบ่งชาติจีนเป็นส่วนๆ ได้แล้ว

เนื่องจากเป็นบอร์ดการเมือง มีหลายๆ คนอางถึงสามก๊กบ่อย ท่านมีความเห็น
ว่าอย่างไร



*คำพูด คำเขียน ของขงเบ้งนั้นดีเลิศ แต่การกระทำละครับ
เป็นไปอย่างที่ได้เขียนไว้และสอนผู้อื่นหรือเปล่า - -
เพราะดูจากภูมิหลังในชีวิตของท่านแล้วท่านระหกระเหินมาแต่เล็ก

ไม่เคยได้รับการศึกษาอย่างจริงจังการครองชีพก็ขัดสน
ต้องพึ่งพาแต่ผู้อื่น พอรุ่นหนุ่มก็เก็บตัวเงียบป็นมังกรซุ่มอยู่ถึงสิบปี
ประสบการณ์ที่ท่านได้รู้ได้เห็น ส่วนใหญ่ก็ได้จากตำราที่ไปขอยืมเขาอ่าน
คบเพื่อนไม่กี่คน ท่านไม่เคยไปไหนมาไหนเกินกว่าละแวกที่หมกตัวอยู่
แล้วท่านไปหยั่งรู้ดินฟ้ามหาสมุทร ภูมิประเทศ สังคมมนุษย์
ตลอดจนเขียนแผนที่บ้านนั้นเมืองนั้นได้อย่างไร หรือว่ามีฌานวิเศษ ตรัสรู้ได้เอง

Posted Image



#2 Gop

Gop

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,450 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:12

ผมว่าถ้าเรื่องการทหารบางอย่างผมว่าติงต๊องมาก

มีหมื่น กับ สิบหมื่นนั้นไม่สำคัญตัดสินกันตอนประลองฝีมือขอทหารเอก ฝ่ายไหนทหารเอกชนะ ก็ชนะได้อย่างง่ายดาย ทั้งที่ทหารอาจจะน้อยกว่าเป็นสิบเท่าก็ได้ ผมว่ามันดูซื่อบื้อไปหน่อย ถ้าเรื่องการทหาร ผมชอบอ่านประวัติศาสตร์จริงๆเลยมากกว่าครับ

หลักฐานไม่เคยโกหก (Gilbert Grissom C.S.I.)<p>Beneath this mask there is more than flesh. Beneath this mask there is an idea, Mr. Creedy, and ideas are bulletproof.

 


#3 eAT

eAT

    ผมเป็นเสื้อแดงฮับ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,589 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:17

ผมว่าถ้าเรื่องการทหารบางอย่างผมว่าติงต๊องมาก

มีหมื่น กับ สิบหมื่นนั้นไม่สำคัญตัดสินกันตอนประลองฝีมือขอทหารเอก ฝ่ายไหนทหารเอกชนะ ก็ชนะได้อย่างง่ายดาย ทั้งที่ทหารอาจจะน้อยกว่าเป็นสิบเท่าก็ได้ ผมว่ามันดูซื่อบื้อไปหน่อย ถ้าเรื่องการทหาร ผมชอบอ่านประวัติศาสตร์จริงๆเลยมากกว่าครับ


เหมือนมีคนบอกว่า มันก็มีแบบนี้เหมือนกัน เหมือนชนช้างไง
แต่ว่านานๆ จะเกิดสักครั้ง

แล้วกลยุทธประเภทเล่นขิมบนกำแพงเมืองละครับ

#4 ขุนพลชิน

ขุนพลชิน

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,053 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:17

บางคนเอามาอ้างแค่ให้ตัวดูดี เหมือนแขวนพระเกจิอาจารย์ดัง

#5 raffy

raffy

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,517 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:27

บางอย่างในสามก๊ก
มันก็มีเหมาะสมกับในปัจจุบัน
แต่บางอย่างที่มันไม่เหมาะแล้ว
มันก็มีครับเพราะด้วยยุคสมัยมันเปลี่ยนไป
แต่ด้วยการอ่านจากสามก๊กมันก็มีแง่คิดในหลายๆอย่าง

แต่อย่าเอาไป SHE อ่านนะครับ
ไม่ใช่ว่ากลัว SHE จะเอาไปใช้ประโยชน์อะไรทางการเมือง
แต่ผมกลัวหนังสือครับ

ว่า SHE จะเอาไปหนุนหัวนอน
หรือจะเอาไปหนุน.....แทน 555555

#6 eAT

eAT

    ผมเป็นเสื้อแดงฮับ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,589 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:27

เคยอ่านหนังสือเป็นการเจาะเฉพาะบุคคล ในสามก๊ก เขียนโดย คุณเล่าชวนหัว (นามปากกา) .... ผู้เขียนท่านบอกว่า .... สามก๊ก ที่เป็น ประวัติศาสตร์ กับ ที่เราอ่านกันฉบับนิยายอิงประวัติศาสตร์ ...ซึ่งเขียนโดย หลอกว้านจง ... เป็น คนละฉบับกัน ...ฉบับนิยายเขียนเพื่อให้คนดูงิ้ว ดูละครสนุก โดยชี้บางตอนให้เห็นว่า มันไม่น่าจะเป็นไปได้ตามหลักความจริงใ...เรื่องจริงที่เป็น ปวศ ไม่ได้เป็นดังงิ้วที่เล่นกันใ...

ยกตัวอย่าง ตอนที่ขงเบ้งตีขิมในเมืองเสเหลียง เมืองร้าง ....เมืองขนาดเล็ก เปิดประตูเมืองสี่ด้าน ให้เห็นแบบโปร่งใส ....สุมาอี้ยกกำลังมามากกว่าคนในเมืองมากนัก หลายเท่าตัว ไม่ต้องต่อสู้ตัวต่อตัว แต่แค่นำก้อนอิฐให้ทหารปาคนละก้อนก็ถมเมืองเต็มแล้ว จึงไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะยกพลหนีไป...

ทั้งสองคน ต่างก็มีความแสบคนละอย่าง....สุมาอี้ ร้ายลึก แสบแบบเงียบๆ แต่กรีดแล้วเจ็บ ...... ล้มราชวงศ์ของทายาทโจโฉ....ตั้งราชวงศ์ของตนเอง ....แต่ว่ามีระยะเวลาสั้นๆ เพียง ๔ ฮ๋องเต้เท่านั้น.... เรื่องนี้บอกได้อย่างหนึ่งว่า การที่ผู้ปกครองขาดซึ่งจริยธรรม ในการปกครอง ไม่ได้เห็นแก่ส่วนรวมเท่าที่ควร ก็ไม่อาจรักษาอำนาจนั้นไว้ได้นาน เพราะอำนาจที่แท้จริง ไม่อาจถือไว้ได้ในมือคนใดคนหนึ่ง ....เรื่องนี้ลองไปหาอ่านในไซจิ้น ซึ่งเป็นเรื่องราชวงศ์โจว หลานปูของสุมาอี้ สุมาเอี๋ยนเป็นผู้ก่อตั้ง....

..ตอนที่ขงเบ้งไปอำลาสุมาเต๊กโช เพื่อทำงานให้เล่าปี่ สุมาเต๊กโชถอนหายใจ แล้วก็รำพึงหลังจากที่ขงเบ้งลงเขาไปว่า เห็นที่จะเหนื่อย ......เข้าลักษณะมังกรไฟ เพราะว่าวิ่งโลดแล่นทั้งวัน ไม่ได้นอนสบายเหมือนกับการเป็นมังกรหลับอีกต่อไปแล้ว....

...ขงเบ้งมีความสามารถในการทำนายทายทัก ดูดาว ดูลมฝน น่าจะเป็นมีความรู้ทางโหราศาสตร์ และ ฮวงจุ้ยด้วย (เพราะดูทำเล และ คำนวณเรื่อง ลม ฝน ได้) แต่ก็พลาดหนักตรงที่ดูคน และ อาจเลือกใช้คนผิดกับงาน ปล่อยให้กวนอูไปครองเกงจิ๋ว และไม่ส่งเสริมให้ ทหารที่มีฝีมือ และ มีกึ๋นอย่างจูล่ง ได้ทำงานตามความสามารถที่มี....

....จิวยี่ ไม่ได้ตายเพราะรากเลือดที่แพ้กลขงเบ้งตามละคร แต่อาจป่วยตาย ด้วยโรคระบาด หรือหวัดนก จากการไปทำสงครามที่ผาแดง ตามหนังเรื่อง The Red Cliff ภาค I ,II ....
เรื่องหวัดนกนี่ คิดเอง อิอิ... แต่ที่แน่ๆ จิวยี่ไม่ได้เป็นคนโง่ แบบที่โดนสร้างภาพ หากแต่เป็นคนที่ทำงานเพื่อกังตั๋ง อย่างแท้จริง....

http://www.vcharkarn.../vcafe/168196/1


Edited by eAT, 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:28.


#7 Gop

Gop

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,450 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:33


ผมว่าถ้าเรื่องการทหารบางอย่างผมว่าติงต๊องมาก

มีหมื่น กับ สิบหมื่นนั้นไม่สำคัญตัดสินกันตอนประลองฝีมือขอทหารเอก ฝ่ายไหนทหารเอกชนะ ก็ชนะได้อย่างง่ายดาย ทั้งที่ทหารอาจจะน้อยกว่าเป็นสิบเท่าก็ได้ ผมว่ามันดูซื่อบื้อไปหน่อย ถ้าเรื่องการทหาร ผมชอบอ่านประวัติศาสตร์จริงๆเลยมากกว่าครับ


เหมือนมีคนบอกว่า มันก็มีแบบนี้เหมือนกัน เหมือนชนช้างไง
แต่ว่านานๆ จะเกิดสักครั้ง

แล้วกลยุทธประเภทเล่นขิมบนกำแพงเมืองละครับ


เรื่องของเรื่องคือมันเกิดบ่อยมากจนเซ็งเลยน่ะครับ แล้วคนที่ประลองไม่ใช่แม่ทัพใหญ่อย่างพระนเรศวรกับพระมหาอุปราชานะครับ แต่เป็นพวกทหารเอกฝีมือดี อย่างกวนอู จูล่ง มาดวลกับ ลิโป้ อะไรประมาณนี้ พอใครแพ้ ทุกอย่างเหมือนจบสิ้นเลย ผมงงว่าจะเกณฑ์กันมาให้มากมายทำไมให้เปลือง?

ส่วนเรื่องเล่นขิมเนี่ย ผมกลับมองว่ามันเหมือนลับ ลวง พราง ถ้าจะเปรียบเทียบกับสมัยนี้ ก็คงประมาณเล่นสงครามข่าวสาร ออกข่าวลวง ทำทีเหมือนว่ามีกับดักซ่อนอยู่ แต่ความจริงแล้วกำลังล่าถอย สำหรับผม มันก็งั้นๆนะ มันดูหวือหวาเพราะใช้การลวงด้วยการเล่นขิม แต่หลักๆ ก็คือการอำพรางการร่นถอย ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปรกติครับ

หลักฐานไม่เคยโกหก (Gilbert Grissom C.S.I.)<p>Beneath this mask there is more than flesh. Beneath this mask there is an idea, Mr. Creedy, and ideas are bulletproof.

 


#8 sanskrit_shower

sanskrit_shower

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,741 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:41

ผมว่าถ้าเรื่องการทหารบางอย่างผมว่าติงต๊องมาก

มีหมื่น กับ สิบหมื่นนั้นไม่สำคัญตัดสินกันตอนประลองฝีมือขอทหารเอก ฝ่ายไหนทหารเอกชนะ ก็ชนะได้อย่างง่ายดาย ทั้งที่ทหารอาจจะน้อยกว่าเป็นสิบเท่าก็ได้ ผมว่ามันดูซื่อบื้อไปหน่อย ถ้าเรื่องการทหาร ผมชอบอ่านประวัติศาสตร์จริงๆเลยมากกว่าครับ


ถ้าทหารทั้งหมดฝึกมาเหมือนกัน กุนซือ+แม่ทัพเก่งพอๆกัน สิบหมื่นย่อมชนะ 1หมื่นอยู่แล้วครับ

แต่กรณีนี้ผมมองว่าการที่ทหาร 1 หมื่นชนะสิบหมื่นได้นั้น มาจากวินัยของทหาร และประสบารณ์ของแม่ทัพ+กุนซือ

ยิ่งสมัยก่อน การติดต่อสื่อสารระหว่างกองทัพ มันน่าจะยาก เช่นระหว่างทัพหน้า กับทัพหลัง ยิ่งคนยิ่งเยอะ ทัพที่อยู่ข้างหลังก็จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแนวปะทะแล้วบ้าง

ยิ่งกองทัพที่คนเยอะและถูกตีแตกครั้งแรกที่ทัพหน้า พวกที่อยู่ข้างหน้าเริ่มถอย พวกที่อยู่ข้างหลังก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า มันก็จะทำให้เกิดเหตุการเหยียบกันตายได้


อันนี้ไม่ได้คิดเอาเองนะครับ เอามาจากนิยายของหวงอี้ เรื่องอะไรผมจำไม่ได้แล้ว เรื่องราวประมาณว่าทหารชนเผ่านอกด่านรวมกำลังมาเป็นล้านยกทัพมาประชิดเมืองแล้ว

แต่ทหารของกองทัพฮั่นมีหลักหมื่นเท่านั้น แม่ทัพเค้าเลยใช้วิธีที่ผมเล่าให้ฟังเนี่ยล่ะครับ ไล่พวกนอกด่านออกไปได้

#9 พระฤๅษี

พระฤๅษี

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,127 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:42

กลศึกใน สามก๊ก ก็มีที่ เจ๋ง ๆ อยู่ไม่กี่คน ส่วนมากจะยึด

เอาภูมิประเทศเป็นหลัก ใช้.กฏธรรมชาติ.เป็นตัวเสริม เช่น

น้ำ.ลม.ไฟ.ดูได้..อย่างเช่น ( ถ้าทหารเก่งทางน้ำ.ทางเรือ)

ทางบกก็ไม่ชำนาญ จะให้ไปขี่ม้ายิงเกาทัณคงไม่ถนัด การ

วางแผน ก็มีคนที่..ทันเกมส์ ขงเบ้ง..ก็มี จะด้อยกว่าเรื่อง

ดาราศาสตร์เท่านั้น.ถ้าพูดถึง..พิชัยสงคราม.แล้ว ไม่มีใครเกิน

พิชัยสงคราม ซุนวู . แปลหลายภาษาทั่วโลก แม้แต่ สงคราม

โลกครั้งที่ 2 ฮิตเลอร์ก็นำมาใช้..(ทิ้งระเบิดปูพรมเกาะอังกฤษ )

ทหารเมกา รบในตะวันออกกลาง ก็ใช้.. เอ๊ะ.นอกเรื่อง แล้ว..

โทษที..คุยเรื่องพวกนี้แล้วมัน...

#10 gears

gears

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,450 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:47

มาปูเสื่อรอท่านผู้รู้. มาออกความเห็นครับ

ท่านฤาษี. ครับ ต่อเลยครับ
สมองกำลังทำงาน. อิอิ
ความรู้ทั้งนั้น

#11 คำปู้จู้

คำปู้จู้

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 387 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:56

เรื่องหยั่งรู้ดินฟ้า ผมว่าคงไม่ถึงขนาดนั้นมั้งครับ

สมัยก่อน สภาพแวดล้อมของโลกอาจจะยังดีกว่านี้มาก ทำให้ฤดูกาลต่าง ๆ เป็นไปตามธรรมชาติที่ควรจะเป็น


เมื่อถึงหน้าฝน ฝนก็มา ถึงหน้าร้อน ก็ร้อนจริง ไม่มีฝน


การทำนายสมัยก่อน ก็คงใช้ข้อมูลในอดีตของปีก่อนๆ ว่าช่วงที่ทำกสิกรรม มีสภาพอากาศอย่างไร

อาจจะแค่เปรียบเทียบว่า คนที่สามารถพยากรณ์อากาศได้นั้น เหมือนคนหยั่งรู้ดินฟ้า

แต่ถ้าเป็นสมัยนี้ สงสัยขงเบ้งจะเงิบครับ พยากรณ์ลำบาก เดี๋ยวฝนเดี๋ยวแดดเดี๋ยวหนาวในวันเดียว :D



รวมๆ น่าจะเป็นหลักปรัชญา หลักการคิดการบริหารมากกว่าครับ

ที่สามารถเอามาปรับใช้กับการบริหารงานสมัยนี้ได้





อีกหลักการบริหารที่ชอบก็ของขงจื๊อนะครับ

มันทำให้เราคิดทบทวนตัวเองตลอดเวลาว่าเราทำงานดีแล้วรึยัง

บริหารดีแล้วรึยัง





ปล.ความเห็นเฉยๆนะครับ เคยอ่านนานมากแล้ว ลืมๆไปเยอะ :)

Edited by คำปู้จู้, 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:57.

สิ่งที่กดสันดานดิบของคนเอาไว้  มันชักจะเหลือน้อยลงไปทุกที

 


#12 Emolution

Emolution

    โคตรพ่อโคตรแม่ควายแดง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,029 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:58

มันก็เหมือนยันต์ 5 แถว แหละ มีก็ได้ ไม่มีก็ได้

#13 stormtrooper

stormtrooper

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 356 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:01

ถ้าหมายถึงสามก๊ก ของ เจ้าพระยาพระคลัง (หน) ฉบับนั้นแปลมาจากนิยายของหลอก้วานจง คนแต่งมีความสามารถนำประวัติศาสตร์มาเรียงร้อย ใส่ความเป็นดราม่าเข้าไป เพื่อไม่ให้เป็นแค่ประวัติศาสตร์ฝืด ๆ แต่คนไทยชอบเอามาใช้เปรียบเทียบเวลาออกความเห็นเรื่องการเมืองจังเลย ที่แต่งไว้ว่าจิวยี่ตายเพราะกระอักเลือดเนื่องจากแค้นขงเบ้ง ประวัติศาสตร์จริง ๆ บอกว่าติดโรคระบาด สำหรับผมสามก๊ก (三國演義) ก็เป็นแค่นิยายอ่านเอาสนุกพอได้ แต่จะมาใช้ประกอบความเห็นคงไม่ไหว

#14 eAT

eAT

    ผมเป็นเสื้อแดงฮับ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,589 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:03

ตำราพิชัยสงครามซุนหวู่ ผมถือว่าสุดยอดแล้ว
ถึงแม้ว่าจะอ่านเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง
แต่เริ่มต้นก็แสดงถึงความรู้ที่่ลึกซึ้งทางการ "ทหาร" อย่างแท้จริง

ปราชญ์ซุนวูกล่าวว่า
การรณรงค์สงคราม
เป็นงานใหญ่ของประเทศชาติ

เป็นจุดความเป็นความตาย
เป็นวิถีทางอันนำไปสู่ความยืนยงคงอยู่
หรือดับสูญหายนะ
พึงพินิจพิเคราะห์จงหนักทีเดียว


http://olddreamz.com...u-content1.html




Posted Image

#15 noslipme

noslipme

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 418 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:03

ถ้าเทียบแล้วยุคนี้ก็เปรียบเหมือนตอนขงเบ้งพ่ายให้กับสุมาอี้
ฝ่ายหนึ่งเก่งฉลาดรอบรุ้สารพัดแขนงวิชา
อีกฝ่ายหนึ่งเพียงแค่คนเยอะเสบียงเยอะ ไม่ได้มีสาระความรู้อะไรมากมาย-
อาศัยเล่นกันแบบด้านๆ ไม่เอาศักดิ์ศรี ไม่กลัวประนามหยามเหยียด

#16 Gop

Gop

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,450 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:09

สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นว่าเวอร์มากๆคือการเดาใจฝ่ายตรงข้าม หลายครั้งเดาได้แบบทะลุปรุโป่ง แบบรู้ทุกรายละเอียด แต่ในความเป็นจริงแล้ว แทบเป็นไปไม่ได้เลย นโปเลียนยังบอกเลย ว่าเดาถูกครึ่งหนึ่ง ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว นี่ขนาดสุดยอดแม่ทัพของโลกนะครับ

หลักฐานไม่เคยโกหก (Gilbert Grissom C.S.I.)<p>Beneath this mask there is more than flesh. Beneath this mask there is an idea, Mr. Creedy, and ideas are bulletproof.

 


#17 sigree

sigree

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,883 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:12

ส่วนตัวอ่าน สามก๊ก มาหลายรอบ

ตอนหลังมาอ่านเรื่อง มหาภารตะ แล้วลองไปเทียบกับ ประวัติศาสตร์อิสลามและการต้องทำศึกกับฝ่ายต่อต้าน

ผมมองว่า บุคคล เป็นเรื่องสำคัญมาก กลยุทธ์แสนดีไม่มีตัวในมือก็เท่านั้น

เหมือนผู้จัดการทีมฟุตบอลหลายทีม เก่งแสนเก่งตัวเลือกมีไม่ได้ดั่งใจ สู้ไปก็แค่เสมอตัว

สังเกตทั้ง 2 เรื่อง การตายของตัวหลักๆมีผลกับการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์เสมอ ทั้งดีขึ้นและแย่ลง

การตายของอภิมันยุ ลิโป้ ฯลฯ มีผลต่อกลศึก

เมื่อคนคือตัวหลัก สภาพสังคมที่ต่างคนก็ต่าง กลยุทธ์และกลวิธีที่เปลี่ยนไป.......

บางทีเราอาจใช่ได้แค่แนวคิดและปรัชญามันเท่านั้น

#18 eAT

eAT

    ผมเป็นเสื้อแดงฮับ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,589 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:13

Art of War



#19 Gop

Gop

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,450 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:18


ผมว่าถ้าเรื่องการทหารบางอย่างผมว่าติงต๊องมาก

มีหมื่น กับ สิบหมื่นนั้นไม่สำคัญตัดสินกันตอนประลองฝีมือขอทหารเอก ฝ่ายไหนทหารเอกชนะ ก็ชนะได้อย่างง่ายดาย ทั้งที่ทหารอาจจะน้อยกว่าเป็นสิบเท่าก็ได้ ผมว่ามันดูซื่อบื้อไปหน่อย ถ้าเรื่องการทหาร ผมชอบอ่านประวัติศาสตร์จริงๆเลยมากกว่าครับ


ถ้าทหารทั้งหมดฝึกมาเหมือนกัน กุนซือ+แม่ทัพเก่งพอๆกัน สิบหมื่นย่อมชนะ 1หมื่นอยู่แล้วครับ

แต่กรณีนี้ผมมองว่าการที่ทหาร 1 หมื่นชนะสิบหมื่นได้นั้น มาจากวินัยของทหาร และประสบารณ์ของแม่ทัพ+กุนซือ

ยิ่งสมัยก่อน การติดต่อสื่อสารระหว่างกองทัพ มันน่าจะยาก เช่นระหว่างทัพหน้า กับทัพหลัง ยิ่งคนยิ่งเยอะ ทัพที่อยู่ข้างหลังก็จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแนวปะทะแล้วบ้าง

ยิ่งกองทัพที่คนเยอะและถูกตีแตกครั้งแรกที่ทัพหน้า พวกที่อยู่ข้างหน้าเริ่มถอย พวกที่อยู่ข้างหลังก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า มันก็จะทำให้เกิดเหตุการเหยียบกันตายได้


อันนี้ไม่ได้คิดเอาเองนะครับ เอามาจากนิยายของหวงอี้ เรื่องอะไรผมจำไม่ได้แล้ว เรื่องราวประมาณว่าทหารชนเผ่านอกด่านรวมกำลังมาเป็นล้านยกทัพมาประชิดเมืองแล้ว

แต่ทหารของกองทัพฮั่นมีหลักหมื่นเท่านั้น แม่ทัพเค้าเลยใช้วิธีที่ผมเล่าให้ฟังเนี่ยล่ะครับ ไล่พวกนอกด่านออกไปได้


หวงอี้ก็นิยายไม่ใช่หรือครับ?

อย่างไรก็ตาม ที่คุณ Sankrit shower พูดนั้นก็เป็นไปได้จริงๆ อย่างตอนศึกเก้าทัพ พอกรมพระราชวังบวรตีทัพหน้าที่ทุ่งลาดหญ้าแตก ทัพที่ตามมาทางกาญจนบุรีทุกทัพ ก็ล้มเหมือนโดมิโนเลย (คิดถึงเรื่องนี้ทีไร รู้สึกทั้งภูมิใจทั้งฮึกเหิมทุกที )
แต่เรื่องของเรื่องคือ มันเกิดขึ้นซ้ำๆซากๆ จนรู้สึกว่า ทำไมถึงได้ติงต๊องอย่างนี้ คนเยอะกว่า ได้เปรียบอยู่แท้ๆ ไปประลองกับเค้าทำไม?

หลักฐานไม่เคยโกหก (Gilbert Grissom C.S.I.)<p>Beneath this mask there is more than flesh. Beneath this mask there is an idea, Mr. Creedy, and ideas are bulletproof.

 


#20 eAT

eAT

    ผมเป็นเสื้อแดงฮับ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,589 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:25




#21 eAT

eAT

    ผมเป็นเสื้อแดงฮับ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,589 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:26



#22 Samkok911

Samkok911

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 12 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:48

*
POPULAR

สวัสดีครับ ชาวเสรีไทย

ผมเพิ่งสมัครเป็นสมาชิกใหม่ เพราะเห็นกระทู้เกี่ยวกับสามก๊ก อ่านแล้วคันไม้คันมีอยากแสดงความคิดเห็นบ้าง
ผมเองเข้ามาอ่านข้อความในบอร์ดนี้บ่อย ๆ เพราะส่วนมากเป็นเรื่องที่หาอ่านไม่ได้ตามเว็บไซต์ทั่วไป
และเพลิดเพลินกับข้อมูลในสถานที่แห่งนี้มาก ๆ ส่วนเรื่องสามก๊ก ที่ว่าเอามาใช้ในทางการเมือง การทหารได้หรือไม่นั้น ?
ต้องขอตอบว่าใช้ได้อย่างแน่นอนครับ

สามก๊กที่เรา ๆ ท่าน ๆ อ่านกันเป็นหลัก คงหนีไม่พ้นฉบับของเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ที่ปรับแต่งมาจากฉบับนิยายอีกที
แม้ว่าจะเป็นนิยาย แต่ความล้ำลึกของแผนการต่าง ๆ ในหนังสือสามก๊กนั้น สามารถหยิบฉวยนำมาใช้ได้เสมอ ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับ
"ศิลป์" ของแต่ละผู้แต่ละคนด้วย ในการนำมันมาประยุกติ์ใช้
เหมือนเวลาสอบเอนทรานซ์ อ่านหนังสือมาเหมือนกัน เรียนมาเหมือนกัน แต่เพื่อนมันดันทะลึ่งได้มากกว่าเรา..

ที่ว่าต้องประยุกติ์ ก็เพราะสามก๊กเป็นเรื่องในสมัยโบราณ พันกว่าปี บางเรื่อง บางอย่าง ไม่สามารถนำมาใช้กับยุคสมัยนี้ได้
จะให้ทหาร ตำรวจมาจัดทัพเป็นขบวนกลพยุหะมาสลายม๊อบ ก็คงไม่ใช่เรื่อง (เพราะใช้แก๊สน้ำตาเก่า ๆ มันง่ายและประหยัดกว่าเยอะ)
ขงเบ้งเล่นเปียโนตีขิม บนกำแพงเมืองร้าง ไม่มีในไม่มี ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ ความหมายต่าง ๆ นานา คนคิด จินตนาการไปเองทั้งนั้น

ส่วนตัวแล้วผมมองว่าเรื่องสามก๊กเป็นเรื่องของการเรียนรู้นิสัยใจคอของ "คน" มากกว่า เพราะในเรื่องสามก๊ก
เราจะได้รู้จักตัวละครเป็นร้อยเป็นพัน แต่ละคนก็มีบุคคลิกลักษณะเฉพาะอันเป็นเอกลักษณ์
คนเราร้อยพ่อพันแม่ พื้นฐานความคิด จิตใจ คุณธรรม ทัศนคติล้วนแตกต่างกัน
ซึ่งแทบทุกกลยุทธิ์ กลศึก กลอุบายในสามก๊ก ล้วนมาจากการอ่านใจ และศึกษานิสัยใจคอของแม่ทัพ
ใช้หลักการง่าย ๆ แต่ทำยากของซุนวูนั่นคือ "รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง" ...

..... หัวใจของสามก๊กมันมีเท่านี้เองครับ

#23 eAT

eAT

    ผมเป็นเสื้อแดงฮับ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,589 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 15:04

ส่วนตัวแล้วผมมองว่าเรื่องสามก๊กเป็นเรื่องของการเรียนรู้นิสัยใจคอของ "คน" มากกว่า เพราะในเรื่องสามก๊ก
เราจะได้รู้จักตัวละครเป็นร้อยเป็นพัน แต่ละคนก็มีบุคคลิกลักษณะเฉพาะอันเป็นเอกลักษณ์
คนเราร้อยพ่อพันแม่ พื้นฐานความคิด จิตใจ คุณธรรม ทัศนคติล้วนแตกต่างกัน
ซึ่งแทบทุกกลยุทธิ์ กลศึก กลอุบายในสามก๊ก ล้วนมาจากการอ่านใจ และศึกษานิสัยใจคอของแม่ทัพ
ใช้หลักการง่าย ๆ แต่ทำยากของซุนวูนั่นคือ "รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง" ...


ดีจ้า
อย่างน้อยก็ยังไม่มีใครไล่ผมให้ไปอ่านสามก๊ก ที่จริงตอนนี้ก็ลองไปมองๆ ดูตูหนังสือ
ก็หาไม่เจอ ไม่รู้ไปซุกอยู่ตรงไหน หรือเผลอเอาไปชั่งกิโลไปแล้วก็ไม่รู้ ผมก็เคยลองอ่าน
ซ้องกั๋งด้วย ก็พวกเดียวกัน ตัวละครเยอะ ขนาดหนังสือกำลังภายในว่าเยอะ ยังสู้ไม่ได้เลย

เรื่องที่บอกว่าเอามาใช้ดูนิสัยคน อันนี้ผมก็ได้ยินมา มีคนบอกว่าใช้ได้ดีทีเดียว
อย่าไปใช้อย่างอื่น เพราะนี่เป็นนิยาย แต่ที่ผมอยากจะถามต่อคือ นิสัยนี่เป็น
ของคนจีน แล้วมาใช้กับคนไทยจะตรงได้แค่ไหนกัน ถึงจะว่าไป ลูกครึ่งจีนมีเยอะ
มากก็ตามที

#24 GuoJia

GuoJia

    Siam

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,463 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 15:12

สามก๊กฉบับเล่นงิ้ว ก็ไว้เล่นงิ้ว
ประเภทคุยว่าหยั่งรู้ดินฟ้ามหาสมุทรแต่รบไม่เคยขนะพ้นชายแดนตัวเอง อย่างนี้ก็ไว้เล่นงิ้วต่อไป
ส่วนฉบับที่ใกล้เคียงประวัติศาสตร์ นำมาพิจารณาใช้ได้
ตัวอย่าง
ทัพโจโฉน้อยกว่าอ้วนเสี้ยว 1 ต่อ 10 กลับชนะได้ อันนี้น่าสนใจต้องไปดูว่าเพราะเหตุใด
ลกซุน "เด็กอมมือ" ที่คนน้อยกว่าใช้กลยุทธ์เผาค่ายเอาชนะทัพเล่าปี่
กุยแกเสนอโจโฉไม่ใช้กองทัพบุกแต่ได้หัวบุตรชายของอ้วนเสี้ยวแบบไม่ต้องออกแรง

“ ...คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา ,

ประเทศชาติผ่านวิกฤติด้วยศรัทธา ยามเมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ “


#25 เพลิงสีนิล

เพลิงสีนิล

    สมาชิก ชั้น 7 โฟร์ซีซั่น

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,629 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 15:15

ก็แค่นิยายที่อิงประวัติศาสตร์ที่สนุก มีเหตุการณ์ต่างๆ น่าสนใจมากมาย

การวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ ก็มีออกมาหลายมุมมอง แล้วแต่จะมองอย่างไร


อย่างตัวละคร เล่าปี่ มองว่าเป็นคนดีก็ได้ มองว่าเป็นคนกลิ้งกลอก ก็ได้

เขาก็แค่เอามา วิเคราะห์ กันในเชิงหลักการบริหาร ยกมาเป็นแบบ


แต่ที่ว่าจะเอา ยุทธวิธีในสามก๊ก มาใช้ดุ้นๆ เลย คงไม่ใช่ เพราะมันอยู่ทีุ่มุมมอง ใครจะมองมุมไหน


ถ้าพูกถึงหลักการบริหาร การทหาร ที่น่าจะตรงมากว่า น่าจะเป็น กลยุทธ ซุนจื่อ

[color=#0000ff;][font="Tahoma, sans-serif;"]เราจะรู้.....รสชาติของความสุข[/color][font="Tahoma, sans-serif;"]ก็ต่อเมื่อ     เราผ่านความทุกข์มาก่อน[/font][/font]


#26 eAT

eAT

    ผมเป็นเสื้อแดงฮับ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,589 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 15:16

ถ้าเทียบแล้วยุคนี้ก็เปรียบเหมือนตอนขงเบ้งพ่ายให้กับสุมาอี้
ฝ่ายหนึ่งเก่งฉลาดรอบรุ้สารพัดแขนงวิชา
อีกฝ่ายหนึ่งเพียงแค่คนเยอะเสบียงเยอะ ไม่ได้มีสาระความรู้อะไรมากมาย-
อาศัยเล่นกันแบบด้านๆ ไม่เอาศักดิ์ศรี ไม่กลัวประนามหยามเหยียด


ถามหน่อยครับ ขงเบ้งบุกไปตีสุมาอี้ หรือสุมาอี้บุกไปตีขงเบ้งครับ

#27 eAT

eAT

    ผมเป็นเสื้อแดงฮับ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,589 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 15:20

ถ้าพูกถึงหลักการบริหาร การทหาร ที่น่าจะตรงมากว่า น่าจะเป็น กลยุทธ ซุนจื่อ


ผมเข้าใจครับ ฮิตเลอร์ก็ใช้ อเมริกาก็ใช้ แล้วก็มีสอนกันอยู่ในโรงเรียนทหาร
ทั้งหลาย แต่การเมืองไทย ผมไม่เคยเจอคนที่ใช้วิเคราะห์เลยนะสิครับ
ทั้งๆ ที่ฝ่ายการเมืองควรจะศึกษาแล้วเอามาใช้ ไม่แน่นะ ตอนนี้วอร์รูมของแดง
อาจจะใช้อยู่ก็ได้

#28 Gop

Gop

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,450 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 15:22


ถ้าเทียบแล้วยุคนี้ก็เปรียบเหมือนตอนขงเบ้งพ่ายให้กับสุมาอี้
ฝ่ายหนึ่งเก่งฉลาดรอบรุ้สารพัดแขนงวิชา
อีกฝ่ายหนึ่งเพียงแค่คนเยอะเสบียงเยอะ ไม่ได้มีสาระความรู้อะไรมากมาย-
อาศัยเล่นกันแบบด้านๆ ไม่เอาศักดิ์ศรี ไม่กลัวประนามหยามเหยียด


ถามหน่อยครับ ขงเบ้งบุกไปตีสุมาอี้ หรือสุมาอี้บุกไปตีขงเบ้งครับ


เท่าที่จำได้ ขงเบ้งบุกซะส่วนมากนะครับ แต่ก็ไปไม่ถึงไหน ยันกันไปยันกันมา จนขงเบ้งตายวุยก๊กถึงจะรุกคืบเข้ามาได้

หลักฐานไม่เคยโกหก (Gilbert Grissom C.S.I.)<p>Beneath this mask there is more than flesh. Beneath this mask there is an idea, Mr. Creedy, and ideas are bulletproof.

 


#29 eAT

eAT

    ผมเป็นเสื้อแดงฮับ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,589 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 15:28



ถ้าเทียบแล้วยุคนี้ก็เปรียบเหมือนตอนขงเบ้งพ่ายให้กับสุมาอี้
ฝ่ายหนึ่งเก่งฉลาดรอบรุ้สารพัดแขนงวิชา
อีกฝ่ายหนึ่งเพียงแค่คนเยอะเสบียงเยอะ ไม่ได้มีสาระความรู้อะไรมากมาย-
อาศัยเล่นกันแบบด้านๆ ไม่เอาศักดิ์ศรี ไม่กลัวประนามหยามเหยียด


ถามหน่อยครับ ขงเบ้งบุกไปตีสุมาอี้ หรือสุมาอี้บุกไปตีขงเบ้งครับ


เท่าที่จำได้ ขงเบ้งบุกซะส่วนมากนะครับ แต่ก็ไปไม่ถึงไหน ยันกันไปยันกันมา จนขงเบ้งตายวุยก๊กถึงจะรุกคืบเข้ามาได้


ถ้าอย่างนั้น สุมาอี้ไม่ได้ไร้ศักดิ์ศรี ขงเบ้งต่างหาก
ที่ห่วย เป็นฝ่ายบุกแต่สู้เขาไม่ได้ จะว่าไปแล้วผิด
หลักของซุนวูชัดๆ เลย รบโดยไม่รู้ว่าจะชนะเขาหรือเปล่า
ดันไปตีเขาตั้งหลายครั้ง สร้างความทุกข์ยากให้ประชาชน

#30 เพลิงสีนิล

เพลิงสีนิล

    สมาชิก ชั้น 7 โฟร์ซีซั่น

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,629 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 15:30



ถ้าเทียบแล้วยุคนี้ก็เปรียบเหมือนตอนขงเบ้งพ่ายให้กับสุมาอี้
ฝ่ายหนึ่งเก่งฉลาดรอบรุ้สารพัดแขนงวิชา
อีกฝ่ายหนึ่งเพียงแค่คนเยอะเสบียงเยอะ ไม่ได้มีสาระความรู้อะไรมากมาย-
อาศัยเล่นกันแบบด้านๆ ไม่เอาศักดิ์ศรี ไม่กลัวประนามหยามเหยียด


ถามหน่อยครับ ขงเบ้งบุกไปตีสุมาอี้ หรือสุมาอี้บุกไปตีขงเบ้งครับ


เท่าที่จำได้ ขงเบ้งบุกซะส่วนมากนะครับ แต่ก็ไปไม่ถึงไหน ยันกันไปยันกันมา จนขงเบ้งตายวุยก๊กถึงจะรุกคืบเข้ามาได้


บุกไปยึดเขา กิสาน ได้เป็นส่วนใหญ่แล้วมีเหตุให้ต้อง ถอยกลับ ทุกที

มีอยู่ครั้งหนึ่ง เบ้ง เกือบ ฆ่า อี้ ได้แล้ว แต่ อี้ ดันรอดไปได้

ตอนนั้น เบ้ง ก็พอรู้แล้วว่า คงไม่มีโอกาส จะชนะ วุย แล้ว

เพราะ โอกาส ฆ่า อี้ คงไม่มีอีกแล้ว ประมาณนั้น



ถ้ามิถูกก็ขออภัย ผมอ่าน ไม่เคยจบเลยจริงๆ

[color=#0000ff;][font="Tahoma, sans-serif;"]เราจะรู้.....รสชาติของความสุข[/color][font="Tahoma, sans-serif;"]ก็ต่อเมื่อ     เราผ่านความทุกข์มาก่อน[/font][/font]


#31 phoosana

phoosana

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,687 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 15:30

ผมเบื่อตรงขี่ม้าเลียบค่าย ด่าทอเพื่อให้แม่ทัพออกมาทำการสู้รบ
กับทรยศเจ้านายตัดหัวเอามาบรรณาการฝ่ายตรงข้ามและขออยู่ด้วย

สองมุขนี้ใช้บ่อยไปหน่อย แต่เวลาที่รบกันจริงๆ การตะโกนด้วยเสียง
กว่าที่ข้าศึกจะได้ยินต้องเข้าไปใกล้มากพอจนเข้ารัศมีของธนู
ถ้าเป็นผมคิดว่าอยู่ในค่ายปลอดภัยแข็งแรงยากจะหักเอาได้
จะแม่ทัพใหญ่แค่ไหนมีเกียรติแค่ไหน ผมก็จะสั่งให้ทหารเลว
ยิงธนูให้ตายเหมือนหมาซะตรงนั้นเลยอยากโง่นัก อิอิ
We love fender.

#32 nameless

nameless

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 143 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 15:35

เล่มหนาปึ้ก เลยไม่เคยอ่านจบครับ หยิบทุกครั้งจบตรงเรื่องของกบฏโจรโพกผ้าเหลืองทุกที :wacko:

#33 Kaizer

Kaizer

    Warlord

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,317 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 15:35

สามก๊กจะเอามาใช้ตรงๆไม่ได้ อย่างดีก็เอามาเปรียบเทียบกลอุบาย ว่าเคยมี Case Study เกิดอย่างนั้นนี้

ถ้าจะเอามาใช้ ต้องเป็นแบบพิชัยยุทธ จะซุนจื่อ กุนจื่อ ก็ว่ากันไป

เหมือนคัมภีร์ทางปกครอง แบบหานเฟยจือ หรือ The Prince ของแมคคิอาเวลลิ

หรือคัมภีร์ทางจริยวัตรแบบขงจื๊อ

พวกนี้จะเป็นเหมือนหนังสือ How To ในปัจจุบัน

แต่สามก๊กจะเป็นนิยายบันทึกประวัติศาสตร์

สละชีพเพื่อหลักธรรมคือคำขวัญ

 

ฆ่าคนเพื่อชิงอำนาจคือวิธีการ

 

ส่วนลิ่วล้อที่ส่งไปตายก็คือตัวหมากแห่งคุณธรรม


#34 เพลิงสีนิล

เพลิงสีนิล

    สมาชิก ชั้น 7 โฟร์ซีซั่น

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,629 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 15:38


ถ้าพูกถึงหลักการบริหาร การทหาร ที่น่าจะตรงมากว่า น่าจะเป็น กลยุทธ ซุนจื่อ


ผมเข้าใจครับ ฮิตเลอร์ก็ใช้ อเมริกาก็ใช้ แล้วก็มีสอนกันอยู่ในโรงเรียนทหาร
ทั้งหลาย แต่การเมืองไทย ผมไม่เคยเจอคนที่ใช้วิเคราะห์เลยนะสิครับ
ทั้งๆ ที่ฝ่ายการเมืองควรจะศึกษาแล้วเอามาใช้ ไม่แน่นะ ตอนนี้วอร์รูมของแดง
อาจจะใช้อยู่ก็ได้


ผมก็เคยอ่านแต่ นิยาย อะ แต่ในนั้นก็มีสอนอะไร ต่อ อะไรหลายอย่าง

เช่น ฮ่องเต้ร่วมทุกข์ได้ แต่ร่วมสุขไม่ได้ อะไรประมาณนั้น
เพราะส่วนมากก็กลัวคนใกล้ตัว จะยึดอำนาจ

ซูนวู เลยต้องหนีออกไปเลี้ยง แพะ ส่วน อู๋จื่อซี ที่ยังรับอยู่รับใช้ โดนใส่ร้ายจะโดน ห้าม้าแยกร่าง

อ่านตอนจบแล้ว เวทนา

[color=#0000ff;][font="Tahoma, sans-serif;"]เราจะรู้.....รสชาติของความสุข[/color][font="Tahoma, sans-serif;"]ก็ต่อเมื่อ     เราผ่านความทุกข์มาก่อน[/font][/font]


#35 Kaizer

Kaizer

    Warlord

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,317 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 15:45

ส่วนเรื่องท้ารบกันนั้น ส่วนตัวมองว่า น่าจะเป็นช่วงต้นๆของเรื่องที่ต่างคนก็ยังเป็นทหารกิ๊กก๊อก และต้องการประหยัดไพร่พล รวมไปถึงกลืนลูกน้องฝ่ายตรงข้ามให้เป็นทหารของตนเอง เพื่อขยายฐานอำนาจ

จะเห็นว่าช่วงหลังๆของเรื่องจะเป็นกลอุบาย เพราะแต่ละคนก็เป็นใหญ่เป็นโต ไม่ต้องไปรำทวนเองแล้ว

อย่างกวนอูครั้งสุดท้ายที่ได้สู้ตัวต่อตัวก็นานมากก่อนที่จะเป็นเจ้าเมืองเก็งจิ๋ว

หรือแม่ทัพของวุยนี่แทบไม่ต้องสู้เลย ใช้ทหารกับลูกน้องตัวประกอบซะเยอะ จะเป็นจ๊กเสียมาก ที่ต้องให้จูล่งลุยเดี่ยวบ่ิอยๆ

สละชีพเพื่อหลักธรรมคือคำขวัญ

 

ฆ่าคนเพื่อชิงอำนาจคือวิธีการ

 

ส่วนลิ่วล้อที่ส่งไปตายก็คือตัวหมากแห่งคุณธรรม


#36 เพลิงสีนิล

เพลิงสีนิล

    สมาชิก ชั้น 7 โฟร์ซีซั่น

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,629 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 15:45

เล่มหนาปึ้ก เลยไม่เคยอ่านจบครับ หยิบทุกครั้งจบตรงเรื่องของกบฏโจรโพกผ้าเหลืองทุกที :wacko:


แนะนำ อ่านที่เป็น การ์ตูน เขาใจง่าย สนุก มีแผนที่ รูปเยอะ ฮาด้วย

[color=#0000ff;][font="Tahoma, sans-serif;"]เราจะรู้.....รสชาติของความสุข[/color][font="Tahoma, sans-serif;"]ก็ต่อเมื่อ     เราผ่านความทุกข์มาก่อน[/font][/font]


#37 คนกรุงธน

คนกรุงธน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,129 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 15:46

http://student.nu.ac...t/history1.html
หนังสือสามก๊กไม่ใช่เป็นพงศาวดารสามัญ เรียกว่า “สามก๊กจี๋” หมายถึง จดหมายเหตุสามก๊ก เป็น หนังสือซึ่งนักปราชญ์จีน “เฉินโซ่ว” โดยประสงค์จะให้เป็นตำราสำหรับศึกษากลอุบายการเมืองและ การสงคราม แต่เดิมเป็นเพียงแค่นิทานพื้นบ้าน ถึงเมื่อถึงราชวงศ์ถัง เกิดมีการเล่นงิ้วในเมืองจีน พวกงิ้ว ก็ชอบเอาเรื่องสามก๊กไปเล่นด้วย เมื่อถึงราชวงศ์หงวน การแต่งหนังสือเฟื่องฟูขึ้น มีผู้ชอบเอาเรื่อง พงศาวดารมาแต่งเป็นเรื่อง แต่ก็ยังไม่ได้เอาเรื่องสามก๊กมาแต่งเป็นหนังสือ เมื่อถึงราชวงศ์หมิง มีนักปราชญ์ ชาวเมืองฮั่งจิ่ว นามว่า “ล่อกวนตง” คิดแต่งหนังสือสามก๊กขึ้นเป็นหนังสือ ๑๒๐ ตอน ต่อมามีนักปราชญ์ ๒ ท่าน นามว่า “เม่าจงกัง” แต่งคำอธิบายแลพังโพยเพิ่ม ให้ “กิมเสี่ยถ่าง” ตรวจสอบ หนังสือสามก๊กจึงได้มี ฉบับพิมพ์แพร่หลายในจีน และได้พิมพ์ต่อในประเทศอื่น ๆ
เมื่อได้ลองตรวจสอบดูแล้ว ได้ความว่ามีการแปลภาษาถึง ๑๐ ภาษาด้วยกัน (แต่เชื่อว่าจะได้แปลเป็น ภาษาอื่น ๆ ด้วยซึ่งยังสืบไม่ได้ความ)
๑. แปลเป็นภาษาญี่ปุ่น เมื่อ พ.ศ. ๒๒๓๕
๒. แปลเป็นภาษาเกาหลี เมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๒
๓. แปลเป็นภาษาญวน เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๒
๔. แปลเป็นภาษาเขมร แปลเมื่อใดหาทราบไม่ ยังไม่ได้พิมพ์
๕. แปลเป็นภาษาไทย ราว พ.ศ. ๒๓๔๕
๖. แปลเป็นภาษามลายู เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๕
๗. แปลเป็นภาษาละติน มีฉบับเขียนอยู่ในรอยัลอาเซียติกโซไซเอตี แปลเมื่อใดไม่ปรากฎ
๘. แปลเป็นภาษาสเปน เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๓
๙. แปลเป็นภาษาฝรั่งเศส เมื่อ พ.ศ. ๒๓๘๘
๑๐. แปลเป็นภาษาอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๙
ตำนานสามก๊กในประเทศไทยนั้นสันนิษฐานว่ากะลาสีชาวจีนนำเข้ามาเผยแพร่ในสมัย กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี แต่มีหลักฐานปรากฎว่าว่าเมื่อรัชกาลที่ ๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬา - โลกมหาราช มี พระราชดำรัสให้แปลหนังสือพงศาวดารจีน ๒ เรื่อง คือ เรื่องไซฮั่น ๑ เรื่องสามก๊ก ๑ โปรดให้ สมเด็จฯ กรมพระราชวังหลัง อำนวยการแปลเรื่องไซฮั่น และให้เจ้าพระยาพระคลัง(หน) อำนวยการแปลเรื่องสามก๊ก เป็นหนังสือ ๙๕ เล่มสมุดไทย โรงพิมพ์หมอบรัดเลย์พิมพ์ครั้งแรกในรัชกาลที่ ๔ พ.ศ. ๒๔๐๘ เป็นจำนวน ๔ เล่มสมุดไทย
ลักษณะการแปลหนังสือจีนเป็นภาษาไทยแต่โบราณค่อนข้างลำบาก ด้วยผู้รู้ภาษาจีนไม่ชำนาญเรื่อง ภาษาไทย ผู้ชำนาญด้านภาษาไทยก็ไม่มีใครรู้ภาษาจีน การแปลทั้งสองฝ่ายต้องแปลร่วมกัน ฝ่ายผู้ชำนาญจีน แปลความออกให้เสมียนจดลงแล้วผู้ชำนาญภาษาไทยเอาความนั้นเรียบเรียงเป็นภาษาไทย ให้ถ้อยคำแล สำนวนความเรียบร้อยอีกชั้นหนึ่ง จึงทำให้เรื่องสามก๊ก มีสำนวนเรียบร้อยสม่ำเสมออ่านเข้าใจง่าย มากกว่า เล่มอื่น แต่ตั้งแต่เล่มที่ ๕๕ เป็นเรื่องสำนวนหนึ่งไม่เหมือนเดิม ซึ่งทำให้สามก๊กแบ่งเป็น ๒ สำนวน ซึ่งบางที อ่านแล้วขัดแย้งกัน น่าสันนิษฐานว่าเจ้าพระยาพระคลัง (หน) อำนวยการแปลอยู่ไม่ทันตลอดเรื่อง ถึง อสัญกรรมก่อน มีผู้อื่นอำนวยการแปลต่อมา สำนวนจึงผิดกันไป
การแปลภาษาจีนเป็นภาษาไทยผิดกับแปลภาษาอื่น ๆ ด้วยจีนต่างเหล่าอ่านหนังสือจีนสำเนียงผิดกัน จะยกตัวอย่างดังนี้
ราชอาณาเขตของพระเจ้าโจผ ี จีนกลางเรียก ไวโกวะ จีนฮกเกี้ยนเรียก วุยก๊ก จีนแต้จิ๋วเรียก งุ่ยก๊ก จีนกวางตุ้งเรียก ง่ายโกะ จีนไหหลำเรียก หงุ่ยก๊ก
เล่าปี่ จีนกลางเรียก ลิ่วปี๋ จีนฮกเกี๋ยนเรียก เล่าปี่ จีนกวางตุ้งเรียก เหล่าปี๋ จีนไหหลำเรียก ลิ่วปี
ขงเบ้ง จีนกลางเรียก ข้งหมิ่ง จีนฮกเกี้ยนเรียก ขงเบ้ง จีนแต้จิ๋วเรียก ขงเหมง จีนกวางตุ้งเรียก หงเม่ง จีนไหหลำเรียก ขงเหม่ง
หนังสือเรื่องจีนที่แปลเป็นไทย บางเรื่องเรียกชื่อตามสำเนียงฮกเกี้ยน บางเรื่องเรียกตามสำเนียง แต้จิ๋ว เพราะจีนในประเทศไทยมีจีนเหล่าฮกเกี้ยนและเหล่าแต้จิ๋วมากกว่าเหล่าอื่น ผู้แปลเป็นจีนเหล่าไหน อ่านหนังสือเป็นสำเนียงใด ไทยเราก็จดไปอย่างนั้น เมื่อเทียบกับสามก๊กที่แปลเป็นภาษาอื่น ชื่อที่เรียก จึงเพี้ยนไป
มีผู้รู้ท่านหนึ่งกล่าวได้อย่างน่าสนใจว่า “เรื่องสามก๊กนั้นดีจริง แต่ผู้แต่งเป็นพวกของเล่าปี่ ตั้งใจ แต่จะยกเล่าปี่เป็นสำคัญ ถ้าหากพวกโจโฉเป็นผู้แต่ง ก็อาจจะดำเนินเรื่องในสามก๊กกลับกันก็เป็นได้ ว่าโจโฉ เป็นผู้ทำนุบำรงแผ่นดิน ฝ่ายเล่าปี่เป็นผู้คิดร้าย เพราะมีข้อที่จะอ้างเข้ากับโจโฉได้หลายข้อ เช่น โจโฉสามารถ ปกครองบ้านเมืองแลปราบปรามหัวเมืองที่กระด้างกระเดื่องให้กลับอยู่ในบังคับบัญชาของรัฐบาลกลาง ข้อที่ กล่าวหาว่าเป็นโจรชิงราชสมบัติก็อาจจะคัดค้านได้ว่าถ้าโจโฉเป็นศัตรูจริง จะกำจัดพระเจ้า***นเต้เมื่อใด ก็ได้ ไหนเลยจะยอมเป็นข้าฯจนตลอดอายุ แต่เรื่องเล่าปี่ที่ปรากฎในสามก๊กดูเป็นแต่เที่ยวปล้นชิงบ้านเมือง เพื่อเป็นผลประโยชน์แก่ตัวเอง ไม่เห็นว่าได้ตั้งใจขวนขวายช่วยพระเจ้า***นแต้แต่อย่างใด ดูเหมือนจะต้องรับว่าข้อที่ผู้แต่งหนังสืออาจจะจูงใจผู้อื่นให้นิยมได้ตามประสงค์ยกเรื่องสามก๊กเป็น อุทาหรณ์ แม้ไทยเรามิได้เป็นพวกข้างไหน ใครอ่านเรื่องสามก๊กหรือเพียงได้ดูงิ้วเล่นเรื่องสามก๊ก ก็ดูเหมือนจะเข้ากับเล่าปี่ด้วยทั้งนั้น”

"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"


#38 คนกรุงธน

คนกรุงธน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,129 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 15:52

ก็คงคล้ายๆ เพชรพระอุมา...ซึ่งแต่งโดยพนมเทียน ชื่อจริงคือ
ฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ (23 พฤศจิกายน 2474 - ) นักเขียนนวนิยายที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งของไทย ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2540 เป็นเจ้าของนามปากกา พนมเทียน ผู้แต่ง เพชรพระอุมา
ฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ เกิดที่จังหวัดปัตตานี เป็นบุตรคนสุดท้องของขุนวิเศษสุวรรณภูมิ กับนางสะอาด รัตนกุล เริ่มเขียนนวนิยายเรื่องแรกตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เรื่อง “เห่าดง” ลงในสมุดอ่านกันเล่น เมื่อ พ.ศ. 2484 นอกจากเขียนนวนิยายแล้ว ฉัตรชัยยังเป็นคอลัมนิสต์เขียนบทความเกี่ยวกับอาวุธปืน ในหนังสือพิมพ์และนิตยสารบางฉบับด้วย โดยใช้ชื่อจริง และนามปากกา "ก้อง สุรกานต์"

สามก๊กจากนิทานพื้นบ้าน ตีใข่ใส่ข่าว+จินตนาการณ์ของผู้เขียนเข้าไป...

"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"


#39 Samkok911

Samkok911

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 12 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 16:16

ถ้าอย่างนั้น สุมาอี้ไม่ได้ไร้ศักดิ์ศรี ขงเบ้งต่างหาก
ที่ห่วย เป็นฝ่ายบุกแต่สู้เขาไม่ได้ จะว่าไปแล้วผิด
หลักของซุนวูชัดๆ เลย รบโดยไม่รู้ว่าจะชนะเขาหรือเปล่า
ดันไปตีเขาตั้งหลายครั้ง สร้างความทุกข์ยากให้ประชาชน


ที่ว่าสุมาอี้ไร้ศักดิ์ศรี น่าจะเป็นตอนที่สุมาอี้ไม่ยอมออกรบ จนขงเบ้งต้องส่งเสื้อในของสตรีให้
สุมาอี้ก็ไม่สนใจ เอามาใส่โชว์หน้าตาเฉย ยังไง ๆ ก็ไม่ออกรบด้วย
ลองนึกภาพ ผบ.เหล่าทัพ ใส่ชุดกระโปรงสีชมพูสิครับ น่ารักใช่เล่น
หลังจากที่รบกันหลายครั้ง สุมาอี้เข้าใจปรัชญา รู้เขารู้เรามากกว่า เลยไม่ยอมออกรบ
ถ้าวัดกันแบบตัวต่อตัว สุมาอี้ไม่เคยสู้ขงเบ้งได้ โดนขงเบ้งซ้อนกลทุกครั้ง
สุดท้ายขงเบ้ง มาด่วนป่วยตายเสียก่อน จึงทำการไม่สำเร็จ คนเลยมองว่าสุมาอี้เหนือกว่า ทั้งที่เป็นเรื่องของอายุขัย

"ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน" คงเคยได้ยินนะครับ
ขงเบ้ง เป็นคนจำพวกดื้อรั้นประเภทหนึ่ง
ด้วยความที่มีสติปัญญาเหนือกว่าใคร ๆ ในยุคนั้น ทำให้ขงเบ้งมั่นใจในตัวเองมาก คิดถึงขนาดว่าตนเหนือกว่าฟ้า
ขงเบ้งยกทัพไปตีสุมาอี้ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครในจ๊กก๊กสนับสนุนเลย ทั้งกษัตริย์ และเหล่าขุนนาง
ก่อนรบ ก็มีคนทักเรื่องชะตาฟ้า ว่าดาวของวุยก๊กยังเจิดจรัส ตียังไงก็ไม่แตก
ขงเบ้ง เป็นคนมีภูมิรู้เรื่องดาว แต่กลับอ้างว่าดวงดาวมีขึ้นมีตก เปลี่ยนแปลงทุกวัน ยกทัพครั้งนี้อาจมีพลิกผันได้
ขงเบ้งยกทัพไปบุกอยู่ 6 ครั้ง แต่ละครั้งมักจะมีเรื่องปวดหัวให้ขงเบ้งคอยตามแก้ และต้องยกทัพกลับทุกครั้ง
ไม่อาจฝืนลิขิตฟ้าได้

คนสมัยนี้ก็เช่นกัน พยายามฝืนฟ้ากันอยู่บ่อย ๆ ไม่เข้าท่าเลย

ผมเบื่อตรงขี่ม้าเลียบค่าย ด่าทอเพื่อให้แม่ทัพออกมาทำการสู้รบ
กับทรยศเจ้านายตัดหัวเอามาบรรณาการฝ่ายตรงข้ามและขออยู่ด้วย

สองมุขนี้ใช้บ่อยไปหน่อย แต่เวลาที่รบกันจริงๆ การตะโกนด้วยเสียง
กว่าที่ข้าศึกจะได้ยินต้องเข้าไปใกล้มากพอจนเข้ารัศมีของธนู
ถ้าเป็นผมคิดว่าอยู่ในค่ายปลอดภัยแข็งแรงยากจะหักเอาได้
จะแม่ทัพใหญ่แค่ไหนมีเกียรติแค่ไหน ผมก็จะสั่งให้ทหารเลว
ยิงธนูให้ตายเหมือนหมาซะตรงนั้นเลยอยากโง่นัก อิอิ


สมัยนั้นสู้กันแบบแมน ๆ เจอกันซึ่งๆ หน้า... เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว นอกจากในเกมกีฬา
หรือดูกันง่าย ๆ แบบหนังคาวบอย เดี๋ยวนี้จะมีหรือที่ ตำรวจ ผู้ร้าย จะมายืนดวลปืนกัน 1 ต่อ 1 ...
เห็นแล้วเท่ แต่ถ้าพระเอกแพ้ คงโดนประนามว่าโง่
เดี๋ยวนี้รบกันเป็นแบบสงครามกองโจร ไม่เปิดเผย ไม่สง่างาม แต่มีชัยเป็นใช้ได้
ส่วนที่เห็นมีรถถัง มีบอลลูน มีเรือ (ดำน้ำด้วย) มีเครื่องบิน อะไรใหญ่โตมากมาย ...
นั่นแค่เอาไว้แสดงอำนาจ เพื่อปรามกันให้กลัวเท่านั้นเอง
รบจริงกดปุ่ม ปล่อยจรวด คลิ๊กเดียว ตูมเดียวจบ

#40 เพลิงสีนิล

เพลิงสีนิล

    สมาชิก ชั้น 7 โฟร์ซีซั่น

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,629 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 16:27


ถ้าอย่างนั้น สุมาอี้ไม่ได้ไร้ศักดิ์ศรี ขงเบ้งต่างหาก
ที่ห่วย เป็นฝ่ายบุกแต่สู้เขาไม่ได้ จะว่าไปแล้วผิด
หลักของซุนวูชัดๆ เลย รบโดยไม่รู้ว่าจะชนะเขาหรือเปล่า
ดันไปตีเขาตั้งหลายครั้ง สร้างความทุกข์ยากให้ประชาชน


ที่ว่าสุมาอี้ไร้ศักดิ์ศรี น่าจะเป็นตอนที่สุมาอี้ไม่ยอมออกรบ จนขงเบ้งต้องส่งเสื้อในของสตรีให้
สุมาอี้ก็ไม่สนใจ เอามาใส่โชว์หน้าตาเฉย ยังไง ๆ ก็ไม่ออกรบด้วย
ลองนึกภาพ ผบ.เหล่าทัพ ใส่ชุดกระโปรงสีชมพูสิครับ น่ารักใช่เล่น
หลังจากที่รบกันหลายครั้ง สุมาอี้เข้าใจปรัชญา รู้เขารู้เรามากกว่า เลยไม่ยอมออกรบ
ถ้าวัดกันแบบตัวต่อตัว สุมาอี้ไม่เคยสู้ขงเบ้งได้ โดนขงเบ้งซ้อนกลทุกครั้ง
สุดท้ายขงเบ้ง มาด่วนป่วยตายเสียก่อน จึงทำการไม่สำเร็จ คนเลยมองว่าสุมาอี้เหนือกว่า ทั้งที่เป็นเรื่องของอายุขัย


จะว่าไปเรื่อง กลยุทธ สุมาอี้ ไม่ชนะ จริงๆ อะครับ เพราะ เบ้ง อ่านใจออกแทบทุกกระบวนยุทธ

แต่ อี้ แม้กลยุทธเทียบเบ้งไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้โง่ แค่ถามคนส่งสารว่า เบ้ง ใช้ชีวิตในค่ายอย่างไร

เีพียงแค่รู้ว่า " ท่านมหาอุปราช กินน้อย ทำงานมาก" อี้ ก็รู้แล้วอะครับว่า อยู่ได้มินาน

จริงๆ ผมว่า ขงเบ้ง ก็รู้ตัวเองอยู่ เพราะหลังจากเล่าปี่ตาย แล้วเอาอาเต๊า มาเป็นฮ่องเต้

ก็รู้แล้วอะครับว่า ต้องจักการทุกอย่างเอง แถม จ๊ก ก็มีบุคลากรน้อย เพราะเล็ก และ กันดาร

และ ด้วยไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า มัวแต่รอดวง หลังตัวเองตายก็คงไม่มีทาง สยบ วุย ได้ีอีกแล้ว

เรื่องจึง จบ ด้วย พี่เบ้ง ต้องรบจนตัวตาย ฉะนั้นเอง อิอิ

[color=#0000ff;][font="Tahoma, sans-serif;"]เราจะรู้.....รสชาติของความสุข[/color][font="Tahoma, sans-serif;"]ก็ต่อเมื่อ     เราผ่านความทุกข์มาก่อน[/font][/font]


#41 Samkok911

Samkok911

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 12 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 16:29



ถ้าอย่างนั้น สุมาอี้ไม่ได้ไร้ศักดิ์ศรี ขงเบ้งต่างหาก
ที่ห่วย เป็นฝ่ายบุกแต่สู้เขาไม่ได้ จะว่าไปแล้วผิด
หลักของซุนวูชัดๆ เลย รบโดยไม่รู้ว่าจะชนะเขาหรือเปล่า
ดันไปตีเขาตั้งหลายครั้ง สร้างความทุกข์ยากให้ประชาชน


ที่ว่าสุมาอี้ไร้ศักดิ์ศรี น่าจะเป็นตอนที่สุมาอี้ไม่ยอมออกรบ จนขงเบ้งต้องส่งเสื้อในของสตรีให้
สุมาอี้ก็ไม่สนใจ เอามาใส่โชว์หน้าตาเฉย ยังไง ๆ ก็ไม่ออกรบด้วย
ลองนึกภาพ ผบ.เหล่าทัพ ใส่ชุดกระโปรงสีชมพูสิครับ น่ารักใช่เล่น
หลังจากที่รบกันหลายครั้ง สุมาอี้เข้าใจปรัชญา รู้เขารู้เรามากกว่า เลยไม่ยอมออกรบ
ถ้าวัดกันแบบตัวต่อตัว สุมาอี้ไม่เคยสู้ขงเบ้งได้ โดนขงเบ้งซ้อนกลทุกครั้ง
สุดท้ายขงเบ้ง มาด่วนป่วยตายเสียก่อน จึงทำการไม่สำเร็จ คนเลยมองว่าสุมาอี้เหนือกว่า ทั้งที่เป็นเรื่องของอายุขัย


จะว่าไปเรื่อง กลยุทธ สุมาอี้ ไม่ชนะ จริงๆ อะครับ เพราะ เบ้ง อ่านใจออกแทบทุกกระบวนยุทธ

แต่ อี้ แม้กลยุทธเทียบเบ้งไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้โง่ แค่ถามคนส่งสารว่า เบ้ง ใช้ชีวิตในค่ายอย่างไร

เีพียงแค่รู้ว่า " ท่านมหาอุปราช กินน้อย ทำงานมาก" อี้ ก็รู้แล้วอะครับว่า อยู่ได้มินาน

จริงๆ ผมว่า ขงเบ้ง ก็รู้ตัวเองอยู่ เพราะหลังจากเล่าปี่ตาย แล้วเอาอาเต๊า มาเป็นฮ่องเต้

ก็รู้แล้วอะครับว่า ต้องจักการทุกอย่างเอง แถม จ๊ก ก็มีบุคลากรน้อย เพราะเล็ก และ กันดาร

และ ด้วยไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า มัวแต่รอดวง หลังตัวเองตายก็คงไม่มีทาง สยบ วุย ได้ีอีกแล้ว

เรื่องจึง จบ ด้วย พี่เบ้ง ต้องรบจนตัวตาย ฉะนั้นเอง อิอิ


ใช่เลยครับ
ไหนบอกว่า "อ่าน สามก๊ก ไม่จบสักที . . . "
อ่านถึงจุดนี้ได้ ก็เกือบจบแล้ว

#42 เพลิงสีนิล

เพลิงสีนิล

    สมาชิก ชั้น 7 โฟร์ซีซั่น

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,629 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 16:32




ถ้าอย่างนั้น สุมาอี้ไม่ได้ไร้ศักดิ์ศรี ขงเบ้งต่างหาก
ที่ห่วย เป็นฝ่ายบุกแต่สู้เขาไม่ได้ จะว่าไปแล้วผิด
หลักของซุนวูชัดๆ เลย รบโดยไม่รู้ว่าจะชนะเขาหรือเปล่า
ดันไปตีเขาตั้งหลายครั้ง สร้างความทุกข์ยากให้ประชาชน


ที่ว่าสุมาอี้ไร้ศักดิ์ศรี น่าจะเป็นตอนที่สุมาอี้ไม่ยอมออกรบ จนขงเบ้งต้องส่งเสื้อในของสตรีให้
สุมาอี้ก็ไม่สนใจ เอามาใส่โชว์หน้าตาเฉย ยังไง ๆ ก็ไม่ออกรบด้วย
ลองนึกภาพ ผบ.เหล่าทัพ ใส่ชุดกระโปรงสีชมพูสิครับ น่ารักใช่เล่น
หลังจากที่รบกันหลายครั้ง สุมาอี้เข้าใจปรัชญา รู้เขารู้เรามากกว่า เลยไม่ยอมออกรบ
ถ้าวัดกันแบบตัวต่อตัว สุมาอี้ไม่เคยสู้ขงเบ้งได้ โดนขงเบ้งซ้อนกลทุกครั้ง
สุดท้ายขงเบ้ง มาด่วนป่วยตายเสียก่อน จึงทำการไม่สำเร็จ คนเลยมองว่าสุมาอี้เหนือกว่า ทั้งที่เป็นเรื่องของอายุขัย


จะว่าไปเรื่อง กลยุทธ สุมาอี้ ไม่ชนะ จริงๆ อะครับ เพราะ เบ้ง อ่านใจออกแทบทุกกระบวนยุทธ

แต่ อี้ แม้กลยุทธเทียบเบ้งไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้โง่ แค่ถามคนส่งสารว่า เบ้ง ใช้ชีวิตในค่ายอย่างไร

เีพียงแค่รู้ว่า " ท่านมหาอุปราช กินน้อย ทำงานมาก" อี้ ก็รู้แล้วอะครับว่า อยู่ได้มินาน

จริงๆ ผมว่า ขงเบ้ง ก็รู้ตัวเองอยู่ เพราะหลังจากเล่าปี่ตาย แล้วเอาอาเต๊า มาเป็นฮ่องเต้

ก็รู้แล้วอะครับว่า ต้องจักการทุกอย่างเอง แถม จ๊ก ก็มีบุคลากรน้อย เพราะเล็ก และ กันดาร

และ ด้วยไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า มัวแต่รอดวง หลังตัวเองตายก็คงไม่มีทาง สยบ วุย ได้ีอีกแล้ว

เรื่องจึง จบ ด้วย พี่เบ้ง ต้องรบจนตัวตาย ฉะนั้นเอง อิอิ


ใช่เลยครับ
ไหนบอกว่า "อ่าน สามก๊ก ไม่จบสักที . . . "
อ่านถึงจุดนี้ได้ ก็เกือบจบแล้ว


ไม่จบจริงๆ นะ ผมอ่านยังไง ก็ไม่ถึงตอนสุมาเอี๋ยน ตายสักที เศร้า

[color=#0000ff;][font="Tahoma, sans-serif;"]เราจะรู้.....รสชาติของความสุข[/color][font="Tahoma, sans-serif;"]ก็ต่อเมื่อ     เราผ่านความทุกข์มาก่อน[/font][/font]


#43 ตะนิ่นตาญี

ตะนิ่นตาญี

    La vie en rose

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,174 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 16:33


ถ้าอย่างนั้น สุมาอี้ไม่ได้ไร้ศักดิ์ศรี ขงเบ้งต่างหาก
ที่ห่วย เป็นฝ่ายบุกแต่สู้เขาไม่ได้ จะว่าไปแล้วผิด
หลักของซุนวูชัดๆ เลย รบโดยไม่รู้ว่าจะชนะเขาหรือเปล่า
ดันไปตีเขาตั้งหลายครั้ง สร้างความทุกข์ยากให้ประชาชน


...
ขงเบ้ง เป็นคนจำพวกดื้อรั้นประเภทหนึ่ง
ด้วยความที่มีสติปัญญาเหนือกว่าใคร ๆ ในยุคนั้น ทำให้ขงเบ้งมั่นใจในตัวเองมาก คิดถึงขนาดว่าตนเหนือกว่าฟ้า

...
ขงเบ้ง เป็นคนมีภูมิรู้เรื่องดาว แต่กลับอ้างว่าดวงดาวมีขึ้นมีตก เปลี่ยนแปลงทุกวัน ยกทัพครั้งนี้อาจมีพลิกผันได้
ขงเบ้งยกทัพไปบุกอยู่ 6 ครั้ง แต่ละครั้งมักจะมีเรื่องปวดหัวให้ขงเบ้งคอยตามแก้ และต้องยกทัพกลับทุกครั้ง
ไม่อาจฝืนลิขิตฟ้าได้

คนสมัยนี้ก็เช่นกัน พยายามฝืนฟ้ากันอยู่บ่อย ๆ ไม่เข้าท่าเลย

ผมเบื่อตรงขี่ม้าเลียบค่าย ด่าทอเพื่อให้แม่ทัพออกมาทำการสู้รบ
กับทรยศเจ้านายตัดหัวเอามาบรรณาการฝ่ายตรงข้ามและขออยู่ด้วย

สองมุขนี้ใช้บ่อยไปหน่อย แต่เวลาที่รบกันจริงๆ การตะโกนด้วยเสียง
กว่าที่ข้าศึกจะได้ยินต้องเข้าไปใกล้มากพอจนเข้ารัศมีของธนู
ถ้าเป็นผมคิดว่าอยู่ในค่ายปลอดภัยแข็งแรงยากจะหักเอาได้
จะแม่ทัพใหญ่แค่ไหนมีเกียรติแค่ไหน ผมก็จะสั่งให้ทหารเลว
ยิงธนูให้ตายเหมือนหมาซะตรงนั้นเลยอยากโง่นัก อิอิ


สมัยนั้นสู้กันแบบแมน ๆ เจอกันซึ่งๆ หน้า... เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว นอกจากในเกมกีฬา
หรือดูกันง่าย ๆ แบบหนังคาวบอย เดี๋ยวนี้จะมีหรือที่ ตำรวจ ผู้ร้าย จะมายืนดวลปืนกัน 1 ต่อ 1 ...
เห็นแล้วเท่ แต่ถ้าพระเอกแพ้ คงโดนประนามว่าโง่
เดี๋ยวนี้รบกันเป็นแบบสงครามกองโจร ไม่เปิดเผย ไม่สง่างาม แต่มีชัยเป็นใช้ได้
ส่วนที่เห็นมีรถถัง มีบอลลูน มีเรือ (ดำน้ำด้วย) มีเครื่องบิน อะไรใหญ่โตมากมาย ...
นั่นแค่เอาไว้แสดงอำนาจ เพื่อปรามกันให้กลัวเท่านั้นเอง
รบจริงกดปุ่ม ปล่อยจรวด คลิ๊กเดียว ตูมเดียวจบ


ชอบประโยคนี้ที่ทำ highlight เป็นสีน้ำเงิน ของ คุณ samkok911 ครับ

เคยอ่านแล้วถามตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำไม? ทำไม ขงเบ้ง ถึงไม่เชื่อ-

คำทัดทานของใครต่อใคร แม้กระทั่ง เล่าเสี้ยน ได้ขอไว้ ขงเบ้ง ก็ไม่ฟัง

อ่านแล้วอ่านอีกครับ อ่านแล้วก็ตั้ง ข้อสันนิษฐาน ไว้ประการหนึ่ง นั่นก็คือ

ขงเบ้ง ถือตัวแต่ว่า ตนนั้นเป็น ข้า เล่าปี่ เพียงคนเดียว...ย้ำนะครับ ว่านี่คือ ข้อสันนิษฐาน

ของ ตะนิ่นตาญี เท่านั้น คุยกัน เอามัน-เอาสนุก หน้าข้าว-หน้าเหล้า เท่านั้นเป็นพอ

จริงจริงแล้วอยากขยายความเรื่อง การถือตัวว่าเป็น ข้า ของ เล่าปี่ คนเดียว

แต่เนื่องจาก ตะนิ่นตาญี ต้องออกไปข้างนอก ดังนั้นจึงขอติดเพื่อนเพื่อนทุกคนไว้ก่อนนะครับ

ตะนิ่นตาญี

วันพุธที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๕

เวลา ๑๖.๓๓ นาฬิกา
"จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา"

#44 เพลิงสีนิล

เพลิงสีนิล

    สมาชิก ชั้น 7 โฟร์ซีซั่น

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,629 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 17:19

สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นว่าเวอร์มากๆคือการเดาใจฝ่ายตรงข้าม หลายครั้งเดาได้แบบทะลุปรุโป่ง แบบรู้ทุกรายละเอียด แต่ในความเป็นจริงแล้ว แทบเป็นไปไม่ได้เลย นโปเลียนยังบอกเลย ว่าเดาถูกครึ่งหนึ่ง ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว นี่ขนาดสุดยอดแม่ทัพของโลกนะครับ


เรื่องการเดาใจฝ่ายตรงข้ามใน นิยาย สามก๊ก ที่เดากันได้แบบทะลุจิต ทะลุใจ กันไปเลย

ผมว่า อาจมาจาก ที่ ขุนพลแม่ทัพส่วนใหญ่ ยึดถือ ตำราพิชัยสงครามเล่มเดียวกัน หรือ พื้นฐานเดียวกัน

ดูจากตอนที่โจโฉ เผาตำราพิชัยสงครามที่ตนเขียน ตอน มีคนท้วงว่า ลอกของซุนวูมา โจโฉเลยเผาทิ้ง

จากเหตุการณ์นี้พอสันนิฐานได้ว่า การเรียนการสอนคงเอา ตำราของซุนวูเป็นหลัก ศิษย์กี่รุ่น กี่รุ่น ออกมาก็คิดอ่านคล้ายๆ กัน

เรื่องนี้ ผมว่า พี่เบ้ง ก็รู้อะครับ เลยเอามาย้อนเกร็ด โจโฉ ซะ แสบสันต์

Edited by เพลิงสีนิล, 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 17:20.

[color=#0000ff;][font="Tahoma, sans-serif;"]เราจะรู้.....รสชาติของความสุข[/color][font="Tahoma, sans-serif;"]ก็ต่อเมื่อ     เราผ่านความทุกข์มาก่อน[/font][/font]


#45 ter162525

ter162525

    มหาอำมาตย์ใต้พระบาทตลอดกาล

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,077 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 17:33

ถ้าเทียบกันจริงแล้ว ขงเบ้ง เก่งกว่าสุมาอี๋ แม้แต่สุมาอี้ เองก็ยอมรับ ในส่วนขงเบ้งนั้น เกรง สุมาอี๋ อยู่สามส่วน ผมว่า จุดหมายหลักของการใช่กลยุทธคือ อ่านฝ่ายตรงข้ามออก เหมือนเวลาเราเล่นหมากรุก เขาบอกกันว่า คนโบราณ เดิมหมาก 3 ตารู้แพ้ชนะ ฝ่ายตรงข้ามเดินหมากตา 1 คนเก่งจริงจะมองออก ถึง 5 ตา เหมือนในสามก๊กแหละครับ จะเห็นได้ว่าเวลาที่กุนซือ ต่างๆจะพูดถึงใครจะรู้ยันชาติกำเนิดลูกใครเหล่าเต้า นิสัย มันเป็นส่วนหนึ่งของการวางกลยุทธ์ครับ มันเป็นศิลปะ แท้ ๆเลย กลยุทธ์เดียวกันสถานที่เดียวกันใช้คน1 อาจใช้ได้ผล กลับอีกคน1 ไม่ได้ผลก็ได้
หัวใจหลักของกลยุทธ์ใดๆเลย คือการดูคนให้ออก อย่างขงเบ้งบอกว่าลิชิตฟ้าหรือจะสู้มานะ คน หลังจากที่เผาสุมาอี้ไม่ได้ ขงเบ้งรู้เลยว่าฟ้าไม่
โปรดแซ่เล่าแล้ว นั้นคือถ้าสุมาอี๋ ตายเสีย ยังไง วุ๋ยก๊กต้องแตกแน่ๆ เพราะคนที่ต้านขงเบ้งได้มีแค่สุมาอี๋เท่านั้น เรื่องนี้มีตัวอย่างตอนที่ขงเบ้งปล่อยข่าวให้สุมาอี๋ ออกจากราชการแล้วจึงยกทัพไปตี เลยมีคำพูดที่ว่า ขยันอยู่ที่คนสำเร็จคนอยู่ที่ฟ้า ส่วนคุณตะนิ่นตะนี ผมว่าไม่น่าใช่ครับ ถ้านายตนดูท่าแล้วไม่ได้เรื่องสู้กับศัตรู ไม่ได้ ยังไงก็ตกเป็นเมืองขึ้นเขา ท่านจะ เชื่อฟังแล้ว อยู่เฉยๆรอเวลาหรือ ข้งเบ้งตามเล่าปี่มาเพราะอยากทำปนิธานของเล่าปี่ให้สำเร็จ ถ้ารวมประเทศได้แล้ว เล่าเสี้ยน มีแค่เกียงอุย ก็สามารถ ดูแลบ้านเมืองได้

Edited by ter162525, 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 17:34.

บรรพชนเป็นพยาน ข้าลูกหลานแผ่นดินท่าน ขอสาปส่ง มันผู้ใด ทรยศ คดโกงชาติ ขายแผ่นดิน ขอให้มันบรรลัย อย่าได้มีสุขในแผ่นดินนี้ เดินเหยียบไปในถิ่นใด ขอให้มันร้อนรนดังถูกเพลิงเผา มันผู้ใด คิดล้มล้างกษัตริย์ผู้ทรงทศพิธ ของให้มันผู้นั้นเกิดเป็นคนอนาถทุกชาติไป

#46 Kaizer

Kaizer

    Warlord

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,317 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 17:47

จริงๆ แผนของขงเบ้งก็มีแค่แบ่งแผ่นดินให้เป็นสาม เพื่อจะคานอำนาจโจ ที่เหนือกว่ามาก

เหมือนตอนเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ที่กะแบ่งกทม-ใต้ และเซาะอีสาน ของปชป. และภท.เพื่อจะแบ่งกำลังกันคานอำนาจพท. แต่ทำไม่ได้ตามเป้า

สละชีพเพื่อหลักธรรมคือคำขวัญ

 

ฆ่าคนเพื่อชิงอำนาจคือวิธีการ

 

ส่วนลิ่วล้อที่ส่งไปตายก็คือตัวหมากแห่งคุณธรรม


#47 Gop

Gop

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,450 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 18:14

จะว่าไป ผมเห็นด้วยกับคนที่บอกว่า ขงเบ้งคือคนที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนมากที่สุด เพราะจงใจทำให้เกิดสามก๊กขึ้น ตอนโจโฉแพ้ ก็จงใจปล่อยให้รอด เพื่อป้องกันไม่ให้ซุนกวนได้เป็นใหญ่ แล้วก็ถือโอกาสสร้างก๊กที่สามจนเป็น deadlock ไปอีกชั่วอายุคน ถ้าโจโฉชนะศึกเซ็กเพ็ก แผ่นดินก็จะรวมกันได้อีกครั้ง สงครามก็จะไม่ยืดเยื้อจนล้มตายกันเป็นล้านแบบนี้

หลักฐานไม่เคยโกหก (Gilbert Grissom C.S.I.)<p>Beneath this mask there is more than flesh. Beneath this mask there is an idea, Mr. Creedy, and ideas are bulletproof.

 


#48 Samkok911

Samkok911

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 12 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 21:59

จริงๆ แผนของขงเบ้งก็มีแค่แบ่งแผ่นดินให้เป็นสาม เพื่อจะคานอำนาจโจ ที่เหนือกว่ามาก
เหมือนตอนเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ที่กะแบ่งกทม-ใต้ และเซาะอีสาน ของปชป. และภท.เพื่อจะแบ่งกำลังกันคานอำนาจพท. แต่ทำไม่ได้ตามเป้า

แผนยุทธศาสตร์สามก๊ก เป็นแผนที่ขงเบ้งวางไว้ให้เล่าปี่ตั้งตัวครับ การแบ่งแผ่นดินให้เป็นสามคือจุดตั้งต้นเท่านั้น
จากนั้นจึงค่อยทำให้เหลือสอง และเหลือหนึ่ง ...
ส่วนการเมืองในประเทศไทยของเรา ถ้าแบ่งประเทศแบบสามก๊กจริงก็คงจะวุ่นวายกว่าเดิมมาก
ดูอย่างเกาหลี มีแค่เหนือกับใต้ เลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกันแท้ ๆ ยังมองหน้ากันไม่ติด

จะว่าไป ผมเห็นด้วยกับคนที่บอกว่า ขงเบ้งคือคนที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนมากที่สุด เพราะจงใจทำให้เกิดสามก๊กขึ้น ตอนโจโฉแพ้ ก็จงใจปล่อยให้รอด เพื่อป้องกันไม่ให้ซุนกวนได้เป็นใหญ่ แล้วก็ถือโอกาสสร้างก๊กที่สามจนเป็น deadlock ไปอีกชั่วอายุคน ถ้าโจโฉชนะศึกเซ็กเพ็ก แผ่นดินก็จะรวมกันได้อีกครั้ง สงครามก็จะไม่ยืดเยื้อจนล้มตายกันเป็นล้านแบบนี้

ต้นเหตุความวุ่นวายมันสานต่อกันมาตั้งแต่ สิบขันที เตียวก๊ก โฮจิ๋น ตั๋งโต๊ะ อ้วนเสี้ยว และ "โจโฉ" ครับ
โจโฉ ในช่วงที่ปราบตั๋งโต๊ะแล้ว ได้ขึ้นเป็นใหญ่ควบคุมฮ่องเต้ ช่วงแรก ๆ ก็ดูดี แต่ต่อมาคิดทำการใหญ่
หมิ่นพระบรมเดชานุภาพของฮ่องเต้ หลายต่อหลายครั้ง จนพระองค์ต้องเขียนโองการลับด้วยเลือด ขอความเป็นธรรมจากขุนนางผู้จงรักภักดี
ซึ่งการกระทำของโจโฉนี้ คนบางประเภทก็ชอบ คนบางประเภทก็ชัง
ใครที่ชอบวิธีการของโจโฉก็มาเข้ากับโจโฉ
ส่วนพวกหัวโบราณที่เกลียดชัง ก็แอบลงชื่อกันสาบานจะกำจัดศัตรูราชสมบัติ คนที่ลงชื่อนี้ ก็มีเล่าปี่อยู่ในนั้นด้วย
เมื่อนายกฯ อย่างโจโฉปกครองไม่เป็นธรรม และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพศูนย์รวมใจของชาติเสียเอง
เจ้าเมืองทั้งหลายจึงลุกขึ้นคัดค้าน ต่อต้าน ไม่ให้ความร่วมมือต่อการบริหารประเทศ
บ้านเมืองตกอยู่ในกลียุค มากกว่ายุคใด ๆ ตั๋งโต๊ะชั่วจริง แต่ก็ชั่วแบบเปิดเผย แต่โจโฉน่ากลัวกว่าเพราะ ชั่วแบบเนียน ๆ

โจโฉจะทำการใดก็แอบอ้างราชโองการ สงครามที่เซ็กเพ็กคนตายนับแสนเกิดขึ้น ก็เพราะโจโฉจะฆ่าเล่าปี่ จะตีซุนกวน
คนครึ่งประเทศมองโจโฉว่ากังฉิน (ขณะที่อีกครึ่งมองเป็นอัศวินคลื่นลูกที่สาม)
ขงเบ้งก็เป็นคนที่มองโจโฉว่ากังฉิน ผู้นำคนเดียวที่ชอบธรรมในสายตาขงเบ้งก็คือ เล่าปี่
แผนการแบ่งแผ่นดินจึงเกิดขึ้น เพื่อช่วยเล่าปี่ฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่น

ที่เซีกเพ๊ก ขงเบ้งต้องปล่อยโจโฉไปเพราะ แผ่นดินทางตอนเหนือยังต้องมีผู้นำ
หากโจโฉตาย แผ่นดินทางเหนือจะวุ่นวาย เจ้าเมืองทางเหนือต่างรอจังหวะชิงอำนาจ และฮ่องเต้จะตกอยู่ในอันตราย
เล่าปี่ยังไม่มีกำลัง ซุนกวนเวลานั้นก็ยังอ่อนแก่ความนัก ขงเบ้งจึงต้องหลอกให้กวนอูปล่อยโจโฉไป

พันปีที่แล้วโจโฉคือผู้ร้ายตัวจริง
แต่มายุคสมัยนี้ โลกมันกลับ คนรักโจโฉเยอะ ยกตัวอย่างเช่น อาจารย์คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่ท่านเขียนยกย่องโจโฉไว้ว่าเป็น นายกตลอดกาล
หรือแม้แต่ในหนังสามก๊กสมัยใหม่ ก็ยกย่องโจโฉ และสร้างหนังให้โจโฉดูดี หลายต่อหลายเรื่อง

อ่านสามก๊กแล้วต้องทำใจ ได้รู้จักน้ำใจคนแล้ว ยังต้องรู้จักปลง ทุกสิ่งอย่างเป็นวัฏฏะ มีวนมีเวียน มีเกิดมีดับ
ตอนต้นและตอนจบเรื่องสามก๊กเขียนไว้ในแนว ๆ เดียวกันว่า แผ่นดินเป็นสุขมาช้านานแล้วก็เป็นศึก ครั้นศึกสงบแล้วก็กลับเป็นสุข
ข้อนี้พอจะใช้ในการเมืองได้ไหมครับ

Edited by Samkok911, 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 22:00.


#49 คนสับปรับ

คนสับปรับ

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,410 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 22:41

จะว่าไป ผมเห็นด้วยกับคนที่บอกว่า ขงเบ้งคือคนที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนมากที่สุด เพราะจงใจทำให้เกิดสามก๊กขึ้น ตอนโจโฉแพ้ ก็จงใจปล่อยให้รอด เพื่อป้องกันไม่ให้ซุนกวนได้เป็นใหญ่ แล้วก็ถือโอกาสสร้างก๊กที่สามจนเป็น deadlock ไปอีกชั่วอายุคน ถ้าโจโฉชนะศึกเซ็กเพ็ก แผ่นดินก็จะรวมกันได้อีกครั้ง สงครามก็จะไม่ยืดเยื้อจนล้มตายกันเป็นล้านแบบนี้

ขงเบ้งอยากจะยึดให้ขาด แต่ติดที่เล่าปี่ ที่ไม่อยากทำการใหญ่

#50 panda

panda

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 295 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 22:41

ขอร่วมสัมนาด้วยคนครับ

แต่เดิมผมก็อ่านฉบับยอดนิยมของท่านเจ้าพระยาฯ และฉบับย่อของท่านยาขอบ
อ่านแล้วรู้สึกมันเป็นอะไรที่ขัดแย้งกับความเป็นจริงหลายอย่างๆ
อาทิเช่น จ๊กก๊กที่มีเทพเบ้งพร้อมสุดยอดห้าขุนพล (ในเกมส่วนใหญ่นี่เขาให้ค่าสเตตัสเกือบเต็มนะครับ)
ไม่มีปัญญารวบหัวรวบหางแผ่นดินให้มันจบๆไป เห็นเริ่มต้นมีสามก็ก ตายห่านกันไปเกือบหมด
ก็ยังมีสามก๊กเท่าเดิม

ขนาดเทพเบ้งขยันผลิตเครื่องไม้เครื่องมือไฮเทคช่วยในการทำศึก
แต่สถานการณ์ก็วนไปวนมาอยู่ที่เดิม
ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกขัดใจ ว่าไอ้คนเขียนมันรับจ๊อบเขียนให้ใครหรือเปล่า

จนกระทั่งเจอฉบับวิเคราะห์ที่ใกล้เคียงประวัติศาสตร์และความเป็นจริง
ของท่าน เล่า-ชวน-หัว (แถมสำนวนท่านกวนขั้นเทพ อ่านไปขำไป)
ตอนนี้ผมเลยทิ้งฉบับนิยายรับจ้างไป

โดยรวมแล้วในเรื่องสามก๊กนี้ ผมว่ามันมีจุดสำคัญอยู่ที่
เรื่องของศิลปะของการใช้คนเท่านั้นครับ

จะเห็นได้ว่าในเนื้อเรื่อง ที่จะทำอะไรก็ต้องมีการใช้คนโน้นคนนี้เต็มไปหมด ตัวละครมันเลยเยอะ ทีนี้คนที่มีให้ใช้ก็มีปัญหาไปต่างๆ นานา
บางก็กมีแต่คนเก่งกำลัง แต่ไม่มีสมอง

บางคนมีสมอง แต่ก็ดันอวดดี ทำเสียเรื่องก็มาก
บางก็กก็มีคนดี แต่คนใช้ก็ไม่รู้จักไว้ใจ หรือให้เกียรติกัน ระแวงไปหมด
เรื่องมันก็เลยยาวไปซะสองชั่วอายุคน




ผู้ใช้ 4 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 4 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน