สามก๊ก เอามาใช้ในทางการเมือง-ทหาร ได้จริงๆ หรือ?
#51
ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 22:50
#52
ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 23:10
หรือที่พวกเราคนไทยจำง่าย จิ๋นซีฮ่องเต้ สมัยนั้นมีทุกอย่างเลยครับ ทางการทูต ทหาร สงครามข่าวสารทั้งพวกเดียวกันและใช้กับฝ่ายตรงข้าม
ข้อคิดที่ผมได้จากการอ่าน+ดูหนัง คำพูดคนใกล้ชิด+ข่าวลือ เชื่อถือไม่ได้เป็นแบบที่ศาสนาสอนเราเลยครับ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
ปล.ยุคเลียดก๊ก เป็นช่วงปลาใหญ่กินปลาเล็ก ดิบเถื่อน ผมว่าคล้ายๆกับประเทศไทยตอนนี้เลยครับ แตกแยกพอกัน
ส่วนยุคสามก๊ก ที่นิยมทำหนังสือกันเพราะมีการแต่งนิยายเสริม+ทำหนังเยอะครับเลยให้เนื้อหาจริงๆหายไปจนผมงงครับ
อันไหนแต่งอันไหนจริง ถ้าถามว่าได้อะไรมากสุดผมว่าเรื่องการเมืองครับ แต่ถ้าทางทหารต้อง ยุคเลียดก๊ก
Edited by Pok, 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 23:14.
- orogaros likes this
#53
ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 23:14
กฎหมายมันก็แค่สิงที่สร้างมาอย่างมีเป้าหมาย แต่หาก เอาแต่บอกว่ากฎหมายเป็นแบบนี้ แบบนั้น โดยไม่สนใจว่าเป้าหมายจริงๆ นันคืออะไร ก็คงไม่ใช่
#54
ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 23:50
#55
ตอบ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 01:24
พลาดอยู่ 2 ครั้ง ครั้งแรกคือให้ "กวนอู" ครองเกงจิ๋ว
ตอนที่เล่าปี่ไปตีเมืองเสฉวนนั้น แล้วบังทองถูกธนูถึงแก่ความตาย แล้วเรียกขงเบ้งไปช่วยงานแทนนั้น
ขงเบ้งเคยถามกวนอูว่าถ้าโจโฉและซุนกวนจะยกทัพเข้ามาตีพร้อมกันนั้น กวนอูจะทำอย่างไร
กวนอูตอบว่าจะแบ่งทัพเป็น 2 ทางแล้วต้านเอาไว้
ขงเบ้งจึงสอนไปว่า "ให้จับมือซุนกวนร่วมมือต้านโจโฉ" กวนอูก็รับปากว่าจะทำตาม
แต่เมื่อคราวซุนกวนอยากเกี่ยวดองกับกวนอู ส่งคนมาขอลูกสาวกวนอูให้กับลูกชายซุนกวน
กวนอูกลับตอบว่า "ชาติเสือไม่ยอมเกี่ยวดองกับสุนัข" ทำให้ซุนกวนแค้นมาก
เมื่อคราวโจโฉยกทัพมาตีกวนอู ซุนกวนจึงตีตลบหลังยึดเกงจิ๋วไว้ได้
การเสียเกงจิ๋วมีผลต่อจ๊กก๊กมาก เพราะเป็นพื้นที่เปิดที่เดียวของจ๊กก๊กที่สามารถมุ่งตรงเข้าฮูโต๋ได้โดยตรง
และเกงจิ๋วก็เปิดพื้นที่ที่ติดกับที่ราบใหญ่เป็นแหล่งเสบียงใหญ่และมีผู้คนหนาแน่น
เมื่อจ๊กก๊กสูญเสียเกงจิ๋วไป จึงขาดทั้งแหล่งเสบียงและกำลังคนไปด้วย
ซ้ำร้ายเล่าปี่ยังแค้นจนหน้ามืด เอาทหารที่มีค่าถึง 70 หมื่นไปตายเปล่าที่สมรภูมิอูเต๋งอีก จนกลับมาตรอมใจตายตาม
มาถึงยุคเล่าเสี้ยน ตอนนี้จ๊กก๊กเหลือพื้นที่แค่มณฑลเสฉวนและฮั่นต๋งเท่านั้น
ทหารในมือเต็มที่แล้วไม่เกิน 20 หมื่น อีกทั้งเสฉวนก็เป็นเมืองปิดภูเขาล้อมรอบ จะเสาะหาบุคลากรก็ลำบากยิ่งนัก
งานที่สำคัญที่สุดของขงเบ้งในตอนนี้คือ สร้างโอกาสชนะให้ได้มากที่สุดในสถานะทรัพยากรในมือที่จำกัดอย่างยิ่งยวด
จึงเป็นนโยบายขงเบ้งที่เริ่มสร้างความมั่นคงในแนวหลังขยายไปตะวันตก ยกไปตีเบ้งเฮ๊ก เพื่อรับประกันความปลอดภัยในแนวหลัง
ทำให้สามารถทุ่มกำลังพลได้เต็มที่เพื่อไปสู้ศึกวุยก๊ก ทั้งยังสำนึกตัวด้วยว่าลำพังจ๊กก๊กย่อมไม่อาจล้มวุยก๊กได้
จึงได้บากหน้ายอมส่งฑูตไปง้อง่อก๊กก่อน เพื่อตีกระหนาบวุยก๊ก เมื่อแผนทั้งหมดดำเนินการไปได้ตามนั้นแล้ว
จึงเป็นโอกาสที่จ๊กก๊กเริ่มตีวุยก๊ก และเมื่อทางเดิมที่วางแผนไว้คือบุกจากเกงจิ๋วไปฮูโต๋ไม่อาจทำได้แล้ว
ทางเดียวที่จะบุกได้ตอนนี้คือ ไปทางเขากิสาน ซึ่งบอกตรงๆ ว่าลำบากมาก ชัยภูมิเสียเปรียบสุดๆ
ย้อนกลับไปเมื่อสมัย "ไซฮั่น" เล่าปังถูกเซี่ยงอี้บีบบังคับให้ไปครองเมืองฮั่นหรือก็คือเสฉวนตอนนี้
การเดินทางไปเสฉวนตอนนั้นต้องผ่านสะพานไม้บนภูเขา การเดินทางยากลำบากมากจนเหมือนเป็นเมืองลับแล
เซี่ยงอี้ป้องกันไม่ให้เล่าปังก่อกบฏได้ จึงตั้ง "3 จีนอ๋อง" ควบคุมทางเข้าออกของสะพานนี้
กว่าที่เล่าปังจะยกทัพออกจากเสฉวนได้ ก็ต้องรอจนกว่าเซียวเหอติดสินบน "3 จีนอ๋อง" ได้แล้ว
บริเวณที่ "3 จีนอ๋อง" ควบคุมอยู่ตอนนั้นก็คือเขากิสานนี่ละ
ในการศึกครั้งแรก เริ่มต้นฝ่ายจ๊กก๊กเริ่มได้ดีมาก กำจัดสุมาอี้พ้นทางได้ กำจัดทัพใหญ่วุยก๊กได้ จับแม่ทัพใหญ่วุยก๊กได้
กำลังจะได้เมืองหลวงเก่าคือ ซีอาน(เตียงอัน) อยู่รอมร่อ แต่บัณฑิตก็ยังเป็นบัณฑิต อยากได้คนที่พอพูดรู้เรื่องกันบ้าง มัวเสียเวลาไปจับเป็น "เกียงอุย" อยู่
ถ้าเชื่อตามข้อเสนอ "อุยเอี๋ยน" แล้ว ปล่อย "แฮหัวหลิม" ไปซีอาน แล้วยกทัพตามตีไปติดๆ
ตอนนั้นก็คงยึดซีอานได้ ทัพจ๊กก๊กก็จะมีที่ยืนนอกแนวเขากิสาน ต่อให้สุมาอี้กลับมาตอนนี้ก็คงแก้สถานการณ์ไม่ได้แล้ว
ดังนั้น ครั้งนี้คือการพลาดของขงเบ้งครั้งที่ 2
หลังจากการศึกครั้งแรก การศึกครั้งที่ 2-6 ก็เป็นการต่อสู้ของขงเบ้งกับชัยภูมิที่เสียเปรียบที่เขากิสาน
ซึ่งสุมาอี้ก็ฉลาดพอที่จะไม่ปล่อยให้ขงเบ้งออกมาจากสมรภูมิที่ตัวเองได้เปรียบแบบนี้ได้
สรุปสุดท้าย ขงเบ้งก็เลยแพ้ภูมิประเทศ โดยเสียค่าโง่ไปจับ "เกียงอุย" มาได้คนเดียว แลกกับโอกาสได้ที่ยืนนอกสมรภูมิที่ตนเองเสียเปรียบ
Edited by Ricebeanoil, 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 02:38.
- Gop, ด๋อยแทง, เพลิงสีนิล and 2 others like this
#56
ตอบ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 05:45
[color=#ff0000;]สำหรับผมคงเลิกเล่นบอร์ดนี้ไว้เพียงเท่านี้ ถ้าไอดีนี้ยังมีบุคคลอื่นที่ใครบางคนคิดว่าเป็นตัวจริงอยู่จริง เขาก็เข้ามาใช้บอร์ดนี้ต่อเองแต่ไม่ใช่ผมแน่นอน[/color]
ลาก่อน สวัสดีครับ 17 มกราคม 2556
#57
ตอบ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 07:55
เพราะมีคนประเมินไว้ว่า นิยาย เท็จ 70 จริง 30 ส่วนพงศาวดาร จริง 70 เท็จ 30
เช่น เผาทัพเรือนี่คือ โจโฉ เป็นผู้เผา เพราะเกิดโรคระบาด การสาบานเป็นพี่น้อง
ในยุคนั้นยังไม่มี ดินปืนดินระเบิดยังไม่เกิด ฯลฯ
#58
ตอบ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 10:43
ความจริงแล้วแผนขงเบ้งก็ดำเนินการมาด้วยดีมาตลอด โอกาสที่จะรวมแผ่นดินมีโอกาสสูงมาก
พลาดอยู่ 2 ครั้ง ครั้งแรกคือให้ "กวนอู" ครองเกงจิ๋ว
ตอนที่เล่าปี่ไปตีเมืองเสฉวนนั้น แล้วบังทองถูกธนูถึงแก่ความตาย แล้วเรียกขงเบ้งไปช่วยงานแทนนั้น
ขงเบ้งเคยถามกวนอูว่าถ้าโจโฉและซุนกวนจะยกทัพเข้ามาตีพร้อมกันนั้น กวนอูจะทำอย่างไร
กวนอูตอบว่าจะแบ่งทัพเป็น 2 ทางแล้วต้านเอาไว้
ขงเบ้งจึงสอนไปว่า "ให้จับมือซุนกวนร่วมมือต้านโจโฉ" กวนอูก็รับปากว่าจะทำตาม
แต่เมื่อคราวซุนกวนอยากเกี่ยวดองกับกวนอู ส่งคนมาขอลูกสาวกวนอูให้กับลูกชายซุนกวน
กวนอูกลับตอบว่า "ชาติเสือไม่ยอมเกี่ยวดองกับสุนัข" ทำให้ซุนกวนแค้นมาก
เมื่อคราวโจโฉยกทัพมาตีกวนอู ซุนกวนจึงตีตลบหลังยึดเกงจิ๋วไว้ได้
การเสียเกงจิ๋วมีผลต่อจ๊กก๊กมาก เพราะเป็นพื้นที่เปิดที่เดียวของจ๊กก๊กที่สามารถมุ่งตรงเข้าฮูโต๋ได้โดยตรง
และเกงจิ๋วก็เปิดพื้นที่ที่ติดกับที่ราบใหญ่เป็นแหล่งเสบียงใหญ่และมีผู้คนหนาแน่น
เมื่อจ๊กก๊กสูญเสียเกงจิ๋วไป จึงขาดทั้งแหล่งเสบียงและกำลังคนไปด้วย
ซ้ำร้ายเล่าปี่ยังแค้นจนหน้ามืด เอาทหารที่มีค่าถึง 70 หมื่นไปตายเปล่าที่สมรภูมิอูเต๋งอีก จนกลับมาตรอมใจตายตาม
มาถึงยุคเล่าเสี้ยน ตอนนี้จ๊กก๊กเหลือพื้นที่แค่มณฑลเสฉวนและฮั่นต๋งเท่านั้น
ทหารในมือเต็มที่แล้วไม่เกิน 20 หมื่น อีกทั้งเสฉวนก็เป็นเมืองปิดภูเขาล้อมรอบ จะเสาะหาบุคลากรก็ลำบากยิ่งนัก
งานที่สำคัญที่สุดของขงเบ้งในตอนนี้คือ สร้างโอกาสชนะให้ได้มากที่สุดในสถานะทรัพยากรในมือที่จำกัดอย่างยิ่งยวด
จึงเป็นนโยบายขงเบ้งที่เริ่มสร้างความมั่นคงในแนวหลังขยายไปตะวันตก ยกไปตีเบ้งเฮ๊ก เพื่อรับประกันความปลอดภัยในแนวหลัง
ทำให้สามารถทุ่มกำลังพลได้เต็มที่เพื่อไปสู้ศึกวุยก๊ก ทั้งยังสำนึกตัวด้วยว่าลำพังจ๊กก๊กย่อมไม่อาจล้มวุยก๊กได้
จึงได้บากหน้ายอมส่งฑูตไปง้อง่อก๊กก่อน เพื่อตีกระหนาบวุยก๊ก เมื่อแผนทั้งหมดดำเนินการไปได้ตามนั้นแล้ว
จึงเป็นโอกาสที่จ๊กก๊กเริ่มตีวุยก๊ก และเมื่อทางเดิมที่วางแผนไว้คือบุกจากเกงจิ๋วไปฮูโต๋ไม่อาจทำได้แล้ว
ทางเดียวที่จะบุกได้ตอนนี้คือ ไปทางเขากิสาน ซึ่งบอกตรงๆ ว่าลำบากมาก ชัยภูมิเสียเปรียบสุดๆ
ย้อนกลับไปเมื่อสมัย "ไซฮั่น" เล่าปังถูกเซี่ยงอี้บีบบังคับให้ไปครองเมืองฮั่นหรือก็คือเสฉวนตอนนี้
การเดินทางไปเสฉวนตอนนั้นต้องผ่านสะพานไม้บนภูเขา การเดินทางยากลำบากมากจนเหมือนเป็นเมืองลับแล
เซี่ยงอี้ป้องกันไม่ให้เล่าปังก่อกบฏได้ จึงตั้ง "3 จีนอ๋อง" ควบคุมทางเข้าออกของสะพานนี้
กว่าที่เล่าปังจะยกทัพออกจากเสฉวนได้ ก็ต้องรอจนกว่าเซียวเหอติดสินบน "3 จีนอ๋อง" ได้แล้ว
บริเวณที่ "3 จีนอ๋อง" ควบคุมอยู่ตอนนั้นก็คือเขากิสานนี่ละ
ในการศึกครั้งแรก เริ่มต้นฝ่ายจ๊กก๊กเริ่มได้ดีมาก กำจัดสุมาอี้พ้นทางได้ กำจัดทัพใหญ่วุยก๊กได้ จับแม่ทัพใหญ่วุยก๊กได้
กำลังจะได้เมืองหลวงเก่าคือ ซีอาน(เตียงอัน) อยู่รอมร่อ แต่บัณฑิตก็ยังเป็นบัณฑิต อยากได้คนที่พอพูดรู้เรื่องกันบ้าง มัวเสียเวลาไปจับเป็น "เกียงอุย" อยู่
ถ้าเชื่อตามข้อเสนอ "อุยเอี๋ยน" แล้ว ปล่อย "แฮหัวหลิม" ไปซีอาน แล้วยกทัพตามตีไปติดๆ
ตอนนั้นก็คงยึดซีอานได้ ทัพจ๊กก๊กก็จะมีที่ยืนนอกแนวเขากิสาน ต่อให้สุมาอี้กลับมาตอนนี้ก็คงแก้สถานการณ์ไม่ได้แล้ว
ดังนั้น ครั้งนี้คือการพลาดของขงเบ้งครั้งที่ 2
หลังจากการศึกครั้งแรก การศึกครั้งที่ 2-6 ก็เป็นการต่อสู้ของขงเบ้งกับชัยภูมิที่เสียเปรียบที่เขากิสาน
ซึ่งสุมาอี้ก็ฉลาดพอที่จะไม่ปล่อยให้ขงเบ้งออกมาจากสมรภูมิที่ตัวเองได้เปรียบแบบนี้ได้
สรุปสุดท้าย ขงเบ้งก็เลยแพ้ภูมิประเทศ โดยเสียค่าโง่ไปจับ "เกียงอุย" มาได้คนเดียว แลกกับโอกาสได้ที่ยืนนอกสมรภูมิที่ตนเองเสียเปรียบ
ผมว่าไม่ใช่พลาดที่ไปเอาเกียงอุย ครับ ขงเบ้ง มองว่าสิ้นตนแล้ว จะมีใครที่จะสานงานต่อ อีกทั้ง ลักษณะ ของผู้นำ ต้องการคนดีคนเก่งมาไว้ในมือ แม้แต่โจโฉ ก็เช่นกัน ไม่งั้นจะเปรมกวนอูขนาดนั้นหรือ แม้แต่ จูล่ง ที่ผ่าทัพ ของโจโฉตามหาอาเต๊า ถ้าโจโฉ ไม่เสียดาย จูล่งคงตายไปแล้ว ที่ขงเบ้้งพลาดมากที่สุด คือ ส่ง ม้าเจ๊ก ไปเฝ้า เกเต๋ง(เล่าปี่ก็เตือนแล้ว) แม้แต่สุมาอี๋ ยังร้องด้วยความปรีดาว่าฟ้าเข้าข้างแซ่โจ หลังจากได้เกียงอุยมา เกียงอุยก็ช่วยขงเบ้ง ให้ได้ชัยหลายครั้ง และถ้าไม่มีเกียงอุย รับรองได้เลยว่า สิ้นขงเบ้ง เล่าเสี้ยนรักษาเมืองได้ไม่นานหรอก เกียงอุย สามาก็เกือบฆ่าสุมาเจียว ได้ ตอนหลัง ยันทัพ จงโพย ไว้ได้ ถ้าเล่าเสี้ยน ไม่ถอนทหารที่ขงเบ้งวางไว้ เตงงาย ไม่มีทางอ้อมไปตีด้านหลังได้หรอ เกียงอุยถึงเก่งแค่ไหนก็ไม่มีปัญญารับศึก 2 ด้านหรอก
- ตะนิ่นตาญี, Anubitz and A Better Tomorrow like this
#59
ตอบ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 11:35
เป็นสำนวนเก่า ผมยังไม่เคยเจอเก่ากว่านี้.(ใครเจอช่วยแนะนำด้วย)
ฉบับ ของ หลวง ธรรมาภิมณฑ์ ก็อยู่ในช่วง ร.๕ ร.๖ . ฉบับ วณิพก.
ของ นายโชติ ฉบับของ อ. คึกฤทธ์ น่าจะไม่ห่างกันนัก..แต่ท่าน
ผู้ เรียบเรียงก็ จับประวัติเป็นบางตัวละครบ้าง .เป็น ศึกนั้นศึกนี้บ้าง
แม้ปัจจุบันนี้ ยังมีผู้ นำมาเขียน แบบเปรียบเทียบก็มี อย่างหนังสือ
ชื่อ ขันที ฯ. กังฉิน. โดย เล่า ชวน หัว .ผู้เขียน(สามก๊ก ฉบับ คน-
เดินดิน ) ซึ่งมีตัวละครในสามก๊ก หลายคน เช่น ต่งจั๋ว..( ตั๊งโต๊ะ)
( เขียนประวัติไว้ในเฟซฯ ) ก็ถ้าจะหาอ่านกันจริง ๆ ก็ยังหาได้ ใน-
ตลาดหนังสือเก่า( จตุจักร ) ต้องขอตัวไม่เล่านะครับ ในกระทู้เก่า
น่าจะมีเพราะจำได้ว่าเคยวิจารณ์ กันมาแล้ว ( ก็ตั้งแต่ท่านผู้รู้ ) มาออก
รายการ TV นั่นแหละ ทาง สรท เรานี่ก็มีผู้รู้มากมาย มาคุยกัน สนุกครับ
แต่ผมก็ยังยืนยัน คำเดิม ( พิชัยสงคราม ซุนวู ) เหนือกว่า กุนซือ ใน
สามก๊ก..มาก. หลอ กว้าน จง.แต่งเติมมากมายไม่ต่างจาก.ผู้ชนะสิบทิศ.
ของนายโชติ...มังกรหยก.. ก็เริ่ม ประวัติศาสตร์ ตั้งแต่.กิม บุก ซ่ง . จน-
ปลายเรื่อง( ภาค 3 ) ราชวงศ์ หมิง..ก็ว่ามาจาก พรรคจรัส ( ม้อก้า ) เผ่า
..มองโกล..ที่ยึดครองจีนอยู่ หลายร้อยปี.ก็เสื่อมตามกฏ..อนิจจัง..หาอ่าน
เถอะครับ.สนับสนุน..ยังมีปลีกย่อยอีกมากที่กล่าวถึง สามก๊ก.. แยกแยะได้ดี
ระหว่าง ของ ( หลอ กว้าน จง ) กับของ ( ซือหม่าเฉียน ) นักประวัติศาสตร์
ที่ยิ่งใหญ่ ของจีน..( บางแห่งเรียก..สุมาเชียน ) คนเดียวกันครับ..
- ตะนิ่นตาญี likes this
#60
ตอบ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 12:11
เห็นด่า "โจโฉ" ผมสงสัยว่า ด่าในนิยาย หรือจาก พงศาวดาร กันครับ
เพราะมีคนประเมินไว้ว่า นิยาย เท็จ 70 จริง 30 ส่วนพงศาวดาร จริง 70 เท็จ 30
เช่น เผาทัพเรือนี่คือ โจโฉ เป็นผู้เผา เพราะเกิดโรคระบาด การสาบานเป็นพี่น้อง
ในยุคนั้นยังไม่มี ดินปืนดินระเบิดยังไม่เกิด ฯลฯ
เรื่องสามก๊ก ที่เราเอามาอ้างในทางทหาร และทางการเมือง มาจากฉบับนิยายทั้งสิ้น ผมจึงหมายถึงโจโฉในนิยาย
ถ้าจะถกกันเรื่องสามก๊ก ควรถกในเรื่องที่คนส่วนใหญ่รับรู้กันดีกว่า โดนใช้ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) เป็นตัวตั้ง
ส่วนเล่มอื่นๆ ค่อนข้างแต่งเติมโดยใส่ทัศนคติของผู้เขียนลงไป
โดยเฉพาะเล่มที่อาจารย์คึกฤทธิ์เขียน (โจโฉ นายกตลอดกาล) เข้าข้างโจโฉ เพราะท่านตั้งใจเขียนประชดสังคมนายทุน คนก็เชื่อ
เพียงเพราะมียศ มีบรรดาศักดิ์ มีตำแหน่งนายกฯ การันตี ท่านเขียนของท่านแบบเอามันส์ ให้เพื่อนเอาไปลงในหนังสือสยามรัฐ
แต่ก็เขียนได้ดีมาก และดูดีมีเหตุมีผล คนอ่านจึงหลงเชื่อกันทั้งเมือง
เถียงเรื่องสามก๊ก คนนึงถือนิยาย คนหนึ่งถือพงศาวดาร(ที่ไม่เคยมีใครรู้ว่าจะจริงสักเท่าไหร่) จึงเถียงกันได้ไม่รู้จบ
เปรียบเทียบกับบ้านเราที่เถียงกันไปเถียงกันมาในตอนนี้
นิยาย ก็เหมือน เรื่องเล่า บันทึก รูปภาพในFaceBook ของชาวบ้านแบบปากต่อปากสนุนสนาน ด้านนึงจริงและลึก อีกด้านก็เท็จและออดอ้อน
ส่วนพงศาวดาร ก็เป็นเอกสาร หลักฐานที่ จนท.รัฐบาล บันทึกแล้วเสนอนาย ให้ผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจลงนามรับรอง
จริงเท็จไม่สน เพราะนี่เป็นหลักฐานราชการ ย่อมเชื่อถือได้มากกว่าอยู่แล้ว อีกร้อยอีกพันปี คนก็จะใช้หลักฐานนี้เป็นตำราประวัติศาสตร์
.... แล้วเราจะเชื่อใครดีกันหนอ ?
ปากกาของคนไม่เคยตั้งตรง คนอ่านจึงต้องระวัง
(มีใครตั้งปากกาตรง ๆ เขียนบ้าง ผมยังถือเอียงขวาเลย)
- พระฤๅษี likes this
#61
ตอบ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 12:14
เห็นด่า "โจโฉ" ผมสงสัยว่า ด่าในนิยาย หรือจาก พงศาวดาร กันครับ
เพราะมีคนประเมินไว้ว่า นิยาย เท็จ 70 จริง 30 ส่วนพงศาวดาร จริง 70 เท็จ 30
เช่น เผาทัพเรือนี่คือ โจโฉ เป็นผู้เผา เพราะเกิดโรคระบาด การสาบานเป็นพี่น้อง
ในยุคนั้นยังไม่มี ดินปืนดินระเบิดยังไม่เกิด ฯลฯ
เรื่องสามก๊ก ที่เราเอามาอ้างในทางทหาร และทางการเมือง มาจากฉบับนิยายทั้งสิ้น ผมจึงหมายถึงโจโฉในนิยาย
ถ้าจะถกกันเรื่องสามก๊ก ควรถกในเรื่องที่คนส่วนใหญ่รับรู้กันดีกว่า โดนใช้ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) เป็นตัวตั้ง
ส่วนเล่มอื่นๆ ค่อนข้างแต่งเติมโดยใส่ทัศนคติของผู้เขียนลงไป
โดยเฉพาะเล่มที่อาจารย์คึกฤทธิ์เขียน (โจโฉ นายกตลอดกาล) เข้าข้างโจโฉ เพราะท่านตั้งใจเขียนประชดสังคมนายทุน คนก็เชื่อ
เพียงเพราะมียศ มีบรรดาศักดิ์ มีตำแหน่งนายกฯ การันตี ท่านเขียนของท่านแบบเอามันส์ ให้เพื่อนเอาไปลงในหนังสือสยามรัฐ
แต่ก็เขียนได้ดีมาก และดูดีมีเหตุมีผล คนอ่านจึงหลงเชื่อกันทั้งเมือง
เถียงเรื่องสามก๊ก คนนึงถือนิยาย คนหนึ่งถือพงศาวดาร(ที่ไม่เคยมีใครรู้ว่าจะจริงสักเท่าไหร่) จึงเถียงกันได้ไม่รู้จบ
เปรียบเทียบกับบ้านเราที่เถียงกันไปเถียงกันมาในตอนนี้
นิยาย ก็เหมือน เรื่องเล่า บันทึก รูปภาพในFaceBook ของชาวบ้านแบบปากต่อปากสนุนสนาน ด้านนึงจริงและลึก อีกด้านก็เท็จและออดอ้อน
ส่วนพงศาวดาร ก็เป็นเอกสาร หลักฐานที่ จนท.รัฐบาล บันทึกแล้วเสนอนาย ให้ผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจลงนามรับรอง
จริงเท็จไม่สน เพราะนี่เป็นหลักฐานราชการ ย่อมเชื่อถือได้มากกว่าอยู่แล้ว อีกร้อยอีกพันปี คนก็จะใช้หลักฐานนี้เป็นตำราประวัติศาสตร์
.... แล้วเราจะเชื่อใครดีกันหนอ ?
ปากกาของคนไม่เคยตั้งตรง คนอ่านจึงต้องระวัง
(มีใครตั้งปากกาตรง ๆ เขียนบ้าง ผมยังถือเอียงขวาเลย)
คือว่าตอนแรกก็เข้าใจว่าถกกันที่ "นิยาย" แต่พออ่าเจอ
พันปี ก็เลยสงสัย ถ้าเป็นนิยาย ไม่ต้องอ้างอะไร เพราะ
มันไม่ได้มีความจริง เวลาเป็นพันปีก็ไม่น่าจะต้องอ้าง
เลยต้องถามนะครับ เพราะดูที่เขาถกกัน มันสับสนวุ่นวาย
พูดถึงเรื่องจริงบ้าง นิยายบ้าง มันก็เลยขัดกัน
#62
ตอบ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 12:50
ความจริงแล้วแผนขงเบ้งก็ดำเนินการมาด้วยดีมาตลอด โอกาสที่จะรวมแผ่นดินมีโอกาสสูงมาก
พลาดอยู่ 2 ครั้ง ครั้งแรกคือให้ "กวนอู" ครองเกงจิ๋ว
ตอนที่เล่าปี่ไปตีเมืองเสฉวนนั้น แล้วบังทองถูกธนูถึงแก่ความตาย แล้วเรียกขงเบ้งไปช่วยงานแทนนั้น
ขงเบ้งเคยถามกวนอูว่าถ้าโจโฉและซุนกวนจะยกทัพเข้ามาตีพร้อมกันนั้น กวนอูจะทำอย่างไร
กวนอูตอบว่าจะแบ่งทัพเป็น 2 ทางแล้วต้านเอาไว้
ขงเบ้งจึงสอนไปว่า "ให้จับมือซุนกวนร่วมมือต้านโจโฉ" กวนอูก็รับปากว่าจะทำตาม
แต่เมื่อคราวซุนกวนอยากเกี่ยวดองกับกวนอู ส่งคนมาขอลูกสาวกวนอูให้กับลูกชายซุนกวน
กวนอูกลับตอบว่า "ชาติเสือไม่ยอมเกี่ยวดองกับสุนัข" ทำให้ซุนกวนแค้นมาก
เมื่อคราวโจโฉยกทัพมาตีกวนอู ซุนกวนจึงตีตลบหลังยึดเกงจิ๋วไว้ได้
การเสียเกงจิ๋วมีผลต่อจ๊กก๊กมาก เพราะเป็นพื้นที่เปิดที่เดียวของจ๊กก๊กที่สามารถมุ่งตรงเข้าฮูโต๋ได้โดยตรง
และเกงจิ๋วก็เปิดพื้นที่ที่ติดกับที่ราบใหญ่เป็นแหล่งเสบียงใหญ่และมีผู้คนหนาแน่น
เมื่อจ๊กก๊กสูญเสียเกงจิ๋วไป จึงขาดทั้งแหล่งเสบียงและกำลังคนไปด้วย
ซ้ำร้ายเล่าปี่ยังแค้นจนหน้ามืด เอาทหารที่มีค่าถึง 70 หมื่นไปตายเปล่าที่สมรภูมิอูเต๋งอีก จนกลับมาตรอมใจตายตาม
มาถึงยุคเล่าเสี้ยน ตอนนี้จ๊กก๊กเหลือพื้นที่แค่มณฑลเสฉวนและฮั่นต๋งเท่านั้น
ทหารในมือเต็มที่แล้วไม่เกิน 20 หมื่น อีกทั้งเสฉวนก็เป็นเมืองปิดภูเขาล้อมรอบ จะเสาะหาบุคลากรก็ลำบากยิ่งนัก
งานที่สำคัญที่สุดของขงเบ้งในตอนนี้คือ สร้างโอกาสชนะให้ได้มากที่สุดในสถานะทรัพยากรในมือที่จำกัดอย่างยิ่งยวด
จึงเป็นนโยบายขงเบ้งที่เริ่มสร้างความมั่นคงในแนวหลังขยายไปตะวันตก ยกไปตีเบ้งเฮ๊ก เพื่อรับประกันความปลอดภัยในแนวหลัง
ทำให้สามารถทุ่มกำลังพลได้เต็มที่เพื่อไปสู้ศึกวุยก๊ก ทั้งยังสำนึกตัวด้วยว่าลำพังจ๊กก๊กย่อมไม่อาจล้มวุยก๊กได้
จึงได้บากหน้ายอมส่งฑูตไปง้อง่อก๊กก่อน เพื่อตีกระหนาบวุยก๊ก เมื่อแผนทั้งหมดดำเนินการไปได้ตามนั้นแล้ว
จึงเป็นโอกาสที่จ๊กก๊กเริ่มตีวุยก๊ก และเมื่อทางเดิมที่วางแผนไว้คือบุกจากเกงจิ๋วไปฮูโต๋ไม่อาจทำได้แล้ว
ทางเดียวที่จะบุกได้ตอนนี้คือ ไปทางเขากิสาน ซึ่งบอกตรงๆ ว่าลำบากมาก ชัยภูมิเสียเปรียบสุดๆ
ย้อนกลับไปเมื่อสมัย "ไซฮั่น" เล่าปังถูกเซี่ยงอี้บีบบังคับให้ไปครองเมืองฮั่นหรือก็คือเสฉวนตอนนี้
การเดินทางไปเสฉวนตอนนั้นต้องผ่านสะพานไม้บนภูเขา การเดินทางยากลำบากมากจนเหมือนเป็นเมืองลับแล
เซี่ยงอี้ป้องกันไม่ให้เล่าปังก่อกบฏได้ จึงตั้ง "3 จีนอ๋อง" ควบคุมทางเข้าออกของสะพานนี้
กว่าที่เล่าปังจะยกทัพออกจากเสฉวนได้ ก็ต้องรอจนกว่าเซียวเหอติดสินบน "3 จีนอ๋อง" ได้แล้ว
บริเวณที่ "3 จีนอ๋อง" ควบคุมอยู่ตอนนั้นก็คือเขากิสานนี่ละ
ในการศึกครั้งแรก เริ่มต้นฝ่ายจ๊กก๊กเริ่มได้ดีมาก กำจัดสุมาอี้พ้นทางได้ กำจัดทัพใหญ่วุยก๊กได้ จับแม่ทัพใหญ่วุยก๊กได้
กำลังจะได้เมืองหลวงเก่าคือ ซีอาน(เตียงอัน) อยู่รอมร่อ แต่บัณฑิตก็ยังเป็นบัณฑิต อยากได้คนที่พอพูดรู้เรื่องกันบ้าง มัวเสียเวลาไปจับเป็น "เกียงอุย" อยู่
ถ้าเชื่อตามข้อเสนอ "อุยเอี๋ยน" แล้ว ปล่อย "แฮหัวหลิม" ไปซีอาน แล้วยกทัพตามตีไปติดๆ
ตอนนั้นก็คงยึดซีอานได้ ทัพจ๊กก๊กก็จะมีที่ยืนนอกแนวเขากิสาน ต่อให้สุมาอี้กลับมาตอนนี้ก็คงแก้สถานการณ์ไม่ได้แล้ว
ดังนั้น ครั้งนี้คือการพลาดของขงเบ้งครั้งที่ 2
หลังจากการศึกครั้งแรก การศึกครั้งที่ 2-6 ก็เป็นการต่อสู้ของขงเบ้งกับชัยภูมิที่เสียเปรียบที่เขากิสาน
ซึ่งสุมาอี้ก็ฉลาดพอที่จะไม่ปล่อยให้ขงเบ้งออกมาจากสมรภูมิที่ตัวเองได้เปรียบแบบนี้ได้
สรุปสุดท้าย ขงเบ้งก็เลยแพ้ภูมิประเทศ โดยเสียค่าโง่ไปจับ "เกียงอุย" มาได้คนเดียว แลกกับโอกาสได้ที่ยืนนอกสมรภูมิที่ตนเองเสียเปรียบ
จะว่าไปแล้ว ขงเบ้ง ทำพลาดก็หลายครั้งครับ แต่จะว่าไปทุกๆ ครั้งที่พลาดมันก็อาจจะมีเหตุจำเป็น แผงอยู่ภายใน
อย่างเรื่อง บังทอง ตายที่ก็เป็น เหตุสุดวิสัย เหตุการณ์เดียวกันแต่ ขงเบ้ง ทำผิดพลาดหลายครั้ง
ถึง พี่เบ้ง ดูดาว รู้ว่าจะสูญเสียแม่ทัพ แต่ บังทอง ก็ ดื้อจะไป สุดจะทัดทานได้ เพราะบังทองตำแหน่งเสมอกับ พี่เบ้ง อะครับ
บังทองเก่งไหม ก็เก่งอะครับ ไม่งั้น สุมาเต็กโช คงไปเอามาเปรียบคู่กันเป็น หงส์ มังกร แต่ บังทองเองก็คงมีเหตุที่ดื้อดึง ซึ่งน่าจะมีเหตุผลส่วนตัว
เพราะบังทองเกิดมาอัปลักษณ์ ยังไม่มีผลงานสร้างชื่อสะเทือนแผ่นดิน เหมือนพี่เบ้ง ประมาณว่าเก่งแต่เก็บกด อยากโชว์
เลยประมาณว่า ยิ่งห้ามเหมือยยิ่งยุ พี่เบ้ง พลาดตรงนี้อะครับ
แล้วเรื่องการอ่านนิสัย (เฉพาะนิสัย) นะครับ ไม่รวมถึงการอ่านความคิด พี่เบ้ง เรายังสู้ เล่าปี่ ไม่ได้เลย
เหมือนที่มี เพื่อนสมาชิก ยกมาเรื่อง ม้าเจ๊ก อะครับ เล่าปี่ เตื่อนพี่เบ้งว่า "ม้าเจ๊กเจรจาเกินรู้นัก ใช้งานใหญ่มิได้"
ตอนแพ้จนต้องถอยทัพเกือบตาย พี่เบ้ง ก็ยังยอมรับ ว่าการดูคน สู้ เล่าปี่ไม่ได้จริงๆ
- ตะนิ่นตาญี, noslipme and พระฤๅษี like this
[color=#0000ff;][font="Tahoma, sans-serif;"]เราจะรู้.....รสชาติของความสุข[/color][font="Tahoma, sans-serif;"]ก็ต่อเมื่อ เราผ่านความทุกข์มาก่อน[/font][/font]
#63
ตอบ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:13
เล่มหนาปึ้ก เลยไม่เคยอ่านจบครับ หยิบทุกครั้งจบตรงเรื่องของกบฏโจรโพกผ้าเหลืองทุกที
แนะนำ อ่านที่เป็น การ์ตูน เขาใจง่าย สนุก มีแผนที่ รูปเยอะ ฮาด้วย
อ่านหงสาฯ มั๊ยล่ะ
คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของผู้ชนะสงคราม คือ ความแข็งแกร่ง และ อุดมการณ์ที่สอดคล้องกับความเป็นจริง
คุณธรรมที่พร้ำสอน ล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็นรองลงมา ส่วน ประชาธิปไตยน่ะรึ เอาเข้าจริงๆ สำคัญอันใด??
#64
ตอบ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:18
เล่มหนาปึ้ก เลยไม่เคยอ่านจบครับ หยิบทุกครั้งจบตรงเรื่องของกบฏโจรโพกผ้าเหลืองทุกที
แนะนำ อ่านที่เป็น การ์ตูน เขาใจง่าย สนุก มีแผนที่ รูปเยอะ ฮาด้วย
อ่านหงสาฯ มั๊ยล่ะ
หงสา สุดมั่ว เลย
[color=#0000ff;][font="Tahoma, sans-serif;"]เราจะรู้.....รสชาติของความสุข[/color][font="Tahoma, sans-serif;"]ก็ต่อเมื่อ เราผ่านความทุกข์มาก่อน[/font][/font]
#65
ตอบ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:18
เล่มหนาปึ้ก เลยไม่เคยอ่านจบครับ หยิบทุกครั้งจบตรงเรื่องของกบฏโจรโพกผ้าเหลืองทุกที
แนะนำ อ่านที่เป็น การ์ตูน เขาใจง่าย สนุก มีแผนที่ รูปเยอะ ฮาด้วย
อ่านหงสาฯ มั๊ยล่ะ
ไม่ได้อ่านอ่ะ ได้ข่าวว่ามี "กระเทย" ด้วย
#66
ตอบ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:24
ผมว่าถ้าเรื่องการทหารบางอย่างผมว่าติงต๊องมาก
มีหมื่น กับ สิบหมื่นนั้นไม่สำคัญตัดสินกันตอนประลองฝีมือขอทหารเอก ฝ่ายไหนทหารเอกชนะ ก็ชนะได้อย่างง่ายดาย ทั้งที่ทหารอาจจะน้อยกว่าเป็นสิบเท่าก็ได้ ผมว่ามันดูซื่อบื้อไปหน่อย ถ้าเรื่องการทหาร ผมชอบอ่านประวัติศาสตร์จริงๆเลยมากกว่าครับ
เหมือนมีคนบอกว่า มันก็มีแบบนี้เหมือนกัน เหมือนชนช้างไง
แต่ว่านานๆ จะเกิดสักครั้ง
แล้วกลยุทธประเภทเล่นขิมบนกำแพงเมืองละครับ
ผมว่ามันก็เป็นเรื่อง ศักศรีของคนสมัยก่อนนะ ใครรักศักศรีก็ไปดวลกัน เหมือนคาวบอยดวลปืน แต่ใช่ว่าทุกคนจะทำ
เห็นหลายคนก็ไม่รับคำท้า พากองทหารลุยกันตามปกติ เพียงแต่ใครไม่รับคำท้า ก็จะโดนฝ่ายตรงข้ามเอาดิสเครดิต
ปลุกขวัญกำลังใจทหารของตัวเองมากกว่า
กลยุทธเล่นขิมบนกำแพงเมือง ก็แสร้งทำเป็นมีอุบายทั้งๆที่จริงไม่มี มุกนี้ใช้ได้ดีกับคนที่ฉลาดเย่อหยิ่งแต่ไม่รอบคอบ
และขี้ระแวง น่าเอามาใช้กับทักกี้เนอะ
คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของผู้ชนะสงคราม คือ ความแข็งแกร่ง และ อุดมการณ์ที่สอดคล้องกับความเป็นจริง
คุณธรรมที่พร้ำสอน ล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็นรองลงมา ส่วน ประชาธิปไตยน่ะรึ เอาเข้าจริงๆ สำคัญอันใด??
#67
ตอบ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:26
เล่มหนาปึ้ก เลยไม่เคยอ่านจบครับ หยิบทุกครั้งจบตรงเรื่องของกบฏโจรโพกผ้าเหลืองทุกที
แนะนำ อ่านที่เป็น การ์ตูน เขาใจง่าย สนุก มีแผนที่ รูปเยอะ ฮาด้วย
อ่านหงสาฯ มั๊ยล่ะ
หงสา สุดมั่ว เลย
เขาเรียก ปรับเปลี่ยนเรื่องไปตามจินตนาการผู้แต่ง....
คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของผู้ชนะสงคราม คือ ความแข็งแกร่ง และ อุดมการณ์ที่สอดคล้องกับความเป็นจริง
คุณธรรมที่พร้ำสอน ล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็นรองลงมา ส่วน ประชาธิปไตยน่ะรึ เอาเข้าจริงๆ สำคัญอันใด??
#68
ตอบ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:29
เล่มหนาปึ้ก เลยไม่เคยอ่านจบครับ หยิบทุกครั้งจบตรงเรื่องของกบฏโจรโพกผ้าเหลืองทุกที
แนะนำ อ่านที่เป็น การ์ตูน เขาใจง่าย สนุก มีแผนที่ รูปเยอะ ฮาด้วย
อ่านหงสาฯ มั๊ยล่ะ
ไม่ได้อ่านอ่ะ ได้ข่าวว่ามี "กระเทย" ด้วย
เค้าเรียกว่า สาว.....ุ้น
คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของผู้ชนะสงคราม คือ ความแข็งแกร่ง และ อุดมการณ์ที่สอดคล้องกับความเป็นจริง
คุณธรรมที่พร้ำสอน ล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็นรองลงมา ส่วน ประชาธิปไตยน่ะรึ เอาเข้าจริงๆ สำคัญอันใด??
#69
ตอบ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:43
เล่มหนาปึ้ก เลยไม่เคยอ่านจบครับ หยิบทุกครั้งจบตรงเรื่องของกบฏโจรโพกผ้าเหลืองทุกที
แนะนำ อ่านที่เป็น การ์ตูน เขาใจง่าย สนุก มีแผนที่ รูปเยอะ ฮาด้วย
อ่านหงสาฯ มั๊ยล่ะ
หงสา สุดมั่ว เลย
เขาเรียก ปรับเปลี่ยนเรื่องไปตามจินตนาการผู้แต่ง....
แต่ เรียกว่า ปรับ อย่างเยอะ เลยอะ บางมุข ก็ไม่เข้าใจ
อีกเรื่อง ก็ มังกรอหังกา หมาป่าคะนองศึก
[color=#0000ff;][font="Tahoma, sans-serif;"]เราจะรู้.....รสชาติของความสุข[/color][font="Tahoma, sans-serif;"]ก็ต่อเมื่อ เราผ่านความทุกข์มาก่อน[/font][/font]
#70
ตอบ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:48
สุมาอี้เอาทหารมาเป็นหมื่น ส่งไปสืบในเมื่องซักพัน ถ้าเป็นกลลวงก็เสียทหารเล็กน้อย เป็นจริงก็จับตัวหัวหน้าฝ่ายศัตรูได้เลย ทำไมไม่ทำ
ถ้าให้เดา ผมเดาว่า
เหมือนที่ขงเบ้งปล่อยให้กวนอูดักโจโฉ แล้วให้แทนคุณเสีย เพราะถ้าสิ้นโจโฉ ภาคเหนือก็จะวุ่นวาย เล่าปี่ยังไม่มีเมืองหลักก็จะเดือดร้อน
สุมาอี้รู้ว่าขงเบ้งไม่มีทหารเหลือแล้ว จะจับก็ได้ แต่ก็ปล่อยเอาไว้ เพราะถ้าจกไม่เหลือขงเบ้งไว้เป็นเสี้ยนหนาม ตนเองก็อาจถูกศัตรูทางการเมืองเก็บเอาง่ายๆได้เหมือนกัน เพราะตระกูลโจที่มีอำนาจก็หมั่นใส้สุมาอี้มานาน แต่ต้องเก็บไว้เพราะเอาไว้สู้ขงเบ้ง ถ้าขงเบ้งตายเสีย ก็คงถึงครา "เสร็จศึกสุมาอี้โดนผีขงเบ้งหลอกตาย"
สละชีพเพื่อหลักธรรมคือคำขวัญ
ฆ่าคนเพื่อชิงอำนาจคือวิธีการ
ส่วนลิ่วล้อที่ส่งไปตายก็คือตัวหมากแห่งคุณธรรม
#71
ตอบ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:51
เล่มหนาปึ้ก เลยไม่เคยอ่านจบครับ หยิบทุกครั้งจบตรงเรื่องของกบฏโจรโพกผ้าเหลืองทุกที
แนะนำ อ่านที่เป็น การ์ตูน เขาใจง่าย สนุก มีแผนที่ รูปเยอะ ฮาด้วย
อ่านหงสาฯ มั๊ยล่ะ
หงสา สุดมั่ว เลย
เขาเรียก ปรับเปลี่ยนเรื่องไปตามจินตนาการผู้แต่ง....
แต่ เรียกว่า ปรับ อย่างเยอะ เลยอะ บางมุข ก็ไม่เข้าใจ
อีกเรื่อง ก็ มังกรอหังกา หมาป่าคะนองศึก
อืม คิดไปคิดมา มันก็ไม่เหมาะกับคนที่พึ่งเริ่มศึกษาสามก๊กจริงๆ นั่นล่ะ (เพราะมันมีการดัดแปลงเรื่อง)
แต่ถ้ามีพื้น 3 ก๊กอยู่ แล้วอ่านเอาบันเทิง+ มุมมองที่แตกต่าง ก็สนุกและมีแง่คิดใช้ได้
- เพลิงสีนิล likes this
คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของผู้ชนะสงคราม คือ ความแข็งแกร่ง และ อุดมการณ์ที่สอดคล้องกับความเป็นจริง
คุณธรรมที่พร้ำสอน ล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็นรองลงมา ส่วน ประชาธิปไตยน่ะรึ เอาเข้าจริงๆ สำคัญอันใด??
#72
ตอบ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 17:25
หากเป็นนิยายก็คงไม่สามารถนำมาใช้ทางการทหารได้จริง ๆ หรอกครับ เพราะมันไม่ได้ลงตัวตามแบบที่นิยายอยากให้เป็นได้
เห็นด่า "โจโฉ" ผมสงสัยว่า ด่าในนิยาย หรือจาก พงศาวดาร กันครับ
เพราะมีคนประเมินไว้ว่า นิยาย เท็จ 70 จริง 30 ส่วนพงศาวดาร จริง 70 เท็จ 30
เช่น เผาทัพเรือนี่คือ โจโฉ เป็นผู้เผา เพราะเกิดโรคระบาด การสาบานเป็นพี่น้อง
ในยุคนั้นยังไม่มี ดินปืนดินระเบิดยังไม่เกิด ฯลฯ
เรื่องสามก๊ก ที่เราเอามาอ้างในทางทหาร และทางการเมือง มาจากฉบับนิยายทั้งสิ้น ผมจึงหมายถึงโจโฉในนิยาย
ถ้าจะถกกันเรื่องสามก๊ก ควรถกในเรื่องที่คนส่วนใหญ่รับรู้กันดีกว่า โดนใช้ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) เป็นตัวตั้ง
ส่วนเล่มอื่นๆ ค่อนข้างแต่งเติมโดยใส่ทัศนคติของผู้เขียนลงไป
โดยเฉพาะเล่มที่อาจารย์คึกฤทธิ์เขียน (โจโฉ นายกตลอดกาล) เข้าข้างโจโฉ เพราะท่านตั้งใจเขียนประชดสังคมนายทุน คนก็เชื่อ
เพียงเพราะมียศ มีบรรดาศักดิ์ มีตำแหน่งนายกฯ การันตี ท่านเขียนของท่านแบบเอามันส์ ให้เพื่อนเอาไปลงในหนังสือสยามรัฐ
แต่ก็เขียนได้ดีมาก และดูดีมีเหตุมีผล คนอ่านจึงหลงเชื่อกันทั้งเมือง
เถียงเรื่องสามก๊ก คนนึงถือนิยาย คนหนึ่งถือพงศาวดาร(ที่ไม่เคยมีใครรู้ว่าจะจริงสักเท่าไหร่) จึงเถียงกันได้ไม่รู้จบ
เปรียบเทียบกับบ้านเราที่เถียงกันไปเถียงกันมาในตอนนี้
นิยาย ก็เหมือน เรื่องเล่า บันทึก รูปภาพในFaceBook ของชาวบ้านแบบปากต่อปากสนุนสนาน ด้านนึงจริงและลึก อีกด้านก็เท็จและออดอ้อน
ส่วนพงศาวดาร ก็เป็นเอกสาร หลักฐานที่ จนท.รัฐบาล บันทึกแล้วเสนอนาย ให้ผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจลงนามรับรอง
จริงเท็จไม่สน เพราะนี่เป็นหลักฐานราชการ ย่อมเชื่อถือได้มากกว่าอยู่แล้ว อีกร้อยอีกพันปี คนก็จะใช้หลักฐานนี้เป็นตำราประวัติศาสตร์
.... แล้วเราจะเชื่อใครดีกันหนอ ?
ปากกาของคนไม่เคยตั้งตรง คนอ่านจึงต้องระวัง
(มีใครตั้งปากกาตรง ๆ เขียนบ้าง ผมยังถือเอียงขวาเลย)
คือว่าตอนแรกก็เข้าใจว่าถกกันที่ "นิยาย" แต่พออ่าเจอ
พันปี ก็เลยสงสัย ถ้าเป็นนิยาย ไม่ต้องอ้างอะไร เพราะ
มันไม่ได้มีความจริง เวลาเป็นพันปีก็ไม่น่าจะต้องอ้าง
เลยต้องถามนะครับ เพราะดูที่เขาถกกัน มันสับสนวุ่นวาย
พูดถึงเรื่องจริงบ้าง นิยายบ้าง มันก็เลยขัดกัน
แต่นิยายสามก๊กหลายจุดก็ตรงกับพงศาวดาร บางจุดมีการสลับตัวพวกแม่ทัพ แต่เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นจริงอยู่ บางเหตุการณ์มีการแต่งขึ้นใหม่
แต่บางเรื่องแม้เป็นพงศาวดาร บันทึกอย่างเป็นทางการ แต่คนที่บอกเหตุการณ์คือผู้ชนะที่อยู่ในเหตุการณ์ อย่างกรณีอุยเอี๋ยนเป็นกบฎ คนชนะก็ดันไม่ถูกกับอุยเอี๋ยนซะด้วย
[color=#ff0000;]สำหรับผมคงเลิกเล่นบอร์ดนี้ไว้เพียงเท่านี้ ถ้าไอดีนี้ยังมีบุคคลอื่นที่ใครบางคนคิดว่าเป็นตัวจริงอยู่จริง เขาก็เข้ามาใช้บอร์ดนี้ต่อเองแต่ไม่ใช่ผมแน่นอน[/color]
ลาก่อน สวัสดีครับ 17 มกราคม 2556
#73
ตอบ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 17:39
จริงๆ เรื่องขงเบ้งตีขิมนี่ผมก็ฮานะ
สุมาอี้เอาทหารมาเป็นหมื่น ส่งไปสืบในเมื่องซักพัน ถ้าเป็นกลลวงก็เสียทหารเล็กน้อย เป็นจริงก็จับตัวหัวหน้าฝ่ายศัตรูได้เลย ทำไมไม่ทำ
ถ้าให้เดา ผมเดาว่า
เหมือนที่ขงเบ้งปล่อยให้กวนอูดักโจโฉ แล้วให้แทนคุณเสีย เพราะถ้าสิ้นโจโฉ ภาคเหนือก็จะวุ่นวาย เล่าปี่ยังไม่มีเมืองหลักก็จะเดือดร้อน
สุมาอี้รู้ว่าขงเบ้งไม่มีทหารเหลือแล้ว จะจับก็ได้ แต่ก็ปล่อยเอาไว้ เพราะถ้าจกไม่เหลือขงเบ้งไว้เป็นเสี้ยนหนาม ตนเองก็อาจถูกศัตรูทางการเมืองเก็บเอาง่ายๆได้เหมือนกัน เพราะตระกูลโจที่มีอำนาจก็หมั่นใส้สุมาอี้มานาน แต่ต้องเก็บไว้เพราะเอาไว้สู้ขงเบ้ง ถ้าขงเบ้งตายเสีย ก็คงถึงครา "เสร็จศึกสุมาอี้โดนผีขงเบ้งหลอกตาย"
ผมว่าไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ข้งเบ้ง เผาเมืองเผาทัพ นับ 10 หมื่นก็ทำมาแล้ว ยิ่ง สุมาอี๋ รู้ว่าสู้ขงเบ้งไม่ได้ แล้วที่ผ่านมาขงเบ้งไม่ค่อยทำกลที่สุ่มเสี่ยงเลย ถ้าคนเคยประมือกัน รู้สติปัญญาของอีกฝ่ายมีหรือจะไม่สงสัย ไอ้พวก เจอหน้าเข้าตีนะ แพ้มาหนักต่อหนักแล้ว ขงเบ้งยกทัพใหญ่มา นะแบ่ง ทหารไปเอาเสบียงแค่ 2000 ถ้า ไม่รู้จำนวนที่แน่ๆ คิดหรือว่าคนอย่างสุมาอี๋จะพลีพลาม 100 หมื่นต่อ 7 หมื่น ข้งเบ้งยังเผาเป็นตอตะโกมาแล้ว
- ตะนิ่นตาญี likes this
#74
ตอบ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 18:13
จะว่าไปโดยส่วนตัวผมสังเกตุโทนเรื่องตอนหลังๆของสามก๊ก จะเริ่มออกไปแนวทาง สามารถสู้ลิขิตฟ้า ได้
เพียงแต่ถ้าจะหักไปหมด คงทำให้ที่ผ่านๆมาดูไร้ค่าไปเลย จึงได้แต่ยักๆไว้เท่านั้น
เพราะภายหลังจากที่ขงเบ้งตายก็แทบจะไม่ได้กล่าวถึงลิขิตฟ้าหรืออะไรอีกเลย(หรือมีแต่ผมจำไม่ได้ก็ไม่รุ้ แต่ก็น้อยมาก)
ถึงจะว่าไปผมก็ยังเข้าข้างขงเบ้งอยู่ ฮ่า เพราะด้วยความจำเป็นเห็นแล้วว่าถ้าสิิ้้นตน ทุกๆอย่างที่เคยได้ร่วมได้ทำกับเล่าปี่มาก็คงต้องสลายไป
มันทำให้นึกถึงตอนที่เล่าปี่ไปขอความช่วยเหลือจากขงเบ้ง แล้วมีตอนที่สุมาเต๊กโชได้พูดเกี่ยวกับว่าขงเบ้งก็น่าจะรู้ว่าตนต้องตายยังไง
จะว่าไปที่แทรกฝืนลิขิตฟ้า มันก็น่าจะแอบเข้ามาอยู่ตั้งแต่ตรงนี้แล้ว อีกทั้งแม้แต่ตัวเล่าปี่เองก็ไม่ได้มีการทักหรือกำหนดดาวอะไรว่าต้องเป็น
ฮ่องเต้หรืออย่างไร จะมีเพียงก็แต่เมื่อสถาปนาตนแล้วเท่านั้น จึงได้กล่าวถึงดาว อ่อ ก่อนหน้านี้มีอยู่ตอนหนึ่งที่กล่าวถึง แต่จำไม่ได้ อิอิ
#75
ตอบ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 19:40
จริงๆ เรื่องขงเบ้งตีขิมนี่ผมก็ฮานะ
สุมาอี้เอาทหารมาเป็นหมื่น ส่งไปสืบในเมื่องซักพัน ถ้าเป็นกลลวงก็เสียทหารเล็กน้อย เป็นจริงก็จับตัวหัวหน้าฝ่ายศัตรูได้เลย ทำไมไม่ทำ
ถ้าให้เดา ผมเดาว่า
เหมือนที่ขงเบ้งปล่อยให้กวนอูดักโจโฉ แล้วให้แทนคุณเสีย เพราะถ้าสิ้นโจโฉ ภาคเหนือก็จะวุ่นวาย เล่าปี่ยังไม่มีเมืองหลักก็จะเดือดร้อน
สุมาอี้รู้ว่าขงเบ้งไม่มีทหารเหลือแล้ว จะจับก็ได้ แต่ก็ปล่อยเอาไว้ เพราะถ้าจกไม่เหลือขงเบ้งไว้เป็นเสี้ยนหนาม ตนเองก็อาจถูกศัตรูทางการเมืองเก็บเอาง่ายๆได้เหมือนกัน เพราะตระกูลโจที่มีอำนาจก็หมั่นใส้สุมาอี้มานาน แต่ต้องเก็บไว้เพราะเอาไว้สู้ขงเบ้ง ถ้าขงเบ้งตายเสีย ก็คงถึงครา "เสร็จศึกสุมาอี้โดนผีขงเบ้งหลอกตาย"
ผมว่าไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ข้งเบ้ง เผาเมืองเผาทัพ นับ 10 หมื่นก็ทำมาแล้ว ยิ่ง สุมาอี๋ รู้ว่าสู้ขงเบ้งไม่ได้ แล้วที่ผ่านมาขงเบ้งไม่ค่อยทำกลที่สุ่มเสี่ยงเลย ถ้าคนเคยประมือกัน รู้สติปัญญาของอีกฝ่ายมีหรือจะไม่สงสัย ไอ้พวก เจอหน้าเข้าตีนะ แพ้มาหนักต่อหนักแล้ว ขงเบ้งยกทัพใหญ่มา นะแบ่ง ทหารไปเอาเสบียงแค่ 2000 ถ้า ไม่รู้จำนวนที่แน่ๆ คิดหรือว่าคนอย่างสุมาอี๋จะพลีพลาม 100 หมื่นต่อ 7 หมื่น ข้งเบ้งยังเผาเป็นตอตะโกมาแล้ว
อย่าลืมครับว่าตอนนั้นขงเบ้งพลาดท่าตอนที่ให้ม้าเจ๊กเฝ้าค่ายมาแล้ว จึงถอนทหารทันที มีรึสุมาอี้จะไม่รู้กำลังทหารของของเบ้งว่าเหลือประมาณเท่าไหร่ทั้งที่เคยรบกันมาหลายต่อหลายครั้ง
แถมที่ผมว่าคือไม่จำเป็นต้องบุกเข้าเมืองทั้งหมด ตั้งหลักดูเชิงแล้วส่งหน่วยกล้าตายขึ้นไปลองจับตัวดูก็ได้ ถ้าจับได้คือจบสงครามกับจกแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ถามว่าคนอย่างสุมาอี้ทำไมถึงไม่ทำ นอกจากจะตั้งใจปล่อยขงเบ้งไปเท่านั้น เพื่อให้ตนเองสามารถขยายอิทธิพลทางการเมืองใรวุยได้อย่างลึกซึ้งขึ้น
สละชีพเพื่อหลักธรรมคือคำขวัญ
ฆ่าคนเพื่อชิงอำนาจคือวิธีการ
ส่วนลิ่วล้อที่ส่งไปตายก็คือตัวหมากแห่งคุณธรรม
#76
ตอบ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 20:07
ความจริงแล้วแผนขงเบ้งก็ดำเนินการมาด้วยดีมาตลอด โอกาสที่จะรวมแผ่นดินมีโอกาสสูงมาก
พลาดอยู่ 2 ครั้ง ครั้งแรกคือให้ "กวนอู" ครองเกงจิ๋ว
ตอนที่เล่าปี่ไปตีเมืองเสฉวนนั้น แล้วบังทองถูกธนูถึงแก่ความตาย แล้วเรียกขงเบ้งไปช่วยงานแทนนั้น
ขงเบ้งเคยถามกวนอูว่าถ้าโจโฉและซุนกวนจะยกทัพเข้ามาตีพร้อมกันนั้น กวนอูจะทำอย่างไร
กวนอูตอบว่าจะแบ่งทัพเป็น 2 ทางแล้วต้านเอาไว้
ขงเบ้งจึงสอนไปว่า "ให้จับมือซุนกวนร่วมมือต้านโจโฉ" กวนอูก็รับปากว่าจะทำตาม
แต่เมื่อคราวซุนกวนอยากเกี่ยวดองกับกวนอู ส่งคนมาขอลูกสาวกวนอูให้กับลูกชายซุนกวน
กวนอูกลับตอบว่า "ชาติเสือไม่ยอมเกี่ยวดองกับสุนัข" ทำให้ซุนกวนแค้นมาก
เมื่อคราวโจโฉยกทัพมาตีกวนอู ซุนกวนจึงตีตลบหลังยึดเกงจิ๋วไว้ได้
การเสียเกงจิ๋วมีผลต่อจ๊กก๊กมาก เพราะเป็นพื้นที่เปิดที่เดียวของจ๊กก๊กที่สามารถมุ่งตรงเข้าฮูโต๋ได้โดยตรง
และเกงจิ๋วก็เปิดพื้นที่ที่ติดกับที่ราบใหญ่เป็นแหล่งเสบียงใหญ่และมีผู้คนหนาแน่น
เมื่อจ๊กก๊กสูญเสียเกงจิ๋วไป จึงขาดทั้งแหล่งเสบียงและกำลังคนไปด้วย
ซ้ำร้ายเล่าปี่ยังแค้นจนหน้ามืด เอาทหารที่มีค่าถึง 70 หมื่นไปตายเปล่าที่สมรภูมิอูเต๋งอีก จนกลับมาตรอมใจตายตาม
มาถึงยุคเล่าเสี้ยน ตอนนี้จ๊กก๊กเหลือพื้นที่แค่มณฑลเสฉวนและฮั่นต๋งเท่านั้น
ทหารในมือเต็มที่แล้วไม่เกิน 20 หมื่น อีกทั้งเสฉวนก็เป็นเมืองปิดภูเขาล้อมรอบ จะเสาะหาบุคลากรก็ลำบากยิ่งนัก
งานที่สำคัญที่สุดของขงเบ้งในตอนนี้คือ สร้างโอกาสชนะให้ได้มากที่สุดในสถานะทรัพยากรในมือที่จำกัดอย่างยิ่งยวด
จึงเป็นนโยบายขงเบ้งที่เริ่มสร้างความมั่นคงในแนวหลังขยายไปตะวันตก ยกไปตีเบ้งเฮ๊ก เพื่อรับประกันความปลอดภัยในแนวหลัง
ทำให้สามารถทุ่มกำลังพลได้เต็มที่เพื่อไปสู้ศึกวุยก๊ก ทั้งยังสำนึกตัวด้วยว่าลำพังจ๊กก๊กย่อมไม่อาจล้มวุยก๊กได้
จึงได้บากหน้ายอมส่งฑูตไปง้อง่อก๊กก่อน เพื่อตีกระหนาบวุยก๊ก เมื่อแผนทั้งหมดดำเนินการไปได้ตามนั้นแล้ว
จึงเป็นโอกาสที่จ๊กก๊กเริ่มตีวุยก๊ก และเมื่อทางเดิมที่วางแผนไว้คือบุกจากเกงจิ๋วไปฮูโต๋ไม่อาจทำได้แล้ว
ทางเดียวที่จะบุกได้ตอนนี้คือ ไปทางเขากิสาน ซึ่งบอกตรงๆ ว่าลำบากมาก ชัยภูมิเสียเปรียบสุดๆ
ย้อนกลับไปเมื่อสมัย "ไซฮั่น" เล่าปังถูกเซี่ยงอี้บีบบังคับให้ไปครองเมืองฮั่นหรือก็คือเสฉวนตอนนี้
การเดินทางไปเสฉวนตอนนั้นต้องผ่านสะพานไม้บนภูเขา การเดินทางยากลำบากมากจนเหมือนเป็นเมืองลับแล
เซี่ยงอี้ป้องกันไม่ให้เล่าปังก่อกบฏได้ จึงตั้ง "3 จีนอ๋อง" ควบคุมทางเข้าออกของสะพานนี้
กว่าที่เล่าปังจะยกทัพออกจากเสฉวนได้ ก็ต้องรอจนกว่าเซียวเหอติดสินบน "3 จีนอ๋อง" ได้แล้ว
บริเวณที่ "3 จีนอ๋อง" ควบคุมอยู่ตอนนั้นก็คือเขากิสานนี่ละ
ในการศึกครั้งแรก เริ่มต้นฝ่ายจ๊กก๊กเริ่มได้ดีมาก กำจัดสุมาอี้พ้นทางได้ กำจัดทัพใหญ่วุยก๊กได้ จับแม่ทัพใหญ่วุยก๊กได้
กำลังจะได้เมืองหลวงเก่าคือ ซีอาน(เตียงอัน) อยู่รอมร่อ แต่บัณฑิตก็ยังเป็นบัณฑิต อยากได้คนที่พอพูดรู้เรื่องกันบ้าง มัวเสียเวลาไปจับเป็น "เกียงอุย" อยู่
ถ้าเชื่อตามข้อเสนอ "อุยเอี๋ยน" แล้ว ปล่อย "แฮหัวหลิม" ไปซีอาน แล้วยกทัพตามตีไปติดๆ
ตอนนั้นก็คงยึดซีอานได้ ทัพจ๊กก๊กก็จะมีที่ยืนนอกแนวเขากิสาน ต่อให้สุมาอี้กลับมาตอนนี้ก็คงแก้สถานการณ์ไม่ได้แล้ว
ดังนั้น ครั้งนี้คือการพลาดของขงเบ้งครั้งที่ 2
หลังจากการศึกครั้งแรก การศึกครั้งที่ 2-6 ก็เป็นการต่อสู้ของขงเบ้งกับชัยภูมิที่เสียเปรียบที่เขากิสาน
ซึ่งสุมาอี้ก็ฉลาดพอที่จะไม่ปล่อยให้ขงเบ้งออกมาจากสมรภูมิที่ตัวเองได้เปรียบแบบนี้ได้
สรุปสุดท้าย ขงเบ้งก็เลยแพ้ภูมิประเทศ โดยเสียค่าโง่ไปจับ "เกียงอุย" มาได้คนเดียว แลกกับโอกาสได้ที่ยืนนอกสมรภูมิที่ตนเองเสียเปรียบ
ผมว่าไม่ใช่พลาดที่ไปเอาเกียงอุย ครับ ขงเบ้ง มองว่าสิ้นตนแล้ว จะมีใครที่จะสานงานต่อ อีกทั้ง ลักษณะ ของผู้นำ ต้องการคนดีคนเก่งมาไว้ในมือ แม้แต่โจโฉ ก็เช่นกัน ไม่งั้นจะเปรมกวนอูขนาดนั้นหรือ แม้แต่ จูล่ง ที่ผ่าทัพ ของโจโฉตามหาอาเต๊า ถ้าโจโฉ ไม่เสียดาย จูล่งคงตายไปแล้ว ที่ขงเบ้้งพลาดมากที่สุด คือ ส่ง ม้าเจ๊ก ไปเฝ้า เกเต๋ง(เล่าปี่ก็เตือนแล้ว) แม้แต่สุมาอี๋ ยังร้องด้วยความปรีดาว่าฟ้าเข้าข้างแซ่โจ หลังจากได้เกียงอุยมา เกียงอุยก็ช่วยขงเบ้ง ให้ได้ชัยหลายครั้ง และถ้าไม่มีเกียงอุย รับรองได้เลยว่า สิ้นขงเบ้ง เล่าเสี้ยนรักษาเมืองได้ไม่นานหรอก เกียงอุย สามาก็เกือบฆ่าสุมาเจียว ได้ ตอนหลัง ยันทัพ จงโพย ไว้ได้ ถ้าเล่าเสี้ยน ไม่ถอนทหารที่ขงเบ้งวางไว้ เตงงาย ไม่มีทางอ้อมไปตีด้านหลังได้หรอ เกียงอุยถึงเก่งแค่ไหนก็ไม่มีปัญญารับศึก 2 ด้านหรอก
ไม่ได้บอกว่า "เกียงอุย" ไม่มีคุณค่านะครับ เป็นคนที่มีคุณภาพมากคนหนึ่งในประศาสตร์เลยทีเดียว
แต่ที่ว่าพลาดที่ไปเอา "เกียงอุย" นะถูกแล้วครับ พลาดเพราะไม่รู้จักจัดลำดับความสำคัญให้ดี
สงครามวุย-จ๊ก เป็นสงครามชิงบ้านชิงเมือง สมรภูมิใดสำคัญต้องรีบยึดครองก็ต้องยึด
จะมัวเห็นแก่คนไม่กี่คน แล้วเสียจังหวะชิงความได้เปรียบนั้น ถือเป็นผลชี้แพ้ชนะได้เลย
สงครามชิงแผ่นดินก็ต้องชิงเมืองเป็นหลัก เอาคนเป็นรอง
นี่มาเสียเวลาจับคนอยู่ จนวุยก๊กตั้งตัวได้ จะไม่ถือเป็นความผิดพลาดได้อย่างไร
หากกลืนกินวุยก๊กได้ คนดีมีฝีมือย่อมมีให้เลือกมากมายเหลือคณานับ
จะมาเห็นความสำคัญแค่คนหนึ่งคน แล้วเสียจังหวะที่หายากแบบนี้ เทียบอย่างไรก็ไม่คุ้มแน่นอน
ปล. เองจิว คือ ซีอานหรือเตียงอัน เมืองหลวงเก่าสมัยฮั่นตะวันตก
ลกเอี๋ยง คือเมืองหลวงเก่าสมัยฮั่นตะวันออก
ฮูโต๋ คือเมืองหลวงของวุยก๊ก
Edited by Ricebeanoil, 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 20:12.
#77
ตอบ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 22:02
ไม่ได้บอกว่า "เกียงอุย" ไม่มีคุณค่านะครับ เป็นคนที่มีคุณภาพมากคนหนึ่งในประศาสตร์เลยทีเดียว
แต่ที่ว่าพลาดที่ไปเอา "เกียงอุย" นะถูกแล้วครับ พลาดเพราะไม่รู้จักจัดลำดับความสำคัญให้ดี
สงครามวุย-จ๊ก เป็นสงครามชิงบ้านชิงเมือง สมรภูมิใดสำคัญต้องรีบยึดครองก็ต้องยึด
จะมัวเห็นแก่คนไม่กี่คน แล้วเสียจังหวะชิงความได้เปรียบนั้น ถือเป็นผลชี้แพ้ชนะได้เลย
สงครามชิงแผ่นดินก็ต้องชิงเมืองเป็นหลัก เอาคนเป็นรอง
นี่มาเสียเวลาจับคนอยู่ จนวุยก๊กตั้งตัวได้ จะไม่ถือเป็นความผิดพลาดได้อย่างไร
หากกลืนกินวุยก๊กได้ คนดีมีฝีมือย่อมมีให้เลือกมากมายเหลือคณานับ
จะมาเห็นความสำคัญแค่คนหนึ่งคน แล้วเสียจังหวะที่หายากแบบนี้ เทียบอย่างไรก็ไม่คุ้มแน่นอน
ปล. เองจิว คือ ซีอานหรือเตียงอัน เมืองหลวงเก่าสมัยฮั่นตะวันตก
ลกเอี๋ยง คือเมืองหลวงเก่าสมัยฮั่นตะวันออก
ฮูโต๋ คือเมืองหลวงของวุยก๊ก
จากกระทู้ขอความคิดเห็นทางการเมือง ตอนนี้เริ่มกลายเป็นกระทู้สามก๊กเต็มตัวเสียแล้ว
แผนของอุยเอี๋ยนนั้น ขงเบ้งเถียงกับอุยเอี๋ยนตั้งแต่ก่อนยกทัพออกรบแล้วครับ ไม่ได้เถียงเพราะจะเอาเกียงอุยเลย
เรื่องขงเบ้งเอาเกียงอุยเป็นแค่ของแถมระหว่างทาง ขงเบ้งไม่ได้เสียเวลาอะไร
แผนของอุยเอี๋ยนเป็นแบบใจเร็วด่วนได้ คิดจะเอากำลังเพียงห้าพันคน(น้อยกว่าม๊อบเสธ.ฯ มาก) ลัดเลาะซอกเขาไปอยู่กลางระหว่างเตียงฮันกับลกเอี๋ยง
ซึ่งหากดูแผนที่ที่คุณ Ricebeanoil ยกมาประกอบจะเห็นว่าไกลจากดินแดนเสฉวนมาก ๆ แล้วจึงให้ขงเบ้งยกตีเมืองเตียงฮันอีกทางด้านตะวันตก
ขงเบ้งได้ยินเท่านี้ก็หัวเราะลั่น แล้วยกตัวอย่างว่าทหารห้าพัน จะตกอยู่กลางวงล้อมของทหารนับแสนของทั้งเมืองเตียงฮันและลกเอี๋ยงเสียเอง
กลายเป็นฝูงชนหย่อมเล็ก ๆ ที่ถูกล้อมด้วยกำแพงจาก เจ้าพนักงานของรัฐ เข้าออกได้ทางเดียว อย่างไรอย่างนั้น
และถ้าสมมุติว่าตีเตียงอันได้จริง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องดี แต่จะกลับเลวร้ายหนัก เพราะ
ทหารขงเบ้งอันน้อยนิดจะเหมือนตกอยู่กลางวงล้อมของฝ่ายวุยก๊ก
ทางซ้ายมีเมืองเทียนซุย(ที่เกียงอุยอยู่) เมืองเสเกี๋ยงของเตียดลิเกียด ทางขวาก็มีทหารจากลกเอี๋ยงนับแสน ทีนี้จะรุกจะถอยก็ลำบาก ขงเบ้งจึงไม่เอาด้วย
ดูจากวิธีการจัดการม๊อบของตำรวจครั้งล่าสุด เขาตั้งด่านล้อมสถานที่ชุมนุม เข้าก็ยาก ออกก็ยาก ยังไงก็แพ้ ไม่เห็นทางไปเลย
เผลอ ๆ อาจจะถูกล้อมจับขึ้นศาลฐานกบฎได้
ขงเบ้งเลือกทางรอบคอบ คือตีไป เก็บไป ฟื้นตัว ฟื้นคน เอาชาวเมืองที่ตีได้มาเป็นพวก เพื่อเพิ่มจำนวนทหารในกองทัพ
ควบคุมพื้นที่ไม่ให้กองทัพโดนล้อม จะได้รบโดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง
สมรภูมิรบ ไม่ว่าที่ไหน จะป่าจะเขาจะเมือง หรือลานพระรูปฯ ต้องทำให้ได้เปรียบ ไม่ใช่ว่าปล่อยให้เขาล้อม
แล้วคิดเอาเองว่าคนแค่ห้าพันจะเอาชนะได้วงล้อมนั้นได้.....
....นี่ผมพยายามดึงให้เข้าการเมืองแล้วนะเนี่ย
ลองดูซิครับว่าสามก๊ก จะเอามาใช้ทางการเมือง-ทหาร ได้จริงหรือไม่
เผลอ ๆ คราวหน้าคนในเสรีไทย อาจจะมีไอเดียดีๆ ที่พาไปสู่จุดหมายให้ได้เฮกัน ก็เป็นได้นะครับ
#78
ตอบ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 22:26
พอจะไปซื้อนิยายอ่าน ก็ไปซื้อเรื่องอื่นก่อน แบบว่า 3 ก๊ก เคยได้ยินได้ฟังมาเยอะ
แต่ไม่เคยคิดว่าจะสนุกหรือน่าอ่านซักเท่าไหร่ แต่ก็อ่านนิยายจีนมาพอสมควรนะ
ผมว่าประเทศไทยไม่น่าจะเปรียบ 3 ก๊ก เพราะจริงๆ แล้วไอ้คนที่บอกว่ายืนฝ่ายทักษิณ
มันก็แค่รอเวลาและโอกาสแค่นั้นเอง ถ้าจะให้บอกจริงๆ ผมว่ามันเป็นเลียดก๊กมากกว่า
แต่ถ้าจะพูดถึงยุทธวีธีในสงคราม ผมมองว่าใครจะทำอะไรก็ช่าง ขอแค่ชนะก็พอ
ไร้ศักดิ์ศรีแล้วจะเป็นไร เพราะยุทธวีธีในสงครามส่วนใหญ่ขอแค่เพียงคำว่าชัยชนะ
เหมือนอย่างคำว่า "การศึกไม่หน่ายอุบาย" แล้วก็รู้อีกอย่างคือ "คนคำนวนหรือจะสู้ฟ้าลิขิต"
แต่ผมไม่ได้อ่านเรื่อง 3 ก๊ก เลยไม่รู้ว่า มีพวกยกอ้างตนเองเป็นฟ้ากำหนด แบบเรื่อง
จอมคนแผ่นดินเดือด ของหวงอี้หรือเปล่า
#79
ตอบ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 23:31
ไม่ได้บอกว่า "เกียงอุย" ไม่มีคุณค่านะครับ เป็นคนที่มีคุณภาพมากคนหนึ่งในประศาสตร์เลยทีเดียว
แต่ที่ว่าพลาดที่ไปเอา "เกียงอุย" นะถูกแล้วครับ พลาดเพราะไม่รู้จักจัดลำดับความสำคัญให้ดี
สงครามวุย-จ๊ก เป็นสงครามชิงบ้านชิงเมือง สมรภูมิใดสำคัญต้องรีบยึดครองก็ต้องยึด
จะมัวเห็นแก่คนไม่กี่คน แล้วเสียจังหวะชิงความได้เปรียบนั้น ถือเป็นผลชี้แพ้ชนะได้เลย
สงครามชิงแผ่นดินก็ต้องชิงเมืองเป็นหลัก เอาคนเป็นรอง
นี่มาเสียเวลาจับคนอยู่ จนวุยก๊กตั้งตัวได้ จะไม่ถือเป็นความผิดพลาดได้อย่างไร
หากกลืนกินวุยก๊กได้ คนดีมีฝีมือย่อมมีให้เลือกมากมายเหลือคณานับ
จะมาเห็นความสำคัญแค่คนหนึ่งคน แล้วเสียจังหวะที่หายากแบบนี้ เทียบอย่างไรก็ไม่คุ้มแน่นอน
ปล. เองจิว คือ ซีอานหรือเตียงอัน เมืองหลวงเก่าสมัยฮั่นตะวันตก
ลกเอี๋ยง คือเมืองหลวงเก่าสมัยฮั่นตะวันออก
ฮูโต๋ คือเมืองหลวงของวุยก๊ก
จากกระทู้ขอความคิดเห็นทางการเมือง ตอนนี้เริ่มกลายเป็นกระทู้สามก๊กเต็มตัวเสียแล้ว
แผนของอุยเอี๋ยนนั้น ขงเบ้งเถียงกับอุยเอี๋ยนตั้งแต่ก่อนยกทัพออกรบแล้วครับ ไม่ได้เถียงเพราะจะเอาเกียงอุยเลย
เรื่องขงเบ้งเอาเกียงอุยเป็นแค่ของแถมระหว่างทาง ขงเบ้งไม่ได้เสียเวลาอะไร
แผนของอุยเอี๋ยนเป็นแบบใจเร็วด่วนได้ คิดจะเอากำลังเพียงห้าพันคน(น้อยกว่าม๊อบเสธ.ฯ มาก) ลัดเลาะซอกเขาไปอยู่กลางระหว่างเตียงฮันกับลกเอี๋ยง
ซึ่งหากดูแผนที่ที่คุณ Ricebeanoil ยกมาประกอบจะเห็นว่าไกลจากดินแดนเสฉวนมาก ๆ แล้วจึงให้ขงเบ้งยกตีเมืองเตียงฮันอีกทางด้านตะวันตก
ขงเบ้งได้ยินเท่านี้ก็หัวเราะลั่น แล้วยกตัวอย่างว่าทหารห้าพัน จะตกอยู่กลางวงล้อมของทหารนับแสนของทั้งเมืองเตียงฮันและลกเอี๋ยงเสียเอง
กลายเป็นฝูงชนหย่อมเล็ก ๆ ที่ถูกล้อมด้วยกำแพงจาก เจ้าพนักงานของรัฐ เข้าออกได้ทางเดียว อย่างไรอย่างนั้น
และถ้าสมมุติว่าตีเตียงอันได้จริง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องดี แต่จะกลับเลวร้ายหนัก เพราะ
ทหารขงเบ้งอันน้อยนิดจะเหมือนตกอยู่กลางวงล้อมของฝ่ายวุยก๊ก
ทางซ้ายมีเมืองเทียนซุย(ที่เกียงอุยอยู่) เมืองเสเกี๋ยงของเตียดลิเกียด ทางขวาก็มีทหารจากลกเอี๋ยงนับแสน ทีนี้จะรุกจะถอยก็ลำบาก ขงเบ้งจึงไม่เอาด้วย
ดูจากวิธีการจัดการม๊อบของตำรวจครั้งล่าสุด เขาตั้งด่านล้อมสถานที่ชุมนุม เข้าก็ยาก ออกก็ยาก ยังไงก็แพ้ ไม่เห็นทางไปเลย
เผลอ ๆ อาจจะถูกล้อมจับขึ้นศาลฐานกบฎได้
ขงเบ้งเลือกทางรอบคอบ คือตีไป เก็บไป ฟื้นตัว ฟื้นคน เอาชาวเมืองที่ตีได้มาเป็นพวก เพื่อเพิ่มจำนวนทหารในกองทัพ
ควบคุมพื้นที่ไม่ให้กองทัพโดนล้อม จะได้รบโดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง
สมรภูมิรบ ไม่ว่าที่ไหน จะป่าจะเขาจะเมือง หรือลานพระรูปฯ ต้องทำให้ได้เปรียบ ไม่ใช่ว่าปล่อยให้เขาล้อม
แล้วคิดเอาเองว่าคนแค่ห้าพันจะเอาชนะได้วงล้อมนั้นได้.....
....นี่ผมพยายามดึงให้เข้าการเมืองแล้วนะเนี่ย
ลองดูซิครับว่าสามก๊ก จะเอามาใช้ทางการเมือง-ทหาร ได้จริงหรือไม่
เผลอ ๆ คราวหน้าคนในเสรีไทย อาจจะมีไอเดียดีๆ ที่พาไปสู่จุดหมายให้ได้เฮกัน ก็เป็นได้นะครับ
จากแผนที่นั้นดูแล้วระยะทางไกลจากเมืองเตียงอันถึงเสฉวนนั้นจริงอยู่
แต่จากสนามรบนั้น เมื่อวิเคราะห์ต้องพิจารณาทั้งกระดาน
ในการศึกครั้งแรกนั้น ขงเบ้งไม่ได้ยกมาทางเดียวนะครับ
ยังมีทัพซุนกวนช่วยกระหนาบด้วยทางเมืองหับป๋า เบ้งตัดเป็นกบฎที่เมืองซงหยง
ประกอบกับตอนนั้น สุมาอี้โดนปลดจากข้อหาเป็นกบฏ แฮหัวหลิมเป็นแม่ทัพใหญ่แทน
กองทัพนับแสนที่คุณว่า ต้องแบ่งไปรับศึกหลายทาง แถมไม่มีแม่ทัพที่มีฝีมือพอคอยควบคุม
"รบพิสดาร" ของอุยเอี๋ยน ไม่ว่ามองทางไหนก็มีโอกาสสำเร็จสูงมาก
#80
ตอบ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 23:48
และอีกอย่าง ขงเบ้ง มักใช้คนพลาด เช่น ให้ม้าเจ๊ก ไปรักษาเกเต๋ง และผลที่ตามมาคือ ........บรรลัยวายวอด
ด้านการใช้คนผมว่า โจโฉเหนือกว่าเยอะมาก
ด้านความอดทน ผมชอบ สุมาอี้
ด้านความกล้าหาญ ชอบจูล่ง
ถ้าจะถก 3 ก๊ก ผมว่ายาว เพราะตัวผมเองก็อ่านหลายรอบอยู่ 555555
ฉันมาที่บอร์ดแห่งนี้ เพื่อหยุดระบอบทักษิณ
#81
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 11:39
มันอย่างคุณว่าแหละ ( 30-70..70-30 ) แต่ผมก็แย้งนิด นิดเดียว
จริง ๆ ที่คุณให้ ..30/70. นั่น ผมให้แค่ 18/ 82 % ครับ ....
ขนาด นาง..ส้าวฉาน..( เตียวเสี้ยน ) แกยังปั้นขึ้นมาซ๊ะ คนเชื่อกัน
ทั้งเมือง. แถมมีผู้คน สรรเสริญ.ว่า เป็นหญิง..ผู้พลิกแผ่นดิน.....
ทำเอา..หลี่ปู้.. ( ลิโป้ ) ต้องหัวปักหัวปำ เลยเอาหอก เสียบอก-
ตั๊งโต๊ะ..ทะลุหลัง ( เท็จจริงแค่ไหน ตามไปถามเอาเองนะ ) ถาม
มากเดี๋ยวฟ้อง โจโฉ..มายังไม่รู้......
#82
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:59
แต่น่าเสียดายไม่ทันช่วยคุณมาร์ค
เรื่องการ "ถอดยศ"
ขงเบ้งรบแพ้ ต้องรีบชิงถอดยศตัวตัวเองลงหนึ่งขั้น
เกี่ยงอุยรบแพ้ ก็ทำตามแบบขงเบ้งบ้าง
ดูดีมีสำนึก ความรับผิดชอบ ต่อมาไม่นาน ก็ได้รับยศนั้นคืน
คุณ eAT ตั้งกระทู้ช้าไปรัฐบาลหนึ่ง
แต่กระนั้นก็ขอให้ลองนึกภาพ รัฐบาลนี้ยอมถอดยศให้ชายผู้นั้นดูสิครับ เขาจะได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นหรือลดลง
ทิศทางการเมืองเวลานี้ ธรรมดาที่ไหนกัน
เรื่องนี้สอนว่าคนเป็นผู้นำ หากมีจังหวะ มีกระแสขาขึ้น ทำผิดแล้วให้รีบใช้อุบายอย่างขงเบ้ง ได้ใจแน่นอน
Edited by Samkok911, 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:59.
#83
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:21
มีอีกอุบายการเมืองหนึ่งน่าสนใจ
แต่น่าเสียดายไม่ทันช่วยคุณมาร์ค
เรื่องการ "ถอดยศ"
ขงเบ้งรบแพ้ ต้องรีบชิงถอดยศตัวตัวเองลงหนึ่งขั้น
เกี่ยงอุยรบแพ้ ก็ทำตามแบบขงเบ้งบ้าง
ดูดีมีสำนึก ความรับผิดชอบ ต่อมาไม่นาน ก็ได้รับยศนั้นคืน
คุณ eAT ตั้งกระทู้ช้าไปรัฐบาลหนึ่ง
แต่กระนั้นก็ขอให้ลองนึกภาพ รัฐบาลนี้ยอมถอดยศให้ชายผู้นั้นดูสิครับ เขาจะได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นหรือลดลง
ทิศทางการเมืองเวลานี้ ธรรมดาที่ไหนกัน
เรื่องนี้สอนว่าคนเป็นผู้นำ หากมีจังหวะ มีกระแสขาขึ้น ทำผิดแล้วให้รีบใช้อุบายอย่างขงเบ้ง ได้ใจแน่นอน
ผมอ่านแล้วนึกถึง เล่าชวนหัว เลยครับ
เขาเขียนว่า ลดยศลง 2 ขั้นแต่ทุกอย่างเหมือนเดิม
ทำหน้าที่เดิม เงินได้เท่าเดิม แถมยังได้หน้าว่าเป็นคนมีคุณธรรมอีก
วู้ย ต้องพยายามไปหาฉบับวณิพกมาอ่าน เพราะลืมไปหมดแล้ว ส่วนฉบับ
เจ้าพระยา นึกไม่ออกจริงๆ ว่าอยู่ไหน
#84
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 15:36
ไม่ได้บอกว่า "เกียงอุย" ไม่มีคุณค่านะครับ เป็นคนที่มีคุณภาพมากคนหนึ่งในประศาสตร์เลยทีเดียว
แต่ที่ว่าพลาดที่ไปเอา "เกียงอุย" นะถูกแล้วครับ พลาดเพราะไม่รู้จักจัดลำดับความสำคัญให้ดี
สงครามวุย-จ๊ก เป็นสงครามชิงบ้านชิงเมือง สมรภูมิใดสำคัญต้องรีบยึดครองก็ต้องยึด
จะมัวเห็นแก่คนไม่กี่คน แล้วเสียจังหวะชิงความได้เปรียบนั้น ถือเป็นผลชี้แพ้ชนะได้เลย
สงครามชิงแผ่นดินก็ต้องชิงเมืองเป็นหลัก เอาคนเป็นรอง
นี่มาเสียเวลาจับคนอยู่ จนวุยก๊กตั้งตัวได้ จะไม่ถือเป็นความผิดพลาดได้อย่างไร
หากกลืนกินวุยก๊กได้ คนดีมีฝีมือย่อมมีให้เลือกมากมายเหลือคณานับ
จะมาเห็นความสำคัญแค่คนหนึ่งคน แล้วเสียจังหวะที่หายากแบบนี้ เทียบอย่างไรก็ไม่คุ้มแน่นอน
ปล. เองจิว คือ ซีอานหรือเตียงอัน เมืองหลวงเก่าสมัยฮั่นตะวันตก
ลกเอี๋ยง คือเมืองหลวงเก่าสมัยฮั่นตะวันออก
ฮูโต๋ คือเมืองหลวงของวุยก๊ก
จากกระทู้ขอความคิดเห็นทางการเมือง ตอนนี้เริ่มกลายเป็นกระทู้สามก๊กเต็มตัวเสียแล้ว
แผนของอุยเอี๋ยนนั้น ขงเบ้งเถียงกับอุยเอี๋ยนตั้งแต่ก่อนยกทัพออกรบแล้วครับ ไม่ได้เถียงเพราะจะเอาเกียงอุยเลย
เรื่องขงเบ้งเอาเกียงอุยเป็นแค่ของแถมระหว่างทาง ขงเบ้งไม่ได้เสียเวลาอะไร
แผนของอุยเอี๋ยนเป็นแบบใจเร็วด่วนได้ คิดจะเอากำลังเพียงห้าพันคน(น้อยกว่าม๊อบเสธ.ฯ มาก) ลัดเลาะซอกเขาไปอยู่กลางระหว่างเตียงฮันกับลกเอี๋ยง
ซึ่งหากดูแผนที่ที่คุณ Ricebeanoil ยกมาประกอบจะเห็นว่าไกลจากดินแดนเสฉวนมาก ๆ แล้วจึงให้ขงเบ้งยกตีเมืองเตียงฮันอีกทางด้านตะวันตก
ขงเบ้งได้ยินเท่านี้ก็หัวเราะลั่น แล้วยกตัวอย่างว่าทหารห้าพัน จะตกอยู่กลางวงล้อมของทหารนับแสนของทั้งเมืองเตียงฮันและลกเอี๋ยงเสียเอง
กลายเป็นฝูงชนหย่อมเล็ก ๆ ที่ถูกล้อมด้วยกำแพงจาก เจ้าพนักงานของรัฐ เข้าออกได้ทางเดียว อย่างไรอย่างนั้น
และถ้าสมมุติว่าตีเตียงอันได้จริง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องดี แต่จะกลับเลวร้ายหนัก เพราะ
ทหารขงเบ้งอันน้อยนิดจะเหมือนตกอยู่กลางวงล้อมของฝ่ายวุยก๊ก
ทางซ้ายมีเมืองเทียนซุย(ที่เกียงอุยอยู่) เมืองเสเกี๋ยงของเตียดลิเกียด ทางขวาก็มีทหารจากลกเอี๋ยงนับแสน ทีนี้จะรุกจะถอยก็ลำบาก ขงเบ้งจึงไม่เอาด้วย
ดูจากวิธีการจัดการม๊อบของตำรวจครั้งล่าสุด เขาตั้งด่านล้อมสถานที่ชุมนุม เข้าก็ยาก ออกก็ยาก ยังไงก็แพ้ ไม่เห็นทางไปเลย
เผลอ ๆ อาจจะถูกล้อมจับขึ้นศาลฐานกบฎได้
ขงเบ้งเลือกทางรอบคอบ คือตีไป เก็บไป ฟื้นตัว ฟื้นคน เอาชาวเมืองที่ตีได้มาเป็นพวก เพื่อเพิ่มจำนวนทหารในกองทัพ
ควบคุมพื้นที่ไม่ให้กองทัพโดนล้อม จะได้รบโดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง
สมรภูมิรบ ไม่ว่าที่ไหน จะป่าจะเขาจะเมือง หรือลานพระรูปฯ ต้องทำให้ได้เปรียบ ไม่ใช่ว่าปล่อยให้เขาล้อม
แล้วคิดเอาเองว่าคนแค่ห้าพันจะเอาชนะได้วงล้อมนั้นได้.....
....นี่ผมพยายามดึงให้เข้าการเมืองแล้วนะเนี่ย
ลองดูซิครับว่าสามก๊ก จะเอามาใช้ทางการเมือง-ทหาร ได้จริงหรือไม่
เผลอ ๆ คราวหน้าคนในเสรีไทย อาจจะมีไอเดียดีๆ ที่พาไปสู่จุดหมายให้ได้เฮกัน ก็เป็นได้นะครับ
จากแผนที่นั้นดูแล้วระยะทางไกลจากเมืองเตียงอันถึงเสฉวนนั้นจริงอยู่
แต่จากสนามรบนั้น เมื่อวิเคราะห์ต้องพิจารณาทั้งกระดาน
ในการศึกครั้งแรกนั้น ขงเบ้งไม่ได้ยกมาทางเดียวนะครับ
ยังมีทัพซุนกวนช่วยกระหนาบด้วยทางเมืองหับป๋า เบ้งตัดเป็นกบฎที่เมืองซงหยง
ประกอบกับตอนนั้น สุมาอี้โดนปลดจากข้อหาเป็นกบฏ แฮหัวหลิมเป็นแม่ทัพใหญ่แทน
กองทัพนับแสนที่คุณว่า ต้องแบ่งไปรับศึกหลายทาง แถมไม่มีแม่ทัพที่มีฝีมือพอคอยควบคุม
"รบพิสดาร" ของอุยเอี๋ยน ไม่ว่ามองทางไหนก็มีโอกาสสำเร็จสูงมาก
คิดหรือว่า ไม่มีใครในวุ๋ยก๊ก ที่จะรู้ทันแผนของอุ๋ยเอี๋ยนเลย ครับ แค่เกียงอุย ทหารตัวเล็กๆ ยังทำแผน ยึดเมืองของขงเบ้งพลาด เลยยึดได้แค่ เมืองเดียว แถมยังเล่นซ่ะขงเบ้งพึ่งตั้งค่ายเสร็จกระเจิงเลย จนขงเบ้งต้องมานั่ง คิดแผนหลายแผนเพื่อเอาตัวมาเลย ถ้าคุณคิดว่า ทุกอย่างมันต้องจากส่วนกลาง อย่างเดียวผิดแล้ว แต่ละเมืองจะดูแลตัวเอง ก่อนเมื่อศึกประชิด ส่วนกลางจะมาช่วยที่หลัง แต่ละเมืองก็มีทหารของตัวเอง การเอา 5000 พันไปตีเมือง ที่อยู่กลางวงนะ ถึงตีได้ แต่จะรักษาได้หรือ ถ้าตีไม่แตก ก็นรก ตายทั้งหมดนั้นแหละ ส่วน คุณ Kaizer ทหารที่โดนม้าเจ็กเอาไปละลาย แค่ 1.5 หมื่นนะครับ ขงเบ้งยกทัพใหญ่ไปนะครับ ไม่ใช่ทัพแค่ 2-3 หมื่น แล้วที่เอาทหารไป 2000 พันนั้นแค่อาการเสียดาย สะเบียง จริงอยู่การรบที่เกเต๋ง ทัพขงเบ้งแพ้ไม่เป็นท่า แต่การศึกนี้ไม่ได้มีสมรภูมิเดียว ขงเบ้ง ถอนทหารโดย ที่แกล้งให้ฝ่ายตรงข้ามคิดว่าทหารมาเพิ่มก็ยังทำได้ ไม่ต้องอื่นไกล แค่ตอนสงคราม 9 ทัพท้าวเทพกษัตรีท้าวศรีสุนทร ยังแต่งกลทำให้พม่า คิดว่ามีทหารมาเพิ่มหลอกพม่า ยังได้เลย อย่างโจโฉ ท่องตลอด นั้นแหละ จริงคือเท็จเท็จคือจริง ไม่เคยเห็นหรือครับว่า คนมาก กลับให้ชุ่มเงียบๆ คนน้อย ให้วิ่งให้ฝุ่นคลุง ก็เยอะแยะ หรือทีหลอก โจโฉ ว่ามีคนแล้วมีคนจริงๆ จริงอยู่ว่าสุมาเจียวกับสุมาสู จะบุกเข้าไป ถ้ากลยุทธ์ นี้ใช้กับสุมาเจียวสุมาสู มันอาจใช้ไม่ได้ เพราะผมบอกแล้วว่ากลยุทธ์เดียวกันใช้กับคนหนึ่ง ได้ผลแบบหนึ่ง ใช้กลับอีกคนได้ผลอีกแบบ มันก็เหมือนเล่นโปกเกอร์หรือเก้าเกย์นี้แหละ (เปรียบกับพวกหมากรุกหมากล้อมมันยังน้อยไปเพราะเรารู้จำนวนที่แน่นอน)แต่โปรเกอร์ 9 เกย์เราเห็นและรับรู้แค่บ้างส่วนของไพ่บนมือเท่านั้น พอมาถึงท่านก็บอกว่าถ้าเป็นฉัน ฉันจะทำอย่างนี้ มันก็ได้สิครับ เพราะท่านรู้แล้วว่าขงเบ้งใช่กลอะไร มีทหารเท่าไหร่
#85
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 15:48
จริงๆ เรื่องขงเบ้งตีขิมนี่ผมก็ฮานะ
สุมาอี้เอาทหารมาเป็นหมื่น ส่งไปสืบในเมื่องซักพัน ถ้าเป็นกลลวงก็เสียทหารเล็กน้อย เป็นจริงก็จับตัวหัวหน้าฝ่ายศัตรูได้เลย ทำไมไม่ทำ
ถ้าให้เดา ผมเดาว่า
เหมือนที่ขงเบ้งปล่อยให้กวนอูดักโจโฉ แล้วให้แทนคุณเสีย เพราะถ้าสิ้นโจโฉ ภาคเหนือก็จะวุ่นวาย เล่าปี่ยังไม่มีเมืองหลักก็จะเดือดร้อน
สุมาอี้รู้ว่าขงเบ้งไม่มีทหารเหลือแล้ว จะจับก็ได้ แต่ก็ปล่อยเอาไว้ เพราะถ้าจกไม่เหลือขงเบ้งไว้เป็นเสี้ยนหนาม ตนเองก็อาจถูกศัตรูทางการเมืองเก็บเอาง่ายๆได้เหมือนกัน เพราะตระกูลโจที่มีอำนาจก็หมั่นใส้สุมาอี้มานาน แต่ต้องเก็บไว้เพราะเอาไว้สู้ขงเบ้ง ถ้าขงเบ้งตายเสีย ก็คงถึงครา "เสร็จศึกสุมาอี้โดนผีขงเบ้งหลอกตาย"
ผมว่าไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ข้งเบ้ง เผาเมืองเผาทัพ นับ 10 หมื่นก็ทำมาแล้ว ยิ่ง สุมาอี๋ รู้ว่าสู้ขงเบ้งไม่ได้ แล้วที่ผ่านมาขงเบ้งไม่ค่อยทำกลที่สุ่มเสี่ยงเลย ถ้าคนเคยประมือกัน รู้สติปัญญาของอีกฝ่ายมีหรือจะไม่สงสัย ไอ้พวก เจอหน้าเข้าตีนะ แพ้มาหนักต่อหนักแล้ว ขงเบ้งยกทัพใหญ่มา นะแบ่ง ทหารไปเอาเสบียงแค่ 2000 ถ้า ไม่รู้จำนวนที่แน่ๆ คิดหรือว่าคนอย่างสุมาอี๋จะพลีพลาม 100 หมื่นต่อ 7 หมื่น ข้งเบ้งยังเผาเป็นตอตะโกมาแล้ว
อย่าลืมครับว่าตอนนั้นขงเบ้งพลาดท่าตอนที่ให้ม้าเจ๊กเฝ้าค่ายมาแล้ว จึงถอนทหารทันที มีรึสุมาอี้จะไม่รู้กำลังทหารของของเบ้งว่าเหลือประมาณเท่าไหร่ทั้งที่เคยรบกันมาหลายต่อหลายครั้ง
แถมที่ผมว่าคือไม่จำเป็นต้องบุกเข้าเมืองทั้งหมด ตั้งหลักดูเชิงแล้วส่งหน่วยกล้าตายขึ้นไปลองจับตัวดูก็ได้ ถ้าจับได้คือจบสงครามกับจกแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ถามว่าคนอย่างสุมาอี้ทำไมถึงไม่ทำ นอกจากจะตั้งใจปล่อยขงเบ้งไปเท่านั้น เพื่อให้ตนเองสามารถขยายอิทธิพลทางการเมืองใรวุยได้อย่างลึกซึ้งขึ้น
ก่อนหน้านั้น พี่อี้ โดนหลอกไปเผา เกือบตาย ต้องผ่าท้องม้าหนีเปลวเพลิงกันเลยที่เดียวอะครับ ผมว่าที่ พี่อี้ ไม่บุกเพราะคงยังเสียวๆ อยู่ มันจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้
Edited by เพลิงสีนิล, 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 15:49.
- Anubitz likes this
[color=#0000ff;][font="Tahoma, sans-serif;"]เราจะรู้.....รสชาติของความสุข[/color][font="Tahoma, sans-serif;"]ก็ต่อเมื่อ เราผ่านความทุกข์มาก่อน[/font][/font]
#86
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 16:52
อย่าลืมครับว่าตอนนั้นขงเบ้งพลาดท่าตอนที่ให้ม้าเจ๊กเฝ้าค่ายมาแล้ว จึงถอนทหารทันที มีรึสุมาอี้จะไม่รู้กำลังทหารของของเบ้งว่าเหลือประมาณเท่าไหร่ทั้งที่เคยรบกันมาหลายต่อหลายครั้ง
แถมที่ผมว่าคือไม่จำเป็นต้องบุกเข้าเมืองทั้งหมด ตั้งหลักดูเชิงแล้วส่งหน่วยกล้าตายขึ้นไปลองจับตัวดูก็ได้ ถ้าจับได้คือจบสงครามกับจกแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ถามว่าคนอย่างสุมาอี้ทำไมถึงไม่ทำ นอกจากจะตั้งใจปล่อยขงเบ้งไปเท่านั้น เพื่อให้ตนเองสามารถขยายอิทธิพลทางการเมืองใรวุยได้อย่างลึกซึ้งขึ้น
ส่วนย่อหน้านี้ ผม ก็คิดอยู่นานว่าทำไม สุมาอี้ ถึงไม่ทำ ทั้งๆ ที่น่าจะทำ
ผมคิดว่าอาจเกิดจาก ทฤษฎี ว่าด้วยความ กลัว จนไม่ได้คิดให้รอบครอบ ในเหตุผล
ดูจากคลิป ที่เขาแกล้งคนใน ลิฟท์ ด้วยการหลอกด้วยผีเด็ก ในบราซิล
ทุกคนที่โดนแกล้ง ไม่มีใครคิดจะเดินเข้าไปจับตัว หนูน้อยคนนั้นสักคน
จึงมีคำถามว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
ทั้งๆ ที่ยุคนี้ วิทยาศาสตร์ก็ก้าวไปไกลแล้ว แต่ทำไมลึกๆ คนยังกลัวผี ทั้งๆ ที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นผี
คำตอบนี้ผมคงตอบให้ละเอียดไม่ได้ ...... คงต้องถามคนที่เขารู้ทางจิตวิยทาแล้วอะครับ
[color=#0000ff;][font="Tahoma, sans-serif;"]เราจะรู้.....รสชาติของความสุข[/color][font="Tahoma, sans-serif;"]ก็ต่อเมื่อ เราผ่านความทุกข์มาก่อน[/font][/font]
#87
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 17:33
จริงๆ เรื่องขงเบ้งตีขิมนี่ผมก็ฮานะ
สุมาอี้เอาทหารมาเป็นหมื่น ส่งไปสืบในเมื่องซักพัน ถ้าเป็นกลลวงก็เสียทหารเล็กน้อย เป็นจริงก็จับตัวหัวหน้าฝ่ายศัตรูได้เลย ทำไมไม่ทำ
ถ้าให้เดา ผมเดาว่า
เหมือนที่ขงเบ้งปล่อยให้กวนอูดักโจโฉ แล้วให้แทนคุณเสีย เพราะถ้าสิ้นโจโฉ ภาคเหนือก็จะวุ่นวาย เล่าปี่ยังไม่มีเมืองหลักก็จะเดือดร้อน
สุมาอี้รู้ว่าขงเบ้งไม่มีทหารเหลือแล้ว จะจับก็ได้ แต่ก็ปล่อยเอาไว้ เพราะถ้าจกไม่เหลือขงเบ้งไว้เป็นเสี้ยนหนาม ตนเองก็อาจถูกศัตรูทางการเมืองเก็บเอาง่ายๆได้เหมือนกัน เพราะตระกูลโจที่มีอำนาจก็หมั่นใส้สุมาอี้มานาน แต่ต้องเก็บไว้เพราะเอาไว้สู้ขงเบ้ง ถ้าขงเบ้งตายเสีย ก็คงถึงครา "เสร็จศึกสุมาอี้โดนผีขงเบ้งหลอกตาย"
ผมว่าไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ข้งเบ้ง เผาเมืองเผาทัพ นับ 10 หมื่นก็ทำมาแล้ว ยิ่ง สุมาอี๋ รู้ว่าสู้ขงเบ้งไม่ได้ แล้วที่ผ่านมาขงเบ้งไม่ค่อยทำกลที่สุ่มเสี่ยงเลย ถ้าคนเคยประมือกัน รู้สติปัญญาของอีกฝ่ายมีหรือจะไม่สงสัย ไอ้พวก เจอหน้าเข้าตีนะ แพ้มาหนักต่อหนักแล้ว ขงเบ้งยกทัพใหญ่มา นะแบ่ง ทหารไปเอาเสบียงแค่ 2000 ถ้า ไม่รู้จำนวนที่แน่ๆ คิดหรือว่าคนอย่างสุมาอี๋จะพลีพลาม 100 หมื่นต่อ 7 หมื่น ข้งเบ้งยังเผาเป็นตอตะโกมาแล้ว
อย่าลืมครับว่าตอนนั้นขงเบ้งพลาดท่าตอนที่ให้ม้าเจ๊กเฝ้าค่ายมาแล้ว จึงถอนทหารทันที มีรึสุมาอี้จะไม่รู้กำลังทหารของของเบ้งว่าเหลือประมาณเท่าไหร่ทั้งที่เคยรบกันมาหลายต่อหลายครั้ง
แถมที่ผมว่าคือไม่จำเป็นต้องบุกเข้าเมืองทั้งหมด ตั้งหลักดูเชิงแล้วส่งหน่วยกล้าตายขึ้นไปลองจับตัวดูก็ได้ ถ้าจับได้คือจบสงครามกับจกแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ถามว่าคนอย่างสุมาอี้ทำไมถึงไม่ทำ นอกจากจะตั้งใจปล่อยขงเบ้งไปเท่านั้น เพื่อให้ตนเองสามารถขยายอิทธิพลทางการเมืองใรวุยได้อย่างลึกซึ้งขึ้น
ก่อนหน้านั้น พี่อี้ โดนหลอกไปเผา เกือบตาย ต้องผ่าท้องม้าหนีเปลวเพลิงกันเลยที่เดียวอะครับ ผมว่าที่ พี่อี้ ไม่บุกเพราะคงยังเสียวๆ อยู่ มันจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้
ครั้งที่สุมาอี้โดนหลอกไปเผาที่เฮาโลก๊กนั่นเป็นสงครามครั้งสุดท้ายของขงเบ้งแล้วครับ แต่ตอนที่ดีดขิมบนเมืองร้างนี่เป็นครั้งกลางๆ
สละชีพเพื่อหลักธรรมคือคำขวัญ
ฆ่าคนเพื่อชิงอำนาจคือวิธีการ
ส่วนลิ่วล้อที่ส่งไปตายก็คือตัวหมากแห่งคุณธรรม
#88
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 18:59
จริงๆ เรื่องขงเบ้งตีขิมนี่ผมก็ฮานะ
สุมาอี้เอาทหารมาเป็นหมื่น ส่งไปสืบในเมื่องซักพัน ถ้าเป็นกลลวงก็เสียทหารเล็กน้อย เป็นจริงก็จับตัวหัวหน้าฝ่ายศัตรูได้เลย ทำไมไม่ทำ
ถ้าให้เดา ผมเดาว่า
เหมือนที่ขงเบ้งปล่อยให้กวนอูดักโจโฉ แล้วให้แทนคุณเสีย เพราะถ้าสิ้นโจโฉ ภาคเหนือก็จะวุ่นวาย เล่าปี่ยังไม่มีเมืองหลักก็จะเดือดร้อน
สุมาอี้รู้ว่าขงเบ้งไม่มีทหารเหลือแล้ว จะจับก็ได้ แต่ก็ปล่อยเอาไว้ เพราะถ้าจกไม่เหลือขงเบ้งไว้เป็นเสี้ยนหนาม ตนเองก็อาจถูกศัตรูทางการเมืองเก็บเอาง่ายๆได้เหมือนกัน เพราะตระกูลโจที่มีอำนาจก็หมั่นใส้สุมาอี้มานาน แต่ต้องเก็บไว้เพราะเอาไว้สู้ขงเบ้ง ถ้าขงเบ้งตายเสีย ก็คงถึงครา "เสร็จศึกสุมาอี้โดนผีขงเบ้งหลอกตาย"
ผมว่าไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ข้งเบ้ง เผาเมืองเผาทัพ นับ 10 หมื่นก็ทำมาแล้ว ยิ่ง สุมาอี๋ รู้ว่าสู้ขงเบ้งไม่ได้ แล้วที่ผ่านมาขงเบ้งไม่ค่อยทำกลที่สุ่มเสี่ยงเลย ถ้าคนเคยประมือกัน รู้สติปัญญาของอีกฝ่ายมีหรือจะไม่สงสัย ไอ้พวก เจอหน้าเข้าตีนะ แพ้มาหนักต่อหนักแล้ว ขงเบ้งยกทัพใหญ่มา นะแบ่ง ทหารไปเอาเสบียงแค่ 2000 ถ้า ไม่รู้จำนวนที่แน่ๆ คิดหรือว่าคนอย่างสุมาอี๋จะพลีพลาม 100 หมื่นต่อ 7 หมื่น ข้งเบ้งยังเผาเป็นตอตะโกมาแล้ว
อย่าลืมครับว่าตอนนั้นขงเบ้งพลาดท่าตอนที่ให้ม้าเจ๊กเฝ้าค่ายมาแล้ว จึงถอนทหารทันที มีรึสุมาอี้จะไม่รู้กำลังทหารของของเบ้งว่าเหลือประมาณเท่าไหร่ทั้งที่เคยรบกันมาหลายต่อหลายครั้ง
แถมที่ผมว่าคือไม่จำเป็นต้องบุกเข้าเมืองทั้งหมด ตั้งหลักดูเชิงแล้วส่งหน่วยกล้าตายขึ้นไปลองจับตัวดูก็ได้ ถ้าจับได้คือจบสงครามกับจกแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ถามว่าคนอย่างสุมาอี้ทำไมถึงไม่ทำ นอกจากจะตั้งใจปล่อยขงเบ้งไปเท่านั้น เพื่อให้ตนเองสามารถขยายอิทธิพลทางการเมืองใรวุยได้อย่างลึกซึ้งขึ้น
ก่อนหน้านั้น พี่อี้ โดนหลอกไปเผา เกือบตาย ต้องผ่าท้องม้าหนีเปลวเพลิงกันเลยที่เดียวอะครับ ผมว่าที่ พี่อี้ ไม่บุกเพราะคงยังเสียวๆ อยู่ มันจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้
ครั้งที่สุมาอี้โดนหลอกไปเผาที่เฮาโลก๊กนั่นเป็นสงครามครั้งสุดท้ายของขงเบ้งแล้วครับ แต่ตอนที่ดีดขิมบนเมืองร้างนี่เป็นครั้งกลางๆ
ไปเช็คข้อมูลมาแล้ว ผมจำผิดจริงๆ นั่น ละครับ ท่าน
ในนิยายได้มีเรื่องการใช้กลเมืองว่างของขงเบ้งที่ขงเบ้งขึ้นไปเล่นพิณบนกำแพงเมืองและหลอกสุมาอี้ซึ่งนำทัพติดตามมา แต่ตามประวัติศาสตร์แล้วคนที่ยกทัพมาคือเตียวคับ ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องเสริมขึ้นเท่านั้น
ส่วนในนิยาย ระหว่างถอยทัพกลับ มีอุบายอย่างอื่นเสริม อุบายเล่นพิณ คือ
ในช่วงที่ถอยทัพกลับ ขงเบ้งได้สั่งให้ก่อเตาหุงหาอาหาร ให้มากขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่หยุดพัก เพื่อ หลอก อี้ ว่ามีทหารมาก แล้ว พี่เบ้งค่อยมาเล่นกลบนกำแพง
[color=#0000ff;][font="Tahoma, sans-serif;"]เราจะรู้.....รสชาติของความสุข[/color][font="Tahoma, sans-serif;"]ก็ต่อเมื่อ เราผ่านความทุกข์มาก่อน[/font][/font]
#89
ตอบ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 11:06
อันนั้นผมว่าสมัยนี้ใช้ไม่ได้แล้ว เรื่องที่แม้รู้ทั้งรู้แต่ก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ มันมีอยู่เยอะแยะ
ผมอ่านผ่านๆแค่รอบเดียวแล้วก็ลืมไปเกือบหมดแล้ว คงเอามาอ้างอิงจริงๆจังไม่ได้หรอกมันแค่นิยาย
ส่วนตัวชอบนิยายพวก A song of ice and fire หรือ The lord of the rings พวกนั้นที่จินตนาการบรรเจิด
เต็มร้อยมากกว่านิยายที่เอาประวัติศาสตร์มาเติมแต่ง จริง 30 เท็จ 70 แบบนั้น
Invoke ExitWindowsEx, EWX_SHUTDOWN | EWX_POWEROFF | EWX_FORCEIFHUNG, SHTDN_REASON_MAJOR_SYSTEM
#90
ตอบ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 13:41
และคนแต่งก็ไม่ต้องการให้มันเป็นตำราอะไร แค่เอาไว้พูดคุย
หรือโม้ ว่าคนโน้นคนนี้เหมือนตัวละครในสามก๊ก แค่นั้น
--------------
เรื่องขงเบ้ง ก่อไฟเพิ่มทุกครั้งที่หนี "เล่าชวนหัว" บอกว่ามันไม่เหมือนกับ
ซุนปินที่หลอกว่าทหารลดน้อยลง เหตุเพราะถ้าทหารสมทบเพิ่มขึ้นวันละ
หลายๆ หมื่น ก็ไม่ต้องหนีแล้ว แล้วอีกอย่าง ถ้ากินมากขึ้น ก็ต้องถ่ายมากขึ้น
จะให้ทหารอึเพิ่มขึ้นได้ยังไง
- เพลิงสีนิล likes this
#91
ตอบ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 14:17
ผมขอสรุปได้ไหม มันเป็นแค่นิยาย เอามาใช้จริงไม่ได้หรอก
และคนแต่งก็ไม่ต้องการให้มันเป็นตำราอะไร แค่เอาไว้พูดคุย
หรือโม้ ว่าคนโน้นคนนี้เหมือนตัวละครในสามก๊ก แค่นั้น
--------------
เรื่องขงเบ้ง ก่อไฟเพิ่มทุกครั้งที่หนี "เล่าชวนหัว" บอกว่ามันไม่เหมือนกับ
ซุนปินที่หลอกว่าทหารลดน้อยลง เหตุเพราะถ้าทหารสมทบเพิ่มขึ้นวันละ
หลายๆ หมื่น ก็ไม่ต้องหนีแล้ว แล้วอีกอย่าง ถ้ากินมากขึ้น ก็ต้องถ่ายมากขึ้น
จะให้ทหารอึเพิ่มขึ้นได้ยังไง
ก็มันเป็นนิยาย อะครับ ไม่ใช่ตำราพิชัยสงคราม ตั้งแต่ต้นแล้ว
เรื่อง สามก๊ก แล้วแต่ใครจะมองมุมไหน ยกตอนไหน มาเป็น case study มองดีก็ได้ มองร้ายก็ได้
- หนูน้อยอาเลย์นา likes this
[color=#0000ff;][font="Tahoma, sans-serif;"]เราจะรู้.....รสชาติของความสุข[/color][font="Tahoma, sans-serif;"]ก็ต่อเมื่อ เราผ่านความทุกข์มาก่อน[/font][/font]
#92
ตอบ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 14:26
ก็มันเป็นนิยาย อะครับ ไม่ใช่ตำราพิชัยสงคราม ตั้งแต่ต้นแล้ว
เรื่อง สามก๊ก แล้วแต่ใครจะมองมุมไหน ยกตอนไหน มาเป็น case study มองดีก็ได้ มองร้ายก็ได้
ก็อย่างที่ตั้งไว้หัวกระทู้นะครับ เห็นมีคนเอามาวิเคราะห์การเมือง
เป็นประจำ ขณะที่ตำราจริงของซุนวู กลับไม่เห็นมีใครเอามา
จับกับการเมืองเลย เวลาเขียนวิเคราะห์การเมือง
พอเป็นนิยาย ก็เกิดความไม่สมจริงหลายๆ อย่าง จนการ
เอามาเป็น case study อาจจะทำให้หลงทาง อย่างเล่าชวนหัว
บอกว่า "สามก๊ก" ดังจนขุนพลของจีนมักเอามาอ้างอิง จนแพ้ตลอด
ตั้งแต่ มองโกล แมนจู ยังชาติตะวันตก ญี่ปุ่น ฯลฯ เพราะเขาคิดว่า
ตนเองเป็น "ขงเบ้ง" เก่งกาจแต่รบแล้วแพ้คนอื่นเป็นส่วนใหญ่
แถมกลยุทธก็เป็นนิยายสำหรับเด็ก ที่ใช้จริงไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าคน
อื่นคิดว่าอย่างไรกันครับ
Edited by eAT, 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 14:29.
#93
ตอบ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 23:23
คือมันเป็นกฎกติกาของการรบทุกวัฒนธรรมของโลกเลยครับ คือห้ามยิงในเวลานั้น
มันเป็นช่วงที่ไม่ได้"ตีกลองรบ" ใครฝ่าฝืนถือว่าชั่วร้าย ผิดมารยาท ขาดความเป็นสุภาพบุรุษนักรบอย่างมาก
ตอน วิลเลี่ยม วอลเลซ แห่งสก็อตแลนด์ ก็เป็นแบบในสามก๊ก
คือแม่ทัพทั้งสองฝ่ายชักม้าเข้าเจรจากันบ้าง มีเข้าไปเยาะเย้ยถากถางกันบ้าง ก็ไม่มีทหารคนไหนทะเร่อทะร่าทำร้ายกัน
เช่นเดียวกับกฎ "Don't kill the messenger" น่ะครับ ใครทำถือว่าชั่วร้ายสุดๆ
สมัยเถื่อนๆแบบนั้น นักรบเคารพกฎกติกา มีความเป็นสุภาพบุรุษนักรบกว่า "นักรบเสื้อแดง" เยอะครับ
สำหรับเรื่องสามก๊ก พ่อผมเล่าให้ฟังทั้งก่อนนอนและกินอาหาร แทนนิทานเลยก็ว่าได้
พ่อชอบมากๆ อ่านสามจบคบไม่ได้ไปหลายสามจบแล้ว จำชื่อตัวละครได้ทุกตัว
แต่พ่อผมมักเน้นเรื่อง "กุศโลบาย" ครับ
เช่น ตอนที่ขงเบ้งใช้อุบายทำเรือขนฟางเพื่อหลอกให้ฝ่ายโจโฉยิงธนูเข้าใส่เพื่อเอาอาวุธมาใช้
อันนี้จำแม่นมากว่าพ่อยกตอนนี้มาเพื่อชี้ให้เห็น "การใช้ปัญญาแก้สถานการณ์ที่ไม่มีอาวุธไปสู้รบ" ได้อย่างไร เป็นต้น
ผมก็เลยมักคิดถึงเรื่องการเมืองแบบสามก๊ก ในแง่การใช้วางกลอุบายในการศึก มากกว่าการดูคน อ่านคน หรือการรบครับ
ปราชญ์ซุนวูกล่าวว่า
การรณรงค์สงคราม
เป็นงานใหญ่ของประเทศชาติ
เป็นจุดความเป็นความตาย
เป็นวิถีทางอันนำไปสู่ความยืนยงคงอยู่
หรือดับสูญหายนะ
พึงพินิจพิเคราะห์จงหนักทีเดียว
http://olddreamz.com...u-content1.html
ก็เพราะพ่อให้อ่านซุนวูตอนนี้แหละครับ ที่ทำให้ผม "สงสัยวิธีคิดของสนธิและพธม."
เพราะนักปราชญ์และนักพิชัยสงครามล้วนใช้การทำสงครามเป็นวิธีสุดท้าย ที่วิธีอื่นไม่ได้ผลแล้วจริงๆ
เพราะ...
แต่คุณกลับมาปลุกระดมทุกวัน กระตุ้นทุกวันให้ทำสงครามนองเลือดเป็นงานใหญ่ของประเทศชาติ
เป็นจุดความเป็นความตาย
เป็นวิถีทางอันนำไปสู่ความยืนยงคงอยู่
หรือดับสูญหายนะ
โดยไม่คำนวณถึงความยืนยงหรือดับสูญหลังจากสงครามเกิดขึ้นเลย
เช่นนี้ คือผู้ยิ่งใหญ่หรือ?
(ขอโทษที่พาออกนอกเรื่องไปนิด)
Edited by ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่, 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 23:27.
- Anubitz likes this
#94
ตอบ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 23:30
ก็เพราะพ่อให้อ่านซุนวูตอนนี้แหละครับ ที่ทำให้ผม "สงสัยวิธีคิดของสนธิและพธม."
เพราะนักปราชญ์และนักพิชัยสงครามล้วนใช้การทำสงครามเป็นวิธีสุดท้าย ที่วิธีอื่นไม่ได้ผลแล้วจริงๆ
เพราะ...แต่คุณกลับมาปลุกระดมทุกวัน กระตุ้นทุกวันให้ทำสงครามนองเลือดเป็นงานใหญ่ของประเทศชาติ
เป็นจุดความเป็นความตาย
เป็นวิถีทางอันนำไปสู่ความยืนยงคงอยู่
หรือดับสูญหายนะ
โดยไม่คำนวณถึงความยืนยงหรือดับสูญหลังจากสงครามเกิดขึ้นเลย
เช่นนี้ คือผู้ยิ่งใหญ่หรือ?
(ขอโทษที่พาออกนอกเรื่องไปนิด)
นั่่นละครับ สงครามเป็นทางเลือกสุดท้ายของสุดท้ายแล้ว
แต่ผมก็เลือดร้อน ตอนแดงเผาเมือง แล้วอภิสิทธิ์ไม่ทำไร
ผมก็นั่งด่าไม่พอ ยังเขียนกระทู้ด่าด้วย
#95
ตอบ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 23:39
สงสัยนิดนึงว่า ในนิยายบอกเหตุผลไหมว่าขงเบ้งมั่นใจอย่างไรว่าฝ่ายโจโฉจะไม่ใช้ธนูไฟเช่น ตอนที่ขงเบ้งใช้อุบายทำเรือขนฟางเพื่อหลอกให้ฝ่ายโจโฉยิงธนูเข้าใส่เพื่อเอาอาวุธมาใช้
อันนี้จำแม่นมากว่าพ่อยกตอนนี้มาเพื่อชี้ให้เห็น "การใช้ปัญญาแก้สถานการณ์ที่ไม่มีอาวุธไปสู้รบ" ได้อย่างไร เป็นต้น
- Gop likes this
[color=#ff0000;]สำหรับผมคงเลิกเล่นบอร์ดนี้ไว้เพียงเท่านี้ ถ้าไอดีนี้ยังมีบุคคลอื่นที่ใครบางคนคิดว่าเป็นตัวจริงอยู่จริง เขาก็เข้ามาใช้บอร์ดนี้ต่อเองแต่ไม่ใช่ผมแน่นอน[/color]
ลาก่อน สวัสดีครับ 17 มกราคม 2556
#96
ตอบ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 23:48
นั่่นละครับ สงครามเป็นทางเลือกสุดท้ายของสุดท้ายแล้ว
แต่ผมก็เลือดร้อน ตอนแดงเผาเมือง แล้วอภิสิทธิ์ไม่ทำไร
ผมก็นั่งด่าไม่พอ ยังเขียนกระทู้ด่าด้วย
ผมก็ด่าครับ!!! ถึงได้บอกไงว่า...ผมคือตย.ที่ดีมากของคนที่ไม่ชอบอภิสิทธิ์มาก่อนเลย
แต่กลับใจ เปลี่ยนใจ หลังจากเพื่อนอธิบายให้ฟังว่าผลเสียหายมันมีขนาดไหน
ผมถึงเริ่มชื่นชมคุณอภิสิทธิ์ และเริ่มคิดว่า...พธม.นี่แปลกๆนะ
เพราะก็นึกย้อนกลับไปตำราที่เคยอ่านสมัยวัยรุ่นอย่างคัมภีร์เต๋าเต๊กเก็ง ก็ยังบอกเลย
"จะทำสงครามต้องถามฟ้า" นะ
คือพร้อมจริงๆหรือ มันอันตรายนะ
สงสัยต้องขุดซุนวู ขุดเต๋าขึ้นมาอ่านอีกแล้ว เพราะกระทู้นี้ละครับ จุดประกาย!!!!!
ขอบพระคุณมากๆ
สงสัยนิดนึงว่า ในนิยายบอกเหตุผลไหมว่าขงเบ้งมั่นใจอย่างไรว่าฝ่ายโจโฉจะไม่ใช้ธนูไฟ
เช่น ตอนที่ขงเบ้งใช้อุบายทำเรือขนฟางเพื่อหลอกให้ฝ่ายโจโฉยิงธนูเข้าใส่เพื่อเอาอาวุธมาใช้
อันนี้จำแม่นมากว่าพ่อยกตอนนี้มาเพื่อชี้ให้เห็น "การใช้ปัญญาแก้สถานการณ์ที่ไม่มีอาวุธไปสู้รบ" ได้อย่างไร เป็นต้น
อะโหยะ! นั่นจิ ผมไปไม่เป็นเลย...
มันน่าจะต้องมีเหตุผลนะ
เพื่อนๆผู้เชี่ยวชาญสามก๊กมากกว่าผม พอจำได้ไหมครับ?
#97
ตอบ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 23:40
สงสัยนิดนึงว่า ในนิยายบอกเหตุผลไหมว่าขงเบ้งมั่นใจอย่างไรว่าฝ่ายโจโฉจะไม่ใช้ธนูไฟ
เช่น ตอนที่ขงเบ้งใช้อุบายทำเรือขนฟางเพื่อหลอกให้ฝ่ายโจโฉยิงธนูเข้าใส่เพื่อเอาอาวุธมาใช้
อันนี้จำแม่นมากว่าพ่อยกตอนนี้มาเพื่อชี้ให้เห็น "การใช้ปัญญาแก้สถานการณ์ที่ไม่มีอาวุธไปสู้รบ" ได้อย่างไร เป็นต้น
คำตอบอยู่ในนี้ครับ
ขงเบ้งลวงเอาลูกเกาทัณฑ์ .. ทำได้จริง
#98
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 06:05
มีแต่คนวิเคราะห์เอาเองสินะครับ แล้วในนิยายเขียนไหมล่ะครับ
สงสัยนิดนึงว่า ในนิยายบอกเหตุผลไหมว่าขงเบ้งมั่นใจอย่างไรว่าฝ่ายโจโฉจะไม่ใช้ธนูไฟ
เช่น ตอนที่ขงเบ้งใช้อุบายทำเรือขนฟางเพื่อหลอกให้ฝ่ายโจโฉยิงธนูเข้าใส่เพื่อเอาอาวุธมาใช้
อันนี้จำแม่นมากว่าพ่อยกตอนนี้มาเพื่อชี้ให้เห็น "การใช้ปัญญาแก้สถานการณ์ที่ไม่มีอาวุธไปสู้รบ" ได้อย่างไร เป็นต้น
คำตอบอยู่ในนี้ครับ
ขงเบ้งลวงเอาลูกเกาทัณฑ์ .. ทำได้จริง
อ้างว่าหมอกลงจัดมองข้างหน้าแทบไม่เห็น แล้วมิทราบทหารโจโฉเห็นเรือได้อย่างไร ฝ่ายขงเบ้งจุดไฟบนเรือใช่หรือไม่ ถ้าจุดไฟบนเรือได้ก็แสดงว่าไฟใช้ได้สิครับ
[color=#ff0000;]สำหรับผมคงเลิกเล่นบอร์ดนี้ไว้เพียงเท่านี้ ถ้าไอดีนี้ยังมีบุคคลอื่นที่ใครบางคนคิดว่าเป็นตัวจริงอยู่จริง เขาก็เข้ามาใช้บอร์ดนี้ต่อเองแต่ไม่ใช่ผมแน่นอน[/color]
ลาก่อน สวัสดีครับ 17 มกราคม 2556
#99
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 06:24
มีแต่คนวิเคราะห์เอาเองสินะครับ แล้วในนิยายเขียนไหมล่ะครับ
สงสัยนิดนึงว่า ในนิยายบอกเหตุผลไหมว่าขงเบ้งมั่นใจอย่างไรว่าฝ่ายโจโฉจะไม่ใช้ธนูไฟ
เช่น ตอนที่ขงเบ้งใช้อุบายทำเรือขนฟางเพื่อหลอกให้ฝ่ายโจโฉยิงธนูเข้าใส่เพื่อเอาอาวุธมาใช้
อันนี้จำแม่นมากว่าพ่อยกตอนนี้มาเพื่อชี้ให้เห็น "การใช้ปัญญาแก้สถานการณ์ที่ไม่มีอาวุธไปสู้รบ" ได้อย่างไร เป็นต้น
คำตอบอยู่ในนี้ครับ
ขงเบ้งลวงเอาลูกเกาทัณฑ์ .. ทำได้จริง
อ้างว่าหมอกลงจัดมองข้างหน้าแทบไม่เห็น แล้วมิทราบทหารโจโฉเห็นเรือได้อย่างไร ฝ่ายขงเบ้งจุดไฟบนเรือใช่หรือไม่ ถ้าจุดไฟบนเรือได้ก็แสดงว่าไฟใช้ได้สิครับ
คิดเอาเองนิ ไม่ได้ทดลองจริงๆ ว่าหมอกลงแล้วยิงไป แล้วดับหรือเปล่า
แล้วก็ย่างที่ท่าน solidus คิด ถ้ามองไม่เห็นแล้วจะยิงกันยังไง
#100
ตอบ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 00:27
มีแต่คนวิเคราะห์เอาเองสินะครับ แล้วในนิยายเขียนไหมล่ะครับ
สงสัยนิดนึงว่า ในนิยายบอกเหตุผลไหมว่าขงเบ้งมั่นใจอย่างไรว่าฝ่ายโจโฉจะไม่ใช้ธนูไฟ
เช่น ตอนที่ขงเบ้งใช้อุบายทำเรือขนฟางเพื่อหลอกให้ฝ่ายโจโฉยิงธนูเข้าใส่เพื่อเอาอาวุธมาใช้
อันนี้จำแม่นมากว่าพ่อยกตอนนี้มาเพื่อชี้ให้เห็น "การใช้ปัญญาแก้สถานการณ์ที่ไม่มีอาวุธไปสู้รบ" ได้อย่างไร เป็นต้น
คำตอบอยู่ในนี้ครับ
ขงเบ้งลวงเอาลูกเกาทัณฑ์ .. ทำได้จริง
อ้างว่าหมอกลงจัดมองข้างหน้าแทบไม่เห็น แล้วมิทราบทหารโจโฉเห็นเรือได้อย่างไร ฝ่ายขงเบ้งจุดไฟบนเรือใช่หรือไม่ ถ้าจุดไฟบนเรือได้ก็แสดงว่าไฟใช้ได้สิครับ
คิดเอาเองนิ ไม่ได้ทดลองจริงๆ ว่าหมอกลงแล้วยิงไป แล้วดับหรือเปล่า
แล้วก็ย่างที่ท่าน solidus คิด ถ้ามองไม่เห็นแล้วจะยิงกันยังไง
"มองไม่เห็น แต่ได้ยินครับ"
ขงเบ้งให้ทหารตีฆ้อง โห่ร้องอื้ออึง โลซกที่นั่งไปด้วยตกใจบอกว่าเราเอาทหารมาน้อย ถ้าโจโฉแล่นเรือออกมาเราจะสู้ได้อย่างไร
ขงเบ้งจึงว่าหมอกลงหนักอยู่ ที่ไหนโจโฉจะยกเรือออกมา ซึ่งก็เป็นตามที่ขงเบ้งคาด
เพราะฝ่ายโจโฉก็ไม่กล้ายกออกมากลัวจะเป็นอุบาย ได้ยินแต่เสียง เห็นก็เลือนลางตะคุ่มตะคุ่ม จึงได้แต่ยิงเกาทัณฑ์ใส่
(ตัวอย่าง ภาพหมอกในประเทศจีน หรือลองกูเกิลค้นรูปภาพด้วยคำว่า fog in china ดูก็ได้ครับ มีเยอะ)
ส่วนเรื่องทำไมไม่ใช้ธนูไฟนั้น ผมเองไม่เคยทดลองยิงธนูไฟใส่หมอกไม่อาจตอบได้เต็มร้อย แต่เรื่องหมอกจัดนั้นพอรู้อยู่บ้าง
วันที่หมอกลงหนัก ๆ ความชื้นในอากาศจะมีมากพอ ๆ กับวันที่ฝนตก
บ้านผมเองอยู่ทางภาคเหนือ เคยไปประเทศจีน เคยเห็นวันที่หมอกลงจัด ๆ และรู้ว่ามันเปียกขนาดไหนเวลาหมอกลง
ขี่มอเตอร์ไซค์ หรือเดินผ่านหมอกตัวก็เปียกปอนแล้ว จึงคิดว่าธนูไฟ ยิงไปยังไงก็ดับ...
สามก๊กเป็นเรื่องแต่งก็จริง... แต่ก็ยังอยู่บนพื้นฐานและกฏเกณฑ์ของธรรมชาติ
ภูมิปัญญาคนโบราณ น่านับถือมากครับ
ผู้ใช้ 6 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 6 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน