งาน....ในยุค 15 000 300 บาท ความจริงที่กำลังเกิดขึ้น
#1
Posted 2 December 2012 - 22:03
POPULAR
จริงๆผมปฎิเสธไปแล้ว แต่เพื่อนขอในเชิงว่าอย่าเพิ่งปฎิเสธ ที่น่าสนใจคือเมื่อคุยๆสิ่งที่เขากำลังบอกเนื้อหางานในผมคือ งานในยุค AEC
เล่าให้ฟังนิด ก่อนหน้านี้ผมรับงานออกแบบมาชิ้นหนึ่ง เป็นมัสยิด ความน่าสนใจงานชั้นนี้คือ ผมอยู่นราฯ ตัวเจ้าของงานอยู่ กทม ส่วนงานจะสร้างที่อีสาน และผมใช่ทีมเขียนแบบที่ภาคตะวันออก......... ที่น่าสนใจคือทีมทุกคนที่ทำงาน เว้นแต่ผมและเจ้าของงาน....เป็น ชาวพุทธหมด
และ
เรา ผมหมายถึงทีมงานแบบ ไม่มีการพบหน้าเกินกว่า 2 ครั้งคือ ตอนผมมองเอกสารงาน และตอนเข้ามอบงานกลับให้ผม โดยคุยและตรวจงานผ่านเน็ตตลอด ไม่ได้หมายถึงผมกับทีมงานนะ แม้แต่เจ้าของงานก็ตรวจผ่านเน็ตเช่นกัน
ผลงานที่ออกมาประสบผลสำเร๊จ และทำให้เพื่อนผมที่ตามเรื่องนี้ชวนผมไปทำงานด้วย
เนื้องานคือบริษัทเขาเจอปัญหาเด็กเขียนแบบอยู่นาน เพราะปัจจุบันหายากมาก ทำให้มีแนวคิดจะจ้างให้ต่างประเทศ อาทิ ลาว เขมร หรือเวียดนาม ทำ โดยที่ไทยจะเป็นผู้ส่งงานให้ทางนั้นเขียน
โดยหากผมตกลงผมจะมีลูกน้อง 1-2 คน โดยผมจะทำหน้าประสานงานกับฝ่ายแบบที่ต่างประเทศ และลูกน้องผมมีหน้าที่แก้แบบ ทำแบบให้เป็นภาษาไทย พิมพ์แบบ ฯลฯ หน้าที่เขียนจะเป็นของต่างประเทศไป จากเดิมที่ต้องใช่เด็กเขียนแบบ 4-5 คนก็จะหายไปเหลือเพียง 2-3 คน และหากเป็นอย่างแผนที่วางไว้
2-3 คนฝั่งไทยสามารถคุมคนเขียนแบบได้ไม่ต่ำกว่า10 - 20 คน......ที่อีกฝั่งประเทศ
เห็นอนาคตงานเมืองไทยไหม?
เมื่อ AEC เข้ามาไม่สิระบบเงินเดือน 15000 บาทเข้ามา งานบางส่วนจะย้ายจากประเทศไทยออกไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ผมไม่ได้มองแค่งานเขียนแบบ งานอื่นๆ ในระดับที่ใช่ ปวส และ ป ตรี เช่น โอเปอเรเตอร์ ช่างเขียนแบบ ฯลฯ
จะว่าไปผมนึกไปถึงค่าแรง 300 ด้วยนะ หากประสานกับต่างประเทศได้ ผมอาจจะส่งแบบเฟอร์นิเจอร์ไปลาว เมื่อเฟอร์นิเจอร์เสร็จ เขาส่งกลับมาที่ไทย.......
ช่างไทยตกงาน
เพื่อนผมคนหนึ่งเตรียมตัวปิดโรงงานรับ 300 บาท โดยยังรับ ออเดอร์แล้วไปจ้างเขมร ผลิต ก่อนนำกลับมาส่งให้ลุกค้าในไทย ซึ่งเขาทดลองแล้ว ค้นทุนราคาถูกลง และเขาไม่ต้องรับผิดชอบต่อคนงานแบบเดิมด้วย..........
งาน....ในยุค 15 000 300 บาท ความจริงที่กำลังเกิดขึ้น เตรียมตัวเถอะทุกท่าน
#4
Posted 2 December 2012 - 22:18
#5
Posted 2 December 2012 - 22:20
ทุกคนรู้ และพยามหน่วงเวลาให้เกิดการปรับตัวทุกฝ่าย โดยเฉพาะลุกจ้าง ที่ทางเลือกมีไม่มาก ควมีเวลาปรับตัว จะยกระดับ จะอะไรปรับตัวซะ
ผมไม่แน่ใจว่า 300 และ 15000 จะเป็นการเร่งให้เกิดเร็วไปไหมเท่านั้น
#6
Posted 2 December 2012 - 22:22
ก็คุ้มนะถ้าทุกอย่างขึ้น อย่าคิดนะว่าค่างานผมจะอยู่กับที่ งานนี้ผมบวกอีก10%เพื่อความอยู่รอด(มั้ง)
เขาให้คนหายไป 4-5 คนแล้วจ้างคุณคนเดียวแทน เขาประหยัดไปตั้ง 80 % เพิ่มให้คุณแค่นั้นทำไมไม่ได้
- คนสับปรับ, Maestro, ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่ and 1 other like this
#7
Posted 2 December 2012 - 22:42
ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับท่าน บริษัทเก่าผมติดต่อให้ผมกลับไปทำให้เขา ค่าแรงประมาณ3เท่าของคนที่อยู่....แต่คุ้มกว่าจ้างพวกที่อยู่ตั้ง3คนอีก .....แต่ผมไม่ไปเพราะว่า.....แกหลงไหลในวัดจานบินก็คุ้มนะ
ถ้าทุกอย่างขึ้น อย่าคิดนะว่าค่างานผมจะอยู่กับที่ งานนี้ผมบวกอีก10%เพื่อความอยู่รอด(มั้ง)
เขาให้คนหายไป 4-5 คนแล้วจ้างคุณคนเดียวแทน เขาประหยัดไปตั้ง 80 % เพิ่มให้คุณแค่นั้นทำไมไม่ได้
- sigree, พิฆาตอสูร, nai_waanjeab and 2 others like this
#8
Posted 2 December 2012 - 22:46
#10
Posted 2 December 2012 - 23:17
ตอนนี้ เด็กจบใหม่ ยังไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองเลยครับ จบมาใหม่แบบหมาดๆเลยคิดว่านโยบายรัฐบาลชุดนี้ ให้ 15000 บาท ก็มาเรียกเงินเดือน 15000 บาท สรุปแ้ล้ว ผมไม่รับสักคน ตอนนี้ได้เด็กจบใหม่มา 9 พันบาท 1 หมื่นบาท ยังเอาเลย
เด็กจบใหม่มีเพิ่มขึ้นทุกปี ผมว่าถ้าเด็กไม่ไปยึดติดกับ นโยบายบ้าๆบอๆ ของรัฐบาลอีเม้ย
แล้วก้าวเดินไปกับความเป็นจริงที่ผู้จ้าง สามารถทำได้ด้วย....ก็ไม่ต้องไปกลัวตกงานครับ!!
- Bookmarks and อู๋ ฮานามิ like this
ขอเทิดทูนศักดิ์ศรียิ่งสิ่งใด
...แม้แต่ลมหายใจก็ยอมพลี
โลกยังไม่สิ้นหวัง ถ้ายังมั่นในความดี
...ศรัทธาไม่เคยหน่ายหนี คนดีไม่มีวันตาย
#11
Posted 2 December 2012 - 23:17
#12
Posted 2 December 2012 - 23:34
#13
Posted 3 December 2012 - 00:27
มือใหม่จบหมาดๆ เตรียมตัววิ่งหางานระยะยาวได้เลยครับ
#14
Posted 3 December 2012 - 00:47
#15
Posted 3 December 2012 - 00:52
ผมให้รายวัน 300 บาทมานานแล้ว(ก่อนปูเป็นนายก) ถ้าเหมาเขาก็ได้มากกว่านี้
ปีหน้าคงต้องขึ้นรายวันเป็น 350 บาท เพราะเรายังรับได้
แต่รายเหมาคงไม่ขึ้น
ผมถือว่าถ้าเราอยู่ได้ ลูกน้องก็ต้องให้เขาอยู่ได้
แต่ถ้าตลาดฟุบ คงต้องตัวใครตัวมัน
#16
Posted 3 December 2012 - 01:09
- พ่อไอ้ร้อยล็อคอิน likes this
#17
Posted 3 December 2012 - 01:12
ไม่ได้เกี่ยวกับค่าแรง
แต่เป็นเรื่องของความอดทนและความตั้งใจในการทำงาน
เด็กรุ่นใหม่ความอดทนต่ำมาก
ไม่อยากพูดในประเด็นนี้
แต่ระบบการศึกษาบ้านเราทำลายระบบการทำงานในวงการออกแบบไปมาก
แทบไม่เหลือ ปวส ที่มาช่วยทำงานเขียนแบบแล้ว
จะใช้เด็กปริญญาตรีแทบไม่มีใครอยากทำ
ส่งงานไปผลิตที่เพื่อนบ้านบ้างก็ดีครับ
แต่เค้าจะว่างทำให้รึเปล่า
งานที่เขมรก็มีเยอะขึ้น โครงการใหญ่ๆทั้งนั้น
- iba likes this
#18
Posted 3 December 2012 - 01:45
คงได้เห็น Call center ย้ายไปประเทศเพื่อนบ้าน เหมือนในอเมริกาที่ส่วนมากย้ายไปอินเดีย
ทุกวันนี้มันก็ย้ายไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้านกันเกือบหมดแล้วครับ อย่าง call center ของ Nokia Thailand มันอยู่ที่มาเลเซีย (ผมถามพนักงานเองแหล่ะ ว่าเขาทำงานที่มาเลเซีย) ซึ่งระบบ call center ถ้าจัดการระบบดีๆ จะย้ายไปอยู่ประเทศไหนก็ได้ครับ
ถ้าเน็ตที่ลาว เขมร เวียดนาม เสถียรกว่าไทยเมื่อไร ...อาจจะมีการย้ายไปสู่ต้นทุนที่ต่ำกว่าแน่นอน
ปล. ตอนนี้เน็ตที่ลาว เขมร เวียดนาม ยังอยู่ในภาวะผันผวนมาก ติดๆ ดับๆ ขนาดอยู่ในเมืองหลวงนะ T_T ไปลองสัมผัสมา...ซึ้งจริงๆ เลย
ประชาธิปไตยแบบแดง: 1. ไม่ใช่แดง เป็นประชาธิปไตยไม่ได้ 2. เสียงส่วนใหญ่ คือเสียงถูกต้อง 3. กฎพวกพ้องต้องเหนือกฎหมาย 4. เบื้องสูงมีไว้เหยียบย่ำ 5. ใครทำก็ผิด แต่แดงต้องไม่ผิด 6. คิดร้ายต่อทักษิณย่อมชั่ว 7. มั่วบิดเบือนหลอกพวกเดียวกัน 8. ปั้นน้ำเป็นตัวแล้วแถ
#19
Posted 3 December 2012 - 04:34
แต่เห็นว่า 1 มค 56 นี้ จะใช้นโยบาย 300 ทั่วประเทศ
เลยอยากจะถามนายจ้างทั้งหลายในบอร์ดหน่อย ว่าจะขึ้นเป็น 300 + 15000 กันทุกคนไหมครับ
#20
Posted 3 December 2012 - 06:02
ผมก็มีลูกน้องอยู่หลายคน บางคนก็ให้ 300 แล้ว บางคนก็ยังไม่ให้
แต่เห็นว่า 1 มค 56 นี้ จะใช้นโยบาย 300 ทั่วประเทศ
เลยอยากจะถามนายจ้างทั้งหลายในบอร์ดหน่อย ว่าจะขึ้นเป็น 300 + 15000 กันทุกคนไหมครับ
ให้ครับ แต่มีกำหนดเลิกจ้างพร้อมกันอีกหลายอัตราในไตรมาสแรกปีหน้า
ใครไม่มีฝีมือจริง อิงแอบเสื้อแดง คัดออกครับ
Edited by ม่านน้ำ, 3 December 2012 - 06:03.
- พ่อไอ้ร้อยล็อคอิน, Mr.Best, คนสับปรับ and 4 others like this
#21
Posted 3 December 2012 - 06:55
เหมือนว่าตัวเองก้าวถึงจุดสุดยอดของวงการ ปีนี้เรียกกันที่ 250 บาท
ปีหน้าจะได้เรียกแบบจัดเต็ม 300 บาท
เมื่อค่าแรงขึ้นสูง คนก็ไปใช้รถเกี่ยวแทน ไม่ลีลา ไม่ขอเหล้าขาว ทำงานเป็นไร่ หรือเป็นชั่วโมง
แม้เมื่อยังไม่เปิด AEC แถวชายแดนก็เอาคนงานเขมรมาเกี่ยวแบบไปเช้า กลับเย็น
ค่าแรง 80 บาท ไม่อู้ ไม่กินเหล้า งานที่ได้ คนเขมร1คนทำได้ 2เท่าของคนไทย
ยินดีต้อนรับสู่มหกรรมการว่างงานตั้งแต่ระดับล่างแล้วครับ
Edited by เดือนเอก, 3 December 2012 - 06:55.
- salsa likes this
#22
Posted 3 December 2012 - 08:16
เชื่อใหม ...ลูกน้องผมอายุ20จบ ม3. แต่ผมสอนงานให้เก่งกว่าช่างเงินเดือนหมื่นสามพันบาทอีก แบบนี้ผมจะเอาเด็กปริญญามาทำไม
เชื่อครับ...การศึกษาในสถาบัน ทำให้ได้แค่รู้ไวขึ้น...และได้ใบ cer. คือวุฒิการศึกษา เพื่อยึ่นประกอบการคัดเลือกคนเข้าทำงาน
..........แต่ประสบการณ์ที่สัมผัสกับความเอาใจใส่ในงานตัวเองสำคัญกว่า เพราะฉะนั้นเลยได้ยิน ได้เห็นบ่อย ๆ ว่า นายคนนั้นเรียนมาน้อย แต่ทำไมเขาเก่งกว่าช่างที่เรียนมาอีก (ว ะ !!)
....เพราะฉะนั้น...รีบไปซะ ก่อนที่พวกมรึงจะไม่กลับมาเหยียบอีก
#23
Posted 3 December 2012 - 08:27
และมันคิดได้ไง ว่า ค่าแรงเท่ากันทุกจังหวัด กลัวแทนเลย
#24
Posted 3 December 2012 - 08:33
รำคาญสลิ่มเที่ยมที่เข้ามาปล่อยสารพิษเรียกร้องความรุนเเรงเสดงออกถึงความคลั่งสงครามกลางเมืองยุเเยงสร้างภาพชั่วๆ
เอียนวะ เห็นคนเเถวนี้ไอคิวต่ำกว่า 90 หรือไง
#25
Posted 3 December 2012 - 08:34
รำคาญสลิ่มเที่ยมที่เข้ามาปล่อยสารพิษเรียกร้องความรุนเเรงเสดงออกถึงความคลั่งสงครามกลางเมืองยุเเยงสร้างภาพชั่วๆ
เอียนวะ เห็นคนเเถวนี้ไอคิวต่ำกว่า 90 หรือไง
#26
Posted 3 December 2012 - 08:43
สิ่งที่เกิดขึ้น คือ จากเดิมผมให้ป.ตรีสตาร์ท 12,000 บาท (ถือว่าอยู่ได้เพราะในเชียงใหม่นั้น อัตรานี้ก็สูงกว่าหลาย ๆ ที่อยู่) พนักงานเดิมแห่กันไปสอบข้าราชการ
เพราะเห็นว่าได้มากกว่า เด็กจบใหม่ ก็เรียกร้อง 15,000++
โชคดีที่ในเครือข่ายลูกค้าที่ดูแลมีองค์กรระหว่างประเทศ เช่น มูลนิธิหรือสมาคม จำนวนไม่น้อย (กว่าครึ่งอยู่ในสิงคโปร์) จึงพอปรับตัวได้โดยใช้วิธีการคล้าย ๆ กับเจ้าของกระทู้ คือ ลดพนักงานในสำนักงานลง คนเดิมลาออก ก็ไม่รับเพิ่ม แล้วไปขึ้นเงินเดือนให้พนักงานเดิมเป็น 1.5 เท่า (ขึ้นพรวดเดียว 50%) แล้วให้ทำงานมากขึ้น
ปรากฎว่า กลับกลายเป็นดี เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการบริการคุณภาพมากกว่า (คนที่เหลือสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี ตอบคำถาม แก้ปัญหาลูกค้าได้)
ถ้าจำเป็นต้องทำงาน Routine รับนักศึกษาฝึกงานเอา ค่าแรงถูกกว่ามาก และไม่น่าเชื่อว่า มีนักศึกษาแลกเปลี่ยน ของเวียตนามมาเรียน และมาทำงาน
นักศึกษาเวียตนามคนเดียว ทำงานได้มากกว่า อดีต Staff ของเราสองคนรวมกัน ตอนแรกคิดว่านักเรียนที่มาเรียนอาจเป็นหัวกะทิ เลยลองรับรุ่นถัดมา
ยอมรับครับว่า นักศึกษาเวียตนามมีความอดทน ขยัน และรับผิดชอบมากกว่าเด็กไทยในปัจจุบัน
มาถึงจุดนี้ผมก็มีคำถามในใจว่า เราพร้อมสำหรับ AEC และ การปรับค่าแรงให้สูงขึ้นโดยไม่สอดคล้องกับ Productivity ของแรงงานไทยหรือไม่ครับ
อันนี้เป็นมุมหนึ่งจากภาคบริการหนึ่งที่ต้องเข้าสู่ AEC นะครับ เป็นความเห็นส่วนตัวจากประสบการณ์ของผม
#28
Posted 3 December 2012 - 09:37
คราวนี้พอเด็กที่เรียนจบไปโดยมี mindset แล้วว่าต้องการเป็นผู้พิพากษา เวลาไปสมัครทำงานแล้วก็อยู่ไม่ทน ทำได้นิดๆ หน่อยๆ ก็ลาออกไปแล้ว ทำให้ผู้ประกอบการไม่สนใจที่จะรับเด็กที่เรียนจบใหม่ๆ เข้ามาทำงาน ก็ส่งผลให้เด็กจบใหม่ตกงานกันเยอะ ถึงแม้ว่าเด็กบางคนอาจจะมีความตั้งใจทำงาน แต่เมื่อผู้ประกอบการมีทัศนคติเช่นนี้แล้วก็ทำให้งานหายากไปด้วย
เวลาผมสอนเด็กก็พยายามบอกอยู่ว่า อย่าคิดว่ากระบวนการยุติธรรมนั้นเดินได้ด้วยผู้พิพากษาเพียงอย่างเดียว ผู้ที่เกี่ยวข้องในส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ อัยการ ที่ปรึกษากฎหมายหรือทนายความต่างก็เป็นองคาพยพที่สำคัญทั้งสิ้น นอกจากนี่้คนที่เรียนจบกฎหมายในประเทศไทยนี้มีเยอะมากเพราะทุกมหาวิทยาลัยต่างก็มีการสอนกฎหมายและเปิดคณะนิติศาสตร์กันทั้งนั้น หากพวกคุณต้องการสอบเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษาก็เป็นสิทธิของคุณ แต่คุณมีแผนรองรับอื่นๆ อีกไหมนอกจากที่จะสอบผู้ช่วยฯ อย่างเดียว หากสอบไม่ได้แล้วคุณจะประกอบอาชีพอะไร ผมจึงพยายามสอนเด็กให้มีความตั้งใจในการเรียนและมีความอดทนในการประกอบวิชาชีพนักกฎหมาย นอกจากนี้หากมีการเปิดเสรีในอนาคตมากขึ้นเรื่องภาษาก็สำคัญ พวกนักศึกษาก็ควรขวนขวายศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องภาษาด้วย
แต่เท่าที่ผ่านมาผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าคำแนะนำของผมเป็นผลหรือไม่ ก็คงต้องดูกันต่อไป
นอกจากนี้จากการพูดคุยกับคนที่อยู่ในแวดวงมหาวิทยาลัยเอกชน ก็ได้ยินมาเหมือนกันว่าเดี๋ยวนี้คนเข้าเรียนน้อยลงเพราะการเกิดของประชากรลดลงและมีมหาวิทยาลัยเปิดมากขึ้นในช่วงสิบปีที่ผ่านมานี้ ดังนั้นในอนาคตมหาวิทยาลัยอาจต้องปรับตัวเองเพื่อความอยู่รอด โดยอาจจะเน้นหลักสูตรที่สำคัญและใช้ได้จริง มีการควบรวมและลดขนาดมหาวิทยาลัย หรือจัดหลักสูตรใหม่ๆ เพื่อรองรับนักศึกษาในกลุ่มอาเซียนด้วยก็ได้
- ต้นหอม likes this
#29
Posted 3 December 2012 - 10:07
มีเพื่อนคนหนึ่งชวนผมไปทำงานด้วย......
จริงๆผมปฎิเสธไปแล้ว แต่เพื่อนขอในเชิงว่าอย่าเพิ่งปฎิเสธ ที่น่าสนใจคือเมื่อคุยๆสิ่งที่เขากำลังบอกเนื้อหางานในผมคือ งานในยุค AEC
เล่าให้ฟังนิด ก่อนหน้านี้ผมรับงานออกแบบมาชิ้นหนึ่ง เป็นมัสยิด ความน่าสนใจงานชั้นนี้คือ ผมอยู่นราฯ ตัวเจ้าของงานอยู่ กทม ส่วนงานจะสร้างที่อีสาน และผมใช่ทีมเขียนแบบที่ภาคตะวันออก......... ที่น่าสนใจคือทีมทุกคนที่ทำงาน เว้นแต่ผมและเจ้าของงาน....เป็น ชาวพุทธหมด
และ
เรา ผมหมายถึงทีมงานแบบ ไม่มีการพบหน้าเกินกว่า 2 ครั้งคือ ตอนผมมองเอกสารงาน และตอนเข้ามอบงานกลับให้ผม โดยคุยและตรวจงานผ่านเน็ตตลอด ไม่ได้หมายถึงผมกับทีมงานนะ แม้แต่เจ้าของงานก็ตรวจผ่านเน็ตเช่นกัน
ผลงานที่ออกมาประสบผลสำเร๊จ และทำให้เพื่อนผมที่ตามเรื่องนี้ชวนผมไปทำงานด้วย
เนื้องานคือบริษัทเขาเจอปัญหาเด็กเขียนแบบอยู่นาน เพราะปัจจุบันหายากมาก ทำให้มีแนวคิดจะจ้างให้ต่างประเทศ อาทิ ลาว เขมร หรือเวียดนาม ทำ โดยที่ไทยจะเป็นผู้ส่งงานให้ทางนั้นเขียน
โดยหากผมตกลงผมจะมีลูกน้อง 1-2 คน โดยผมจะทำหน้าประสานงานกับฝ่ายแบบที่ต่างประเทศ และลูกน้องผมมีหน้าที่แก้แบบ ทำแบบให้เป็นภาษาไทย พิมพ์แบบ ฯลฯ หน้าที่เขียนจะเป็นของต่างประเทศไป จากเดิมที่ต้องใช่เด็กเขียนแบบ 4-5 คนก็จะหายไปเหลือเพียง 2-3 คน และหากเป็นอย่างแผนที่วางไว้
2-3 คนฝั่งไทยสามารถคุมคนเขียนแบบได้ไม่ต่ำกว่า10 - 20 คน......ที่อีกฝั่งประเทศ
เห็นอนาคตงานเมืองไทยไหม?
เมื่อ AEC เข้ามาไม่สิระบบเงินเดือน 15000 บาทเข้ามา งานบางส่วนจะย้ายจากประเทศไทยออกไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ผมไม่ได้มองแค่งานเขียนแบบ งานอื่นๆ ในระดับที่ใช่ ปวส และ ป ตรี เช่น โอเปอเรเตอร์ ช่างเขียนแบบ ฯลฯ
จะว่าไปผมนึกไปถึงค่าแรง 300 ด้วยนะ หากประสานกับต่างประเทศได้ ผมอาจจะส่งแบบเฟอร์นิเจอร์ไปลาว เมื่อเฟอร์นิเจอร์เสร็จ เขาส่งกลับมาที่ไทย.......
ช่างไทยตกงาน
เพื่อนผมคนหนึ่งเตรียมตัวปิดโรงงานรับ 300 บาท โดยยังรับ ออเดอร์แล้วไปจ้างเขมร ผลิต ก่อนนำกลับมาส่งให้ลุกค้าในไทย ซึ่งเขาทดลองแล้ว ค้นทุนราคาถูกลง และเขาไม่ต้องรับผิดชอบต่อคนงานแบบเดิมด้วย..........
งาน....ในยุค 15 000 300 บาท ความจริงที่กำลังเกิดขึ้น เตรียมตัวเถอะทุกท่าน
แต่ผมว่าเนื้องานที่ได้จะคุณภาพต่ำลงนะครับ เพราะที่เคยเจอเพื่อนที่้เขียนแบบ กว่าแบบจะผ่าน
มันต้องใช้หลายๆ อย่าง และ ถ้าไม่เป็นคนที่รู้จักจริงก็จะกลัวว่าแบบที่ส่งมาให้แล้วต้องรับรองได้ตามที่ต้องการหรือไม่
แบบบางอย่างที่คนเขียนดีมากๆแต่ถ้าคนรับรองไม่ชอบคนที่เขียนก็ไม่ให้ผ่านก็ได้ และแบบนั้นพอโดนแก้บ่อยๆคนที่เขียนจะรู้สึกท้อแท้.........
#30
Posted 3 December 2012 - 10:09
พาคนรับรองไปเที่ยว เปิด vip หน่อยผ่านตลอด......
#31
Posted 3 December 2012 - 10:18
พวกแรงงานแบบไทยๆ ทำน้อยๆ อู้เยอะๆ ทำรู้มากๆ เงินดีๆ ก็เตรียมตรัวกรันเถริด... โชคดี
#32
Posted 3 December 2012 - 10:23
ผมก็มีลูกน้องอยู่หลายคน บางคนก็ให้ 300 แล้ว บางคนก็ยังไม่ให้
แต่เห็นว่า 1 มค 56 นี้ จะใช้นโยบาย 300 ทั่วประเทศ
เลยอยากจะถามนายจ้างทั้งหลายในบอร์ดหน่อย ว่าจะขึ้นเป็น 300 + 15000 กันทุกคนไหมครับ
ให้ครับ แต่มีกำหนดเลิกจ้างพร้อมกันอีกหลายอัตราในไตรมาสแรกปีหน้า
ใครไม่มีฝีมือจริง อิงแอบเสื้อแดง คัดออกครับ
ผมก็ให้เหมือนกัน ... แต่คนที่ทำงานดีมีฝีมือ ขยัน ... ก็เตรียมใจว่าเพื่อนร่วมงานหายไป 1/3 แน่
#33
Posted 3 December 2012 - 10:43
มีค่าเท่ากับศูนย์................
แถมเสี่ยงถูกเลิกจ้าง และตกงานสูง...........
พอเปิดเสรีอาเซียน.........ต่างชาติทะลักเข้าไทย.....มาแย่งงานคนไทยเพรียบ
- พ่อไอ้ร้อยล็อคอิน and ม่านน้ำ like this
#34
Posted 3 December 2012 - 10:48
แรงงานก็เหมือนสินค้าครับ ใครจะไปจ่ายแพงให้กับของสินค้าห่วยๆมันเป็นหลักสัจธรรมครับ
ต่อให้มีกฎหมายมาบังคับก็เถอะ
- พ่อไอ้ร้อยล็อคอิน and ม่านน้ำ like this
#35
Posted 3 December 2012 - 10:56
ที่โน่นจ้าง3-4คน มาจ้างป.ตรี-ปวส.แบบเรา ได้เป็น10 เค้าแค่ส่งคนมาสอนกับซัพพอร์ตคนสองคนก็พอ
ส่วนบุคลากรที่เหลือของเค้า เอาไปพัฒนางานในด้านอื่นๆ เช่น R&D
ผ่านไปไม่กี่ปี เราจะเป็นแบบนั้นแล้วหรือที่ต้องจ้างประเทศเพื่อนบ้านกับงานเหล่านี้ ไม่ใช่เพราะการพัฒนาบุคลากรให้เก่งและก้าวหน้าขึ้น แต่เพราะนโยบายค่าแรงอย่างเดียว
**ผมจบ ปวส. แต่ทำงานแบบป.ตรีทุกอย่าง เงินเดือนก็ตามโครงสร้างบริษัท ไม่เคยงอแงเพราะเข้าใจเรื่องวุฒิ อาศัยสวัสดิการ โอที กับประสบการณ์ที่ได้รับ ภาษา ทักษะการทำงาน วินัย แค่นี้ก็คุ้ม
Edited by ชาวสวน, 3 December 2012 - 11:00.
#36
Posted 3 December 2012 - 11:37
อีกหน่อย aec สมองคงไหลหมดไม่มีใครรอ 15000 หรอก หรือไม่ก็ ต้องเอาวุฒิ ม6 สมัครงานแทน
แบบผมก่อนเข้ามาดูแลธุรกิจครอบครัวแทนพ่อ ผมเรียน ม เอกชน ดังแห่งนึง เคยชนะประกวดแผนการตลาดของบ. เอกชนจัด 11 ครั้งใน 3 ปี
เรียนก็เกียรติ 2 กิจกรรมก็เป็นรองนายกสโมสรนักศึกษาั ฝึกงานก็ประเมิน a+ ไปสมัครงานบริษัทขนาดกลางๆ
เขาไม่มองอะไรเลย ไม่ดูคอนฟอริโอ ดูแต่ทรานสคิปกับสัมภาษณ์ 3-4 บริษัท ผมไม่ได้
แต่พอผมไปสมัครบริษัทฝรั่งแห่งนึง เขาดูหมด ทำให้ได้ผมได้ทำงาน แต่กฏของบริษัททำให้ผมเรียกเงินไม่ได้ตามที่ต้องการ
แต่ผมก็โอเคเพราะว่าผมใหม่กับบริษัทนี้ ถ้าผมทำดีเขาคงขึ้นเงินเดือนให้เอง ผมเข้าทำงานต่อปี 49 เงินเดือน 10000 บาทครับ
ผ่านไป 5 ปี ผมทำผลงานพยายามเรียนรู้ และเรียนภาษาเพิ่มเติม ( ตอนนี้ก็กำลังเรียนเกาหลีต่อจากอังกฤษ )
จนก่อนที่ผมจะลาออก ผมไ้ด้เงินเดือน 18000 และตอนหมดหน้างบปี 55 เขาขึ้นให้ผม 20000 บาท เพื่อให้ผมอยู่ต่อเพราะผมยืนใบลาออกไว้
แต่ผมก็ไม่อยู่ และต่ำแหน่งผมจากพนักงานฝ่ายการตลาดธรรมดา ผมมานั้งอยู่ ฝ่ายการตลาดต่างประเทศแทน
ผมไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะ แต่จะยกตัวอย่างว่า ถ้าประเทศไทยยังมีความคิดดูคนที่ใบปริญญาเป็นหลัก
ไม่ได้ดูประสบการณ์หรือผลงานที่ผ่าน aec มา สมองไหลออกนอกแน่นอน แถมอีกหน่อยคนที่ไม่ขยันไม่พยายามอัพเกรดตัวเอง
จะอยู่ไม่รอดใน aec เพราะบริษัทในไทย อาจจะเอาคนประเทศเพื่อนบ้านที่สามารถพูดอังกฤษได้คล่อง
และภาษาไทยได้ (เพื่อนบ้านเรียนภาษาไทยบาน) มานั้งทำงานแทน และรับ 15000 เพราะมันอาจจะคุ้มค่ามากกว่า
นั้นเอง เพราะตอนนี้ทีมงานการตลาดของผมเอง ผมก็รับคนลาวที่พูดภาษาอังกฤษคล่อง มา 2 คนเหมือนกันอีกคนพูดจีนกลางได้ด้วย
เพราะเขาขยัน ตั้งใจ และ รับเงินเดือน 13000 ได้โดยไม่บ่น และผมตั้งใจว่าจะอัพเงินเดือน 15000 อีกคนจีนกลาง18000 ให้เขาช่วงปีใหม่แล้วเนี่ย
Edited by Nabie, 3 December 2012 - 11:39.
#37
Posted 3 December 2012 - 21:35
ทุกคนทราบ รัฐก็ทราบ และต้องการหน่วงให้มีช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการปรับตัวของทุกฝ่าย
คำถามคือ 300 และ 15000 เป็นตัวเร่งให้เกิดเร็วขึ้นไหม? และเกิดเร็วไปจนปรับตัวไม่ทัน......
ไม่รู้นะ ด้วยค่าแรง 300 ภาคธุรกิจจะย้ายไป ตจว ทำไมในเมือง กทม หรือ ตจว ค่าแรงไม่ต่าง แถมสาธารณูปโภค สาธารณูปการ เหนือกว่า ตจว อีก
แล้วหากเกิดการเร่งแบบนี้ สู้ไป ตปท เลยดีไหม?
ผมกังวลนะ ยิ่งหากในอนาคตภาษาอังกฤษจะเป็นภาษากลางอาเซียน
เอางานผมนะ เขียนแบบ ผมว่าจ้างฟิลิปินส์ไปเลยดีกว่า ไม่ต้องแก้ภาษาหรืออะไร แค่ออกแบบควบคุมให้เป็นไปตามการออกแบบและกฏหมายพอ
หากรู้ล่วงหน้า ผมเชื่อหลายๆคนคงปรับตัว แต่การออกเพิ่มค่าแรงและเงินเดือน กำลังทำให้ไม่มีใครปรับตัวทันสักคน
- dahlia v2 likes this
#38
Posted 3 December 2012 - 21:53
ผมเห็นพนักงานบริษัทไอ้ 2 สูงนี่แหละ เงินเดือน ป. ตรี มันให้แค่ 9 พันกว่าบาท ทฤษฎีของมันแค่หลอกชาวบ้านเค้าครับ แต่บริษัทมันไม่ได้ให้อย่างที่มันพูดเลยจะคอยดู ผลจากไอ้ทฤษฎี 2 สูง ว่าจะเป็นอย่างไรในสังคม ประเภทค่าแรงวันสามร้อย แต่ค่าข้าวข้างถนน จานละ 50 แบบ ฮ่องกง
และมันคิดได้ไง ว่า ค่าแรงเท่ากันทุกจังหวัด กลัวแทนเลย
- ต้นหอม, dahlia v2, ก๊องส์ไข่กวน and 1 other like this
#39
Posted 4 December 2012 - 09:13
บางงานคนประมูลได้ก็ทิ้งเพราะค่าแรงขึ้น
#40
Posted 6 December 2012 - 16:15
ผมเป็นแฟนคลับ แคนไท , ริดกุน , เช neverdie , eAT , Moon , tonythebest [/color][color=#0000FF;], -3- , Limmy , amplepoor , ติ๊บไตบูชาเงิน . เด็กปากดี , โจโฉ นายกตลอดกาล , อารยา, ตะนิ่นตาญี , ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่
พอดีผมลืม password เก่า และ e-mail ที่ใช้สมัครครับก็เลยจำเป็นต้องสมัครใหม่
#41
Posted 6 December 2012 - 16:38
ไม่ได้มองในแง่มุมของ นายจ้าง จาก AEC เลย
เข้าใจแล้วครับว่าทุกวิกฤต(สำหรับบางคน) ยอมมีโอกาศเสมอ
สิ่งที่ควรปฏิรูปที่สุดไม่ใช่การเมือง แต่เป็นนักการเมือง
" นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา "
#42
Posted 6 December 2012 - 16:45
จะมาแทนที่ระบบงานในยุคถัดไป
ใครไม่มีฝีมือ ก็ไม่มีงานทำ
ความเป็นอิสระจากงานประจำจะมากขึ้น
แต่ถ้าทำแบบห่วยๆ ก็ไม่มีใครเอา
แล้วแรงงานไทยในขณะนี้ ระดับฝีมือใครดีพอจะเป็นเอาท์ซอร์ดได้ง่ายๆบ้าง
คิดละปวดตับ การมีอินเตอร์เน็ทใช้ แต่คนไทยใช้เพื่อการทำงาน ไม่ถึง20%ของผู้ใช่งานทั้งหมด
#43
Posted 6 December 2012 - 17:13
ครั้งหนึ่งผมต้องทำงานบริษัทต่างชาติ ที่มีเซลล์คนไทยและเซลล์ต่างชาติ ผู้จัดการต่างชาติ
ผู้จัดการแกมองว่า เพื่อให้งานไปได้สะดวก แกเลยมาช่วยพวกผมเองซึ่งสร้างความรู้สึกอึดอัดพอสมควร แม้เราทุกคนในทีมงานนั้นจะพูดภาษาอังกฤษได้
ผมเชื่อว่าส่วนหนึ่่งที่นายจ้างไทยไม่ค่อยอยากย้ายฐานเพราะการสื่อสารนี้แหละ มันคุยให้รู้เรื่องจริงๆเข้าใจตรงกันไม่ง่าย ดีไม่ดีอึดอัดทั้งสองฝ่าย
แต่หากนายทุน ผมใช่คำว่าทุนนะ เขาไม่มีทางเลือกจริงๆ เขาก็จำเป็นต้องย้ายทุนไปที่อื่นทันที
ซึ่งนั้นคือปัญหาหนักกับเราทุกคน ผมอยากให้คิดถึงการก่อสร้าง ที่ปัจจุบันใช่แรงงานพม่า แต่กว่าจะใช่เต็มระบบแบบปัจจุบันคนงานไทยก็ไปสู่คนงานมีฝีมือเสียส่วนใหญ่แล้ว
ทุกอย่างคือสิ่งที่ต้องเกิด การย้ายทุนเกิดแน่ๆ จะเร็วหรือช้า ภาครัฐเลือกได้
เพราะเร็วไป ปรับตัวไม่ทัน ที่ตายคือเราๆท่านๆ
#44
Posted 6 December 2012 - 20:37
ขออนญาต แสดงความเห็นนะครับอ่านตรงนี้แล้ว ผมได้ไอเดียว่า จะลดคนงานแล้วเอาเงินมาเพิ่มให้คนงานที่เหลือ เงินเยอะขึ้น ผมว่าคนงานสู้ไม่ถอยแน่ๆ
ลักษณะการ "สู้งานไม่ถอย" ก็จะเป็นอยู่ระยะหนึ่งนะครับ เช่นระยะหนึ่งของการเข้ามาทำงานใหม่ๆ, ระยะหนึ่ง
ของการเปลี่ยนหน้าที่(ที่เขาเห็นว่าดีกว่าเดิม), ระยะหนึ่งของการโปรโมทตำแหน่ง ..ด้วยลักษณะของการทำงานของ
คนไทย(ส่วนใหญ่) ผมจึงมีคำว่า "ระยะหนึ่ง" เสมอ
ลูกชายมีจุดมุ่งหมายในชีวิตว่า อยากเป็นเจ้าของกิจการ ผมบอกในเรื่องค่าจ้างว่า เราจ่ายในอัตราที่เขาอยู่ได้ อยู่
ในระดับกลางค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับธุรกิจเดียวกัน แต่เก็บส่วนหนึ่งเช่น เบี้ยขยัน, เบี้ยความเก่ง, เบี้ยอัตราส่วนใน
งานที่เขารับผิดชอบ แล้วทำกำไรมากกว่ามาตรฐาน ..เมื่อเขาออกจากบ. ก็เอาเงินเหล่านี้ให้เขาไป ..ลูกผมยังไม่
ได้ตั้งบ.หรอกครับ แค่เคยคุยกัน
แต่น่าเป็นห่วงมากทั้งนายจ้าง, ลูกจ้าง, และชาวบ้านธรรมดา เพราะค่าครองชีพต้องแพงขึ้นแน่ๆ และนส.ปู ต้อง
หาทางหาเงินมาทำประชานิยมอีก ..เก่งจริงๆ นส.ปู ทำแบบไม่ต้องคิดหาอะไรมารองรับ เพราะมีเสียง15 ล้านนนนนน
ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ
#45
Posted 6 December 2012 - 22:49
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้จัดทำโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการไทยสู่การดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ ตามนโยบายของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ โดยมีแผนที่จะผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยออกไปดำเนินธุรกิจในต่างประเทศมาก ขึ้น เพื่อแสวงหาวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางมาใช้ในการผลิตสินค้า ขยายฐานการผลิต ขยายธุรกิจไปต่างประเทศ รวมทั้งการหาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะนำมาใช้ในการผลิต ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการของไทยสู่ตลาดโลกได้เพิ่ม มากขึ้น
ส่วนเป้าหมายการไปลงทุนต่างประเทศ เช่น ตลาดแอฟริกา จะเน้นการลงทุนหาวัตถุดิบอัญมณีและประมง ตลาดอาเซียน จะเน้นการลงทุนด้านการเกษตรและธุรกิจบริการ ตลาดสหภาพยุโรป (อียู) สหรัฐฯ และญี่ปุ่น จะเน้นการจัดหาเทคโนโลยี เช่น การจัดการสิ่งแวดล้อม ตลาดจีน เน้นธุรกิจสปา สุขภาพ และความงาม เช่น วุฒิศักดิ์คลินิก หรือการไปลงทุนในประเทศที่ไทยสามารถใช้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ได้ เช่น ใช้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี)
นอกจากนี้ ยังอาจไปลงทุนในประเทศที่ไม่ถูกคู่ค้าห้ามนำเข้า เช่น ไปร่วมลงทุนในสหรัฐฯ เพื่อแก้ปัญหากรณีที่สหรัฐฯ ห้ามนำเข้าเนื้อสัตว์จากไทย แล้วทำการผลิตสินค้าเนื้อสัตว์และขายในสหรัฐฯ เช่น แกงเขียวหวานไก่ และอินเดีย เข้าไปตั้งโรงงานผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อลดต้นทุน รวมถึงจะส่งเสริมให้ธุรกิจไทยขยายธุรกิจ โดยส่งเสริมให้ไปตั้งตัวแทนการขาย เปิดขายแฟรนไชส์หรือขายลิขสิทธิ์ เพื่อสร้างและพัฒนาเครือข่ายทางธุรกิจให้กว้างขึ้น
นางศรีรัตน์ กล่าวว่า กรมฯ ยังมีแผนที่จะจัดทำข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตลาดต่างๆ โดยใช้รูปแบบของเจโทร โมเดล (องค์การส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของญี่ปุ่น) ซึ่งจะเริ่มดำเนินการจากตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) โดยจะจัดตั้งศูนย์ข้อมูลเออีซี หรือวัน สตอป เซอร์วิส.
1 user(s) are reading this topic
0 members, 1 guests, 0 anonymous users