โดยศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การถวายความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นเรื่องที่ปวงชนชาวไทยสมควรจะต้องกระทำ ซึ่งสามารถกระทำได้ในหลายรูปแบบและสถานที่ต่างๆ ตามสมควรและตามความเหมาะสม ซึ่งการจะได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท และการเข้าร่วมงานพระราชพิธี หรือเข้าร่วมงานสโมสรสันนิบาต เป็นเพียงโอกาสเท่านั้น แต่จำเลยที่ 5 กลับกระทำผิด ฝ่าฝืนเงื่อนไขที่ศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว จนต่อมาศาล จึงได้มีคำสั่งเพิกถอนประกัน จนจำเลยที่ 5 ไม่ได้รับโอกาสต่างๆ นั่นเอง
ส่วนที่จำเลยที่ 5 อ้างว่าเป็นกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจของสภาผู้แทนราษฎร ต้องไปศึกษาดูงานที่ประเทศอิตาลีและใกล้เคียงในวันที่ 8-14 ธ.ค. รวมทั้งมีภารกิจต้องดูแลกิจการ มีภรรยาและบุตร 2 คนต้องดูแลรับผิดชอบนั้น ก็ยังไม่มีเหตุให้ควรเชื่อได้ว่า หากศาลสั่งปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 5 อีก จะไม่ไปก่ออันตรายประการอื่นอีก คดีจึงยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ให้ยกร้อง
ภายหลัง นายเจษฎา จันทร์ดี ทนายความของนายก่อแก้ว เปิดเผยว่า หลังจากทราบคำสั่งศาลแล้ว ในวันพฤหัสบดีที่ 6 ธ.ค.นี้ เวลา 12.00 น. ตนจะไปพบนายก่อแก้ว ที่เรือนจำชั่วคราวหลักสี่ เพื่อหารือแนวทางที่จะดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดต่อไป ซึ่งจะต้องหารือเกี่ยวกับรายละเอียดนายก่อแก้ว ตัวความด้วยตัวเองอีกครั้ง อย่างไรก็ดีจากคำสั่งศาลแสดงให้เห็นว่า มูลค่าหลักทรัพย์ ไม่ได้มีปัญหา เพียงแต่จะทำอย่างไรให้ศาลมั่นใจได้ว่าเมื่อมีคำสั่งปล่อยตัวแล้วจะไม่ก่อ เหตุอันตรายประการอื่นอีก ซึ่งคือหัวใจของคำสั่งศาลครั้งนี้
http://breakingnews....p?newsid=661315
ข้ออ้างอีกอย่างเพื่อดูแลลูก-เมีย ศาลคงรับฟังหรอก คนแบบนี้ต้องให้นอนคุกนานๆหน่อยคับ
Edited by PPPP58, 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 19:32.