Jump to content


Photo
- - - - -

คำต่อคำ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวปิดญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก


This topic has been archived. This means that you cannot reply to this topic.
ยังไม่มีผู้แสดงความเห็นในกระทู้นี้

#1 David_GinoLa

David_GinoLa

    สมาชิกระดับไพร่

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,561 posts

ตอบ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 20:08

คำต่อคำ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวปิดญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก

http://youtu.be/nV3vmYVW3G8







คำต่อคำ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
กล่าวปิดญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม
ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.)

27 พฤศจิกายน 2554

ท่านประธานที่เคารพกระผมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ท่าน ประธานที่เคารพ วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำหน้าที่ฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่แทนพี่น้องประชาชนทั้งประเทศในการติดตามตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ซึ่งถือเป็นหน้าที่สำคัญตามรัฐธรรมนูญ และกระผมถือว่าเป็นหน้าที่ที่บ่งบอกถึงความงดงามของระบอบประชาธิปไตย น่าเสียดายว่าที่จริงแล้วการอภิปรายท่านรัฐมนตรีในวันนี้ เรามีผู้ที่จะอภิปรายอีกอย่างน้อย 2 ท่าน ขออนุญาตที่จะเอ่ยนาม ท่านส.ส.วิลาศ จันทร์พิทักษ์ ท่านส.ส.นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ แต่ว่าการใช้เวลาประท้วงไปถึงประมาณ 4-5 ชั่วโมงนั้น ทำให้เราไม่ได้มีโอกาสนำเสนอข้อมูลตรงนั้น แต่ไม่เป็นไร กระผมจะใช้เวลาประมาณ 47 นาทีที่เหลือ ได้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการยื่นญัตติในการอภิปรายครั้งนี้ และวัตถุประสงค์ของพวกเราในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย
พวก กระผมทราบดีว่าบ้านเมืองอยู่ในภาวะที่มีความวิกฤตพอสมควร จากปัญหาน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ ซึ่งทางรัฐบาลเอง โดยท่านรัฐมนตรีก็ยอมรับถึงความเสียหายที่ขยายวงกว้าง ผู้เสียชีวิตมากกว่า 600 พี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนหลายล้านครัวเรือน ความสูญเสียในเรื่องของทรัพย์สิน เศรษฐกิจ ยังเพิ่มขึ้นทุกวัน และที่สำคัญที่สุดความทุกข์ยาก ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในการใช้ชีวิตซึ่งจะดำรงต่อไปอีกเป็นระยะ เวลาหลายเดือน ในภาวะเช่นนี้ พวกกระผมก็ได้พูดชัดเจน ว่าแม้เราเป็นฝ่ายค้าน เราก็ไม่ละเลยกับความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน วันนี้ท่านรัฐมนตรีพยายามพาดพิงหลายครั้งว่า พวกกระผมไม่สนใจในความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนอย่างนั้นหรือ ไม่จริงหรอกครับ เราก็ลงพื้นที่ด้วยกันทั้งนั้นแหละครับ ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน ท่านย้อนกลับไปดูดีกว่าว่าในวันที่พวกกระผมเป็นรัฐบาลนั้นบทบาทของท่านเป็น อย่างไร
ศูนย์ พักพิง พวกกระผมก็ไปจัดตั้ง ครัวก็ทำครับ ทำก่อนรัฐบาลด้วย โครงการจัดหาน้ำดื่ม โครงการในเรื่องของการดูแลเรื่องรถสัญจรไปมา ทำทั้งนั้นครับ และแต่ละวันนั้นที่เราพอจะได้รับของบริจาคจากพี่น้องประชาชน ก็มีคนมาขอ รวมทั้งหน่วยงานของราชการเองก็มาขอครับ เราก็ถือว่า เรามีหน้าที่ในการที่จะทำ แล้วกระผมก็ประกาศชัดเจนเลยครับ ในภาวะเช่นนี้พวกกระผมไม่ฉกฉวยโอกาสในทางการเมือง ผมกระกาศเลยครับว่า ทั้ง ๆ ที่มีเหตุผลที่จะพิจารณาได้กระผมคิดว่าไม่ใช่เวลาที่จะอภิปรายท่านนายก รัฐมนตรี เพราะกระผมคิดว่าการอภิปรายนายกรัฐมนตรีหมายถึงการบอกว่าจะต้องเปลี่ยน รัฐบาล
วันนี้ สถานการณ์ยังจำเป็นจะต้องประคับประคองกันต่อไป ทั้งความแตกแยกในสังคม ทั้งปัญหาน้ำท่วม พวกกระผมก็บอกว่า เราไม่เปิดอภิปรายทั่วไปนายกรัฐมนตรี แต่เราก็เห็นแล้วครับ ว่าการบริหารงานที่ผิดพลาด การกระทำที่ผิดกฎหมาย การปล่อยปละละเลยจนเกิดการทุจริต และการทำให้สังคมมีความแตกแยกมากขึ้น ซึ่งล้วนแต่เป็นผลพวงของการบริหารจัดการในเรื่องน้ำท่วมครั้งนี้ อยู่ในความรับผิดชอบของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่ชื่อ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อย่างปฏิเสธไม่ได้
ท่าน ประธานที่เคารพครับ มองในอีกแง่มุมหนึ่ง มีพี่น้องประชาชนต่อว่าพวกกระผมด้วยซ้ำ ว่าทำไมอภิปรายเฉพาะท่านประชา บ้านเมืองไม่เคยเดือดร้อนมากขนาดนี้ แต่กระผมก็กราบเรียนท่านประธานครับ พวกกระผมก็เคยทำงาน ท่านรัฐมนตรีเองท่านก็ยอมรับครับว่าท่านก็เคยทำงานกับผม ผมเชื่อครับ ไม่มีใครอยากให้เกิดปัญหาความเดือดร้อนกับพี่น้องประชาชน ไม่มีใคร ไม่ตั้งใจทำงานหรอกครับอยู่ในความรับผิดชอบ ถ้ารู้ว่าเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องประชาชน แต่ความตั้งใจเพียงอย่างเดียว ความพยายามที่จะไม่ให้เกิดความเดือดร้อนเพียงอย่างเดียว มันไม่พอครับกับสถานการณ์ที่มันเป็นความวิกฤติของคนทั้งชาติ สิ่งที่กระผมจะกราบเรียนต่อไปครับ ผมตั้งเป็นเพียงมาตรฐานที่กระผมคาดหวังจากคนที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงยุติธรรม และจากคนที่นายกรัฐมนตรีผมถือว่ามอบอำนาจให้เกือบจะเรียกว่าเบ็ดเสร็จในการ ตั้ง ศปภ. ขึ้นมาเพื่อบริหารจัดการสถานการณ์ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคมเป็นต้นมา 50 วันที่ท่านพูดนั่นแหละครับ สำหรับมาตรฐานที่ผมคาดหวังจากรัฐมนตรียุติธรรม ไม่มากเลยครับ
1. ท่านปฏิบัติตามกฎหมายครับ ในเมื่อพี่น้องประชาชนทุกคน ระบบความยุติธรรม ระบบนิติรัฐ ระบบนิติธรรมจะอยู่ได้นั้น ประชาชนคนธรรมดา ยังต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่มีสิทธิ์แม้แต่ที่จะอ้างว่าไม่รู้กฎหมาย คนที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมล่ะครับ มาตรฐานต่ำกว่าประชาชนไม่ได้
ประการ ที่ 2 ครับ คนที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมนี้ ท่านจะต้องเป็นหลักในการจะนำประเทศเข้าสู่ความปรองดอง เพราะเราพูดกันตลอดเวลาว่า ความปรองดองเกิดขึ้นจาก 2 อย่าง คือความจริง กับความยุติธรรม นั่นคือมาตรฐานที่ผมจะใช้ในการตรวจสอบท่าน ส่วนมาตรฐานที่ท่านจะเป็นผู้บริหารสูงสุดก็ว่าได้ ในเรื่องของการจัดการเกี่ยวกับปัญหาน้ำท่วม เพราะคำสั่งของท่านนายกฯ ที่ตั้ง ศปภ. ขึ้นมานั้น ตั้งขึ้นตามกฎหมายระเบียบบริหารราชการแผ่นดินคำสั่งที่ 193 นั้นเป็นที่ทราบกันดีครับว่าเป็นความพยายามที่จะบูรณาการ มีการใช้คำว่าเบ็ดเสร็จ จุดเดียว One stop service และ หน้าที่และอำนาจของท่านครอบคลุมหมดครับ ตั้งแต่การดูแลแก้ไขปัญหาการระบายน้ำ ตั้งแต่ดูแลแก้ไขปัญหาในเรื่องของความเดือดร้อนเฉพาะหน้าของพี่น้องประชาชน ไปจนถึงการฟื้นฟูการเยียวยา ผมก็ไม่ตั้งมาตรฐานอะไรสูงมากหรอกครับ จากคนที่มาทำหน้าที่นี้ ขอแค่ 4 ข้อ
1. มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ
2. สามารถที่จะสร้างความเชื่อมั่น ด้วยการสื่อสารกับพี่น้องประชาชนให้ตระหนัก เข้าใจ และสามารถที่จะปรับตัวอยู่ได้กับภาวะวิกฤติ
3. ให้มีความซื่อสัตย์ สุจริต ยึดผลประโยชน์ของส่วนรวม ของประเทศชาติเหนือสิ่งอื่นใด
และ ข้อ 4 คนที่จะมาอยู่ตรงนี้ ท่ามกลางความทุกข์ร้อน หนักหนาสาหัสของพี่น้องประชาชน อย่างน้อยที่สุดครับ ต้องมีใจให้กับพี่น้องประชาชนเป็นอันดับแรก
ไม่ ว่าจะเป็น 2 เรื่องที่ผมคาดหวัง จากท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หรือเรื่องที่ผมคาดหวังจาก ผอ. ศปภ. ท่านประธานครับ ท่านรัฐมนตรี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก สอบตกทุกข้อ
ดู เรื่องประสิทธิภาพครับ เมื่อสักครู่ โดยที่ไม่มีท่านใดอภิปรายท่านหยิบยกเรื่องน้ำในเขื่อนขึ้นมา ก็เป็นโชคดีของผมครับ เพราะว่าถูกใส่ร้ายอยู่เป็นเวลานาน ที่จะได้ชี้ให้เห็นว่าความจริงแล้วการบริหารจัดการน้ำในเขื่อนผิดพลาด คือ สิงหาคม และเดือนกันยายน ท่านโอดครวญครับ ว่าวันที่ได้รับการแต่งตั้ง นั่นคือน้ำเต็มเขื่อน หลังจากที่รัฐบาลตัดสินใจชะลอการระบายน้ำในเดือนกันยายน แล้วพอถึงเดือนตุลาคม พายุเข้ามาอีก ต้องปล่อยน้ำลงมาอย่างไม่มีทางเลือก นั่นหมายความว่าท่านต้องทราบตั้งแต่แรกว่า วิกฤติจะต้องเกิดขึ้น ถามว่า 50 วันที่ผ่านมานั้น กับสภาวะวิกฤติกับมวลน้ำที่มีอยู่ ท่านจัดการอย่างไร จากวันนั้นถึงวันนี้ ไม่เคยมีการกำหนดแนวทางที่ชัดเจนว่าเรื่องของการระบายน้ำลงสู่ทะเล ให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด ให้เกิดความขัอแย้งน้อยที่สุด ให้สามารถที่จะให้พี่น้องประชาชนนั้นอยู่ได้กับปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น ท่านประธานที่เคารพครับ ไม่มีเลยครับ
ผม อยากจะกราบเรียนว่า ในฐานะที่ท่านเป็นผู้รับผิดชอบแบบเบ็ดเสร็จในเรื่องนี้ สิ่งแรกที่ท่านต้องทำให้พี่น้องประชาชนตระหนักคือ ปัญหาน้ำท่วมเป็นปัญหาของชาติ ปัญหาน้ำท่วมเป็นปัญหาของคนไทยทุกคน ดังนั้นท่านได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ท่านจะแก้สถานการณ์นี้โดยยึดประเทศชาติส่วนรวมและประชาชนทุกคนเป็นที่ตั้ง แต่ท่านไม่ทำครับ ท่านยังแบ่งประเทศ ตามเขตเลือกตั้ง ท่านยังแบ่งประเทศตามจังหวัด แล้วก็มีการทะเลาะเบาะแว้งกันตลอดทางจนถึงทุกวันนี้ วันนี้ก็ยังมีการชุมนุมอยู่เลยครับ จะเอาน้ำไว้เมืองนนท์ จะเอาน้ำไว้กรุงเทพฯ จะเอาน้ำไว้ปทุมฯ ไม่ได้ครับ ท่านไม่เคยทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน วันที่ท่านเข้ามานะครับ ที่น้ำยังอยู่ทางเหนือ แล้วก็ค่อย ๆ ลงมานั้น ท่านต้องอธิบายให้เข้าใจครับว่า พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน สำคัญเท่าเทียมกัน แต่การระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพคือต้องระบายไปตามทางน้ำธรรมชาติและระบบชล ประทานที่เรามีอยู่ให้มากที่สุดครับ
พวก กระผมไม่เคยพูดว่า กทม. สำคัญกว่าที่อื่น พวกกระผมไม่เคยพูดว่าฝั่งตะวันออก หรือฝั่งตะวันตก หรือพี่น้องปริมณฑลมีความสำคัญน้อยกว่าหรือมากกว่าใครครับ พวกกระผมต้องการได้ยินท่านบอกกับประชาชนว่า ทางที่จะทำให้น้ำลงทะเลเร็วที่สุด ที่เขาทำกันมาทุกปี ทุกปี ทุกปี แบ่งไปทางตะวันตก ท่าจีน ตะวันออก บางปะกง ส่วนหนึ่งลงมาที่เจ้าพระยา ตามแม่น้ำบ้าง เข้าสู่ระบบการระบายน้ำของกทม.บ้าง อะไรจะเกิดขึ้น ต้องอธิบายตั้งแต่แรกว่า มันมีคนที่จะต้องเดือดร้อน อย่างนี้ แล้วตัดสินใจตั้งแต่แรกว่าจะดูแล เยียวยา กันอย่างไร ความผิดพลาดก็คือ ท่านปล่อยคนที่ให้ความสำคัญของแต่ละพื้นที่ มาต่อรอง มาบริหาร มาจัดการ สถานการณ์น้ำถึงเป็นอย่างนี้ไงครับ
ที่ คุณสาทิตย์ อภิปรายว่าการระบายน้ำลงสู่ทะเล ไปตั้งคณะกรรมการซึ่งตัวประธานออกมาสัมภาษณ์ยอมรับในภายหลังว่า เขาอยู่สมุทรปราการ เขาจึงพยายามที่จะไม่ให้น้ำเข้าสมุทรปราการ กระผมไม่ได้บอกว่าต้องให้พี่น้องสมุทรปราการรับน้ำทั้งหมดครับ แต่ทางระบายโดยตามธรรมชาติจะต้องทำอย่างไร ต้องทำอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ แต่ท่านก็ไปตั้งในลักษณะนี้ ทำจนกระทั่งอะไรครับ ทำจนกระทั่งในที่สุดแรงกดดันที่เกิดขึ้น กับน้ำที่มาตามแนวของเจ้าพระยากับทางตะวันตกรับไม่ไหว ที่มีประตูน้ำหรือเขื่อนแตกไปถึง 14 แห่ง แล้ววันที่คนเขาไปติดตามเรื่องนี้ เขาตกใจนะครับที่แตกไป 14 แห่งนั้น ศปภ. ไม่ทราบ
ท่าน ไม่เคยให้กรมชลประทานมาบอกเลย ว่าจะต้องซ่อม เพิ่งจะซ่อมกันเสร็จไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เอง 50 วันที่สูญเปล่าแล้วเอาน้ำมากองอยู่ในที่ที่มันไม่ควรจะอยู่ครับเพราะมัน ระบายยาก มันไม่ใช่การระบายน้ำโดยเส้นทางธรรมชาติหรือระบบปกติ ที่ท่านบอกว่าทำไมมาพูดอะไรกัน น้ำท่วมถึงเอว ท่วมถึงอก น้ำเน่า อยู่เมืองนนท์ อยู่ปทุมธานีวันนี้ อยู่ฝั่งธนฯ วันนี้ อยู่ทางภาคตะวันออกบางส่วนของกรุงเทพมหานคร ท่านครับ ก็เพราะท่านบริหารอย่างนี้ น้ำมันถึงกองอยู่ตรงนี้ แล้วท่านก็ใช้วิธีการพยายามปัดความรับผิดชอบโดยตลอด ผู้ว่านนท์ ผู้ว่าปทุมฯ ผู้ว่ากทม. ท่านเปลี่ยนสถานะเขาจากผู้ว่า เป็นผู้ถูกว่าตลอด เพราะมีอะไรก็โยนให้ไปตกลงกันเอง ท่านบริหารจัดการแบบบูรณาการอย่างไรครับ
วันที่ท่านตัดสินใจว่าต้องเอา Big Bag มา วาง เพราะแนวที่เขาเคยทำกันมาทุกปี ๆ มันแตกนั้น กระผมก็บอกว่า ท่านกำลังจะทำให้พี่น้องในปริมณฑลและฝั่งธนฯ จมน้ำนานกว่าที่ควรจะเป็น ลึกกว่าที่ควรจะเป็น และจะมีปัญหาน้ำเน่า ศปภ.ออกมาตอบโต้ผมครับ บอก เอาอะไรมาพูดกั้น Big Bag ไม่ กระทบใคร น้ำอยู่ในคลอง แล้ววันนี้จะเปิดทำไมครับ ถ้าอย่างนั้น ถ้าไม่เกี่ยวกับความเดือดร้อนของพี่น้องข้างบน ท่านไม่เคยให้ความจริงกับพี่น้องประชาชน ไม่มีแผน เลขาฯ ท่านก็ยอมรับเองว่า ศปภ. ทำงานไม่มีแผน นี่คือการสอบตกเรื่องประสิทธิภาพในเรื่องของการระบายน้ำ
บุคคล ที่มีอิทธิพลทางการเมืองนี่แหละครับ เข้ามาทำให้การระบายน้ำที่มันควรจะทำนั้นทำไม่ได้ ผมไปมาหลายครั้งครับ ประตูระบายน้ำที่จะต้องออกไปทางตะวันออก ผู้ปฏิบัติเขาก็บอกผมชัดเจนครับ ว่าไม่เปิดเต็มที่ ไม่มีคำสั่ง สั่งไปแล้วเดี๋ยวก็ต้องปิดเพราะถูกต่อว่ามา การระดมเครื่องสูบน้ำอะไรต่าง ๆ ใช่ครับ ท่านให้ แต่ไปทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่ให้ชาวบ้านเขาเห็นนะครับ มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายในเชิงบริหารจัดการ ประสิทธิภาพในเรื่องของการระบายน้ำไม่มีครับ ตัวอย่างเล็ก ๆ อีกซักตัวอย่างให้เห็นว่า การบริหารจัดการกันนั้นไม่ได้มีแผนอย่างชัดเจนหรอกครับ การกู้ถนนเส้น 340 นี่แหละครับ กลัวพระราม 2 ท่วม เตรียมไว้ ถึงเวลาทำจริงทำไม่ได้ครับ กว่าจะทำได้ก็บอกว่า มีปัญหารถไปจอด ทำเสร็จก็บอกว่ากลับไปใช้พระราม 2 แต่วันนี้พี่น้องในเมืองนนท์ ในปทุมฯ หลายอำเภอเดือดร้อนเพราะท่านไปกู้ 340 พวกกระผมจึงต้องตรวจสอบ จึงต้องบอกประชาชนครับ เพราะพวกกระผมบอกว่า งานนี้มันไม่ใช่ธรรมชาติอย่างเดียว ไม่มีใครปฏิเสธหรอกครับ น้ำมากขนาดนี้ต้องมีท่วม แต่ไม่เสียหายอย่างนี้ครับ
มา ดูต่อนะครับ พอมาดูเรื่องของการสร้างความเชื่อมั่น เรื่องของการสื่อสาร ความจริงมีสมาชิกอยากจะอภิปรายหลายท่านนะครับ แต่ตอนหลังแทบไม่ต้องตอกย้ำแล้ว คำว่า “เอาอยู่” ของท่านนั้น จะเป็นวลีประจำปีนี้ แล้วมันไม่เคยเป็นจริง การสื่อสารที่บอกเรื่องของการแนะนำ จัดการ เรื่องการอพยพนี่แหละครับ ผมยกตัวอย่าง ท่านรัฐมนตรีจะจำได้วันที่ผมไปเยี่ยม ศปภ. กระผมบอกเองว่าเรื่องอพยพเป็นเรื่องใหญ่ เพราะถ้าท่านไม่จัดระบบตรงนี้พี่น้องประชาชนติดเกาะนี่แหละครับ จะต้องมีปัญหาว่าจะต้องเอาข้าวกี่แสนกล่องนี่แหละไปส่ง ถ้าไปส่งกันจริงนะครับ แสนกล่อง กระผมก็เตือนครับ แต่ระบบการประกาศท่านก็ทราบครับ วันดีคืนดีรัฐมนตรีแถลงข่าวแสดงอาการตื่นตระหนกกลางจอ ต่อมาก็บอกว่าไม่มีอะไร และชัดเจนที่สุดก็คือกรณีของนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ผมอยู่หน้านิคมอุตสาหกรรมนวนครนะครับ เดินทางไปหลังจากท่านรัฐมนตรีออกมาพอดี ท่านผอ.ศปภ.นี่แหละ แล้วก็ข่าวที่ส่งมาทางข้อความสั้น SMS ทาง โทรศัพท์ก็ขึ้นมาครับว่า ท่านเพิ่งไปมา “เอาอยู่” แต่ผมเข้าไปไม่ได้ครับท่านครับ เพราะน้ำเข้าพอดีครับ แล้วก็คนกำลังแห่ออกมาอพยพออกมา ผมก็ต้องเดินทางกลับ
นี่ คือความล้มเหลว โดยสิ้นเชิง ในเรื่องของการสร้างความเข้าใจ สร้างความเชื่อมั่น แล้วมันทำให้ความเสียหายลุกลามบานปลายกว่าที่ควรจะเป็น เพราะถ้าเขาทราบว่าเขาจะต้องเผชิญกับอะไร ภาคเอกชนเอง เขาก็จะมีแนวทางการวางแผนอาจจะป้องกันน้ำท่วมไม่ได้แต่ลดความเสียหายได้ครับ เครื่องจักร ทรัพย์สินนั่นเรื่องนึงครับ แต่สำคัญที่สุดคือชีวิตของคนที่จะต้องไม่มีงานทำ ในช่วงหลายเดือนจากนี้ไป เพราะความล้มเหลวในเรื่องการสร้างความเข้าใจ การสื่อสารที่ควรจะได้ทำ
ท่าน ประธานที่เคารพครับ มาดูต่อสิครับ ว่านอกจากความล้มเหลวในเรื่องประสิทธิภาพการจัดการในส่วนที่เกี่ยวกับน้ำ การสื่อสารสร้างความเชื่อมั่นแล้ว เมื่อเกิดปัญหาขึ้น พี่น้องประชาชนคนไทยและชาวโลก มีจิตอาสา ระดมความช่วยเหลือกันเข้ามา มากมายมหาศาล จากมิตรประเทศ ก็มีนะครับ เอาละครับท่านรัฐมนตรี หรือรัฐบาลจะบอกว่าไม่สนใจที่จะรับความช่วยเหลือ แต่เขาก็ให้มาครับ ซึ่งผมก็แปลกใจนะครับ ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกายังรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศเลยครับ แล้วบริหารจัดการกันอย่างไร
ท่าน ประธานครับ วันนี้มีความพยายามที่จะเอาพี่น้องประชาชนและความเดือดร้อนของพี่น้อง ประชาชนมาบังหน้า ประหนึ่งว่าสิ่งที่ท่านทำผิดกฎหมายจัดสรรผลประโยชน์ไม่ว่าจะทางการเมืองหรือ ทางอื่นทั้งหลายนั้น ถ้าท่านไม่ทำอย่างนี้แล้ว ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนจะไม่ได้รับการแก้ไข ไม่ใช่แล้วครับ ท่านทำผิดกฎหมายและเป็นการส่งสัญญาณและเป็นการทำลายระบบโดยสิ้นเชิง ในการปล่อยให้นักการเมืองไม่แยกแยะบทบาทของตัวเอง คำสั่งที่ 26 – 27 นั่นแหละครับ ของศปภ. ผมไม่ทราบนะครับว่า ท่านจะไปตีความว่า ไม่ใช่ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ ปฏิเสธได้ไม๊ล่ะครับ งานที่ทำทั้งหลายคือการปฏิบัติราชการ ถ้าไม่อย่างนั้นต่อไปนี้ เดี๋ยวนายกฯ ตั้งศูนย์บริหารประเทศขึ้นมาว่าไงครับ เป็นศูนย์เฉพาะกิจ ใครจะทำอะไรก็ได้ไม่ต้องรับผิดชอบ ไม่ต้องมีกฎ ไม่ต้องมีระเบียบ ขัดรัฐธรรมนูญก็ได้ ไม่ต้องเฉพาะแสนล้านหรอกครับ เอามันงบประมาณทั้งประเทศไปเลยครับ บอกเป็นศูนย์เฉพาะกิจขึ้นมา ไม่ได้หรอกครับ พวกกระผมไม่ต่อว่าผู้แทนราษฎรคนใดเลย ที่ทำหน้าที่ในการประสานงานดูแลความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ มีเยอะครับ พวกผมก็มี พรรคเพื่อไทยก็มีครับ ให้ความเป็นธรรม แต่เป็นเรื่องหนึ่งที่จะให้ผู้แทนฯ เขาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ กับเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ให้เขามามีอำนาจในการจัดการบริหาร แทรกแซง ก้าวก่าย จัดสรร ทรัพยากร
ท่าน ประธานครับ คำชี้แจงของเพื่อนสมาชิกหลายท่านนั้น ผมขอถือเป็นส่วนหนึ่งของการอภิปรายไม่ไว้วางใจท่าน พล.ต.อ.ประชา ซื้อเต้นท์เขามาก็ไม่มีคนไปรับ ต้องให้ ส.ส.ไปเซ็น จะเอาเรือไปไหนไม่มีปัญญาป้องกัน เอาเรียกคืนมา ต้องเอาชื่อ ส.ส. ไปประทับไว้ แล้วนี่เรียกกลับมาคราวหน้าเอาไปใช้เขตอื่นต้องลบชื่อส.ส.คนนั้นแล้วใส่ชื่อ ส.ส.คนใหม่รึเปล่าครับ กลัวส้วมหาย ข้างนอกเขียนชื่อไม่พอ ข้างในต้องเขียนด้วย เผื่อคนทำธุระเสร็จจะยกไปจากข้างในหรือไงครับ
มัน ไม่มีเหตุผลครับ เหตุผลที่จะใช้วิธีการนี้มีอย่างเดียวครับ คือการเมือง และการแบ่งแยกไงครับ เราถึงได้อภิปรายชัดเจนว่า หลายคนที่ท่านยกย่องวันนี้ บางเรื่องเขาทำ พวกกระผมไม่อภิปรายไงครับเพราะมันเป็นหน้าที่ที่เขาพึงทำตามรัฐธรรมนูญ ตามหน้าที่ แต่ถามว่าการให้ ส.ส. 2 คน เซ็นชื่ออนุมัติของ อนุมัติของนะครับ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการดูแลพื้นที่ของตัวเอง ทำไมครับ แล้วผลคืออะไร และความจริงไม่ใช่เท่านี้หรอกครับ ถ้าท่านดูไปในรายละเอียดที่วันนี้มีการสะท้อนออกมาจะเห็นชัดเจนครับ ถ้าท่านบอกว่า ส.ส. ผู้แทนฯ ทุกเขตควรจะต้องทำอย่างนี้ ทำไมไม่เรียกทุกเขตเข้าไปจริง ๆครับ ไม่จำกัดพรรค แล้วถ้าไม่ผิด ยกเลิกคำสั่งทำไมครับ แต่นี่เลือกเฉพาะผู้แทนราษฎรและผู้เกี่ยวข้องในทางการเมืองของท่าน แล้วไม่ใช่ไม่มีความเสียหายครับ ของที่มันกองพะเนิน เทินทึก ที่กลุ่มอาสา ขอประทานโทษเอ่ยนามคนนอก อย่างคุณ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ไปขอแล้วไม่ได้นั้น ก็เพราะมันไม่ใช่พวกใช่ไม๊ล่ะครับ
แล้ว พี่น้องประชาชนที่เดือดร้อน รอคอยการช่วยเหลือนั้น หลายพื้นที่ กี่พื้นที่ครับ ที่ของเหล่านี้ไปไม่ถึงเพราะคนของท่านยังไม่ว่างเซ็นอนุมัติ หรือไปทำการตลาดในพื้นที่ หิวกี่คน ขาดเรือกี่คน แล้วเราก็เห็นชัดเจนครับว่า ของส่งมาจากญี่ปุ่นแช่อยู่ที่ ศปภ. 2 อาทิตย์ เต้นท์ค้างอยู่แท้ ๆ ยังอุตส่าห์ไปจัดซื้อ ในอัตราจองหองที่คุณประเสริฐพูด นี่คือการทำผิดกฎหมาย นี่คือเรื่องของการเลือกปฏิบัติ และนี่คือเรื่องของความพยายามในการหาประโยชน์ทางการเมือง และหาประโยชน์อื่นท่ามกลางความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน
ท่าน จะยืนยันจริง ๆ เหรอครับที่ระบบที่วันนี้เราได้ฟังกันนั้น คือระบบที่ดีที่สุดแล้วสำหรับประเทศ ที่ต้องปั่นป่วนวุ่นวายกันที่ไม่รู้ว่าใครมีหน้าที่อะไร แล้วก็ทำให้เกิดการแบ่งแยก การเลือกปฏิบัติ ที่คนนอกเขาฟ้อง จะเข้าไปช่วยงาน ต้องใส่เสื้อแดง ที่มีการแบ่งแยกกันว่าใครจะได้รับการช่วยเหลือ ไม่ได้รับการช่วยเหลือ เงินเยียวยา ปัญหาต่าง ๆ เหมือนกันหมดเลยครับ ท่านครับ 5,000 บาท 2,000 กว่าบาท มีข้อมูล อย่างที่คุณหมอวรงค์เขาพูด ที่เรียกว่าเป็น “ส่วยบางระกำโมเดล” และการเลือกปฏิบัติ กับคนที่เป็นพวก กับคนที่ไม่เป็นพวก
บ้าน เมืองแตกแยกจากการเมืองที่ผ่านมา ยังไม่พอใช่ไม๊ครับ วันนี้บริหารน้ำให้เป็นเงื่อนไขความแตกแยกใหม่ ความขมขื่นของคนที่ไม่ได้รับการช่วยเหลือเพียงเพราะเขาไม่ใช่พวกท่าน ความเหิมเกริมของคนที่บอกว่าเป็นพวกท่านแล้วทำอะไรก็ได้ ผิดกฎหมายก็ได้ อ้างประชาชนบังหน้า ความ แตกแยกที่กำลังเกิดขึ้นระหว่างพี่น้องชาวปริมณฑลกับชาวกรุงเทพฯ ความแตกแยกระหว่างคนที่อยู่เหนือคัน กับใต้คัน ทุกแห่ง นี่คือผลงานของท่านครับ ผลงานที่กำลังสร้างความเสียหายเพิ่มเติมเข้าไปอีก และจากความที่ท่านไปส่งสัญญาณไปเอื้อให้ทำสิ่งเหล่านี้แหละครับ ท่านจึงสอบตกในเรื่องของการดูแลเรื่องนี้ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ปล่อยปละละเลย ให้เกิดการทุจริตขึ้น
กรณี ที่คุณรังสิมา อภิปราย เขาไมได้บอกว่าท่านไม่ควรทำนะครับ แต่เขาไม่เชื่อครับเพราะพวกผมก็ทำกันอยู่นะครับ บริหารกันอยู่ ว่าท่านสามารถในแต่ละเขตนั้น ทำข้าวกล่องได้เกือบเป็นแสน ถ้าทำได้ จัดส่งได้ด้วยนี่ มหัศจรรย์มนุษย์จริง ๆ ครับ แล้วก็ผมก็เชื่อว่าแปลว่าในเขตเหล่านั้นคงไม่มีคนหิวแล้วหล่ะครับ ทำกันได้ทั่วถึงขนาดนั้น มันไม่จริงไงครับ ตรงนี้จึงเป็นความล้มเหลว และการสอบตกของท่านในเรื่องของความซื่อสัตย์ สุจริตด้วย
แต่ ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดครับ ที่ผมกราบเรียนก็คือว่า การมีใจ ให้กับพี่น้องประชาชน ผมไม่นึกเลยครับว่า ท่ามกลางความเดือดร้อนอย่างนี้การเล่นการเมืองไม่เคยจบ สร้างนิทาน ใส่ร้ายรัฐบาลที่แล้ว สร้างเงื่อนไขที่จะทำให้ กทม. จะต้องถูกดิสเครดิต โดยไม่ใส่ใจว่าจริง ๆ แล้วทุกคนจะต้องร่วมมือกันในการเข้าไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชน แล้วในวันที่ท่านต้องเลือก ระหว่างท่าน กับพวกท่าน หรือพี่น้องประชาชน นี่ท่านเลือกชัดนะครับ ใครจะนึกครับ กำลังพลจำกัด งบประมาณจำกัด อุปกรณ์จำกัด คิดได้ยังไงครับว่าต้องสร้างถนนเข้าศปภ. 2 ก่อนที่จะเอากำลังพล ทรัพยากรเหล่านี้ไปดูแลพี่น้องประชาชน
คิด ได้ยังไงครับ ทำพี่น้องประชาชนที่อยู่อยู่รอบ ๆ บริเวณ ศปภ. 2 เดือดร้อนมากขึ้น ท่านย้ายตัวเองก็ได้ครับ อย่างมากก็เสียหน้าหนที่ 2 ครับ คนเขาชินแล้ว แต่ท่านเลือกว่าให้พี่น้องประชาชนเดือดร้อนไป วันนี้ถนนก็รื้อแล้ว
การ เยียวยานี่แหละครับ แต่ละเรื่อง อะไรที่พวกกระผมเริ่มไว้ ตอนแรกก็จะลังเลครับ จะให้ไม่ให้ 5 พัน 2 พัน เงินส่วนต่างก็ตอนหลังให้ แต่ขอเปลี่ยนชื่อ ไม่ว่ากัน แต่พอพวกกระผมเรียกร้องว่าวันนี้สถานการณ์มันไม่เหมือนปีที่แล้ว ไม่เห็นคิดเปลี่ยนเลยครับ ที่ให้ 5 พันนั้น พวกกระผมทำในยุคที่เราถือว่า เจอน้ำเข้าไป 7 วันก็หนักหนาสาหัส ก็ให้ 5 พัน แต่วันนี้มันไม่ใช่ 7 วันนะครับ วันนี้มัน 1 เดือน มัน 2 เดือน มันน้ำเท่าเอว เท่าอก มันน้ำเน่า
พวก กระผมก็บอกว่าให้เถอะครับ หมื่นบาท หมื่นห้า เป็นขั้นบันไดไป ประเด็นอย่างนี้ครับ ไม่เห็นรวดเร็วเลยครับ ไม่เห็นพิจารณาเลยครับ แต่ถ้าเป็นนโยบายรถคันแรก บ้านหลังแรก แทนที่จะเอาเงินเหล่านั้นมาให้คนที่เขาสูญเสียรถ หรือรถเสีย ซ่อมรถ เอาคนที่เขาไม่ต้องการบ้านหลังใหม่ล่ะครับ แต่เขาเก็บเงินมาแล้วได้บ้าน 1 หลังแล้วน้ำท่วมไปนั้น ไม่เคยคิดเปลี่ยนครับ โครงการอย่างโครงการพักหนี้ หาเสียงไว้ยังไงก็ไปอย่างงั้นไม่สนใจหรอกครับว่า คนที่ไม่เข้าข่ายในการที่จะได้รับการพักหนี้ คือคนที่เป็นหนี้เสียจากน้ำท่วม ใจท่านอยู่กับอะไรครับ ตรงนี้จึงเป็นเหตุผลที่กระผมบอกว่า ใจที่ไม่อยู่กับประชาชน ทำให้ท่านไม่มีความเหมาะสม ที่จะดำรงตำแหน่งตรงนี้
แล้ว เรื่องสุดท้าย ที่พวกกระผมจะต้องผมจะอภิปรายแต่ว่าโดยข้อจำกัดของเวลา ท่านรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีจุรินทร์ ได้เปิดเอาไว้ ท่านรัฐมนตรีมาขอว่าอย่าไปพูดอะไรที่มันก้าวล่วงการทูลเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกากระผมไม่พูดตรงนั้นครับ แต่บังเอิญท่านตอบเมื่อเช้า ท่านตอบเมื่อเช้าว่าพวกกระผมไปมีอคติ กับคน ๆ หนึ่งหรือเปล่า ไม่ใช่ครับ
ใคร ทำผิดกฎหมาย ปปช. ไม่ยอมรับผิด หนีคดี จะเป็นใคร อยู่ที่ไหน ชื่ออะไรก็ตาม พวกกระผมไม่สนับสนุนให้ท่านถวายคำแนะนำเพื่อพระราชทานอภัยโทษให้ครับ บังเอิญผมก็ไม่ทราบว่าในประเทศไทยวันนี้มีกี่คนที่เข้าข่ายนี้ ที่หนีคดี ผิดกฎหมาย ปปช. แต่ผมย้อนถามกลับท่านได้นะครับว่าคนที่ท่านบอกว่าพวกผมอคติด้วยนั้น ถ้าเขาไม่เข้าข่ายนี้ ท่านจะคิดเรื่องนี้ไม๊ครับ
แล้ว ปฏิเสธไม่ได้ครับว่าไม่คิด เพราะเลขานุการท่านให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อเดือนกันยายนว่ามีแนวคิดนี้ วันนี้คณะรัฐมนตรีหลายคนก็ยังให้สัมภาษณ์ว่ามีแนวคิดจะต้องพากลับบ้าน กระบวนการที่ท่านอธิบายนั้นมันไม่ตรงกับที่เขาทำมาทุกปี ๆ เลยครับ
ท่าน ต้องกล้าบอกความจริงนะครับ ที่เขามาเสนอท่านวันที่ 11 พฤศจิกา 13 พฤศจิกานั้น เขาไม่ได้เสนอท่านเฉพาะร่างพระราชกฤษฎีกาที่ทำตามปกติ ที่ผ่านคณะกรรมการมาหรอกครับ มีคนที่ชงเรื่องนี้มาให้ท่านด้วย ว่าให้เปลี่ยน ให้ปรับ แล้วท่านก็ไม่มีการแทงเรื่องนี้กลับไปให้คณะกรรมการ มีความพยายามบอกส่งไปกฤษฎีกาก่อน ก่อนเอาเข้า ครม. ซึ่งปกติไม่ทำกันครับ และความผิดปกติในการประชุมครม. วันนั้นที่ท่านนายกฯ บอกกลับจากสิงห์บุรีไม่ได้ ที่มีการประชุมให้เจ้าหน้าที่ออกไป ซึ่งก็ไม่ได้เคยปฏิบัตินะครับ แม้จะเคยมีการเรียกเก็บเอกสารคืน แล้ววันนั้นท่านต้องกล้ารับความจริงนะครับ นักข่าวเขาถามท่านว่ามีการพิจารณาเรื่องนี้ไม๊ ท่านบอก ไม่มีครับ แต่พอถูกจับได้ ไล่ทัน ก็บอกว่า คิดไปเอง แล้วรัฐมนตรีร่วมคณะท่านคิดไปเองไม๊ครับ วันที่ไปบอกกับสื่อว่า อะไรที่เป็นเงื่อนไขที่ประชาธิปัตย์เคยมีไว้ รัฐบาลนี้ก็ตัดได้ หรือที่ท่านนั่งข้าง ๆ รองนายกฯ มาตอบกระทู้ในสภาฯ ท่านนั่งอยู่ไม่เคยปฏิเสธซักคำนะครับ รองนายกฯ ก็บอกด้วยว่าผมไม่ต้องทำตามใคร ท่านก็นั่งเฉยครับ
รอ จนคนแทบจะตีกันแล้วนะครับ เพราะเริ่มมีการชุมนุม 2 ฝ่าย ท่านมีหน้าที่ทำให้เกิดความสามัคคี ปรองดอง ในฐานะรัฐมนตรียุติธรรม ไม่พูดอะไรเลยครับ ประชาชนจะตีกันก็แล้ว พวกกระผมเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจท่านก็แล้ว ไม่หละครับ บอกต้องรักษาความลับราชการ
แต่ จดหมายมาจากต่างประเทศฉบับเดียว ความลับราชการไม่มีความสำคัญอีกต่อไป พวกกระผมไม่เชื่อหรอกครับ พี่น้องประชาชนก็ไม่เชื่อหรอกครับ ท่านอย่าหลอกใจตัวเองเลยครับ จับได้ ไล่ทัน ก็ยกเลิกไป ไม่ต่างอะไรกับคำสั่งที่ตั้ง ส.ส.เข้าไป ผิดรัฐธรรมนูญ ไม่ต่างอะไรกับการคืนงบ เวลากรรมาธิการติดตามงบประมาณตรวจสอบว่ามีความผิดปกติ
เพราะ ฉะนั้นกระผมกราบเรียนว่าในทุกเรื่อง ที่ได้นำเสนอท่านนั้นตามมาตรฐานที่กระผมได้กราบเรียนท่านประธานตั้งแต่ต้น ท่านสอบตก แล้วกระผมกราบเรียนต่อไปครับว่า ถ้าหากว่าท่านรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งต่อไป กระผมคิดว่าพี่น้องประชาชนจะต้องทุกข์ยากมากกว่านี้หลายเท่า ลองไปถามพี่น้องชาวใต้ไม๊ครับ ที่กำลังเผชิญกับภัยน้ำท่วมนี้ว่าจะให้บริหารจัดการแบบที่ ศปภ.ทำมาในภาคเหนือ ภาคกลาง กทม. หรือภาคอีสาน เอาไม๊ครับ
เรา มีงานต้องทำอีกมาก ผมต้องการเห็นคนที่ได้มาตรฐานอย่างที่กระผมกราบเรียนมาดูแล วันนี้เรามีคนที่สูญเสียบ้าน ไม่เข้าเกณฑ์ราชการหรอกครับ ไม่ถึงกับพังหรอกครับ แต่อยู่ไม่ได้ อายุเกิน 60 กู้ก็ไม่ได้ จะดูแลเขาอย่างไร วันนี้ท่านอาจจะมีคนมาพูดคุยกับธุรกิจที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจใหญ่ ๆ ธุรกิจที่เชื่อมโยงกับต่างชาติแต่ท่านทราบไม๊ครับว่า ธุรกิจที่ไม่ได้อยู่ในข่ายนี้ รายเล็ก รายน้อย ทั่วประเทศ ความเสียหายไม่น้อยกว่ากันหรอกครับ เขาไม่มีบริษัทแม่มาช่วยครับ แต่เขาอาจจะมีแม่ ที่เขาต้องดูแลอีก 1 คน ตัวเองก็จะเอาไม่รอด เขาไม่มีบริษัทประกันมาจ่ายเงินให้ แต่อาจมีเจ้าหนี้มาไล่ตามทวง ผมไม่เคยได้ยิน ผอ.ศปภ. ซึ่งมีหน้าที่ในการเสนอเกี่ยวกับการเยียวยาฟื้นฟู คิดถึงคนเหล่านี้ครับ ผมถึงบอกว่า ท่านดำรงตำแหน่งนี้ต่อไปไม่ได้
แล้ว ถ้าท่านทำอย่างที่ท่านทำมา ความแตกแยกก็จะมีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นรายวัน ทั้งเรื่องน้ำ ทั้งเรื่องการเมือง นี่ไม่ใช่สิ่งที่พี่น้องประชาชน คนไทย สังคมไทย และประเทศไทยต้องการ รัฐบาลนี้ได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งมา พี่น้องประชาชนคาดหวังว่า จะมาแก้ไขปัญหาให้เขา วันนี้ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้รับความไว้วางใจจากท่านนายกฯ ให้มาดูแลปัญหาใหญ่ที่สุดของประเทศ พิสูจน์แล้วว่า ท่านล้มเหลวครับ
พวก กระผมในเวลาที่จำกัด มีเวลานำเสนอ ข้อมูล ข้อเท็จจริง เพียงเท่านี้ แต่พรุ่งนี้เป็นหน้าที่ของพวกท่านด้วย ใครที่ยกมือให้ท่านรัฐมนตรียุติธรรมวันพรุ่งนี้ ยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมาดีแล้ว และจะทำอย่างนี้ต่อไป จะมีทุจริต จะแตกแยก จะแบ่งพวก ไม่เป็นไร แต่พวกกระผม ยกมือให้ไม่ได้
แล้ว ถ้าท่านส.ส.ยกมือให้กับท่านรัฐมนตรี ผมก็บอกว่า ภาระก็กลับไปตกอยู่ที่ท่านนายกฯ ครับ ที่จริงท่านนายกฯ เคยชี้แจงในสภาฯ แห่งนี้นะครับ บอกท่านไม่ค่อยมานั่งหรอก เพราะท่านบอกว่ามันไม่สำคัญเท่ากับว่าอยู่แล้วฟัง แล้วนำข้อมูลนั้นไปใช้ในการตัดสินใจ วันนี้พวกกระผมไม่มีใครเรียกร้องให้ท่านมานั่งเลยครับ แต่เรียกร้องให้ท่านนำข้อมูลทั้งหมดไปตัดสินใจ ว่าบุคคลที่ท่านมอบหมายให้มาดูแล แก้ไขปัญหาที่ทำให้ประเทศไทย และประชาชนคนไทย เดือดร้อนที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ท่านยังใช้มาตรฐานว่าบุคคลคนนี้สมควรได้รับความไว้วางใจให้ทำงานต่อไปหรือ ไม่ เป็นอำนาจของท่านครับ พวกกระผมก้าวล่วงไม่ได้ แต่กระผมกราบเรียนว่า พวกกระผมไม่ไว้วางใจ พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก ที่จะทำความเสียหายให้กับประเทศต่อไป และถ้าท่านนายกรัฐมนตรีตัดสินใจว่าท่านจะไว้วางใจต่อไป บุคคลที่จะต้องรับผิดชอบต่อไปก็คือตัวท่านนายกรัฐมนตรีครับ ขอบพระคุณครับ

****************************************************
"การเมืองต้องเป็นเรื่องการเสียสละ การเมืองคือภาระของทุกผู้การเมืองเรื่องส่วนรวมร่วมรับรู้ การเมืองต้องต่อสู้เพื่อส่วนรวม"เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์