Jump to content


Photo
- - - - -

พรหมฑัณฑ์ - อีกทางแห่งผู้เจริญพึงกระทำสำหรับผู้ "ว่ายาก"


  • Please log in to reply
12 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 ม่านน้ำ

ม่านน้ำ

    ผมเพิ่งมาครับ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,373 posts

ตอบ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 06:25

พระอานนท์เถระ ได้ทูลถามพระบรมศาสดาว่า

"ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระฉันนะถือตัวว่า เป็นข้าเก่า
ติดตามพระองค์คราวเสด็จสู่มหาภิเนกษกรม เป็นผู้ว่ายาก
ไม่รับโอวาทใคร ๆ แม้จะกรุณาเตือน
เมื่อพระองค์ปรินิพพานแล้ว จักเป็นผู้ว่ายากยิ่งขึ้น
ด้วยหาผู้ยำเกรงมิได้ ข้าพระองค์จะพึงปฏิบัติแก่ท่านอย่างไร
ในกาลเมื่อพระองค์ปรินิพพานแล้ว"

"อานนท์ เมื่อเราล่วงลับไปแล้ว สงฆ์พึงลงพรหมทัณฑ์แก่ฉันนะเถิด"

"พรหมทัณฑ์ เป็นไฉนเล่า พระเจ้าข้า"

"อานนท์ การลงพรหมทัณฑ์ นั้น คือ ภิกษุทั้งหลาย ไม่พึงว่ากล่าว
ไม่พึงโอวาท ไม่พึงสั่งสอนเลย ไม่พึงเจรจาคำใด ๆ ด้วยทั้งสิ้น
เว้นแต่คำอันเป็นกิจธุระโดยเฉพาะ
อานนท์ เมื่อฉันนะถูกสงฆ์พรหมทัณฑ์แล้ว จักสำนึกในความผิด
และสำเหนียกในธรรมวินัย เป็นผู้ว่าง่าย ยอมรับโอวาท ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม"

ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์เข้าไปยังวัดโฆสิตาราม ครั้นแล้วนั่งบนอาสนะที่เขาปูลาดไว้
ท่านพระฉันนะเข้าไปหาท่านพระอานนท์อภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ท่านพระอานนท์ได้กล่าวกะท่านพระฉันนะผู้นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งว่า

"ท่านฉันนะ สงฆ์ลงพรหมทัณฑ์แก่ท่านแล้ว"

"ท่านพระอานนท์ ก็พรหมทัณฑ์เป็นอย่างไร"

"ท่านฉันนะ ท่านปรารถนาจะพูดคำใด พึงพูดคำนั้น
ภิกษุทั้งหลายไม่พึงว่ากล่าว ไม่พึงตักเตือน ไม่พึงพร่ำสอนท่าน"

"ท่านพระอานนท์ ด้วยเหตุเพียงที่ภิกษุทั้งหลายไม่ว่ากล่าว ไม่ตักเตือน
ไม่พร่ำสอนข้าพเจ้านี้ เป็นอันสงฆ์กำจัดข้าพเจ้าแล้วมิใช่หรือ"
แล้วสลบล้มลง ณ ที่นั้นเอง

ต่อมา ท่านพระฉันนะ อึดอัด ระอา รังเกียจอยู่ด้วยพรหมทัณฑ์
จึงหลีกออกอยู่แต่ผู้เดียว ไม่ประมาท มีเพียร มีตนส่งไปอยู่
ไม่นานเท่าไรนัก ได้ทำให้แจ้งซึ่งคุณพิเศษอันยอดเยี่ยม
เป็นที่สุดพรหมจรรย์ ที่กุลบุตรทั้งหลายออกจากเรือนบวชโดยชอบต้องประสงค์
ด้วยปัญญาอันยิ่ง ด้วยตนเองในปัจจุบันนี้แหละเข้าถึงอยู่แล้ว
ได้รู้ชัดแล้วว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ
ได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้ไม่มี

ก็แล ท่านพระฉันนะได้เป็นพระอรหันต์รูปหนึ่ง บรรดาพระอรหันต์ทั้งหลาย
ครั้นท่านพระฉันนะบรรลุพระอรหันต์แล้ว เข้าไปหาท่านพระอานนท์แล้วกล่าวว่า

"ท่านพระอานนท์ ขอท่านจงระงับพรหมทัณฑ์แก่ผมในบัดนี้เถิด"

ท่านพระอานนท์กล่าวว่า
"ท่านฉันนะ เมื่อใด ท่านทำให้แจ้งซึ่งพระอรหันต์แล้ว เมื่อนั้นพรหมทัณฑ์ของท่านก็ระงับแล้ว"

................
บางทีการปล่อยให้คนดื้อ คนว่ายาก อยู่กับตัวเองคนเดียวเสียบ้าง
อาจจะทำให้อะไรต่อมิอะไรขึ้นบ้างก็ได้นะครับ

Edited by ม่านน้ำ, 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 06:27.

Posted Image


#2 คนสับปรับ

คนสับปรับ

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,410 posts

ตอบ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 07:54

อืม........น่าเชือดลิงให้ไก่ดู....

#3 คนบูรพา

คนบูรพา

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,290 posts

ตอบ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 08:02

คำสอนแห่งองค์พระศาสดา..........นับว่าประเสริฐยิ่ง....ยากหาสิ่งใดเสมอเหมือน
ถ้าไม่คิดจะตอบแทนแผ่นดิน ก็จงอย่าทำลาย

#4 pinkpanda

pinkpanda

    คุ้กกี้เกลียดควายแดงค่ะ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,600 posts

ตอบ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 08:18

ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันค่ะ สาธุ

#5 ม่านน้ำ

ม่านน้ำ

    ผมเพิ่งมาครับ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,373 posts

ตอบ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 09:14

ผมกำลังกระทำอยู่ครับ

Posted Image


#6 ม่านน้ำ

ม่านน้ำ

    ผมเพิ่งมาครับ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,373 posts

ตอบ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 09:14

คำสอนแห่งองค์พระศาสดา..........นับว่าประเสริฐยิ่ง....ยากหาสิ่งใดเสมอเหมือน

ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันค่ะ สาธุ


อนุโมทนาครับ

Posted Image


#7 wat

wat

    เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,542 posts

ตอบ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 09:28

:mellow: กระพ๊มว่าพระสูตรมันแปร่งๆนะขอรับ ...

ก็แล ท่านพระฉันนะได้เป็นพระอรหันต์รูปหนึ่ง บรรดาพระอรหันต์ทั้งหลาย
ครั้นท่านพระฉันนะบรรลุพระอรหันต์แล้ว เข้าไปหาท่านพระอานนท์แล้วกล่าวว่า

"ท่านพระอานนท์ ขอท่านจงระงับพรหมทัณฑ์แก่ผมในบัดนี้เถิด"

ท่านพระอานนท์กล่าวว่า
"ท่านฉันนะ เมื่อใด ท่านทำให้แจ้งซึ่งพระอรหันต์แล้ว เมื่อนั้นพรหมทัณฑ์ของท่านก็ระงับแล้ว"


... พระตถาคตกล่าวไว้ว่ามีเพียงพระองค์ หรือผู้ที่เหมือนพระองค์เท่านั้นที่สามารถพยากรณ์ผู้อื่นๆได้ และการพยากรณ์ตนว่าตนเองบรรลุธรรมในขั้นใดก็เป็นปัจจัตตัง (รู้ได้เฉพาะตน) นั้น 1.

... ในตอนต้นพระสูตรกล่าวว่า พระอานนท์ได้ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า ... "เมื่อพระองค์ปรินิพพานแล้ว..." แล้วถึงบทที่ว่าพระอานนท์พบกับพระฉันนะแจ้งสงฆ์ทำพรหมทัณฑ์ จนถึงบทที่อ้างถึง หมายถึงพระอานนท์เป็นผู้อนุญาตการระงับพรหมทัณฑ์งั้นหรือ ไม่ใช่พระพุทธองค์หรือ? หรือพระสูตรนี้เกิดขึ้นหลังพระพุทธองค์ปรินิพพาน? 2.

^_^ สอบถามในพระสูตรนะขอรับ โดยรายละเอียดก็เห็นด้วยกับอุปมานำมาใช้กับ "ผู้ว่ายาก" ที่ว่านี้ขอรับ...
:) Sometime...Sun shine through the rain...

#8 ม่านน้ำ

ม่านน้ำ

    ผมเพิ่งมาครับ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,373 posts

ตอบ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 10:46

ขออนุญาตยกความจากพระวินัยปิฎกมาเพื่อพิจารณาเพิ่มเติมครับ


พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [๑๑. ปัญจสติก ขันธกะ] ๓. พรหมทัณฑกถา

เข้าไปหาภิกษุผู้เถระทั้งหลาย ณ พระเวฬุวัน สถานที่ให้เหยื่อกระแต เขตกรุงราชคฤห์
ครั้นแล้วได้นั่งสนทนาอย่างบันเทิงใจกับภิกษุผู้เถระอยู่ ณ ที่สมควร
ภิกษุผู้เถระทั้งหลายได้กล่าวกับท่านพระปุราณะดังนี้ว่า

“ท่านปุราณะ ภิกษุผู้เถระทั้งหลายได้สังคายนาพระธรรมและวินัยแล้ว ท่านจงรับทราบเรื่องที่สังคายนานั้น”

ท่านพระปุราณะกล่าวว่า
“ท่านทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระทั้งหลายสังคายนาพระธรรมและวินัยดีแล้ว
แต่ผมจะทรงจำไว้ตามที่ได้ยินเฉพาะพระพักตร์ ตามที่ได้รับมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาค”

๓. พรหมทัณฑกถา
ว่าด้วยการลงพรหมทัณฑ์
[๔๔๕] ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์ได้กล่าวกับภิกษุผู้เถระทั้งหลายดังนี้ว่า

“ท่านผู้เจริญ ในเวลาจะเสด็จปรินิพพาน พระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้ว่า"

'ภิกษุทั้งหลายเมื่อเราล่วงไป สงฆ์จงลงพรหมทัณฑ์แก่ภิกษุฉันนะ'

ภิกษุผู้เถระทั้งหลายถามว่า
“ท่านอานนท์ ท่านทูลถามพระผู้มีพระภาคหรือว่า พระพุทธเจ้าข้า พรหมทัณฑ์เป็นอย่างไร”

ท่านพระอานนท์ตอบว่า
“ท่านผู้เจริญ กระผมทูลถามพระผู้มีพระภาคแล้วว่า"

‘พระพุทธเจ้าข้า พรหมทัณฑ์เป็นอย่างไร’

พระองค์รับสั่งว่า

‘อานนท์ ภิกษุฉันนะพึงพูดได้ตามที่ปรารถนา ภิกษุทั้งหลายไม่พึงว่ากล่าว ไม่พึงตักเตือน ไม่พึงพร่ำสอนภิกษุฉันนะ'

ภิกษุผู้เถระทั้งหลายกล่าวว่า

“ท่านอานนท์ ถ้าอย่างนั้น ท่านนั่นแลจงลงพรหมทัณฑ์แก่ภิกษุฉันนะ”

เชิงอรรถ :
๑ ที.ม. ๑๐/๒๑๖/๑๓๕

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๗ หน้า :๓๘๖ }

พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [๑๑. ปัญจสติก ขันธกะ]

๓. พรหมทัณฑกถา

ท่านพระอานนท์ถามว่า
“ท่านผู้เจริญ กระผมจะลงพรหมทัณฑ์แก่พระฉันนะได้อย่างไรกัน เพราะเธอเป็นคนดุร้าย เป็นคนหยาบคาย”

ภิกษุผู้เถระทั้งหลายตอบว่า “ท่านอานนท์ ถ้าเช่นนั้น ท่านจงไปพร้อมกับภิกษุทั้งหลายจำนวนมาก”

ท่านพระอานนท์รับบัญชาภิกษุผู้เถระทั้งหลายแล้ว โดยสารเรือไปพร้อมกับภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ประมาณ ๕๐๐ รูป
ถึงกรุงโกสัมพี ขึ้นจากเรือแล้วนั่งที่โคนไม้แห่งหนึ่งใกล้ราชอุทยานของพระเจ้าอุเทน...

(……….ตรงนี้ผมข้ามไปเพราะไม่เกี่ยวกับพรหมฑัณฑ์ครับ........)

เรื่องท่านพระอานนท์แจ้งพรหมทัณฑ์แก่พระฉันนะ

ต่อมา ท่านพระอานนท์เข้าไปที่โฆสิตาราม ครั้นแล้วนั่งบนอาสนะที่ปูไว้ ลำดับนั้น
ท่านพระฉันนะได้เข้าไปหาท่านพระอานนท์ถึงที่พัก ครั้นแล้วอภิวาท นั่ง ณ ที่สมควร
ท่านพระอานนท์ได้กล่าวกับท่านพระฉันนะดังนี้ว่า
“ท่านฉันนะ สงฆ์ได้ลงพรหมทัณฑ์แก่ท่านแล้ว”

ท่านพระฉันนะถามว่า
“ท่านอานนท์ พรหมทัณฑ์ที่สงฆ์ลงแล้วเป็นอย่างไร ขอรับ”

ท่านพระอานนท์ตอบว่า
“ท่านฉันนะ ท่านพึงพูดได้ตามที่ปรารถนา ภิกษุทั้งหลายจะไม่ว่ากล่าว ไม่ตักเตือน ไม่พร่ำสอนท่าน”

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๗ หน้า :๓๘๙ }

พระวินัยปืฎก จูฬวรรค [๑๑. ปัญจสติก ขันธกะ] รวมเรื่องที่มีในปัญจสติกขันธกะ

ท่านพระฉันนะถามว่า
“ท่านอานนท์ เพราะเหตุที่ภิกษุทั้งหลายไม่ว่ากล่าว ไม่ตักเตือน ไม่พร่ำสอนผม เพียงแค่นี้ผมชื่อว่าถูกกำจัดแล้ว”
แล้วสลบล้มลงที่นั้นเอง

พระฉันนะบรรลุอรหัตตผล

ต่อมา ท่านพระฉันนะอึดอัด เบื่อระอา รังเกียจด้วยพรหมทัณฑ์ จึงหลีกเร้นอยู่ผู้เดียว
ไม่ประมาท มีความเพียร อุทิศกายใจ ไม่นานนัก ก็ทำให้แจ้งซึ่งประโยชน์ยอดเยี่ยมอันเป็นที่สุดแห่งพรหมจรรย์
ที่เหล่ากุลบุตรผู้ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตโดยชอบต้องการ
ด้วยปัญญายิ่งเองเข้าถึงอยู่ในปัจจุบันแน่แท้ รู้ชัดว่า
“ชาติสิ้นแล้ว อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ไม่มีกิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้อีกต่อไป”

จึงเป็นอันว่าท่านพระฉันนะได้เป็นพระอรหันต์รูปหนึ่งในจำนวนพระอรหันต์ทั้งหลาย

ครั้งนั้น ท่านฉันนะได้บรรลุอรหัตตผลแล้วจึงเข้าไปหาท่านพระอานนท์ถึงที่พัก ครั้นแล้วได้กล่าวกับท่านพระอานนท์ดังนี้ว่า

“ท่านอานนท์ เวลานี้ ท่านโปรดระงับพรหมทัณฑ์แก่ผมเถิด”

ท่านพระอานนท์กล่าวว่า
“ท่านฉันนะ เมื่อท่านบรรลุอรหัตตผลแล้ว พรหมทัณฑ์ของท่านก็เป็นอันระงับไป”

ก็ในการสังคายนาพระ(ธรรม)วินัยครั้งนี้ มีภิกษุ ๕๐๐ รูป ไม่หย่อนไม่ยิ่ง
ดังนั้น การสังคายนาพระ(ธรรม)วินัยครั้งนี้ จึงเรียกว่า “ปัญจสติกา”
ปัญจสติกขันธกะที่ ๑๑ จบ
ในขันธกะนี้มี ๒๓ เรื่อง
  • wat likes this

Posted Image


#9 phoosana

phoosana

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,687 posts

ตอบ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 11:27

การสังคายนาครั้งแรกทำหลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพนานแล้ว
การลงพรหมฑัณท์แก่พระฉันนะ เป็นการสั่งเสียของพระพุทธองค์ก่อนปรินิพพาน
พระอานนท์สำเร็จพระอรหันต์ก่อนสังคายนาครั้งแรกไม่เกิน 1 วันและเป็นพระอรหันต์
องค์สุดท้ายที่เข้าร่วมสังคายนาในหมู่พระอรหันต์ทั้ง 500 รูป
พระฉันนะถูกสงฆ์ลงพรหมฑันท์ หลังการสังคายนาพระธรรมวินัย

คิดว่านะ

Edited by phoosana, 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 11:29.

We love fender.

#10 Kaizer

Kaizer

    Warlord

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,317 posts

ตอบ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 11:28

อันนี้ว่าตามตรง เมื่อบรรลุอรหัตผล ก็ย่อมไม่มีสิ่งใดที่ต้องว่ากล่าว ตักเตือน พร่ำสอน เพราะได้กระทำถึงที่สุดแห่งพรหมจรรย์แล้ว ดังนั้น พรหมทัณฑ์ก็ย่อมหลุดไปโดยปริยาย เพราะไม่จำเป็นที่สงฆ์อื่นจะได้กว่ากล่าว ตักเตือน พร่ำสอน แก่พระอรหันต์

อันนี้ตามที่ผมตีความนะ

สละชีพเพื่อหลักธรรมคือคำขวัญ

 

ฆ่าคนเพื่อชิงอำนาจคือวิธีการ

 

ส่วนลิ่วล้อที่ส่งไปตายก็คือตัวหมากแห่งคุณธรรม


#11 wat

wat

    เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,542 posts

ตอบ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 18:05

การสังคายนาครั้งแรกทำหลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพนานแล้ว
การลงพรหมฑัณท์แก่พระฉันนะ เป็นการสั่งเสียของพระพุทธองค์ก่อนปรินิพพาน
พระอานนท์สำเร็จพระอรหันต์ก่อนสังคายนาครั้งแรกไม่เกิน 1 วันและเป็นพระอรหันต์
องค์สุดท้ายที่เข้าร่วมสังคายนาในหมู่พระอรหันต์ทั้ง 500 รูป
พระฉันนะถูกสงฆ์ลงพรหมฑันท์ หลังการสังคายนาพระธรรมวินัย

คิดว่านะ

อันนี้ว่าตามตรง เมื่อบรรลุอรหัตผล ก็ย่อมไม่มีสิ่งใดที่ต้องว่ากล่าว ตักเตือน พร่ำสอน เพราะได้กระทำถึงที่สุดแห่งพรหมจรรย์แล้ว ดังนั้น พรหมทัณฑ์ก็ย่อมหลุดไปโดยปริยาย เพราะไม่จำเป็นที่สงฆ์อื่นจะได้กว่ากล่าว ตักเตือน พร่ำสอน แก่พระอรหันต์

อันนี้ตามที่ผมตีความนะ


^_^ กระพ๊มสงสัยตรงที่ว่านี้แหละขอรับ ว่าตรงตามพุทธวจนะหรือเปล่า ก็ตีความว่าน่าจะเป็นพระสูตรหลังพระพุทธองค์ปรินิพพานแล้วนั่นเอง...
:) Sometime...Sun shine through the rain...

#12 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 18:17

ผมนึกถึงเรื่อง "โห่นายก" นะครับ

พรรคพวกของนายกมักบิดเบือนว่า "นี่หรือคนดี โห่ไล่นายก"
แต่พอผมอ่านพระสูตรนี้แล้ว ผมก็นึกอีกด้านว่า...
หากพระฉันนะไม่ถูกลงโทษเสียบ้าง ก็จะไม่มีทางสำเร็จอรหันต์ได้

คือ..การที่เราห่วงว่า "จะเป็นคนไม่ดี" จนเกินไป
ทำให้เราละเลยที่จะ "สั่งสอน" ให้คนผิดได้รู้ว่าตนทำผิด
คนผิดจึงทำผิดต่อไป และทำมากยิ่งขึ้น
การปลบ่อยปละละเลยแบบนั้นเรียกว่า "คนดี" จริงหรือ
  • wat likes this
gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#13 mongdoodee

mongdoodee

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 667 posts

ตอบ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 18:20

ผมกำลังกระทำอยู่ครับ


ผมอีกคนที่จะกระทำด้วยครับ
  • wat likes this




ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน