ข้าว อินทรีย์ไทย กำลังจะตาย.....เพราะนโยบาย จำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์
#1
ตอบ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 12:06
POPULAR
จริงๆแล้วมันสะท้อนให้ผมเห็นถึงอันตรายที่สำคัญที่สุดของจำนำข้าว จะว่าไปผมเคยคุยไปแล้วว่ามันจะทำลายการปูกอินทรีย์ไปสู่การปลุกแบบเน้นปริมาณให้เยอะที่สุด มุ่งสู่การใช่เคมี
ซึ่งต้องบอกเกิดขึ้นแล้วที่กลุ่ม นาเกษตรอินทรีย์ สุรินทร์ ที่ชาวนาเริ่มตั้งคำถามถึงราคาข้าวที่มันไปไกลเกินกว่าที่พวกเขาทำนาเกษตรอินทรีย์ ทำให้หลายคนมีแนวคิดที่จะหวนกลับไปปลูก นาเคมีอีกครั้ง
หลายท่านคงไม่ทราบว่า นาเกษตรอินทรีย์ นั้นปลูกปีแรกจะขายไม่ได้เพราะลูกค้าจะเชื่อว่ายังคงมีเคมีค้างอยู่ในดิน ข้าวในนาเกษตรอินทรีย์ นั้นจะขายได้ในปีที่ 2 เป็นต้นไป
ดังนั้นหากออกจากการปลูกนาเกษตรอินทรีย์ การกลับมาใหม่ต้องใช่เวลาไม่ต่ำกว่า 2-3 ปี
ปัจจุบันกลุ่ม นาเกษตรอินทรีย์ สุรินทร์ได้ใช่วิธีขึ้นราคา และขอเงินมัดจำจากผู้ซื้อก่อนถึง 80 % เพื่อต่อสู้กับโครงการนี้ แน่ละผู้ซื้อยอมจ่าย เพราะตัวสินค้าและอื่น แต่เมื่อพิจารณาตามความจริงแล้ว ราคาที่สูงโดดนั้นทำให้เจ้าอื่นๆกำลังแย่งลูกค้าจากพวกเขา
"นาเกษตรอินทรีย์ กำลังจะตาย....."
นี้คือความจริงที่กำลังเกิดึ้นกับนาอินทรีย์ ข้าวคุณภาพสูงของประเทศ
- MIRO , แมวกระป๋อง , sudsud and 7 others like this
#2
ตอบ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 12:25
ผมว่า 300 บาท นี่ก็กระทบ คุณภาพแรงงานเหมือนกันนะครับ
ลองดูตัวอย่าง ชาย 2 คน คนแรก อุดม เรียนหนังสือมาน้อย เลยมาทำงานใช้แรงงานที่กรุงเทพ แรก ๆ ได้ค่าแรงยกของ วันละ 150 ต่อมา ก็ได้มากขึ้นตามอายุงาน เป็น 170 จนสุดที่ 200 ทำงานมาได้ หลายปีแล้ว อยากได้รายได้เพิ่ม เลยไปเรียน โรงเรียนสอนอาชีพ เรียนเป็นช่างตัดผม พอจบออกมา เลยได้ค่าแรงจากการเป็นช่างตัดผมเพิ่มเป็น 280 บาท จนมาเป็น 320 ในปัจจุบัน
กับชาย คนที่สอง เฉื่อย เรียนหนังสือมาน้อย เลยมาทำงานใช้แรงงานที่กรุงเทพ แรก ๆ ได้ค่าแรง 180 ต่อมา ได้เพิ่มเป็น 190 จนมาสุดที่ 200 เลยคิดอยู่ว่าจะเรียนฝึกอาชีพดีหรือไม่ แต่ด้วยนโยบายออกใหม่ เลยได้ 300 บาท ตอนแรก ที่ว่าจะไปฝึกอาชีพ เพิ่มความสามารถ เลยบอกตัวเองว่า ฝึกไปทำไม อยู่เฉย ๆ อย่างนี้ ก็ได้ตั้ง 300 บาทละ
ถ้าเด็ก ๆ ในหมู่บ้านที่นาย เฉื่อย หรือแม้แต่ หมู่บ้านนาย อุดม ก็ตามที รู้อยู่ว่า เรียนน้อย ไม่ขวนขวาย ฝึกอาชีพต่อ ก็ได้ วันละ 300 แล้วเขาเหล่านั้น จะพัฒนาตัวเองหรือเปล่า
Edited by ทรงธรรม, 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 12:26.
- แมวกระป๋อง , K&P , Gop and 2 others like this
ขอให้พวกเรา ชาวหลากสี และพันธมิตร จงมีชีวิตรอด จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ฝีมือปูนา ไปตลอดรอดฝั่งด้วยครับ
PEMDAS ย่อมาจาก ลำดับการคำนวณ Parentheses , Exponentials , Multiply , Divide , Add , Subtract
FWGHSO ย่อมาจาก ลำดับการประเมินผลของ query FROM, WHERE, GROUP BY, HAVING, SELECT, ORDER BY
#3
ตอบ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 12:29
วันก่อนดูรายการข่าวเกษตรช่อง 3 ของคำรณ หว่างหวังศรี พาไปทัวร์โรงสีเจียเม้ง และสัมภาษณ์เกษตรกรว่า ไม่มีปัญหา โรงสีกับชาวนาถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ได้ประโยชน์กันทั่วหน้า ชาวนาแฮปปี้
แล้วคำรณ สรุปว่า ไม่สำคัญว่า ประเทศไทยจะขายข้าวได้อันดับหนึ่งหรือไม่ แต่ชาวนากินดีอยู่ดีขึ้นก็เพียงพอแล้ว
ฟังแล้วจี๊ด จริง ๆ
Now! Restart Thailand
#4
ตอบ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 12:34
มีใครไปทำอะไรเขาได้ หวังพึ่ง--
หมอวรงค์ . ไม่รู้จะสู้ไหวรึเปล่า .??
#5
ตอบ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 14:38
น่าเป็นห่วงมาก ๆ ค่ะ ผลพวงเลวร้ายหลาย ๆ อย่างที่จะตามมาจากนโยบายจำนำข้าวด้วยราคาสูงเกินจริง ของรัฐบาลนี้ - ไทยสูญเสียตลาดข้าว ข้าวไทยคุณภาพตกต่ำ การปรับปรุงพันธ์ข้าวหยุดชะงัก และเรื่องข้าวเกษตรอินทรีย์นี่อีก - แต่ละเรื่อง สูญเสียไปแล้ว ใช่ว่าจะนำกลับคืนมาง่าย ๆ เป็นนโยบายที่ชั่วร้ายจริง ๆ
วันก่อนดูรายการข่าวเกษตรช่อง 3 ของคำรณ หว่างหวังศรี พาไปทัวร์โรงสีเจียเม้ง และสัมภาษณ์เกษตรกรว่า ไม่มีปัญหา โรงสีกับชาวนาถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ได้ประโยชน์กันทั่วหน้า ชาวนาแฮปปี้
แล้วคำรณ สรุปว่า ไม่สำคัญว่า ประเทศไทยจะขายข้าวได้อันดับหนึ่งหรือไม่ แต่ชาวนากินดีอยู่ดีขึ้นก็เพียงพอแล้ว
ฟังแล้วจี๊ด จริง ๆ
ใครได้ประโยชน์หล่ะครับ..............................ไม่ว่าจะ ขายพันธุ์ข้าว ขายปุ๋ย ขายยาฆ่าแมลง!!!
ถ้าไม่ใช่ ไอ้พ่อค้าหน้าเลือด ที่มาสนับสนุน นโยบาย 2 สูง(ที่มันก็ยังทำไม่ได้) นั่นไงหล่ะครับ!!!
- Maestro and Siren like this
ขอเทิดทูนศักดิ์ศรียิ่งสิ่งใด
...แม้แต่ลมหายใจก็ยอมพลี
โลกยังไม่สิ้นหวัง ถ้ายังมั่นในความดี
...ศรัทธาไม่เคยหน่ายหนี คนดีไม่มีวันตาย
#6
ตอบ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 16:14
นโยบายนี้มันเป็นหนึ่ง ที่ทำให้ SML ตาย
" ประกาศบอยคอต ช่อง 3 ไม่ว่าจะข่าว ละคร หรือการ์ตูนลูก กรูไม่ดู !!! "
#7
ตอบ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 16:45
เมื่อชาวนามีรายได้ที่ไม่ได้อิงกับปริมาณข้าว ทำใหชาวนาไม่ต้องพะวงเรื่องปริมาณแล้วหันมาพัฒนาด้านคุณภาพข้าวเพื่อเพิ่มรายได้
ข้าวที่ได้้อยลงแต่รายได้ไม่ลดทำให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ผู้ผลิตข้าวอินทรีย์รายใหญ่ของโลกได้ และบอกตรงๆเริ่มเห็นแวว
แต่...........
มันจบลงแล้ว จบแล้วจริงๆ ต่อไปเรากำลังกลับสู่การผลิตเชิงอุตสาหกรรมเกษตรที่ใช่เคมีอย่างหนักอีกครั้ง
- DarkSwan likes this
#8
ตอบ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 16:49
#9
ตอบ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 16:58
#10
ตอบ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 17:42
กลไกตลาดพังกันเป็นแถบ
ข้าวเคมีราคาเท่าข้าวอินทรีย์????
แล้วจะปลูกข้าวดีๆไปหาง้าวอะไรกัน!
#11
ตอบ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 19:33
ขอพูดถึงนโยบายประกันรายได้นิด
เมื่อชาวนามีรายได้ที่ไม่ได้อิงกับปริมาณข้าว ทำใหชาวนาไม่ต้องพะวงเรื่องปริมาณแล้วหันมาพัฒนาด้านคุณภาพข้าวเพื่อเพิ่มรายได้
ข้าวที่ได้้อยลงแต่รายได้ไม่ลดทำให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ผู้ผลิตข้าวอินทรีย์รายใหญ่ของโลกได้ และบอกตรงๆเริ่มเห็นแวว
แต่...........
มันจบลงแล้ว จบแล้วจริงๆ ต่อไปเรากำลังกลับสู่การผลิตเชิงอุตสาหกรรมเกษตรที่ใช่เคมีอย่างหนักอีกครั้ง
ผมว่ายังไม่จบหรอกครับ จากที่ได้ฟังป้าชาวนาพูด ผมว่าเค้าคงทำนาโดยอัดปุ๋ยเคมีไปเฉพาะช่วงที่ยังสามารถนำข้าวไปจำนำในราคา 20000 บาท เท่านั้นครับ หากนโยบาลนี้ทำต่อไม่ได้(ผมคิดว่าคงได้อีกไม่นาน) ป้าชาวนาคงกลับมาทำนาอินทรีย์เหมือนเดิม
#12
ตอบ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 19:41
แปลความหมายอีกทีคือ ขายแต่ข้าวใหม่ ส่วนข้าวเก่าในโกดัง ก็....
#13
ตอบ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 19:42
ประเด็นคือ หากทำไปแล้วการกลับมาใหม่ต้องใช่เวลาถึง 2 ปีเพื่อให้ดินสะอาดครับ
ขอพูดถึงนโยบายประกันรายได้นิด
เมื่อชาวนามีรายได้ที่ไม่ได้อิงกับปริมาณข้าว ทำใหชาวนาไม่ต้องพะวงเรื่องปริมาณแล้วหันมาพัฒนาด้านคุณภาพข้าวเพื่อเพิ่มรายได้
ข้าวที่ได้้อยลงแต่รายได้ไม่ลดทำให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ผู้ผลิตข้าวอินทรีย์รายใหญ่ของโลกได้ และบอกตรงๆเริ่มเห็นแวว
แต่...........
มันจบลงแล้ว จบแล้วจริงๆ ต่อไปเรากำลังกลับสู่การผลิตเชิงอุตสาหกรรมเกษตรที่ใช่เคมีอย่างหนักอีกครั้ง
ผมว่ายังไม่จบหรอกครับ จากที่ได้ฟังป้าชาวนาพูด ผมว่าเค้าคงทำนาโดยอัดปุ๋ยเคมีไปเฉพาะช่วงที่ยังสามารถนำข้าวไปจำนำในราคา 20000 บาท เท่านั้นครับ หากนโยบาลนี้ทำต่อไม่ได้(ผมคิดว่าคงได้อีกไม่นาน) ป้าชาวนาคงกลับมาทำนาอินทรีย์เหมือนเดิม
#14
ตอบ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 20:09
ประเด็นคือ หากทำไปแล้วการกลับมาใหม่ต้องใช่เวลาถึง 2 ปีเพื่อให้ดินสะอาดครับ
ขอพูดถึงนโยบายประกันรายได้นิด
เมื่อชาวนามีรายได้ที่ไม่ได้อิงกับปริมาณข้าว ทำใหชาวนาไม่ต้องพะวงเรื่องปริมาณแล้วหันมาพัฒนาด้านคุณภาพข้าวเพื่อเพิ่มรายได้
ข้าวที่ได้้อยลงแต่รายได้ไม่ลดทำให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ผู้ผลิตข้าวอินทรีย์รายใหญ่ของโลกได้ และบอกตรงๆเริ่มเห็นแวว
แต่...........
มันจบลงแล้ว จบแล้วจริงๆ ต่อไปเรากำลังกลับสู่การผลิตเชิงอุตสาหกรรมเกษตรที่ใช่เคมีอย่างหนักอีกครั้ง
ผมว่ายังไม่จบหรอกครับ จากที่ได้ฟังป้าชาวนาพูด ผมว่าเค้าคงทำนาโดยอัดปุ๋ยเคมีไปเฉพาะช่วงที่ยังสามารถนำข้าวไปจำนำในราคา 20000 บาท เท่านั้นครับ หากนโยบาลนี้ทำต่อไม่ได้(ผมคิดว่าคงได้อีกไม่นาน) ป้าชาวนาคงกลับมาทำนาอินทรีย์เหมือนเดิม
อ๋อ ครับ
#15
ตอบ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 10:03
#16
ตอบ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 10:31
นโยบายรับจำนำข้าว ตันละ 15,000-20,000 บาท ของรัฐบาล นอกจากไม่ช่วย ชาวนายากจน มีที่ดินน้อย ผลผลิตน้อย ได้ประโยชน์จากโครงการแล้ว นโยบายนี้ยังทำลายกลุ่มชาวนาที่ผลิตข้าวอินทรีย์อีกด้วย
กลุ่มผู้เกษตรกรผู้ผลิตข้าวอินทรีย์ รวมกลุ่มผลิต และส่งออกให้ลูกค้าต่างประเทศโดยตรง เดิมทีตั้งราคารับซื้อสูงกว่าราคาตลาด โดยรับซื้อจากสมาชิกกิโลกรัมละ 17 บาท หรือตันละ 17,000 บาท แต่เมื่อมีนโยบายรับจำนำข้าว โดยให้ราคาข้าวหอมมะลิ ตันละ 20,000 บาท ข้าวหอมมะลิอินทรีย์จึงเกิดอาการหายใจไม่ออก
หนึ่ง สมาชิกกลุ่มข้าวอินทรีย์ย่อมไขว้เขว เพราะผลิตข้าวอินทรีย์กลับได้ราคาต่ำกว่าราคารับจำนำไปเสียแล้ว บางรายทนไม่ไหวหันไปใช้เคมีแทน เท่ากับทิ้งกลุ่มออกไปพึ่งใบบุญโครงการรับจำนำที่ให้ราคาสูงกว่า
สอง แม้กลุ่มผู้ผลิตข้าวหอมมะลิอินทรีย์จะปรับราคารับซื้อจากสมาชิกเป็นกก.ละ 20.10 บาท แต่มันก็ไม่เร้าใจให้สมาชิกผลิตข้าวอินทรีย์อีกต่อไป เพราะแทบไม่มีความแตกต่างกับข้าวหอมมะลิธรรมดา ดังนั้น การหวนกลับมาใช้เคมีจึงเป็นคำตอบว่า นอกจากต้องการราคาประกันซึ่งสูงกว่าอยู่แล้ว ยังต้องการเพิ่มปริมาณผลผลิตอีกด้วย
สาม แม้ลูกค้าต่างประเทศจะยินยอมให้ความช่วยเหลือกลุ่มข้าวอินทรีย์ด้วยการจ่ายเงินล่วงหน้าค่อนข้างมากให้กลุ่ม แต่จะยินดีจ่ายเพิ่มได้อีกกี่น้ำ เพราะข้าวอินทรีย์นั้นมีผู้ผลิตแข่งจำนวนไม่น้อย ทั้งจีน อินเดีย และเวียดนาม ซึ่งขายในราคาที่ถูกกว่าข้าวไทยเช่นกัน
น่าเสียดายที่นอกจากรัฐบาลไม่ได้ช่วยเหลืออะไรแล้ว ยังทำลายความเข้มแข็งของเกษตรกรผู้ผลิตข้าวอินทรีย์อีกด้วย เหมือนกับในอดีตที่ไม่เคยช่วยเหลือให้ชาวนาที่ผลิตข้าวอินทรีย์ตั้งไข่ได้ เพราะราคารับจำนำให้เสมอกัน ไม่ว่าข้าวธรรมดาหรือข้าวอินทรีย์ จนชาวนาข้าวอินทรีย์ต้องหาทางออก โดยรวมตัวกันเป็นกลุ่มและแสวงหาตลาดส่งออกเอง พอทำท่าจะตั้งตัวได้ ณ บัดนี้ รัฐบาลกลับเข่นฆ่าข้าวอินทรีย์เสียเอง
ข้าวอินทรีย์ นั้น ถือเป็นทางเลือกหนึ่งของสังคมไทย เป็นหน้าที่ของรัฐบาลด้วยซ้ำที่จะช่วยประคับประคองให้เกษตรกรกลุ่มนี้เดินได้อย่างมั่นคง แทนการใช้นโยบายราคาเสมอหน้ากัน
จริงอยู่ที่ข้าวอินทรีย์ มีต้นทุนบางส่วนต่ำจากการไม่ใช้ปุ๋ยเคมี และสารเคมีกำจัดศัตรูพืช แต่ต้นทุนโดยรวมก็สูง เพราะผลผลิตเฉลี่ยที่ได้รับค่อนข้างต่ำ ราคาขายจึงมีความจำเป็นที่ต้องสูงกว่าราคารับจำนำ แต่การที่ราคารับจำนำตั้งไว้สูงลิ่ว จึงกระทบข้าวอินทรีย์อย่างรุนแรง
เช่นเดียวกับ ราคารับจำนำข้าวสูงตันละ 15,000-20,000 บาท ก็ไม่ได้ช่วยให้ชาวนาทั่วไปดีขึ้นสักเท่าไหร่จากต้นทุนสูง อันเนื่องจากการปล่อยปละละเลยให้ใช้ปุ๋ยเคมี และสารเคมีกำจัดอย่างไม่บันยะบันยังเกินความจำเป็น แถมละเลยให้ชาวนาใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวมากเกินความจำเป็นในนาหว่าน และ ฯลฯ ซึ่งก็คือต้นทุนที่สูงขึ้นนั่นเอง
นโยบายรับจำนำข้าวราคาสูงทุกเมล็ด มองเผินๆ เป็นเรื่องดี หากพินิจพิเคราะห์ให้ดีกลับไม่ได้ช่วยชาวนามากเท่ากับเม็ดเงินที่รัฐบาลโถมลงทุนมากมาย แถมยังจะขาดทุนอีกไม่รู้เท่าไหร่กับการปล่อยให้พ่อค้าข้าวเล่นกลซื้อข้าวจี ทู จี แม้ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่รัฐบาลกลับไม่นำพา
นำพาเฉพาะแก้รัฐธรรมนูญ กับเปิดโอกาสให้ทักษิณใช้ทีวีรัฐเป็นเครื่องมือหาเสียงแก้ต่าง มันช่างตลกแสนทุเรศเสียจริง
พอใจ สะพรั่งเนตร
http://www.naewna.com/local/33736
ข่าวข้างล่างจะเห็นว่าเริ่มเกิดผลลบอะไรขึ้นกับข้าวไทย
คู่ค้าบ่น ข้าวไทยคุณภาพต่ำ หลังเร่งปลูกเข้าโครงการจำนำ
นายชูเกียรติ กล่าวด้วยว่า ในฐานะผู้ส่งออกข้าวได้รับเสียงสะท้อนจากประเทศคู่ค้าในต่างประเทศว่า ขณะนี้คุณภาพข้าวหอมมะลิไทยเมื่อเปรียบเทียบกับข้าวหอมมะลิกัมพูชา หรือเวียดนาม ความหอมและอร่อยของข้าวไทยเริ่มลดลง เนื่องจากการกำหนดคุณภาพข้าวในการผลิตจะต้องไม่ต่ำกว่า 120 วัน แต่ขณะนี้มีการเร่งปลูกและร่นระยะเวลาการผลิตเพียง 80-90 วัน ซึ่งเกษตรกรคาดหวังว่าจะนำข้าวเปลือกหอมมะลิมาจำนำกับรัฐบาลราคาสูง จึงทำให้รสชาติข้าวหอมมะลิไทยผิดเพี้ยนไปจากอดีต หากเป็นเช่นนี้จะทำให้ข้าวไทยในตลาดโลกมีโอกาสลดลง เพราะไร้คุณภาพและรสชาติ
http://www.thairath....tent/eco/309290
Edited by MIRO, 13 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 10:43.
- sigree likes this
The most valuable things in life are not measured in monetary terms.
The really important things are not houses and lands, stocks and bonds, automobiles and real estate,
but friendships, trust, confidence, empathy, mercy, love and faith.
ผู้ใช้ 0 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 0 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน