ธาริต เพ็งดิษฐ์จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไปที่:
ป้ายบอกทาง,
ค้นหาธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี
กรมสอบสวนคดีพิเศษ อดีต
เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ อดีต
อัยการจังหวัดประจำกรม สำนักงานคณะกรรมการอัยการ
[แก้] ประวัติธาริต เดิมชื่อ
เบญจ ตามคำแนะนำของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานีร
[1] เป็นหลานปู่ของ ร.อ.เจี๊ยบ เพ็งดิษฐ์ นายทหารคนใกล้ชิด
จอมพลป. พิบูลสงคราม ซึ่งลาราชการและย้ายครอบครัวจากพระนครไปอยู่ที่
ชัยนาท หลังจอมพลป.ถูกรัฐประหาร
[2]สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เอ็นทรานซ์ติดคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รุ่น KU 20 แต่ด้วยความไม่ชอบและปรับตัวไม่ได้ กับระบบ "โซตัส" จึงลาออกไปสมัครเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ในปี 2521 จนสำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง) และเนติบัณฑิตไทย รวมถึงนิติศาสตรมหาบัณฑิต สาขากฎหมายอาญาและกระบวนการยุติธรรมทางอาญา จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
[3][4]- ปี 2519 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
- ปี 2524 ปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยม) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
- ปี 2526 เนติบัณฑิตไทย
- ปี 2532 ปริญญาโท นิติศาสตรมหาบัณฑิต สาขากฎหมายอาญาและกระบวนการยุติธรรมทางอาญา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[5]
[แก้] การทำงานก่อนรับราชการอัยการ ธาริตเป็นผู้ช่วยอาจารย์สอนกฏหมาย จนกระทั่งได้พบกกับ
คณิต ณ นครในฐานะอาจารย์พิเศษจึงแนะนำให้ธาริตไปสอบอัยการหลังจากเรียนจบนิติศาสตร์มหาบัณฑิต และธาริตก็สอบได้เป็นอัยการ
[6] จนกระทั่ง
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรได้ก่อตั้ง
พรรคไทยรักไทย ได้ระดมนักกฎหมายหลายคน เช่น
คณิต ณ นคร เรวัติ ฉ่ำเฉลิม ร่วมก่อตั้งพรรค ซึ่งในจำนวนนั้นมีธาริตอยู่ด้วย ทำให้หลังจากที่พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้ง ธาริตจึงได้รับแต่งตั้งให้ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยทำงานกับ
นพ. พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รองนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกันธาริตยังเป็นเป็นคณะที่ปรึกษาของ
พันศักดิ์ วิญญรัตน์อีกด้วย
เมื่อมีการจัดตั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI)ในรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ธาริตได้โอนมาดำรงตำแหน่งรองอธิบดี และต่อมาก็ได้รับแต่งตั้งเป็นเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ จนกระทั่งได้รับแต่งตั้งเป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษแทน
พ.ต.อ.ทวี สอดส่องในรัฐบาล
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะธาริต เป็นหนึ่งในคณะกรรมการ
ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)เมื่อครั้งมีการชุมนุมของ
แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ แดงทั้งแผ่นดิน(นปช.) เพื่อขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในปีพ.ศ.2553 แต่ไม่ได้เป็นคณะกรรมการด้านยุทธการ
[7] นอกจากนี้ธาริตยังมีส่วนสำคัญในการดำเนินคดีทางการเมืองหลายคดี
ธาริตเป็นตัวอย่างหนึ่งที่มาฝังตัวในรัฐบาลประชาธิปปัตย์ ปชป.ลองกลับไปทบทวนดูบทบาทของเขาในศอฉ.แล้วสรุปบทเรียนว่าในอนาคตต้องมีการกลั่นกรองคนให้ดีกว่านี้ ไปกล่าวหาว่าเขาเปลี่ยนสี เขาเป็นอย่างนี้มานานนแล้ว ไปให้โอกาสคนผิดเท่านั้นเอง