สำนึกข้าราชการ คำถามถึง “ธาริต เพ็งดิษฐ์”นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นบุคคลที่อยู่ในตำแหน่งสำคัญอย่างยิ่ง ทำคดีที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองและแกนนำผู้ชุมนุม คดีก่อการร้าย เผาบ้านเผาเมือง คดีล้มเจ้า ฯลฯ
เมื่อครั้งยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ นายธาริตเคยให้สัมภาษณ์ชัดถ้อยชัดคำ เกี่ยวกับคดีล้มเจ้า ขบวนการก่อการร้าย คดีเผาบ้านเผาเมือง ฆ่าทหาร ฆ่าประชาชน ฯลฯ
เมื่อลมการเมืองเปลี่ยนทิศ แล้วธาริตเป็นอย่างไร...คดีล้มเจ้า สั่งไม่ฟ้องไปแล้วหลายคน รวมทั้งกรณีของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ปราศรัยจาบจ้วงล้วงละเมิดถึงที่มาของกระสุนที่ฆ่าประชาชน
คดีเผาบ้านเผาเมือง อ้างว่าไม่มีชายชุดดำ
คดีฆ่าทหาร เช่น พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ถูกฆ่าตายอย่างโหดร้าย จากที่เคยยืนยันถึงตัวผู้กระทำผิด ก็กลับกลายเป็นคดียังไม่ชัดเจน
ยิ่งกว่านั้น ภาพรวมของคดีก่อการร้ายทั้งหลาย ก็ดูเหมือนกำลังพลิกผัน จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏว่า มีกองกำลังติดอาวุธ ชายชุดดำฆ่าทหาร ฆ่าประชาชน โดยมีนายใหญ่บงการจากต่างประเทศ ฯลฯ ก็กำลังจะหักมุมกลับกลายไปเป็นนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามของรัฐบาลปัจจุบันบงการให้ทหารฆ่าประชาชน ใช่หรือไม่
1) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ถึงขนาดให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน แสดงความเห็นเกี่ยวกับบทบาทการทำหน้าที่ของข้าราชการอย่างเขา ว่าจำเป็นต้องมีความเป็นกลางหรือไม่ เพียงใด
หรือจะต้องรับใช้ฝ่ายการเมืองหรือไม่ อย่างไร
บอกว่า “...การทำงานของผมต้องยึดตามพระราชบัญญัติข้าราชการพลเรือน ซึ่งกำหนดไว้แล้วว่าให้ข้าราชการพลเรือนมีหน้าที่ปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล หากไม่ปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลจะมีความผิดทางวินัย นี่เป็นกฎหมายของประเทศที่ผมต้องเคารพและปฏิบัติตาม... ประเทศนี้วางกติกาว่าฝ่ายการ เมืองเป็นฝ่ายบริหาร ฝ่ายข้าราชการประจำเป็นฝ่ายปฏิบัติ ข้าราชการประจำคือเครื่องมือของฝ่ายการเมือง... ถ้าผมหรือข้าราชการดีเอสไอปฏิบัติหน้าที่ไปตามนโยบายรัฐบาล เมื่อรัฐบาลเปลี่ยน นโยบายเปลี่ยน ถือว่าเปลี่ยนสีไหม ถ้าบอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ แต่ถ้าบอกว่ารัฐบาลเปลี่ยน นโยบายเปลี่ยน ดีเอสไอเปลี่ยน ต้องเปลี่ยนตาม อย่างนี้คือเปลี่ยนสี ผมก็ยอมรับว่าต้องเปลี่ยนสี” (มติชนรายวัน 28 พ.ค. 2555)
ล่าสุด นายธาริตยังกล่าวย้ำอีกคำรบหนึ่งด้วยว่า
“ไม่มีกฎหมายใดกำหนดว่าการปฏิบัติหน้าที่ของราชการประจำต้องเป็นกลาง แต่ต้องปฏิบัติตามนโยบายและคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนการวางตัวให้เป็นกลางนั้นมีกำหนดไว้แต่เฉพาะการวางตัวกรณีการเลือกตั้งหรือการแสดงความเห็นในทางการเมืองเท่านั้น"
2) ถ้าข้าราชการทั้งประเทศ กระทำตนเพื่อรักษาตำแหน่ง ลาภยศ เปลี่ยนสีไปตามอำนาจการเมือง โดยไม่ยึดถือหลักกฎหมาย คุณธรรมจริยธรรม ความถูกต้อง และข้อเท็จจริง... ประเทศชาติจะเป็นอย่างไร?
ถ้าโจรสามารถยึดครองอำนาจรัฐ ก็เท่ากับอยู่เหนือระบบกฎหมายทั้งปวงเลย อย่างนั้นหรือ?
นักการเมืองสามานย์ก็จะเป็น “อภิสิทธิ์ชนโจร” ที่อยู่เหนือกฎหมาย โดยมีข้าราชการเปลี่ยนสีที่คอยรับใช้ เสมือนหนึ่งเป็น “อำมาตย์กังฉิน” ใช่หรือไม่?
3) อยากให้นายธาริตลองสงบจิตใจ...
ถอยห่างจากกองกิเลสทั้งหลาย ไม่ว่าจะลาภ ยศ ตำแหน่ง
โปรดพิจารณาความเห็นข้าราชการคนหนึ่ง คือ คุณนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภรรยาของพลเอกร่มเกล้า ธุวธรรม เธอพูดไว้อย่างคนที่มีศักดิ์ศรี มีเกียรติ กล้าหาญ และน่ายกย่องนับถือในหัวจิตหัวใจ
“ในฐานะเป็นเข้าราชการคนหนึ่ง เข้าใจความหมายของการวางตัวเป็นกลางว่า ข้าราชการต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ไม่ทำงานเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของฝ่ายใด หน้าที่ของเราคือเป็นข้าราชการของพระเจ้าอยู่หัวซึ่งมีหน้าที่รับใช้ประชาชน ยืนอยู่เคียงข้างประชาชน โดยเฉพาะในยามนี้ ต้องกล้ายืนหยัดในความถูกต้องเพื่อรักษาประโยชน์ของประชาชนส่วนรวมเป็นที่ตั้ง.....
นิยามความเป็นกลางของเราจึงแตกต่างจากเพื่อนข้าราชการหลายคน ที่คิดว่าต้องวางตัวนิ่งเฉยกับเหตุการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้น แม้เพียงแต่การให้ข้อมูลถูกผิดหรือหลักวิชาการความรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชน ก็ไม่อาจทำได้ หากนายไม่สั่ง เพราะจะเสียความเป็นกลาง??? .....
ดิฉันไม่เข้าใจว่าวิธีคิดแบบนั้นว่าจะเป็นประโยชน์แก่ประชาชนอย่างไร และคิดว่าข้าราชการเราคงต้องเตือนสติตัวเองกันบ่อยๆ ว่าคนจ่ายเงินเดือนให้เราคือ "ประชาชน"…”
4) ลองเปรียบเทียบกับท่าที จุดยืน และความคิดเห็นของอดีตเลขาธิการ สมช. นายถวิล เปลี่ยนศรี
ยืนยันกับสำนักข่าวอิศราว่า “กลไกราชการ ไม่ใช่กลไกที่เป็นเครื่องมือหรือเป็นสมบัติส่วนตัวของนักการเมือง และเราจะปฏิเสธอำนาจของในการเมืองที่ไม่มีคุณธรรม ไม่มีจริยธรรม ไม่มีความเป็นมืออาชีพ”
ยอมหักไม่ยอมงอ แม้จะถูกเขี่ยให้พ้นทางอำนาจรัฐ สูญเสียตำแหน่งลาภยศ
แต่ประวัติศาสตร์จะจดจำว่า คนแบบนี้เองที่ยังรักษาศักดิ์ศรี เกียรติยศ และยืนยันหลักความถูกต้องของบ้านเมืองเอาไว้
ท้ายที่สุด...
น่าคิดว่า ข้าราชการอย่าง “ธาริต เพ็งดิษฐ์” กับ “นิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม” และ “ถวิล เปลี่ยนสี”
ใครกัน... ที่ควรได้รับการยกย่อง นับถือ ให้เกียรติ และได้ชื่อว่าทำหน้าที่เพื่อรักษาความถูกต้องในบ้านเมือง มากกว่าจะเป็นขี้ข้าของนักการเมือง?
ประเทศชาติยังฉิบหายไม่พออีกหรือ?
สารส้มที่มา:
http://www.naewna.co.../columnist/2906