ตรรกะของคุณดอกปีบ เขาไม่เรียกตื้นเขิน หรือคนส่วนน้อยส่วนใหญ่ที่ไหนหรอกครับ
เรียกว่าคนเราเกือบทั้งหมด ตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก เพราะคนเราเชื่อสิ่งที่เห็น มากที่สุด (มากกว่าประสาทสัมผัสอื่นๆ เสียง หรือกลิ่น)
เพราะเป็นสิ่งที่แสดงภาพที่ชัดเจนทีสุด ที่ให้นิยามได้ เมื่อเข้าสู่สมองประมวลเข้ากับการเรียนรู้ที่พบมา จะเกิดภาพลักษณ์ (Image) สำหรับคนๆ นั้นก่อนทันที
การแต่งตัว แต่งกาย ท่าทางและการวางตัวที่ดี ย่อมแสดงภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ สร้างอิมเมจแก่ผู้พบเห็น
สร้างเป็น First Impression (ความประทับใจครั้งแรกที่พบเห็น) และ Personality (บุคลิกภาพ) ที่ปรากฏ
เค้าถึงมีวิชาเรื่องเกี่ยวกับการเข้าสังคม การวางตัว สอนเกี่ยวกับเรื่องบุคลิกภาพ ต้องทำอย่างไร แต่งตัวอย่างไร จึงดูดีหรือแม้แต่การวิเคราะห์บุคลิกของอีกฝ่าย จากการแต่งกาย หรือแม้แต่รองเท้า เข็มขัดที่ใส่
ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ หรอกครับในการมองอิมเมจครั้งแรกของคนแล้วจึงเกิดทัศนคติว่า เขาเป็นคนอย่างไร?
ส่วนต่อมาก็คือเมื่อรู้จักนานๆ เข้า แล้วพฤติกรรมที่แสดงออกนั้น จึงแสดงออกถึง ตัวตนแท้จริง
ซึ่งนั่นก็จะเป็นเรื่องที่ตัดสินอีกที ว่า มันเหมือนกับที่เห็นภายนอกไหม หรือไม่เหมือน ต่างกันอย่างไร
กรณีเหวงนี่ก็เหมือนกันครับ เราไม่ได้รู้จักเหวงเป็นการส่วนตัว ว่าเขาชอบกินอะไร ชอบเที่ยวที่ไหนเวลาอยู่กับเพื่อนอยู่กับเมียอยู่กับคนอื่น เขาปฏิบัติตัวและพูดจาอย่างไร
เราได้เห็นเขาแค่ในทีวีหรือสื่ออื่นๆ เท่านั้น ข้อมูลของเราจึงมีน้อย ว่าง่ายๆ มีเท่าที่เขาอยากให้เราเห็นว่าเขาเป็นอย่างไรมาดูเหวงในช่วงแรกๆ ที่คุณดอกปีบพูดถึงนะครับ
สวนแว่น ดูมีอายุ ร่างสันทัด ผมเผ้าหวี เสื้อเชิ้ตขาวสีสะอาด แต่งกายเรียบร้อย เสริมด้วยคำนำหน้าว่า นายแพทย์ ภาพลักษณ์ครั้งแรกที่มองย่อมเป็นคนมีความรู้ สุภาพเรียบร้อย และมีภูมิแต่น่าเสียดาย พูดห่านอะไรออกมาฟังไม่รู้เรื่อง ช่วงต้นๆ ยังงงกับการทำความเข้าใจ ว่ามันภาษาเทคนิคหรือเปล่า? พอฟังซ้ำจับทางได้ จึงได้เข้าใจ ว่าตรรกะมัน “เหวง” ครับ
ความคิด ทัศนคติ ของคนๆ นี้ไม่เหมือนกับการแต่งกาย ที่ดูดีมีความรู้ แต่บุคลิก ก็ยังมีความเป็นผู้มีการศึกษาที่ได้รับการอบรมมารยาทอยู่ จึงไม่ก้าวร้าว ไม่เหมือนก๊วน กเฬวราก ตัวอื่นๆ
ไม่มีใครในโลกที่จะไม่ตัดสินคนๆ หนึ่ง ครั้งแรกจากการมองภายนอกหรอก มันเป็นสัญชาติญาณพื้นฐานอยู่แล้ว
ถ้ามีคนจะอ้างว่า ไม่ตัดสินคนจากการพบครั้งแรก นั่นก็ผิดถนัด เพราะคุณก็ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับคนๆ เป็นครั้งแรกแล้วว่า ไม่น่าไว้ใจ คุณยังไม่เปิดใจให้เพราะคนๆ อาจจะดูดีเกินไป ดูแย่เกินไป หรือมีบางอย่างที่กวนใจคุณ แต่คุณยังหาคำตอบไม่ได้ หรืออีกกรณีคือเป็นพวก ผิดปกติที่แยกแยะไม่ได้ในเรื่องการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น
ตรรกะของจินนี่ มันก็แค่คำโม้เหม็นของพวกอวดเก่ง อวดว่ารู้ไปหมด ทำเป็นว่าดีเด่นักหนา ผมเห็นทุกคนที่พูดแบบนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่พล่ามมาสักคน
แล้วถ้าให้ผมมองจินนี่ แบบที่ไม่ต้องตัดสินภายนอก แต่ตัดสินจากการเขียนของคุณนี่แหละ ต้องบอกว่าคุณเป็นทรอลน่ารำคาญคนหนึ่งที่สนุกกับกันต่อล้อต่อเถียงคนอื่น คุณมีความสุขเสมอเมื่อทำอะไรที่ทำให้คนอื่นรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจ และโซเชียลเน็ทเวิร์ค ก็มีอิสระมากพอ ต่อการทำอะไรโดยไม่ต้องรับผิดชอบและไม่ต้องรักษามารยาท ไม่เสี่ยงโดนตบด้วย
อย่างเดียวที่ผมยังตัดสินใจเกี่ยวกับคุณไม่ได้ คือ คุณมันหญิงหรือว่าชายเท่านั้นแหละ
ผมให้น้ำหนักที่ผู้ชายนะ เพราะผู้หญิงจริงๆเวลาที่เขียนอะไรในเว็บบอร์ดการเมืองเช่นนี้ จะไม่ “กระแดะกวนทรีน” เหมือนคุณ บางคนใช้สำนวนห้าวเหมือนผู้ชาย มันเป็นการเพิ่มความมั่นใจกับตัวเองและสื่อภาพความน่าเชื่อถือของตนลงไปในการเขียน เป็นรูปแบบการปกป้องตนเองอย่างหนึ่ง ผู้หญิงเขาจะเซนซิทีฟเรื่องนี้มาก เพราะไม่ต้องการถูกมองในด้านลบ
และการลงท้าย ประโยคเขียนด้วยคำว่า “ตลกดี” ซึ่งเป็นการแดกดันแบบนิ่มๆ ไม่ใช่วิสัยของผู้หญิง
มันเป็นของผู้ชาย
ขอโทษนะครับ ผมเป็นพวกชอบเขียนยาวๆ น่ะ จะว่าพล่ามก็ได้ครับ
ปล. ลืมพูดถึงจุดยืนไปเลย ผมว่าตาลุงนี่ถ้าจุดยืนไม่เป็นคอมฯ หัวโบราณโคดๆ ก็คือ จุดยืนอยู่ที่ “เท้า” จ๊ะ
Edited by ดาร์ค สวอน, 17 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 00:51.