ผมเขียนให้คุณเชอ่านครับ (ผมไม่ได้ประชดนะ ยํ้าไม่ได้ประชดจริงๆนะ ต้องการสื่อสารตามที่เขียนจริงๆครับ) ผมว่าคุณเชเขานั้นคงเข้าใจว่าผมกำลังจะสื่ออะไรกับเขาครับ
ปล.ผมเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมครับ แต่ผมรู้สึกว่ามีคนใช่เหตุผลนี้ แบบไม่เข้าท่่า ให้เป็นข้ออ้างเพื่ออะไรสักอย่างเนี่ยหล่ะฮะ ![:lol:](http://static.serithai.net/webboard/public/style_emoticons/default/laugh.png)
เข้าใจครับท่าน ผมก็เลยขอให้ท่านลองอ่านพระไตรปิฎกเรื่องกฎการแสดงผลของกรรมดูครับ
ว่ามันมีเหตุมีผล มีที่มาที่ไป ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่มือปืนกับเหยื่อจะมาเจอกันได้
คนเราไม่ได้ผ่านพบกันแค่ชาตินี้ชาติแรก มันต้องเคยพบเจอ เคยผูกพัน หรือเคยทำบาปทำกรรมร่วมกันมาก่อน
ในด้านบวกหรือลบ ตามหลักกฎของกรรม
อย่าเถียงกันเลยครับ เพราะที่คุณเขียนมา มันเป็น "ลัทธินอกศาสนา ที่เรียกว่า ลัทธิกรรมเก่า"
อะไรต่อมิอะไรก็เกิดจากชาติปางก่อนเป็นสำคัญ นี่มันเป็นพวกเดียรถีย์นะครับ
http://www.dhammatha...iew.php?No=1696
จริงๆแล้วเรื่องของกรรมเก่ามันก็เป็นส่วนหนึ่งของศาสนาพุทธนะครับ เพียงแต่ว่ามันถูกเอามาเน้นจนเกินงามในบ้านเรา
จนถูกเอาไปหากินเป็นเรื่องเป็นราวเท่านั้นเอง แต่การปฏิเสธเรื่องกรรมเก่าโดยสิ้นเชิงก็เท่ากับสุดโต่งไปอีกด้าน
เรื่องกรรมนั้น พระพุทธองค์ท่านสอนไว้หมด ทั้งเรื่องกรรมดี กรรมชั่ว กรรมไม่ดีไม่ชั่ว และกรรมที่นำไปสู่การสิ้นกรรม
แล้วก็สอนไว้เรือ่งผลของกรรม สอนว่าเราเป็นทายาทของกรรม ...แล้วท่านก็สอนถึงวิธีทำกรรมดี เว้นกรรมชั่ว
ไปจนถึงวิธีที่จะทำให้พ้นกรรม ...แต่ท่านไม่ได้สอนวิธีแก้กรรม เรื่องของการแก้กรรมนั้นเป็นเพียงบางเรื่องในพระไตรปิฎก
อย่างเรื่องของสามเณรที่พระอาจารย์ทำนายว่าจะสิ้นอายุใน 7 วัน (ไม่แน่ใจว่าเป็นพระสารีบุตรหรือองค์ไหน)
แต่สามเณรบังเอิญเจอปลาตกคลัก เลยเอาไปปล่อย ด้วยกรรมดีที่ทำใหม่ ก็เลยทำให้ไม่ต้องตายเมื่อวันนั้นมาถึง
กับอีกเรื่องคือเด็กที่ยักษ์จะมาเอาชีวิตใน 7 วัน แล้วพระพุทธเจ้าท่านนั่งปรกสวด 7 วัน 7 คืนกับสาวก ยักษ์เข้าไม่ถึงตัวเด็ก
เลยฆ่าไม่ได้ พอพ้น 7 วันก็รอด เด็กคนนั้นก็บวช นี่น่าจะเป็นที่มาของเรื่องการทำบุญหรือการสวดต่ออายุแก้กรรม
เรื่องของกรรม การทำนายกรรมนั้นท่านสอนว่าเป็นเรื่องอจินไตย คือไม่ควรคิด คิดแล้วเสียเวลาเปล่า แถมจะทำให้มีส่วนของความเป็นบ้า
สู้เอาเวลาไปภาวนาให้พ้นวัฎฎสงสารดีกว่า
การกลัวกรรมก็เป็นเรื่องดี เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่ทำให้คนละเว้นจากการทำชั่วเพราะกลัวผลของกรรม ถ้านับคนมีจริต 6
คนที่มีพุทธิจริต อาจจะไม่จำเป็นต้องฟังเรื่องกรรม แต่สำหรับคนจริตอื่นๆ โดยเฉพาะพวกศรัทธาจริต เรื่องกรรมก็เป็นอุปกรณ์จัดระเบียบสังคม
และความประพฤติที่มีประสิทธิภาพอีกอย่างที่ไม่ควรมองข้าม
ผมเองช่วงหลังๆก็ไม่ค่อยจะสนใจเรื่องกรรมนัก แต่ก็มีข้อสังเกตว่าปัจจุบันผลของกรรมจะสนองเร็วมาก โดยเฉพาะเรื่องใหญ่ๆ ระดับประเทศ
ลองดูข่าวบางประเทศที่ก่อเหตุใหญ่ๆ มีคนตายมากๆ หลังจากนั้นไม่นานจะเกิดเหตุร้ายอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นมาทันที
อย่างของไทย หลังจากเกิดกรณีตากใบไม่นาน ก็ซึนามิเข้า หรือพม่า หลังจากปราบพระภิกษุที่เดินขบวน ก็เจอพายุลูกใหญ่เข้าไปเต็มๆ
คนตายกันเป็นพัน...หรือแม้แต่ในประวัติศาสตร์ระดับโลก คนยุโรปที่ไปรุกรานปล้นทรัพยากรจากทวีปอื่นๆ สุดท้ายก็ก่อสงครามโลกรบกันเอง ฆ่าฟันกัน
ตายไปนับล้านๆคน
...ก็แค่ข้อสังเกต แล้วแต่ละคนจะเชื่อ แต่ตอนนี้ขอเชื่อคำที่ว่า "กรรมเกิดจากเจตนา ออกมาเป็นการกระทำ ที่กาย วาจา ใจ...ถ้าจะแก้กรรม ต้องแก้ที่ใจ" ก่อนก็แล้วกัน