หากพิจารณานโยบายประชานิยมหลัก ๆ ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตลอด 1 ปีเศษที่ผ่านมาจะพบว่า มีหลายนโยบายที่เป็นปัจจัยกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมและยังส่งผลต่อรายได้ของประเทศ ประกอบด้วย
1 ลดภาษีเงินได้นิติบุคคล จาก 30 เป็น 23 และ 20 % ในปี 2556 ทำรัฐขาดรายได้ 1.5 แสนล้านบาทต่อปี
2 ลดภาษีรถยนต์คันแรก ทำรัฐขาดรายได้ 3 หมื่นล้าน สุดท้ายโครงการทะลุเกินเป้า ทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง ออกมายอมรับว่า อาจต้องใช้เงินคืนภาษีในส่วนนี้ถึง 8 หมื่นล้านบาทเท่ากับเกินกว่าที่รัฐบาลประเมินไว้เกือบ3 เท่าตัว
3 ลดภาษีบ้านหลังแรก ทำรัฐขาดรายได้ 2 หมื่นล้าน
4 พักหนี้ลูกหนี้ชั้นดี ทำรัฐต้องชดเชยดอกเบี้ยให้ธนาคาร 4.5 หมื่นล้าน
5 ชะลอการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ทำกองทุนน้ำมันติดลบต้องกู้โปะกองทุน 3 หมื่นล้าน
6 ขึ้นเงินเดือนข้าราชการปริญญาตรี 1.5 หมื่นบาท ปรับโครงสร้างทั้งระบบ ทำรัฐมีภาระเพิ่มปีละ 1.2 แสนล้าน
7 รับจำนำข้าวขาดทุนแล้วกว่า 1.7 แสนล้าน
8 TDRI ระบุว่าในปีงบประมาณ 2555/56 รัฐบาลจะมีภาระค้ำประกันหนี้จากโครงการจำนำพืชผลเกษตรเป็นจำนวน 3.17 แสนล้านบาท หรือ 66% ของการค้ำประกันหนี้สาธารณะ ทำให้รัฐบาลมีวงเงินที่จะค้ำประกันการก่อหนี้สาธารณะเพื่อนำไปใช้ในโครงการอื่นๆ ตามนโยบายของรัฐบาลเพียง 34%
9 หนี้สาธารณะพุ่ง 44.89% ในขณะที่ IMF เคยเตือนไทยเมื่อวันที่ 12 ก.ค.55 ให้รักษาระดับหนี้สาธารณะให้ต่ำกว่า 45 % ของ GDP เพื่อรองรับวิกฤตยุโรปและโลก
รวมรัฐเสียรายได้และขาดทุนจากโครงการประชานิยมของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 6.15 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลเตรียมกู้เงินอีก 2.2 ล้านล้านบาท เนื่องจากหารายได้ไม่พอกับรายจ่ายที่ต้องสูญเสียไปกับประชานิยมเพื่อคะแนนเสียงแต่ส่งผลเสียโดยรวมกับบ้านเมือง อันจะนำไปสู่ภาวะหนี้ท่วมประเทศในระยะเวลาอันใกล้นี้ ซึ่งนักวิชาการคาดการณ์ว่าหนี้สาธารณะของไทยจะทะลุเพดาน 60% อย่างแน่นอนหากรัฐบาลไม่เลิกโครงการประชานิยมที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ในขณะที่ภาคส่งออกซึ่งคิดเป็น 70 % ของรายได้เข้าประเทศ
ทั้งนี้ยังไม่รวมหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ 1.14 ล้านล้านบาทที่รัฐผลักภาระให้เป็นของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งไม่ปรากฏเป็นตัวเลขหนี้สาธารณะแต่ก็ยังคงเป็นหนี้ของประเทศอยู่ดี
ไม่เพียงเท่านั้นจากโครงการจำนำพืชผลทางการเษตรยังสร้างภาระที่กระทรวงการคลังต้องค้ำประกันหนี้ถึง 3.17 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 66 % ของการค้ำประกันหนี้สาธารณะ ซึ่งจะทำให้เหลือวงเงินที่จะค้ำประกันการก่อหนี้สาธารณะในโครงการอื่นเพียง 34 % อันเป็นเหตุผลที่ทำให้เริ่มมีการประเมินสินทรัพย์ราชการ และ รัฐวิสาหกิจ เพื่อโชว์ว่าไทยมีเครดิตคือทรัพย์สินประเทศมากกว่าเงินที่จะกู้อีก 2.2 ล้านล้านบาท เรียกความเชื่อมั่นจากเจ้าหนี้ที่จะปล่อยเงินกู้ให้กับไทย อีกทั้งในสภาวะที่เครดิตไทยเริ่มมีปัญหาจะส่งผลทำให้ไทยต้องกู้เงินด้วยอัตราดอกเบี้ยที่อาจแพงกว่าปกติด้วย
ของขวัญปูในปีงูเล็กเตรียมรับวิกฤตหนี้ท่วมประเทศ น้ำตาท่วมไทย
จากเพจสมจิตต์ นวเครือสุนทร