กทม. 27 ธ.ค.- “ร.ต.อ.เฉลิม” รองนายกฯ ใช้ยาแรงกับพนักงานสอบสวน 67 นายที่ร้องเรียนเรื่องถูกบังคับให้ไปปฏิบัติหน้าที่ชายแดนใต้ หากไม่พอใจ ให้ลาออกจากตำรวจ ด้าน ผบ.ตร.ให้แง่คิด อาชีพตำรวจ ไม่สามารถเลือกเจ้านาย เลือกลูกน้อง หรือสถานที่ปฏิบัติงานได้
..........ตาม หากไม่พอใจให้ลาออกหรือ ควรส่งตัวแทนเข้ามาพูดคุยกับผู้บังคับบัญชา ว่ามีข้อจำกัดหรือเหตุผลใดที่ไม่สามารถไปปฏิบัติหน้าที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ได้ ไม่ควรออกมาเคลื่อนไหว จนองค์กรเสื่อมเสียชื่อเสียง (ตอนนี้องค์กรเป็นที่เชิดชูเป็นอย่างมาก)
ผบ.ตร. ไม่ได้ทำอะไรผิด ยังถูกยัดเยียดเรื่องบ่อน เพื่อย้ายไปสมช ได้เลย
แล้วพนง.สอบสวน 67 นาย จะเหลือหรือ
'วิเชียร'น้ำตาคลอ! ยันถูกบีบ ทำลายองค์กรตร.
สวนหมัดใส่ผู้มีอำนาจ ขอให้นึกถึงคุณธรรม พร้อมลุกจาก‘ผบ.ตร.’ ‘เฉลิม’โบ้ยนายกฯปูสั่ง ย้ายนั่งปลัดท่องเที่ยว
ผบ.ตร.น้ำตาคลอหน่วย เสียงสั่น รับมีขบวนการบีบให้พ้นเก้าอี้ลั่นยอมไปหากผู้ใหญ่เห็นสมควร แต่ยังไว้เชิง ต้องไปในตำแหน่งที่มีศักดิ์ศรี และอย่างมีเหตุผลด้วย ขณะที่ “เฉลิม” เล่นคำ ไม่ใช่หมอนวด ถึงต้องไปบีบ “วิเชียร” ให้หายเมื่อย แถมยก “พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์” เก่งจริง จับยาไอซ์ 45 กก. ให้เป็นของขวัญ ย้ำอีก ย้าย ผบ.ตร.เป็นอำนาจนายกฯ แต่ผู้นำตำรวจคนใหม่อาจเป็น พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ก็ได้ ส่วนนายกฯสาว ออกลูกชิ่ง โยนย้ายตำรวจแล้วแต่เฉลิม ด้านสุเทพ เทือกสุบรรณ โวยเฉลิมเมามันกับอำนาจ ขู่ข้าราชการประจำอย่างนี้ภาพไม่สวย ขณะที่การสอบสวนเรื่องบ่อนฉาว ถึงคิว 191 เข้าให้ปากคำ จตช. ส่วนเจ้าพ่อนครบาล “พล.ต.ท. จักรทิพย์ ชัยจินดา” บอกไม่มีท้อ เดี๋ยวลูกน้องจะแผ่ว
ท่ามกลางกระแสข่าวการปลด พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ไปเป็นปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาให้สัมภาษณ์ไม่เว้นแต่ละวัน พร้อมยกเรื่องบ่อนการพนัน และอบายมุข ที่มีเกลื่อนเมือง โดยเฉพาะบ่อนการพนันในพื้นที่ สน. สุทธิสาร ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง มีนายพลเข้าข่ายบกพร่องถึง 5 คน เป็นชนวนเหตุ และอ้างถึงการปรับเปลี่ยนบุคลากรในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยหลายฝ่ายจับตามองเป็นการเปิดทาง ให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. พี่ชาย คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นเป็น ผบ.ตร.
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 31 ส.ค. ที่กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เป็นประธานเปิดการประชุมเรื่อง “การประชุมเป้าหมายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ และนักค้ายาเสพติดข้ามชาติ” ระหว่าง บช.ปส. กับสำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย (DEA) โดยการประชุมครั้งนี้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมด้วย อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมถึงกระแสข่าวสมัครใจออกไปรับตำแหน่งปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาว่า ตั้งแต่มาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ต้องเรียนว่าเป็นความเสียสละ ไม่ใช่เสวยสุข เสียสละที่ว่าต้องทำหน้าที่ตรากตรำ เหน็ดเหนื่อย เสียสละเวลา เสี่ยงภัย หรือว่าพวกเราต้องไปจัดการกับคนร้าย หรือว่าปกป้องคนดีหรือกำจัดคนชั่ว เป็นความเสียสละในการมารับตำแหน่งหน้าที่ ถ้าผู้บังคับบัญชาเห็นไม่เหมาะสมหรือคิดว่าจะเปลี่ยนแปลง ยินดีที่จะไป แต่ต้องไปอย่างถูกต้องสมเหตุสมผล หรือไปในตำแหน่งที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรีพอสมควร เพราะถือว่าไม่ได้กระทำความผิดหรือผิดพลาด เพราะฉะนั้นผู้ที่มี อำนาจต้องใช้อำนาจด้วยความเป็นธรรมเพื่อให้เกิดประโยชน์สุข ต่อส่วนรวม
ผบ.ตร.กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ และดูเหมือนจะมีน้ำตาคลอเบ้าว่า เพราะฉะนั้นการกระทำที่ผ่านมา ตนคิดว่าผิด ว่าไปตามผิด ให้มีการสอบสวน ไม่ใช่ไปเหมารวม ตนคิดว่าเป็นการทำลายองค์กร โดย เฉพาะองค์กรที่เป็นสถาบันหลักในการผดุงความยุติธรรม เป็นต้นทางกระบวนการยุติธรรม สร้างสมมาเป็นร้อยๆปี ต้องรักษาไว้เพื่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชน เมื่อไปทำลายจะทำให้ความเชื่อถือศรัทธาไม่มี จะเกิดความวุ่นวาย การไม่เป็นที่ยอมรับจะเกิด อยากฝากท่านที่มีอำนาจคำนึงถึงเรื่องการใช้คุณธรรม ถ้าใช้อำนาจอย่างมีคุณธรรม ท่านอยู่ในอำนาจได้อย่างยั่งยืน แต่ถ้าท่านไม่มี จะไม่นาน
เมื่อถามว่า มีการเสนอให้ไปอยู่ในตำแหน่งปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาหรือยัง พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวว่า ต้องดูอีกครั้งหนึ่ง ตอบไม่ได้ เมื่อถามว่า คิดว่าโยกย้ายครั้งนี้ไม่เป็นธรรมหรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวว่า ดูว่ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่การที่จะสร้างเรื่องสร้างราวเหมารวมทำให้ตำรวจที่ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน หรือทำหน้าที่เสี่ยงภัยถูกเหมารวมไปอย่างนี้มันจะเสียหาย ช่วงปี 2 ปีที่ผ่านมา คิดว่าได้ทำหน้าที่กอบกู้ความเชื่อถือความศรัทธาของพี่น้องประชาชนได้ในระดับหนึ่ง ถ้าเห็นว่าเหมาะสมจะสมัครใจไป เพื่อประโยชน์ส่วนรวม เมื่อถามว่า คิดว่ามีขบวนการวางงานเลื่อยขาเก้าอี้ พล.ต.อ. วิเชียรกล่าวว่า ท่านที่เป็นรองเป็นอะไรอยู่ เหมาะสมที่จะมาเป็น แต่เมื่อเห็นว่าไม่เหมาะสมให้ไปทำหน้าที่อื่นที่เหมาะสม เป็นไปได้ แต่ควรจะมีเหตุมีผล แต่วิธีไปทำลายองค์กรเสียหายอย่างนี้ ขอให้หยุดการกระทำ เพราะขณะนี้มีความพยายามทำให้องค์กรบอบช้ำ
มีรายงานข่าวว่า ก่อนการตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง ผบ.ตร. เพื่อไปรับตำแหน่งปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พล.ต.อ.วิเชียรได้รับการติดต่อจากนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ที่รับผิดชอบกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้รับการประสานจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายก– รัฐมนตรี เป็นตัวแทนเจรจาต่อรองกับ พล.ต.อ.วิเชียร เพื่อเปิดทางให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. หลังจากที่ให้นายตำรวจคนสนิท และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เจรจาแต่ไม่สำเร็จ
ส่วนความคืบหน้าในการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีการลักลอบเปิดบ่อนการพนันในท้องที่ สน.สุทธิสาร เช้าวันเดียวกัน ที่สำนักงานจเรตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง จตช. เรียก พล.ต.ต.ธนพล สนเทศ ผบก.สปพ. (191) พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.สตร.บก.สปพ. พ.ต.อ.สุพัชร พึ่งพวง ผกก.ดส. เข้าสอบสวนปากคำเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลคลิปวีดิโอบ่อนการพนันของนายชูวิทย์ รวมทั้งเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สุทธิสาร และชุดจเรตำรวจที่เข้าร่วมตรวจสถานที่เกิดเหตุเข้าให้ปากคำ โดยสอบสวนในประเด็นหน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยและคำสั่งกำชับนโยบายของผู้บังคับบัญชา ซึ่งทุกคนยืนยันว่ามีหนังสือกำชับจาก ผบช.น. และ ผบ.ตร. มาโดยตลอด
ขณะที่ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น.กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง จเรตำรวจแห่งชาติ ระบุมีนายตำรวจ 19 นาย บกพร่องต่อหน้าที่กรณีบ่อนพื้นที่ สน.สุทธิสาร ว่า เรื่องนี้ให้รายละเอียดกับจเรตำรวจไปแล้ว ไม่มีอะไร และไม่ได้รู้สึกกังวล ก็ชี้แจงตามข้อเท็จจริงไป เมื่อถามว่า ท้อหรือไม่ ผบช.น.กล่าวว่า ไม่ เพราะหากท้อ เดี๋ยวลูกน้องจะแผ่ว ทำงานตามปกติ เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวจะถูกย้ายไปช่วยราชการ พล.ต.ท.จักรทิพย์ กล่าวว่า เรื่องนี้แล้วแต่ทางคณะกรรมการ เพราะให้ข้อมูลไปหมดแล้ว อยู่ในดุลพินิจของคณะกรรมการสอบสวน
ที่รัฐสภา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวย้าย พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.ออกจากตำแหน่งว่า แล้วแต่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่รับผิดชอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.วิเชียรออกมาระบุ ถูกบีบให้พ้นจากตำแหน่ง ไม่มีหรอก ท่านทำงานในส่วนของท่าน ในที่ประชุม ก.ตร. เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา คุยในเรื่องของนโยบายมากกว่า ไม่ได้คุยเรื่องตัวบุคคล
ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนใน สตช. จะมอบหมายภารกิจให้ตรงกับความสามารถของแต่ละคน ให้ความมั่นใจต่อสังคมไทยว่า เมื่อรัฐบาลมอบหมายให้ตนมาทำหน้าที่ จะทำให้ดีที่สุด เมื่อถามว่า ผบ.ตร.จะไปนั่งตำแหน่งปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่ตน คนมีอำนาจคือนายกฯ เมื่อถามซ้ำอีก ผบ.ตร.แจ้งให้ทราบหรือไม่ว่า สมัครใจโยกย้ายไปนั่งปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวเลี่ยงว่า ขอไม่ตอบ แต่ยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้จะบริหารจัดการบุคลากรให้ดีที่สุด เมื่อถามอีกว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯเตือนว่า อย่าเมามันในอำนาจให้มาก ร.ต.อ.เฉลิมย้อนถามใครเมามัน ตนมีอำนาจมาตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่มามีตอนนี้ ปี 19 ตนคืออธิบดีตำรวจคนที่ 3 ออกหมายจับหมายค้นได้ทั่วราชอาณาจักร วันนี้ถ้าทำอะไรไม่ดี สภาก็ตรวจสอบ สื่อด่า ชาวบ้านระอา ตนไม่ใช่คนบ้าอำนาจ เมื่อถามว่า พล.ต.อ.วิเชียรออกมาระบุ ถูกบีบให้ต้องออกจากตำแหน่ง ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ท่านเมื่อยเมื่อไหร่ถึงต้องให้ตนบีบ ตนไม่ใช่ หมอนวด เมื่อถามต่อว่า หาก พล.ต.อ.วิเชียรไม่ยอมย้าย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ที่จะขึ้นมาต้องเป็นรักษาการ ผบ.ตร. จะทำให้การโยกย้ายมีปัญหาหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่ทราบ เป็นอำนาจนายกฯ แต่คนที่ขึ้นมาเป็น ผบ.ตร. อาจจะเป็น พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ก็ได้ ขอยืนยันการปรับการทำงานจะเป็นไปตามความเหมาะสม และตนบริหารจัดการได้ อย่างน้อย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ให้ของขวัญด้วยการจับยาไอซ์ได้ 45 กก. รัฐบาลนี้จะทำให้ตำรวจกลับมารับใช้ประชาชน ก่อนจะคิกออฟเรื่องการปราบปรามยาเสพติดต่อไป
ส่วนกรณีที่นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเปิดโปงกรณีบ่อนตี๋ พ. พระราม 3 ที่เคยเดินตาม ร.ต.อ.เฉลิม รองนายกฯ กล่าวตอบว่า อ๋อ ตี๋พจน์ ไอ้ที่เปิดเผย ไอ้พวกนี้มันเล่นกันมาเป็นสิบปี แต่บ่อนใหม่ตนจะรู้หมดหรือ แต่นโยบายหลักคือได้สั่งการให้ ผบช.น.ไปดำเนินการบ่อนที่ถนนพระราม 3 ไปจับให้ด้วยเดี๋ยวนี้ ถ้าจะถามว่า รู้จักใครบ้าง คงรู้จักหลายแสนคน แต่ไม่มีเอกสิทธิ์ ไม่มีอภิสิทธิ์ บ่อนที่เปิดปีครึ่งปีตนไม่ทราบ ที่ทราบมันเปิดแถวอาบอบนวด ถนนรัชดา เปิดกันแบบเปิดเผยเหลือเกิน ใครๆก็รู้ ส่วนแถวพระราม 3 ตนไม่รู้
ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 11.00 น. นายสุเทพ เทือก–สุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี กล่าวถึง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีว่า จะตั้งใจอย่างไรไม่ทราบ แต่ลักษณะให้สัมภาษณ์จะดำเนินการกับ ผบ.ตร. เป็นภาพที่ไม่สวยงาม คนจะมองเป็นเรื่องการข่มขู่ข้าราชการ นักการเมือง ต้องระลึกว่าข้าราชการประจำไม่ใช่ข้าทาสในเรือนเบี้ย เขามีศักดิ์มีศรี ฉะนั้นความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมืองกับข้าราชการประจำต้องรักษาให้ดี กดขี่ข่มเหงคงไม่ได้ ล่าสุดที่ ร.ต.อ.เฉลิมบอกภายใน 7 วันอาจจะได้ตัว ผบ.ตร.คนใหม่ ตนแปลกใจ เพราะอยู่ๆจะโยกย้าย พล.ต.อ.วิเชียร จากตำแหน่ง ผบ.ตร.ทำไม่ได้ อย่างมากที่สุดนายกรัฐมนตรีสั่งการให้ไปช่วยราชการที่ไหน แล้วแต่งตั้งให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. ไปรักษาราชการ อาจเป็นไปได้ แต่อยู่ๆจะปลดเลย ย้ายเลย คงไม่ได้ เพราะข้าราชการมีระเบียบ มีข้อกฎหมายอยู่ แต่ ร.ต.อ.เฉลิมบอกจะทำใน 3 วัน 7 วัน เป็นการเมามันในอำนาจไปหน่อย
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ออกมาระบุมีความพยายามบีบให้พ้นจากตำแหน่ง ผบ.ตร.ว่า ต้องให้ พล.ต.อ.วิเชียรเปิดเผยออกมา ส่วนกรณีมีความพยายามจะใช้เรื่องบ่อนการพนันเป็นต้นเหตุของการบีบให้ พล.ต.อ.วิเชียร ลาออกจากตำแหน่ง หาก พล.ต.อ.วิเชียรไม่เกี่ยวข้องก็ต้องยืนหยัด ส่วนการจะแต่งตั้ง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร.ให้มาดำรงตำแหน่งแทนนั้น อยู่ที่ความมีเหตุมีผล ถ้าจะอ้างถึงการคืนความเป็นธรรม คงจะย้อนไม่จบ เพราะเมื่อครั้งที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ขึ้นมา มีคนที่ระบุว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเหมือนกัน ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม ระบุในช่วงรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ มีการโยกย้าย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ขณะนั้นมีมูลเหตุชัดเจน มีการสอบสวนและรัฐบาลไม่ได้ทำกันเอง ที่มีการมองกันว่าหลังจากบีบ ผบ.ตร.พ้นจากตำแหน่งแล้ว จะมีการขยายเวลาการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี เพื่อรองรับ ผบ.ตร.ใหม่ ในเรื่องนี้ตนไม่ทราบ เป็นเรื่องของ ก.ตร.เป็นคนให้เหตุผล
ขณะที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย พร้อมด้วย ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค ทั้ง 3 คน ร่วมกันแถลงข่าวที่รัฐสภา ถึงการเปิดคลิปบ่อนกลางกรุง จนมีการสั่งย้ายนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายนายว่า ประเด็นดังกล่าวถูกนำมาเชื่อมโยงกับประเด็นการเมือง และมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า การดำเนินการของตน เป็นการเอื้อประโยชน์ให้รัฐบาลในการสั่งย้าย ผบ.ตร. ขอยืนยัน ตนไม่เคยทำงานให้รัฐบาล ถึงแม้จะรู้จักเป็นการส่วนตัวกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แต่ก็ไม่เคยคุยเรื่องดังกล่าว อีกทั้ง ร.ต.อ.เฉลิมไม่รู้ว่าตนจะนำเรื่องนี้มาพูดในสภา การนำเรื่องนี้มาพูด ก็ไม่ทราบว่าจะมีการย้าย ผบ.ตร. หรือย้ายตำรวจคนไหน ดังนั้น ถ้าใครคิดว่าตนชงเรื่องนี้ให้เป็นประโยชน์กับรัฐบาล ขอประณามคนที่คิดเช่นนั้น เพราะตอนนี้ตนทำอะไรผิดไปหมด ทั้งที่การแฉเรื่องนี้ตนถูกข่มขู่เหมือนกัน และหากใครเอาเรื่องที่ตนเปิดเผยไปใช้ประโยชน์ก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ถ้า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. ขึ้นเป็น ผบ.ตร. แล้วยังมีบ่อนอีก ตนจะเดินหน้าทำงานอย่างนี้อีก
นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจแบบเรียลไทม์โพล เรื่องเสียงสะท้อนของนายตำรวจต่อกระแสข่าวตำแหน่ง ผบ.ตร. กรณีศึกษาตัวอย่างข้าราชการตำรวจ ระดับผู้กำกับและรองผู้กำกับ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ระดับสถานีตำรวจทั่วประเทศ โดยเลือกตัวอย่างจากบัญชีรายชื่อสถานีตำรวจ 512 นาย ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 29-30 ส.ค.54 พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 62.7 เห็นด้วยต่อข่าว พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ในตำแหน่ง ผบ.ตร. ในขณะที่ร้อยละ 37.3 ไม่เห็นด้วย และเมื่อถามว่า กระแสข่าวเกี่ยวกับตำแหน่ง ผบ.ตร.เป็นเรื่องความเหมาะสมตามระบบคุณธรรม หรือระบบอุปถัมภ์ พบว่า ร้อยละ 47.9 คิดว่า เหมาะสมตามระบบคุณธรรม ในขณะที่ร้อยละ 31.6 คิดว่าเป็นระบบอุปถัมภ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อสัมภาษณ์เชิงลึกด้วยการวิจัยเชิงคุณภาพพบว่า นายตำรวจส่วนใหญ่ยังเห็นว่า พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เป็นผู้ที่มี ความเหมาะสมเช่นกัน มุ่งมั่นทำงาน มีความประนีประนอมสูง ช่วยเชื่อมประสานความรักความสามัคคีของสังคมตำรวจ และใส่ใจดูแลสวัสดิการตำรวจชั้นผู้น้อยพอสมควร
http://www.thairath....day/view/198462
'วิเชียร'น้ำตาคลอ! ยันถูกบีบ ทำลายองค์กรตร.
สวนหมัดใส่ผู้มีอำนาจ ขอให้นึกถึงคุณธรรม พร้อมลุกจาก‘ผบ.ตร.’ ‘เฉลิม’โบ้ยนายกฯปูสั่ง ย้ายนั่งปลัดท่องเที่ยว
ผบ.ตร.น้ำตาคลอหน่วย เสียงสั่น รับมีขบวนการบีบให้พ้นเก้าอี้ลั่นยอมไปหากผู้ใหญ่เห็นสมควร แต่ยังไว้เชิง ต้องไปในตำแหน่งที่มีศักดิ์ศรี และอย่างมีเหตุผลด้วย ขณะที่ “เฉลิม” เล่นคำ ไม่ใช่หมอนวด ถึงต้องไปบีบ “วิเชียร” ให้หายเมื่อย แถมยก “พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์” เก่งจริง จับยาไอซ์ 45 กก. ให้เป็นของขวัญ ย้ำอีก ย้าย ผบ.ตร.เป็นอำนาจนายกฯ แต่ผู้นำตำรวจคนใหม่อาจเป็น พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ก็ได้ ส่วนนายกฯสาว ออกลูกชิ่ง โยนย้ายตำรวจแล้วแต่เฉลิม ด้านสุเทพ เทือกสุบรรณ โวยเฉลิมเมามันกับอำนาจ ขู่ข้าราชการประจำอย่างนี้ภาพไม่สวย ขณะที่การสอบสวนเรื่องบ่อนฉาว ถึงคิว 191 เข้าให้ปากคำ จตช. ส่วนเจ้าพ่อนครบาล “พล.ต.ท. จักรทิพย์ ชัยจินดา” บอกไม่มีท้อ เดี๋ยวลูกน้องจะแผ่ว
ท่ามกลางกระแสข่าวการปลด พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ไปเป็นปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาให้สัมภาษณ์ไม่เว้นแต่ละวัน พร้อมยกเรื่องบ่อนการพนัน และอบายมุข ที่มีเกลื่อนเมือง โดยเฉพาะบ่อนการพนันในพื้นที่ สน. สุทธิสาร ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง มีนายพลเข้าข่ายบกพร่องถึง 5 คน เป็นชนวนเหตุ และอ้างถึงการปรับเปลี่ยนบุคลากรในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยหลายฝ่ายจับตามองเป็นการเปิดทาง ให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. พี่ชาย คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นเป็น ผบ.ตร.
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 31 ส.ค. ที่กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เป็นประธานเปิดการประชุมเรื่อง “การประชุมเป้าหมายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ และนักค้ายาเสพติดข้ามชาติ” ระหว่าง บช.ปส. กับสำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย (DEA) โดยการประชุมครั้งนี้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมด้วย อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมถึงกระแสข่าวสมัครใจออกไปรับตำแหน่งปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาว่า ตั้งแต่มาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ต้องเรียนว่าเป็นความเสียสละ ไม่ใช่เสวยสุข เสียสละที่ว่าต้องทำหน้าที่ตรากตรำ เหน็ดเหนื่อย เสียสละเวลา เสี่ยงภัย หรือว่าพวกเราต้องไปจัดการกับคนร้าย หรือว่าปกป้องคนดีหรือกำจัดคนชั่ว เป็นความเสียสละในการมารับตำแหน่งหน้าที่ ถ้าผู้บังคับบัญชาเห็นไม่เหมาะสมหรือคิดว่าจะเปลี่ยนแปลง ยินดีที่จะไป แต่ต้องไปอย่างถูกต้องสมเหตุสมผล หรือไปในตำแหน่งที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรีพอสมควร เพราะถือว่าไม่ได้กระทำความผิดหรือผิดพลาด เพราะฉะนั้นผู้ที่มี อำนาจต้องใช้อำนาจด้วยความเป็นธรรมเพื่อให้เกิดประโยชน์สุข ต่อส่วนรวม
ผบ.ตร.กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ และดูเหมือนจะมีน้ำตาคลอเบ้าว่า เพราะฉะนั้นการกระทำที่ผ่านมา ตนคิดว่าผิด ว่าไปตามผิด ให้มีการสอบสวน ไม่ใช่ไปเหมารวม ตนคิดว่าเป็นการทำลายองค์กร โดย เฉพาะองค์กรที่เป็นสถาบันหลักในการผดุงความยุติธรรม เป็นต้นทางกระบวนการยุติธรรม สร้างสมมาเป็นร้อยๆปี ต้องรักษาไว้เพื่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชน เมื่อไปทำลายจะทำให้ความเชื่อถือศรัทธาไม่มี จะเกิดความวุ่นวาย การไม่เป็นที่ยอมรับจะเกิด อยากฝากท่านที่มีอำนาจคำนึงถึงเรื่องการใช้คุณธรรม ถ้าใช้อำนาจอย่างมีคุณธรรม ท่านอยู่ในอำนาจได้อย่างยั่งยืน แต่ถ้าท่านไม่มี จะไม่นาน
เมื่อถามว่า มีการเสนอให้ไปอยู่ในตำแหน่งปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาหรือยัง พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวว่า ต้องดูอีกครั้งหนึ่ง ตอบไม่ได้ เมื่อถามว่า คิดว่าโยกย้ายครั้งนี้ไม่เป็นธรรมหรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวว่า ดูว่ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่การที่จะสร้างเรื่องสร้างราวเหมารวมทำให้ตำรวจที่ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน หรือทำหน้าที่เสี่ยงภัยถูกเหมารวมไปอย่างนี้มันจะเสียหาย ช่วงปี 2 ปีที่ผ่านมา คิดว่าได้ทำหน้าที่กอบกู้ความเชื่อถือความศรัทธาของพี่น้องประชาชนได้ในระดับหนึ่ง ถ้าเห็นว่าเหมาะสมจะสมัครใจไป เพื่อประโยชน์ส่วนรวม เมื่อถามว่า คิดว่ามีขบวนการวางงานเลื่อยขาเก้าอี้ พล.ต.อ. วิเชียรกล่าวว่า ท่านที่เป็นรองเป็นอะไรอยู่ เหมาะสมที่จะมาเป็น แต่เมื่อเห็นว่าไม่เหมาะสมให้ไปทำหน้าที่อื่นที่เหมาะสม เป็นไปได้ แต่ควรจะมีเหตุมีผล แต่วิธีไปทำลายองค์กรเสียหายอย่างนี้ ขอให้หยุดการกระทำ เพราะขณะนี้มีความพยายามทำให้องค์กรบอบช้ำ
มีรายงานข่าวว่า ก่อนการตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง ผบ.ตร. เพื่อไปรับตำแหน่งปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พล.ต.อ.วิเชียรได้รับการติดต่อจากนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ที่รับผิดชอบกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้รับการประสานจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายก– รัฐมนตรี เป็นตัวแทนเจรจาต่อรองกับ พล.ต.อ.วิเชียร เพื่อเปิดทางให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. หลังจากที่ให้นายตำรวจคนสนิท และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เจรจาแต่ไม่สำเร็จ
ส่วนความคืบหน้าในการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีการลักลอบเปิดบ่อนการพนันในท้องที่ สน.สุทธิสาร เช้าวันเดียวกัน ที่สำนักงานจเรตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง จตช. เรียก พล.ต.ต.ธนพล สนเทศ ผบก.สปพ. (191) พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.สตร.บก.สปพ. พ.ต.อ.สุพัชร พึ่งพวง ผกก.ดส. เข้าสอบสวนปากคำเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลคลิปวีดิโอบ่อนการพนันของนายชูวิทย์ รวมทั้งเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สุทธิสาร และชุดจเรตำรวจที่เข้าร่วมตรวจสถานที่เกิดเหตุเข้าให้ปากคำ โดยสอบสวนในประเด็นหน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยและคำสั่งกำชับนโยบายของผู้บังคับบัญชา ซึ่งทุกคนยืนยันว่ามีหนังสือกำชับจาก ผบช.น. และ ผบ.ตร. มาโดยตลอด
ขณะที่ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น.กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง จเรตำรวจแห่งชาติ ระบุมีนายตำรวจ 19 นาย บกพร่องต่อหน้าที่กรณีบ่อนพื้นที่ สน.สุทธิสาร ว่า เรื่องนี้ให้รายละเอียดกับจเรตำรวจไปแล้ว ไม่มีอะไร และไม่ได้รู้สึกกังวล ก็ชี้แจงตามข้อเท็จจริงไป เมื่อถามว่า ท้อหรือไม่ ผบช.น.กล่าวว่า ไม่ เพราะหากท้อ เดี๋ยวลูกน้องจะแผ่ว ทำงานตามปกติ เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวจะถูกย้ายไปช่วยราชการ พล.ต.ท.จักรทิพย์ กล่าวว่า เรื่องนี้แล้วแต่ทางคณะกรรมการ เพราะให้ข้อมูลไปหมดแล้ว อยู่ในดุลพินิจของคณะกรรมการสอบสวน
ที่รัฐสภา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวย้าย พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.ออกจากตำแหน่งว่า แล้วแต่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่รับผิดชอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.วิเชียรออกมาระบุ ถูกบีบให้พ้นจากตำแหน่ง ไม่มีหรอก ท่านทำงานในส่วนของท่าน ในที่ประชุม ก.ตร. เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา คุยในเรื่องของนโยบายมากกว่า ไม่ได้คุยเรื่องตัวบุคคล
ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนใน สตช. จะมอบหมายภารกิจให้ตรงกับความสามารถของแต่ละคน ให้ความมั่นใจต่อสังคมไทยว่า เมื่อรัฐบาลมอบหมายให้ตนมาทำหน้าที่ จะทำให้ดีที่สุด เมื่อถามว่า ผบ.ตร.จะไปนั่งตำแหน่งปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่ตน คนมีอำนาจคือนายกฯ เมื่อถามซ้ำอีก ผบ.ตร.แจ้งให้ทราบหรือไม่ว่า สมัครใจโยกย้ายไปนั่งปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวเลี่ยงว่า ขอไม่ตอบ แต่ยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้จะบริหารจัดการบุคลากรให้ดีที่สุด เมื่อถามอีกว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯเตือนว่า อย่าเมามันในอำนาจให้มาก ร.ต.อ.เฉลิมย้อนถามใครเมามัน ตนมีอำนาจมาตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่มามีตอนนี้ ปี 19 ตนคืออธิบดีตำรวจคนที่ 3 ออกหมายจับหมายค้นได้ทั่วราชอาณาจักร วันนี้ถ้าทำอะไรไม่ดี สภาก็ตรวจสอบ สื่อด่า ชาวบ้านระอา ตนไม่ใช่คนบ้าอำนาจ เมื่อถามว่า พล.ต.อ.วิเชียรออกมาระบุ ถูกบีบให้ต้องออกจากตำแหน่ง ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ท่านเมื่อยเมื่อไหร่ถึงต้องให้ตนบีบ ตนไม่ใช่ หมอนวด เมื่อถามต่อว่า หาก พล.ต.อ.วิเชียรไม่ยอมย้าย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ที่จะขึ้นมาต้องเป็นรักษาการ ผบ.ตร. จะทำให้การโยกย้ายมีปัญหาหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่ทราบ เป็นอำนาจนายกฯ แต่คนที่ขึ้นมาเป็น ผบ.ตร. อาจจะเป็น พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ก็ได้ ขอยืนยันการปรับการทำงานจะเป็นไปตามความเหมาะสม และตนบริหารจัดการได้ อย่างน้อย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ให้ของขวัญด้วยการจับยาไอซ์ได้ 45 กก. รัฐบาลนี้จะทำให้ตำรวจกลับมารับใช้ประชาชน ก่อนจะคิกออฟเรื่องการปราบปรามยาเสพติดต่อไป
ส่วนกรณีที่นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเปิดโปงกรณีบ่อนตี๋ พ. พระราม 3 ที่เคยเดินตาม ร.ต.อ.เฉลิม รองนายกฯ กล่าวตอบว่า อ๋อ ตี๋พจน์ ไอ้ที่เปิดเผย ไอ้พวกนี้มันเล่นกันมาเป็นสิบปี แต่บ่อนใหม่ตนจะรู้หมดหรือ แต่นโยบายหลักคือได้สั่งการให้ ผบช.น.ไปดำเนินการบ่อนที่ถนนพระราม 3 ไปจับให้ด้วยเดี๋ยวนี้ ถ้าจะถามว่า รู้จักใครบ้าง คงรู้จักหลายแสนคน แต่ไม่มีเอกสิทธิ์ ไม่มีอภิสิทธิ์ บ่อนที่เปิดปีครึ่งปีตนไม่ทราบ ที่ทราบมันเปิดแถวอาบอบนวด ถนนรัชดา เปิดกันแบบเปิดเผยเหลือเกิน ใครๆก็รู้ ส่วนแถวพระราม 3 ตนไม่รู้
ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 11.00 น. นายสุเทพ เทือก–สุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี กล่าวถึง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีว่า จะตั้งใจอย่างไรไม่ทราบ แต่ลักษณะให้สัมภาษณ์จะดำเนินการกับ ผบ.ตร. เป็นภาพที่ไม่สวยงาม คนจะมองเป็นเรื่องการข่มขู่ข้าราชการ นักการเมือง ต้องระลึกว่าข้าราชการประจำไม่ใช่ข้าทาสในเรือนเบี้ย เขามีศักดิ์มีศรี ฉะนั้นความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมืองกับข้าราชการประจำต้องรักษาให้ดี กดขี่ข่มเหงคงไม่ได้ ล่าสุดที่ ร.ต.อ.เฉลิมบอกภายใน 7 วันอาจจะได้ตัว ผบ.ตร.คนใหม่ ตนแปลกใจ เพราะอยู่ๆจะโยกย้าย พล.ต.อ.วิเชียร จากตำแหน่ง ผบ.ตร.ทำไม่ได้ อย่างมากที่สุดนายกรัฐมนตรีสั่งการให้ไปช่วยราชการที่ไหน แล้วแต่งตั้งให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. ไปรักษาราชการ อาจเป็นไปได้ แต่อยู่ๆจะปลดเลย ย้ายเลย คงไม่ได้ เพราะข้าราชการมีระเบียบ มีข้อกฎหมายอยู่ แต่ ร.ต.อ.เฉลิมบอกจะทำใน 3 วัน 7 วัน เป็นการเมามันในอำนาจไปหน่อย
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ออกมาระบุมีความพยายามบีบให้พ้นจากตำแหน่ง ผบ.ตร.ว่า ต้องให้ พล.ต.อ.วิเชียรเปิดเผยออกมา ส่วนกรณีมีความพยายามจะใช้เรื่องบ่อนการพนันเป็นต้นเหตุของการบีบให้ พล.ต.อ.วิเชียร ลาออกจากตำแหน่ง หาก พล.ต.อ.วิเชียรไม่เกี่ยวข้องก็ต้องยืนหยัด ส่วนการจะแต่งตั้ง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร.ให้มาดำรงตำแหน่งแทนนั้น อยู่ที่ความมีเหตุมีผล ถ้าจะอ้างถึงการคืนความเป็นธรรม คงจะย้อนไม่จบ เพราะเมื่อครั้งที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ขึ้นมา มีคนที่ระบุว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเหมือนกัน ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม ระบุในช่วงรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ มีการโยกย้าย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ขณะนั้นมีมูลเหตุชัดเจน มีการสอบสวนและรัฐบาลไม่ได้ทำกันเอง ที่มีการมองกันว่าหลังจากบีบ ผบ.ตร.พ้นจากตำแหน่งแล้ว จะมีการขยายเวลาการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี เพื่อรองรับ ผบ.ตร.ใหม่ ในเรื่องนี้ตนไม่ทราบ เป็นเรื่องของ ก.ตร.เป็นคนให้เหตุผล
ขณะที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย พร้อมด้วย ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค ทั้ง 3 คน ร่วมกันแถลงข่าวที่รัฐสภา ถึงการเปิดคลิปบ่อนกลางกรุง จนมีการสั่งย้ายนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายนายว่า ประเด็นดังกล่าวถูกนำมาเชื่อมโยงกับประเด็นการเมือง และมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า การดำเนินการของตน เป็นการเอื้อประโยชน์ให้รัฐบาลในการสั่งย้าย ผบ.ตร. ขอยืนยัน ตนไม่เคยทำงานให้รัฐบาล ถึงแม้จะรู้จักเป็นการส่วนตัวกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แต่ก็ไม่เคยคุยเรื่องดังกล่าว อีกทั้ง ร.ต.อ.เฉลิมไม่รู้ว่าตนจะนำเรื่องนี้มาพูดในสภา การนำเรื่องนี้มาพูด ก็ไม่ทราบว่าจะมีการย้าย ผบ.ตร. หรือย้ายตำรวจคนไหน ดังนั้น ถ้าใครคิดว่าตนชงเรื่องนี้ให้เป็นประโยชน์กับรัฐบาล ขอประณามคนที่คิดเช่นนั้น เพราะตอนนี้ตนทำอะไรผิดไปหมด ทั้งที่การแฉเรื่องนี้ตนถูกข่มขู่เหมือนกัน และหากใครเอาเรื่องที่ตนเปิดเผยไปใช้ประโยชน์ก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ถ้า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. ขึ้นเป็น ผบ.ตร. แล้วยังมีบ่อนอีก ตนจะเดินหน้าทำงานอย่างนี้อีก
นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจแบบเรียลไทม์โพล เรื่องเสียงสะท้อนของนายตำรวจต่อกระแสข่าวตำแหน่ง ผบ.ตร. กรณีศึกษาตัวอย่างข้าราชการตำรวจ ระดับผู้กำกับและรองผู้กำกับ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ระดับสถานีตำรวจทั่วประเทศ โดยเลือกตัวอย่างจากบัญชีรายชื่อสถานีตำรวจ 512 นาย ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 29-30 ส.ค.54 พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 62.7 เห็นด้วยต่อข่าว พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ในตำแหน่ง ผบ.ตร. ในขณะที่ร้อยละ 37.3 ไม่เห็นด้วย และเมื่อถามว่า กระแสข่าวเกี่ยวกับตำแหน่ง ผบ.ตร.เป็นเรื่องความเหมาะสมตามระบบคุณธรรม หรือระบบอุปถัมภ์ พบว่า ร้อยละ 47.9 คิดว่า เหมาะสมตามระบบคุณธรรม ในขณะที่ร้อยละ 31.6 คิดว่าเป็นระบบอุปถัมภ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อสัมภาษณ์เชิงลึกด้วยการวิจัยเชิงคุณภาพพบว่า นายตำรวจส่วนใหญ่ยังเห็นว่า พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เป็นผู้ที่มี ความเหมาะสมเช่นกัน มุ่งมั่นทำงาน มีความประนีประนอมสูง ช่วยเชื่อมประสานความรักความสามัคคีของสังคมตำรวจ และใส่ใจดูแลสวัสดิการตำรวจชั้นผู้น้อยพอสมควร
http://www.thairath....day/view/198462