Jagger และสาวกแดง รวมทั้งคนกลาง ช่วยวิพากษ์กรณีธุดงค์บนเสื่อและกลีบกุหลาบหน่อย
#1
Posted 28 December 2012 - 09:26
ถ้างั้น...
ช่วยอ้างอรรถกถาว่าอยู่ในคัมภีร์ไหน เรื่องธุดงค์บนเสื่อโปรยกลีบกุหลาบ
พร้อมให้คนส่งเสียงสรรเสริญ และทำบุญรายทางหลายสิบกิโลเมตรหน่อยนี้
สอดคล้องกับพระวินัยข้อใดบ้าง
รอฟังอยู่
อย่าอ้างหยุดงานโพสต์ช่วงปีใหม่
- กรรมกรไอที, นายตัวเกร็ง, อู๋ ฮานามิ and 4 others like this
ฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
#2
Posted 28 December 2012 - 09:32
รวมทั้งยังมีอานิสงส์ให้บารมี 10 ทัศ เพิ่มพูนยิ่งๆ ขึ้น
ธุดงค์ แปลว่า องค์คุณเป็นเครื่องกำจัดกิเลส, องค์คุณของผู้กำจัดกิเลส หมายถึง เจตนาความตั้งใจขัดเกลากิเลส, เจตจำนงความจงใจที่ทำให้ละกิเลสได้
ธุดงค์ เป็นวัตรปฏิบัติที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตไว้ แต่ไม่มีการบังคับ แล้วแต่ผู้ใดจะสมัครใจปฏิบัติ เป็นอุบายวิธีกำจัดขัดเกลากิเลส ทำให้เกิดความมักน้อยสันโดษยิ่งขึ้น ไม่สะสม เพื่อให้เบาสบายไปมาได้สะดวกด้วยไม่มีภาระมาก เหมือนนกที่มีเพียงปีกก็บินไปฉนั้น มิใช่เพื่อสะสมหรือเพื่อลาภสักการะและชื่อเสียง ถ้าทำเพื่อลาภ เพื่อชื่อเสียง ต้องอาบัติทุกกฏ
ธุดงค์ ในภาษาไทย ใช้เรียกพระภิกษุแบกกลดเดินไปตามทางหรือเข้าป่าไปว่า เดินธุดงค์ หรือ ออกธุดงค์ เรียกภิกษุที่ปฏิบัติเช่นนั้นว่า พระธุดงค์ ธุดงค์ในภาษาไทยนี้จึงมีความหมายเฉพาะตัวตามประเพณีของพระวัดป่าของประเทศไทย ซึ่งต่างจากคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาอยู่เป็นอย่างมาก เพราะธุดงค์ตามคัมภีร์นั้น ผู้ปฏิบัติไม่จำเป็นต้องเดินเที่ยวไปทั่ว, ไม่จำเป็นต้องอยู่ป่า, ไม่มีการใช้กลด, ไม่รับเงินเด็ดขาด เป็นต้น.
เรียนเชิญทุกท่าน
ในระหว่างวันที่ 2 - 27 มกราคม 2556 ขอเรียนเชิญทุกท่านร่วมกันสถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์ ด้วยการจัดเตรียมกลีบดอกดาวรวย นำไปโปรยปูลาดตลอดเส้นทางที่พระธุดงค์จำนวน 1,128 รูป จะเดินจาริกตามรอยพระเดชพระคุณหลวงปู่
การโปรยดอกไม้ปูลาดทางเดินของพระธุดงค์ จะทำให้ทุกท่านมีส่วนในบุญของพระธุดงค์ทุกรูป ซึ่งนอกจากจะเป็นการเติมบุญใหญ่ให้แก่ตนเองตั้งแต่เริ่มต้นศักราชใหม่
จาก http://www.dmc.tv/pa...ุดงค์_LEFT.html
ฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
#3
Posted 28 December 2012 - 09:46
ถามก่อนว่า .. การเดินแบบนั้น ขัดพระวินัยหรือไม่...
ถามก่อนว่า .. การพูดว่า อร่อยจนลืมกลับวัด ขัดพระวินัยหรือไม่...
ผมว่าไม่ขัดแต่ไม่เหมาะทั้งคู่...
ถ้าท่านคิดว่าอันไหนขัด ... ช่วยบอกผมหน่อย...
"คนโง่มักจะชอบว่าคนอื่นว่าโง่"
"ถ้าคนเราคิดเหมือนกันหมด ก็ไม่มีเลือกตั้งซิครับ"
"ผมไม่พูด เรื่อง 112 แล้ว นะครับ กรุณาอย่าถาม (17 พค 2012)"
#4
Posted 28 December 2012 - 09:55
ถามก่อนว่า .. การเดินแบบนั้น ขัดพระวินัยหรือไม่...ถามก่อนว่า .. การพูดว่า อร่อยจนลืมกลับวัด ขัดพระวินัยหรือไม่...
ผมว่าไม่ขัดแต่ไม่เหมาะทั้งคู่...
ถ้าท่านคิดว่าอันไหนขัด ... ช่วยบอกผมหน่อย...
ขัดครับ
ขัดตั้งแต่
1. ผิดเจตนารมณ์ของการ"ธุดงค์" แล้ว
2. เบียดเบียนเส้นทางจราจรของชาวบ้าน พระพุทธเจ้าท่านห้ามหนักหนาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว
พระทำอะไรต้องเรียบง่าย อย่าให้ญาติโยมต้องเดือดร้อน
3. มีการโรยด้วยเครื่องหอม ของสวยงาม กระตุ้นกิเลส นี่อยู่ในศีลแปดเลยเน้อ
4. วัตถุประสงค์คือต้องการเชิญสื่อมาทำข่าว
*อย่างไรก็ตาม วอนผู้รู้ทางศาสนามาช่วยบอกข้อมูลอีกทีนะครับ เผื่อผมเข้าใจผิด
#5
Posted 28 December 2012 - 10:05
คำว่า "ไม่ผิดแต่ไม่ควร" นี้ใช้กันมากครับในทางศาสนา
ทั้งสองกรณีขอให้สาธุชนทั้งหลายเอา "คลองธรรม" ที่ตนมีพิจารณาเอาเองละกัน
ว่าเหมาะไหม ควรไหม
ถ้าเห็นว่าไม่เหมาะไม่ควร ก็เลิกนับถือท่านไป
ถ้าคิดว่าไม่กระไรก็นับถือกันต่อ
ก็แค่นั้น
แต่ที่แน่ๆ หลายครั้งที่พยายามที่จะชี้ถูกชี้ผิดกัน
บ่อยครั้งคนที่ "มาชี้" จะมีศีลน้อยกว่าผู้ที่ "ถูกชี้"
น่าขำดีนะครับ
#6
Posted 28 December 2012 - 10:06
ถามก่อนว่า .. การเดินแบบนั้น ขัดพระวินัยหรือไม่...ถามก่อนว่า .. การพูดว่า อร่อยจนลืมกลับวัด ขัดพระวินัยหรือไม่...
ผมว่าไม่ขัดแต่ไม่เหมาะทั้งคู่...
ถ้าท่านคิดว่าอันไหนขัด ... ช่วยบอกผมหน่อย...
ขัดครับ
ขัดตั้งแต่
1. ผิดเจตนารมณ์ของการ"ธุดงค์" แล้ว
2. เบียดเบียนเส้นทางจราจรของชาวบ้าน พระพุทธเจ้าท่านห้ามหนักหนาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว
พระทำอะไรต้องเรียบง่าย อย่าให้ญาติโยมต้องเดือดร้อน
3. มีการโรยด้วยเครื่องหอม ของสวยงาม กระตุ้นกิเลส นี่อยู่ในศีลแปดเลยเน้อ
4. วัตถุประสงค์คือต้องการเชิญสื่อมาทำข่าว
*อย่างไรก็ตาม วอนผู้รู้ทางศาสนามาช่วยบอกข้อมูลอีกทีนะครับ เผื่อผมเข้าใจผิด
ผมว่า ท่านต้อง ยก พระวินัยมาอ้าง เป็น ข้อๆ แล้วละครับ..
แค่ ขัดครับ... แล้ว รอผู้รู้... เหอๆๆ...
สำหรับผม มีค่าเท่ากับ ... ใครๆก็รู้
"คนโง่มักจะชอบว่าคนอื่นว่าโง่"
"ถ้าคนเราคิดเหมือนกันหมด ก็ไม่มีเลือกตั้งซิครับ"
"ผมไม่พูด เรื่อง 112 แล้ว นะครับ กรุณาอย่าถาม (17 พค 2012)"
#7
Posted 28 December 2012 - 10:07
คำว่า "ไม่ผิดแต่ไม่ควร" นี้ใช้กันมากครับในทางศาสนาทั้งสองกรณีขอให้สาธุชนทั้งหลายเอา "คลองธรรม" ที่ตนมีพิจารณาเอาเองละกัน
ว่าเหมาะไหม ควรไหม
ถ้าเห็นว่าไม่เหมาะไม่ควร ก็เลิกนับถือท่านไป
ถ้าคิดว่าไม่กระไรก็นับถือกันต่อ
ก็แค่นั้น
แต่ที่แน่ๆ หลายครั้งที่พยายามที่จะชี้ถูกชี้ผิดกัน
บ่อยครั้งคนที่ "มาชี้" จะมีศีลน้อยกว่าผู้ที่ "ถูกชี้"
น่าขำดีนะครับ
ตกลงว่า คนมี ศีลน้อย... ไม่สามารถ ชี้ถูกชี้ผิด คนมีศีลมาก.... เหรอครับ..
หรือ ว่า คนมี ศีลน้อยชี้แล้ว ... ไม่น่าเชื่อถือ... เท่ากับ นุ่งเหลืองแล้วชี้....
"คนโง่มักจะชอบว่าคนอื่นว่าโง่"
"ถ้าคนเราคิดเหมือนกันหมด ก็ไม่มีเลือกตั้งซิครับ"
"ผมไม่พูด เรื่อง 112 แล้ว นะครับ กรุณาอย่าถาม (17 พค 2012)"
#8
Posted 28 December 2012 - 10:10
พูดให้สำเหนียก แต่ไม่พยายามเข้าใจ
ก็คงไม่เสียเวลามาต่อความ
#9
Posted 28 December 2012 - 10:16
#10
Posted 28 December 2012 - 10:16
ถามก่อนว่า .. การเดินแบบนั้น ขัดพระวินัยหรือไม่...ถามก่อนว่า .. การพูดว่า อร่อยจนลืมกลับวัด ขัดพระวินัยหรือไม่...
ผมว่าไม่ขัดแต่ไม่เหมาะทั้งคู่...
ถ้าท่านคิดว่าอันไหนขัด ... ช่วยบอกผมหน่อย...
เห็นเป็นคำถามที่ดี เริ่มเป็นหมือนผู้เจริญแล้วสนทนากันหน่อย...
... เดินไปไหนมาไหนของภิกษุน่ะ ไปเถิด...ไม่ผิดวินัยหาก... ไม่ไปเบียดเบียนผู้อื่น ตามหลักการพิจารณาความเชื่อ และการรักษาซึ่งความจริง... ส่วนเดินธุดงค์นั้น... มีแต่ข้อปฏิบัติตาม "ธุดงควัตร" คือธรรมวินัยการขูดเกลากิเลสแบบเข้มข้น ที่พระตถาคตทรงชี้แนะ, สั่งสอนเหล่าภิกษุทั้งหลาย...ก็พิจารณาเอาว่าเดินด้วยดอกไม้นี่มันตรงตามข้อวัตรของพระตถาคตหรือเปล่า...
... "อร่อยจนลืมกลับวัด" ขัดวินัยสงฆ์มั้ย ถ้าตามพุทธวจนะที่พระพุทธองค์ตรัสสอนเรื่องการกินว่า "ให้น้อมจิตไปเพื่อการนั้น อย่าปล่อยจิตให้เพลินไปกับอายตนะทั้งหลาย", "การกินนั้น เพื่อดำรงรักษาขันธ์ทั้ง 5 ให้คงอยู่เป็กปกติจนถึงกาล" และอีกหลายๆพระสูตร ก็พิจารณาเอาว่าขัดมั้ย... แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญใดๆ พระวินัยที่พระต้องยึดปฏิบัติมีเป็นร้อยๆข้อ แต่ถ้ารวม "นี่ก็เป็นศีลของเธอ...ประการหนึ่ง" ด้วย มีสองพันกว่าข้อโน่น...
Edited by wat, 28 December 2012 - 10:18.
#11
Posted 28 December 2012 - 10:26
พูดให้สำเหนียก แต่ไม่พยายามเข้าใจก็คงไม่เสียเวลามาต่อความ
หรือ อีกนัยหนึ่ง...
เงิบไปแล้ว...
"คนโง่มักจะชอบว่าคนอื่นว่าโง่"
"ถ้าคนเราคิดเหมือนกันหมด ก็ไม่มีเลือกตั้งซิครับ"
"ผมไม่พูด เรื่อง 112 แล้ว นะครับ กรุณาอย่าถาม (17 พค 2012)"
#12
Posted 28 December 2012 - 10:34
ตกลงว่า คนมี ศีลน้อย... ไม่สามารถ ชี้ถูกชี้ผิด คนมีศีลมาก.... เหรอครับ.. หรือ ว่า คนมี ศีลน้อยชี้แล้ว ... ไม่น่าเชื่อถือ... เท่ากับ นุ่งเหลืองแล้วชี้....
อันนี้ตอบได้อย่างทันทีเลย
เห็นแถพยายามจะ "เห็นต่าง" ในเรื่องโง่ๆทำไมก็ไม่รู้
ท่านม่านน้ำก็เขียนชัด ไม่เห็นคลุมเครืออะไร
เปรียบเหมือนเรากำลังถกเรื่องทฤษฎีจักรวาลคงที่ของนิวตัน ปะทะกับทฤษฎีโกลาหล
แล้วท่านม่านน้ำบอกว่า คนที่ไม่ใช่นักฟิสิกส์และศึกษา+ปฏิบัติเรื่องฟิสิกส์มาน้อย กลับมาชี้ให้คนที่เป็นนักฟิสิกส์และศึกษาปฏิบัติมามาก
อยู่ดีๆมีไอ้พวกแตกต่างอย่างติงต๊องที่ไหนไม่รู้ก็สวนว่า
"อ้าวเหรอ พวกเล่าเรียนทำงานมาด้านเคออสเธียรี่มาน้อย ไม่มีสิทธิ์ชี้ หรือไม่น่าเชื่อถือเท่า physicist หรา?"
ไม่เข้าท่า ขี้เท่อ สะเหล่อ และง่อยนะ คุณว่ามั้ย
- กรรมกรไอที, คนทุกที่, นายตัวเกร็ง and 4 others like this
#13
Posted 28 December 2012 - 10:36
เหยียบกันแล้วจะได้รวยๆ นะจ๊ะ นะจ๊ะ
#14
Posted 28 December 2012 - 10:40
ตกลงว่า คนมี ศีลน้อย... ไม่สามารถ ชี้ถูกชี้ผิด คนมีศีลมาก.... เหรอครับ.. หรือ ว่า คนมี ศีลน้อยชี้แล้ว ... ไม่น่าเชื่อถือ... เท่ากับ นุ่งเหลืองแล้วชี้....
อันนี้ตอบได้อย่างทันทีเลย
เห็นแถพยายามจะ "เห็นต่าง" ในเรื่องโง่ๆทำไมก็ไม่รู้
ท่านม่านน้ำก็เขียนชัด ไม่เห็นคลุมเครืออะไร
เปรียบเหมือนเรากำลังถกเรื่องทฤษฎีจักรวาลคงที่ของนิวตัน ปะทะกับทฤษฎีโกลาหล
แล้วท่านม่านน้ำบอกว่า คนที่ไม่ใช่นักฟิสิกส์และศึกษา+ปฏิบัติเรื่องฟิสิกส์มาน้อย กลับมาชี้ให้คนที่เป็นนักฟิสิกส์และศึกษาปฏิบัติมามาก
อยู่ดีๆมีไอ้พวกแตกต่างอย่างติงต๊องที่ไหนไม่รู้ก็สวนว่า
"อ้าวเหรอ พวกเล่าเรียนทำงานมาด้านเคออสเธียรี่มาน้อย ไม่มีสิทธิ์ชี้ หรือไม่น่าเชื่อถือเท่า physicist หรา?"
ไม่เข้าท่า ขี้เท่อ สะเหล่อ และง่อยนะ คุณว่ามั้ย
ตกลงว่า... นัก physic ไม่ควร เปิดกระโหลก รับความคิดจากคนที่ ไม่ มี ศีล หรือ อีกนัยหนึง... ระดับเดียวกับตัวเอง อย่างนั้นหรือครับ....
ถ้าคน คิดว่า... ปฏิบัติมามากแล้ว... ก็ไม่ต้องฟังใคร.... เพราะ มันจะไปรู้อะไร....
ถ้าคิด คิดว่า... จะฟังใคร ต้อง ถามก่อนว่า เองจบจากไหนมา.... เองจะมาสอน ข้างั้นเหรอ .....
คุ้นๆกับว่า.. ในนี้มีเยอะนะ...
คิดเองนะครับ... ความคิดใครเข้าท่า ไม่เข้าท่า....
โอ้ ลืมไป... ผมปฏิบัติน้อย... มิบังอาจ...
"คนโง่มักจะชอบว่าคนอื่นว่าโง่"
"ถ้าคนเราคิดเหมือนกันหมด ก็ไม่มีเลือกตั้งซิครับ"
"ผมไม่พูด เรื่อง 112 แล้ว นะครับ กรุณาอย่าถาม (17 พค 2012)"
#15
Posted 28 December 2012 - 10:43
ยากเกินไป
หรือไม่ก็
ด้านชา
#16
Posted 28 December 2012 - 10:45
พูดให้สำเหนียก แต่ไม่พยายามเข้าใจก็คงไม่เสียเวลามาต่อความ
หรือ อีกนัยหนึ่ง...
เงิบไปแล้ว...
น้ำหน้าอย่างพี่ ถ้าเป็นพวกเดียวกะพี่ ถึงจะสั่งฆ่าคน สั่งเผาบ้านเผาเมือง พี่ก็ว่าอัปปรีย์ตัวนั้นถูกดี
แต่ถ้าเป็นคนที่คิดไม่เหมือนพี่ ต่อให้จะทำดีแค่ไหน พี่ก็หาเรื่องมาว่าเขาชั่ว
มนุษย์อย่างพี่บอกได้คำเดียว เกิดมาอายแทนไอ่ด่างแถวบ้าน
แยกแยะดีชั่วไม่ออก หรือเพียงเพราะหมู่พวกตัวเองชั่วเลยยอมเป็นคนชั่วตาม
นับวันยิ่งเกลียดพี่ เกลียดมากๆ เกลียดเสื้อแดงโง่ๆที่มันมีปัญหาการแยกแยะเรื่องผิดถูก
แล้วชอบดิ้นพล่านเป็นหมาโดนน้ำร้อนลวก พูดจาเพ้อเจ้อไปวันๆเหมือนที่พี่ทำ
ตัวหนังสือเขียนธรรมดาๆก็ได้พี่ ไม่ต้องกระแดะ ใส่สีแดงตัวแดงๆหรอก
เพราะสิ่งที่พี่เขียนมันยิ่งเน้นว่าพี่มีความบกพร่องทางศีลธรรมแค่ไหน
อย่าประจานตัวเองไปมากกว่านี้เลยพี่
- isa, คนทุกที่, ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่ and 6 others like this
#17
Posted 28 December 2012 - 10:51
ตกลงว่า... นัก physic ไม่ควร เปิดกระโหลก รับความคิดจากคนที่ ไม่ มี ศีล หรือ อีกนัยหนึง... ระดับเดียวกับตัวเอง อย่างนั้นหรือครับ....ถ้าคน คิดว่า... ปฏิบัติมามากแล้ว... ก็ไม่ต้องฟังใคร.... เพราะ มันจะไปรู้อะไร....
นับวันยิ่งเกลียดพี่ เกลียดมากๆ เกลียดเสื้อแดงโง่ๆที่มันมีปัญหาการแยกแยะเรื่องผิดถูกแล้วชอบดิ้นพล่านเป็นหมาโดนน้ำร้อนลวก พูดจาเพ้อเจ้อไปวันๆเหมือนที่พี่ทำ
ตัวหนังสือเขียนธรรมดาๆก็ได้พี่ ไม่ต้องกระแดะ ใส่สีแดงตัวแดงๆหรอก
เพราะสิ่งที่พี่เขียนมันยิ่งเน้นว่าพี่มีความบกพร่องทางศีลธรรมแค่ไหน
อย่าประจานตัวเองไปมากกว่านี้เลยพี่
#18
Posted 28 December 2012 - 10:59
เค้าเปลี่ยนจากกุหลาบเป็นดาวรวยแล้วฮะ
เหยียบกันแล้วจะได้รวยๆ นะจ๊ะ นะจ๊ะ
จริงของท่าน เปลี่ยนดอกไม้แล้วคราวนี้
ว่าแต่...ดอกดาวรวยเป็นอย่างไรก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน
ฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
#19
Posted 28 December 2012 - 11:03
เค้าเปลี่ยนจากกุหลาบเป็นดาวรวยแล้วฮะ
เหยียบกันแล้วจะได้รวยๆ นะจ๊ะ นะจ๊ะ
จริงของท่าน เปลี่ยนดอกไม้แล้วคราวนี้
ว่าแต่...ดอกดาวรวยเป็นอย่างไรก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน
ก็ดาวเรืองนั่นแหละขอรับ ผ่านการชำแหละกลีบ ขยี้ ขยำ ทึ้งแล้วตั้งชื่อเป็นดาวโรย...
น่าเอากุหลาบทั้งก้านมากกว่า การเดินนี้จะขูดเกลาความโง่งมงายได้อีกเยอะ...
- คนกวาดขยะ likes this
#20
Posted 28 December 2012 - 11:06
ไม่อยากให้มาปนกับกระทู้การเมือง.......จริงๆเลยครับ
#21
Posted 28 December 2012 - 11:06
พูดให้สำเหนียก แต่ไม่พยายามเข้าใจก็คงไม่เสียเวลามาต่อความ
หรือ อีกนัยหนึ่ง...
เงิบไปแล้ว...
น้ำหน้าอย่างพี่ ถ้าเป็นพวกเดียวกะพี่ ถึงจะสั่งฆ่าคน สั่งเผาบ้านเผาเมือง พี่ก็ว่าอัปปรีย์ตัวนั้นถูกดี
แต่ถ้าเป็นคนที่คิดไม่เหมือนพี่ ต่อให้จะทำดีแค่ไหน พี่ก็หาเรื่องมาว่าเขาชั่ว
มนุษย์อย่างพี่บอกได้คำเดียว เกิดมาอายแทนไอ่ด่างแถวบ้าน
แยกแยะดีชั่วไม่ออก หรือเพียงเพราะหมู่พวกตัวเองชั่วเลยยอมเป็นคนชั่วตาม
นับวันยิ่งเกลียดพี่ เกลียดมากๆ เกลียดเสื้อแดงโง่ๆที่มันมีปัญหาการแยกแยะเรื่องผิดถูก
แล้วชอบดิ้นพล่านเป็นหมาโดนน้ำร้อนลวก พูดจาเพ้อเจ้อไปวันๆเหมือนที่พี่ทำ
ตัวหนังสือเขียนธรรมดาๆก็ได้พี่ ไม่ต้องกระแดะ ใส่สีแดงตัวแดงๆหรอก
เพราะสิ่งที่พี่เขียนมันยิ่งเน้นว่าพี่มีความบกพร่องทางศีลธรรมแค่ไหน
อย่าประจานตัวเองไปมากกว่านี้เลยพี่
ท่านพูดถึงใครครับ... ถ้าหมายถึงผม
สิ่งที่พูดเกิดจาก ผมทำ... หรือ ท่าน จินตนาการว่า ผมทำครับ...
ท่านรู้ได้ไงครับว่า... "ถ้าเป็นพวกเดียวกะพี่ ถึงจะสั่งฆ่าคน สั่งเผาบ้านเผาเมือง พี่ก็ว่าอัปปรีย์ตัวนั้นถูกดี"
ใช้จินตนาการเอา หรือ ว่า... ใช้ ตรรกของคน มีศีล แล้วชี้เอาว่า ผมเป็นแบบนั้น... เชิญใช้ Google หาเอาตามสบายเลยครับ ว่า ผมเคยว่าไว้แบบนั้นตอนไหน...
"แต่ถ้าเป็นคนที่คิดไม่เหมือนพี่ ต่อให้จะทำดีแค่ไหน พี่ก็หาเรื่องมาว่าเขาชั่ว"
โทษนะครับ...ใน 4000+ post ผมยัง ไม่เคยบอกว่า ใครชั่ว.. ใครเลว... ถ้าที่ว่ามาไม่ได้ คิดไปเอง...
ช่วยหามาหน่อย... เหอๆๆ
ผมเห็นแต่ ... พวกๆท่านนี่แหละ... ชอบชี้นักว่า .. ใครชั่ว ใครเลย ใึครเลอะเทอะ... เพราะ คิดไม่เหมือนเค้า...
ยกตัวอย่างใกล้ตัว...
ท่านเอง ก็ เพิ่ง ชี้หน้าว่าผม... "บกพร่องทางศีลธรรม" .... ขณะที่ผมไม่เคย...
คุณผึ้ง...ก็ เพิ่ง imply ว่าผม... "ไม่เข้าท่า ขี้เท่อ สะเหล่อ และง่อยนะ" .... ขณะที่ผมไม่เคย...
ผมไม่รู้นะครับว่า.. ใครบกพร่องหรือไม่บกพร่องกันแน่...
ผมไม่รู้นะครับว่า.. ใครพูดจาเพ้อเจ้อไปเรื่อย... โดย คิดไปเอง...
ท่านจะเกลียดผม... เพราะ ความเห็นผมไม่ถูกใจ... ผมเคารพความเห็นท่านนะครับ... ไม่เป็นไร...
แต่ ขออย่างเดียว... กรุณา.. แน่ใจว่า... ผมเป็นอย่างที่ท่านคิด จาก ข้อความ ที่ผมเขียนจริงๆ... อย่าคิดไปเอง...
"คนโง่มักจะชอบว่าคนอื่นว่าโง่"
"ถ้าคนเราคิดเหมือนกันหมด ก็ไม่มีเลือกตั้งซิครับ"
"ผมไม่พูด เรื่อง 112 แล้ว นะครับ กรุณาอย่าถาม (17 พค 2012)"
#22
Posted 28 December 2012 - 11:07
ส่วนตัว.....เราควรยกศาสนา....ไว้ในที่ ที่ควรบูชา
ไม่อยากให้มาปนกับกระทู้การเมือง.......จริงๆเลยครับ
ต้องโทษคนตั้งกระทู้แล้วครับ...
"คนโง่มักจะชอบว่าคนอื่นว่าโง่"
"ถ้าคนเราคิดเหมือนกันหมด ก็ไม่มีเลือกตั้งซิครับ"
"ผมไม่พูด เรื่อง 112 แล้ว นะครับ กรุณาอย่าถาม (17 พค 2012)"
#23
Posted 28 December 2012 - 11:13
ถามก่อนว่า .. การเดินแบบนั้น ขัดพระวินัยหรือไม่...ถามก่อนว่า .. การพูดว่า อร่อยจนลืมกลับวัด ขัดพระวินัยหรือไม่...
ผมว่าไม่ขัดแต่ไม่เหมาะทั้งคู่...
ถ้าท่านคิดว่าอันไหนขัด ... ช่วยบอกผมหน่อย...
ขัดครับ
ขัดตั้งแต่
1. ผิดเจตนารมณ์ของการ"ธุดงค์" แล้ว
2. เบียดเบียนเส้นทางจราจรของชาวบ้าน พระพุทธเจ้าท่านห้ามหนักหนาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว
พระทำอะไรต้องเรียบง่าย อย่าให้ญาติโยมต้องเดือดร้อน
3. มีการโรยด้วยเครื่องหอม ของสวยงาม กระตุ้นกิเลส นี่อยู่ในศีลแปดเลยเน้อ
4. วัตถุประสงค์คือต้องการเชิญสื่อมาทำข่าว
*อย่างไรก็ตาม วอนผู้รู้ทางศาสนามาช่วยบอกข้อมูลอีกทีนะครับ เผื่อผมเข้าใจผิด
ผมว่า ท่านต้อง ยก พระวินัยมาอ้าง เป็น ข้อๆ แล้วละครับ..
แค่ ขัดครับ... แล้ว รอผู้รู้... เหอๆๆ...
สำหรับผม มีค่าเท่ากับ ... ใครๆก็รู้
หาข้อมูลมาให้
ธุดงค์ไม่ใช่การเดิน ไม่ใช่การอยู่ป่า และไม่ใช่บทบัญญัติทางวินัย
ธุดงค์ ๑๓ (องค์คุณเครื่องสลัดหรือกำจัดกิเลส, ข้อปฏิบัติประเภทวัตรที่ผู้สมัครใจจะพึงสมาทานประพฤติได้ เพื่อเป็นอุบายขัดเกลากิเลส ช่วยส่งเสริมด้วยมักน้อยและสันโดษเป็นต้น)
หมวดที่ ๑ จีวรปฏิสังยุต (เกี่ยวกับจีวร)
๑. ปังสุกูลิกังคะ (องค์แห่งผู้ถือทรงผ้าบังสุกุลเป็นวัตร คำสมาทานโดยอธิษฐานใจหรือเปล่งวาจาว่า "คหปติจีวรํ ปฏิกฺขิปามิ, ปํสุกูลิกงฺคํ สมาทิยามิ" แปลว่า "เรางดคฤหบดีจีวร สมาทานองค์แห่งผู้—")
๒. เตจีวริกังคะ (องค์แห่งผู้ถือทรงเพียงไตรจีวรเป็นวัตร คำสมาทานว่า "จตุตฺถ จีวรํ ปฏิกฺขิปามิ, เตจีวริกงฺคํ สมาทิยามิ" แปลว่า "ข้าพเจ้างดจีวรผืนที่ ๔ สมาทานองค์แห่งผู้—")
หมวดที่ ๒ ปิณฑปาตปฏิสังยุต (เกี่ยวกับบิณฑบาต)
๓. ปิณฑปาติกังคะ (องค์แห่งผู้ถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร คำสมาทานว่า "อติเรกลาภํ ปฏิกฺขิปามิ ปิณฺฑปาติกงฺคํ สมาทิยามิ" แปลว่า "ข้าพเจ้างดอติเรกลาภ สมาทานองค์แห่งผู้—")
๔. สปทานจาริกังคะ (องค์แห่งผู้ถือเที่ยวบิณฑบาตไปตามลำดับเป็นวัตร คำสมาทานว่า "โลลุปฺปจารํ ปฏิกฺขิปามิ, สปทานจาริกงฺคํ สมาทิยามิ" แปลว่า "ข้าพเจ้างดการเที่ยวตามใจอยาก สมาทานองค์แห่งผู้ —")
๕. เอกาสนิกังคะ (องค์แห่งผู้ถือนั่งฉัน ณ อาสนะเดียวเป็นวัตร คือฉันวันละมื้อเดียว ลุกจากที่แล้วไม่ฉันอีก คำสมาทานว่า "นานาสนโภชนํ ปฏิกฺขิปามิ, เอกาสนิกงฺคํ สมาทิยามิ" แปลว่า "ข้าพเจ้างดเว้นการฉัน ณ ต่างอาสนะ สมาทานองค์แห่งผู้— ")
๖. ปัตตปิณฑิกังคะ (องค์แห่งผู้ถือฉันเฉพาะในบาตรเป็นวัตร คือ ไม่ใช้ภาชนะใส่อาหารเกิน ๑ อย่างคือบาตร คำสมาทานว่า "ทุติยภาชนํ ปฏิกฺขิปามิ, ปตฺตปิณฺฑิกงฺคํ สมาทิยามิ" แปลว่า "ข้าพเจ้างดภาชนะที่สอง สมาทานองค์แห่งผู้—")
๗. ขลุปัจฉาภัตติกังคะ (องค์แห่งผู้ถือห้ามภัตที่ถวายภายหลังเป็นวัตร คือเมื่อได้ปลงใจกำหนดอาหารที่เป็นส่วนของตน ซึ่งเรียกว่าห้ามภัต ด้วยการลงมือฉัน เป็นต้นแล้ว ไม่รับอาหารที่เขานำมาถวายอีก แม้จะเป็นของประณีต คำสมาทานว่า "อติริตฺตโภชนํ ปฏิกฺขิปามิ, ขลุปจฺฉาภตฺติกงฺคํ สมาทิยามิ" แปลว่า "ข้าพเจ้างดโภชนะอันเหลือเฟือ สมาทานองค์แห่งผู้— ")
หมวดที่ ๓ เสนาสนปฏิสังยุต (เกี่ยวกับเสนาสนะ)
๘. อารัญญิกังคะ (องค์แห่งผู้ถืออยู่ป่าเป็นวัตร อยู่ห่างบ้านคนอย่างน้อย ๕๐๐ ชั่วธนู คือ ๒๕ เส้น คำสมาทานว่า "คามนฺตเสนาสนํ ปฏิกฺขิปามิ, อารญฺญิกงฺคํ สมาทิยามิ" แปลว่า "ข้าพเจ้างดเสนาสนะชายบ้าน สมาทานองค์แห่งผู้—")
๙. รุกขมูลิกังคะ (องค์แห่งผู้ถืออยู่โคนไม้เป็นวัตร คำสมาทานว่า "ฉนฺนํ ปฏิกฺขิปามิ, รุกฺขมูลิกงฺคํ สมาทิยามิ" แปลว่า "ข้าพเจ้างดที่มุงบัง สมาทานองค์แห่งผู้—")
๑๐. อัพโภกาลิกังคะ (องค์แห่งผู้ถืออยู่ที่แจ้งเป็นวัตร คำสมาทานว่า "ฉนฺนญฺจ รุกฺขมูลญฺจ ปฏิกฺขิปามิ, อพฺโภกาสิกงฺคํ สมาทิยามิ" แปลว่า "ข้าพเจ้างดที่มุงบังและโคนไม้ สมาทานองค์แห่งผู้—")
๑๑. โสสานิกังคะ (องค์แห่งผู้ถืออยู่ป่าช้าเป็นวัตร คำสมาทานว่า "อสุสานํ ปฏิกฺขิปามิ, โสสานิกงฺคํ สมาทิยามิ" แปลว่า "ข้าพเจ้างดที่มิใช่ป่าช้า สมาทานองค์แห่งผู้— ")
๑๒. ยถาสันถติกังคะ (องค์แห่งผู้ถืออยู่ในเสนาสนะแล้วแต่เขาจัดให้ คำสมาทานว่า "เสนาสนโลลุปฺปํ ปฏิกฺขิปามิ, ยถาสนฺถติกงฺคํ สมาทิยามิ" แปลว่า "ข้าพเจ้างดความอยากเอาแต่ใจในเสนาสนะ สมาทานองค์แห่งผู้—")
หมวดที่ ๔ วิริยปฏิสังยุต (เกี่ยวกับความเพียร)
๑๓. เนสัชชิกังคะ (องค์แห่งผู้ถือการนั่งเป็นวัตร คือเว้นนอน อยู่ด้วยเพียง ๓ อิริยาบถ คำสมาทานว่า "เสยฺยํ ปฏิกฺขิปามิ, เนสชฺชิกงฺคํ สมาทิยามิ" แปลว่า "ข้าพเจ้างดการนอน สมาทานองค์แห่งผู้—")
ข้อควรทราบเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุดงค์ ๑๓
ก. โดยย่อธุดงค์มี ๘ ข้อ เท่านั้น คือ
๑) องค์หลัก ๓ (สีสังคะ) คือ สปทานจาริกังคะ (เท่ากับได้รักษาปิณฑปาติกังคะด้วย) เอกาสนิกังคะ (เท่ากับได้รักษาปัตตปิณฑิกังคะ และขลุปัจฉาภัตติกังคะด้วย) และอัพโภกาสิกังคะ (ทำให้รุกขมูลิกังคะ กับ ยถาสันติกังคะ หมดความจำเป็น)
๒) องค์เดี่ยวไม่คาบเกี่ยวข้ออื่น ๕ (อสัมภินนังคะ) คือ อารัญญิกังคะ ปังสุกุลิกังคะ เตจีวริกังคะ เนสัชชิกังคะ และโสสานิกังคะ
ข. โดยนิสสัยคือที่อาศัย มี ๒ คือ ปัจจัยนิสิต ๑๒ (อาศัยปัจจัย) กับ วิริยนิสิต ๑ (อาศัยความเพียร)
ค. โดยบุคคลผู้ถือ
๑) ภิกษุ ถือได้ทั้ง ๑๓ ข้อ
๒) ภิกษุณี ถือได้ ๘ ข้อ (คือ ข้อ ๑-๒-๓-๔-๕-๖-๑๒-๑๓)
๓) สามเณร ถือได้ ๑๒ ข้อ (คือ เว้นข้อ ๒ เตจีวรกังคะ)
๔) สิกขมานาและสามเณรี ถือได้ ๗ ข้อ (คือ ลดข้อ ๒ ออกจากที่ภิกษุณีถือได้)
๕) อุบาสกอุบาสิกา ถือได้ ๒ ข้อ (คือ ข้อ ๕ และ ๖)
ง. โดยระดับการถือ แต่ละข้อถือได้ ๓ ระดับ คือ
๑) อย่างอุกฤษฏ์ หรืออย่างเคร่ง เช่น ผู้ถืออยู่ป่า ต้องให้ได้อรุณในป่าตลอดไป
๒) อย่างมัธยม หรืออย่างกลาง เช่น ผู้ถืออยู่ป่า อยู่ในเสนาสนะชายบ้าน ตลอดฤดูฝน ๔ เดือน ที่เหลืออยู่ป่า
๓) อย่างอ่อน หรืออย่างเพลา เช่น ผู้ถืออยู่ป่า อยู่ในเสนาสนะชายบ้านตลอดฤดูฝนและหนาวรวม ๘ เดือน
จ. ข้อ ๙ และ ๑๐ คือ รุกขมูลิกังคะ และอัพโภกาสิกังคะ ถือได้เฉพาะนอกพรรษา เพราะวินัยกำหนดให้ต้องถือเสนาสนะในพรรษา
ฉ. ธุดงค์ไม่ใช่บทบัญญัติทางวินัย ขึ้นกับความสมัครใจ มีหลักทั่วไปในการถือว่า
ถ้าถือแล้วช่วยให้กรรมฐานเจริญ หรือช่วยให้กุศลธรรมเจริญ อกุศลธรรมเสื่อมควรถือ
ถ้าถือแล้วทำให้กรรมฐานเสื่อม หรือทำให้กุศลธรรมเสื่อม อกุศลธรรมเจริญ ไม่ควรถือ
ส่วนผู้ที่ถือหรือไม่ถือ ก็ไม่ทำให้กรรมฐานเจริญหรือเสื่อม เช่น เป็นพระอรหันต์แล้วอย่างพระมหากัสสปะ เป็นต้น หรือคนอื่นๆก็ตาม ควรถือได้
ฝ่ายแรกควรถือในเมื่อคิดจะอนุเคราะห์ชุมชนในภายหลัง ฝ่ายหลังเพื่อเป็นวาสนาต่อไป
ช. ธุดงค์ที่มาในบาลีเดิม ไม่พบครบจำนวนในที่เดียว
(ที่พบจำนวนมาก คือ ม.อุ.๑๔/๑๘๖/๑๓๘ มีข้อ ๑-๓-๕-๘-๙-๑๐-๑๑-๑๒-๑๓;
องฺ.ทสก.๒๔/๑๘๑/๒๔๕ มีข้อ ๑-๕-๖-๗-๘-๙-๑๐-๑๑-๑๒-๑๓;
ขุ.ม.๒๙/๙๑๘/๕๘๔ มีข้อ ๑-๒-๓-๔-๗-๘-๑๒-๑๓)
นอกจากคัมภีร์บริวาร (วินย.๘/๙๘๒/๓๓๐; ๑๑๙๒/๔๗๕) ซึ่งมีหัวข้อครบถ้วน
ส่วนคำอธิบายทั้งหมดพึงดูในคัมภีร์วิสุทธิมรรค.
อ้างอิง
วิสุทฺธิ.๑/๗๓-๑๐๔.
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลธรรม พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)
ขอบคุณภาพจาก http://images.palung...watthumpra.com/
http://www.dhammatha.../dictionary.php
#24
Posted 28 December 2012 - 11:15
ตักบาตรเพชรสิ หรู เลิศ อลังการ ฮา
#25
Posted 28 December 2012 - 11:25
สำหรับผม
ฝ่ายหนึ่ง โปรโมท วัด ซึ่งน่าจะเข้าใจว่าเพราะอะไร เขาเน้นสวยงามทรามสมร
ฝ่ายหนึ่ง โยมขอยืมมาโปรโมทกิจการ คำที่ท่านใช้พยามยามให้ชาวบ้านเข้าใจง่าย เปรืยบเทียบความอร่อยที่เป็นกิเลสมีอำนาจทำให้ลืมกลับวัดแต่ท่านคงไม่ลืมกลับวัด
ไม่ต้องพูดเรื่องพระวินัยหรอก
#26
Posted 28 December 2012 - 11:28
เมื่อพระสงฆ์กระทำที่ไม่ผิดพระวินัย แต่ชาวโลกเห็นว่าไม่พึงกระทำ ก็ไม่ควรทำ
ที่จริงคำนี้ มีคำแปลที่แตกต่างไปจากที่เข้าใจ ดังนี้
พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายคำว่า โลกวัชชะ (อ่านว่า โล-กะ-วัด-ชะ) ว่า โทษทางโลก, อาบัติที่เป็นโทษทางโลก, ข้อเสียหายที่ชาวโลกติเตียนว่าไม่เหมาะสมกับสมณะ
ที่มา สำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดสมุทรปราการ http://spk.onab.go.t...1-57&Itemid=150
ฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
#27
Posted 28 December 2012 - 11:35
ว่าควรใช้สีแบบไหน ควรใช้เส้นขนาดใด รูปวาดจึงจะออกมาสวยงาม
เห็นเฮ็นไตสู่รู้ตั้งแต่รันเวย์สนามบินยันพระวินัยในศาสนาพุทธ
ก็เหมือนกับท่านม่านน้ำบอกนั่นแหละ เก็ตยัง ?
#28
Posted 28 December 2012 - 11:44
งดสนทนากับ ผู้นิยมการ ด่าพ่อล่อแม่... เพราะ ถ้าผมไม่หลาบจำ..
โดนอีก ... จะโทษใครไม่ได้...
แม้ว่า ผมจะคัน ปากแค่ไหนก็ตาม... ต้องห้ามใจไว้...
"คนโง่มักจะชอบว่าคนอื่นว่าโง่"
"ถ้าคนเราคิดเหมือนกันหมด ก็ไม่มีเลือกตั้งซิครับ"
"ผมไม่พูด เรื่อง 112 แล้ว นะครับ กรุณาอย่าถาม (17 พค 2012)"
#29
Posted 28 December 2012 - 11:49
ส่วนตัว.....เราควรยกศาสนา....ไว้ในที่ ที่ควรบูชา
ไม่อยากให้มาปนกับกระทู้การเมือง.......จริงๆเลยครับ
ทุกวันนี้มีนิกายมาเกี่ยวกับเรื่องการเมืองครับ
พยายามจะทำลายความเป็นศาสนาพุทธที่พระพุทธเจ้าได้สั่งสอนมากว่า2500ปี!!
ก็คิดดูว่าถึงขนาดนักการเมืองสาวส่ำส่อนบางคนประกาศจะสังคยานาพระไตรปิฎกเองเลยทีเดียว!!!
เอ็งขอเป็น"ขี้ข้าโจร" ข้าเลือกเป็น"ข้าธุลีพระบาท" เอ็งขอเป็น"ไพร่" ข้าเลือกเป็น"พสกนิกร"
#30
Posted 28 December 2012 - 11:53
งดสนทนากับ ผู้นิยมการ ด่าพ่อล่อแม่... เพราะ ถ้าผมไม่หลาบจำ..โดนอีก ... จะโทษใครไม่ได้...
แม้ว่า ผมจะคัน ปากแค่ไหนก็ตาม... ต้องห้ามใจไว้...
ดีใจอ่ะคับ พ่อแม่ปู่ย่าตายายผมสั่งสอนมาให้ปกป้องชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
ไม่ได้ให้ทำตัวเป็นขี้ข้าปกป้องนักโทษ!!!
เอ็งขอเป็น"ขี้ข้าโจร" ข้าเลือกเป็น"ข้าธุลีพระบาท" เอ็งขอเป็น"ไพร่" ข้าเลือกเป็น"พสกนิกร"
#31
Posted 28 December 2012 - 13:13
ส่วนตัว.....เราควรยกศาสนา....ไว้ในที่ ที่ควรบูชา
ไม่อยากให้มาปนกับกระทู้การเมือง.......จริงๆเลยครับ
เหตุเพราะมีพวกเล่นการเมือง เอาพระมาเล่น ไม่รู้จักแล้ว
และเหตุเพราะศาสนจักรกับอาณาจักร บางทีก็เกื้อหนุนกันอยู่
ฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
#32
Posted 28 December 2012 - 13:19
คราวนี้ พระสงฆ์ท่านก็ว่า ที่จริงหมายถึงโทษทางโลก เช่น กฎหมายบัญญัติว่าผิด พระสงฆ์ไปทำก็ผิด ถือเป็นโลกวัชชะ
ส่วนสองกรณีที่ยกมาเทียบเคียงทั้งกรณีท่าน ว. กับ ธุดงค์ของวัดธรรมกาย ตกลงเข้าข่ายใด
ในเมื่อทั้งสองเรื่อง ได้รับการกล่าวถึง และวิพากษ์วิจารณ์กันแพร่หลาย
อ้อ..เห็นนาย Jagger ไปตั้งกระทู้ที่อื่น
ดูท่าเขาคงชอบตั้งกระทู้ มากกว่าเข้ามาปุจฉา วิสัชนา และวิสาสะกับเพื่อนสมาชิก
ตามเคยของเขา
- ครุฑดำ likes this
ฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
#33
Posted 28 December 2012 - 13:20
แต่ใครจะยืนยันถึงเจตนาได้จริง ?
ฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
#34
Posted 28 December 2012 - 13:32
วิธีปลูกดาวรวย
เทคนิคการปลูกดอกดาวรวยให้ได้บุญเต็มที่
1. เปิดบทสวดสรรเสริญหลวงปู่ฯ ให้ต้นกล้ารวยทุกวัน
2. ก่อนรดน้ำให้นั่งสมาธิ(Meditation)กลั่นจิตกลั่นใจให้ใสๆ นึกถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่ และนำน้ำที่จะรดมาอธิษฐานจิตก่อนเสมอ
3. ห้ามสัตว์ทุกชนิดกระโดดข้ามต้นกล้ารวย
4. ให้ทำใจใสๆ ทุกวันเพื่อเตรียมตัวที่จะนำดอกดาวรวยที่ปลูกด้วยหัวใจไปโปรยต้อนรับพระผู้ มีบุญที่เดินธุดงค์ในเส้นทางมหาปูชนียาจารย์ด้วยตัวเองให้ได้ทุกวัน
#36
Posted 28 December 2012 - 14:06
วิธีปลูกดาวรวย
เทคนิคการปลูกดอกดาวรวยให้ได้บุญเต็มที่
1. เปิดบทสวดสรรเสริญหลวงปู่ฯ ให้ต้นกล้ารวยทุกวัน
2. ก่อนรดน้ำให้นั่งสมาธิ(Meditation)กลั่นจิตกลั่นใจให้ใสๆ นึกถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่ และนำน้ำที่จะรดมาอธิษฐานจิตก่อนเสมอ
3. ห้ามสัตว์ทุกชนิดกระโดดข้ามต้นกล้ารวย
4. ให้ทำใจใสๆ ทุกวันเพื่อเตรียมตัวที่จะนำดอกดาวรวยที่ปลูกด้วยหัวใจไปโปรยต้อนรับพระผู้ มีบุญที่เดินธุดงค์ในเส้นทางมหาปูชนียาจารย์ด้วยตัวเองให้ได้ทุกวัน
อย่างนี้ก็แล้วแต่ทุกท่านจะเอาธรรมของตนมาพิจารณาก็แล้วกัน
แต่ถ้าเป็นธรรมที่ผมมีอยู่ พิจารณาได้ว่าเป็น "อวิชชา" โดยแท้ครับ
- คนกวาดขยะ likes this
#37
Posted 28 December 2012 - 14:50
เหอ เหอ เหอ น้า hentai คนมีศีลน้อย ก็ชี้ผิดชี้ถูกคนมีศีลมากได้ครับ แต่ปัญหา
มันอยู่ที่ว่า ถ้าเรามีศีลน้อยกว่า แล้วเราไปชี้ว่าคนที่มีศีลมากกว่า "ผิด" น่ะ เรามั่นใจ
ได้อย่างไร ว่าเขา "ผิด" 555 เพราะถ้าชี้ไปแล้ว ปรากฎว่าเขาไม่ผิด แต่ที่เราไปชี้
ว่าเขาผิดน่ะ คนที่มีศีลมีธรรม เขาไม่ทำกันน่ะครับเพราะเขาจะคิดว่าเขายังอาจจะรู้
ไม่ถึงพอ แต่ถ้าเป็นพวกกิเลสหนา อย่างเรา ๆ ก็ไม่ว่ากัน ชี้ผิดชี้ถูกชี้ดำเป็นขาวชี้
ขาวเป็นดำ เห็นกันบ่อย อย่าง ชี้ว่า "ไม่มีชายชุดดำงี้" 555555555
อย่างกระทู้นี้ น้า Jagger บอกว่าควรออกมาชี้แจง เพราะประเด็นมันอยู่ที่ว่า โฆษณา
หรือเปล่า ผิดวินัยหรือเปล่า เมื่อท่าน ว ออกมาชี้แจงแล้วว่า ไม่ผิดวินัย (ผมก็คิดว่าคง
ไม่ผิดหรอกเพราะในวินัยของพระคงไม่มีบัญญัติในเรื่องนี้ไว้) ส่วนเหมาะสมหรือไม่
ท่านก็บอกถึงเจตนาแล้วว่า ท่านเขียนเพราะอะไร เรื่องเจตนานี่ ทางธรรม สำคัญนะครับ
บาปไม่บาปอยู่ที่เจตนาเป็นสำคัญครับ ไม่มีลดหย่อนโทษแบบศาล เพราะฉะนั้น ถ้าท่าน ว
มีเจตนาจะโฆษณาให้ร้านก๋วยเตี๋ยว แต่มาบอกว่าเป็นการเขียนล้อเล่นกับลูกศิษย์ บาปก็เป็น
ของท่านเอง แต่ถ้าที่ท่านบอกเป็นความจริงแล้วเราไม่เชื่อ ยังปักใจว่า ท่านโฆษณา บาป
ก็เป็นของเรานั่นแหละ บาปนี่ มันมองไม่เห็นเหมือนติดคุกครับ แต่มีแน่นอนมันจะมารูปแบบใด
เราไม่รู้ได้หรอก 5555
แต่น้า Jagger แกเลี่ยงบาป เพราะแกหยุดประเด็น โฆษณา มาเปิดประเด็นใหม่ เป็นติดใจ
ในรสก๋วยเตี๋ยว ยกคำสอนของพระพุทธเจ้ามาอ้างอิงพร้อม ถ้าน้า Jagger แกบริสุทธิ์ใจต้องการ
ให้เรื่องนี้มันกระจ่างเพื่อจะได้ไม่ให้คนมาครหา ท่าน ว อีก แกก็ทำได้ครับมันอยู่ที่แกคิดยังไง
เพราะรู้สึกว่า ท่าน ว ท่านไม่ได้ชี้แจงประเด็นนี้ เนื่องจากน้า Jagger แกมาเปลี่ยนเอาเองท่าน ว
จึงคงยังไม่รู้ แต่เท่าที่ผมดูแล้ว ความเห็นผมเองว่า ถ้าเป็นประเด็นติดใจในรสอร่อยนั้น มันมอง
แค่ที่ท่านเขียนคงไม่ได้หรอก ซึ่งมันก็อยู่ที่เจตนาอีกนั่นแหละ ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่ก็คงแล้วแต่
แต่ละคนละครับ 5555
ส่วน น้า best ที่ตั้งคำถามว่าจะรู้ได้ไงว่าใครศีลมากกว่ากัน 555 ก็ดูอย่างที่น้า Wat เขียนไว้
นั่นแหละครับ ว่า พระน่ะ ต้องมีศีลขนาดไหน แล้ว เรามีศีลขนาดไหน ผมว่าแบบเรา ๆ นี่ ศีล 5
ยังครบบ้างไม่ครบบ้างเลย 5555
- ม่านน้ำ likes this
#38
Posted 28 December 2012 - 15:05
A: ถามหน่อยว่าการกระทำของจานบินขัดวินัยหรือไม่
B: ไม่ขัด แต่ก็ไม่เหมาะที่จะทำ ถ้าคิดว่าขัดข้อไหนก็ยกตัวอย่างมาให้ด้วย
วิธีตอบแบบนี้จดลิขสิทธิ์รึเปล่าครับ จะได้ขอนำไปใช้มั่ง
#39
Posted 28 December 2012 - 15:26
นั่นแหละครับ ว่า พระน่ะ ต้องมีศีลขนาดไหน แล้ว เรามีศีลขนาดไหน ผมว่าแบบเรา ๆ นี่ ศีล 5
ยังครบบ้างไม่ครบบ้างเลย 5555
ก็ใช่ครับ ข้อกำหนดของพระคือให้ถือศีลมากกว่าฆราวาส แต่ประเด็นของผมคือคุณรู้ได้ไงว่าพระรูปนั้นรูปนี้ถือศีลจริงหรือเปล่า
กลางวันอาจจะสร้างภาพเป็นพระเคร่งจริยวัตร แต่กลางคืนอาจจะนอนกกผู้หญิง ดูหนังโป๊ก็ได้
Edited by best, 28 December 2012 - 15:27.
#40
Posted 28 December 2012 - 15:56
เหอ เหอ เหอ น้า hentai คนมีศีลน้อย ก็ชี้ผิดชี้ถูกคนมีศีลมากได้ครับ แต่ปัญหา
มันอยู่ที่ว่า ถ้าเรามีศีลน้อยกว่า แล้วเราไปชี้ว่าคนที่มีศีลมากกว่า "ผิด" น่ะ เรามั่นใจ
ได้อย่างไร ว่าเขา "ผิด" 555 เพราะถ้าชี้ไปแล้ว ปรากฎว่าเขาไม่ผิด แต่ที่เราไปชี้
ว่าเขาผิดน่ะ คนที่มีศีลมีธรรม เขาไม่ทำกันน่ะครับเพราะเขาจะคิดว่าเขายังอาจจะรู้
ไม่ถึงพอ แต่ถ้าเป็นพวกกิเลสหนา อย่างเรา ๆ ก็ไม่ว่ากัน ชี้ผิดชี้ถูกชี้ดำเป็นขาวชี้
ขาวเป็นดำ เห็นกันบ่อย อย่าง ชี้ว่า "ไม่มีชายชุดดำงี้" 555555555
ไำม่ว่าใครจะเป็นคนชี้... ผมว่า ผู้ที่ถูกชี้..
ต้องเป็นคนคิดเอง แล้ว บอกว่า..
"กรุจะเชื่อมันดีไหม"... หรือ ว่า เราจะทำผิดไป... มันจะถูก...
หรือ จะมาแบบ
"โถ สวดมนต์ยังไม่ได้เลย ดันจะมาสอน".... กรูถูกอยู่แล้ว....
มันก็เป็น เรื่อง ของคนที่ถูกชี้....
ท่าน ว เมื่อโดนชี้ ก็แก้ตัวไป... ใครเห็นด้วยไม่เห็นด้วยก็ว่ากันไป..
ธรรมกาย เมื่อโดนชี้ ก็แก้ตัวไป... ใครเห็นด้วยไม่เห็นด้วยก็ว่ากันไป..
แต่ที่ ดัดจริตกว่า คือพวก.. สาวกโลกสวย... ที่ชอบพูดทำนองว่า...
ที่แปลได้ว่า..
"มึนไปว่าเค้าเนี่ย... ศีลเท่าเค้าหรือป่าว"... น่าขำ
มันก็เลยเป็นผลให้ผมสงสัยว่า...
เออ.. ตกลง ศีลไม่เท่า... ห้ามเห่า... ใช่ไหม...
บังเอิญที่สุดที่ผมความจำได้เลือนๆรางๆว่า... ตอนธรรมกายธุดงค์...
เอาแล้ว...จัดธุดงค์เพราะอยากลงกินเนสบุ๊ค ---ยาวสุดในโลก...
ท่านได้ แสดงธรรมไว้ว่า...
พุทธศาสนานี่ช่างเหมือนต้นไม้ใหญ่เสียจริง
กว่าจะเข้าถึงแก่นได้ เจอกระพี้เสียหนาเชียว
เล่นเอาคนที่อยากเข้าถึงหมดกำลังใจไปเหมือนกัน
ส่วนใหญ่ก็ยังหลงอยู่กับความงามของกระพี้
จนลืมความงามที่แท้ของแก่นธรรมไป
http://webboard.seri...งค์เพราะอยากลง/
ไม่รู้เหมือนกันว่า... คนที่พูด กับ ธรรมกาย... สิ่งไหน มีศีลมากกว่ากัน..
ถ้าใช้ตรรกเดียวกัน...มัน ก็ต้องน่าขำ... อย่างนั้นหรือ...
สวัสดีปีใหม่ 2013 ขอให้ ทุกท่าน มีความสุขสมหวัง... โรคภัยอย่าได้กล้ำกราย... (โดยเฉพาะโรคคิดไปเอง.. .)
ปีที่ผ่าน มา ถ้ากระทู้ไหน ความเห็นผมไม่ถูกใจท่าน ล่วงเกินท่าน ผมขออภัย... และสัญญาว่า...
จะทำต่อไป... เพราะ...
เราสนทนาเพื่อแลกเปลียนความเห็น... ไม่ใช่เพื่อหาเพื่อนยืนยันความเห็นเรา...
เจอกันใหม่ ปี 2013...
Edited by hentai, 28 December 2012 - 15:57.
"คนโง่มักจะชอบว่าคนอื่นว่าโง่"
"ถ้าคนเราคิดเหมือนกันหมด ก็ไม่มีเลือกตั้งซิครับ"
"ผมไม่พูด เรื่อง 112 แล้ว นะครับ กรุณาอย่าถาม (17 พค 2012)"
#42
Posted 28 December 2012 - 17:37
เหอ เหอ เหอ มันก็เป็นอย่างที่ผมพูด นั่นแหละน้า hentai เรารู้น้อย
ไปชี้ถูกชี้ผิดคนที่รู้มากกว่า ปัญหามันอยู่ที่เรามั่นใจได้อย่างไรว่าเรา
ชี้ถูกหรือชี้ผิด ส่วนน้าจะยกไปเปรียบเทียบกับกรณี ธรรมกาย ก็ไม่ผิด
เพราะผมบอกแล้วว่า มันอยู่ที่เจตนาของคนชี้ ถ้าเขาชี้ด้วยความบริสุทธิใจ
เขาก็ทำได้ เหมือนน้า Jagger นั่นแหละ แต่ส่วนใหญ่แล้วคนที่เขาอยู่ใน
แวดวงของศีลธรรมเขาก็จะระมัดระวังเท่านั้น 555
ส่วนน้า best ถ้าอยากรู้ว่าพระองค์ไหนมีศีลมากศีลน้อย หรือไม่มีศีล น้าคงต้อง
ตามดูเองแล้วละ แต่โดยหลักการแล้ว พระมีศีลมากกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว 555
#43
Posted 28 December 2012 - 17:46
เหงไตเอ๊ย... พาออกมหาสุมทรไปจะทะลุขั้วโลกใต้แล้ววุ๊ย...
#44
Posted 28 December 2012 - 23:18
ถามก่อนว่า .. การเดินแบบนั้น ขัดพระวินัยหรือไม่...ถามก่อนว่า .. การพูดว่า อร่อยจนลืมกลับวัด ขัดพระวินัยหรือไม่...
ผมว่าไม่ขัดแต่ไม่เหมาะทั้งคู่...
ถ้าท่านคิดว่าอันไหนขัด ... ช่วยบอกผมหน่อย...
ดูเจตนาครับ
"ทำดี(ผู้อื่น)เห็นผลช้า"
#45
Posted 29 December 2012 - 01:00
เค้าเปลี่ยนจากกุหลาบเป็นดาวรวยแล้วฮะ
เหยียบกันแล้วจะได้รวยๆ นะจ๊ะ นะจ๊ะ
ดาวรวย = ดาวเรือง
ถึงผมจะเป็นคนหัวขบถ แต่ไม่คิดทรยศบุญคุณแผ่นดินเกิด
เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ไม่ใช่ใบอนุญาตทำร้ายประเทศชาติ
#46
Posted 29 December 2012 - 02:03
ศีล 227 ข้อนั้นพระพุทธเจ้าไม่ได้กำหนดลงมาพร้อมกันทีเดียว
มีหลายข้อที่ชาวบ้านพากันติเตียน พระรูปอื่นเมื่อได้ฟังชาวบ้านติ
ก็พากันไปกราบทูลพระพุทธเจ้า แล้วจึงมีการกำหนดเป็นข้อห้าม (ศีล)
เรื่องพระฉัพพัคคีย์ วัตรในการอาบน้ำ [๑] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวัน วิหาร อันเป็นสถานที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตกรุงราชคฤห์ ครั้งนั้นแล พระฉัพพัคคีย์อาบน้ำ สีกาย คือ ขาบ้าง แขนบ้าง อกบ้าง หลังบ้าง ที่ต้นไม้ ชาวบ้านเห็นแล้วเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระสมณะเชื้อสายพระ ศากยบุตรทั้งหลายอาบน้ำ จึงสีกาย คือ ขาบ้าง แขนบ้าง อกบ้าง หลังบ้าง ที่ต้นไม้ เหมือนพวกนักมวยผู้ชกกันด้วยหมัด เหมือนพวกชาวบ้านผู้ชอบแต่งผิว เล่า ภิกษุทั้งหลายได้ยินพวกนั้นเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ ... จึงกราบทูล เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค ประชุมสงฆ์ทรงสอบถาม ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ในเพราะเหตุเป็นเค้า มูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย ข่าวว่า ภิกษุฉัพพัคคีย์อาบน้ำ สีกาย คือ ขาบ้าง แขนบ้าง อกบ้าง หลังบ้าง ที่ต้นไม้ จริงหรือ ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า ทรงติเตียน พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้า ทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย การกระทำของ โมฆบุรุษเหล่านั้นนั่น ไม่เหมาะสม ไม่สม ไม่ควร มิใช่กิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ ไฉน โมฆบุรุษเหล่านั้นอาบน้ำจึงสีกาย คือ ขาบ้าง แขนบ้าง อกบ้าง หลังบ้าง ที่ต้นไม้เล่า การกระทำของโมฆบุรุษเหล่านั้นนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความ เลื่อมใส ของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ... ครั้นแล้วทรงทำธรรมมีกถารับสั่งกะภิกษุ ทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุอาบน้ำ ไม่พึงสีกาย ที่ต้นไม้ รูปใดสี ต้อง อาบัติทุกกฏ ฯ
เรื่องสมัยพุทธกาล ศีลตอนนั้นยังไม่เยอะ แต่ที่สำคัญคือชาวบ้านติเตียนได้อยู่ที่เจตนา
ไม่ใช่เอะอะไรก็ชาวบ้านถือศีลน้อยกว่า ติพระไม่ได้ เสียงติเตียนนี่แหละถึงทำให้มีศีล
ถึง 227 ข้อ
- คนกวาดขยะ likes this
#47
Posted 29 December 2012 - 02:06
แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรไป เพราะว่ามันเป็นความเชื่อของเขา
เพียงแต่ผมมองว่า "วัดจานบิน" ไม่ใช่ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเพราะการปฏิบัติหลายๆ มันไม่ถูกต้องด้วยหลายๆ เหตุผล
• เอือมระอากับบรรดาพี่น้องที่หลงทางจริงๆ เห็นต่างกันยังรับได้ครับ แต่เห็นผิดเป็นชอบแบบนี้มันบัดซบจริงๆ •
• หายนะของประเทศไทย ก็คือการที่ "ควายเลือกควาย" เข้ามาทำลายประเทศ •
#48
Posted 29 December 2012 - 02:21
มีที่ทำงานอยู่คนหนึ่ง โปรธรรมกายไม่ว่าเมล์ไปหาใครต้องแนบอีเว้นท์งานบุญของวัดไปด้วยทุกฉบับ
ไม่เว้นแม้แต่งานที่ส่งให้เจ้านายก็ยังแนบไปด้วย แล้วก็ชอบคุยว่าวัดนี้ดีอย่างนั้นอย่างนี้
จนเพื่อนร่วมงานหมั่นใส้ สวนทีเดียวเงียบเลย โกรธหน้าดำหน้าแดง เถียงไม่ออก
สวนท่าไหนไม่บอก
#49
Posted 29 December 2012 - 04:13
ผิดที่จ๊าคเคอะ ไร้มาตรฐาน แยกแยะไม่ออก ระหว่าง
1.แสดงให้คนเห็นธรรม
2.ทำให้คนเห็น
เลยไม่มาวิเคราะห์ในกท.นี้
ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ
#50
Posted 29 December 2012 - 09:12
"ความดี กับ ความเลว
ความจริง กับ คำโกหก
ความถูกต้อง กับ การทำผิดกฎหมาย"
ถ้าเกิดเป็น คน ไม่ได้เกิดเป็น ควาย มันไม่ต้องให้ทายหรอก ว่าจะเลือกอย่างไหน
2 user(s) are reading this topic
0 members, 2 guests, 0 anonymous users