กรมสรรพสามิต ตรวจเข้มรถคันแรก ผิดเงื่อนไขยึดเงินคืน เผยมีคนคืนเงินรัฐบาลรายแรกแล้ว
นางสมณีย์ มงคลโภชน์ รองอธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ยอดใช้สิทธิโครงการรถคันแรกเป็นทางการมีจำนวนทั้งสิ้น 1.25 ล้านคัน เป็นเงินที่ต้องจ่ายคืน 9.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเป็นการทยอยจ่ายหลังจากที่ผู้ใช้สิทธิได้ครอบครองรถไปแล้ว 1 ปี หลังจากนี้กรมสรรพสามิตจะเข้มงวดกับผู้ที่ใช้สิทธิรถคันแรก โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับเงินคืนไปแล้ว ว่าทำตามเงื่อนไข คือ ต้องถือครองรถเป็นเวลา 5 ปี หรือไม่ หากถือครองไม่ถึงตามกำหนดที่ระบุไว้ในเงื่อนไข โดยเปลี่ยนมือก่อน ก็กรมสรรพสามิตจะดำเนินการยึดเงินคืนทันที...
...ทั้งนี้ กรมได้ชี้แจงกระบวนการยึดเงินคืนกับผู้ที่ใช้สิทธิรถคันแรกให้กับไฟแนนซ์ทั่วประเทศไปแล้ว หลักการเบื้องต้น หากผู้ใช้สิทธิที่ได้เงินคืนไปแล้วโดนไฟแนนซ์ยึดรถก่อนที่จะถือครองรถครบ 5 ปี ทางไฟแนนซ์จะต้องแจ้งให้กรมสรรพสามิตทราบ เมื่อไฟแนนซ์นำรถที่ยึดไปขายต่อและได้เงินเกินมูลหนี้ ก็ต้องส่งเงินส่วนเกินให้กรมสรรพสามิต หากยังไม่ครบเท่ากับที่กรมจ่ายคืนให้กับผู้ใช้สิทธิ ก็จะต้องดำเนินการฟ้องร้องต่อไป...
รองอธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีผู้ที่ทำผิดเงื่อนไขต้องยึดเงินที่จ่ายไปคืนกลับมา แต่มีผู้ใช้สิทธิรายหนึ่งเมื่อได้เงินภาษีสรรพสามิตคืนแล้วไปแล้ว แต่เกิดไม่ถูกโฉลกกับรถคันที่ซื้อมาจึงขายให้กับผู้อื่น และได้นำเงินภาษีมาคืนให้เองโดยไม่ต้องทวงถาม
ที่มา: http://bit.ly/UdoeHd
ชัดเจน สมมติตั้งค่าไว้สัก 30% ที่โดนยึด ก็ประมาณ 3 หมื่นล้าน แล้วลองให้สรรพสามิตทำตามที่ขีดเส้นใต้... จะได้ถึง 5 พันล้านมั้ย? เมื่อไฟแนนซ์ยึดรถ + ขายทอดตลาด เอาแค่ได้เงินเกินมูลหนี้ที่ว่าไฟแนนซ์มันจะเตะหมูเข้าปากหมา หรือมีปัญญาไปง้างปากมันได้ก็ดูกันไปเถิดขอรับ... ส่วนฟ้องร้องกันต่อไป... นั่นแหละคือหนทางสุดท้ายในการปิดคดี "หนี้สูญ"... ไฟแนนซ์มีแต่ได้กับได้, สรรพสามิตลอยตัว, คนซื้อ "ซวยเต็มๆตีนคนเดียว" อย่าพลาดแล้วกัน...