Jump to content


Photo
- - - - -

ธุดงค์ธรรมชัยฯ เริ่มแล้ว


  • Please log in to reply
22 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 มาหยารัศมี

มาหยารัศมี

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,502 posts

ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 11:30






มาอีกแล้ว กับการธุดงค์ธรรมชัยฯ เอิ่ม....เราอยากให้พวกเขาไปดูการออกธุดงค์ ของพระแถวบ้านเราจังเลย

ไม่ทราบว่าคนในพื้นที่ เขาว่าอย่างไรบ้าง!!!!!!

#2 ตุ๊ ต่องแต่ง

ตุ๊ ต่องแต่ง

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 731 posts

ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:40

กุหลาบขายดีอีกแล้วนะฮะงานนี้



#3 คนกินข้าว

คนกินข้าว

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,422 posts

ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 16:42

กุหลาบขายดีอีกแล้วนะฮะงานนี้
งานนี้ไม่ได้ใช้กุหลาบ แต่ใช้ดอกดาวเรืองที่เรียกใหม่ว่า "ดอกดาวรวย"
พระพุทธเจ้าสอนให้พวกเราละกิเลส แต่พระวัดนี้ สอนแต่การเพิ่มกิเลสอย่างไม่รู้จักพอ ไม่ว่าอะไรก็เน้นแต่เรื่อง รวย ๆๆๆๆๆๆ
"การเมือง เป็นเรื่องผลประโยชน์ส่วนตน ผลประโยชน์ประชาชน เป็นข้ออ้าง"

#4 RaRa

RaRa

    Seien Sie loyal zu Majesty

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,976 posts

ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 16:54

*
POPULAR

DMC = Dangerous Monk Center

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ป.ล. ไอ้โล้น "ทำมะชะโด" คิดอวดอุตริวิชา อวดอ้างหลวงพ่อสด

 

เอาวิชาธรรมกาย ที่หลวงพ่อสดท่านห้าม มาเล่นแร่แปรธาตุ...!!! -_- -_-
 


ขอเทิดทูนศักดิ์ศรียิ่งสิ่งใด

...แม้แต่ลมหายใจก็ยอมพลี

โลกยังไม่สิ้นหวัง ถ้ายังมั่นในความดี

...ศรัทธาไม่เคยหน่ายหนี คนดีไม่มีวันตาย


#5 phoosana

phoosana

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,687 posts

ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 17:02

รู้แต่ว่าเท้าพระนี่คงเหลืองแน่ๆ ขนาดสะพานลอยเห็นสีดำๆ ด่างไปเลนหนึ่งเลยทีเดียว

แถมเก็บกวาดไปไม่หมด ทิ้งกลีบดาวเรืองไว้บนสะพานลอยถุงเบ้อเริ่ม :D


Edited by phoosana, 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 17:15.

We love fender.

#6 สิงห์สนามซ้อม

สิงห์สนามซ้อม

    คนดีไม่กลัวการตรวจสอบ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,757 posts

ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 17:34

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ว่า แม้วัตถุทานจะบริสุทธิ์ดี เจตนาในการทำทานจะบริสุทธิ์ดี จะทำให้ทานนั้นมีผลมากหรือน้อย ย่อมขึ้นอยู่กับเนื้อนาบุญเป็นลำดับต่อไปนี้ คือ


๑ . ทำทานแก่สัตว์****** แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่มนุษย์ แม้จะเป็นมนุษย์ที่ไม่มีศีล ไม่มีธรรมเลยก็ตาม ทั้งนี้เพราะสัตว์ย่อมมีวาสนาบารมีน้อยกว่ามนุษย์และสัตว์ไม่ใช่เนื้อนาบุญที่ดี

๒ . ให้ทานแก่มนุษย์ที่ไม่มีศีล ไม่มีธรรมวินัย แม้จะให้มากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่ผู้ที่มีศีล ๕ แม้จะให้เพียงครั้งเดียวก็ตาม

๓ . ให้ทานแก่ผู้ที่มีศีล ๕ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่ผู้มีศีล ๘ แม้จะให้เพียงครั้งเดียวก็ตาม

๔ . ให้ทานแก่ผู้ที่มีศีล ๘ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานแก่ผู้มีศีล ๑๐ คือสามเณรในพุทธศาสนา แม้จะได้ถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

๕ . ถวายทานแก่สามเณรซึ่งมีศีล ๑๐ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานดังกล่าวแก่พระสมมุติสงฆ์ ซึ่งมีศีลปาฏิโมกข์สังวร ๒๒๗ ข้อ
พระด้วยกันก็มีคุณธรรมแตกต่างกัน จึงเป็นเนื้อนาบุญที่ต่างกัน บุคคลที่บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนามีศีลปาฏิโมกข์สังวร ๒๒๗ ข้อนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่ตรัสเรียกว่าเป็น " พระ " แต่เป็นเพียงพระสมมุติเท่านั้น เรียกกันว่า " สมมุติสงฆ์ " พระที่แท้จริงนั้น หมายถึงบุคคลที่บรรลุคุณธรรมตั้งแต่พระโสดาปัตติผลเป็นพระโสดาบันเป็นต้นไป ไม่ว่าท่านผู้นั้นจะได้บวชหรือเป็นฆราวาสก็ตาม นับว่าเป็น " พระ " ทั้งสิ้น และพระด้วยกันก็มีคุณธรรมต่างกันหลายระดับชั้น จากน้อยไปหามากดังนี้คือ " พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ พระปัจเจกพุทธเจ้า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธมเจ้า " และย่อมเป็นเนื้อนาบุญที่แตกต่างกัน ดังต่อไปนี้

๖ . ถวายทานแก่พระสมมุติสงฆ์ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานแก่ - พระโสดาบัน แม้จะได้ถวายทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม ( ความจริงยังมีการแยกเป็นพระโสดาปัตติมรรคและพระโสดาปัตติผล ฯลฯ เป็นลำดับไปจนถึงพระอรหัตผล แต่ในที่นี้จะกล่าวแต่เพียงย่นย่อพอให้ได้ความเท่านั้น )

๗ . ถวายทานแก่พระโสดาบัน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระสกิทาคามี แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

๘ . ถวายทานแก่พระสกิทาคามี แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระอนาคามี แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

๙ . ถวายทานแก่พระอนาคามี แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระอรหันต์ แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

๑๐ . ถวายทานแก่พระอรหันต์ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

๑๑ . ถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแด่พระองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

๑๒ . ถวายทานแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายสังฆทานที่มีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะถวายสังฆทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

๑๓ . การถวายสังฆทานที่มีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่า " การถวายวิหารทาน " แม้จะได้กระทำแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม " วิหารทาน ได้แก่การสร้างหรือร่วมสร้างโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ ศาลาโรงธรรม ศาลาท่าน้ำ ศาลาที่พักอาศัยคนเดินทางอันเป็นสาธารณะประโยชน์ที่ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน " อนึ่ง การสร้างสิ่งที่เป็นสาธารณประโยชน์หรือสิ่งที่ประชาชนใประโยชน์ร่วมกัน แม้จะไม่เกี่ยวเนื่องกับกิจในพระพุทธศาสนา เช่น " โรงพยาบาล โรงเรียน บ่อน้ำ แท็งก์น้ำ ศาลาป้ายรถยนต์โดยสารประจำทาง สุสาน เมรุเผาศพ " ก็ได้บุญมากในทำนองเดียวกัน

๑๔ . การถวายวิหารทาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ( ๑๐๐ หลัง ) ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการให้ " ธรรมทาน " แม้จะให้แต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม " การให้ธรรมทานก็คือการเทศน์ การสอนธรรมะแก่ผู้อื่นที่ยังไม่รู้ให้รู้ได้ ที่รู้อยู่แล้วให้รู้ยิ่งๆขึ้น ให้ได้เข้าใจมรรค ผล นิพพาน ให้ผู้ที่เป็นมิจฉาทิฐิได้กลับใจเป็นสัมมาทิฐิ ชักจูงผู้คนให้เข้าปฏิบัติธรรม รวมตลอดถึงการพิมพ์การแจกหนังสือธรรมะ "

๑๕ . การให้ธรรมทาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการให้ " อภัยทาน " แม้จะให้แต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม การให้อภัยทานก็คือ " การไม่ผูกโกรธ ไม่อาฆาตจองเวร ไม่พยาบาทคิดร้ายผู้อื่นแม้แต่ศัตรู " ซึ่งได้บุญกุศลแรงและสูงมากในฝ่ายทาน เพราะเป็นการบำเพ็ญเพียรเพื่อ " ละโทสะกิเลส " และเป็นการเจริญ " เมตตาพรหมวิหารธรรม " อันเป็นพรหมวิหารข้อหนึ่งในพรหมวิหาร ๔ ให้เกิดขึ้น อันพรหมวิหาร ๔ นั้น เป็นคุณธรรมที่เป็นองค์ธรรมของโยคีบุคคลที่บำเพ็ญฌานและวิปัสสนา ผู้ที่ทรงพรหมวิหาร ๔ ได้ย่อมเป็นผู้ทรงฌาน ซึ่งเมื่อเมตตาพรหมวิหารธรรมได้เกิดขึ้นแล้วเมื่อใด ก็ย่อมละเสียได้ซึ่ง " พยาบาท " ผู้นั้นจึงจะสามารถให้อภัยทานได้ การให้อภัยทานจึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและยากเย็น จึงจัดเป็นทานที่สูงกว่าการให้ทานทั้งปวง
อย่างไรก็ดี การให้อภัยทานแม้จะมากเพียงใด แม้จะชนะการให้ทานอื่น ๆ ทั้งมวล ผลบุญนั้นก็ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า " ฝ่ายศีล " เพราะเป็นการบำเพ็ญบารมีคนละขั้นต่างกัน

 

http://www.kanlayana...sara/sara68.htm

 

แน่ใจแล้วเหรอว่าทำทาน แล้วได้บุญ :lol:  :lol:


Edited by สิงห์สนามซ้อม, 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 17:34.

" ประกาศบอยคอต ช่อง 3 ไม่ว่าจะข่าว ละคร หรือการ์ตูนลูก  กรูไม่ดู !!! "


#7 winwin191

winwin191

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,520 posts

ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 19:10

ต้องแยกแยะครับ พระที่เดินนั้นเดินด้วยใจทั้งนั้น พอดีผมมีโอกาสได้รับรู้เพราะผ่านหน้าบ้านผม แต่คนจัดงานเหมาะสมหรือไม่นั้นอีกเรื่องครับ


พูดง่ายๆอย่าไปด่าพระที่มาเดินเลยมันบาป
คนเก่งเป็นง่าย คนดีเป็นยาก

#8 หมูอวกาศ

หมูอวกาศ

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 933 posts

ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 19:16

ต้องแยกแยะครับ พระที่เดินนั้นเดินด้วยใจทั้งนั้น พอดีผมมีโอกาสได้รับรู้เพราะผ่านหน้าบ้านผม แต่คนจัดงานเหมาะสมหรือไม่นั้นอีกเรื่องครับ


พูดง่ายๆอย่าไปด่าพระที่มาเดินเลยมันบาป

หมอนี่พูดถูกต้องเรื่องพระเดิน มาด้วยใจ แถมจะถวายชีวิตด้วย

 

ดูแต่ละรูปสิ ตัวดำมาก แดดก็ร้อน ทางก็ไกล 

 

ส่วนผู้จัด และเริ่มโครงการนี้ ถ้าจะทำตัวไม่เหมาะสมเท่าไหร่



#9 เชียร์คนดี

เชียร์คนดี

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 991 posts

ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 19:17

ต้องแยกแยะครับ พระที่เดินนั้นเดินด้วยใจทั้งนั้น พอดีผมมีโอกาสได้รับรู้เพราะผ่านหน้าบ้านผม แต่คนจัดงานเหมาะสมหรือไม่นั้นอีกเรื่องครับ


พูดง่ายๆอย่าไปด่าพระที่มาเดินเลยมันบาป

ทุกวันนี้..มันเลยเละตุ้มเป๊ะ อย่างที่เห็นๆ กัน

เพราะเราขาด "โยนิโสมนสิการ" กันอย่างแรง


"ทำดี(ผู้อื่น)เห็นผลช้า"


#10 THE THIRD WAY

THE THIRD WAY

    มาหาความจริง

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,417 posts

ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 19:23

พระเลว พระดีี

แยกแยะ

 

งานนี้ผมว่าอยุ่ตรงข้ามกับพระดี


Edited by THE THIRD WAY, 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 19:24.

อยู่เฉยๆ แล้วบอกว่าเป็นกลางทีคนอื่นทำอีกอย่าง บอกว่าเอียง

#11 อู๋ ฮานามิ

อู๋ ฮานามิ

    สมาชิกหน้าเก่า

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 12,018 posts

ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 19:34

กุหลาบขายดีอีกแล้วนะฮะงานนี้
งานนี้ไม่ได้ใช้กุหลาบ แต่ใช้ดอกดาวเรืองที่เรียกใหม่ว่า "ดอกดาวรวย"
พระพุทธเจ้าสอนให้พวกเราละกิเลส แต่พระวัดนี้ สอนแต่การเพิ่มกิเลสอย่างไม่รู้จักพอ ไม่ว่าอะไรก็เน้นแต่เรื่อง รวย ๆๆๆๆๆๆ

 

เราทำบุญเพื่อเลี้ยงศาสนา ไม่ได้ทำบุญเพื่อเลี้ยงกิเลสส่วนตัว หวังนู่นนี่นั่น


ถึงผมจะเป็นคนหัวขบถ แต่ไม่คิดทรยศบุญคุณแผ่นดินเกิด

 

เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ไม่ใช่ใบอนุญาตทำร้ายประเทศชาติ


#12 ไทยทรนง

ไทยทรนง

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,006 posts

ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 20:15

ต้องแยกแยะครับ พระที่เดินนั้นเดินด้วยใจทั้งนั้น พอดีผมมีโอกาสได้รับรู้เพราะผ่านหน้าบ้านผม แต่คนจัดงานเหมาะสมหรือไม่นั้นอีกเรื่องครับ


พูดง่ายๆอย่าไปด่าพระที่มาเดินเลยมันบาป

 

น่าจะมาด้วย ปัจจัยมากกว่า ครับ 


รัฐประหาร ปกป้องชีวิตไทย พอกันที ประชาธิปไตย ด้วย M79   


#13 gears

gears

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,450 posts

ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 20:20

เด่วผมจะเอา. ตะปูหมุด ไปโรยทิ้งไว้ก่อน

ดางเรืองกลายเป็นกุหลาบแน่นอน

ล้อเล่นน. อิอิ

#14 Norachon

Norachon

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 377 posts

ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 20:34

เดินด้วยใจอย่างเดียวไม่พอมั้งสำหรับพระ ธุดงควัตร มีไว้เพื่อให้พระได้ขัดเกลาจิตใจตนเอง รู้จักปลีกวิเวก สันโดษ มีความอดทน ละลดกิเลส และต้องไม่สร้างความเดือดร้อนกับคนอื่น ไม่ใช่มีเอาไว้เดินโชว์ผู้คนเหมือนนางแบบเดินแฟชั่น เดินเสร็จก็รับปัจจัยกลับวัด ไม่ต้องมีโฆษณา เดินรูปเดียวหรือเป็นกลุ่มไม่กี่รูป ไม่ใช่ไปกันเป็นโขยง เขาเดินกันในป่า ไม่ใช่ในเมือง



#15 มาหยารัศมี

มาหยารัศมี

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,502 posts

ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 21:46

 
เดินด้วยใจอย่างเดียวไม่พอมั้งสำหรับพระ ธุดงควัตร มีไว้เพื่อให้พระได้ขัดเกลาจิตใจตนเอง รู้จักปลีกวิเวก สันโดษ มีความอดทน ละลดกิเลส และต้องไม่สร้างความเดือดร้อนกับคนอื่น ไม่ใช่มีเอาไว้เดินโชว์ผู้คนเหมือนนางแบบเดินแฟชั่น เดินเสร็จก็รับปัจจัยกลับวัด ไม่ต้องมีโฆษณา เดินรูปเดียวหรือเป็นกลุ่มไม่กี่รูป ไม่ใช่ไปกันเป็นโขยง เขาเดินกันในป่า ไม่ใช่ในเมือง
 จริงแล้ว การออกธุดงค์ น่าจะเพื่อปลีกวิเวกนะ อย่างเกจิอาจารย์ หลวงปู่มั่น หลวงปู่ฝั้น
จะออกธุดงค์ทั้งนั้น ที่ที่ไป คือที่สงัด ในป่า ป่าช้า จะเหมาะ เพราะป่าช้าจะมีซากศพ ท่านจะเพ่ง จะปลง
แผ่เมตตาแก่เหล่าสรรพสัตว์ และท่านจะไม่เบียดเบียนใคร จะฉันเพื่อมีชีวิตอยู่เท่านั้น

ไม่เถียงนะว่าพระที่มาเดิน เดินด้วยใจ เพราะศรัทธาที่มีผู้บอกอย่างนั้น
ก็แค่อยากจะบอกว่า สถานที่เดินธุดงค์มันไม่เหมาะ

#16 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 21:52

ที่สุดแห่งธรรม"หลวงพ่อสด"

พ้นกับดัก"ธรรมกาย"43ปี

 

ในบรรดา 1 ใน 4 ปัญหาของวัดพระธรรมกาย ที่มีแนวทางผิดเพี้ยนจากศาสนา ซึ่งกรมการศาสนาสรุปออกมาแล้วได้แก่ คือ คำสั่ง สอนของวัด ไม่ว่าจะเป็นการสอนเพื่อเน้นการทำบุญอย่างเดียว การสอนว่านิพพาน เป็นสถานที่มีพระพุทธเจ้าไปนั่งอยู่ในนั้น

 

        โดยสามารถเห็นได้จากการนั่งสมาธิแนวธรรมกาย ขนาดที่ในการเทศนาวันอาทิตย์ที่ 3 ม.ค. พระไชยบูลย์ ธัมมฺชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ยังยืนยันต่อหน้าลูกศิษย์ว่า แนวทางของธรรมกายนิพพานเป็นสถานที่ มีตัวตนคืออัตตา เป็นนิจจัง เที่ยง และเป็นสุข ซึ่งไม่สนใจหลักศาสนาที่ว่าทุกสิ่งเป็นอนิจจัง คือไม่เที่ยง ทุกขัง คือเป็นทุกข์ และอนัตตาคือไม่ใช่ตัวตน

      อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้มีเอกสาร และหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า วิชชาธรรมกายที่ก่อกำเนิดโดยหลวงพ่อสด จันฺทสโร หรือหลวงพ่อวัดปากน้ำนั้น เป็นแนวทางที่ทำให้เกิดการหลงงมงายได้ง่าย ๆ

ไม่ว่าจะเป็นหลักฐานจากคำสอนใน พระไตรปิฎกที่ พระธรรมปิฎก หรือเจ้าคุณปยุต ปยุตฺโต เรียบเรียงออกมาเป็นหนังสือชื่อ "นิพพาน อนัตตา" ที่ยืนยันนิพพานไม่ใช่สถานที่ และไม่มีตัวตนไปจนถึงหลักฐานการที่ เสฐียร พงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต ไปยื่นต่อคณะกรรมา ธิการการศาสนาฯ ว่า ในช่วงที่หลวงพ่อสดมีชีวิตได้เกิดติดขัดในการปฏิบัติภาวนา และต้องไปเรียนกับอาจารย์ใหญ่ ฝ่ายวิปัสสนากัมมัฏฐานวัด มหาธาตุ ให้แก้ให้ จึงสามารถผ่านต่อไปได้ โดยมีหลักฐานรูปถ่ายหลวงพ่อสดลงนามถวายไว้ มีข้อความว่า

     "ให้สำนักวิปัสสนาวัดมหาธาตุไว้เป็นที่ระลึก ในโอกาสที่ฉันได้เข้าปฏิบัติวิปัสสนา ตามแบบที่วัดมหาธาตุสอนอยู่ในปัจจุบันนี้แล้ว ยืนยันได้ว่าการปฏิบัติแบบนี้ถูกต้องร่องรอยในมหาสติปัฎฐานสูตรทุกประการ" และลงชื่อโดยพระภาวนาโกศลเถร วัดปากน้ำ ธนบุรี

เล่ากันว่าหลวงพ่อวัดปากน้ำสำนึกที่เข้าใจผิดว่านิมิตเป็นการบรรลุธรรม แต่จะประกาศออกไปก็เกรงว่าศิษย์จะสับสน ด้วยว่ามีคนทำตามมากแล้ว และวิธีปฏิบัติธรรมกายเป็นสิ่งที่หลวงพ่อสดทิ้งแล้ว แต่ศิษย์ยังคงสืบต่อกันมา

นอกจากหลักฐานจากภาพถ่าย รวมถึงคำพูดของเสฐียรพงษ์แล้ว ยังมีหลักฐานชิ้นสำคัญที่สามารถอ้างถึงได้นั่นคือ เทปการสอนธรรมะของ พระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาสิทฺธิ ป.9) หรือเจ้าคุณโชดกอาจารย์ใหญ่ ฝ่ายวิปัสสนา วัดมหาธาตุที่ยืนยันได้อีก เพราะ เจ้าคุณโชดกคือพระรูปที่หลวงพ่อสดไปพบ และแก้ไขเรื่อง

กัมมัฏฐานให้นั่นเอง

 

เทปดังกล่าวเคยออกอากาศเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2541 ในรายการธรรมร่วมสมัย รวมถึงมีการเผยแพร่อย่างกว้างขวางด้วย

แต่ก่อนที่จะเข้าไปในเนื้อหาของเทปนี้ ต้องเข้าใจพื้นฐานของศาสนาพุทธก่อนว่าจะเริ่มจากการให้ทาน ถือศีล และการภาวนา ซึ่ง การภาวนาจะถือว่าเป็นกุศล เป็นแนวทางสูงสุดของศาสนาพุทธ

 

ในแง่การภาวนายังแยกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ "สมาธิหรือสมถะ" ซึ่งเป็นการภาวนาขั้นต้น กับ "การวิปัสสนา" ที่เป็นการภาวนาขั้นสูงสุดของศาสนา ซึ่งมีลักษณะแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด

 

การทำสมาธิ คือ การเพ่ง หรือการทำจิตให้หยุดอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จนทำให้จิตมีพลังขึ้นมาได้ เช่น การเพ่งกำหนดไปที่ลมหายใจ จิตในขั้นนี้จะมีฤทธิ์ มีอำนาจ ตามหลักศาสนาจะใช้จิตประเภทนี้เข้ามาหนุน เนื่องสติปัญญา โดย เมื่อจิตมีพลังเต็มเปี่ยมก็ค่อยถอนจิตออกจากสมาธิเข้ามาสู่การวิปัสสนา คือ การใช้ปัญญาพิจารณาธรรมะ ตามลำดับชั้นโดยเฉพาะในแง่สติปัฏฐาน 4 อาทิ การพิจารณาให้เห็นกายในกาย เห็นเวทนาในเวทนา เห็นจิตในจิตและเห็นธรรมในธรรม ภาวะการบรรลุธรรมขั้นสูงจะเกิดได้ต่อเมื่อเป็นผลของการวิปัสสนาเท่านั้น

 

สำหรับสมาธิแนวทางวิชชาธรรมกายก็คือ การเพ่งให้เห็น "ลูกแก้ว" ในร่างกาย นั่นเอง แต่ปัญหาของสมาธิแนวทางนี้คือ ทำให้เกิดการหลงทางได้ง่าย ๆ โดยภาพที่เห็นเป็น "นิมิต" หรือการเพ่งจนปรากฏรูปขึ้นมาได้ด้วยอำนาจของพลังจิต แต่ถือว่ายังอยู่ในขั้นสมถะไม่สามารถก้าวขึ้นไปสู่การวิปัสสนาได้

จากเทปของเจ้าคุณโชดกได้กล่าวว่า การปฏิบัติสมาธิแต่อย่างเดียวเมื่อปฏิบัติมาก ๆ และจะก้าวเข้าสู่การวิปัสสนานั้นอาจทำให้เกิดการหลง หรือเกิดอุปกิเลสได้ถึง 10 ข้อ อาทิ การเกิดแสงสว่าง และเข้าไปยึดติดกับภาพนั้น

 

"บางอาจารย์ก็นึกเป็นธรรมกาย เป็นปฐมมรรค เป็นแสงสว่าง ไปดูนรก สวรรค์ อธิษฐาน สร้างภาพนรก สร้างสวรรค์ จิตนึกไปเรื่อย เป็นจิตนึกมาเอง แล้วไปยึดติด บางครั้งคิดว่ากิเลสหายไปหมดแล้ว และกลายเป็นพระอรหันต์แล้วทั้งที่ไม่ใช่" เจ้าคุณโชดก กล่าว

 

นอกจากนั้น เจ้าคุณโชดกยังกล่าวอีกว่า เจ้าคุณวัดปากน้ำหรือหลวงพ่อสด ที่ปฏิบัติด้านสมาธิหรือสมถะมา 43 ปีมาให้ช่วย โดยแนวทางที่หลวงพ่อสดปฏิบัติคือการเพ่งดวงแก้ว และภาวนาว่าสัมมาอรหัง เห็นธรรมกาย เห็นแสงสว่าง

 

"ท่าน (หลวงพ่อสด) เข้าใจว่าสิ่งที่เห็นเป็นธรรมกาย อันที่จริงธรรมกายในพระไตรปิฎกมีกล่าวไว้หมายถึง ชื่อพระพุทธเจ้าแต่ไม่ใช่วิชาของพระพุทธเจ้า"

ดังนั้นเจ้าคุณโชดกจึงให้หลวงพ่อสดปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน โดยให้เดินจงกรม นั่งสมาธิ ระยะแรกหลวงพ่อสด ก็ยังยืนยันเห็นพระพุทธเจ้าในนิพพาน ซึ่งเข้าไปจับมือถือแขนก็ได้,เห็นพระเต็มศาลา ฯลฯ

 

เจ้าคุณโชดก จึงแนะนำให้กำหนดอารมณ์ใหม่ โดยเมื่อเห็นนิมิตหรือภาพติดตานั้น ซึ่งให้พิจารณาว่า "เห็นหนอ ๆ" เพื่อเป็นการยกเอาจิตหรือเอาสติออกมาจากสมาธิ เพื่อใช้ปัญญาพิจารณาตามหลักศาสนา ปรากฏว่าหลวงพ่อสดกำหนดสติตามแนวดังกล่าว ในที่สุดภาพพระที่เคยเห็นเต็มไปหมดก็หายวับไปกับตา และเข้าใจในหลักไตรลักษณ์ศาสนาคือทุกสิ่งเป็นอนิจจังไม่เที่ยง เป็นทุกขังหรือเป็นทุกข์ และเป็นอนัตตาคือไม่ใช่ตัวตน

 

หลวงพ่อสดถึงกับกล่าวว่า เราติดอยู่ในญาณหรืออำนาจที่เกิดจากสมาธิมาหลายสิบปี เพิ่งมาหลุดได้ในวันนี้ และเป็นที่มาของรูปถ่าย พร้อมกับลายมือที่หลวงพ่อสดให้ไว้เป็นประจักษ์พยาน

 

เจ้าคุณโชดกเองเคยกล่าวว่า ที่เล่าถึงเรื่องหลวงพ่อวัดปากน้ำไม่ใช่เอามาพูดเสีย ๆ หาย ๆ แต่เอาความดีของท่านมาเล่าให้ฟัง เพราะท่านเป็นพระที่มุ่งศึกษาในการปฏิบัติธรรม และต่อมาท่านก็ได้สู่แนวทางของการวิปัสสนาอย่างแท้จริง

 

ปัญหาของวิชชาธรรมกายนี้ เสฐียรพงษ์ได้สรุปว่า ธรรมกายของหลวงพ่อสดคือการปฏิบัติสมาธิโดยเข้าใจว่าเป็นมรรคผล แต่ในยุคหลวงพ่อสดก็เป็นแค่การสัมผัสได้เฉพาะตน ไม่ได้นำมาเผยแผ่จนใหญ่โต และสร้างศรัทธาอย่างวัดพระธรรมกายกระทำ เพื่อให้ลูกศิษย์มาทำบุญ

 

และปัจจุบันก็กลายเป็นการ จัดสรรนิมิต จนทำให้ผู้ปฏิบัติเห็นภาพ และก็มีการบอกว่าได้บรรลุธรรมเป็นขั้น ๆ โดยคนที่ไม่เคยเห็นก็ได้เห็น พอเห็นเข้าก็เกิดศรัทธา มีเท่าไหร่ก็ทุ่มเททำบุญไปหมด

 

นี่คือขบวนการสูบบุญที่แท้จริง !!!!


Edited by Stargate-1, 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 21:53.

Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#17 bird

bird

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,191 posts

ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 22:14

บอกเล่าประสบการณ์...

 

...น่าจะเกือบสิบปี ได้แล้วมั้ง วัดแถว ๆ คลอง 3 มีโครงการสร้างพระ เพือนำเงินบริจาค

ไปสร้างอุโบสถ (กลายเป็นจานบินได้ไงไม่รู้)...ถ้าบริจาค 10,000 บาทจะได้รับพระ 1 องค์

เป็นองค์เล็กสำหรับพกติดตัว...

 

ด้วยจิตศรัทธา..ก็บริจาคไป 10,000 บาท โดยโอนเข้าบัญชีไป ไม่ได้ไปบริจาคด้วยตัวเอง

โอนเสร็จ..ก็ Fax ใบ Pay in เพือรับใบอนุโมทนาบัตร นำมาหักภาษีเงินได้....

 

หลังจากนั้น...2 วัน...มีโทรศัพท์เข้ามาที่บ้านประมาณ 4 ทุ่มกว่า ๆ ปลายสายเป็นเสียง

ผู้ชาย...ไม่ใช่เสียงเพื่อนแน่ ๆ เพราะไม่คุ้น....รับโทรศัพท์ด้วยความงง ๆ

 

" โยม....อาตมา เจ้าอาวาสวัด.....ที่โยมบริจาคทรัพย์เพื่อสร้างอุโบสถ................"

 

พูดอะไรไม่รู้อีกยืดยาว แต่จับใจความไม่ได้ เพราะกำลังตกใจ...เคยทำบุญสร้างพระประธาน

สร้างอุโบสถ มาก็หลายครั้ง แต่ไม่เคยได้รับโทรศัพท์จากเจ้าอาวาส ในยามวิกาล

 

ก็ได้แต่...ค่ะ ค่ะ ค่ะ....

 

วันรุ่งขึ้น..ได้รับพระองค์เล็ก ๆ มี 1 องค์...รุ่นดูดทรัพย์....

 

ดูดทรัพย์จริง ๆ ดูดทรัพย์ออกไปจากตัว...มีโทรศัพท์ติดต่อมาอีก 3-4 ครั้ง

สุดท้าย...ต้องเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ที่บ้าน....

 

จากวันนั้น..ถึงวันนี้...ไม่เคยเฉียดไปใกล้อีกเลย....กลัว

 

 

 

 

 



#18 มาหยารัศมี

มาหยารัศมี

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,502 posts

ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 22:28

คุณ bird

ขนาดนั้นเหรอ อูย ...น่ากลัว
โห บริจาคตั้ง10,000 แถวบ้านไม่เคยมี แค่100 ก็พอ
อันที่จริง บริจาคเท่าไหร่ก็ได้นะ มันอยู่ที่ใจเรานี่ละ

#19 puggi

puggi

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,869 posts

ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 22:37

มันไม่ใช่ พระ   มันเป็นแค่ ไอ้โล้น ห่มเหลือง แค่นั้น เอง

 

งาน โล้นห่มเหลือง เดินบนพรมแดง

 

ที่สำคัญ ผ่านบ้านตูซะด้วย ว่าจะเอา เข็มหมุดไปโปรยซะหน่อย



#20 Kyubey

Kyubey

    รับสมัครสาวน้อยเวทมนตร์หลายอัตรา

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,482 posts

ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 22:45

ลัทธิสุดเพี้ยนครับ ทำให้บ้านแตกสาแหรกไปหลายครอบครัวเลย 

ผมไม่เข้าใจว่าทำไมราชการถึงให้มันเผยแพร่ลัทธิเนี่ย...เผลอๆ อีกไม่กี่ปี ลัทธินี้จะครองโลกอย่างสมบูรณ์แน่ๆ

/人◕ ‿‿ ◕人\


╱/(っ◕ ‿‿◕)っ Hello, I'm a Kyubey /人◕ ‿‿ ◕人\

╱/(っ◕ ‿‿◕)っ Please Make a contract with me and become a Magical girl! /人◕ ‿‿ <人\

ข้าพเจ้าขอสนับสนุนท่านผู้นำที่น่ารักที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ!!! Heil Lertih Adolf!! Heil Lertih Adolf!! Heil Lertih Adolf!!


#21 bird

bird

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,191 posts

ตอบ 4 มกราคม พ.ศ. 2556 - 00:03

คุณ bird

ขนาดนั้นเหรอ อูย ...น่ากลัว
โห บริจาคตั้ง10,000 แถวบ้านไม่เคยมี แค่100 ก็พอ
อันที่จริง บริจาคเท่าไหร่ก็ได้นะ มันอยู่ที่ใจเรานี่ละ

 

ค่ะ...ตอนที่รับโทรศัพท์ ตกใจมาก

พอครั้งที่ 2  ครั้งที่ 3 ชักไม่เข้าท่าแล้ว

พอครั้งที่ 4 ชวนไปทำบุญที่วัด....

 

เป็นงานอะไรสักอย่าง...ที่ทำแล้วจะได้ขึ้นสวรรค์

ชั้นเสวยสุข..อะไรเนี้ยหล่ะ....น่ากลัวสุด ๆ

 

วันรุ่งขึ้นแจ้งปิดเบอร์เดิม ขอเบอร์ใหม่ทันที่

 

คิดถึงที่ไร...สยอง...มาก ๆ .... :unsure:

 

เพิ่มเติม..

 

พระที่ได้รับมา...ยังไม่กล้าเก็บไว้เลย ต้องเอาไปใส่บาตร

พระพุทธรูปวัดหน้าพระเมรุ ที่อยุธยา....


Edited by bird, 4 มกราคม พ.ศ. 2556 - 00:06.


#22 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

ตอบ 4 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:40

เพื่อเป็นการจดจารึกเป็นจดหมายเหตุแห่งเกียรติยศไว้ในประวัติศาสตร์แห่งวงการวิปัสสนากรรมฐานในประเทศไทยให้แพร่หลายไปในสากลสืบต่อไป ก็ใคร่จักแสดงความนัยสืบต่อไปอีกหน่อยหนึ่งว่า ในโอกาสเดียวกันนี้ ยังได้มี"พระเถระสำคัญ"อีกรูปหนึ่ง ซึ่งไปเข้ารับการแก้กรรมฐานและฟังลำดับญาณพร้อมกับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเมื่อปีพ.ศ. 2498 รุ่นเดียวกันด้วย...

 

Picture-24-268.gif
นั่นก็คือ พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)
วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร นั่นเอง


DSC0234511.gif
พร้อมนี้"หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ"ยังได้มอบ"ภาพถ่าย"พร้อม"ลายเซ็นรับรอง"
ถึงความ"ถูกต้องร่องรอย"ตามพระพุทธวิปัสสนวิธีอย่างแท้จริง
แห่งสำนักปฏิบัติแห่งนี้ มาถวายเป็นอนุสรณ์ไว้ประจำที่คณะ 5 วัดมหาธาตุฯอีกด้วย


DSC02345111.gif


1193661643(1).jpg
พระธรรมสิงหบุราจารย์(จรัญ ฐิตฺธมฺโม) วัดอัมพวัน สิงห์บุรี
พระวิปัสสนาจารย์ผู้มีชื่อเสียงที่สุดองค์หนึ่งในยุคนี้ (สมัยที่ยังหนุ่มอยู่)
ซึ่งเคยไปปฏิบัติกรรมฐานแนวสติปัฏฐานที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ จนทำให้
ได้อยู่และรู้เห็นในเหตุการณ์อันเป็นอุดมมงคลยิ่ง ดังกล่าวข้างต้นด้วยองค์เอง


อาตมาได้ฟังเทศน์ลำดับญาณโดยอาจารย์พม่ามาเทศน์ และมีทูตมาแปลเป็นภาษาไทยฟังพร้อมกับหลวงพ่อสดวัดปากน้ำ เดิมทีอาตมาไม่ทราบว่าท่านมานั่งกรรมฐานที่วัดมหาธาตุฯ พอดีท่านเจ้าคุณอาจารย์ไปสอบอารมณ์ อาตมาก็ตามไปฟัง หลวงพ่อสดบอกอาตมาว่า เราเป็นขี้ข้าเขามาหลายสิบปี มีแต่นิมิตเครื่องหมายมากมาย และติดนิมิต พอกำหนด เห็นหนอ ๆ นิมิตธรรมกายหายไป ปัญญาเกิด และเข้าผลสมาบัติได้ถึง ๘๔ ชั่วโมง หลังจากนั้นก็เข้านิโรธสมาบัติได้ด้วย อันนี้ขอเปิดเผยเพราะท่านมรณภาพไปแล้ว และท่านยังบอกอาตมาอีกว่า ถ้าเราอยู่เราจะสอนอย่างนี้ต่อไป แต่ถ้าเราจะหมดอายุเราก็ขอแค่ตัวเราพ้นทุกข์
 


Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#23 สีนวล...สีนิล

สีนวล...สีนิล

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 387 posts

ตอบ 4 มกราคม พ.ศ. 2556 - 23:24

ต้องแยกแยะครับ พระที่เดินนั้นเดินด้วยใจทั้งนั้น พอดีผมมีโอกาสได้รับรู้เพราะผ่านหน้าบ้านผม แต่คนจัดงานเหมาะสมหรือไม่นั้นอีกเรื่องครับ


พูดง่ายๆอย่าไปด่าพระที่มาเดินเลยมันบาป

หมอนี่พูดถูกต้องเรื่องพระเดิน มาด้วยใจ แถมจะถวายชีวิตด้วย

 

ดูแต่ละรูปสิ ตัวดำมาก แดดก็ร้อน ทางก็ไกล 

 

ส่วนผู้จัด และเริ่มโครงการนี้ ถ้าจะทำตัวไม่เหมาะสมเท่าไหร่

 

อ้าวผมนึกว่าพระเดินมาด้วยเท้าไม่ใช่เหรอครับ แล้วเดินมาด้วยใจมันไม่เจ็บที่หน้าอกแย่เลยเหรอครับ === >>> อันนี้ล้อเล่นนะครับ

 

ผมว่าตัวของพระเองน่าจะรู้นะครับว่าอะไรมันควรหรือไม่ควร ตามหลักพระวินัย

ไม่ใช่ใครจะเชิญมาท่านก็รับคำเชิญ อย่านี้ถ้าเชิญไปสถานที่อโคจร เช่น อาบ-อบ-นวด ตอนกลางคืน

จะมาอ้างว่าต้องไปเพราะเขานิมนต์ อันนี้ก็คงไม่ใช่

ในเมื่อรู้ว่าการกระทำนั้นมันขัดต่อพุทธบัญญัติก็ไม่ควรจะไปทำ หรือทำแล้วชาวโลกติเตียนก็ควรเว้น






ผู้ใช้ 0 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 0 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน