โดยปกติ ธุรกิจของผมกำไรไม่ได้มากมายอะไรอยู่แล้ว อาศัยขายราคาไม่แพงจึงพออยู่ได้
แต่ทางรัฐบาลกำหนดให้ค่าแรงขึ้นต่ำ 300 บาท บริษัทผมคงอยู่ไม่ได้ จึงมีความคิดที่จะขึ้นราคาสินค้า แค่ก็เห็นใจลูกค้าเหมือนกัน
คิดไม่ตกครับ
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:46
โดยปกติ ธุรกิจของผมกำไรไม่ได้มากมายอะไรอยู่แล้ว อาศัยขายราคาไม่แพงจึงพออยู่ได้
แต่ทางรัฐบาลกำหนดให้ค่าแรงขึ้นต่ำ 300 บาท บริษัทผมคงอยู่ไม่ได้ จึงมีความคิดที่จะขึ้นราคาสินค้า แค่ก็เห็นใจลูกค้าเหมือนกัน
คิดไม่ตกครับ
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:49
ผมว่านะ
เอาตรงๆ หากคุณขึ้นราคา ผมต้องถามคุณกลับว่ายอดคุณจะตกลงไหม
ผมมั่นใจว่าตกลง แล้วยอดที่ตกลงทำผลกำไรรวมลดลงไหม นี้สิน่าคิด
ผมมองว่าต้นทุนที่เพิ่มคือปัญหา แต่การขึ้นราคาในภาวะที่คู่แข่งยืนราคาก็ไม่น่าเหมาะ ปัจจัยมีเยอะครับ
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:52
รอฟังคำชี้แนะจาก.........เห็นตาย Jagger หมูอวกาศ ดอนยอ best ใจดี..........อยู่เน้อ
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:53
ผมว่านะเอาตรงๆ หากคุณขึ้นราคา ผมต้องถามคุณกลับว่ายอดคุณจะตกลงไหม
ผมมั่นใจว่าตกลง แล้วยอดที่ตกลงทำผลกำไรรวมลดลงไหม นี้สิน่าคิด
ผมมองว่าต้นทุนที่เพิ่มคือปัญหา แต่การขึ้นราคาในภาวะที่คู่แข่งยืนราคาก็ไม่น่าเหมาะ ปัจจัยมีเยอะครับ
แล้วผมควรทำยังไงคับ
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:56
ผมเตือนคุณนิด ถ้าทำอะไรแล้วขาดทุน อย่าทนจนไม่มีทุนให้ขาด
ถ้าเริ่มชักเนื้อ เปลี่ยนกิจการ หรือเลิก จะดีกว่า ในสถานะกรณ์ช่วงนี้
ความเสี่ยงสูงมาก
ถ้าคุณแอบจ่ายน้อย เกิดลูกจ้างแค่คนเดียวไปแจ้งเจ้าหน้าที่
คราวนี้จะเป็นเรื่องใหญ่
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:57
มันเป็นผลกระทบ มันต้องขึ้น แต่จะมากจะน้อยเท่านั้นล่ะฮะ
เพราะสามร้อยมันมาทำระบบพัง
สุดท้าย คนที่โดนผลกระทบ มันก็ไม่ใช่ใครนอกจาก คนไทยตาดำๆฮะ
พี่ต้องบริหารคนให้คุ้มกะสามร้อยฮะ
บริหารเวลา ทุกอย่างเลย
เพราะถ้าทุกอย่างบริหารมันดี ต้นทุนมันจะลดฮะ
ส่วนถ้าข้าวของมันต้องขึ้น พี่ก็ต้องขึ้น
เพราะราคาข้าวของมันสะท้อนถึงนโยบายโง่ๆนี้ฮะ
ลูกค้าก็ต้องยอมรับ พี่ก็อธิบายไปตามจริงฮะ
Edited by ตุ๊ ต่องแต่ง, 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:00.
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:58
ลดคนงานลง แล้วเพิ่ม Productivity แทน
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:06
ผมว่านะเอาตรงๆ หากคุณขึ้นราคา ผมต้องถามคุณกลับว่ายอดคุณจะตกลงไหม
ผมมั่นใจว่าตกลง แล้วยอดที่ตกลงทำผลกำไรรวมลดลงไหม นี้สิน่าคิด
ผมมองว่าต้นทุนที่เพิ่มคือปัญหา แต่การขึ้นราคาในภาวะที่คู่แข่งยืนราคาก็ไม่น่าเหมาะ ปัจจัยมีเยอะครับ
แล้วผมควรทำยังไงคับ
มีคำกล่าวว่า ลูกค้าใหม่หายาก การทำให้ลูกค้าเก่าซื้อซ้ำง่ายและถูกกว่าในแง่การดูแล การผูกใจ
ผมมองว่าการรักษาฐานลูกค้าเดิมเป็นเรื่องสำคัญ โดยผมเชื่อว่าคุณรู้จักลูกค้าคุณมากกว่าผมนะ ลองประเมินพวกเขาดูก่อนตัดสินใจขยับตัว
เพราะคนเหล่านี้เมื่อเสียไปแล้วเรียกคืนยาก
ที่แนะตอนนี้แนะนำให้ลดภาระก่อน สวัสดิการ โอที และอื่นๆ หรือปรับวิธีจ้างเป็นชิ้นงาน
พัฒนาคุณภาพและยกระดับงาน ได้มีเหตุในการขึ้นราคาในแง่คุณภาพ ซึ่งผมเชื่อว่าลูกค้าเก่าคุณพอรับไหวนะ และมีโอกาศกับลูกค้ารายใหม่ๆด้วย
Edited by sigree, 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:26.
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:12
ถ้าเป็นสินค้าควบคุมจะขึ้นราคาก็คงไม่ได้ทันที
แต่ถ้าสินค้านอกรายการควบคุมคงขึ้นได้ทันที
ทีนี้มันอยู่ที่คู่แข่งการค้าของเรา ขึ้นด้วยมั้ย
ถ้าเค้าอยู่ไหวโดยไม่ขึ้นเราก็ตาย แต่นี่ยังไม่เลวร้ายเท่า
เค้าไม่ไหวเหมือนเราแล้วพากันขึ้นหมด
แล้วจะพากันเข้าสู่ลูปนรกซิมบัมเว
ค่าแรงขึ้น > สินค้าขึ้น
สินค้าขึ้น > ค่าแรงขึ้น
ถึงเวลานั้น 3ฟอง 1แสนล้าน
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:19
ผมไปเจอในเว็บสนุก แดงที่นั้นบอก
ค่าแรงขึ้นแค่กำไรลด ไม่มีใครเจ็งหรือ
หุๆๆๆๆ
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:21
ถ้าเพิ่ม โอกาสเสียลูกค้า มีสูงครับ ยกเว้น เป็นสินค้าที่ เชิดหน้าชูตา ของบริษัทเรา พูดง่าย ๆ ดีกว่าในราคาที่เท่ากัน กับบริษัทอื่น
และถูกตามที่ คุณ sigree บอก โอกาสเสียไปแบบถาวรสูงมาก
วิธีแก้ ถ้าจำเป็นจริง ๆ ลดคนงานครับ ให้แต่ละคนทำงานมากขึ้น
จะว่าโหดก็ต้องยอมครับ เพราะลูกค้า มีผลต่อความอยู่รอดของบริษัท มากแค่ไหน ผมคงไม่ต้องบอก
พนักงาน ของเรา เรากำหนดได้ครับ ว่า มีมากแค่ไหน จะทำงานได้ คนที่ไม่สำคัญ มากนัก ถึงเห็นใจ แต่ต้องเห็นแก่ส่วนใหญ่ คือ พนักงานที่เหลือ มาก่อนครับ
ขอให้พวกเรา ชาวหลากสี และพันธมิตร จงมีชีวิตรอด จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ฝีมือปูนา ไปตลอดรอดฝั่งด้วยครับ
PEMDAS ย่อมาจาก ลำดับการคำนวณ Parentheses , Exponentials , Multiply , Divide , Add , Subtract
FWGHSO ย่อมาจาก ลำดับการประเมินผลของ query FROM, WHERE, GROUP BY, HAVING, SELECT, ORDER BY
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:25
แถวๆ ที่ทำงานผม สินค้าประเภทของกิน/อาหารตามสั่ง น้ำดื่มต่างๆ
พาเรดกันขึ้นราคาทั่วหน้า ..... แต่ไม่มากครับ
เช่น ชาดำเย็น โอเลี้ยง จาก 12 ก็เป็น 15.
ก๊วยเตี๋ยวลูกชิ้นเนื้อศรีย่าน ชามละ 35 เป็น 38 ( ลูกชิ้นแค่ 5 ลูก )
.....
ประมาณนั้นครับ
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:25
ผมไปเจอในเว็บสนุก แดงที่นั้นบอก
ค่าแรงขึ้นแค่กำไรลด ไม่มีใครเจ็งหรือ
หุๆๆๆๆ
ผมคนหนึ่ง ล่ะครับ ที่ต้องเถียงว่า ไม่จริงครับ
เพราะยอดขาย ร้านพี่ชาย กับ เพื่อนที่ทำงาน ตกแบบ กว่าครึ่งนะครับ ยิ่งเป็นสินค้า คงทน ยิ่งขายยาก
สาเหตุ เพราะคนมีเงินให้ใช้น้อยลงครับ
หมดไปกับค่า อาหาร เชื้อเพลิง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ายา เครื่องอุปโภค ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน
เงินเดือน หมดแล้ว ครับ วัน่ก่อน ผมยัง นั่งปะ ที่นอน ขาด ๆ ใช้ต่อ อยู่เลย
ขอให้พวกเรา ชาวหลากสี และพันธมิตร จงมีชีวิตรอด จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ฝีมือปูนา ไปตลอดรอดฝั่งด้วยครับ
PEMDAS ย่อมาจาก ลำดับการคำนวณ Parentheses , Exponentials , Multiply , Divide , Add , Subtract
FWGHSO ย่อมาจาก ลำดับการประเมินผลของ query FROM, WHERE, GROUP BY, HAVING, SELECT, ORDER BY
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:44
ผมไปเจอในเว็บสนุก แดงที่นั้นบอก
ค่าแรงขึ้นแค่กำไรลด ไม่มีใครเจ็งหรือ
หุๆๆๆๆ
นายจ้างก็ต้องกินต้องใช้นะครับ จ่ายวันละ 300 แต่ไม่มีกำไร ปิดกิจการไปเลยดีกว่ามั้ย
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:49
ขึ้นได้ครับ หรือไม่ก็ลดปริมาณสินค้าลงแต่ขายราคาเดิม
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:51
กลายเป็นกระทู้ปลอด "ควายแดง"..........ซะงั้น
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:54
เป็นนายจ้างต้องคิดบวกตาม ส.ค.ส.นายกค่ะ สามร้อยนี่คือบวกเครื่องจักร บวกค่าโอทีและสวัสดิการเข้าไปแล้วค่ะ แต่ถ้าไม่พอให้บวกจำนวนงานเพิ่มให้ลูกจ้างต่อคน ส่วนเรื่องบวกราคาต้องดูราคาตลาดก่อน ถ้าไม่มีใครแข่งบวกโลดค่ะ เพื่อความอยู่รอด
เราจำเป็นต้องคิดบวกแบบนายกค่ะ
มันจะทำให้เราคิดก่อนพูดได้ดีขึ้น เมื่อเชื่อว่าคำพูดที่ออกไปเหล่านั้นคือคำที่เราจะได้ยินเองในอนาคต
และถ้าเราจะทำดีได้มากขึ้น เมื่อเชื่อว่าเราจะได้เจอสิ่งดีๆในอนาคต
แม้ว่าวันนี้เราจะยังไม่เห็นว่ามันดีอย่างไรแต่อย่างน้อยทำให้เราผ่านวันนี้ไปได้อย่างราบรื่น
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:54
จริงผมอยากให้แดงมาอ่านกระทู้นี้นะ อยากให้อ่านมากๆ
ในยุคเศรษฐกิจ และตลาดเปิด การขึ้นราคาไม่ใช่สิ่งที่ผู้ประกอบการอยากจะทำเลย บางคนยอมกัดฟันขาดทุนเสียด้วยซ้ำเพราะคาดหวังต่ออนาคตที่ดีขึ้นจะได้ไม่ต้องขึ้นราคา
เพราะหากเสียลูกค้าไปแล้ว ไม่ใช่ว่าจะได้กลับมาง่ายๆ ยิ่งในโลกที่มีสินค้าทดแทน มาม่าขึ้นราคา คนไปหาไวไว ยำยำ นิสชิน ฯลฯ ตายสิ
น้ำมันปาล์มขึ้น แป้งขึ้น ฯลฯ ก็กัดฟันขายราคาเดิม ทั้งๆที่บางช่วงขาดทุนตามวัตถุดิบที่ขึ้นเพราะสภาพอากาศ
ไม่ขึ้นเพราะกลัวไปแล้วไปเลย....
คิดมุมเดียวง่าย
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:58
ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์
เพิ่มการบริการที่สร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า
น่าจะช่วยได้บ้างครับ
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:04
โดยปกติ ธุรกิจของผมกำไรไม่ได้มากมายอะไรอยู่แล้ว อาศัยขายราคาไม่แพงจึงพออยู่ได้แต่ทางรัฐบาลกำหนดให้ค่าแรงขึ้นต่ำ 300 บาท บริษัทผมคงอยู่ไม่ได้ จึงมีความคิดที่จะขึ้นราคาสินค้า แค่ก็เห็นใจลูกค้าเหมือนกัน
คิดไม่ตกครับ
การทำธุรกิจเพื่อแสวงหากำไร.....
แต่ควรคำนึงความพอดีด้วยครับ......
อย่าเกลียดชัง นักโทษหนีคุก "ปู กรรเชียง" และลูกโอ๊ค.....
แกล้งขึ้นราคาสินค้าประชดพวกมัน.......
ผู้บริโภคเป็นผุ้รับเคราะห์กรรม.....
ทุกวันนี้ขี้ข้าทักษิณสอพลอผู้ถือหุ้นใหญ ปตท.อยู่แล้ว......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:06
ไม่ผิดครับ ถ้า สินค้าที่ท่านขายไม่ใช่สินค้าควบคุมราคา... อยากขึ้นเท่าไรขึ้นเลย...
ท่านอยู่ในตลาด ท่านต้องรู้ว่า ราคาเท่าไหน ท่านอยู่ได้... ตลาดรับได้...
ตลาดเสรีครับ... ผมไม่เชื่อว่า จะไม่มีคนอื่น บริหารต้นทุนได้ถูกกว่า และ ขายในราคาที่ตลาดรับได้...
หุ้นตก หรือ ขึ้น... มีคนซื้อและขายเสมอ...
ขณะที่คนนึงขาย เพราะ เห็นหายะนะข้างหน้า...
อีกคนก็ซื้อเพราะ เห็น โอกาศข้างหน้า....
ใครผิดใครถูก... ก็ว่ากันไป...
แต่..ส่วนใหญ่ที่เห็นบ่นๆกัน คือ.... "กำไรมันหายไป"
อย่าเอาการปิดกิจการ มาทำให้ไขว์เขว.. บริษัทมีเปิดมีปิด เป็นปกติ... อันไหนอยู่ไม่ได้แข่งขันไม่ได้ ปรับตัวไม่ได้.. ก็ต้องปิดเพื่อความอยู่รอด...
แม้แต่ บริษัทใหญ่ๆเงินหนาๆๆ ผู้บริหารมืิอทองๆ ยังต้องปิดบริษัทลูก.... ถ้าแข่งขันไม่ได้เช่นกัน...
อย่าเสียเวลาโทษใคร อยากอยู่รอด ต้องปรับตัว...
"คนโง่มักจะชอบว่าคนอื่นว่าโง่"
"ถ้าคนเราคิดเหมือนกันหมด ก็ไม่มีเลือกตั้งซิครับ"
"ผมไม่พูด เรื่อง 112 แล้ว นะครับ กรุณาอย่าถาม (17 พค 2012)"
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:06
เหอ เหอ เหอ ผมว่ามันขึ้นอยู่กับว่า ทำธุรกิจอะไรด้วย เห็นบอกเป็นบริษัท
แล้วผลิตสินค้าเอง หรือเป็นตัวแทน หรือซื้อมาขายไป เพราะมันมีความสัมพันธ์
กับลูกค้าที่ซื้อสินค้าเราอยู่ด้วย
ถ้าเป็นลูกค้าที่มีตัวตนรับซื้อสินค้าของเราอยู่แล้ว น่าจะคุยกับเขาเรื่องขอขึ้นราคาได้
เพราะเขาก็รับรู้เรื่องต้นทุนที่มันเพิ่มขึ้นอยู่ แต่ถ้าเป็นประเภทซื้อมาขายไป หรือขาย
หน้าร้านนี่ คงต้องดูอีกหลายเรื่อง เช่นละแวกที่ร้านตั้งอยู่มีคู่แข่งเยอะมั้ย ราคาร้านอื่น
เป็นไง ถ้าขึ้นราคาจะขึ้นมากน้อยแค่ไหน
ผมว่าใจเย็น ๆ นั่งวิเคราะห์บริษัทตัวเองไปเรื่อย ๆ อาจเจอทางออกนะครับ 5555
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:10
ไม่ผิดครับ ถ้า สินค้าที่ท่านขายไม่ใช่สินค้าควบคุมราคา... อยากขึ้นเท่าไรขึ้นเลย...
ท่านอยู่ในตลาด ท่านต้องรู้ว่า ราคาเท่าไหน ท่านอยู่ได้... ตลาดรับได้...
ตลาดเสรีครับ... ผมไม่เชื่อว่า จะไม่มีคนอื่น บริหารต้นทุนได้ถูกกว่า และ ขายในราคาที่ตลาดรับได้...
หุ้นตก หรือ ขึ้น... มีคนซื้อและขายเสมอ...
ขณะที่คนนึงขาย เพราะ เห็นหายะนะข้างหน้า...
อีกคนก็ซื้อเพราะ เห็น โอกาศข้างหน้า....
ใครผิดใครถูก... ก็ว่ากันไป...
แต่..ส่วนใหญ่ที่เห็นบ่นๆกัน คือ.... "กำไรมันหายไป"
อย่าเอาการปิดกิจการ มาทำให้ไขว์เขว.. บริษัทมีเปิดมีปิด เป็นปกติ... อันไหนอยู่ไม่ได้แข่งขันไม่ได้ ปรับตัวไม่ได้.. ก็ต้องปิดเพื่อความอยู่รอด...
แม้แต่ บริษัทใหญ่ๆเงินหนาๆๆ ผู้บริหารมืิอทองๆ ยังต้องปิดบริษัทลูก.... ถ้าแข่งขันไม่ได้เช่นกัน...
อย่าเสียเวลาโทษใคร อยากอยู่รอด ต้องปรับตัว...
พูดมาว่าท่านต้องรู้
แต่รัฐเสือกไม่รู้ ว่าการให้ขึ้นค่าแรงเกิน 50 % .คือหายนะ
แล้วผมอยากรู้ อย่าตอบนะว่าได้ยินมา ใครที่พูดว่ากำไรมัน ใคร
เขาเดือดร้อนจนขบฐต่อ ประธานสภาอุตสาหกรรมที่หนุนนโยบาลรัฐ
หากเขาเพียงกำไรลด ใครมันอยากมีเรื่องกับรัฐขอโทษอย่าเขลา เรื่องประธานสภาอุตฯยังเป็นที่รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คิดด้านเดียวง่าย
Edited by sigree, 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:19.
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:57
ทำไมนายจ้างไม่รับ 300, 2 มาตรฐานชัดๆ
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:06
ผมว่านะเอาตรงๆ หากคุณขึ้นราคา ผมต้องถามคุณกลับว่ายอดคุณจะตกลงไหม
ผมมั่นใจว่าตกลง แล้วยอดที่ตกลงทำผลกำไรรวมลดลงไหม นี้สิน่าคิด
ผมมองว่าต้นทุนที่เพิ่มคือปัญหา แต่การขึ้นราคาในภาวะที่คู่แข่งยืนราคาก็ไม่น่าเหมาะ ปัจจัยมีเยอะครับ
แล้วผมควรทำยังไงคับ
ดูคู่แข่งขันเป็นหลักครับ!!
เรื่องอื่นผมคงไม่บังอาจสอนท่าน เพราะท่านคือเจ้าของกิจการ ย่อมมีมุมมองที่มากกว่าผม
เห็นใจครับ สู้ๆ ขอให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้ครับ
เอ็งขอเป็น"ขี้ข้าโจร" ข้าเลือกเป็น"ข้าธุลีพระบาท" เอ็งขอเป็น"ไพร่" ข้าเลือกเป็น"พสกนิกร"
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:10
อย่าเอาการปิดกิจการ มาทำให้ไขว์เขว.. บริษัทมีเปิดมีปิด เป็นปกติ... อันไหนอยู่ไม่ได้แข่งขันไม่ได้ ปรับตัวไม่ได้.. ก็ต้องปิดเพื่อความอยู่รอด...แม้แต่ บริษัทใหญ่ๆเงินหนาๆๆ ผู้บริหารมืิอทองๆ ยังต้องปิดบริษัทลูก.... ถ้าแข่งขันไม่ได้เช่นกัน...
อย่าเสียเวลาโทษใคร อยากอยู่รอด ต้องปรับตัว...
คนไม่ใจดำเห็นแก่ตัวสุดๆ เขียนแบบอีเห็นไม่ได้นะ
ที่ขึ้นค่าแรงทีเดียวทุกจว. 300 นี่ มันจำเป็นต้องขึ้นขนาดนั้นเลยหรือ?
ใครไปขอให้ขึ้นพรวดเดียวขนาดนั้นหรือ? ขึ้นทีละ 20-25% แบบขั้นบันไดได้ไหม?
นโยบายหาเสียงของพรรคการเมือง แต่ผลักภาระให้คนรับกรรมคือภาคธุรกิจ
*ดิทเพิ่ม ทนไม่ไหว
ผมอยากให้เสื้อแดงอย่างเช่นเห็นแถ ช่วยบอกวิธีปรับตัวมาหน่อย อย่า "สักแต่พูดลอยๆ"
เพราะที่ผมอ่านพวกนี้คอมเมนท์มาแต่ละคห.เรื่อง 300 บาท
เขียนเหมือนคนไม่เคยทำงานของตัวเอง ไม่เคยเป็นเจ้าของกิจการอะไรเองเลย
Edited by ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่, 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:33.
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:31
ตอบคำถามจขกท.ครับ
ต้องมาคำนวณก่อนว่าบริษัทของท่านใช้แรงงานกี่หัว
300 บาทกระทบต่อต้นทุนการผลิตกี่เปอร์เซ็นต์
สมมติว่าคำนวณดูแล้วค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 2%
ราคาของ 10 บาท เพิ่มขึ้น 2 สต. ถือว่ามองไม่เห็นเลย
แต่ถ้าเพิ่มขึ้น 20% เท่ากับว่าของ 10 บาทต้องเพิ่มราคาเป็น 12 บาท ก็ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าของ 100 บาท เพิ่มต่อชิ้น 20 บาท มีผลกระทบแน่นอน
วิธีการทำให้อยู่ได้ คงต้องเขียนใส่กระดาษเป็น action plan ออกมาครับ ว่าข้อไหนจะดีที่สุด
1. ลดคนงาน ที่เหลือทำงานให้มากขึ้นเพื่อให้ได้ผลผลิตเท่าเดิม
2. ไม่ลดคนงาน แต่ลดปริมาณของ เพื่อขายราคาเท่าเดิม
(สมมติขนมเคยมี 10 ชิ้น ต้องเหลือ 9 หรือลดขนาดลง)
3. ไม่ลดคนงาน ไม่ลดปริมาณสินค้า ก็อาจต้องเปลี่ยนวัตถุดิบเป็นแบบที่ราคาถูกลง
4. ถ้าทำไม่ได้สักอย่าง ต้องทำยอดขายให้ได้มากขึ้น เพื่อเอากำไรมาโปะต้นทุนที่เพิ่ม
5. ถ้าทำไม่ได้อีก อาจต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจ จากที่ผลิตและขาย เหลือรับจ้างผลิตอย่างเดียว
เป็นต้นครับ
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:35
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 16:21
POPULAR
โรงงานขนาดกลางๆ ของแม่ที่ต่างจังหวัด ล่าสุดคนงานประจำเหลือ 600 คน จาก 1250 คน
ปลดลูกจ้างชั่วคราวไป 250คน และลูกจ้างงานเหมาหมดสัญญากับบริษัทจัดหาคน ไป 400 คน แล้วโรงงานตัดสินใจไม่ต่อสัญญา
ถ้าไม่ปลดจะต้องจ่ายเงินเพิ่มถึง 5.7ล้าน ต่อปีถ้าให้300 บาทแก่แรงงานที่ไม่มีฝึมือ ทั้งที่โรงงานกำไรสุทธิ 10 ล้านบาทต่อปีเอง ถ้าไม่ปลดโรงงานจะเหลือเงิน 4.3 ล้านเท่านั้นซึ่งน้อยเกินไป มันจะทำให้โรงงานไม่มีทุนสำรองมากพอถ้าเกิดภาวะ oder น้อย จะไม่เงินมาพยุงโรงงานได้เลยโรงงานเลยสั่งเครื่องจักร ราคา 9 ล้าน มารอไว้ตั้งแต่เดือนธันวาคมเพราะภาษีนำเข้ามันน้อยจาก boi และเครื่องจักรราคา 9 ล้านบาทนี้ ค่าซ่อมแซม มากสุดไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อปี ซึ่งประหยัดกว่าการใช้ คนงาน 250 คนมาก
ส่วนร้านขายหมูตุ๋น เนื้่อตุ๋นที่กรุงเทพเป็นตึกเก่าของคุณแม่ของผมเอง ผมไม่มีปัญหากับ 300 บาท เพราะลูกน้องผมได้ 350 บาทต่อวัน ทั้ง 3 คน แต่ปัญหามันมาจากแม่ค้าที่ส่งของให้ผม เขาขอขึ้นราคา 5 บาทต่อโล ทำให้ผมมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น 7500 บาท ต่อเดือน ซึ่งผมปกติจะได้กำไรสุทธิ 25000 - 28000 บาท ผมก็จะหัก 5000 -8000 บาท เข้าเป็นเงินสำรองของร้าน แล้วอีก 20000 บาทก็เป็นเงินเดือนของผม แต่ถ้าผมต้องจ่ายเพิ่ม 7500 ผมก็คงเหลือกำไรสุทธิประมาณ 2 หมื่นบาท ซึ่งถ้าผมหักเงินสำรองเข้าร้านไว้ 5000 เงินเดือนผมก็จะเหลือ 15000 ถามว่าผมอยู่ได้ใหม ผมอยู่ได้แต่มันไม่ค่อยคุ้มค่าเหนือย ถ้าผมได้แค่ 15000 ผมคงเลิกทำแล้วปล่อยเช่า เพราะตึก 2 คูหาของผมสามารถปล่อยเช่าได้เดือนละ 40000-50000 ซึ้งผมสามารถนอนกินสบายๆแล้วไปช่วยพ่อแม่ทำโรงงานอย่างเดียวยังได้เลย แต่ผมไม่อยากทำเพราะมันเบื่อ อยากขายของแบบนี้ไปเรื่อยๆเจอคนเยอะๆสนุกกว่ามาก
ผมก็เลยวางแผนว่าจะขึ้นราคาอีก 5 บาท เริ่มช่วงเดือนหน้า เฉพาะเมนู ชุด หมู+เนื้อตุ๋น ให้ปริมาณเท่าเดิม เครื่องเคียงเท่าเดิม แต่อาหารอื่นๆผมจะลดปริมาณลง 5-10% ราคาเท่าเดิมแทน และคงจะทำบัตรโปรโมชั่น กินครบ 100 บาท ได้ 1 แต้ม 10 แต้มเลือกได้ 1 เมนู [50 บาท] ไม่รู้จะได้ผลหรือเปล่าเหมือนกัน
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 16:26
โรงงานขนาดกลางๆ ของแม่ที่ต่างจังหวัด ล่าสุดคนงานประจำเหลือ 600 คน จาก 1250 คนปลดลูกจ้างชั่วคราวไป 250คน และลูกจ้างงานเหมาหมดสัญญากับบริษัทจัดหาคน ไป 400 คน แล้วโรงงานตัดสินใจไม่ต่อสัญญา
ถ้าไม่ปลดจะต้องจ่ายเงินเพิ่มถึง 5.7ล้าน ต่อปีถ้าให้300 บาทแก่แรงงานที่ไม่มีฝึมือ ทั้งที่โรงงานกำไรสุทธิ 10 ล้านบาทต่อปีเอง ถ้าไม่ปลดโรงงานจะเหลือเงิน 4.3 ล้านเท่านั้นซึ่งน้อยเกินไป มันจะทำให้โรงงานไม่มีทุนสำรองมากพอถ้าเกิดภาวะ oder น้อย จะไม่เงินมาพยุงโรงงานได้เลยโรงงานเลยสั่งเครื่องจักร ราคา 9 ล้าน มารอไว้ตั้งแต่เดือนธันวาคมเพราะภาษีนำเข้ามันน้อยจาก boi และเครื่องจักรราคา 9 ล้านบาทนี้ ค่าซ่อมแซม มากสุดไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อปี ซึ่งประหยัดกว่าการใช้ คนงาน 250 คนมาก
ส่วนร้านขายหมูตุ๋น เนื้่อตุ๋นที่กรุงเทพเป็นตึกเก่าของคุณแม่ของผมเอง ผมไม่มีปัญหากับ 300 บาท เพราะลูกน้องผมได้ 350 บาทต่อวัน ทั้ง 3 คน แต่ปัญหามันมาจากแม่ค้าที่ส่งของให้ผม เขาขอขึ้นราคา 5 บาทต่อโล ทำให้ผมมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น 7500 บาท ต่อเดือน ซึ่งผมปกติจะได้กำไรสุทธิ 25000 - 28000 บาท ผมก็จะหัก 5000 -8000 บาท เข้าเป็นเงินสำรองของร้าน แล้วอีก 20000 บาทก็เป็นเงินเดือนของผม แต่ถ้าผมต้องจ่ายเพิ่ม 7500 ผมก็คงเหลือกำไรสุทธิประมาณ 2 หมื่นบาท ซึ่งถ้าผมหักเงินสำรองเข้าร้านไว้ 5000 เงินเดือนผมก็จะเหลือ 15000 ถามว่าผมอยู่ได้ใหม ผมอยู่ได้แต่มันไม่ค่อยคุ้มค่าเหนือย ถ้าผมได้แค่ 15000 ผมคงเลิกทำแล้วปล่อยเช่า เพราะตึก 2 คูหาของผมสามารถปล่อยเช่าได้เดือนละ 40000-50000 ซึ้งผมสามารถนอนกินสบายๆแล้วไปช่วยพ่อแม่ทำโรงงานอย่างเดียวยังได้เลย แต่ผมไม่อยากทำเพราะมันเบื่อ อยากขายของแบบนี้ไปเรื่อยๆเจอคนเยอะๆสนุกกว่ามาก
ผมก็เลยวางแผนว่าจะขึ้นราคาอีก 5 บาท เริ่มช่วงเดือนหน้า เฉพาะเมนู ชุด หมู+เนื้อตุ๋น ให้ปริมาณเท่าเดิม เครื่องเคียงเท่าเดิม แต่อาหารอื่นๆผมจะลดปริมาณลง 5-10% ราคาเท่าเดิมแทน และคงจะทำบัตรโปรโมชั่น กินครบ 100 บาท ได้ 1 แต้ม 10 แต้มเลือกได้ 1 เมนู [50 บาท] ไม่รู้จะได้ผลหรือเปล่าเหมือนกัน
ร้านอยู่ไหนค่ะ มีส่วนลดพิเศษสำหรับสมาชิกเสรีไทยอ่ะเปล่า
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 16:36
โรงงานขนาดกลางๆ ของแม่ที่ต่างจังหวัด ล่าสุดคนงานประจำเหลือ 600 คน จาก 1250 คนปลดลูกจ้างชั่วคราวไป 250คน และลูกจ้างงานเหมาหมดสัญญากับบริษัทจัดหาคน ไป 400 คน แล้วโรงงานตัดสินใจไม่ต่อสัญญา
ถ้าไม่ปลดจะต้องจ่ายเงินเพิ่มถึง 5.7ล้าน ต่อปีถ้าให้300 บาทแก่แรงงานที่ไม่มีฝึมือ ทั้งที่โรงงานกำไรสุทธิ 10 ล้านบาทต่อปีเอง ถ้าไม่ปลดโรงงานจะเหลือเงิน 4.3 ล้านเท่านั้นซึ่งน้อยเกินไป มันจะทำให้โรงงานไม่มีทุนสำรองมากพอถ้าเกิดภาวะ oder น้อย จะไม่เงินมาพยุงโรงงานได้เลยโรงงานเลยสั่งเครื่องจักร ราคา 9 ล้าน มารอไว้ตั้งแต่เดือนธันวาคมเพราะภาษีนำเข้ามันน้อยจาก boi และเครื่องจักรราคา 9 ล้านบาทนี้ ค่าซ่อมแซม มากสุดไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อปี ซึ่งประหยัดกว่าการใช้ คนงาน 250 คนมาก
ส่วนร้านขายหมูตุ๋น เนื้่อตุ๋นที่กรุงเทพเป็นตึกเก่าของคุณแม่ของผมเอง ผมไม่มีปัญหากับ 300 บาท เพราะลูกน้องผมได้ 350 บาทต่อวัน ทั้ง 3 คน แต่ปัญหามันมาจากแม่ค้าที่ส่งของให้ผม เขาขอขึ้นราคา 5 บาทต่อโล ทำให้ผมมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น 7500 บาท ต่อเดือน ซึ่งผมปกติจะได้กำไรสุทธิ 25000 - 28000 บาท ผมก็จะหัก 5000 -8000 บาท เข้าเป็นเงินสำรองของร้าน แล้วอีก 20000 บาทก็เป็นเงินเดือนของผม แต่ถ้าผมต้องจ่ายเพิ่ม 7500 ผมก็คงเหลือกำไรสุทธิประมาณ 2 หมื่นบาท ซึ่งถ้าผมหักเงินสำรองเข้าร้านไว้ 5000 เงินเดือนผมก็จะเหลือ 15000 ถามว่าผมอยู่ได้ใหม ผมอยู่ได้แต่มันไม่ค่อยคุ้มค่าเหนือย ถ้าผมได้แค่ 15000 ผมคงเลิกทำแล้วปล่อยเช่า เพราะตึก 2 คูหาของผมสามารถปล่อยเช่าได้เดือนละ 40000-50000 ซึ้งผมสามารถนอนกินสบายๆแล้วไปช่วยพ่อแม่ทำโรงงานอย่างเดียวยังได้เลย แต่ผมไม่อยากทำเพราะมันเบื่อ อยากขายของแบบนี้ไปเรื่อยๆเจอคนเยอะๆสนุกกว่ามาก
ผมก็เลยวางแผนว่าจะขึ้นราคาอีก 5 บาท เริ่มช่วงเดือนหน้า เฉพาะเมนู ชุด หมู+เนื้อตุ๋น ให้ปริมาณเท่าเดิม เครื่องเคียงเท่าเดิม แต่อาหารอื่นๆผมจะลดปริมาณลง 5-10% ราคาเท่าเดิมแทน และคงจะทำบัตรโปรโมชั่น กินครบ 100 บาท ได้ 1 แต้ม 10 แต้มเลือกได้ 1 เมนู [50 บาท] ไม่รู้จะได้ผลหรือเปล่าเหมือนกัน
กระจ่างมากครับ!!!
ข้อมูลจากประสบการณ์จริงแบบนี้ เสื้อแดงตอบไม่ได้หรอกครับ
ยิ่งคนกลางกลวงอย่างเห็นแถยิ่งตอบไม่ได้ ได้แต่จิ้มคห.กระแนะกระแหนไปวันๆ
ปล. สามารถนำบัตรโปรโมชั่นมาเล่นในเว็บได้ไหมครับ
ม็อดอนุญาตมั้ยง่า เป็นการโปรโมทร้านไปในตัวนะครับ
ปล.ฉอง
ผมชอบเนื้อตุ๋นมากกกกก น้ำลายจะไหย..
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 16:38
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 16:41
เอาแบบ บัวไม่ช้ำ น้ำไม่ขุ่น นะครับ
โล๊ะ คนงานออกสักครึ่ง นึง
แล้วกระจายงานให้ทั่วถึง
ลองดูสักระยะ อย่าขึ้นราคาสินค้าเลยครับ เอาเป็นทางเลือกสุดท้าย ล่ะกัน
ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องเลิกทำครับ
อย่าให้ขาดทุนเยอะ.....
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 17:03
จากปากคำของเฮ็นไตว่า " อยากอยู่รอด ต้องปรับตัว "
ผมของฝากเพลงให้ไว้ผู้ประกอบการ SME ทั้งหลายครับ
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 17:40
ฟังจากวิทยุ
จังหวัด พะเยา ขึ้นค่าแรงเป้น อันดับ 1
จาก 222 เป็น 300
เพิ่มมาอีก 78 บาทถ้วนน
แหม เดี๋ยวอะไรๆ ก็ขึ้นตามค่าแรงอยู่ดี
แล้วมันจะมีประโยชน์อย่างไร
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 18:02
ไม่ผิดครับ ถ้า สินค้าที่ท่านขายไม่ใช่สินค้าควบคุมราคา... อยากขึ้นเท่าไรขึ้นเลย...
ท่านอยู่ในตลาด ท่านต้องรู้ว่า ราคาเท่าไหน ท่านอยู่ได้... ตลาดรับได้...
ตลาดเสรีครับ... ผมไม่เชื่อว่า จะไม่มีคนอื่น บริหารต้นทุนได้ถูกกว่า และ ขายในราคาที่ตลาดรับได้...
หุ้นตก หรือ ขึ้น... มีคนซื้อและขายเสมอ...
ขณะที่คนนึงขาย เพราะ เห็นหายะนะข้างหน้า...
อีกคนก็ซื้อเพราะ เห็น โอกาศข้างหน้า....
ใครผิดใครถูก... ก็ว่ากันไป...
แต่..ส่วนใหญ่ที่เห็นบ่นๆกัน คือ.... "กำไรมันหายไป"
อย่าเอาการปิดกิจการ มาทำให้ไขว์เขว.. บริษัทมีเปิดมีปิด เป็นปกติ... อันไหนอยู่ไม่ได้แข่งขันไม่ได้ ปรับตัวไม่ได้.. ก็ต้องปิดเพื่อความอยู่รอด...
แม้แต่ บริษัทใหญ่ๆเงินหนาๆๆ ผู้บริหารมืิอทองๆ ยังต้องปิดบริษัทลูก.... ถ้าแข่งขันไม่ได้เช่นกัน...
อย่าเสียเวลาโทษใคร อยากอยู่รอด ต้องปรับตัว...
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 18:02
พี่สาวผมที่ทำภาคเกษตรกรรม มีรายได้ต่อวันจากการขายผลผลิตประเภทผักและผลไม้ 5-10ชนิดประมาณ 1500 บาท
แต่ยังไม่ได้หักต้นทุนและค่าแรงงานสองคน ในการเก็บและตัดแ่ต่งผลผลิตทุกวัน
ใช้วิธีการขึ้นราคาสินค้าบางตัว กระจายกันไปมากบ้างน้อยบ้าง เพราะยังไงสินค้าการเกษตรผลผลิตไม่ค่อยแน่นอน
เพราะมีปัจจัยหลายอย่าง หรืออาจเอาผลผลิตบางอย่างมาขายปลีกเองหน้าบ้านโดยไม่ผ่านคนกลาง
ดังนั้นก็ไม่น่าแปลกใจ ถ้าราคาสินค้าเกษตรหลายอย่างที่ใช้ในการทำอาหารเป็นประจำ จะมีราคาสูงขึ้น
โดยเฉพาะพวกพืชที่ต้องใช้แรงงานและเวลา ในการเก็บผลผลิตมาก อย่างพวกพริก เป็นต้น
แถมถ้าปลูกเป็นพืชเชิงเดี่ยวละก้อ รายได้หายไปบานแน่
แน่นอน ผลกระทบที่ตามมาคือราคาอาหารที่ปรับสูงขึ้น(อีกแล้ว) หรือไม่ก็ปริมาณลดลง อย่างที่คุณ Nabie บอกไว้
ปล. มีสมาชิกหลายท่านในนี้ชอบทานเนื้อตุ๋น ผมอีกคนนึงล่ะที่โปรดปราน โดยเฉพาะส่วนที่เป็นเอ็น เคี้ยวแล้วกรุบๆ หนึบๆ
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 18:21
ไม่ผิดครับ ถ้า สินค้าที่ท่านขายไม่ใช่สินค้าควบคุมราคา... อยากขึ้นเท่าไรขึ้นเลย...
ท่านอยู่ในตลาด ท่านต้องรู้ว่า ราคาเท่าไหน ท่านอยู่ได้... ตลาดรับได้...
ตลาดเสรีครับ... ผมไม่เชื่อว่า จะไม่มีคนอื่น บริหารต้นทุนได้ถูกกว่า และ ขายในราคาที่ตลาดรับได้...
หุ้นตก หรือ ขึ้น... มีคนซื้อและขายเสมอ...
ขณะที่คนนึงขาย เพราะ เห็นหายะนะข้างหน้า...
อีกคนก็ซื้อเพราะ เห็น โอกาศข้างหน้า....
ใครผิดใครถูก... ก็ว่ากันไป...
แต่..ส่วนใหญ่ที่เห็นบ่นๆกัน คือ.... "กำไรมันหายไป"
อย่าเอาการปิดกิจการ มาทำให้ไขว์เขว.. บริษัทมีเปิดมีปิด เป็นปกติ... อันไหนอยู่ไม่ได้แข่งขันไม่ได้ ปรับตัวไม่ได้.. ก็ต้องปิดเพื่อความอยู่รอด...
แม้แต่ บริษัทใหญ่ๆเงินหนาๆๆ ผู้บริหารมืิอทองๆ ยังต้องปิดบริษัทลูก.... ถ้าแข่งขันไม่ได้เช่นกัน...
อย่าเสียเวลาโทษใคร อยากอยู่รอด ต้องปรับตัว...
แล้วทำไมพวกไพร่ไม่ปรับตัวล่ะ พัฒนาฝีมือแรงงานให้ดีขึ้น วันละพันบาทเขาก็จ้าง ทำไมไปโทษเจ้าของกิจการล่ะ ทำไมไพร่ไม่รู้จักปรับตัว ทำไมใช้วิธีออกกฎหมายบังคับเอา
เห็นตายควรบอกไพร่ว่า อย่าเสียเวลาโทษใคร อยากอยู่รอด ต้องปรับตัว
แรงงานที่ตกงาน ก็ควรหัดปรับตัวไปสร้างโรงงานเองซะบ้าง ไปเป็นเจ้าของกิจการแล้วเมิงจ้างไปสิ วันละ 400 เลย มัวแต่เป็นลูกจ้างอยู่ได้
อยากอยู่รอดต้องรู้จักปรับตัวฟ่ะ
อย่ามาบอกว่า ถ้าทำได้ทำไปแล้ว เหม็นขี้ฟัน นายจ้างเขาถ้าจ้างได้ ก็อยากจ้างอยู่แล้ว ถ้าขายสินค้าราคาเท่าเดิมได้เขาไม่อยากจะขึ้นราคาให้เสียลูกค้าหรอก
ไอ้การเลิกจ้างคนงาน ลดสวัสดิการ ขึ้นราคาสินค้า นั่นแหละที่เรียกว่าการปรับตัวของนายจ้าง
ไอ้ลูกจ้างน่ะ มันปรับตัวบ้างไม๊ หรือว่าปรับตัว จากเงินน้อยเคยดวดวันละขวด ตอนนี้ได้สามร้อยกุต้องปรับตัว ล่อวันละสามขวดไปเลย
ตอบ จขกท. ท่านขึ้นได้ครับ แต่ควรคำนึงเรื่องราคาที่เพิ่มขึ้นจะทำให้เสียลูกค้าได้
ควรไปใช้วิธีการ จ้างเหมาจ่ายรายเดือน ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นหรือที่สามารถลดได้ และสุดท้ายคือ ลดปริมาณหรือคุณภาพลง แต่คงราคาไว้เท่าเดิมดีกว่า
แนะนำแบบตามหลักการจริงๆ นะ เพราะโดยส่วนตัวถ้าคุณภาพสินค้าจะลดลงผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน แต่อันนี้คุยกันแบบหลักการ
เรื่องการปรับลดพนักงาน กับ ขึ้นราคา น่าจะมาเป็น 2 อย่างสุดท้าย ในกรณีที่ไปไม่ไหวจริงๆ นะครับ
ถ้าอยากได้ความเท่าเทียม
ก็ปีนป่ายขึ้นไปให้อยู่เทียบเท่ากับคนอื่นเค้า
อย่าได้กระชากฉุดให้คนอื่นเขาลงมาตกต่ำเท่ากับตน
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 18:26
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 18:48
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 21:55
เหอ เหอ เหอ ผมว่ามันขึ้นอยู่กับว่า ทำธุรกิจอะไรด้วย เห็นบอกเป็นบริษัทแล้วผลิตสินค้าเอง หรือเป็นตัวแทน หรือซื้อมาขายไป เพราะมันมีความสัมพันธ์
กับลูกค้าที่ซื้อสินค้าเราอยู่ด้วย
ถ้าเป็นลูกค้าที่มีตัวตนรับซื้อสินค้าของเราอยู่แล้ว น่าจะคุยกับเขาเรื่องขอขึ้นราคาได้
เพราะเขาก็รับรู้เรื่องต้นทุนที่มันเพิ่มขึ้นอยู่ แต่ถ้าเป็นประเภทซื้อมาขายไป หรือขาย
หน้าร้านนี่ คงต้องดูอีกหลายเรื่อง เช่นละแวกที่ร้านตั้งอยู่มีคู่แข่งเยอะมั้ย ราคาร้านอื่น
เป็นไง ถ้าขึ้นราคาจะขึ้นมากน้อยแค่ไหน
ผมว่าใจเย็น ๆ นั่งวิเคราะห์บริษัทตัวเองไปเรื่อย ๆ อาจเจอทางออกนะครับ 5555
ถ้าชนะประมูล 3 G....
ไม่สมควรขึ้นราคาไม่ได้นะครับ
เพราะต้นทุนถูกกว่าเก่า......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 22:46
ที่บ้านผมทำโคนมก็ต้องขายวัวไปเหมือนกันครับ เพราะไม่ไหวกับต้นทุนที่สูงขึ้น จากที่มีเงินพอใช้ พอเก็บ ก็กลายเป็นแค่พอใช้เท่านั้น แฟนผมยังบ่นเลยว่าถ้าค่าแรงขึ้นจริง อาหารก็จะแพงขึ้นอีก แล้วเขาก็ไม่ได้ขายอาหารตามค่าแรงด้วย ไม่ใช่ว่าคนที่เงินเดือนน้อย ขายจาน 25 บาท เงินเดือนมาก ขาย 40 บาทอย่างนั้น สรุปแล้วยังไงมีปัญหาแน่นอน
"ดีใดไม่มีโทษ ดีนั้นชื่อว่าดีเลิศ" - หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
"คนเราสามารถเปลี่ยนต้นไม้ประหลาด ให้เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ เปลี่ยนคนผิดให้เป็นพระเจ้า เปลี่ยนสีขาวให้เป็นสีดำ เพียงเพราะความเชื่อของตัวเองเพียงเท่านั้น"
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 22:47
ผมว่า คนที่สนับสนุนนโยบาย 300 บาท จะไม่เข้าใจว่า กิจการที่กำไรพออยู่ได้ ไม่ได้กำไรมากมาย แต่ต้องมาจ่ายลูกจ้างเิพิ่มขึ้น หนี้ที่กู้แบงค์ก็ต้องจ่าย คิดว่า กิจการเหล่านี้จะอยู่ได้หรือ ตกงานกันเยอะมากขึ้น ก็ปรับตัวด้วยล่ะกัน อย่ามาปล้นชาวบ้านเค้ากิน
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 22:51
ส่วนรัฐบาล เมื่อขึ้นค่าแรง 300 บาททั่วประเทศ ก็ปรับตัวรับสถานะการณ์ โจรปล้นชิงทรัพย์มากขึ้น ก็เตรียมตำรวจไว้ป้องกันชาวบ้านเค้าดีๆ ด้วยล่ะ ที่เค้าต้องมาเดือดร้อนจากการขึ้นค่าแรงแล้วมีผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สมบัติของเค้า
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 22:55
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 23:05
เป็นภาวะที่น่าหนักใจมากครับ เพราะผมก็กระทบ
ผมใช้วิธีลดพนักงานลงครึ่งนึงครับ ทำก่อนขึ้นปีใหม่หลายเดือนมาแล้ว ค่อยๆ ลดครับ
ถ้าต้องขึ้นราคาสินค้าก็ขึ้นให้พอเหมาะ อย่าถึงกับทำให้ลูกค้าหนี
ตอนนี้ก็ยังปรับลดคนงานได้ ถึงแม้ผลข้างเคียง (การชดเชย) จะแรงกว่าปีที่แล้ว
ไม่มีทางเลือกครับ เราทำธุรกิจ ไม่ใช่องค์กรการกุศล
ผมขอย้ำคำพูดที่ว่า ถ้าทำแล้วเข้าเนื้อ อย่าทนทำครับ ยิ่งทำยิ่งหมดตัว
คนงานตกงาน แต่นายจ้างหมดตัวครับ ไม่มีใครช่วยคุณได้ โดยเฉพาะรัฐบาลหัวกลวง
อย่าไปฟังพวกขี้ข้าแดงปากหมาไม่เคยทำธุรกิจครับ
ตอบ 3 มกราคม พ.ศ. 2556 - 23:58
ผมแนะนำ จขกท ครับ ขึ้นราคาสินค้าขึ้นได้เลยครับ ลูกค้าจะถามว่า ทำไมราคาขึ้น ก็บอกว่า เพราะค่าแรงขึ้น ให้ราคาเดิมผมอยู่ไม่ได้ คนซื้อเค้าเข้าใจครับ เพราะตัวเค้าเองก็ประสบปัญหาเหมือนทีคุณเป็น
เวลาผมซื้อสินค้าตอนที่ขึ้นค่าแรงในกทม ปีที่แล้ว ผู้ประกอบการก็ขึ้นราคาสินค้าและอ้างคำตอบนี้ทุกราย คนซื้อก็ได้แต่บ่นว่าราคาของขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับสภาพ เพราะเราได้ผู้ำนำห่วยที่ถูกเลือกจากคนโง่ๆ 15 ล้านตัว มันก็ต้องขึ้นเป็นโดมิโนแหละครับ รอเหมือนซิมบับเวย์แล้วกัน
ตอบ 4 มกราคม พ.ศ. 2556 - 07:59
นโยบายเลอะเทอะนี่เท่ากับเป็นการลดค่าเงิน มีแต่ตัวเลขแต่มูลค่าต่ำกว่าเดิม
แล้วโรงงานพวกเสื้อแดงตอนนี้ได้สายร้อยบาทหรือยัง
โรงงานแดงที่ผมรู้จักบ่นมาตั้งแต่ปีทที่แล้วว่าจะไปรอดไหม เพราะว่าต้องขยับกันทั้งหมด ตั้งแต่กรรมกร เสมียน คนขับรถ
ไม่งั้นคนขับรถกับกรรมกรได้เท่ากันจะไหวหรือ คงลาออกกันหมดเหลือแต่กรรมกรล่ะคราวนี้
เท่าเทียมกันสมใจอยากจริงๆ
ทำไมไม่ขายข้าว? ข้าวไม่มีขาย คำตอบจาก ศรเพขร ศรสุพรรณ
ตอบ 4 มกราคม พ.ศ. 2556 - 10:25
hentai, on 03 Jan 2013 - 14:06, said:
ไม่ผิดครับ ถ้า สินค้าที่ท่านขายไม่ใช่สินค้าควบคุมราคา... อยากขึ้นเท่าไรขึ้นเลย...
ท่านอยู่ในตลาด ท่านต้องรู้ว่า ราคาเท่าไหน ท่านอยู่ได้... ตลาดรับได้...
ตลาดเสรีครับ... ผมไม่เชื่อว่า จะไม่มีคนอื่น บริหารต้นทุนได้ถูกกว่า และ ขายในราคาที่ตลาดรับได้...
หุ้นตก หรือ ขึ้น... มีคนซื้อและขายเสมอ...
ขณะที่คนนึงขาย เพราะ เห็นหายะนะข้างหน้า...
อีกคนก็ซื้อเพราะ เห็น โอกาศข้างหน้า....
ใครผิดใครถูก... ก็ว่ากันไป...
แต่..ส่วนใหญ่ที่เห็นบ่นๆกัน คือ.... "กำไรมันหายไป"
อย่าเอาการปิดกิจการ มาทำให้ไขว์เขว.. บริษัทมีเปิดมีปิด เป็นปกติ... อันไหนอยู่ไม่ได้แข่งขันไม่ได้ ปรับตัวไม่ได้.. ก็ต้องปิดเพื่อความอยู่รอด...
แม้แต่ บริษัทใหญ่ๆเงินหนาๆๆ ผู้บริหารมืิอทองๆ ยังต้องปิดบริษัทลูก.... ถ้าแข่งขันไม่ได้เช่นกัน...
อย่าเสียเวลาโทษใคร อยากอยู่รอด ต้องปรับตัว...
"ปรับตัว" ความเห็นสุดยอดมีประโยชน์สิ้นดี อยากด่า
เกลียด hentai จัง
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 0 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน