http://www.oknation....2/05/19/entry-2
วันเสาร์ ที่ 19 พฤษภาคม 2555
(ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เนต)
.... ใครเผาเซ็นทรัลเวิลด์ ??? อ่านปากคำของหัวหน้า รปภ.ประจำโซนเซ็นทรัลเวิลด์ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ ....
หมายเหตุบลอกเกอร์
วันนี้ แกนนำคนเสื้อแดง ก็ใช้โอกาสครบรอบสองปีของการเผาเซ็นทรัลเวิล์ด เพื่อปลุกระดมสร้างความเคียดแค้นชิงชังขึ้นมาอีกครั้ง
แกนนำซึ่งหากินจากความตาย เหยียบย่ำศพขึ้นสู่อำนาจทางการเมือง คงแต่งเรื่อง สร้างนิยายนานัปการ
เพื่อปัดความรับผิดชอบจากตัวเอง ทั้งที่ คนกลุ่มนี้นี่แหละ ที่ตะโกนปลุกระดมให้ “เผาเลย พี่น้อง ผมรับผิดเอง”
อย่างไรก็ตาม ในโลกนี้มีข้อเท็จจริงดำรงอยู่เสมอ
ไม่มีใคร สามารถเผาอาคารขนาดใหญ่เช่นนั้น กลางวันแสกๆ โดยไม่มีคนอื่นรู้เห็น
วันนี้ จขบ. ขอคัดบทความจากโพสต์ทูเดย์ ซึ่งเคยลงพิมพ์มาแล้วไม่กี่วันภายหลังเหตุการณ์อัปยศนั้น
และ วันนี้ โพสต์ทูเดย์ ก็นำเรื่องเดิมนี้ กลับมาลงซ้ำอีกครั้ง
เพื่อให้เพื่อนบลอกเกอร์ อ่านจากปากคำของหัวหน้า รปภ.ประจำโซนเซ็นทรัลเวิลด์ ชาวโคราช วัย 45 ปี
ที่บอกเล่าถึงสิ่งซึ่งเกิดขึ้นจริงในวันนั้น เพื่อเป็นข้อเท็จจริงที่จะยืนหยัดอยู่นานเท่านาน
๐๐๐๐๐๐๐๐๐
2 ปีวันเผาเมือง ฮีโร่กลางดงปืน
19 พฤษภาคม 2555 เวลา 14:33 น.
กล่าวเฉพาะที่เซ็นทรัลเวิลด์ แยกราชประสงค์ โพสต์ทูเดย์เป็นสื่อฉบับเดียวได้สัมผัสสภาพความเสียหายใต้ลานจอดรถ ที่มี “ชุดดำ” บุกเข้าไปวางเพลิง สาดกระสุนปืนถล่มรถยนต์เสียหาย และพบกับ “ไพรวรรณ รุนนอก” หัวหน้า รปภ.ประจำโซนเซ็นทรัลเวิลด์ ชาวโคราช วัย 45 ปี ที่ต้องรับบทเป็นไดฮาร์ดเฉพาะกิจ เขาเล่าให้ “ธรรมสถิตย์ ผลแก้ว” ของโพสต์ทูเดย์ฟัง หลังควันไฟจางลงเพียงหนึ่งวัน ถึงนาทีชีวิตเสี่ยงตายเมื่อต้องประจันหน้าแบบมือเปล่ากับผู้ก่อจลาจลใน “ชุดดำ” ที่มีปืนอาก้า 47 เป็นอาวุธ ซึ่งกำลังพยายามจะเข้าไปวางเพลิงอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ ผ่านบทความเรื่อง “ไดฮาร์ดแห่งเซ็นทรัลเวิลด์ไขปมสงสัยนักรบชุดดำเผาเมือง” เมื่อเดือนพฤษภาคม 2553
สภาพ อาคารเซ็นทรัลเวิลด์ฝั่งห้างสรรพสินค้าเซนเว้าแหว่งเป็นแอ่งกระทะ กลายเป็นภาพสะเทือนใจใครหลายคนที่มีโอกาสเข้าไปพบเห็น การต่อสู้เรียกร้องทางการเมืองที่ต้องการประชาธิปไตย ยึดสันติ อหิงสา แต่กลับเลือกวิธีการเผาเมืองระบายแค้น...ทิ้งซากปรักหักพังไว้เบื้องหลัง
จะมีสักกี่คนหาญกล้าเข้าไปยุติการกระทำของกลุ่มคนหัวรุนแรงที่ถูกขนานนามว่า “กองกำลังไม่ทราบฝ่าย” หรือ “นักรบชุดดำ” พฤติกรรมคนกลุ่มนี้มีเป้าหมายเพียงเพื่อ ยิง เผา ฆ่า แม้แต่เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ วางแผนไว้รัดกุม หากบุ่มบ่ามเข้าประชิด โอกาสสูญเสียมีพอๆ กัน
วันเกิดเหตุเผา เซ็นทรัลเวิลด์ ทหาร ตำรวจ ไม่มีช่องเข้าไปควบคุมสถานการณ์เพราะถูกกองกำลังติดอาวุธยิงสกัด ท่ามกลางสถานการณ์คับขันหัวหน้า รปภ. สวมวิญญาณ “ผู้กล้า” จำเป็น
เย็น วันที่ 19 พ.ค. หลังจากแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประกาศยอมสลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์และเข้ามอบตัว แหล่งช็อปปิ้งใจกลางกรุงเทพฯ ดูไม่ต่างอะไรกับสมรภูมิรบ ทั้งเสียงปืน ประทัดยักษ์ ระเบิด ดังระงม เจ้าหน้าที่ทหารต้องหยุดยิงและปักหลักอยู่บริเวณแยกสารสิน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายกองร้อยตรึงอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ความ พยายามปกป้องอาคารระฟ้า เท่าที่ทำได้ ณ ขณะนั้น จึงมีแต่ทีมการ์ดประจำห้างเซ็นทรัลเวิลด์ แม้จะพยายามเข้าไประงับเพลิง แต่ก็ถูกฝ่ายนักรบชุดดำปาระเบิดใส่ตลอดเวลา ทำให้ รปภ. รายหนึ่งถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณขา
ลานเซ็นทรัลเวิลด์ซึ่งกลายเป็นลานสู้รบดำเนินต่อไป นักรบชุดดำรายหนึ่งถือปืนอาก้าบุกไล่ยิงอย่างบ้าระห่ำ หวังขัดขวาง รปภ. ไม่ให้เข้ามายับยั้งการวางเพลิง ไม่เพียงเท่านั้น หวังใช้เสียงกระสุนปืนเปิดทางเข้าไปวางถังแก๊สใต้ถุนอาคาร เพื่อบอมบ์ห้างใหญ่ให้เป็นจุณ
นาที ต่อจากนี้เป็นเรื่องจริงยิ่งกว่าภาพยนตร์เรื่องไดฮาร์ด หรือ “นรกระฟ้า” ที่มี “บรูซ วิลลิส” รับบทพระเอกในเรื่อง ภายใต้ชื่อ จอห์น แมคเคลน ยอดตำรวจจากนิวยอร์ก ที่ต้องรับเคราะห์ติดอยู่ในอาคารระฟ้าเผชิญหน้าขบวนการก่อการร้ายอย่าง เลี่ยงไม่ได้
ไพรวรรณ รุนนอก ชายวัย 45 ปี จากที่ราบสูงโคราช ไม่ ได้คิดสวมวิญญาณ “บรูซ วิลลิส” หรือเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ในฐานะหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยประจำเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน เขาจำต้องดูแลความปลอดภัยอาคารและอพยพผู้คนที่หลงเหลือออกนอกอาคารอย่างสุด ชีวิต
“เขาสวมชุดดำ ปิดหน้า โพกผ้าพันคอสัญลักษณ์เสื้อแดง มือถือปืนอาก้าพกระเบิด มีการยิงขู่และไล่ยิงใส่ผม” ไพรวรรณ เริ่มเล่านาทีเผชิญหน้าปฏิบัติการเผาเมือง ก่อนพาไปตระเวนดูจุดเกิดเหตุใต้ลานจอดรถของห้าง
“พวกเขาต้องการเข้าไปวางเพลิง มันเห็นพวกผมออกมา ก็ใช้ปืนยิง ผมต้องวิ่งลงไปชั้นใต้ดิน มันวิ่งตามแล้วมีเสียงปืนดังขึ้น ผมต้องหลบตัวข้างผนังตึกติดกับทางลงบันได ถ้าโผล่ออกไปตอนนั้นโดนยิงหัวแน่ แต่ไม่ใช่หนีอย่างเดียวนะ เรารอเวลาเป็นของเราเพื่อเข้าชาร์จด้วย”
ช่วง จังหวะนั้นลานจอดรถมืดสลัว ทัศนวิสัยไม่เอื้อต่อการปฏิบัติการใดๆ ไพรวรรณต้องซ่อนตัว หายใจให้เบาที่สุด ตั้งสติรอจังหวะ ขณะที่นักรบดำย่ามใจวิ่งลงบันไดตามมา ปลายกระบอกปืนยื่นโผล่มุมเสา
นาทีนั้นหัวหน้า รปภ. ตัดสินใจว่า...ใครดีใครอยู่!!!
เทพี แห่งโชคเข้าข้างไพรวรรณ เขาชิงจังหวะก่อน สาวหมัดขวาตรงทิ่มใส่ใบหน้า พร้อมถีบยอดหน้าอกไปอีกหนึ่งดอก ส่งผลให้นักรบชุดดำเสียหลักเซถลา ปืนอาก้าหลุดมือ ไพรวรรณไม่รอช้าแย่งชิงปืนมาได้ พร้อมเล็งไปที่นักรบชุดดำ คราวนี้นักรบนิรนามตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ หมดทางสู้กระเสือกกระสนวิ่งหนีสุดชีวิตไปด้านข้างลานจอดรถ
“ผมตั้งสติ ประสบการณ์มีเยอะมาก ยังไงผมชาร์จอยู่แล้ว ชีวิตถึงชีวิตถ้าแย่งปืนไม่ได้ ชีวิตผมคงดับ”
ย้อน ไปเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 53 หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดรายงานว่าพบปืนอาก้า 47 จำนวน 1 กระบอก บริเวณชั้นใต้ดินอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ หารู้ไม่ เบื้องหลังปืนกระบอกนี้มาจากฝีมือหัวหน้า รปภ. ที่เข้าต่อสู้กับนักรบชุดดำ และหัวหน้า รปภ. รายนี้ก็เป็นคนเดียวกับที่ผ่านนาทีมรณะในวันถัดมาขณะลุยกวาดขยะหน้าอาคาร เซ็นทรัลเวิลด์ฝั่งตรงข้ามสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนมีเสียงระเบิดตูมสนั่น ทำให้ร่างกายเขากระเด็น แต่ก็รอดมาได้อีกครั้ง
หัว หน้า รปภ. ผู้ได้มีโอกาสประชิดตัวนักรบชุดดำมากที่สุดรายนี้ เดิมทำหน้าที่ดูแลการจราจร ตรวจตราพื้นที่รอบนอก และอาคารลานจอดรถใต้ดินชั้นบี 1 บี 2 มาร่วมปีแล้ว มีลูกน้องอยู่ในความดูแล 40 คน ขณะที่ทีมงานกระจายไปตามโซนอื่นกว่า 200 คน ก่อนหน้านี้เคยเป็นอาสาสมัครหลายหน่วยงาน ทั้งลูกเสือชาวบ้าน อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) อาสาพัฒนาและป้องกันตัวเอง (อปพ.) อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ทำให้มีประสบการณ์ด้านการต่อสู้อยู่บ้าง
ทว่า หลังนักรบชุดดำเสียเหลี่ยมให้การ์ดหมัดสั่งรายนี้ ใช่ว่าไพรวรรณจะอยู่ในความปลอดภัย เพราะผ่านไปเพียง 20 นาทีนักรบชุดดำรวบรวมแดงฮาร์ดคอร์อีก 5-6 คน รุกเข้ามาด้านข้างลานกว้างเซ็นทรัลเวิลด์อีกครั้ง คราวนี้นักรบชุดดำรายเดิมที่หลบหนีไปเดินเข้ามาชี้หน้าเขาด้วยอาการคับแค้น ใจ จากนั้นสั่งลูกน้องระดมขว้างระเบิดเข้าไปภายในลานจอดรถใต้ดินหมายปลิดชีวิต
การ ปะทะภายในลานจอดรถใต้ดินเกิดขึ้นรอบสอง แต่คราวนี้ผู้กล้าต้องรักษาระยะห่าง “มีการโยนระเบิดเข้ามาหลายลูก ควันโขมงทั่วลานจอดรถ สะเก็ดระเบิดตกไปโดนรถยนต์เสียหาย กระโปรงรถเป็นรูพรุน ถึงตอนนั้นจำเป็นต้องหลบข้างเสา มีลูกน้อง รปภ. ผมอีก 3 คน เข้ามาช่วยตะโกนบอกว่า ให้หัวหน้าถอยก่อน สถานการณ์ไม่ปลอดภัย ในที่สุดพวกเราต้องถอยร่น ซึ่งก็เป็นจังหวะที่นักรบชุดดำรุกคืบเข้ามา ทุบกระจกรถยนต์เสียหายไปหลายคัน ก่อนค้นเอาทรัพย์สินในรถผู้บริหารไปด้วย”
หลัง จากนั้นมีความพยายามจากกลุ่มคนเสื้อแดง 50-60 คน ทุบกระจกและนำถังแก๊สเข้าไปภายในอาคาร ฝ่าย รปภ. ที่อยู่ในความควบคุมของไพรวรรณกว่า 40 ชีวิต พยายามผลักดันอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามมีทั้งอาวุธปืน ระเบิด ทำให้ต้องระวังตัว ขณะเดียวกันยังมีอีกภารกิจด่วนต้องรีบลำเลียงแม่บ้าน คนงานที่ติดอยู่ในอาคารเซ็นทรัลเวิลด์อีกกว่า 300 ชีวิต ออกไปตามเส้นทางเชื่อมต่อสยามพารากอน ทุกคนได้รับการคุ้มครองออกจากพื้นที่ด้วยความปลอดภัย ไม่ตกเป็นเหยื่ออารมณ์ของกลุ่มนักรบชุดดำ
“เจ้า นายบอกว่าต้องช่วยกันผลักดัน คุ้มครองความปลอดภัยเซ็นทรัลเวิลด์ แต่ถ้าไม่ไหวให้ออกไปก่อน เจ้านายมาดูแล้วเห็นว่า รปภ. ไม่เพียงพอ กลุ่มผู้ชุมนุมเยอะ ต่อต้านไม่ไหว ถ้าต่อต้านแล้วเอาไม่อยู่ก็ต้องเซฟชีวิต
เจ้า นายเคยย้ำอย่าไปทะเลาะเบาะแว้งกับเขา ขนาดไม่ทะเลาะก็ทำถึงขนาดนี้ ฝ่ายอาคารเสียหายขนาดไหนซ่อมแซมได้ เอาชีวิตไว้ก่อน พวกผมเอาไม่อยู่จริงๆ” ไพรวรรณ ยอมรับสภาพที่เกิดขึ้น
หัวหน้า รปภ. ที่ต้องกินนอนร่วมกับลูกน้องตลอดช่วงกลุ่มคนเสื้อแดงปักหลักชุมนุมร่วมสองเดือน ทิ้งท้ายว่า “เสียใจมากที่คนไทยทำกันแบบนี้ มันไม่ใช่ต่างประเทศมาสู้กับเรา แต่นี่คนไทยต่อสู้กับคนไทยด้วยกันเอง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล นปช. จะเอาอย่างไร ก็ไม่อยากให้คนไม่รู้เรื่องต้องพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย”
วันนี้ ไพรวรรณและลูกน้องในชุดเครื่องแบบเชิ้ตขาวกางเกงดำ ยังปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยเซ็นทรัลเวิลด์อย่างแข็งขันต่อไป แม้สภาพตึกต้องพังพินาศไปด้วยน้ำมือคนไทยเช่นเดียวกับเขา และหวังว่าอาชีพการรักษาความปลอดภัยต่อจากนี้คงไม่ต้องมาเผชิญความเลว ร้ายอย่างที่เกิดขึ้นกับเซ็นทรัลเวิลด์อีก
นี่เป็นหนึ่งในอีกหลายเหตุการณ์ที่ติดตาประชาชน เวียนว่ายมาบรรจบครบสองปี
๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“ไพรวรรณ รุนนอก” หัวหน้า รปภ.ประจำโซนเซ็นทรัลเวิลด์