“ศิริโชค”สวน “เรืองไกร”ยับแจงยิบปมซุกหนี้ยันแจงป.ป.ช.แล้ว ตอกหน้าพร้อมให้ความร่วมมือองค์กรอิสระ
วันนี้ (14 ม.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แถลงชี้แจงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ว.สรรหา ยื่นเรื่องต่อประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อให้ตรวจสอบว่าจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ อันเป็นการขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 263 หรือไม่ว่า นายเรืองไกรเข้าใจผิด เพราะได้ข้อมูลเอกสารไม่ครบถ้วน และเป็นการวิเคราะห์โดยไม่ได้อยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง ตนเคยชี้แจงผ่านสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 20ก.ค.54 ว่ากรณีหนี้จำนวน 119,233,696.10 บาท เมื่อบริษัทถูกฟ้องล้มละลาย ตนในฐานะผู้ค้ำประกันได้เจรจาปรับโครงสร้างหนี้หลักกับกองทุนรวมไทยรีสตรัคเจอริ่ง โดยมีธนาคารเกียรตินาคิน เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ พร้อมนำทรัพย์สินออกมาขายทอดตลาดให้บุคคลภายนอก เพื่อเป็นการชำระหนี้ตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ทำให้ภาระการค้ำประกันหมดไป ดังนั้นการกล่าวหาว่าตนชำระหนี้หมดเพราะมีผลประโยชน์นั้นไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ได้ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้เมื่อวันที่ 27ส.ค.2551 เป็นช่วงเวลาก่อนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีมารับตำแหน่งในเดือนธ.ค.2551 และตนได้แนบเอกสารให้กับ ป.ป.ช. ถึงรายละเอียดการปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าว ซึ่งนายเรืองไกร ไม่ได้เห็นเอกสารนี้ จะเห็นเฉพาะใบปะหน้าที่ได้มีการลงในอินเตอร์เน็ตเท่านั้น ก็เลยทำให้การวิเคราะห์ผิดพลาดกล่าวหาว่าตนซุกหนี้ ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
นายศิริโชค กล่าวต่อว่า กรณีหนี้ตามสัญญาฉบับลงวันที่ 8 มิ.ย.2554 สัญญาเลขที่บสท.0682/2554 เป็นหนี้ที่เกิดจากการค้ำประกันและยังไม่มีการฟ้องร้องผู้ค้ำประกันเพื่อบังคับให้ชำระหนี้ จึงไม่สามารถลงบัญชีหนี้สินว่าเป็นหนี้ได้ ซึ่งหนี้จากการค้ำประกันดังกล่าวได้ชำระหนี้เป็นเงินสดครบแล้ว โดยการนำที่ดินในกรุงเทพฯ ของลูกหนี้ออกมาขาย เพื่อชำระให้กับตนในฐานะผู้ค้ำประกัน พร้อมโอนที่ดินบางส่วนชำระหนี้ ซึ่งเป็นภาระหน้าที่ของบริษัทฯที่เข้ามาซื้อที่ดิน ตามสัญญาซื้อขายที่ดินลงวันที่2มิ.ย.2555 ทำให้ไม่มีภาระหนี้สินในส่วนของตนที่ต้องมาลงในบัญชีหนี้สินที่ต้องยื่นต่อ ปปช. ซึ่งนายเรืองไกร ได้แต่อ่านข้อความในสัญญาที่ระบุว่าเป็นการผ่อน แต่หารู้ไม่ว่าได้มีการชำระหนี้ตามที่ได้ระบุไว้ข้างต้นเป็นที่เรียบร้อย จึงทำให้วิเคราะห์ผิดพลาด เพราะรีบร้อนมุ่งหวังที่จะนำมาเป็นประเด็นทางการเมือง ในฐานะที่ตนเป็นนักการเมืองพร้อมได้รับการตรวจสอบและให้ความร่วมมือกับหน่วยงานอิสระในการตรวจสอบอย่างเต็มที่
ไปขุดทำไมวะ........เรื่องศิริโชค.....นักการเมืองแบเบาะแบบนี้....
มันมีเครดิต.....อะไรให้เมิงไปขุดวะ..........
ทำให้มันมีกระแส...........เดี๋ยวมันก็ยิ่งดังสิวะ..................
โน่นเมิงต้องไปเล่น.....มาร์ค....เทือก....โน่น.......
มันเป๋.....จนจะลงหลุมแล้ว............ไปซ้ำมันสิ...โง่จริงจริง.......
เรืองไกร.....ไอ้นี่..........เลี้ยงเสียข้าวสุก........................